เบียดบังของสงฆ์ลงนรกอเวจี‏

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย TUK2800, 10 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. TUK2800

    TUK2800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    1,766
    ค่าพลัง:
    +1,161
    เบียดบังของสงฆ์ลงนรกอเวจี‏



    " มีพระราชาองค์หนึ่งมีพระราชโอรส ๔ พระองค์ พระราชามีความเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและลูกชายก็เลื่อมใส ด้วย เวลาที่พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระพุทธสาวกมาพักในพระราชนิเวศน์เขตพระราชฐาน พระราชโอรสทั้ง ๔ พระองค์ก็เลี้ยงดูพระด้วยความเลื่อมใส แต่งานเลี้ยงพระเป็นงานใหญ่เพราะพระที่ติดตามพระพุทธเจ้ามีจำนวนมาก การเลี้ยงพระจึงเป็นงานหนัก ฉะนั้นจัดงานเลี้ยง จัดเงินในพระคลังออกมาจับจ่ายใช้สอยเลี้ยงพระคนของพระ ต่อมา นาย เสมียนเห็นว่าถ้าได้ญาติของเรามาช่วยในการนี้จะดีมาก ความจริงนายเสมียนนั้นเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ไม่คิดคดโกง แต่บรรดาญาติทั้งหลายในตอนต้นก็ช่วยงานด้วยดี
    ด้วยความซื่อสัตย์บริสุทธิ์ พอนาน ๆ เข้าก็คิดว่าเรื่องบาปบุญคุณโทษ ประโยชน์มิใช่ประโยชน์ที่พระพุทธเจ้าเทศน์ไม่มีความหลาย นรกสวรรค์อยู่ที่ไหนมองไม่เห็น คนตายแล้วก้แล้วกันไป แต่เวลาที่มีชีวิตอยู่นี้ให้มันมีความสบายก้แล้วกัน ตัวมิจฉาทิฏฐิมันเกิด ก็เริ่มจัดการตามระเบียบ เงินที่ให้มาเลี้ยงพระก็กันเข้ากระเป๋าเสียบ้าง ของซื้อมา ๑๐ ชิ้นก็แจ้งว่าซื้อมา ๕ ชิ้น ของราคา ๑ บาทก็มาแจ้งว่าราคา ๒ บาท เวลาทำของให้พระ ของดีรสอร่อยก้กินเสียก่อนบ้าง ให้ลูกหลานกินก่อนบ้าง กีดกันเอาของพระไปไว้บ้านบ้าง ทำมาแบบนี้เป็นปกติ เป็นอันรู้กันว่าทุจริต คดโกงของสงฆ์




    เมื่อบุคคลมั้งหลายเหล่านี้ตาย นายเสมียนไปเกิดเป็นเทวดา บรรดาญาติทั้งหลายเหล่านั้นไปสู่อเวจีมหานรกสิ้นระยะเวลากัปหนึ่ง เมื่อพ้นจากอเวจีมหานรกแล้วผ่านนรกบริวาร ๔ ขุม และ ก็มายมโลกียนรกอีก ๑๐ ขุม นรกมีกี่ขุมลงหมด พ้นจากนรก ๑๐ ขุม นรกมีขุมลงหมด พ้นจากนรก ๑๐ ขุมแล้วก็มาเป็นเปรตอีก ๑๒ จำพวก เปรต ๑๑ จำพวกไม่มีโอกาสจะโทมนาส่วนกุศล

    พอมาถึงเปรตระดับที่ ๑๒ คือ ปรทัตตูปชีวีเปรต พวกนี้มีกรรมไม่มาก ไม่มีหนอนกินไม่มีไฟไหม้ ไม่มีหอกเสียบแทง แต่ทว่าต้องเดินหิวหาอะไรกินไม่ได้ รออย่างเดียว คือใครเขาจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บ้าง ถ้าได้รับการโมทนาก็มีความสบาย ถ้าที่ไหนทำบุญแล้วไม่ได้บุญเปรตพวกนี้ก็ไม่ไปล้อมอยู่ ถ้าใครทำบุญแล้วเป็นเปตรพวกนี้จะไปยืนล้อมอยู่สะพรั่งรอบ ๆ บริเวณนั้น คอยโอกาสที่ได้รับโมทนา
    ปรทัตตูปชีวิเปรตที่เป็นญาติของพระเจ้าพิมสารนั้นท่องเที่ยวมานานหลายกัป ได้เข้าไปหาพระพุทธเจ้ากราบทูลว่า
    " ข้าพระพุทธเจ้าอดข้าวอดน้ำมานานเหลือเกินแล้ว เวลานี้เห็นข้าวของกองไว้ พอจะกินเข้าไปมันก็เป็นแกลบแล้วมีไฟลุก เห็นน้ำอยากน้ำพอวิ่งเข้าไปจะกินน้ำ น้ำก็แห้งกลายเป็นแกลบและเป็นไฟลุกกินไม่ได้ เมื่อไรข้าพระพุทธเจ้าจะมีข้าวมีน้ำกินกับเขาสักที "

