รวมภาพพระบรมธาตุและพระอรหันตธาตุต่างๆเพื่อการศึกษา

มรดกตกทอด อัฐิ หลวงปู่พิมมาลัย ว.หุบมะกล่ำ จ.ราชบุรี

อัฐิหลวงปู่พิมมาลัย ว.หุบมะกล่ำ จ.ราชบุรี (เจ้าตำลับ เข็มทองวิ่งได้ครับ)

 

อัฐิครูบาอินตา วัดห้วยไซร จ.ลำพูน

เป็นอัฐิส่วน กระโหลก ข้อนิ้วมือ และข้อขาครับ

 

ฟันและอัฐิธาตุหลวงปู่ขาน ฐานวโร ว.ป่าบ้านเหล่า จ.เชียงราย

ฟันดิบ และฟันที่เผาแล้ว รวมถึงพระธาตุที่แปล รวมไปถึงอัฐิธาตุของหลวงปู่ขานครับ

 

วันนี้เอาแค่นี้ก่อนเน้อ เดี่ยวพรุ้งนี้ค่อยมาใหม่เน้อ ดูแล้วอย่ายึดติด แต่ให้ติดยึดเน้อ เฮ้ยไม่ช๊ายยยย ดูแล้วเอาไว้ปลงว่า มีมากก็เท่ามีน้อย มีน้อยก็เท่ามีมาก เพราะก็แค่คำว่ามีครับ
มีก็ต้องดูแลรักษา ไม่มีก็อยากจะมีไว้รักษา แต่ถ้าไม่คิดที่จะมีเลยเบาสบายใจดีครับ แต่ที่มีก็เพราะว่ามีครับ...คิดม๊ายออกว่าจะพูดอะไรต่อ ....โมทนาที่ติดตามกันนะครับสาธุ

 

กราบครูบาอาจารย์ด้วยความเคารพ

 

หลวงปู่ลี วัดเหวลึก อ.สว่างแดนดิน สกลนคร

พระธาตุหลวงปู่ลี วัดเหวลึก อ.สว่างแดนดิน สกลนคร สังเกตุว่าจะมีพระธาตุอยู่ 3 องค์ที่แปลจากอังคารธาตุ มีลักษณะคล้ายพระบรมสารีริกธาตุวรรณะเมล็ดพันธ์ผักกาด (มือสั่นไปหน๋อย ภาพเลยขาดความคมชัดไปบ้าง ต้องขออภัยครับ)

 

คั่นเรื่องราวสักหน๋อยครับ

พระสยามเทวาธิราช แกะสลักจากไม้ เก่ามาก แต่มาลงทองใหม่ คนสมัยก่อนแกะสลักได้ละเอียดใช้ได้เลยครับ องค์จริงๆดูขลังกว่ารูปถ่ายครับ เห็นว่าศิลปะดีเลยนำมาลงให้ดูกันเพลินๆครับ เป็นมรดกตกทอดครับ

 

ธันตธาตุ หลวงพ่อสนธิ์ อนาลโย วัดพุทธบูชา แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ

ธันตธาตุ หลวงพ่อสนธิ์ อนาลโย วัดพุทธบูชา แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ

ได้มานานมากแล้วครับ สมัยที่หลวงพ่อท่านอยู่วัดบรมนิวาส ได้จากพระอุปัฐฎากของท่านครับ ท่านเป็นพระที่เมตตามากๆ เย็นจริงๆ ธันตธาตุของท่านตรงส่วนรากฟันเริ่มใสขึ้นแล้วครับ


(ธรรมอันใดที่กล่าวออกมาจากโอษของพระผู้ทรงศีล ข้าพเจ้าขอกกล่าวอนุโมทนาสาธุในธรรมอันนั้น)

 

หลวงปู่คำผอง กุสลธโร วัดป่าผาแด่น จังหวัดเชียงใหม่

อัฐิหลวงปู่คำผอง กุสลธโร วัดป่าผาแด่น จังหวัดเชียงใหม่

 

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์

อัฐิส่วนกระโหลก และจีวร หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์

 

