ภิกษุศากยวงศ์ ในพระ"สังฆราช"

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย omio, 8 ตุลาคม 2009.

  1. omio

    omio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,213
    พระบารมีธรรมในสมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์หน่อธรรมเชื้อสาย "ศากยวงศ์" จากประเทศเนปาล

    ศากยวงศ์นั้นคือ พระอนิล ธมฺมสากิโย หรือ พระ ดร.อนิล ศากยะ สมเด็จพระสังฆราชทรงอุปถัมภ์มาตั้งแต่อายุ 14 ปี

    ทรงสั่งสอนหลักธรรมในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และส่งเสริมให้เรียนรู้ จนกระทั่งเดินทางไปเรียนจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ

    "ต้นตระกูลอาตมาเกี่ยวโยงกับตระกูลที่ย้ายมาค้าขายที่กาฐมาณฑุ สมัยพุทธกาล"

    พระ อนิล บอกความเป็นมาของตระกูลศากยะของตน ก่อนอธิบายว่า หลักฐานที่มีอยู่เป็นภาษาสันสกฤต เป็นคัมภีร์ที่เขียนขึ้นในราวศตวรรษที่ 2 หรือ 3 ชื่อ มูลสราวาสติวาทิน

    คัมภีร์กล่าวว่า มีญาติของพระอานนท์มาค้าขายอยู่ที่กาฐมาณฑุ เมื่อมีพ่อค้าจากกรุง กบิลพัสดุ์ มาค้าขายที่กาฐมาณฑุ ญาติพระอานนท์จึงเข้าถามพ่อค้าว่า เจอพระอานนท์บ้างหรือไม่

    พ่อค้าบอกว่าเจอประจำ เมื่อใดที่เห็นพระพุทธเจ้าก็จะเห็นพระอานนท์นั่งอยู่ข้างๆ

    ดังนั้น ญาติพี่น้องเลยขอร้องให้พ่อค้าช่วยกราบทูลพระอานนท์ว่า มีญาติพี่น้องของท่านมาตกยากอยู่ที่กาฐมาณฑุ อากาศหนาว เดินทางลำบาก อยากจะไปกราบพระอานนท์ แต่ไม่สามารถเดินทางไปได้ อยากให้มาโปรดญาติพี่น้องบ้าง

    เมื่อพ่อค้าส่งข่าวถึงพระอานนท์ ท่านจึงเดินทางไปเยี่ยมญาติ เมื่อกลับถึงที่ประทับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรากฏว่าเท้าแตก

    พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็น ตรัสถามว่าได้ความว่า เพราะพระอานนท์ไปเยี่ยมญาติที่กาฐมาณฑุมา อากาศหนาวมาก จะสวมรองเท้าก็ไม่ได้ เพราะผิดพระวินัย พระพุทธองค์จึงตรัสว่า ถ้าเป็นการเดินทางลักษณะนี้ควรใส่รองเท้าได้

    [​IMG]
    [​IMG]

     
  2. omio

    omio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,213
    [​IMG]

    ตามประวัติของ พระอนิลมาน ธมมสากิโย (ศากยะ) นั้น นามเดิมของท่านมีความหมายว่า "สายลมแห่งผู้กล้าหาญ" ด้วยท่านเป็นสายเลือดศากยะรุ่นปัจจุบัน ผู้ก้าวตามรอยเส้นทางธรรมของบรรพบุรุษเฉกเช่น พระพุทธองค์และพระอานนท์ ด้วยแรงศรัทธาที่ซึมซับมาแต่วัยเยาว์ สามเณรแห่งวงศ์ศากยะเดินทางสู่แผ่นดินไทย ร่ำเรียนจนจบการศึกษาปริญญาตรีพุทธศาสตร์จากมหามกุฏราชวิทยาลัย ต่อด้วยปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยตรีภูวัน ในแผ่นดินกำเนิด และปริญญาเอกด้านสังคมวิทยา-มานุษยวิทยาที่มหาวิท ยาลัยเคมบริดจ์ ได้บวชเรียนและได้รับการอุปถัมภ์บำรุง รับใช้ใกล้ชิดสมเด็จพระณาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งท่านได้ให้การอุปถัมภ์มาตั้งแต่เป็นสามเณร ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช และก็ยังสนองงานเจ้าประคุณสมเด็จจนกระทั่งบัดนี้ ท่านมีปณิธานธรรมอันแรงกล้าที่จะทำหน้าที่สืบสายธารธรรมแห่งต้นสายบรรพบุรุษของท่าน ด้วยหวังจักเห็นพุทธศาสนาได้รับการฟื้นฟูอย่างมั่นคงงอกงามในแผ่นดินอันเป็น ถิ่นกำเนิดของพระพุทธองค์

