การแยกกายแยกจิต

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย มาจากดิน, 26 มิถุนายน 2009.

  1. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    เห็นคำถาม "การแยกกายแยกจิต" อยากรู้ว่า หมายถึงอะไร แยกกายแยก

    จิต

    ใครมีความรู้หรือมีประสบการณ์ ช่วยแบ่งปันความรู้ด้วยคร้าบ
     
  2. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    จิต = ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก สิ่งที่จับต้องไม่ได้

    กาย = อวัยวะ


    เเต่คนเราชอบคิดว่า ตัวเรามีตัวตน คือ ร่างกายใน ฐานะ มนุษย์

    มนุษย์เราจึงไม่เห็นความสำคัญว่า จิตเขาก็มีชีวิตมีความรู้สึก

    มนุษย์ส่วนมากจึงใช้เวลา คิดมากกว่า สนใจตัวเอง คิดเมื่อส่งนอก

    ส่งนอกในที่นี้หมายถึง คิดมาก คิดเรื่องต่างๆ กายจึงอ่อนแอและป่วยง่ายนั้นเอง

    การที่เราต้องการที่จะพบ สัจธรรมเเห่ง ชีวิต

    เราจะต้องมองให้ออกก่อนว่า กาย คือ ส่วนที่ไม่มีชีวิต

    ส่วนจิต คือ สิ่งที่พากายเดินทางเเละพบเหตุการณ์ต่างๆ ตามวาระกรรมในอดีต

    เพราะ ฉะนั้น อะไรที่เราเจอ ล้วนเกิดไปตาม กฎแห่งกรรมทั้งสิ้น

    ทุกปัญหา เเก้ไม่ได้ มีเเต่ปัจจุบัน ที่เราสามารถเปลี่ยนเเปลงอนาคตได้เท่านั้น

    จิตมีอิสระสามารถพาร่างกายไปไหนก็ได้ เเต่ จิตไม่มีความเสถียร

    เพราะ เกิดเเละดับอยู่เสมอ เเต่มี สิ่งนึงที่ค่อย ปะติดปะต่อเรื่องราว คือ สติ

    ปัญหา คือ มนุษย์ ขาดสติ เเละ คิดว่า จิต คือ ตัวตน

    ก็เลยไม่รู้ว่า ตัวเองกำลังหลงหรือ กำลังคิดอะไร

    สติ มีหน้าที่รู้ เเละ ตามดูว่า จิต (หรือ ความคิดกำลังทำอะไร)

    สติไม่ได้มีหน้าที่ควบคุม เเต่มีหน้าที่ ดูความเคลื่อนไหว เหมือนเครื่องสแกน

    ดังนั้น หากต้องการ เเยกกาย เเยกจิตได้ เราต้องรู้ว่า "จิตกำลังคิดอะไร"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2009
  3. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ปัญหาก็ คือ คนกลัวผี เเละ คิดว่า เสียงที่ได้ยิน หรือ อาการที่เกิดขณะนั่งสมาธิเป็นเรื่องลี้ลับ

    คนบางคนคิดว่า เป็นเรื่อง ของการโดนสิงบ้าง หรือ องค์ลงบ้าง หรือ ถูกคุณไสย์บาง

    เเต่จริงๆเเล้ว ทุกอย่างในร่างกาย เรา คือ จิต หรือ ความคิด เท่านั้น

    ไม่ได้น่ากลัว เเละ ไม่มีอันตราย เพราะถ้า ขณะเกิดเหตุการณ์ เรารู้สึกตัว เเละ รู้เรื่องราวทั้งหมด

