อ.หนู กันภัย "ปาฏิหาริย์เหมือนแบตเตอรี่"

ในห้อง 'พุทธศาสนากับคนดัง' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 30 เมษายน 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    ลูกศิษย์ทุกคนเมื่อได้รับการสักยันต์แล้ว มีข้อห้ามอย่างเคร่งครัด คือ
    ๑.ไม่เป็นคนเจ้าชู้กับเมียใคร
    ๒.ไม่ด่าว่าพ่อแม่ใครโดยเด็ดขาด
    ๓.ไม่ทำลายพระพุทธศาสนา
    ๔.ไม่ลบหลู่บิดามารดา เวลาท่านต่อว่า
    ๕.ไม่เสพสิ่งเสพติดที่ผิดกฎหมายทุกประเภท
    ๖.ไม่ทำผิดในศีลธรรม
    ๗.ห้ามเป็นนักเลงหัวไม้ และ
    ๘.ห้ามตีรันฟันแทงกับใครอย่างเด็ดขาด
    ขณะเดียวกัน ต้องหมั่นสวดมนต์ภาวนาอยู่เป็นประจำทุกๆ วัน หากปฏิบัติตามได้ ก็จะเป็นคนอยู่ยงคงกระพันชาตรี ไม่มีอะไรทำร้ายได้
    แต่ถ้าศิษย์คนใดทำผิดศีล ไม่ปฏิบัติตาม ลายสักยันต์ก็จะเป็นเพียงรูปวาดบนผิวหนังเท่านั้น
    ทั้งหมดนี้เป็นข้อห้ามและข้อปฏิบัติในการสักยันต์ของ อ.หนู กันภัย เจ้าสำนักสักยันต์แห่งเมืองปทุมธานี
    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นถึงเจ้าสำนักสักยันต์ที่มีชื่อเสียง มีลูกศิษยทั้งชาวไทย และต่างประเทศเป็นจำนวนมาก แต่ อ.หนู ก็ยังต้องพึ่งพุทธคุณจากองค์พระเช่นกัน โดยเฉพาะพระพุทธคุณจากพระหลวงปู่ทวด
    [​IMG]อ.หนู บอกว่า การอาราธนาพระแขวนติดตัว จะต้องทำด้วยกายและใจให้อยู่จุดเดียวกัน เอาคุณงามความดีอธิษฐาน ไปไหนก็ให้แคล้วคลาดปลอดภัย ให้หมดทุกข์ หมดโศก ถ้าลูกยังมีบุญอยู่ ถ้าลูกยังมีกรรมอยู่ก็ขอให้กรรมนั้นค่อยๆ หมดไป จึงขอชี้แนะทางธรรมให้ได้ทำบุญทำทานให้หมดเคราะห์นี้ พร้อมยึดถือบิดามารดาเป็นพระอรหันต์ เคารพสักการะบิดามารดา ครูบาอาจารย์เป็นที่ตั้ง และต้องยึดถือให้จริง
    ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้จากตัวเราที่มาจากกระแสจิต เหมือนกับแบตเตอรี่ ที่มีไฟอยู่เต็ม แต่ถ้าเราไปจี้ผิดขั้ว ไฟก็จะไม่เข้า เช่นเดียวกัน เมื่อเรามีสิ่งดีๆ อยู่ในตัวเอง แล้วไปทำในสิ่งที่ไม่ดี กระแสจิตที่เกิดจากตัวเราก็จะไม่เกิด นี่ก็เป็นอำนาจจิต กระแสจิตที่นำพาให้เราพบกับความเป็นปาฏิหาริย์
    สำหรับปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นนั้น อ.หนู เล่าว่า เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นระหว่างที่ขับรถออกไปพร้อมกับอาราธนาหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ เพื่อไปซื้อกลอนหน้าต่าง จังหวะที่ขับรถไปเรื่อยๆ เห็นร้านที่เราจะเข้าไปซื้อของ ไม่ทันได้ระวังอะไรก็หักรถเข้าประชิดทางขวาเพื่อไปยังร้าน ไม่ทันเห็นว่ารถสิบล้อวิ่งตามมาข้างหลัง
    แต่เป็นเรื่องที่น่าแปลก จังหวะหักพวงมาลัยไปทางขวามือ ความรู้สึกวันนั้นเหมือนมีคนมาดึงพวงมาลัยกลับ เสี้ยววินาทีนั้น เป็นจังหวะที่ฉิวเฉียดเพียงฝ่ามือเดียว เพราะถ้าไม่มีใครมาช่วยดึงพวงมาลัยเอาไว้ วันนั้นต้องตายแบบสยอง รถที่ขับก็ต้องเละไม่เป็นท่า หรือไม่เช่นนั้นเราก็คงตายไปแล้ว
    ประสบการณ์ครั้งที่สอง ขับรถยนต์คันใหม่เอี่ยม หยุดอยู่สี่แยกไฟแดง พอรอจังหวะไฟเขียวขึ้น ก็แตะเกียร์ทันที แต่ไม่รู้เป็นอย่างไร จังหวะที่แตะเกียร์เพื่อจะขับรถออกไป กลับไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเหมือนมีคนมาตบเกียร์กลับคืนมา จึงไม่สามารถออกรถไปได้ และเป็นแบบนี้อยู่ ๓ ครั้ง จนรถคันหลังต่างบีบแตรไล่