หลวงพ่อทอง วัดจักรวรรดิ์(วัดสามปลื้ม) กรุงเทพฯ

อัฐิธาตุ หลวงพ่อทอง วัดจักรวรรดิ์(วัดสามปลื้ม) กรุงเทพฯ

 

ข่าวดี ข่าวด่วน สำหรับผู้ที่เคารพครูบาอาจารย์สายพระป่าครับ

หลังจากที่กระผมลงกระทู้เรื่องราว ประวัติหลวงปู่อุดม ญาณรโต วัดป่าสถิตธรรมวนาราม อ.พระเจริญ จ.หนองคาย ซึ่งหลวงปู่ท่านเป็นพระที่มีความเมตตา หาประมาณมิได้ ใครเจอท่านส่วนมากได้รับความประทับใจไม่รู้ลืม ด้วยปฏิปทาอันน่าเลื่อมใสขององค์ท่าน และท่านเป็นพระพูดน้อย ท่านมีอะไรก็มักจะแจกจนหมดตัว (สละออกหมด)
หลังจากที่ผมลงเรื่องราวและประวัติ เพื่อที่จะให้เพื่อนชาวกัลยาณมิตรได้ร่วมสร้างกุศล หล่อรูปเหมือนหลวงปู่อุดม ญาณรโตแล้ว ปรากฏว่ามีคุณหมอชัยวัฒน์ และคุณริน ภรรยาคุณหมอ เป็นตัวตั้งตัวตี รวมไปถึงท่านผู้ใจบุญทั้งหลาย ร่วมด้วยช่วยกัน สุดท้ายก็สำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น โดยใช้ช่างหล่อ โรงหล่อแหลมสิงห์ ที่จังหวัด ปทุมธานี โดยคุณแหลมสิงห์ ก็ได้มีความกรุณาต่อทางวัดป่าสถิตธรรมวนารามเป็นอันมาก โดยคิดค่าหล่อให้แบบกันเองจริงๆ และได้เป็นที่เสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย
กระผมจึงใคร่อยากจะเชิญเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ ผู้ใคร่ในการบุญกุศลทั้งหลาย เชิญร่วมหล่อรูปเหมือน หลวงปู่อุดม ญาณรโต ในวันเสาร์ที่ 23 พ.ค 52 เวลา 9.00 น. ณใรงหล่อแหลมสิงห์ จ.ปทุมธานีครับ
ในงานมีครูบาอาจารย์ ที่นิมนต์มาเจริญพระพุทธมนต์ 9 รูป และมีวัตถุมงคลแจกให้สำหรับผู้ที่มาร่วมงานด้วยนะครับ (แต่ของแจกอาจจะมีไม่มากครับ ) ถ้ากัลยาณมิตรท่านใดสนใจเชิญได้เลยนะครับ เสาร์ที่ 23 พ.ค. 52 เวลา 9.00 น ณ.โรงหล่อแหลมสิงห์ จ.ปทุมธานี ครับ

 

สาธุ..............เป็นบุญตาครับพี่ ขาดพี่นี่ยังถ่อมตัวว่าเป็นเด็กๆน้องๆ แล้วน้องๆรุ่นใหญ่ของพี่จะมีเยอะแยะขนาดไหนเนาะ บรื๋อ- -*!?~

 

ดูกระทู้นี้แล้วต้องบอกว่าเป็นบุญตาครับ

ดูแล้วสบายตาได้เห็นแต่สิ่งดีๆ

เกิดความปิติครับ

 

นั้นสิ ผู้รักษาพระธาตุตัวพ่อ 5555

 

<!-- google_ad_section_end --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>


</FIELDSET>
เจดีย์สวยจังครับ เป็นหินอ่อนหรือครับ หาซื้อแถวไหนครับ พอดีชอบสะสม เจดีย์แบบต่างๆ ที่แปลกๆ ขอบคุณครับ

 

ยาวหน๋อยแต่มีความรู้ พระดีของสิงห์บุรี หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี

จริงๆแล้วผมไปงานเผาท่านนานมาแล้ว ศพท่านก็เก็บไว้นานมาก เห็นเขาว่าๆท่านไม่เน่าเปื่อยแบบคนทั่วไป ตอนไปงานเผานั้นผมนั่งมอเตอร์ไซรับจ้าง นานมากกว่าจะถึงวัด ต้องข้ามน้ำอะไรก็ไม่ทราบ เพราะตอนนั้นไปก็เย็นแล้ว จริงๆก็มิได้ตั้งใจจะไป เพราะไปทำธุรที่สิงห์บุรีเสร็จแล้ว แต่เห็นแว่วๆมาว่า มีพระดีศพก็ไม่เน่าจะเผาเย็นวันนั้น ก็เลยหลับตาพิจารณาดู ใจบอกลองไปซิ ก็เลยตามใจลองไปดู

ตอนนั้นยังไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าหลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่มเป็นใคร แต่ด้วยใจที่อยากดู อยากรู้ ก็เลยว่าจ้างมอเตอร์ไซไป เขาคิด 100 บาท จากสิงห์บุรี ส่วนไหนของจังหวัดก็จำไม่ได้แล้ว รู้แต่เขาพาข้ามเรือไปแล้วก็ขับไปตามพงหญ้าเปลี่ยวๆอีก ก่อนไปคนเขาก็ทาบทามซะดีว่า หนองสุ่มมันดงโจรเยอะ เย็นแล้วอย่าไปเลยอันตราย แต่ใจมันคิดว่าเราก็ไม่มีอะไรให้เขาถ้าเขาจะเอา มีก็ไม่กี่ร้อยถ้าอยากได้ก็เอาไป
พอมอเตอร์ไซรัดเลาะไปตามพงหญ้าก็ทะลุมาถึงหน้าวัด ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. เห็นทางเข้าวัดฝุ่นตลบ ทั้งรถ ทั้งคน เต็มทางเข้าวัดเลย คนมากมายมโหราฬ ตอนนั้นประมาณ 5-6 โมงเย็น ใกล้เผาจริงแล้ว

พอดีได้ยินผู้เฒ่าผู้แก่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆคุยกัน ดังมากเหมือนจะประท้วงกัน โดยได้ยินตามมาว่าไม่ให้เผาหลวงปู่ เพราะหลวงปู่สั่งไว้หรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ แต่ที่รู้ๆอีกไม่กี่นาทีต่อมา เสียงลูกหนูก็วิ่งไปสู่จิตาทาน ไฟได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เขาตั้งโรงหลวงปู่ไว้สูงมาก สักผักโรงก็ถูกเผาไหม้แล้วล่วงลงสู่ใต้ถุนประลัมพิธี รถดับเพลิงก้ต้องฉีดน้ำกันไม่ให้ไฟลามออกมาด้านนอกเพราะกลัวจะไปติดศาลาข้างๆ ฉีดไล่ไฟฉีดไปฉีดมา ศพท่านที่อยู่ใต้ประลัมก็เสมือนกับบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างล่างนั่นเอง ฝนก็ตกปอยๆเหมือนเทวดาอาลัยในสภาพทุลักทุเลในการเผาครั้งนี้นี่เอง

คนแก่คนเฒ่าต่างบ่นว่าไม่ควรเผากันต่างๆนาๆ เพราะเขาว่าศพก็ไม่เน่าแล้วเผาไปทำไม แต่พระที่อยู่ที่นั่นท่านบอกว่า มันลำบากคนรุ่นหลังที่จะต้องมาดูแลศพ จริงๆแล้วต้องเผา เพราะไม่อยากเอาคนตายมาเลี้ยงคนเป็นอะไรทำนองนี้แหล่ะครับ

ถ้าใครไปงานเผาหลวงพ่อพุธ ฐานิโย ว.ป่าสารวัน จ.นครราชสีมา จะนึกภาพออกเลยครับ นั่นแหล่ะปลัมที่เผาหลวงปู่จวน วัดหนองสุ่ม เป็นแบบนั้นเลย คือองค์หลวงปู่ล่วงลงไปอยู่ใต้ปลัมด่านล่าง แล้วเขาฉีดน้ำอีก มันก็เลยเละเทะไปกันใหญ่