    เเสดงว่า เรามีสติ เเต่ ถ้าเรา ร้องโวยวาย กลัวจนทนไม่ได้ นั้นเรียกว่า ขาดสติ

    ไม่ว่าจะ ผี หรือ มนุษย์ คือ สิ่งเดียวกัน เพียงเเต่ รูปเเบบต่างกัน

    วิญญาณ ไม่มีร่างกาย เรียกว่า ผี

    วิญญาณ อาศัยอยู่ในร่างกาย เรียกว่า ความคิด ค่ะ
     
  4. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ดังนั้น การเเยกกาย แยกจิต คือ การ นั่งสมาธิ เเล้ว ไม่คิดอะไร ปล่อยให้ผ่อนคลาย

    ไม่คิดอะไร เเละ ตามดู ตามรู้กาย เเละ ความคิด ตา ที่สาม ก็จะเปิดเอง

    เพราะว่า วิญญาณ ก็คือ ความคิดนั้นเองค่ะ เพียงเเต่ เราคิดมากๆ เเละ ควบคุมจิตให้นิ่ง

    เมื่อไรไม่ว่าง เราจึงไม่สามารถ สื่อกับวิญญาณ ได้ มนุษย์ จึง เเยกกาย กับ จิตไม่ออก

    จิต เขาเป็นคลื่น ควบคุมการ ขยับตามร่างกายทุกส่วน ควบคุมการเคลื่อนไหว

    เเต่ว่า คนที่นั่งสมาธิ ที่ปฏิบัติไม่ได้ ชอบไปบังคับ เช่น ต้องนั่งนิ่งๆ

    เวลาที่ตัวหมุนก็หยุด เวลาที่พูดออกมา โดยที่ไม่ได้คิด ก็กลัว คิดว่า ถูกสิง

    เเต่จริงๆเเล้ว อาการต่างๆ เป็นเรื่อง ของการ เปิดตามที่สามเท่านั้นเอง

    เพียงเเต่ คนกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็น เเละ กลัวที่จะถูกทำร้ายกับสิ่งที่ไม่รู้

    เเต่ถ้าเราตั้งปณิธาน ดี เพื่อ นิพพาน หรือ เพื่อแผ่เมตตาก็ไม่ต้องกลัวค่ะ

    เพราะถ้าเรา จิตว่างปล่อยกาย ปล่อยจิต เจ้ากรรมนายเวรของเราก็สามารถสื่อผ่านเราได้เช่นกัน
     
  5. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ถ้าคนที่ ตามดูกาย ดูจิต เป็น ประจำ จนเกิด สติถาวร

    จิตจะนิ่ง เเละ สามารถทำงานในส่วนของ พลังจิต ได้เอง อัตโนมัติ หรือ ที่เรียกว่า พหูสูตร

    ไม่ว่าจะไปไหน ทำอะไร หรือ สร้างอะไร จิต จะเป็นผู้นำพา เราไปในทุกที่

    เเละคนที่เจอ หรือ เหตุการณ์ต่างๆ จิตจะสอนตัวของพวกเขาเองว่า เขาทำอะไรได้บ้าง

    เเต่น้อยคนที่สามารถเเยกจิตออกจากกายได้ค่ะ

    เพราะ ติดนิสัยชอบบังคับจิต ชอบสอนจิต เเละ ยึดจิตมนุษย์เป็น ตัวตน

    คนปฏิบัติสมาธิมักชอบพูดว่า อย่าให้ใครมาใช้ร่างนอกจากเรา มากกว่า ดูกาย ดูจิต

    จึงไม่เห็น ศักยภาพ ของจิตผู้รู้ที่เเท้จริงเป็นยังไง

    มนุษย์ก็ คือ มนุษย์ 1 กาย 1 วิญญาณ นั้นคือ สิ่งที่ มนุษย์ส่วนมากคิดว่าตัวเองเป็นเช่นนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2009
  6. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ถ้าคุณ จิตว่างเเละมองด้วย สติ

    คุณจะเห็น จิตเกิด-ดับ ตลอดเวลาจริงๆ

    พูดง่ายๆก็ คือ เราถูกสิง ตลอด 24 ชม. ด้วย วิญญาณ หรือ คลื่นต่างๆ ที่เรา จูนเข้ามา

