นั่งสมาธิแล้วเห็นพระพุทธเจ้าได้จริงหรือ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 23 พฤษภาคม 2009.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]


    นั่งสมาธิแล้วเห็นพระพุทธเจ้าได้จริงหรือ?


    <TABLE class=blog_center_data><TBODY><TR><TD>[FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]ถาม : ขณะนี้มีบางวัดและมีบางสำนักวิปัสสนาอ้างว่าเมื่อได้ฝึกนั่งสมาธิกับสำนักตนเองแล้วจะสามารถเห็นองค์พระพุทธเจ้าได้ อยากทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ และถ้าจริงทำไมจึงเห็นได้ เพราะพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปตั้งนานแล้ว[/FONT]



    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]ตอบ : คำถามนี้ไม่อาจตอบได้แต่ทางใดทางเดียว แต่จะขอตอบเป็นประการ ๆ ดังต่อไปนี้[/FONT]

    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]1. ไม่ว่าจะนั่งหรือไม่นั่งสมาธิ แต่ไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้า แล้วอวดอ้างว่าเห็นองค์พระพุทธเจ้า กรณีนี้ก็มีอยู่ ซึ่งเป็นการโกหกหลอกลวงต้มตุ๋นโดยตรง [/FONT]

    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]2. นั่งสมาธิได้จริง แล้วเห็นอะไรก็ไม่รู้ แต่สำคัญผิดคิดว่าเป็นองค์พระพุทธเจ้า กรณีนี้ก็มีอยู่ ซึ่งเป็นความหลงผิด ไม่มีเรื่องจริงและไม่ได้เห็นพระพุทธเจ้าจริง [/FONT]

    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]3. นั่งสมาธิได้จริง แล้วเห็นองค์พระพุทธเจ้า แต่ที่เห็นนั้นย่อมไม่ใช่พระพุทธเจ้าองค์จริง แล้วสำคัญผิดคิดเอาเองว่าเป็นองค์พระพุทธเจ้าองค์จริง กรณีนี้ก็มีอยู่ ซึ่งเป็นความหลงผิดชนิดหนึ่งว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นความจริง ทั้ง ๆ ที่ไม่เป็นความจริง [/FONT]

    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]4. นั่งสมาธิได้จริง แล้วเห็นองค์พระพุทธเจ้า แต่เข้าใจความจริงว่าที่เห็นนั้นเป็นเพียงมโนภาพหรือเป็นนิมิตอย่างหนึ่ง แต่ติดยึดผูกพันเล่นอยู่กับนิมิตนั้น เช่น ทำให้ขยายองค์ใหญ่ขึ้น หรือเล็กลง หรือเคลื่อนไหวไปมา หรือมีสีสันต่าง ๆ นานาตามแต่จะนึกเอา กรณีนี้ก็มีอยู่ และเป็นผลสำเร็จของการฝึกฝนอบรมจิตในบางขั้นบางระดับ แล้วหลงติดยึดมีความสุขอยู่กับความพอใจในสิ่งที่เห็นนั้น ไม่เป็นอันละวาง จึงเสียโอกาสในการฝึกฝนอบรมจิตที่ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ซึ่งจะได้ประโยชน์ที่ประณีตกว่า[/FONT]

    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]5. นั่งสมาธิได้จริง แล้วเห็นองค์พระพุทธเจ้า แต่เข้าใจความจริงว่าที่เห็นนั้นเป็นเพียงมโนภาพหรือเป็นนิมิตอย่างหนึ่ง แล้วกำหนดรู้ว่าที่เห็นนั้นไม่เป็นความจริง ไม่ใช่พระพุทธเจ้าองค์จริง เป็นสิ่งมายา จึงปล่อยปละละวางเสีย แล้วฝึกฝนอบรมจิตให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนบรรลุถึงวิมุตตะมิติ กรณีนี้ก็มีอยู่ และเป็นผลสำเร็จของการฝึกฝนอบรมจิตเป็นลำดับ ๆ ไป จนกระทั่งถึงซึ่งความหลุดพ้นสิ้นเชิง [/FONT]