    พระอนิลมาน เล่าให้ฟังถึงการเป็นสายเลือดศากยะว่า

    "ต้นตระกูลของอาตมาน่าจะเป็นพระญาติกับทางพระพุทธเจ้าหรือพระอานนท์ และในพวกศากยะเขาจะมีพิธีจุฑากรรม หมายถึง พิธีตัดจุก การจะเป็นศากยะที่บริสุทธิ์นี่จะต้องมีองค์ประกอบ 3 อย่าง คือ หนึ่ง พ่อต้องเป็นศากยะที่สืบสายเลือดมา สอง แม่ต้องเป็นศากยะที่สืบสายเลือดมาเช่นกัน เมื่อพ่อแม่เป็นศากยะเลือดบริสุทธิ์ ลูกที่เกิดมาก็ต้องเป็นศากยะ แต่ว่าเขาจะยังเป็นศากยะที่บริสุทธิ์ไม่ได้จนกว่าจะเข้าพิธีจุฑากรรม คือ พิธีบวชเณร 4 วัน ถึงจะครบองค์ประกอบ 3 อย่าง ซึ่งจำลองมาจากเหตุการณ์สมัยพุทธกาลตอนพระพุทธเจ้าประสูติ และศากยะนี่ต้องนับถือพุทธ จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ เพราะถือว่าต้นตระกูลนี่คือ พระพุทธเจ้า"


    พระดร. อนิลมาน ธมฺมสากิโย (ศากยะ)

    พระ ดร.อนิลมาน ธมฺมสากิโยเป็นชาวเนปาลที่บวชเป็นสามเณร ในประเทศเนปาล และมาศึกษาพระธรรม ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งเมื่ออายุครบบวชพระ ได้อุปสมบท ณ วัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เป็นอุปัชฌาย์ แล้ว เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกได้ให้การอุปถัมภ์มาตั้งแต่เป็นสามเณร ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช และก็ยังสนองงานเจ้าประคุณสมเด็จจนกระทั่งบัดนี้

    การศึกษา
    • จบปริญญาตรี ศาสนศาสตรบัณฑิต (ศน.บ) คณะสังคมศาสตร์ มหามกุฏราชวิทยาลัย
    • จบปริญญาโท (MA) ด้านมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยตรีภูวัน ประเทศเนปาล
    • จบปริญญาโท (MPhil) ด้านมานุษยวิทยาสังคม จาก วิทยาลัยคราอิสต์ คอลเลจ (Christ College) มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge) ประเทศอังกฤษ โดยทุนพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    • จบปริญญาเอก (PhD) ด้านมานุษยวิทยาสังคม จากมหาวิทยาลัยบรูเนล (Brunel University) ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยทุนพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    หน้าที่การงานในปัจจุบัน
    • เป็นรองคณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหามกุฏราชวิทยาลัย
    • อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหามกุฏราชวิทยาลัย
    • อาจารย์พิเศษวิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล
    • อาจารย์พิเศษ Santa Clara University, CA, USA
    • กรรมการมูลนิธิแผ่นดินธรรม ในพระสังฆราชูปถัมภ์

    สถานที่จำพรรษาในปัจจุบัน วัดบวรนิเวศวิหาร คณะสูงนานาชาติ ถนนพระสุเมรุ บางลำพู เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร


    ที่มา : SemSikkha.org -
     
  3. omio

    omio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,213
    เกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย เกี่ยวกับโครงสร้างศากยวงศ์

    โครงสร้างศากยวงศ์


    จากหนังสือ 'ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในอินเดีย'
    โดยพระมหาดาวสยาม วชิรปัญโญ พระธรรมทูตสายต่างประเทศ รุ่นที่ ๙
    โพสท์ใน กระทู้มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ โดย ทับตะวัน..นำมาฝาก [23 เม.ย. 2548]


