ศาสนาคริสต์ เชื่อมโยงกับวิทยาศาสตร์กอย่างไร ?? อะไร ยังไง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย pakung, 29 พฤษภาคม 2009.

  1. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
    [FONT=&quot]ก่อนอื่นจะบอกว่า ไม่ได้ ลบหลู่หรือดูถูกแต่อย่างใด และ ไม่ได้บอกว่าสิ่งที่จะพูดไม่ถูก หรือ ถูกอย่างไรแต่แค่อยากมาเล่าให้ฟัง และจะมีทุกๆศาสนามาให้เห็น อ่านจะเป็นประเด็น รุนแรง หรือ อย่างไร แต่เป็นแค่ความคิดเห็นเท่านั้น [/FONT]……..[FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ประเด็นที่ว่าจะเอาศาสนาคริสต์ มาเชื่อมโยงกับวิทยาศาสตร์อย่างไร [/FONT]
    [FONT=&quot]ก็เหมือนเอาข้อมูลในตำรามาให้เราดู เช่น ข้อมูลจากนาซ่า ซึ่งคนอธิบายข้อมูลไมได้ออกไปดูนอกโลกซะหน่อย แล้วจะเอาข้อมูลในตำรามาอธิบายทำไม [/FONT]
    [FONT=&quot]เขาบอกว่า พระเจ้าคือผู้สร้างสรรค์ [/FONT]
    [FONT=&quot]มีคนทำให้เกิด [/FONT]BIGBANG [FONT=&quot]เขาก็อธิบายต่อไปว่า การเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ ถ้าสมมติ ระเบิดไม่เหมาะสม หรือ ไม่พอดี ก็เกิดจักรวาลไม่ได้ <o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ด้วยความเร็ว [/FONT]10700 [FONT=&quot]ถ้าโคจรไม่เร็วเท่านี้ โลกก็จะแปรปรวน พระเจ้า ผู้สร้างสรรค์ [/FONT]
    [FONT=&quot]ทุกอย่างประกอบด้วย โปรตรอน อิเล็กตรอน และ นิวตรอน [/FONT]
    [FONT=&quot]แล้วถ้าอนาคต มีเล็กกว่า นี้ จะอ้างอะไรอีกละ [/FONT]
    [FONT=&quot]ย้ำอีกทั้งหมดเกิดขึ้นโดยบังเอิญ หรือ เกิดขึ้นโดยการสร้างสรรค์ของใครบางคน[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]บอกต่อไปอีกว่า ความเชื่อดบราณที่เชื่อว่าโลก แบน หรือ [/FONT]atlas [FONT=&quot]แบกดลกไว้ไม่ถูก และในพระคัมภีร์ก็ไม่ได้บอกว่าโลก แบน [/FONT]
    [FONT=&quot]แล้วถ้าอนาคตมีคนบอกว่าโลกไม่กลม จะเชื่ออีกไหม [/FONT]
    He suspended the earth over nothing
    [FONT=&quot]จบๆๆ [/FONT]
    [FONT=&quot]จบๆ ติดตามตอนต่อไป<o></o>[/FONT]
     
  2. Add-on

    Add-on Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2008
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +64
    ไร้สาระ ปิดมู้ จบ
     
  3. โชเต

    โชเต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +331
    "ประเด็นที่ว่าจะเอาศาสนาคริสต์ มาเชื่อมโยงกับวิทยาศาสตร์อย่างไร
    [FONT=&quot]ก็เหมือนเอาข้อมูลในตำรามาให้เราดู เช่น ข้อมูลจากนาซ่า ซึ่งคนอธิบายข้อมูลไมได้ออกไปดูนอกโลกซะหน่อย แล้วจะเอาข้อมูลในตำรามาอธิบายทำไม"[/FONT]

    [FONT=&quot][/FONT]
    ผมตอบว่า ตำราส่วนใหญ่ที่พวกฝรั่งเขียนขึ้นมา มันก็มีทั้งจริง ทั้งหลอก ปะปนกันไป
    (แต่ลองมองกันดี ๆ พวกเขาก็หลอกเราอยู่กันตลอด ๆ ว่าแต่จะ "แนบเนียน" หรือไม่)
    แต่ที่รู้ ๆ พวกฝรั่งมังค่า เขาคิดว่า "ตนเอง นั้นเก่ง ตนนั้นประเสริฐ ตนนั้น...ฯลฯ"
    จิตใจของพวกเขา "นิยมแบ่งชนชั้น" หรือเรียกหยาบๆ ว่า "เหยียดชนชาติ" ครับ

