วันโลกแตก ถ้าคุณรู้ตัวว่าไม่รอดแล้ว สิ่งที่คุณจะทำคืออะไร

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย มเหนทรวรมัน, 14 พฤษภาคม 2009.

  1. มเหนทรวรมัน

    มเหนทรวรมัน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +48
    อยากทราบความเห็นของทุกคนนะครับ

    ถ้าคุณรู้มาก่อนแล้วว่า ในวันที่ 22 ธันวาคม 2555(วันโลกาวินาศ) คุณจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ ความตายกำลังเข้ามาหาคุณ คุณอยู่คนเดียว เวลามี 1 นาที

    สิ่งสุดท้ายที่คุณจะอธิษฐานคืออะไร...
     
  2. ผู้นอบน้อมสุดใจ

    ผู้นอบน้อมสุดใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +2,094
    1 นาทีที่เหลือผมคงคิดแหละครับว่าผมจะทำยังไง???
     
  3. ป้องเกียรติ

    ป้องเกียรติ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +29
    ตั้งคำถามเอาตอนนี้ มันขำอย่างกับมีตลกมาเล่นมุขเลย แต่ถ้าถึงวันนั้นจริงๆคงมีความ

    รู้สึกอีกอย่างละครับ ต้องสงบสติอารมณ์ บอกรักทุกๆคน เสร็จแล้วเตรียมห้วงยาง กับ

    ยานอนหลับ จะได้ไม่ทรมานละมั้ง หรืออีกทางก็เข้าไปหลบในตู้น้ำแข็งที่องศาติดลบเลย

    แล้วพอเวลาผ่านไปหลายล้านปี อาจจะมีมนุษย์ยุคใหม่มาหลอมน้ำแข็งในตัวเรา แล้วเราก็

    จะรอดครับ 555(o_O)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2009
  4. งูขาว

    งูขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    945
    ค่าพลัง:
    +1,824
  5. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,458
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    ถ้าดูลู่ทางเเล้วไม่รอดเเน่ ยังไงก็ไม่มีทางหนี ผมจะนั่งขัดสมาธินิ่งๆอยู่กับที่ภาวนาพุทโธ หรือไม่ว่าจะวิ่งหรือว่ายนํ้าอยู่ ผมก็จะภาวนาพุทโธอย่างเดียวครับ ทําจิตให้เข้าถึงความสงบเป็นที่ตั้งอย่างเดียวครับ อนุโมทนา
     
  6. cap5123

    cap5123 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +85
    อุเบกขา ความนิ่งเฉยต่อสถาณการณ์
     
  7. ฤษีเหิร

    ฤษีเหิร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +76
    อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้เกิดไปเถิด คนตายทั้งเมืองใครอยากจะอยู่ดูละ
    ความลำบากที่ตามมาก็อีกเท่าไร คนที่ตายไปก็อย่ากลับมาเกิดเป็นคนในยุคมืดเลย
    ทำตัวเป็นกระต่ายตืนตูมไปก็เสียเวลาอีกเช่นกัน
    ช่วงค.ศ2000-2001 ก็ข่าวลือดาวหรืออุกาบาตขนาดใหญ่จะชนโลกแตก
    ไฟท่วมโลกคนจะตายมหาศาล
    จะมีคนตายมากมาย+พวกบ้าโหรเอาคำทำนายนอสตาดามุสมาช่วยผสมโรง
    ยังมีเรืองคอมพิวเตอร์จะรวนทั้งโลกy2kในวันขึ้นปี2000เพราะโปรแกรมแค่1999
    พวกกลุ่มพลังก็ฝึกใช้จักระที่6ย้ายดวงดาวให้ออกจากวิถีโคจร
    วางแก้วนํ้าข้างหน้ายังไม่มีปัญญาใช้จักระที่6ขยับเลยเลยนี่เล่นจะย้ายดาวทั้งดวง
    อยู่แบบพุทธเถิดอะไรจะเกิดจะดับก็คือกฎของมัน
     
  8. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ตายไปกับมันอย่างเร็วไว
     
  9. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นจริงๆ คุณคิดว่า ตายง่ายเกินไปหรือเปล่า? ตูมเดียวเเล้วตายเลย

    การตายโดยเจอเเม่เหล็กเปลี่ยนเเล้วเกิดอุกาบาตชน

    เเล้วน้ำท่วมโลกโลกดับไปเลย ก็เท่ากับ ไม่มีการรับวิบากกรรม

    เจ้ากรรมนายเวรเขาไม่ให้มนุษย์ ตายสบายเเบบนั้นหรอกค่ะ ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2009
  10. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    จากที่มีข่าว เรื่องเเกนเเม่เหล็ก เปลี่ยนขั้ว เเละ โลกจะดับ ไม่มีอะไรต้องกลัว