    บางครั้ง พวกคุณ โกรธ เพราะ จิต คนอื่นวิ่งเข้ามาในร่างคุณ

    บางครั้ง คุณแสดงออกแปลกๆ เพราะวิญญาณสัมภเวสี เข้ามาสิงร่าง

    หรือ คุณฉลาดมากกว่า มนุษย์ปกติ เพราะ คลื่นของมนุษย์ต่างดาว

    เเต่ ทุกอย่าง มันก็เป็น เพียงเเค่ คลื่นพลังงาน บวก ลบ อีเล็คตรอน โปรตรอน คลื่นอะไรต่อมิอะไร

    ที่ ล่องล่อยอยู่ในอากาศรอบตัวคุณ พลังจิต = ความคิด

    เพียงเเต่ว่า คุณไม่รู้ เเละ สังเขปเอาตาม การศึกษาเเละสิ่งเเวดล้อมที่คุณเติบโตมา

    พวกคุณเลย ขาดความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับ จิต = วิญญาณ = คลื่นพลังงาน

    เเต่ถ้าคุณมีสติ หรือ ตัวตนของคุณ ดูกาย ดูจิต คุณก็ เหมือนกับ ผู้ดูหนังเรื่องนึงเท่านั้นเอง

    คุณอาจจะถูกทดสอบ บ้าง จนคุณทนไม่ได้ เเต่ มันไม่ได้หมายความว่าคุณบ้า หรือ ขาดสติ

    เเต่ ทุกการทดสอบ ไม่ว่าจะจากพระเจ้า หรือ กฎแห่งกรรม ทุกอย่างมันก็จบลงที่ปัจจุบัน

    ไม่มีอะไรที่ทุกข์ ถาวร หรือ สุข ถาวร ทุกอย่าง มีเพื่อรู้เพียงเท่านั้น

    เมื่อคุณรู้เเล้วว่า เเม้เเต่ จิตเราไม่เที่ยง เราก็อย่าไปคาดหวังว่า อะไรที่เรามีจะอยู่ถาวร

    เเม้เเต่จิตเองก็ไม่ใช่ของเรา ความเที่ยงที่เเท้จริง คือ

    การมีสติตามดูเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตลอดทั้งชีวิตเราจนสิ้นลมหายใจเเค่นั้นเอง
     
  7. ANGKOR

    ANGKOR สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +19
    การแยกกายแยกจิต อาจหมายได้สองอย่างคือ

    1 การถอดกายทิพย์หรือจิตออกจากกายหยาบหรือร่างกาย

    2 อีกความหมายหนึ่ง น่าจะเป็นความหมายที่ท่านได้ถามคือ การแยกรูปแยกนาม

    รูปหรือกายเป็นอย่างหนึ่ง จิตหรือใจในความหมายที่ท่านถามนั้นอีกอย่างหนึ่ง

    ซึ่งนัยแห่งปัญญาความรู้เพื่อความหลุดพ้นเราไม่ได้แยกเพียงกายและจิต เรายังแบ่งแยกแยะเพื่อการพิจารณาลงอีกเป็น ขันธ์ ห้า

    อันประกอบด้วย รูป ซึ่งก็คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ หรือธาตุทั้งสี่นั่นเอง พิจารณาธาตุสี่ลงใน อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา พิจารณาจนเสื่อมคลายความยึดถือลง

    อีกส่วนหนึ่งคือ นาม อันประกอบด้วย
    เวทนาความทุกข์ร้อน ดีใจสุขใจ ความไม่สบายใจทั้งหลาย
    สังขาร การปรุงแต่งให้เป็นไปตามเหตุผลของกิเลศจะชักจูงไปหรือเป็นไปตามอวิชชาความไม่รู้
    วิญญาณ หรือเรียกอีกอย่างว่าจิต เป็นธรรมชาติที่รับรู้อารมณ์ทางอายตนะทั้งหกอันประกอบด้วย ตาหูจมูกลิ้นกายใจ
    และสัญญา ความจำได้หมายรู้


