สอบถามการนั่งสมาธิวิปัสสนา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Supernova, 28 มีนาคม 2006.

  1. Supernova

    Supernova เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +2,488
    อยากสอบถามหน่อยครับ
    1. ผมสังเกตตัวเองครับ ตอนนั่งสมาธิผมจะนั่งหลับตานิ่งๆ ภาวนา พุท-โธ หรือ นะมะ-พะธะ โดยช่วงแรกๆ ผมจะไม่กำหนดลมหายใจ เพราะว่าผมรู้สึกว่าจิตผมมันสงบได้เร็วขึ้น และพอถึงจุดที่จิตมาสว่าง(เวลานั่งจะปิดไฟในห้อง หรือเปิดไฟสีส้ม แต่รับรู้โดยเห็นความสว่างเอง) ผมค่อยกำหนดลมหายใจด้วยต่อจากนั้น ผมทำอย่างนี้เหมาะสมหรือไม่
    2. บางครั้งผมมีความรู้สึกว่า ตัวผมมันกำลังถูกดึงให้ขึ้นไปออกมา แต่มันไม่ยอมหลุดออกซักที เป็นอาการอย่างนี้ ขึ้นๆลงๆเสมอเลยครับ มันคืออะไรครับ
     
  2. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    1.ดีแล้วครับแล้วแต่ความถนัด กำหนดแบบไหนจิตเป็นสมาธิได้ดีก็ทำอย่างนั้นครับ
    2.สภาวะธรรมครับ เพียงแค่ระลึกรู้ต่อไปตามดูการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆโดยไม่คาดหวังอะไรครับ
     
  3. ThugLife

    ThugLife Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +39
    ความคิดเห็นทั้งหมด เป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ

    อาการของคุณ Supernova นั้น
    ความคิดเห็นส่วนตัวคิดว่าเป็นอาการสมาธิแบบเฉียดๆครับ หรือระหว่างใกล้กับอุปจารสมาธิ (ซึ่งเป็นสมาธิที่จิตจะเป็นทิพย์ ถ้าเป็นฌานไปแล้วจะหายไป)
    ช่วงขั้นนี้ของบางคน ใหม่ๆ อาจจะมีอาการตกภวังค์ หรือเผลอหลับไปบ้าง แต่เมื่อเพียรไปไม่นานก็จะเกิดความมั่นคงมากขึ้น

    การภาวนาโดยทิ้งลมก็ดี หรือจะมีการกำกับอานาปานสติ ดูลมหายใจพร้อมคำภาวนาไปด้วยก็ดีนั้น
    เป็นการให้จิตมีการยึดเหนี่ยวครับ ให้จิตมีงานทำ
    เพราะว่าจิตของคนเรา เมื่อว่างงานเมื่อไหร่ จะเกิดความฟุ้งซ่านอยู่ตลอดเวลา
    จิตจะคิดไปตกในอนาคตและอดีต ไม่ตกอยู่ในปัจจุบันธรรมจริงๆ คือ ไม่สนใจปัจจุบันขณะ (วินาทีนี้ๆ)
    เราจึงต้องหางานให้จิตทำ เพื่อให้เกิด'อารมณ์เดียว' เมื่อเกิดอารมณ์เดียวแล้ว ก็จะเหมาะกับการงาน คือการนำเอาไปใช้ในทางต่างๆ เช่น ให้เกิดฤทธิ์ต่างๆ เป็นต้น
    แต่ทางพระพุทธศาสนา ก็คือเมื่อจิตแข็งพอแก่การงาน ก็เอาไปพิจารณาให้เห็น สามัญลักษณะทั้งสาม คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ซึ่งตัวนี้เรียกว่า วิปัสสนา ( - การทำให้แจ้ง)

    แรกๆพอเราหางานให้มันทำ มันก็ดิ้นบ้างไปทางนู้นบ้าง ทางนี้บ้าง คิดไปเรื่อยเปื่อย (เหมือนกับเอาลูกหมา มาหัดให้เชื่อง ซนไปเรื่อย)
    ครูบาอาจารย์ท่านเลยให้กำหนดลมหายใจด้วย และมีคำบริกรรมไปด้วย และมอบหน้าที่ให้เราต้องระวังเฝ้าดูไว้ตลอดๆ