    เพราะ พายุสริยะหรือ อุกาบาตชนโลกอะไร ไม่มีอะไรต้องวิตกไป

    ในวันที่วันที่ 21 ตามคำทำนาย(ไม่ใช่ 22) ธ.ค. 2555

    เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นจริง เวลาโลกถูกทำลาย ยังไงก็ต้องตาย

    จักรวาล ก็ คือ จักรวาล ไม่มีใครเดาเเละคาดคะเนได้

    การที่แกนเเม่เหล็กเปลี่ยนทิศ ได้มีการเปลี่ยนเเปลงมานานเเล้ว

    โลกถึงได้มีฤดูที่เปลี่ยนเเปลงขึ้นเรื่อยๆ เเต่ทกอย่างก็ย่อมเปลี่ยนเเปลงไปอย่างช้าๆ

    มนุษย์ก็เปลี่ยนเสมือน พยาธิ บน โอ่งมังกร ต่อให้ มีคนเอียง โอ่งมังกร

    การที่เราจะหลุดออกจากนอกโลกเป็นไปได้ยาก เพราะ น้ำหนักของเรา

    กับบรรยากาศของโลกไม่สามารถทำให้เราหลุดออกไปจากโลกได้ทันที

    นอกจากจะถึงคราวซวยจริงๆ ก็ว่าได้

    ส่วนถ้าพระอาทิตย์ไม่มีอะไรควบคุมเราก็ไม่รู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้น

    เเต่เท่าที่รู้ ถ้าพระอาทิตย์จะเผาผลาญ โลก คงทำมานานเเล้ว ไม่ต้องมารอทำลาย ปี 2012

    โลก เกิดมา กี่ล้านๆ ปีเเล้ว หัด ใช้ สติ กับ ปัญญา พิจารณากันบ้าง ไม่ใช่ มัวเเต่เสพข่าวจนขาด สติ
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2009
  11. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    นักวิทยาศาสตร์ จะองค์การนาซ่าเอง หรือ นักข่าวเอง หากศึกษาอายุของโลกจริงๆ

    คงจะไม่ตอบคำถามปัญญาอ่อนขนาดนี้ คนอ่านข่าวก็บ้าจี้ตามข่าว ไร้สาระจริงๆ


    [​IMG]
    อายุของโลกประมาณ 4.6 พันล้าน หินที่เก่าที่สุดมีอายุประมาณ 3.9 พันล้านปี และโลกจะต้องวัดได้มากกว่าแน่นอน หินดวงจันทร์และอุกาบาต ทั้งสองก่อนตัวขึ้นเวลาเดียวกับโลกต่างก็มีอายุ 4.6พันล้านปี ด้วยอายุขนาดนี้มักจะนำมาใช้กำหนดอายุโลก
    หินที่เก่าแก่ที่สุดบนโลกเกีอบประมาณ 4พันล้านปี ราว 3.96 ดันล้านเพื่อความละเอียด และมีเกรนของแร่เซอร์คอนซึ่งพบในบริเวณที่มีหินอายุน้อยกว่าในแคนาดา การก่อตัวของหินที่เก่าแก่ที่สุดในกลีนแลนด์ตะวันตกวัดอายุได้ประมาณ 3.8 พันล้านปี
    [​IMG]
     
  12. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    โลกอยู่มาได้ 4 พันกว่าล้าน ปี เเล้ว อยู่ๆ ปี 2012 จะดับ เพราะเเม่เหล็กเปลี่ยนแกน

    ก็คงถึงคราว โชคดีของ มนุษยชาติ ยุคนี้จริงๆเเล้ว ทำกรรมอะไรไม่ต้องรับตายเลยทีเดียว

    ฆ่าใครไว้ไม่ต้องรับกรรม ทรมานใครไว้ไม่ต้องรับกรรม ทำร้ายจิตใจใครไม่ต้องได้รับกรรม