    แท้ที่จริงแล้ว พวกเขาก็เป็นคนเหมือนกันกับ เรา ๆ มีแขน มีขา มีจมูก มีปาก เฉกเช่น
    "มนุษย์" ทั่ว ๆ ไป แต่ต่างกันแค่ สีผิว รูปล่าง ลักษณะ ตามเผ่าพันธุ์เชื้อชาติ นั้นๆ
    คำสมมุติฐานต่าง ๆ ในทางวิชาการ และปฏิบัติ พวกเขาสรุปเอาเอง (เม้กเอง)
    คิดว่าจะ "ต้องถูกเสมอ" ในอีกทางหนึ่ง พวกเขาก็ "บังคับ และขู่เข็ญ" ไปในตัว

    "เขาบอกว่า พระเจ้าคือผู้สร้างสรรค์
    [FONT=&quot]มีคนทำให้เกิด [/FONT]BIGBANG [FONT=&quot]เขาก็อธิบายต่อไปว่า การเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ ถ้าสมมติ ระเบิดไม่เหมาะสม หรือ ไม่พอดี ก็เกิดจักรวาลไม่ได้ <O></O>[/FONT]
    [FONT=&quot]โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ด้วยความเร็ว [/FONT]10700 [FONT=&quot]ถ้าโคจรไม่เร็วเท่านี้ โลกก็จะแปรปรวน พระเจ้า ผู้สร้างสรรค์ [/FONT]
    [FONT=&quot]ทุกอย่างประกอบด้วย โปรตรอน อิเล็กตรอน และ นิวตรอน [/FONT]
    [FONT=&quot]แล้วถ้าอนาคต มีเล็กกว่า นี้ จะอ้างอะไรอีกละ"[/FONT]

    [FONT=&quot][/FONT]
    ก็ไม่เห็นต้องคิดอะไรมากเลยครับ และ(ก็อีกนั่นแหละ) พวกเขาก็อ้าง "พระเจ้า"
    เพียงเพราะว่า ไม่ต้องการให้ "ทฏษฎี" ของพวกเขานั้นถูก "ลบล้าง"
    พวกเขาจะพยายามทุก ๆ วิถีทาง(ไม่ว่าจะสกปรกแค่ไหน) จะผิดจะถูกอย่างไร
    พวกเขาก็ยัง "หน้าด้าน หน้าทน" และอวดรั้น ทะนงตน หรือเรียกว่า "หยิ่ง"

    ไม่ยอมรับฟังเหตุผล และทฏษฎี ทั้งทางปฏิบัติ หรือทางวิชาการใด ๆจาก
    ชนชาติไหนๆ ที่ไม่ใช่ "พวกเขา(ฝรั่ง)" ต่อเมื่อ "จะได้เห็นกับตาและมีข้อพิสูจน์"
    ที่สามารถหักล้างเหตุผล และทฏษฎี ทั้งทางปฏิบัติ หรือทางวิชาการใด ๆที่ทำให้
    พวกเขานั้น "อึ้งกิมกี่" หรือเห็นซึ่ง "หลักฐาน"นั้นๆ

    ย้ำอีกทั้งหมดเกิดขึ้นโดยบังเอิญ หรือ เกิดขึ้นโดยการสร้างสรรค์ของใครบางคน<O></O>
    [FONT=&quot]บอกต่อไปอีกว่า ความเชื่อดบราณที่เชื่อว่าโลก แบน หรือ [/FONT]atlas [FONT=&quot]แบกดลกไว้ไม่ถูก และในพระคัมภีร์ก็ไม่ได้บอกว่าโลก แบน [/FONT]
    [FONT=&quot]แล้วถ้าอนาคตมีคนบอกว่าโลกไม่กลม จะเชื่ออีกไหม[/FONT]


    ก็อย่างที่ผมได้บอกมาล่ะครับ พวกเขาเป็น "นักวิทยาศาสตร์" นี่ ยังไง ๆ พวกเขา
    ก็จะต้องพิสูจน์และก็แสวงหา "ทฏษฎี เหตุผล ข้อเท็จจริง ฯลฯ" ไปเรื่อยๆ ครับ
    เพียงแค่ต้องการอยู่อย่างเดียวว่า "พวกเขานั้น "ถูกเสมอ ถูกตลอดกาล" ไงล่ะครับ"