    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]การโกหกหลอกลวงว่าเห็นพระพุทธเจ้าไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง เพราะเป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น หรือเห็นอะไรแล้วสำคัญผิดว่าเป็นองค์พระพุทธเจ้าก็เป็นเรื่องของความสำคัญผิดเพราะไม่รู้เท่าทัน อาจเกิดขึ้นได้สำหรับผู้ฝึกฝนปฏิบัติใหม่ ๆ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับผู้ที่ฝึกฝนอบรมจิตในแนวทางเจโตวิมุต ซึ่งในตอนต้น ๆ อาจมีนิมิตเกิดขึ้น ทั้งโดยการตั้งใจกำหนดหรือโดยไม่ตั้งใจกำหนด [/FONT]

    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]การเห็นพระพุทธเจ้าแล้วเข้าใจความจริงว่าที่เห็นนั้นเป็นเพียงมโนภาพหรือนิมิต แล้วติดยึดเล่นสนุกในการฝึกฝนจิตอยู่กับการเห็นนั้น ก็เกิดขึ้นในการฝึกฝนอบรมจิตแบบเจโตวิมุตเช่นเดียวกัน และอาจเกิดได้โดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่เข้าใจความจริงดีว่านั่นเป็นเพียงนิมิต ซึ่งอยู่ในขั้นที่เรียกว่าอุคหนิมิต แต่พึงพอใจ มีความสุขใจ อยู่กับการเห็นเช่นนั้น จึงอบรมจิตให้ยิ่ง ๆ ขึ้น มีความตั้งมั่นมากขึ้น เป็นปฏิภาคนิมิต ขยายหรือย่อหรือเคลื่อนย้ายหรือกำหนดสีสันต่าง ๆ ด้วยความพออกพอใจ ทำให้หยุดอยู่ตรงนั้น ไม่ก้าวหน้า ไม่สามารถบรรลุถึงมรรคผลนิพพานได้ [/FONT]

    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]การเห็นพระพุทธเจ้าแล้วเข้าใจตามความจริงว่าเป็นเพียงมโนภาพ แล้วฝึกฝนอบรมจิตให้ยิ่งขึ้นไป มีความมั่นคงของจิตมากขึ้น สามารถกำหนด ขยาย ย่อ เคลื่อนย้าย หรือสีสันได้ดังใจ แล้วเกิดความเบื่อหน่ายในมายานั้น และอบรมจิตให้ยิ่งขึ้นไปอีก จนก่อองค์ฌานเกิดขึ้นเป็นลำดับ ๆ ไป จนกระทั่งถึงซึ่งความหลุดพ้นสิ้นเชิง [/FONT]

    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]การเห็นพระพุทธเจ้าโดยไม่ตั้งใจเกิดขึ้นได้โดยบังเอิญหรือจิตประหวัดถึงในขณะที่ฝึกฝนอบรมจิตในแนวทางเจโตวิมุต และอาจเกิดขึ้นได้โดยการตั้งใจกำหนดเป็นอารมณ์ในแบบวิธีที่เรียกว่าพุทธานุสติ ซึ่งนอกจากฝึกฝนอบรมได้ในการกำหนดสติหรือจิตอยู่ที่พระคุณต่าง ๆ ของพระพุทธเจ้าก็ได้ หรือบางคนอาจมีอัชฌาสัยชอบในรูปก็กำหนดเป็นรูปพระพุทธเจ้า จนกระทั่งปรากฏขึ้นในมโนภาพเหมือนกับว่าเป็นพระองค์จริง เคลื่อนไหวไปมาได้ จากนั้นก็รู้เท่าทันว่าเป็นมายาภาพ แล้วเบื่อหน่ายละวาง และฝึกฝนอบรมจิตให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป [/FONT]