    ในยุคบรรพกาล ได้มีชนเผ่าเชื้อสายอริยกะหรืออารยันอพยพเข้ามาตั้งรกรากและราชธานี ณ เชิงเขาหิมาลัย ชนเผ่าที่อพยพเข้ามาในภายหลัง
    ก่อนหน้านั้นดินแดนแถบนี้ เป็นที่อยู่อาศัยของพวกมิลักขะ ซึ่งมีความเจริญที่น้อยกว่า พวกอริยกะหรืออารยันเป็นพวกที่นับถือในศาสนาพราหมณ์เคร่งครัด และเชื่อถือในระบบวรรณอย่างสุดโต่ง
    โดยเชื่อว่าวรรณะทั้ง ๔ ไม่สามารถที่จะแต่งงานร่วมกันได้ ถ้าแต่งงานบุตรจะกลายเป็นจัณฑาลทันที พวกเขาถือว่าตนยิ่งใหญ่ และบริสุทธิ์กว่าสายเลือดอื่น ๆ จึงแต่งงานด้วยกันเองภายในหมู่พี่น้องและวงศาคณาญาติ ซึ่งมีอยู่ ๒ ตระกูลคือ
    ๑. ศากยวงค์
    ๒.โกลิยวงศ์
    และเพราะความถือตัวจัดนี้เอง ที่ทำให้กรุงกบิลพัสดุด์ถูกทำลายอย่างย่อยยับ ด้วยอำนาจของพระเจ้าวิฑูฑภะ โอรสพระเจ้าปเสนทิโกศลแห่งสาวัตถี
    ซึ่งพระเจ้าวิฑูฑภะเอง ก็ใช่อื่นไกลเป็นพระนัดดาของพระเจ้ามหานามแห่งกรุงกบิลพัสดุ์นั้นเอง
    พระองค์ถูกเหยียดหยามจากพระญาติถึงขนาดเอาน้ำนมชำระล้างสถานที่ทุกแห่งที่พระองค์ประทับในกรุงกบิลพัสดุ์คราวเสด็จเยี่ยมพระญาติ โดยพวกศากยะกรุงกบิลพัสดุ์รังเกียจว่า พระมารดาของพระองค์ไม่ใช่คนวรรณะกษัตริย์ แต่เป็นทาสีซึ่งเป็นคนละวรรณกับพวกตน นี่คือชนวนของการทำลายล้างกรุงกบิลพัสดุ์ในเวลาต่อมา