    ถ้าไม่อย่างงั้น พวกเขาคงไม่บอกได้แบบเต็มปากเต็ม "กระเดือก" ของเขาล่ะครับ ว่า
    "พระเจ้าสร้างโลก สร้างทุกอย่าง" จงยำเกรงพระเจ้า ฯลฯ อย่างนั้น อย่างโน้น ฯลฯ
    งั้นพระเจ้าของพวกเขา ทำไมไม่สร้าง "มนุษย์" ที่ดีมีศีลธรรมให้มันมากกว่า "มนุษย์"
    ที่สุดแสน "เลว ระยำ อัปรีย์จัญไร ชั่วช้ายิ่งกว่าใดๆ" ขึ้นมาให้บนโลกนี้
    (หรือว่าพวกเขาคงจะรอวัน "พิพากษา" ของพระผู้เป็นเจ้า วันนั้นทีเดียวเลย)
    อยู่ร่วมกัน "ซึ่งสันติ" ตามที่พวกเขาปรารถนากันล่ะครับ

    และแน่นอน ผมตอบแบบนี้ พวกเขาก็ต้อง "โต้ตอบ" ผมมาว่า
    "มันเป็นความประสงค์ ของพระผู้เป็นเจ้า" จากนั้นพวกเขาก็จะ "ร่ายยาว"
    แล้วก็ "หยิบยกพระคัมภีร์ วรรคนั้น วรรคนี้ ว่าด้วยตอนที่โน้น นั้น นี่...?"
    ก็อย่างที่ผมบอกมายังไงล่ะครับว่า "ไม่ว่าจะอย่างไร พวกเขาจะต้อง "ถูก" เสมอ"
    ผมพูดผิดไหมครับ?



     
  4. ~[N]~[N]~

    ~[N]~[N]~ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +1
    ศาสนาเชื่อมโยงกะวิทย์? คุณเค้าใจคำว่าๆศาสนามั้ยคัฟ
    และๆ ถ้าคุนสงสัยใน คำว่า พระเจ้าคิอผู้สร้างสรรค์ ผมขอถามคุนว่าถ้า B B มีจิงอะรัยทามให้เกิด B B คุนรุมั้ย เพราะงี้ เค้ากะเรยต้องคิดว่า มีผู้สร้างถูกมั้ยๆ ซึงกะคือพระเจ้า
    และที่คุนบอกว่าๆ พวกเขาจะพยายามทุก ๆ วิถีทาง(ไม่ว่าจะสกปรกแค่ไหน) จะผิดจะถูกอย่างไรพวกเขาก็ยัง "หน้าด้าน หน้าทน" ผมว่าหน้าจะ .... มากกว่านะ [เรี่ยไรเงินหน่อยจร้า] ^^

    ไม่ยอมรับฟังเหตุผล และทฏษฎี ทั้งทางปฏิบัติ หรือทางวิชาการใด ๆจาก
    ชนชาติไหนๆ ที่ไม่ใช่ "พวกเขา(ฝรั่ง)" ต่อเมื่อ "จะได้เห็นกับตาและมีข้อพิสูจน์"
    ผม ว่าดีๆนะๆ ไม่หลอกเลียนแบบไม่เชื่ออะไรง่ายย เพราะงี้พวกเค้า ~ถึงไปไกลๆ~
    *ผมเองเปง คน หนึ่งที่นับถือศาสนาพุทธ แต่คุนรุมั้ยว่าๆ ศาสนาคริสต์ เปงศาสนาๆที่ได้ชือว่ามีเหตูผล มากๆ และเปงศาสนาๆที่เข้าถึงๆความรุสึกของมนุษย์ได้ดีๆที่สุด ถ้าคุนรุเกี่ยวกับจิตวิทยาๆลองศึกษา จะเข้าใจถึงความแตกต่างของทุกศาสนา
    แล้วๆ อัลเบิรต์ เค้าไม่ได้บอกแต่ศาสนาพุทธ นะคัฟ ถ้าคุนอ่านประวัติศาสตร์คุนจะเข้าใจว่าทามไม เค้าถึงเลือกพูดถึงศาสนาพุทธ ผมเชือว่าถ้า พูดมากกว่านี้ๆคง ทะเลาะกันแหงๆ^^
     
  5. ธาตุ 4

    ธาตุ 4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2009
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +110
    ศานสนาคริสต์ดีตรงที่ว่าไม่ให้กราบใหว้รูปเคารพ ศรัธาในพระเจ้า
    ถ้าชาวพุทธเราไม่ไปยึดติดกับ รูป ยันต์ เหรียญ ตะกรุด และ
    มีศรัทธาในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอย่างเดียว ประเทศไทยก็จะไม่เกิดความวุ่นวาย
    มากหรอก
     