    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]บางสำนักที่อวดอ้างว่าเข้าสมาธิแล้วเห็นพระพุทธเจ้านั้น ส่วนใหญ่มักจะเป็นการโกหก ส่วนน้อยเข้าสมาธิแล้วเห็นนิมิตเป็นพระพุทธเจ้าบ้าง หรือไม่ก็เห็นเป็นองค์พระพุทธเจ้า แล้วติดยึดสนุกอยู่กับนิมิตนั้น จนจิตมั่นคงขึ้น ก็สามารถขยาย หรือย่อ หรือเคลื่อนย้ายได้ แล้วสำคัญว่านั่นเป็นพระองค์จริง กระทั่งเลยเถิดหลงไปถึงขั้นว่าเป็นการไปเข้าเฝ้าองค์พระพุทธเจ้า แท้จริงแล้วเป็นเพียงนิมิต เป็นขั้นต้น ๆ ของการฝึกฝนอบรมจิตเท่านั้น คือในขั้นต้นที่เรียกว่าอุคหนิมิต หรือสูงขึ้นมาหน่อยก็เป็นขั้นปฏิภาคนิมิต อย่างมากที่สุดก็ใกล้แตะองค์ฌานเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นปฐมฌานด้วยซ้ำไป [/FONT]

    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]พระพุทธเจ้านั้นเสด็จดับขันธปรินิพพานนานแล้ว ทั้งรูปกายและนามกายของพระองค์ดับไปหมดสิ้นแล้ว ไม่มีทางที่จะเห็นได้ ไม่ว่าด้วยประการใด ๆ นอกจากเห็นพระองค์จากพระธรรมที่ทรงแสดงเท่านั้น ดังพระพุทธพจน์ที่ว่าผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ธรรมที่ว่าเห็นนี้ก็คือการเห็นความจริงตามความเป็นจริงว่าสิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมมีความดับเป็นธรรมดา [/FONT]

    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]จึงอย่าได้ติดยึดลุ่มหลงกับการอวดอ้างหรือหลอกลวงในเรื่องเห็นหรือไม่เห็นพระพุทธเจ้าเลย จงฝึกฝนอบรมปฏิบัติจิตตนให้มีความมั่นคง ให้มีความบริสุทธิ์ ให้มีพละกำลังควรแก่การทำหน้าที่ของจิตเป็นลำดับ ๆ ไป จนกระทั่งบรรลุมรรคผลนิพพานจะดีกว่า.[/FONT]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา paisalvision
     
  2. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ทำไมไม่ถามเขาล่ะว่าพระพุทธเจ้าหน้าตาอย่างไร ตรงกับที่เราคิดไว้ไหมลักษณะ ๓๒ มหาบุรุษ แล้วพระพุทธเจ้าไม่ว่าหรืออยู่ๆก็เข้าพบไม่ได้ขออนุญาติ พบแล้วท่านตรัสสั่งว่าอะไรหรือเปล่า ควรไหมที่จิตจะกำหนดให้เป็นไปอย่างนั้น คิดเอาเองนะ หลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพาน แม้เหล่าพระอรหันต์ขีนาสพผู้มีฤทธานุภาพมากมายมหาศาลก็ไม่พึงกล่าวในเรื่องนี้ เขาเป็นใคร? ถึงกล้าพูด
     
  3. ^บัวหลวง^

    ^บัวหลวง^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +661
    ของอย่างนี้เป็นปัจจัตตัง วิญญูชนพึงรู้ได้เฉพาะตัวค่ะ
     
  4. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ศาสตราจารย์ แสง จันทร์งาม .......โอ้หนอ.....

    ช่างด่วนสรุปจัง.......ส่อแววนิพพานสูญ.....ส่อแววตายแล้วสูญ.....