    ตายเลยทีเดียว ไปรับกรรมใน นรก คนดีขึ้นสวรรค์ งั้นซินะ



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2009
  13. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]
    นักธรณีวิทยาเชื่อว่า อาจจะค้นพบแหล่งของทวีปแอตแลนติก ในตำนาน
    เชื่อกันว่า จมทะเลหายไป เพราะแผ่นดินไหวใหญ่และเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ สมัยเมื่อ 12,000 ปีมาแล้ว
    ดร.กัทเชอร์ นักธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น บริตตานี ของฝรั่งเศส รายงานในวารสารวิชาการ “ธรณีวิทยา” ว่า ได้สำรวจพบเกาะสปาร์เตล ซึ่งจมอยู่ก้นทะเลในบริเวณช่องแคบยิบรอลตาร์ ในระดับลึก 60 เมตร ปกคลุมด้วยตะกอนหยาบๆ อยู่หนาระหว่าง 50-120 ชม. เชื่อว่าคงจะเป็นทวีปแอตแลนติก ตามที่เพลโตนักปรัชญาผู้มีชื่อเสียงสมัยโบราณกล่าวบอกไว้ในตำนาน เมื่อสองพันกว่าปีมาแล้วว่า เกาะอันมีอารยธรรมเจริญรุ่งเรือง ถูกทำลายจมหายไปในทะเลชั่วเวลาวันเดียว
    อ้างเพลโต แต่ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นคาใจ ทำไมขนาดเล็กกว่าที่คาดไว้มาก
    เขาอ้างว่า คำบอก กล่าวของเพลโต สอดคล้องกับเหตุการณ์เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ พร้อมกับคลื่นยักษ์สึนามิสูงถึง 10 เมตร แบบกับที่เกิดถล่มทลายกรุงลิสบอนของโปรตุเกส เมื่อปีพ.ศ. 2298 มานี้
    นอกจากนั้นจากการตรวจวิเคราะห์ชั้นฝุ่นตะกอนที่ปกคลุมอยู่ ยังได้พบว่า มันมีอายุเก่าแก่อยู่ในราว 12,000 ปีด้วย การศึกษายังทำให้รู้ข้อมูลด้วยว่า เหตุแผ่นดินไหวใหญ่อย่างที่ถล่มกรุงลิสบอนนั้น จะเกิดขึ้นในอ่าวคาดิซบริเวณเดียวกันนั้น อยู่ทุกๆ 1,500-2,000 ปี
    หากแต่ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นยังไม่สู้เห็นด้วยกับเขาเท่าไรนัก เพราะเห็นว่าแผนที่ของเกาะของเขา ดูมีขนาดเล็กกว่าที่คาดมาก ไม่น่าจะมีผู้คนอยู่หนาแน่นมากมาย พร้อมด้วยอารยธรรมอันรุ่งเรืองได้.
    +++++++++++++++++++++++

    โดย :ปูนิ่ม จาก http://variety.teenee.com/world/5.html
     
  14. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838

    ขำมากเมื่อสมัยเรียนประถม เขาลือกันทั่วว่า ๒๕๒๕ โลกาวินาศ โอ้ย...ยายผีป่าไม่เป็ฯอันกินอันเรียนเลย เอาแต่อยากจะกลับไปอยู่กับครอบครัว ห่วงกระเป๋าหนังสือที่พ่อเพิ่งซื้อใหม้ มันแพงมากในความรู้สึกของเรา เราเสียดายมัน ห่วงกลัวตายไกลจากคนในครอบครัว พ่อแม่ไปไหนนานๆ เครียดมาก นอนซมมุดในผ้าห่ม ไม่โผล่อะไรออกมาเลยแม้จะหายใจอึดอัด

    ไปเที่ยวบอกใครต่อใครว่า โลกจะแตกแล้วๆๆๆๆๆๆ

    ชาวบ้านเขาก็ขำนะ ทั้งๆ ที่พวกผู้ใหญ่เองแหละที่มาโพนทนาข่าวลือให้เราขวัญเสีย

    พอถึง ๒๕๒๕ เอาเป็นว่า เราเองสิคะสมองจะแตกตาย เพราะเครียด กลัวจนไมเกรนกิน

    ทีนี้ไปกราบหลวงปู่สาม ไปบอกท่านว่า หลวงปู่...หนูไม่เรียนแล้ว พวกเรากำลังจะตายหมดโลก

    หลวงปู่ถามว่า "เมื่อไหร่ละลูก..." ตอบว่าปีนี้ค่ะ ๒๕๒๕ โลกาวินาศ"

    หลวงปู่บอกว่า "อ้าว...แล้วตอนนี้มันแตกหรือยัง..."


    "ยังค่ะ แต่มาเตรียมทำใจก่อน"

    ท่านบอกว่า

    "งั้นให้ทำใจตลอดเวลาเลยว่า...ความตายมีอยู่ทุกที่ ทุกเวลา ทุกสถานการณ์ และเกิดกับทุกชีวิต ไม่มีใครหนีรอด จงอย่ากลัวตาย แต่ให้เอาเวลาที่เหลืออยู่ ไม่ว่าจะกี่วินาที กี่นาที อย่าไปสนใจมัน ทุกลมหายใจเข้าออก ให้เกรงกลัว และละอายต่อบาป แค่นี้ก็ดีแล้ว ตายตอนไหน อย่างไร มีกุศลนำไป เราจะกลัวทำไม ในเมื่อเกิดมาเพื่อตาย"