    ความจริงบุญของพระพุทธเจ้าเหลือหลาย ถ้าจะช่วยก็เหลือที่จะช่วยได้ แต่ว่าอำนาจของกรรมบังคับ เปรตพวกนี้จึงยังไม่มีโอกาสจะได้โมทนาส่วนกศล พระองค์ก็ต้องทรงอุเบกขาและทรงทราบด้วยอำนาจพระพุทธญาณว่าอีก ๙๑ กัป จะมีพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งมีพระนามว่า " สมเด็จพระสมณโคดม" ทรงอุบัติขึ้นในโลก และญาติของเปรตทั้งหลายเหล่านี้ที่เป็นนายเสมียนกำลังเป็นเทดาอยู่ จะกลับลงเกิดเป็นพระราชามีพระนามว่า " พระเจ้าพิมพิสาร " ในประเทศมคธ จะเป็นผู้อุปถัมภ์ของพระพุทธเจ้าและเป็นพระสหายกันมาก่อน เมื่อพระ เจ้าพิมพิสารทำบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลให้กับเปรตทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อโมทนาแล้วก็จะพ้นจากความเป็นเปรตไปเกิดเป็นเทดา เมื่อเปรตทั้งหลายทราบจากองค์องค์สมเด็จพระประทีปแก้วว่าอีก ๙๑ กัปจะได้กินข้าวกินน้ำมีความความสุขก็ดีใจ มีความรู้สึกคล้าย ๆ กับว่าเวลา ๙๑ กัปเป็นวันพรุ้งนี้
    ต่อมาเมื่อสมเด็จสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระนามว่า " สมเด็จพระสมณโคดม " ทรงอุบัติขึ้นในโลก และ พระ เจ้าพิมพิสาร มีความเลื่อมใสนิมนต์พระพุทธเจ้ามาประทับที่พระเวฬวันมหาวิหารสร้างวัดถวาย เป็นวัดแรกในพระพุทธศาสนา และก็เลี้ยงดูพระตลอดเวลาแต่ไม่เคยอุทิศส่วนกุศลไม่เคยกรวดน้ำ บรรดาเปรตทั้งหลายเหล่านี้ไปยืนคอยในบริเวณเขตพระราชฐานของพระเจ้าพิมพิสาร ทุกวัน ไม่เห็นให้สักที หนักเข้า ๆ ทนไม่ไหวก็เลยส่งเสียงร้องให้ปรากฏในคืนหนึ่งที่พระเจ้าพิมพิสารจะเข้านอนใน ห้องบรรทม พระเจ้าพิมพิสารก็แปลกใจ ในตอนเช้าท่านไปเฝ้าพระพุทธเจ้าเช้าไปกราบทูลให้ทรงทราบ
    องค์สมเด็จพระจอมไตรก็ตรัสว่า " เสียงนั้นเป็นเสียงเปรตญาติของพระองค์ "

    และทรงเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่ผ่านมาในอดีตให้ฟังโดยละเอียด พระเจ้าพิมพิสารก็มีความสงสารจึงนิมนต์พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสาวกทั้งหลาย ประมาณ ๕๐๐ รูป ที่อยู่ในพระเชตวันมหาวิหารเข้าไปฉันในพระราชนิเวศน์ พอพระฉันเสร็จพระเจ้าพิมพสารก็กรวดน้ำตามพิธีของพราหมณ์ จะให้อะไรใครต้องเอาน้ำราดลงไปแสดงถึงการให้
    แต่ตามแบบฉบับของพระพุทธศาสนาการกรวดน้ำท่านเรียกอุทิศ " อุทิศ " แปลว่า " เจาะจงเฉพาะ "คือบุญนี้เรามีเจตนาส่งไปให้เจาะจงคนนั้น คนนี้ ไม่ต้องใช้น้ำก็ได้ บรรดาเปรตทั้งหลายเมื่อได้รับโมทนาแล้ว อัตภาพแห่งความเป็นเปตรซีดเซียวก็หมดไปมีอาการผ่องใส มีความอิ่มเอิบ มีควาวมสุขความสบาย มีร่างกายสวยเหมือนเทวดา