ผลปรากฏว่าไฟก็ดับลง เพราะเขาใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง ประกอบกับฟืนเป็นเชื้อเพลิงในการเผา เมื่อไฟดับลง สห.ก็กั้นไม่ให้ประชาชนเข้าไปแย่งกระดูกกัน ส่วนกรรมการก็กระดดลงไปข้างล่างปลัม เละครับ เละเป็นโคลนอยู่ด้านล่างล่ะครับ ผมเห็นแล้วสงสารหลวงปู่จวนมากๆ ตอนนั้นชาวบ้านทุกคนโมโหมากที่ทำกับหลวงปู่ขนาดนั้น สักพักคณะกรรมการที่ลงไปเก็บอัฐิก็หยิบวัตถุชิ้นใหญ่ขึ้นมาครับ! ทุกคนหือกันใหญ่ นั่นคือร่างหลวงปู่ที่ถูกไฟเผาไหม้ไปครึ่งท่อนล่าง เหลือแต่ศพท่อนด้านบนที่ไม่ไหม้ครับ จากนั้นคณะกรรมการก็รีบนำร่างของท่านพร้อมทั้งกระดูกที่เผาแล้วเท่าที่จะเก็บได้นำใส่พานทองขนาดใหญ่แล้วนำไปไว้บนศาลาที่มีโรงแก้วของท่าน นำร่างท่านไปไว้ในนั้น ผมเห็นแล้วผมรู้สึกหดหู่เพราะศพท่านเผาไม่หมด ถ้าเป็นอย่างนี้ผมว่าไม่น่าเผาเลย แต่เข้าใจทางวัดอยู่ เพราะคาดว่าน่าจะมีกรรมการ 2 ฝั่งคือ เผา กับไม่เผา แต่ข้างเผาอาจจะมากกว่าก็เลยเป็นมติเอกฉัน

พอกรรมการนำร่างท่านออกมาจากบริเวณปลัมได้สัก 5-6 เก้า ประชาชนนับร้อยก็หือ แล้งลง รวมทั้งผมด้วย คนเป็น 10 กระโดดลงไปกลางปลัมที่มีโคลน(ขี้เถ้าอังคารที่โดนน้ำเลยกลายเป็นโคลน) ลงไปเอาถังสังฆทานตักขึ้นมา วางไว้บนทางเดิน แล้วเลือกเก็บเฉพาะอัฐิไว้ ผมเห็นแล้วสลดใจยืนนิ่งดูพวกเขาเหล่านั้น ในมือก็ไม่มีอะไรจะตัก เลยยกมือไหว้อฐิษฐานว่า ขอให้ผมได้อัฐิท่านไว้บ้างเทิด แล้วก็เดินไปดูตามกองโคลนที่เขาตักออกมาวางไว้บนทางถนนมากมายหลายร้อยกอง พอดีเหลือบไปเห็นน้าคนนึงที่กระโดดลงไปตัก แกตักให้หมู่คนที่เข้าไปขอ แกใช้ถังน้ำเล็ก(ใส่น้ำแข็ง)ตักขึ้นมาใส่มือผู้คนที่แบมือขอ ผมจึงรีบผ่าฝูงชนเข้าไปจนถึงตัวแก แล้วตะโกนบอกว่า น้าครับตักให้ผมบ้าง แกบอกไอ้หนูแบมือไว้นะ แล้วแกก็ก้มตัวลงตักโคลนเต็มกระป๋องมาให้คนก็เข้ามาแย่งกัน พอดีผมเห็นแท่งๆดำๆ คล้ายๆกระดูกท่อนๆจึงรีบแบมือคว้าไปก่อนที่จะมีผูงชนลุมกัน น้าแกบอกว่าโอโฮ้ไอหนูกระดูกชิ้นเบอเริ่มเลย ผมรีบมุดผ่าฝูงชนออกมาอย่างรวดเร็ว เพราะผู้คนเห็นท่อนที่ผมได้ก็วิ่งตามผมมา ทั้งกระดูกและโคลนที่อยู่ในมอเกือบหมด แต่ผมขอคนที่เข้ามาขอว่า
เอาที่มือผมไปแต่ขอกระดูกชิ้นนี้ไว้นะครับ คนถึงไม่กล้าเอากระดูกชิ้นนี้ไป ผมจึงไปล้างน้ำในวัดดูเป็นอัฐิชิ้นหน้าแข่งท่าน ใหญ่มากแข็งมาก เพราะเผาดิบๆยังไม่สุกดี เป็นเพราะโดนน้ำก่อนจะสุกเลยทำให้ดำครับ