  6. atsnop

    atsnop สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +4
    ทำอย่างไรจะเข้าถึงแก่นพระศาสนา

    ปัญหา ธรรมดาต้นไม้ใหญ่ย่อมมีทั้งใบอ่อน สะเก็ด เปลือก กระพี้ และแก่น พระพุทธศาสนาซึ่งเปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ ก็น่าจะมีเครื่องประกอบเหล่านี้อะไรคือใบอ่อน สะเก็ด เปลือก กระพี้ และแก่นของพระพุทธศาสนา? ภิกษุในพระพุทธศาสนาควรจะปฏิบัติอย่างไร จึงจะเข้าถึงแก่นพระศาสนา ?

    พุทธดำรัสตอบ “.....กุลบุตรบางคนในโลกนี้คิดเห็นว่าเราเป็นผู้อันความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย อันโศกแลความร่ำไรแลทุกข์และความเสียใจความคับแค้ทั้งหลายครอบงำแล้ว.... เป็นผู้ออกจากเรือนบวชแล้ว ในธรรมวินัยด้วยศรัทธา.... ครั้นบวชแล้วอย่างนั้น ให้ลาภสักการะความสรรเสริญเกิดขึ้นอยู่ เธอก็เป็นผู้มีความยินดีเต็มความดำริด้วยลาภสักการะความสรรเสริญนั้น ย่อมยกตนข่มผู้อื่น ..... ว่าเราเป็นผู้มีลาภสักการะแลความสรรเสริญ ส่วนภิกษุเหล่าอื่นเป็นผู้ลี้ลับมีศักดานุภาพน้อย ดังนี้ เธอไม่ให้เกิดความพอใจไม่พากเพียร เพื่อทำให้แจ้งธรรมทั้งหลายอันยิ่งกว่าประณีตกว่าลาภสักการะความสรรเสริญนั้น.... เรากล่าวบุคคลนี้ว่า เปรียบดังบุรุษต้องการแก่นไม้... เมื่อไปถึงต้นไม้ใหญ่ มีแก่นตั้งอยู่ กระพี้ เปลือกสะเก็ดเสีย เด็ดเอาใบอ่อนที่กิ่งด้วยเข้าใจว่าแก่นถือเอาไป กิจซึ่งควรทำด้วยแก่นไม้ของบุรุษนั้น ก็จักไม่สำเร็จประโยชน์ได้
    “.....กุลบุตรอีกคนหนึ่ง เห็นทุกข์อย่างนั้นเหมือนกัน เป็นผู้ออกจากเรือนบวชในธรรมวินัย.... ให้ลาภสักการะสรรเสริญเกิดข้นอยู่อย่างนั้น แต่ไม่เป็นผู้มีใจยินดีด้วยลาภสักการะสรรเสริญนั้น.... เธอให้ความถึงพร้อมด้วยศีลเกิดขึ้นอยู่ ครั้นให้ความถึงพร้อมด้วยศีลเกิดขึ้นแล้ว ก็เป็นผู้มีใจยินดีเต็มความดำริด้วยความถึงพร้อมด้วยศีลนั้น ไม่พากเพียรเพื่อทำให้แจ้งธรรมทั้งหลายที่ประณีตกว่าศีล เรากล่าวบุคคลนี้ว่าเปรียบดังบุรุษต้องการแก่นไม้..... เมื่อไปถึงต้นไม้ใหญ่.... ล่วงแก่นกระพี้ เปลือกเสียถากเอาสะเก็ดเข้าใจว่าแก่ถือเอาไปกิจที่ควรทำด้วยแก่นไม้ ของบุรุษนั้นก็จักไม่สำเร็จประโยชน์ได้
    “.....ผู้หนึ่งครั้นบวชแล้ว ให้ลาภสักการะความสรรเสริญเกิดขึ้นอยู่ให้ความถึงพร้อมด้วยศีล เกิดขึ้นอยู่.... แต่ไม่เต็มความดำริด้วยความถึงพร้อมด้วยศีลนั้น เธอให้ความถึงพร้อมด้วยสมาธิเกิดขึ้น ครั้นให้ความถึงพร้อมด้วยสมาธิเกิดขึ้นแล้ว เธอก็มีใจยินดีเต็มความดำริด้วยความถึงพร้อมด้วยสมาธินั้น ยกตนข่มผู้อื่นเพราะความถึงพร้อมด้วยสมาธินั้น .... ไม่พากเพียรเพื่อทำให้แจ้งธรรมอื่น ซึ่งประณีตกว่าความถึงพร้อมด้วยสมาธิ เรากล่าวบุคคลนี้ว่า เปรียบดังบุรุษต้องการแก่นไม้....เมื่อไปถึงต้นไม้ใหญ่ล่วงแก่นกระพี้เสีย ถากเอาเปลือกเข้าใจว่าแก่นถือเอาไป กิจซึ่งควรทำด้วยแก่นไม้ของบุรุษนั้น ก็จักไม่สำเร็จประโยชน์ได้