    แต่ทว่าเปรตทั้งหลายเหล่านี้ในชาติก่อนไม่เคยถวายผ้า ไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนา เมื่อได้รับโมทนาแล้วร่างกายเป็นเทวดาแต่ไม่มีผ้านุ่ง ไม่มีเสื้อใส่ ก็มีความลำบากใจ ตอนกลางคืนก็เข้าไปหาพระเจ้าพิมพิสาร คราวนี้ไม่ร้องแต่ไปยืนให้เห็นร่างกายสดสวยงามแต่ไม่มีอะไรปิดกายเลย พอตอนเช้าพระเจ้าพิมพิสารก็ไปกราบทูลถามพระพุทธเจ้า พระองค์ตรัสว่า
    " ไม่ใช่ใครเป็นเปรตพวกเดิม ได้รับโมทนาแล้วมีความสุขมีกายเป็นเทวดา แต่ขาดเสื้อผ้าเครื่องประดับเพราะว่าชาติก่อนไม่เคยบำเพ็ญกุศลเรื่องผ้าผ่อน สไบไว้ในพระพุทธศาสนา "
    และทรงให้พระเจ้าพิมพิสารถวายผ้าแก่พระสงฆ์ ท่านจึงถวายผ้าหมดทั้งวัด ถวายอาหารใหม่แล้วอุทิศส่วนกุศลให้ บรรดา เทวดาที่มาจากเปรตทั้งหลายเมื่อได้รับโมทนาก็มีเครื่องประดับอันเป็นทิพย์ นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาบรรดาเปรตทั้งหลายเหล่านั้นก็ไม่รบกวนพระเจ้า พิมพิสารอีกเลย

    เวลานี้พวกทายกที่ชอบเอาของดี ๆ ถวายพระพุทธรูปมาก ๆ เวลาพระฉันเสร็จแล้วจะได้เอามากินกัน บางรายก็ยกของที่เขาถวายพระเข้าบ้าน บรรดาพุทธบริษัทจงจำไว้ว่าของสงฆ์ สมบัตินิดหนึ่งแม้จะเป็นก้อนอิฐนิดหนึ่ง กระเบื้องหัก ๆ ก้อนหนึ่งก็ตาม ถ้าเราถือไปเข้าบ้านอย่างนี้เป็นอาการขโมยของสงฆ์ ลูกหมากรากไม้ที่อยู่ในวัดเราจะไปขอพระขอเด็กวัดไม่ได้ เพราะเป็นของสงฆ์ สงฆ์ต้องประชุมกัน เมื่อประชุมกันแล้วตกลงกันว่าอย่างไรก็ต้องปฏิบัติไปตามนั้น จะขายหรือให้ใครต้องปฏิบัติตามนั้น แม้แต่ดอกไม้บูชาพระก็เหมือนกัน ถ้าท่านผู้ปลูกยังมีชีวิตขอเฉพาะท่านได้ แต่ถ้าท่านผู้ปลูกตายไปแล้วหรือสึกไปแล้ว อันนี้เป็นของสงฆ์ ต้องเป็นเรื่องของสงฆ์วิมินฉัยไม่ใช่พระองค์ใดองค์หนึ่งเป็นผู้ให้ หรือไปขอกับเด็กวัด อันนี้ไม่ถูกต้อง ถ้าทำลงไปตายแล้วก็ไปอเวจีมหานรก ฉะนั้น เรื่องของสงฆ์นี่ต้องระวังให้มาก คนที่ลงอเวจีมหานรกมันเป็นของไม่ยาก....