    ปัจจัตตัง....ครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2009
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ในพระสูตร มีกล่าวว่า เทวดาและพรหมจะเห็นเราได้ก็แต่กายนี้ เมื่อกายแตกดับแล้วจะไม่มีทางเห็นเรา

    ทีนี้ มีข้อสังเกตุอยู่ตรงที่ว่า หลวงปู่มั่น ท่านว่า เมื่อถึงที่สุดภูมิ ท่านเห็น พระพุทธองค์ และสาวก เสด็จมาโปรด ตรงนี้ เป็นที่น่าสังเกตุว่า แสดงว่า ต้องมีตาอย่างหนึ่ง ที่สามารถเห็นพระพุทธองค์ และ พระอรหันต์สาวกได้

    หลวงตามหาบัวว่า พระพุทธเจ้าและพระอรหันตเจ้ามาเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างไร และท่านอยู่ที่นั่น

    แต่ก็มีข้อสังเกตุว่า ในพรหมชาลสูตรนั้นบอกว่า เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจะไม่เห็น กายตถาคต

    พระอาจารย์เส็ง กล่าวไว้ว่า ตาพระอรหันต์จะเห็น พระพุทธองค์ ส่วนเทวดา พรหมและ มนุษย์ไม่มีทางเห็น


    ดังนั้น จึงเชื่อว่า นิพพานไม่สูญ ไม่ต้องการที่อยู่ และยังดำรงอยู่ โดยไม่เกาะกับสมมติ

    ตานิพพานเท่านั้นจึงจะเห็น แต่เห็นอย่างไรนั้น ไม่ทราบ

    แต่สำหรับ ปุถุชน ถ้าใครเห็นพระพุทธองค์แล้วให้ถือว่า เป็นพุทธานุสติ อย่าไปหลงเป็นพอ
     
  6. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    เห็นด้วยครับ ^-^
     
  7. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.591787/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 015.mp3
      ขนาดไฟล์:
      3.7 MB
      เปิดดู:
      493
  8. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ผมว่าเห็นได้จริงแต่จะเห็นได้ต้อง เป็นพระ อริยะบุคคลก่อน
     
  9. toangsg

    toangsg สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +2
    ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นตถาคต
     
  10. เติ้ล 072

    เติ้ล 072 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +2
    ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้อย่างชัดเจน ครับ
    ส่วนที่คุณคิดว่ารูปร่างที่เห็นเป็นมหาบุรุษ ๓๒ ประการนั้น นั่น...ไม่ใช่พระพุทธเจ้าตัวจริง แต่นั่นคือ กองของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เรามาดูซิว่า สิ่งที่ไปนิพพานคือร่างกายตัวนี้หรือปล่าว......ปล่าวหรอกครับ ตัวที่ไปนิพพานจริงๆนั้นก็คือ อทิสมานกาย (จิต) นั่นเอง ส่วนร่างกายนี้(พระพุทธเจ้า) ก็คงทิ้งไว้ในโลกนี้เหมือนกับ เราๆท่านๆนี้และ ครับ:boo:
     
  11. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    จริงไม่จริง ไม่รู้นะ แต่ทรงภาพท่านแล้วจิตใจสงบ จิตละวางจากกิเลสได้

    จิตมีความสุข สบาย แค่นี้ก็ดีมากๆ แล้วครับ ไม่ต้องไปสงสัยหรอกเห็นจริงหรือไม่

    ปฏิบัติเอง รู้เองดีกว่า
     
  12. ดาราจักร

    ดาราจักร ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,707
    ค่าพลัง:
    +10,092
    เรื่องของการเห็น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เรียก พุทธานุสติ ก็ได้ครับ

    ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ ทรงพุทธานุสติแบบมโนมยิทธิ อาจจะเป็นเรื่องไม่จริงก็ได้แบบที่เขาว่า

    ก็ตั้งแต่ปฏิบัติมา ก็มีกำลังใจทำดีมาตลอด ทั้ง ทาน ศีล และภาวนา

    ใจก็เย็น ไม่โกรธทั้งวัน ไม่มีเรื่องกามคุณ มากวนจิตใจ ไม่ค่อยมีความต้องการอะไร สมถะขึ้น

    ไม่เปรียบเทียบ ทำแบบนี้ดี ทำแบบนั้นผิด แต่คอยดูใจตัวเอง ให้ทรงความดี ให้ได้

    จิตก็ทรงฌานได้ ขันธ์ 5 ก็ไม่สน ใจคุมเวทนาอยู่ นั่งสมาธิได้นานตามแต่ใจ (3ชม/ครั้ง)