    อันที่จริงนี้ มันก็แล้วแต่จริตของแต่ละท่านนะครับ
    อาจจะใช้คำภาวนาอย่างเดียว หรือว่าจับลมอย่างเดียว หรืออาจจะทั้งคู่ไปเลย
    เมื่อมันไปถึงจุดนึง มันจะรวมกันเอง ขอให้ตั้งมั่นเอาไว้กับตัวกรรมฐานนั้นๆเสมอ
    แสงสว่าง หรือว่านิมิตต่างๆนั้น เมื่อเกิดขึ้นก็ให้คุณพยายาม อยู่กับตัวกรรมฐานไปครับ ทำไปเรื่อยๆ เห็นก็คิดว่ามันแค่นั้น มันเป็นแค่ "นิมิต" อย่างหนึ่ง
    เพราะใหม่ๆอาจจะมีอาการนิมิตหลอกได้ ซึ่งนักปฏิบัติหลายท่านมักจะติดนิมิตตรงนี้กันนาน(ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์ หรือเพื่อนนักปฏิบัติแนะนำแก้อารมณ์ให้)
    แต่เมื่อละไปตรงนี้ได้แล้ว จิตก็จะยกขึ้นอีกระดับนึงครับ คำภาวนา ที่ภาวนาอาจจะละหายไปเอง แต่จะมี "ตัวรู้" อยู่ ว่าไม่ได้ตกภวังค์หลับไป และไม่ได้คิดฟุ้งซ่าน
    สรุปคือ ให้อยู่กับตัวคำภาวนา หรือลมหายใจนั้นไป

    อาการที่เหมือนว่าถูกดึงออกไปหรือถูกดูดนั้น
    เวลาเกิดให้พิจารณาร่างกายครับ ให้ละไปเลย ให้รู้ว่ากายนี้ก็เหมือนกับรถเช่าคันนึง เป็นธาตุ ๔ (ที่ผสมกันอย่างละเอียด) มีของเสียไหลเข้าไหลออกอยู่เสมอ
    อีกอย่าง เราทำกรรมฐาน เรา "มอบกายถวายชีวิตนี้ให้พระพุทธเจ้า" ไปแล้ว เป็นลูกพระพุทธเจ้าแล้ว ละร่างกายไปครับ
    แล้วจะสามารถทำได้เอง

    เวลาพิจารณาให้ค่อยพิจารณาครับ เพราะบางครั้ง การไปบังคับความคิดในขณะอยู่ในสมาธิ มันจะรู้สึกเหมือนเครียดๆ อึดอัดขึ้นมา

    อย่าลืมว่าเราปฏิบัติธรรม เพื่อให้ไม่เครียด และสุดท้ายเพื่อไม่ให้ทุกข์นะครับ
    พยายามต่อไปนะครับ จะเอาใจช่วยครับ

    - ขอความเจริญในธรรมที่องค์พระบรมศาสดาทรงประกาศไว้ แสดงไว้ดีแล้ว จงบังเกิดแก่ทุกๆท่านครับ -
     
  4. Supernova

    Supernova เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +2,488
    ขอบคุณ คุณ น้อง อ้น ที่เคยไปถามในกระทู้อาจารย์ไก่ ตอนนั้นเพิ่งจะเริ่มๆทำครับ
    คุณ wit ของคุณมากครับ
    คุณ อชิตะ อาการที่คุณเล่ามาคล้ายๆกับผมเลยครับ บางทีตอนนั้นก็มีอาการคล้ายๆจะหลับง่วงๆปนๆไปด้วย แต่ก็พยายามยึดที่คำภาวนา ถ้าบางทีไม่ไหวก็ต้องออกจากสมาธิ
    มีครั้งนึง เพิ่งได้พระธาตุใหม่ๆจากคุณคนเมืองบัว แบบว่าฟิตตั้งใจมากขอพระบารมีจากพระพุทธองค์ท่าน วันนั้นอาการเหมือนถูกดึงเจอบ่อยๆมาก และแถมได้ยินเสียงเหมือนคนสวดมนต์แต่เสียงแบบว่าใสมากๆ และก็พอออกจากสมาธิแบบว่าปวดหัวด้วย สงสัยจะตั้งมั่นมากเกินไป
    แต่ช่วงหลังๆ ความฟิตน้อยลงหน่อย ปล่อยใจเป็นกลางค่อยเป็นค่อยไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...