หมออิตาลีอ้างประสบความสำเร็จโคลนนิงเด็ก3คน!!

​

เอเอฟพี - แพทย์ชาวอิตาลีรายหนึ่งซึ่งคิดค้นแนวทางช่วยเหลือผู้หญิงหมดระดูให้สามารถมีบุตรได้ อ้างในให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ว่าเขาได้โคลนนิงเด็ก 3 คน ซึ่งตอนนี้อาศัยอยู่ในยุโรปตะวันออก


"ผมได้ช่วยเหลือการให้กำเนิดเด็ก 3 คน ด้วยเทคนิคโคลนนิงมนุษย์" เซเวริโน อันติโนรี นรีแพทย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังให้สัมภาษณ์กับ Oggi หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์

"มันเกี่ยวพันกับเด็กชาย 2 คนและเด็กหญิง 1 คน ซึ่งตอนนี้อายุ 9 ปีแล้ว พวกเขาคลอดออกมาในสุขภาพที่สมบูรณ์และตอนนี้พวกเขามีสุขภาพที่ยอดเยี่ยมมาก"

อันติโนรี ไม่ได้ให้รายละเอียดข้อพิสูจน์คำกล่าวอ้างของเขา เพียงแต่บอกว่าได้ใช้เซลล์สืบพันธุ์จากชาย 3 คน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นหมันในปฏิบัติการโคลนนิงครั้งนี้

จากนั้นเซลล์รังไข่ของผู้หญิงจะถูกนำไปปฏิสนธิในห้องทดลองผ่านวิธีที่เรียกว่า "การย้ายฝากนิวเคลียส" เขากล่าว

อันติโนรี ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังหลังจากช่วยให้ผู้หญิงวัย 63 ปีรายหนึ่งสามารถมีบุตรได้ในปี 1994 กล่าวว่า "ด้วยความเคารพต่อสิทธิส่วนบุคคลของครอบครัว" จึงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมได้มากกว่านี้

เขากล่าวต่อว่าวิธีการที่ใช้ได้รับการพัฒนามาจากเทคนิคที่ใช้โคลนนิงแกะดอลลีในปี 1996

เมื่อถูกผู้สื่อข่าวเตือนถึงข้อห้ามการโคลนนิงลักษณะนี้ในสังคมเคร่งครัดแคทอลิกของอิตาลี แพทย์รายนี้บอกว่าเขาอยากพูดถึงการเปลี่ยนแปลงด้านอายุรเวทหรือกำเนิดพันธุกรรมใหม่มากกว่าการโคลนนิง

เมื่อสองสัปดาห์ก่อน อันติโนรี ได้จุดประเด็นโต้เถึยงขึ้นในอิตาลี หลังแถลงว่าเขาจะผสมเทียมให้กับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งสามีกำลังอยู่ในอาการโคมาจากอาการเนื้องอกในสมอง




http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9520000024559

 

มนุษย์...มักจะฟืนชะตากรรมเสมอเลยนะ

 

ถึงทำได้ก็เป็นจิตคนละดวง นิสัยไม่เหมือนต้นฉบับหรอก

 

ขอบคุณครับ

 

ทำไปทำไมเนี่ย ประชากรโลกก้อมากพออยู่แล้ว

เฮ้ออออออออออ

 

คอยดูดิ อีกหน่อย จะมีการ ตัดแต่งพันธุกรรม มนุษย์

โรคกรรมพันธุ์ จะหายไป

ผิวแบบไหน สีอะไร ตาสีอะไร ผม สีอะไร รูปร่างแบบไหน

แถมยัง แก่ยากส์ ตายช้า อายุอายืน ถึง หมื่นปี ๆๆๆ ก็ได้ ใครจะรู้

 

ก็ดีแล้วครับ นายแพมย์เขาอาจจะต้องการช่วยเหลือ ผู้มีบุตรยาก หรือไม่มีบุตร

แล้วต้องการจะมี ส่วนคนที่เกิดมาก็ไม่แปลก เพราะ การเกิดของสิ่งมีชีวิต

มีลักษณะการเกิดหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับกรรมและวาระ

อย่างไรเสีย เกิดแบบใด ก็ต้องมา ชดใช้กรรมเก่า และ สร้างกำใหม่ด้วยกันทั้งสิ้น

ผมว่าไม่มีใครฝีนกรรมได้นะครับ ที่เขาโคลนนิงได้เนี่ย ตามกรรมที่ควรจะเป็นเลยมิใช่ฝืน

ต่อให้ช่วยคนที่ตายแล้วฟื้น ก็ไม่เรียกว่าฝืนกรรม เพราะกรรมต่างหากที่ทำให้เราฟื้น

ไม่ใช่หมอ หมอเป็นเพียงส่วนประกอบ ที่ทำให้กรรมนั้นสำเร็จผล

หากจะฝืนกรรมจริงๆ ต้องลองตกนรกดู

แล้วลองหนีออกมาจากนรก ถ้าหนีได้นั่นคงคือการฝืนกรรมที่แท้จริง

หรือใครจะไปยืนให้รถชนแล้วบอกว่า ก็หนีจากโลกมนุษย์คือฝืนกรรมเหมือนกัน

นั่นก็ไม่ใช่ นั่นแหละกรรมลิขิต

ไม่มีใครฝืนกรรมได้นะครับ

ทั้งๆที่ก็อยากจะฝืนกัน

 

ผมเห็นด้วยมากๆ อ่ะครับ

อนาคตอาจจะมีมากกว่านี้ โดยเฉพาะตัดแต่งพันธุกรรม

 

ไม่น่าจะเป็นการฝืนธรรมชาตินะ แต่ผมมองว่าเป็นการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ถ้าจะมองเป็นการฝืนธรรมชาติ ก็จะไม่มีสิ่งสร้างสรรค์ใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกสิ่งในสมัยนี้ โทรศัพย์มือถือ รถยนต์ เครื่องบิน คุณจะบอกว่าสิ่งที่ช่วยให้เกิดการพัฒนาเหล่านี้ เป็นการฝืนธรรมชาติเหรอครับ
หลายสิ่งหลายอย่าง ที่มนุษย์คิดค้นขึ้นก็เพื่อนช่วยเหลือโลก ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
เช่น นิวเคลียร์ใครว่าไม่ดี ผมขอให้ไปศึกษาพลังงานปรมณูเพื่อสันติ นำพลังงานปรมณูมาใช้เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิง(น้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติ-ถ่านหิน-ตัดไม้ทำลายป่าสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้า) ทุกอย่างที่ทำเพื่อโลกให้โลกอยู่ได้อีกนานๆเป็นการฝืนธรรมชาติเหรอครับ หรือจะให้ งอมือ งอเท้า รอจุดจบอย่างเดียวไม่ดิ้นรนอะไรเลยเหรอ ของขวัญจากธรรมชาติที่มอบให้มนุษย์มาคือสัญชาติญาณ แห่งการดิ้นรนเอาตัวรอด ลองคิดใหม่ในมุมกลับดูนะครับ