    สำหรับศีล ก็บริสุทธิ์ตลอดมา

    ใจก็ถ่อมตัวมากขึ้น เพราะยิ่งรู้มากขึ้น ก็เหมือนเห็นว่า เราโง่มาตลอดเลย เรายังเป็นคนเลวอยู่เสมอ และจะพยายามเอาดีให้ได้ คือที่สุดแห่งทุกข์

    ทุกคนย่อมมีระดับปัญญาที่แตกต่างกันไป ความเข้าใจจึงแตกต่างกัน

    ขอโมทนาทุกคนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2009
  13. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    อย่าลืมว่า มีกรรมฐานกองสำคัญที่เรียกว่า "พุทธานุสติกรรมฐาน" นะครับ

    เห็นพระพุทธเจ้านั้นเห็นด้วยจิตครับ ใครทำใครได้


    และนอกจากนี้ หลักสูตรในการปฏิบัติในพระพุทธศาสนา ในฝ่ายของสาวกภูมิ มี 4 ประเภท

    คือ

    1. สุขะวิปัสโก ไม่รู้ไม่เห็นไม่มีญาณที่เป็นทิพย์หรือทิพย์จักษูญาณ

    2. เตวิชโช หรือวิชชาสาม ได้ทิพยจักษุญาณ ทิพย์โสต

    3. ฉฬะภิญโญ หรือวิชชาหก เพิ่มแสดงอิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ อภิญญาได้อีก

    4. ปฏิสัมภิทัปปัตโต เพิ่มทรงพระไตรปิฏก รู้ทุกภาษาทั้งจักรวาล ฉลาดในการแสดงธรรม

    นอกเหนือจากที่ทั้งสี่วิสัย ได้วิมุติญาณทัศนะ ละกิเลสจากใจเป็นพระอริยะเจ้าและแจ้งซึ่งพระนิพพานแล้ว

    ดังนั้น หากเอาเกณฑ์ของท่านที่เป็นวิสัยสุขะวิปัสโกมา ชี้วัดย่อมมองแคบไปครับ


    การเห็นพระพุทธเจ้าได้นั้น ขึ้นกับจิตของท่านปิดอยู่หรือไม่ เปิดเมื่อไหร่ก็เห็นพระพุทธเจ้าและพระธรรมของพระพุทธองค์ท่านได้ในที่สุดครับ

    อย่าลืมว่าเราไม่ได้เห็นท่านด้วยตา ได้ยินธรรมของท่านด้วยหู


    "แต่สัมผัสได้ด้วยใจครับ"

    ปัตจัตตัง รู้ได้ด้วยตนเอง เราปฏิบัติถึงย่อมซึ้งด้วยใจเรา

    อกาลลิโก ไม่มีกาล ปฏิบัติเมื่อไร ได้รับผลแห่งการปฏิบัติเมื่อนั้น มรรคผลสมัยพุทธกาลปรากฏ หากเราปฏิบัติในสมัยนี้ เวลานี้ หากปฏิบัติถูกแนวก็ปรากฏผลเช่นกัน

    เอหิปัตสิโก ขอท่านทั้งหลายจงมาปฏิบัติเพื่อพิสูจน์และรู้ได้ด้วยตนเองเถิด

    โอปะนะยิโก น้อมนำธรรม มาชำระล้างกิเลสเครื่องเศร้าหมองของใจ
     
  14. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    ....ใจ เป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน เห็นด้วยใจ ....ใจที่เป็นทิพ...

    ...เรียกว่า ทิพจักขุญาณ....ไม่ใช่ตาทิพย์....

    ...ทำได้...ใจถึง...จึงเห็น........

    ...ทำไม่ได้...ทำใจไม่ถึง....จึงไม่เห็น....ใช่ว่าไม่มีจริง.......
     

แชร์หน้านี้

Loading...