    แต่ถ้าถามว่ากลัวไหม แรกๆ ก็กลัวนะคะ แต่ชีวิตมันเฉียดตายมาเยอะ เลยเข้าใจว่า เวลาที่เกิดเหตุเฉียดตาย สติเท่านั้นที่เราต้องเกาะให้ดี รู้เท่าทันเหตุการณ์ต่างๆ ให้ดี

    มีสมาชิกที่นี่หลายท่าน อาจตายก่อนโลกแตกนะคะ อาจรอมทั้งยายผีป่าด้วยเช่นกัน

    วันนี้คุณรักษ์โลกกันจริงจังหรือไม่คะ

    ช่วยยายผีป่าปลูกต้นไม้ที่บ้านคนละต้นดีไหมคะ
     
  15. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
















    สันโดษเรามีความตายเป็นของธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้ แต่ก่อนตายจริง จิตได้ตายก่อนตาย จึงได้ทำพระนิพพานให้แจ้ง ก่อนตาย การตายครั้งนี้ จึงจะไม่กลับมาตายเป็นครั้งที่สองนะสันโดษ
     
  16. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    เกิดไม่ทันคุณยาย ^-^
     
  17. pkpnk

    pkpnk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +112
    ความตายมีอยู่ทุกที่ ทุกเวลา ทุกสถานการณ์ และเกิดกับทุกชีวิต ไม่มีใครหนีรอด จงอย่ากลัวตาย แต่ให้เอาเวลาที่เหลืออยู่ ไม่ว่าจะกี่วินาที กี่นาที อย่าไปสนใจมัน ทุกลมหายใจเข้าออก ให้เกรงกลัว และละอายต่อบาป แค่นี้ก็ดีแล้ว ตายตอนไหน อย่างไร มีกุศลนำไป เราจะกลัวทำไม ในเมื่อเกิดมาเพื่อตาย"
     
  18. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]


    สิ่งที่ไม่ควรเชื่อ 10 ประการ
    พระพุทธเจ้าแทนที่จะตรัสเหมือนกับสมณพราหมณ์เหล่าอื่นที่เคยพูดมาแล้ว พระองค์ไม่ได้ทรงสรรเสริญคำสอนของพระองค์ และก็ไม่ทรงติเตียนคำสอนศาสนาของผู้อื่นแต่พระองค์กลับตรัสอีกแบบหนึ่ง การพูดแบบนี้เป็นลักษณะของวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน คือพระองค์ได้กล่าวถึงสิ่งที่ไม่ควรเชื่อ 10 ประการโดยตรัสว่า ท่านทั้งหลายจงฟัง

    มา อนุสฺสวเนน อย่าเพิ่งเชื่อโดยฟังตามกันมา
    มา ปรมฺปราย อย่าเพิ่งเชื่อโดยถือว่าเป็นของเก่าเล่าสืบๆ กันมา
    มา อิติกิราย อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ
    มา ปิฏกสมฺปทาเนน อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างคัมภีร์หรือตำรา
    มา ตกฺกเหตุ อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดเดาเอาเอง
    มา นยเหตุ อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดคาดคะเนอนุมานเอา
    มา อาการปริวิตกฺเกน อย่าเพิ่งเชื่อโดยตรึกเอาตามอาการที่ปรากฏ
    มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นว่าต้องกับความเห็นของตน
    มา ภพฺพรูปตา อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดควรเชื่อได้
    มา สมโณ โน ครูติ อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดนั้นเป็นครูของเรา


    สรุปแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่าเพิ่งเชื่อ เพราะเหตุ 10 ประการนี้
    1. อย่าเพิ่งเชื่อโดยฟังตามกันมา บางคนเมื่อฟังตามกันมาก็เกิดความเชื่อ เมื่อคนนั้นว่าอย่างนั้น คนนี้ว่าอย่างนี้ ก็เชื่อตามกันไป โดยบอกว่า "เขาว่า"ปัจจุบันนี้การเชื่อตามเขาว่านี้ ถ้า ไปเป็นพยานในศาลจะไม่เป็นที่ยอมรับ เพราะการที่ "เขาว่า" นั้น มันไม่แน่การฟังตามกันมาก็เชื่อตามกันมา ฉะนั้นสุภาษิตปักษ์ใต้จึงมีอยู่บทหนึ่งว่า
    "กาเช็ดปาก คนว่ากาเจ็ดปาก ปากคนมากกว่าปากกาเป็นไหนๆ"
    สุภาษิตนี้หมายความว่า ชายคนหนึ่งเห็นกากินเนื้อแล้วเช็ดปากที่กิ่งไม้ ก็มาเล่าให้เพื่อนฟังว่า "ฉันเห็นกาเช็ดปาก"เพื่อนคนนั้นฟังไม่ชัด กลายเป็นว่า"ฉันเห็นกาเจ็ดปาก" ก็ไปเล่าต่อว่า คนโน้นเล่าให้ฟัง เมื่อวันก่อนว่าเขาเห็นกาเจ็ดปาก ก็เล่าต่อกันมาเรื่อย ๆ ว่า กามีเจ็ดปาก นี่เป็นการเชื่อตามคำเขาว่า ซึ่งบางคนก็ฟัง มาไม่ชัดเพราะฉะนั้น ก็อาจฟังผิดได้ การที่เขาว่าจึงอาจจะถูกหรือผิดได้ เช่น บัตรสนเท่ห์