    เมื่อเราแยกรูปนามออกมาแล้วนำมาพิจารณาลงใน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาแล้ว
    ผู้มีปัญญา จะสามารถคลายความยึดมั่นในรูปนามลงใด้ และความทุกข์จะเบาบางลงจนหมดไปได้เื่มื่อไม่มีสิ่งที่ยึดมั่นอีกเลย



    เจริญธรรมขอรับ
     
  8. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ไม่รู้นะว่าคนอื่นทำอย่างไหนกัน ผมไช้วิธีเพ่ง รวมจิตคือรวมความรู้สึกไว้ที่จุดๆเดียวในกายปรกติคือตรงหว่างคิ้ว

    เคยทำได้หลายครั้งแต่ไม่ได้ทุกครั้ง ที่ตั้งใจทำส่วนใหญ่ทำไม่ได้จะหลับไปซะก่อน เพราะผมทำในท่านอนได้ท่าเดียว มันก็เป็นความรู้สึกที่แปลกดี เหมือนเราไหลไปกับพื้นห้อง
    แต่ไม่เคยทำได้ในขณะนั่งสมาธิเลยสักครั้ง

    เคยรวมความรู้สึกไว้ที่หว่างคิ้วเป็นประจำ จนมีเม็ดหรือก้อนอะไรแข็งๆขึ้นมาด้วย แต่ถ้ามองจะมองไม่ออกว่ามี ต้องใช้มือจับกดดูจะรู้สึกได้เลย ตอนหลังเลิกรวมมันก็หายไปเอง

    เล่าไห้ฟังเฉยๆ หุหุ
     
  9. winit_tkl

    winit_tkl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +103
    คุณสันโดษ ตอบได้เยี่ยมมากครับ ไม่ทราบว่าการปฏิบัติกรรมฐานไปถึงไหนแล้ว อยากให้ช่วยสอนผมบ้าง ปฏิบัติมา 2 - 3 ปีแล้ว ยังไม่ได้เรื่องอะไรเลย มีอะไรพอจะแนะนำบ้างมั้ยครับ ผมอ่านหลาย ๆ กระทู้ ที่คุณตอบ รู้สึกว่าชัดเจนดี
    แต่ผมยังเขลา เบาปัญญา ถ้าเป็นไปได้อยากให้ช่วยแนะนำผมบ้างครับ
     
  10. อู๋ซิน

    อู๋ซิน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +45
    - มันแยกออกจากกันไม่ได้ถ้ายังไม่ตาย แต่แยกแยะวิเคราะห์ได้
    - ถ้าตายจิตใจที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรียกว่า ตัวเรา จะกลับคืนเป็นส่วนหนึ่งของพลังงานในธรรมชาติ ส่วนจะเป็นพลังงานแบบไหนขึ้นอยู่กับตอนมีชีวิตเราสะสมการรู้แบบไหนในจิตใจบ้าง ซึ่งถ้าเป็นพลังงานที่ยังมีกรรมอยู่ ยังเวียนว่ายตายเกิดตามทางโลกต่อไป
    อาจจะไปทำปฏิกิริยากับสสารในธรรมชาติดินน้ำลมไฟต่างๆ เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดชีวิตอีกก็ได้ แต่ถ้าไม่ไปทำปฏิกิริยากับสสารในธรรมชาติ ก็อาจจะไปเกิดเป็นอะไรที่ไม่มีสสาร ไม่มีรูป เช่น ผี เทวดา สัตว์ นรก ฯลฯ
    - ถ้าตายร่างกายที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรียกว่า ตัวเรา จะกลับคืนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เช่น ขี้เถ้า ปุ๋ยดิน ฯลฯ
     

แชร์หน้านี้

Loading...