พอใกล้เช้าผมมาดูตามกองขี้เถ่าที่ประชาชน ตักขึ้นมาไว้ตามทางถนนภายในวัด ผมเขี่ยๆดูก็ได้อัฐิอีกหลายชิ้นเพราะอัฐิท่านดำมาก เพราะเผาไม่หมด เวลาก็ดึกคนก็เลยมองไม่เห็น ผมนอนที่วัด 1 คืน เพราะมีพระเมตตาให้ผมนอนด้วย ผมจึงได้มาดูตอนเช้าจึงเห็นว่ามีเศษอัฐิ อยู่ตามกองโคลนจึงเก็บมาดังจะเห็นในภาพนี้แหละครับ

ฉะนั้น หลวงปู่จวน ท่านไม่ใช่ไม่ไหม้ไฟ เหมือนที่ชาวบ้านเขาลือนะครับ แต่เป็นเพราะไหม้ไม่หมดเพราะเขาฉีดน้ำดับเพลิงตางหากครับ

ประวัติหาอ่านกันเองตามเว็ปนะครับ มารู้ภายหลังว่าท่านเป็นพระที่เมตตา และปฏิบัติดี เป็นที่รักของประชาชน แค่นี้ผมก็รู้สึกปลื้มที่ได้ท่านมาบูชา เพราะถ้าใครเห็นก็คงทอดใจไปแล้วหล่ะครับ ทั้งฝุ่น ทั้งโคลนขี้เถ่า โอโฮ้เลอะเทะอย่าบอกใครเชียว ยังงงว่าผมไปได้มาได้อย่างไร เล่าเป็นความรู้ประดับความเป็นมาให้เพื่อนๆฟังกันครับ....สาธุ

 

คุณบีครับ ผมได้จากแถววัดเล่งเนยยี่(วัดมังกรครับ) ประมาณ 5-6 ปีที่แล้วครับมันเป็นร้านขายพวกหินของจีนครับ ตอนนั้นผมเห็นมีอยู่ 4-5 เจดีย์ ผมเลยซื้อมา 3 เจดีย์ครับ ด้านบนเจดีจะเจาะรู ไว้ใส่ตุ้มทองคำ เขาบอกว่ามีคนสั่งทำแล้วไม่มาเอา ตอนแรกเขาคิดผม 3000 บาท ไปๆมามาเหลืออันละฟันกว่าบาทครับ ด้านบนทอดได้ เป็น 3 ส่วนครับ ทำมาจากหินจุยเจีย (หินควอทครับ) ใสถ้าเอาส่องกับไฟจะทะลุเลยครับ แต่ยังมีลายหินอยู่ เขาบอกว่าถ้าใสมากๆ เป็นหมื่นๆนะครับ คุณบีรองเดินดูตามร้านแถววัดมังกรดูนะครับ เพราะผมไม่ได้ไปนานแล้ว น่าจะอยู้ตรงข้ามกับวัดมังกรนะครับ เป็นร้านตู้กระจกแล้วโชว์พวกหยก กำไร และหินสีต่างๆครับ หรือไม่ก็ตรงป้ายรถเมล์ก่อนทางเลี้ยววงเวียน 22 ครับ รองเดินเล่นๆดูนะครับ ไม่รู้ว่ายังอยู่หรือเปล่า ไม่ได้ไปแถวนั้นนานแล้วนะครับ