    เขาว่าอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วก็ว่าตามที่เขาว่านั้น ซึ่งมีจริงบ้างไม่จริงบ้าง ปนกันอยู่
    เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งเชื่อตามที่เขาว่า แต่ให้ฟังไว้ก่อนชาวพุทธจะไม่ปฏิเสธการที่เขาว่า แต่จะฟังไว้ ก่อน โดยยังไม่เชื่อทีเดียว บางทีก็ฟังตามกันมาตั้งแต่โบราณ เช่น สมมุติว่าฝนแล้งก็ต้องแห่นางแมวแล้วฝนจะตก เราจะเชื่อได้อย่างไรว่าแห่


    นางแมวแล้วฝนจะตก บ้างก็ว่าเป็นเรื่องที่เขาเล่ากันมาอย่างนี้ คือเชื่อตามเขาว่า ซึ่งก็ อาจจะไม่เป็นจริงตามเขาว่าก็ได้ ดังนั้น เราต้องเชื่อตามเหตุผล อย่าเชื่อตามเขาว่า

    2. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดว่าเป็นของเก่า เล่าสืบๆ กันมา บางคนบอกว่าเป็นของเก่า เป็นความเชื่อ ตั้งแต่สมัยโบราณเราควรจะเชื่อ เพราะเป็นของเก่า ถ้าไม่เชื่อ เขาก็หาว่าจะทำลายของเก่า บางคนเห็นผีพุ่งไต้ ก็บอกว่านั่นแหละวิญญาณจะลงมาเกิด อย่าไปทัก เพราะเป็นความเชื่อกันมาตั้งแต่โบราณ เมื่อมีแผ่นดินไหว คนโบราณจะพูดว่าปลาอานนท์พลิกตัว หรือเวลามีฟ้าผ่าก็บอกว่ารามสูรขว้างขวาน ฟ้าแลบก็คือนางเมขลา ล่อแก้วเข้าตารามสูร รามสูรโกรธ จึงขว้างขวานลงมาเป็นฟ้าผ่า
    ความเชื่อเช่นดังกล่าวมานี้เป็นความเชื่อของคนในสมัยโบราณซึ่งไม่ได้ตั้งอยู่บนหลักของเหตุผล ดังนั้นความเชื่อของคนโบราณนั้นไม่ใช่ว่าจะถูกหรือดีเสมอไป แต่เป็นความเชื่อปรัมปรา เราจึงไม่ควรจะเชื่อ ถ้ายังไม่แน่ใจถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องนำสืบๆกันมา


    3. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเป็นข่าวเล่าลือ หรือตื่นข่าว เรื่องข่าวนั้นมีมาก ไม่ว่าจะเป็นข่าวทันโลก ข่าวช่วงเช้า ข่าวช่วงเย็น ข่าวเขาว่า ซึ่งมีอยู่มากมาย ถ้าเราไปเชื่อตามข่าว เราก็อาจจะเป็นคนโง่ได้ เช่น บางคน อ่านข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ก็คิดว่าเป็นเรื่องจริงแน่แล้ว แต่ข่าวจากหนังสือพิมพ์นั้น บางทีลงข่าวตรงกันข้าม จากข่าวจริง ๆ เลยก็มี หรือมีจริงอยู่บ้างเพียงบางส่วนก็มี เราจึงควรพิจารณาให้ดีเสียก่อน เพราะข่าวบางข่าวนั้น หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นต้องมาลงขอขมากันภายหลังที่ลงข่าวผิด ๆ ไปแล้วก็มี ดังนั้น ข่าวลือจึงมีมาก เช่น ลือว่าจะมีการปฏิวัติ ลือว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งบางทีก็จริง บางทีก็ไม่จริง หรือลือกันว่าคนเกิดวันนั้นวันนี้ จะตายในปีหน้า ต้องรีบทำบุญเสีย ก็เลยพากันเฮมาทำบุญกัน นี้ก็เพราะฟังเขาลือกันมา บางคนก็ลือกันแบบ กระต่ายตื่นตูมเป็นข่าวเขาว่าไม่ใช่ข่าวเราว่า เพราะฉะนั้นก็อย่าเพิ่งเชื่อ