    “.....ผู้หนึ่งครั้นบวชแล้ว ให้ลาภสักการะความสรรเสริญเกิดขึ้นอยู่ให้ความถึงพร้อมด้วยศีล ความถึงพร้อมด้วยสมาธิเกิดขึ้นแล้ว.... แต่ไม่เต็มความดำริด้วยความถึงพร้อมด้วยศีลนั้น เธอให้ญาณทัสสนะคือ ความรู้ความเห็นเกิดขึ้นได้ ครั้นให้ญาณทัสสนะเกิดขึ้นแล้ว เธอก็มีใจยินดี..... ย่อมยกตนข่มผู้อื่นด้วย ญาณทัสสนะ นั้น .... ไม่พากเพียรเพื่อทำให้แจ้งธรรมทั้งหลายอื่นซึ่งประณีตกว่า..... เรากล่าวบุคคลนี้ว่า เปรียบดังบุรุษต้องการแก่นไม้....เมื่อไปถึงต้นไม้ใหญ่ล่วงแก่นกระพี้เสีย ถากเอาเปลือกเข้าใจว่าแก่นถือเอาไป กิจซึ่งควรทำด้วยแก่นไม้ของบุรุษนั้น ก็จักไม่สำเร็จประโยชน์ได้
    “.....กุลบุตรบางคนในโลกนี้ ครั้นบวชแล้ว ให้ลาภสักการะสรรเสริญเกิดขึ้นอยู่ .... ให้ความถึงพร้อมด้วยศีลแลสมาธิแล ญาณทัสสนะเกิดขึ้นอยู่ เธอก็ไม่เป็นผู้มีใจยินดี.... พากเพียรอยู่เพื่อทำให้แจ้งธรรมทั้งหลายอื่นอันประณีตกว่าญาณทัสสนะ ธรรมที่ยิ่งกว่าประณีตกว่าญาณทัสสนะเป็นไฉน
    “ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดแล้วจากกามทั้งหลาย สงัดแล้วจากอกุศลธรรมทั้งหลาย บรรลุฌานที่แรก..... ธรรมนี้ยิ่งกว่าประณีตกว่าญาณทัสสนะ
    “อีกข้อหนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ได้บรรลุฌานที่สาม.... ได้บรรลุฌานที่สี่ ...... บรรลุอากาสานัญจายตนอรูปฌาน.... บรรลุวิญญาณัญจายตนอรูปฌาน....บรรลุอากิญจัญญายตนอรูปฌาน.... บรรลุเนวสัญญานาสัญญานอรูปฌาน.... บรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธ.... อาสวะทั้งหลายของภิกษุนั้นสิ้นไปแล้วเพราะเห็นด้วยปัญญา แม้ธรรมนี้ก็ยิ่งกว่า ประณีตกว่าญาณทัสสนะ เรากล่าวบุคคลนี้ว่า เปรียบเหมือนบุรุษต้องการแก่นไม้.... เมื่อไปถึงต้นไม้ใหญ่รู้จักว่าแก่น ตัดเอาแต่แก่นเท่านั้นถือเอาไป กิจที่ควรทำด้วยแก่นไม้ของบุรุษนั้น ก็จักสำเร็จประโยชน์ได้ ดังนี้
    “พรหมจรรย์นี้มิใช่มีลาภสักการะความสรรเสริญเป็นอานิสงส์ มิใช่มีความถึงพร้อมด้วยศีลและสมาธิ แลญาณทัสสนะเป็นอานิสงค์ พรหมจรรย์นี้มีเจโตวิมุต ความที่จิตพ้นวิเศษอันไม่กำเริบนี้แลเป็นประโยชน์ พรหมจรรย์นี้มีวิมุตินั้นเป็นแก่นสาร มีวิมุตินั้นเป็นที่สุดรอบ ๙”