    --
    สว่างตา ด้วยแสงไฟ สว่างใจ ด้วยแสงธรรม
    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ

    สรณะอื่น ไม่มี ชีวิตนี้เพื่อพระรัตนตรัย
    ธรรมะสวัสดี
    _____________



    ที่มา : http://www.tamdee.net/db/forum_posts.asp?TID=1317
     
  2. Omjai_N

    Omjai_N เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +174
    อนุโมทนา สาธุ เรื่องจริงๆนะ ควรระวังการกระทำให้ดี บางคนอาจบอกว่า ไม่รู้ ไม่ตั้งใจ แต่นั่นแหละบาปนะ
     
  3. DD.

    DD. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    556
    ค่าพลัง:
    +103
    อนุโมทนาสาธุด้วยครับ

    ------------------------------------------
    พุทโธ...พุทโธ...ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส
     
  4. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    ทุกวันนี้เรื่องการเบียดบังเอาของบริจาค ไม่ว่าจะเป็นของสงฆ์หรือไม่ก็ตาม ยังมีปรากฏอยู่ในหลายๆที่ คนเหล่านี้ก็ยังเห็นผิดเป็นชอบ คิดว่าการทำแบบนี้ไม่ให้ผลอะไร
    กว่าจะรู้ตัวก็ต้องลงนรกไปแล้วจึงจะสำนึกได้
    ขอให้ท่านที่คิดจะทำหรือว่าทำแบบนี้อยู่ก็ให้ได้มาอ่านและเข้าใจกับเรื่องนี้เถิด
    โมทนากับเจ้าของกระทู้
     
  5. sitbudda

    sitbudda สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2009
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +18
    อนุโมทนาค่ะ เท่าที่ทราบถึงแม้พระท่านอนุญาตแล้วก็ยังผิดค่ะ
     
  6. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    หากพระรูปใดรูปหนึ่งอนุญาตนี่ยังผิด แต่หากว่าพระทุกรูปในวัดอนุญาต ก็เอาไปได้ อย่างผลไม้ในวัดบางนมโค หลวงพ่อปานท่านซื้อไว้ทุกปีเอาไว้ให้ญาติโยมกินได้แบบไม่มีโทษ แล้วก็ให้พระในวัดทุกรูปโมทนา เป็นอันว่าถือว่าพระทุกรูป เห็นด้วยแล้วก็ไม่ผิด แต่หากทำโดยพระรูปใดรูปหนึ่ง ถือว่ายังไม่ใช่การอนุญาตที่แท้จริง พระที่บอกอนุญาตแบบนั้นก็ต้องลงนรกไปด้วย
     
  7. กระติ๊บ

    กระติ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    672
    ค่าพลัง:
    +939
    มีญาติของแฟนนะคะ เอากับข้าววัดมากินทุกวันเลย รู้ว่าเป็นของวัดก็ยังกิน อาผู้หญิงเค้าไปเอามาจ่ายแจกกันในบ้านทุกวัน กาแฟนี่ก็ใช่ วันก่อนไปเอาทีวีมา พระท่านก็ให้ (พระทั้งวัดหรือไม่ก็ไม่ทราบ) อย่างนี้อยากจะถามว่า อย่างนี้โดนกันทั้งบ้านเลยใช่ไหมเนี่ย แล้วแก้ไขได้ไหม สำหรับคนที่ไม่รู้แล้วไปกินนี่ก็โดนด้วยใช่ไหมคะ
     
  8. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    อาหารทีพระฉันแล้วเหลือจากที่ฉัน พระอนุญาตให้มากินกัน อย่างนี้กินได้ไม่ผิด หลวงพ่อฤๅษีลิงดำบอกไว้ ของกินทั้งหลายๆเหลือๆที่พระอนุญาตแล้วนี่กินได้ ไม่ผิดอะไร แต่ว่าอย่าเอามาก่อนที่อนุญาตแล้วกัน
    อย่างพวกที่จัดอาหารไปบูชาพระพุทธรูปแล้วเลือกจัดอาหารดีๆเพื่อตนจะได้นำมากิน แบบนี้ก็ผิดแน่ แล้วการยกอาหารที่บูชาพระมากินต้องให้พระสงฆ์อนุญาตก่อน ส่วนทีวี อะไรนี่เป็นของส่วนรวม หากนำมาน่าจะผิด

    วิธีแก้ก็ขอขมาพระรัตนตรัยแล้วชำระหนี้สงฆ์
     
  9. กระติ๊บ

    กระติ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    672
    ค่าพลัง:
    +939
    ขอบพระคุณค่ะ
     
  10. เสวกะ

    เสวกะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2009
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +53
    ขอบคุณครับ
     
  11. TJ69

    TJ69 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    436
    ค่าพลัง:
    +152
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ
    _________________________

    " ความสุขคือการให้ มิใช่การครอบครอง "
     

แชร์หน้านี้

Loading...