    4. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างคัมภีร์หรือตำรา ถ้าใครเอาตำรามาอ้างให้เราฟัง เราก็อย่าเพิ่งเชื่อ เพราะตำราก็อาจจะผิดได้บางคนอาจจะค้านว่า "ที่เราพูดถึงกาลามสูตรนี้ ไม่ใช่ตำราหรอกหรือ" จริงอยู่ เราก็อ้าง กาลามสูตรซึ่งเป็นตำราเหมือนกัน แต่ท่านว่า อย่าเพิ่งเชื่อ เพราะอาจจะผิดได้ ดังนั้น ไม่ว่าใครจะเอาตำราอะไรก็ตามมาอ้างเราก็ต้องอย่าเพิ่งเชื่อ พระพุทธเจ้าตรัสว่าให้พิจารณาดูก่อน บางคนกล่าวยืนยันว่าตนเอง อ้างตามตำรา ซึ่งแท้จริงแล้วเขาไม่ได้อ่านตำรานั้นเลย แต่ว่าเอามาอ้างขึ้นเอง บางคนก็ต้องการ โดยการอ้างตำรา ดังมีเรื่องเล่ากันมาว่า

    "อุบาสก 2 คนเถียงกัน ระหว่างสัตว์น้ำกับสัตว์บกอย่างไหนมีมากกว่ากัน
    อุบาสกคนหนึ่งบอกว่า สัตว์บกมีมากกว่า เพราะบนบกนั้นมีสัตว์นานาชนิด เช่น มีแมลงต่างๆ มีมดต่างๆ มากมาย
    ส่วนอีกคนหนึ่งค้านว่า สัตว์น้ำมีมากมายหลายชนิดนับไม่ถ้วน แม้แต่กุ้ง ปลา ก็นับไม่ถ้วนเสียแล้ว สัตว์น้ำต้องมากกว่าสัตว์บกแน่นอน
    ทั้งสองคนจึงไม่อาจตกลงกันได้
    อุบาสกคนหนึ่งหัวไวได้ยกบาลีมาอ้างว่า "พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า สัตว์น้ำมีมากกว่าสัตว์บก ดังพระบาลีที่ว่านัตถิ เม สรณัง อัญญัง แปลว่า สัตว์น้ำมากกว่าสัตว์บก"
    อุบาสกอีกคนหนึ่งไม่กล้าค้านเพราะกลัวจะตกนรก


    แท้ที่จริง คำว่า "นัตถิ เม สรณัง อัญญัง" นั้น ไม่ได้แปลว่า "สัตว์น้ำมากกว่าสัตว์บก" แต่แปลว่า "ที่พึ่งอย่างอื่นของข้าพเจ้าไม่มี" ผู้อ้างคิดแปล
    เอาเองเพื่อให้คำพูดของตนมีหลักฐานการอ้างตำรา อย่างนี้จึงไม่ถูกต้องถ้าใครหลงเชื่อก็อาจถูกหลอกเอาได้
    นอกจากนี้ ตำราบางอย่างก็อ้างกันมาผิด พวกที่ไม่รู้ภาษาบาลี เมื่อเห็นเขาอ้างก็คิดว่าจริง เช่น นักหนังสือพิมพ์ บางคนกล่าวว่า "ทุกขโต ทุกขถานัง ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตน" ซึ่งคำกล่าวนี้เป็นบาลีที่ไม่ถูกต้อง เป็น ประโยคที่ไม่มีประธาน ไม่มีกริยา เป็นภาลีที่แต่งผิด ซึ่งอาจารย์บางท่านเรียกบาลีเช่นนี้ว่า "เป็นบาลีริมโขง" แต่คนกลับคิดว่าเป็นคำพูดที่ซึ้งดี เพราะฟังดูเข้าที่ดี นี้ก็เป็นการอ้างตำราที่ผิด ถึงแม้ว่าตำรานั้นจะเขียนถูกแต่ถ้าหาก ว่าไม่มีเหตุผล เราก็ไม่ควรเชื่อ
    ปัจจุบันนี้ มีการโฆษณาหนังสือยอดกัณฑ์พระไตรปิฎกว่า ถ้าถ้าใครสวดเป็นประจำก็จะร่ำรวยเป็น เศรษฐี ได้ทรัพย์สมบัติและจะปลอดภัย ปลอดโรคต่าง คนก็พากันสวดและพิมพ์แจกกันมาก ซึ่งข้าพเจ้าเองก็ไม่ ทราบว่าจะทำอย่างไรเมื่อมีผู้นำหนังสือนี้มาถวายให้ จะเผาทิ้งก็ติดที่มีคำบาลีอยู่ด้วย หนังสือนี้ได้พิมพ์ต่อเนื่องกัน มาผิด ๆ และไม่มีพระสงฆ์รูปใดสวดยอดกัณฑ์พระไตรปิฎก นอกจากในหมู่ฆราวาส
    บางคนที่ไม่เข้าใจพระพุทธศาสนา