    จูฬสาโรปมสูตร มู. ม.
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** เป็นแก่นสาร ****

    สัจจะ...ตัดลดละ นิสัยสันดานตนเอง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  8. aonwit01

    aonwit01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    681
    ค่าพลัง:
    +1,025
    จารู้ไปทำไมเนี่ย

    พระพุทธเจ้าไม่เคยสอน
     
  9. supphakit22

    supphakit22 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +3
    แล้วพวกคุณคิดอย่างไรกับคำพูดของนักวิทยาศาสตร์คริสต์ผู้นี้ ที่มีต่อ อัลกุรอาน

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=Pqp5JgAFY_c"]YouTube - christian scientist confirm Quran is true! (thai sub) by IITMB[/ame]

    นี่คนคริสต์นะครับ ไม่ใช่อิสลาม
     
  10. Hikikomori

    Hikikomori เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +326
    พระเจ้ามีจริงครับก็เป็นคนเหมือนอย่างเรานี่แหละ(ถ้าดูในแง่ว่าเราเป็นคน) เกิดจากจิตใต้สำนึกของเราเองที่ปั้นแต่งปรุงจิตขึ้นมา บางทีก็เอามาเก็บกดระบายเป็นความฝัน ผมเคยโดนชกมาแล้วเลยเกิดคิดอะไรไม่ดีในฝันหนะ(เรื่องจริงพูดอะไรไม่ดีก็อาจโดนได้เหมือนกัน) คล้ายๆวิธีรีโมทวิวอิ้งของคุณเอคโค่ไน้นั่นแหละ เรื่องอย่างนี้ต้องเจอกับตัวเองถึงจะรู้สึก
     
  11. poomcard

    poomcard Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +57
    ผมเชื่อว่าพระเจ้าสร้างจักรวาลและสร้างทุกสิ่ง
     
  12. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,421
    ค่าพลัง:
    +4,649
    ผมก็เชื่อว่าพระเจ้าสร้างโลกนะ

    แต่พระพุทธเจ้าสอนให้ละโลก

    ศาสนากับวิทยาศาสตร์คนละอย่างกัน คำขวัญของอเมริกาคือ "เราเชื่อในพระเจ้า"

    วิทยาศาสตร์อ้างอิงด้วย วัตถุ ข้อมูล หลักฐาน แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยเมื่อมีการค้นพบใหม่

    แต่ศาสนาอ้างอิงด้วยศรัทธา ไม่จำเป็นต้องมี วัตถุ ข้อมูล หลักฐาน และไม่มีการเปลี่ยนแปลง
     
  13. ผีเสื้อโบกโบย

    ผีเสื้อโบกโบย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +4
    คำว่า "พระเจ้า" ในศาสนาคริสต์ไม่ได้หมายถึงคน ๆ หนึ่ง แต่หมายถึง "สิ่งหนึ่ง" ที่เป็นเหตุของการเป็นอยู่และมีอยู่ของสรรพสิ่ง

    ในศาสนาพุทธ ก็ยังพูดถึง "ผล" ต้องมาจาก "เหตุ" แล้วเหตุสูงสุดที่ไม่มีเหตุอื่นใดอีกก็คือ คำว่า "พระเจ้า" ในศาสนาคริสต์นั่นเอง

    ดังนั้น คำว่า วิทยาศาสตร์ กับ ศาสนา จึงยังห่างชั้นกันมาก เพราะขอบเขตของวิทยาศาสตร์ยังจำกัดอยู่ในวงแคบ เพราะต้องขึ้นอยู่กับการทดลองหรือทดสอบโดยทางวัตถุอยู่ แต่ศาสนาเป็นการไปในระดับจิต และเป็นการเดินทางที่กว้างใหญ่

    แต่สิ่งหนึ่งที่วิทยาศาสตร์มีเหมือนกับศาสนาก็คือ "ความเชื่อ" สังเกตุดูว่า เวลาที่นักวิทยาศาสตร์ได้พูดอะไรสักอย่างจะปรากฏคำว่า "เชื่อว่า" หรือ "สันนิษฐานว่า" บ่อยมากดังนั้น การทดลองทางวิทยาศาสตร์มากกว่าครึ่ง จึงยังเป็นลักษณะของความเชื่อ มากกว่าความจริง เพราะมีโอกาสเปลี่ยนได้เสมอ
     
  14. Pelagia

    Pelagia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,198
    จะว่าไปบิ๊กแบงก็ยังเป็นความเชื่ออยู่นะ
     