    แต่พอเข้าเกียร์ครั้งที่สี่ได้ ก็ขับรถออกไปทันที เสี้ยววินาทีนั้นเอง ก็มีรถสิบล้อวิ่งแหกออกมากลางสี่แยกดังกล่าว นับว่าเป็นโชคช่วย เกือบตายไปแล้ว เพราะห่างจากรถสิบล้อเพียงสองศอก นี่แหละที่เขาเรียกว่าปาฏิหาริย์
    ครั้งที่สาม เป็นช่วงที่กำลังปลูกสำนักใหม่ ประกอบกับเราศรัทธาหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ มาก เนื่องจากท่านเป็นพระโพธิสัตว์ จึงบอกกับช่างว่าต้องการหน้าจั่วของสำนักอยากให้เป็นองค์หลวงปู่ทวดตั้งอยู่ พอช่างบอกว่า ทำไม่ได้ เราก็ไม่ได้ว่าอะไร
    พอตกกลางดึก หลวงปู่ทวดมาเข้าฝันว่า มึงต้องทำให้กู กูจะอยู่ตรงนี้
    เช้าวันนั้น ช่างป๋องมาที่บ้านด้วยสีหน้าตาแตกตื่นแล้วบอกว่า หลวงปู่ทวดมาเข้าฝันว่า กูจะอยู่ตรงนี้ มึงต้องทำให้กู
    ส่วนอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น เมื่อครั้งเดินทางไปต่างประเทศ โดยอาราธนาหลวงปู่เอี่ยม หลวงปู่ทวด กับหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ระหว่างที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ในร้านจีนเก่าๆ ซึ่งทุกครั้งจะสั่งบะกุ๊ดเต๋ และจะมานั่งร้านนี้เป็นประจำ แล้วสังเกตเห็นพัดลมเก่าๆ ไปกี่ครั้งก็จะมองแทบทุกครั้ง เรียกว่าเก่าจนน่ากลัว
    วันนั้นไม่รู้เป็นยังไง ไม่อยากนั่งโต๊ะตัวเดิมที่เคยนั่ง จึงย้ายไปนั่งอีกฝั่งหนึ่ง เพียงเสี้ยววินาทีนั้น พัดลมที่ว่าก็ตกลงมาขณะหมุนด้วยความเร็ว ชามโต๊ะแตกกระจายไปหมด หากนั่งอยู่คอคงขาดเป็นแน่
    อ.หนู บอกด้วยว่า จากที่ท่องคาถาเวทมนตร์ ทำให้เคารพครูบาอาจารย์ที่กราบไหว้ท่านอยู่ทุกวันแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงชอบสะสมพระเครื่องเพื่อเอาไว้บูชาสักการะ โดยจะไม่ขายไม่เช่าใดๆ ทั้งสิ้น และส่วนใหญ่มีคนให้มา ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงพ่อพรม วัดช่องแค หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง พระนางพญา เป็นต้น
    หลายคนที่ประสบกับเรื่องปาฏิหาริย์ การแขวนพระเครื่องของคนเราจิตใจต้องมีศีลมีธรรม ไม่ใช่เราแขวนพระกันแล้วไปคดโกง ไปโกงกิน ไปโกหก ไปทำในสิ่งที่ไม่ดี พูดง่ายๆ ไปทำให้สังคมเดือดร้อน ยิ่งร้ายไปกว่านั้น ถึงขั้นไปผิดภรรยาคนอื่น ก็เป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรม
    เมื่อเป็นเช่นนี้ คุณพระก็จะคุ้มครองได้น้อย เพราะคุณพระจะคุ้มครองผู้ที่ทำความดี อยู่ในศีลในธรรมเท่านั้น "การแขวนพระเครื่องอย่างถูกต้อง ต้องอาราธนาศีล เหมือนกับเราวิงวอนให้อำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดาครูบาอาจารย์แห่งอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย ระหว่างที่อาราธนาก็ขอให้เราแคล้วคลาดปลอดภัย ทำมาหากินให้เจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าสัจจะในตัวเราไม่มี กลับไปคดโกงผู้อื่น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านก็จะไม่คุ้มครอง ดังนั้น คนแขวนพระต้องมีศีลมีธรรม ไม่ใช่แขวนพระเพื่อไปเป็นนักเลงหัวไม้ เป็นมาเฟีย ไปข่มเหงผู้อื่น การแขวนพระจึงต้องมีพรหมวิหาร ๔" อ.หนู กล่าวทิ้งท้าย
     

แชร์หน้านี้

Loading...