    ดังนั้นใครอ้างบาลี เราก็จงอย่าเพิ่งเชื่อต้องพิจารณาดูให้ดีว่ามีอะไรถูกหรือผิดบ้างเสียก่อน

    5. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดเดาเอาเอง ท่านใช้คำว่า ตักกเหตุ คือ การตรึก หรือการคิด ตรรกวิทยาเป็นวิชา แสดงเรื่องความคิดเห็น อ้างหาเหตุผล แต่พระพุทธเจ้าทรงกล้าค้านตรรกวิทยาได้ว่า การอ้างหาเหตุผลโดยการ คาดคะเนนั้นอาจจะผิดก็ได้การอ้างหาเหตุผลนั้นไม่ใช่ว่าจะถูกไปเสียทุกอย่าง
    การนึกคาดคะเนหรือการเดาเอาของคนเรานั้นผิดได้ เช่นหลักตรรกวิทยากล่าวว่า "ที่ใดมีควัน ที่นั้นมีไฟ" ซึ่งก็ไม่ แน่เสมอไป เดี๋ยวนี้ที่ใดมีควัน ที่นั้นอาจจะไม่มีไฟก็ได้ เช่น เขาฉีดสารเคมี พ่นยาฆ่าแมลง ก็มองดูว่าเป็นควันออกมา แต่หามีไฟไม่
    หรือบางคนก็คิดเดาเอาเองว่าคงจะเป็นอย่างนั้น คงจะเป็นอย่างนี้ คำว่า คงจะ นั้น มันไม่แน่ เพราะฉะนั้น เราก็อย่าเพิ่งตัดสินว่าเรื่องนี้ถูกแน่นอนแล้ว คำว่า คงจะ นั้นเป็นการนึกเดาเอา


    6. อย่าเพิ่งเชื่อโดยการคิดคาดคะเนหรืออนุมานเอา ตัวอย่างเช่น เราคิดว่าเราจะแซงรถคันหน้าพันถ้าเรา ขับรถเร็วกว่านี้ ซึ่งเป็นการคาดคะเนเอา บางทีเราคาดคะเนความเร็วไม่ถูก ก็อาจจะชนรถคันหน้าที่วิ่งสวนมา โครมเข้าไปเลยก็ได้ การคาดคะเนหรืออนุมานเอาอย่างนี้ ทำให้คนตายมามากแล้ว การอนุมานเอานี้มันไม่แน่
    บางคนคิดว่าฝนคงจะตกแน่เพราะเห็นเมฆดำก่อตัวขึ้นมาก็เป็นการอนุมานเอาว่าฝนคงจะตก แต่บางที ลมก็จะพัดเอาเมฆนี้ลอยพ้นไปเลยก็ได้ ซึ่งก็ไม่แน่เพราะอนุมานเอา
    ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า แม้อนุมานเอาก็อย่าเพิ่งเชื่อ


    7. อย่าเพิ่งเชื่อโดยตรึกเอาตามอาการที่ปรากฏ คือเห็นอาการที่ปรากฏแล้วก็คิดว่าใช่แน่นอน เช่น เห็นคนท้องโตก็คิดว่าเขาจะมีลูก ซึ่งก็ไม่แน่ บางคนแต่งตัวภูมิฐานก็คิดว่าคนนี้เป็นคนใหญ่โต ร่ำรวย ซึ่งก็ไม่แน่ อีกบางทีก็เป็นขโมย แต่งตัวเรียบร้อยมาหาเรา บางคนทำตัวเหมือนเป็นคนบ้าคนใบ้มานั่งใกล้กุฏิพระ คนก็ไม่สนใจนึกว่าเป็นคนบ้า แต่พอพระเผลอก็ขโมยของของพระไป ดังนั้น เราจะดูอาการที่ปรากฏก็ไม่ได้ บางคนปวดหัว ก็คิดว่าเป็นโรคอะไรที่หัว แต่ก็ไม่แน่ สาเหตุอาจจะเป็นที่อื่นแล้วทำให้เราปวดหัวก็ได้ เช่น ท้องผูก เป็นต้นหรือเราขับรถมาถึงสะพานซึ่งมองดูแล้วคิดว่าสะพานนี้น่าจะมั่นคงพอจะขับข้ามไปได้ แต่ก็ไม่แน่ สะพานอาจจะพังลงมาก็ได้