  15. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    คุณนั้งดู TV อยู่ที่บ้าน รายการ สาระคดี คุณเห็น ปลาวาฬ ที่ตัวใหญ่กว่ารถยนต์ หรือ ขนาดพอๆกับเครื่องบิน จากสิ่งที่เห็นใน TV

    สมมุติว่า รายการนี้เป็นรายการที่มีคนที่คุณ เคารพนับถือมากๆ เป็นโปรดิวเซอร์

    คุณจะมีความเห็นเชื่อไปในทางไหน

    ไม่เชื่อ ปลา บ้าอะไรตัวใหญ่ขนาดนี้ ไม่เห็นกับตา ไม่ได้สัมผัส ยังไงก็ไม่เชื่อ
    ต้องให้ได้ออกเรือไปเจอปลาวาฬตัวนั้นก่อน เอามือไปสัมผัสจริงๆ ถ้าจะให้ดี
    เฉือนเนื้อออกมาให้กินสดๆเลย (กลัวเป็น ปลาของปลอม)...แต่สุดท้ายคนๆนั้น
    มันก็นั้งอยู่ที่บ้านเหมือนเดิม พร้อมกับความไม่เชื่อที่อยู่ในหัวเช่นเดิม


    หรือคุณจะเลือกที่จะเชื่อไปเลย


    มองดูแล้ว ก็สนใจเออดีแปลกจังตัวใหญ่ดี เชื่อๆ..เห็นจาก TV ว่ามีจริง จบ...


    หรือคุณเลือกที่จะเชื่อ/ไม่เชื่อ อย่างละครึ่ง

    เออ แล้วไงตัวไร ใหญ่ดี มาจากนอกโลกหรือป่าววะเนี้ย หรือเป็นต่างดาว ช่างมันไม่ได้เกี่ยวไรกับเรา จบ...
     
  16. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    ทุกศาสนามีการกล่าวสอนที่ดีมาก

    แต่ทุกศาสนาจะเป็นผู้รู้ธรรม รู้กฎของจักรวาลทั้งหมดหรือไม่ต่างหากที่เป็นข้อพิสูจน์

    ศาสนาใดได้ชื่อว่า กล่าวไว้ได้อย่างถูกต้องมากที่สุด จึงควรค่าแก่การนับถือ



    ดังเช่น เรื่องการเกิด

    พุทธสอนว่า ตายแล้วเกิดมานับชาติไม่ถ้วน จนกว่าจะนิพพาน

    คริสต์บอกตายแล้วไปสู่การพิพากษา ไม่มีการกลับมาเกิดอีก

    การกลับชาติมาเกิด หรือหลายๆเคสที่ อ้างว่าตัวเองเคยเกิดเป็นคนนั้นคนนี้

    เกิดจากปีศาจ หรือ มาร หลอกว่า ไม่ต้องไปหาพระเจ้าเพราะถึงแม้ตายแล้วจะได้ไปเกิดใน

    ร่างใหม่(ซี่งเขามองว่าการเกิดใหม่เป็นเรื่องที่ดีเกินไป แต่พุทธมองว่าทำให้เป็นทุกข์)

    อันนี้ได้ไปคุยมาที่เว็บ letsrollforums.com

    เริ่มด้วย เขาอ้างคำสอนสุดท้ายที่พระพุทธ จะปรินิพพานว่า

    ไม่ว่าเธอจะสวดมนต์ รักษาศีล 5 ศีล 10 ศีล 227 ข้อ ก็ไม่ทำให้เธอปลอดภัยได้

    แต่จะมีบุรุษศักดิ์สิทธิ์ ผู้หนึ่ง ผู้มีตำหนิที่หน้าผาก และ แผลที่สีข้าง มาเปลี่ยนวิถีหลุดพ้น

    จากแบบเดิมๆให้เป็นแบบใหม่

    ที่มา : วัดอะไรไม่รู้ที่เชียงใหม่

    ซึ่งผมก็ได้ตอบไปในกระทู้ด้วยความใจเย็นไปแล้ว ด้วยทัศนะแห่งเพื่อนร่วมโลก


    ยังมีการชวนให้เชื่อในพระเจ้าด้วยนะ พระเจ้าจะได้ชี้ทางสว่างให้ผมว่า การเกิดใหม่

    เป็นเรื่องหลอกลวงของปีศาจร้าย
     
  17. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    ตายแล้วเกิดใหม่ หรือ ตายแล้วสูญ เท่านี้ก็รู้ได้ว่าใครของจริง

    http://letsrollforums.com/siddhartha-gautama-buddha-prophecies-t23271.html

    Near his death (483 B.C.) Buddha (The Enlightened One) told his followers, "Regardless of how many laws you have kept, or even if you pray 5 times a day, you cannot be free from your sin. Even though you burn yourself, even though I become a hermit, or am reborn another 10 times, I also shall not be saved." (Manuscript, Praising Temple, Chiengmai Thailand).