หมายเหตุ ระวังหินปลอมนะครับ เห็นเขาว่าจีนทำปลอมกันเยอะนะครับ

 

ขอบคุณครับ

 

หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี

ใจจริงๆแล้ว ผมก็ไม่ได้อยากจะมาโพสอวดอัฐิธาตุครูบาอาจารย์หลอกครับ แต่มีผู้ขอให้ผมลงผมจึงลงให้ และหัวข้อในเว็ปก็คือเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้ในเรื่องอัฐิธาตุ ผมจึงพิจารณาแล้วลงเพื่อผู้ที่ใคร่อยากเห็นอัฐิ และศึกษา จะได้รู้ไว้ว่า อัฐิธาตุของครูบาอาจารย์ส่วนมากก็ไม่ได้เป็นพระธาตุซะหมดนะครับ เพียงแต่เป็นส่วนใดส่วนหนึ่งเท่านั้น
และผมก็ยังยืนยันคำคำเดิมว่า ผู้ที่รักษาใจให้สะอาด อารมณ์ดี ไม่มีโทสะ และอิฉฉาริษยานั้น อัฐิก็อาจเป็นพระธาตุได้เช่นเดี่ยวกันครับ
จริงๆผมจะลงเรื่องราวของ ฆราวาสอีกหลายท่าน แต่มีคนปรามไว้ว่าไม่ควร เพราะจะถูกเพื่อนในเว็ป ติเตือนได้ ผมจึงขอระงับเรื่องของฆราวาสที่ใจสะอาดไว้ก่อนนะครับ
ส่วนถ้าเพื่อนชาวเว็ปเห็นว่าผมลง เพราะอยากอวดแล้วหล่ะก็ ผมก็จะหยุดนะครับ เพราะเจตณาของผมลงให้รู้ ให้ดู และให้เห็น เพื่อนศึกษากันจริงๆ เพราะจะสังเกตุเห็นได้ว่า ผมจะมีเรื่องสอดแทรกแปลกๆ มาให้อ่านกันเสมอๆ ถ้าผมมีเจตนาอวดจริงๆ ผมคงจะเลือกถ่ายที่เป็นพระธาตุของครูบาอาจารย์จริงๆครับ แต่นี่ผมถ่ายรวมไปเลย เพราะขี้เกียจมานังคัดแยกออกมา เพราะเสียเวลามากและก็อาจจะทำให้ผู้ที่เพิ่งเริ่มศึกษาคิดไปว่า พระอริยะเจ้าต้องเป็นพระธาตุเสมอไปครับ
ส่วนตัวผม พยายามที่จะให้เห็นเป็นธรรมชาติที่สุด คือ ให้ดูและหาอ่านหลักปฏิปทาพ่อแม่ครูบาอาจารย์ก่อน แล้วค่อยดูอัฐิธาตุของท่านครับ เพราะพอเรารู้ปฏิปทาของพ่อแม่ครูอาจารย์แล้ว เราก็จะไม่สงสัยในธรรมะของท่าน และรวมไปถึงสังขารของท่านเลยครับ
อีกเรื่องที่อยากฝากไว้พิจารณากันสักนิดครับว่า จะชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ก็เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ของเรานะครับ ต้องบูชากันให้ดี พิจารณากันให้นานนะครับ เพราะผมเคยเจอคนดูแคลนของเล็ก เสมือนกับเป็นวัตถุทิ้งขว้างเลยก็มี
ส่วนตัวผมที่มีชิ้นเล็กๆมากมายหลายองค์ ผมก็เทิอดทูลดูแลรักษา บูชาอย่างดีมิได้ขาด ผมจึงอยากบอกเพื่อนๆบางคนที่มีความคิดเช่นนี้ครับว่า จะมากจะน้อย(ชิ้นเล็ก-ชิ้นใหญ่) จะเป็นอาจารย์ใหญ่ อาจารย์น้อย(บวชนาน-เพิ่งบวช) ก็อย่าเพิ่งดูแคลนนะครับ เพราะท่านก็ธรรมอันเดี่ยวกันเสมอกันหมดนะครับ...สาธุ