    8. อย่าเพิ่งเชื่อว่าต้องกับลัทธิของตน คือ เข้ากับความเชื่อของตน เพราะตนเชื่ออย่างนี้อยู่แล้ว เมื่อใครพูดอย่างนี้ให้ฟัง ก็ยอมรับว่าใช่และถูกต้อง ซึ่งก็ไม่แน่เสมอไป เพราะสิ่งที่เราเชื่อมาก่อนนั้นอาจผิดก็มี บางทีคนอื่นก็มาหลอกเรา เพราะเห็นว่าเราเชื่ออยู่ก่อนแล้ว จึงอาศัยความเชื่อของเรา เป็นเหตุมันจึงไม่แน่เสมอไป
    บางคน เมื่อมีใครมาพูดตรงกับความคิดเห็นของตนก็เชื่อแล้ว ตัวอย่างเช่น เราไม่ชอบใครอยู่สักคนหนึ่ง พอใครมาบอกเราว่าคน ๆ นั้นไม่ดี ก็เชื่อว่าเป็นคนชั่วแน่ เพราะตนเองก็ไม่ชอบหน้าเขาอยู่แล้ว เรื่องอย่างนี้ก็ไม่ แน่เสมอไป เพราะคนที่เราไม่ชอบอาจจะเป็นคนดีก็ได้ แต่ว่ามีคนอื่นมาพูดยุยงให้เราเข้าใจไปอย่างนั้น เราจึง มองผิดไปได้
    หรือคนที่เชื่อเรื่องพระเจ้าสร้างโลก หรือเรื่องเครื่องลางของขลัง พอมีใครมาพูดเรื่องเช่นนี้ก็เชื่อสนิท เพราะไปตรงกับความเชื่อของตน
    เพราะฉะนั้น จงอย่าเพิ่งเชื่อ แม้ในกรณีดังกล่าวมานี้


    9. อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดควรเชื่อได้ คือ เห็นว่าคนที่เป็นคนใหญ่คนโตนั้น พูดจาควรเชื่อถือได้ เช่น เป็น ถึงชั้นเจ้า หรือตำแหน่งสูง เราก็ควรจะเชื่อคำพูดของเขา แต่มันก็ไม่แน่ แม้แต่พระสงฆ์ก็ไม่แน่ เราจึงต้องฟังดูให้ ดีเสียก่อน แม้แต่คณะรัฐมนตรีเองก็ไม่แน่ อย่าเพิ่งไปเชื่อคำพูดของท่านเหล่านั้นทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ได้ว่าผู้พูด มียศมีตำแหน่งอย่างนี้แล้ว จะพูดเรื่องน่าเชื่อถือได้เสมอไป เราควรจะฟังหูไว้หู ฟังให้ดีเสียก่อน มิฉะนั้นแล้วจะ ถูกหลอกได้ง่าย
    อย่าเพิ่งเชื่อในที่นี้ มิได้หมายความว่าไม่ให้เชื่อ แต่ควรจะพิจารณาดูก่อนแล้วถึงจะเชื่อ


    10. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นว่าผู้พูดเป็นครูของเรา ข้อนี้แรงมาก คือ แม้แต่ครูของตนก็ไม่ให้เชื่อ ทั้งนี้ เพราะครูของเราก็อาจจะพูดผิดหรือทำผิดได้ เพราะฉะนั้น เราจึงต้องฟังให้ดี
    ไม่มีศาสนาใดสอนเราไม่ให้เชื่อครูของตน แท้จริงแล้วพระพุทธเจ้ามิได้ทรงสอนว่าไม่ให้เชื่อ แต่ ทรงสอนว่าอย่าเพิ่งเชื่อต้องพิจารณาดูเสียก่อนแล้วจึงค่อยเชื่อ
    พระพุทธเจ้าตรัสถึงเหตุผลในข้อที่อย่าเพิ่งเชื่อดังกล่าวมาดังนี้ โดยตรัสว่า " ดูก่อนชาวกาลามะทั้งหลาย เมื่อท่านทั้งหลายรู้ได้ด้วยตนเองว่า ธรรมทั้งหลายเหล่านี้เป็นอกุศล มีโทษ ก่อความทุกข์ เดือดร้อน วิญญูชนติเตียน ถ้าประพฤติเข้าแล้วเป็นไปเพื่อความทุกข์เดือดร้อน ท่านทั้งหลายจงละทิ้งสิ่งเหล่านี้เสีย " พระองค์ไม่ได้ตรัสว่าดีหรือไม่ดี แต่ให้พิจารณาดูว่าถ้าไม่ดีก็ทิ้งเสีย
    <!-- google_ad_section_end --><!-- / message --><!-- sig -->
     
  19. rossarin555

    rossarin555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +346
    ตั้งจิตคิดดีให้ไปอยู่ภพภูมิที่ดีค่ะ ตายก็ต้องตายหนีไม่พ้นอยู่แล้ว
     
  20. TAKTAO

    TAKTAO Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +32
    ไม่รู้ซิ เพราะเกิดก็ตายไม่เกิดก็ตาย อยู่แว่ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...