    ถ้าจะเข้าไปตอบก็ขอให้คุยอย่างสุภาพนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 ตุลาคม 2010
  18. ผีเสื้อโบกโบย

    ผีเสื้อโบกโบย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +4
    การคุยกับบุคคลใดก็ตามเพื่อแสวงหาความเป็นจริง "ถ้าเขารู้จริง เราก็จะได้ความจริง"

    แต่กับบางคน ทำเป็นอวดรู้ "เราก็จะได้ข้อมูล ที่มั่วมั่ง จริงมั่ง"

    อย่าไปยึดติด อย่าไปมีอคติ ฟังไว้ ดูไว้ แล้วใช้ปัญญาตัวเองพิจารณา

    มีปัญญามาก ก็จะเห็นมาก มีปัญญาน้อย ก็จะเห็นน้อย

    ทั้งหมดนั้น ขึ้นกับปัญญาของเรา
     
  19. ผีเสื้อโบกโบย

    ผีเสื้อโบกโบย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +4
    การคุยกับบุคคลใดก็ตามเพื่อแสวงหาความเป็นจริง "ถ้าเขารู้จริง เราก็จะได้ความจริง"

    แต่กับบางคน ทำเป็นอวดรู้ "เราก็จะได้ข้อมูล ที่มั่วมั่ง จริงมั่ง"

    อย่าไปยึดติด อย่าไปมีอคติ ฟังไว้ ดูไว้ แล้วใช้ปัญญาตัวเองพิจารณา

    มีปัญญามาก ก็จะเห็นมาก มีปัญญาน้อย ก็จะเห็นน้อย

    ทั้งหมดนั้น ขึ้นกับปัญญาของเรา
     
  20. ดินหอม

    ดินหอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +187
    พี่น้องร่วมทุกข์สุข อย่าประมาทไปกล่าวลบลู่สิ่งใด ให้เป็นมโนกรรมเลย
    อัน.ไกรวัลย์ธรรมหรือพระเจ้าหรืออัลลอฮฺหรือธรรมชาติ
    เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพนับถือ
    เพราะเป็นสิ่งที่มีอยู่มาก่อนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์จะกำเนิดมา
    จึงให้ยกไว้เหนือคำวิจารณ์

    ศาสดาทุกองค์ที่กำเนิดมา ย่อมรู้จักสิ่งนั้นดี
    รู้ดีว่าแผ่นดินนี้เป็นที่ทดสอบจิตวิญญาณ
    ศาสดาทุกองค์จึงพยายามพาเรา ให้หลุดพ้นจากสนามทดสอบแห่งนี้
    ด้วยคุณธรรมที่มาจากสิ่งนั้น
    ด้วยทำนองคลองธรรมเดียวคือ ปล่อยวางระงับอะไรอย่างไร
    ส่วนวิธีที่จะถึงที่สุดแห่งการปล่อยวางระงับอย่างไร
    ย่อมเป็นแนวทางของศาสดาแต่ละองค์

    พระพุทธเจ้าก็ทรงได้ธรรมะจากธรรมชาติพระเจ้าพระอัลลอฮฺ(สิ่งเดียวกัน)
    แต่แนวทางของพระพุทธเจ้าทรงชี้ให้มองธรรมชาติจากภายในสู่ภายนอก
    ให้ศึกษาไตร่ตรองพิจารณาความเป็นจริง ให้เป็นผู้พึ่งพาตนเองสู่ความหลุดพ้น
    มากกว่าพึ่งพาความเชื่อเพียงอย่างเดียว จึงเกิดแนวทางของศีลสมาธิปัญญา

    ทุกศาสดาทุกศาสนา ที่ผ่านเวลาอันยาวนานมาหลายพันปีก่อนเราเกิด
    ทุกพระองค์ประเสริฐแล้ว ดีแล้ว ครบถ้วนแล้ว หลุดพ้นแล้ว
    แต่พวกเราละไปถึงไหนกันแล้ว...
     

แชร์หน้านี้

Loading...