    เกี่ยวกับทฤษฏีของชนชาติอารยันของพวกศากยะที่เมืองกบิลพัสดุ์นี้ นักปราชญ์ไทยหลายท่านตั้งข้อสงสัยว่าพวกเขาน่าจะเป็นคนผิวเหลืองเชื้อสายมองโกลอยเหมือนคนไทยมากกว่าที่จะเป็นอารยันแบบแขกเพราะตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือมีชาวเนปาลเป็นจำนวนมากเชื่อว่าตัวเองเป็นเชื้อสายศากยะ และหน้าตาพวกเขาก็เป็นคนผิวเหลืองไม่ใช่แขกอินเดีย แต่ประเด็นนี้คงต้องศึกษากันต่อไป และไม่ควรด่วนสรุป เพราะเป็นเรื่องใหญ่ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้แขกอินเดียเป็นจำนวนมากก็มีนามสกุลโคตมะหรือเคาตมะและยังเชื่ออีกว่าพวกเขามีเชื้อสายเดียวกับพระพุทธองค์
    ในทัศนะของคนเนปาลเองทุกคนเชื่อเต็มเปี่ยมว่าพระพุทธเจ้าเป็นชาวเนปาล ไม่ใช่อินเดียเพราะพระองค์เกิดในฝั่งเนปาลไม่ใช่อินเดีย ซึ่งเป็นความจริงอยู่ไม่น้อยเพราะว่าตามสถานที่ประสูติแล้ว ลุมพินีและกบิลพัสดุ์ก็ล้วนแล้วอยู่ในฝั่งเนปาล แต่เมื่อก่อนคำว่า อินเดีย เนปาลยังไม่เกิด มีแต่คำว่าชมพูทวีป พระพุทธองค์ใช้ชีวิตส่วนมากที่ฝั่งอินเดีย เพราะขณะที่พระชนม์ชีพอยู่ เมืองกบิลพัสดุ์ของพระองค์ก็ร้างแล้ว และเขตแดนกปิลพัสดุ์ลุมพินีก็ยังอยู่ในฝั่งอินเดีย จนอังกฤษเข้าปกครองอินเดียและยกให้เนปาลเมื่อ พ.ศ.๒๓๙๕ มานี้เอง
    อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า ต้นตระกูลของศากยวงศ์สืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าโอกกากราชและแบ่งออกเป็น ๒ เมือง,๒ ตระกูล คือ เมืองกบิลพัสดุ์ เป็นนครหลวงของแคว้นสักกะ และเมืองเทวทหะเป็นนครหลวงของแคว้นโกลิยะ ดังมีโครงสร้างดังนี้
    ฝ่ายศากยวงศ์พระเจ้าชัยเสนมีพระราชโอรสและธิดา ๒ พระองค์ คือ
    ๑. พระเจ้าสีหนุ ๒. พระนางยโสธรา
    ฝ่ายโกลิยวงศ์ มีพระราชาที่ไม่ปรากฏนาม มีโอรส ๑ และธิดา ๑ คือ
    ๑. พระเจ้าอัญชนะ ๒. พระนางกาญจนา
    พระเจ้าสีหนุแห่งศากยวงศ์อภิเษกสมรสกับ พระนางกาญจนาแห่งโกลิยวงศ์มีพระโอรสและธิดารวม ๗ พระองค์คือ ..
    ๑. พระเจ้าสุทโธทนะ
    ๒. พระเจ้าสุกโกทนะ
    ๓. พระเจ้าอมิโตทนะ
    ๔. พระเจ้าโธโตทนะ
    ๕. พระเจ้าฆนิโตทนะ
    ๖. พระนางปมิตา
    ๗. พระนางอมิตา
    พระเจ้าอัญชนะแห่งโกลิยวงศ์อภิเษกสมรสกับ พระนางยโสธราแห่งศากยวงศ์ มีพระโอรสและพระธิดารวม ๔ พระองค์คือ
    ๑. พระเจ้าสุปปพุทธะ
    ๒. พระเจ้าทัณฑปาณิ
    ๓. พระนางสิริมหามายา
    ๔. พระนางมหาปชาบดีโคตมี
    พระเจ้าสุทโธทนะ แห่งศากยวงศ์อภิเษกสมรสกับพระนางสิริมหามายาแห่งโกลิ ยวงศ์ มีพระโอรส ๑ พระองค์คือ...
    ๑. เจ้าชายสิทธัตถะ
    และต่อมาหลังพระนางสิริมหามายาสวรรคต พระองค์อภิเษกสมรสกับพระนางมหาปชาบดีโคตมี มีพระโอรสและธิดา ๒ พระองค์คือ...
    ๑. เจ้าชายนันทะ
    ๒. เจ้าหญิงรูปนันทา
    พระเจ้าสุปปพุทธะแห่งโกลิยวงศ์ได้อภิเษกสมรสกับพระนางอมิตาแห่งศากยวง ศ์มีพระโอรสธิดารวม ๒ พระองค์คือ
    ๑. เจ้าชายเทวทัต
    ๒. พระนางยโสธรา (พิมพา)
    พระเจ้าสุกโกทนะ.. แห่งศากยวงศ์อภิเษกสมรสกับพระนางกิสาโคตมี มีพระโอรสหนึ่งพระโอรส ๑ พระองค์คือ
    ๑. เจ้าชายอานนท์
    พระเจ้าอมิโตทนะ.. แห่งศากยวงศ์ มีพระโอรสธิดารวม ๓ พระองค์คือ
    ๑. เจ้าชายมหานาม
    ๒. เจ้าชายอนุรุทธะ
    ๓. เจ้าหญิงโรหิณี
    พระเจ้ามหานาม.. ครองราชสมบัติต่อจากพระเจ้าสุทโธทนะมีพระธิดาจากนางทาสี ๑ พระองค์คือพระนางวาสภขัตติยา ซึ่งต่อมาได้เป็นพระมเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกศลแห่งสาวัตถี มีพระโอรส ๑ พระองค์ คือ
    พระเจ้าวิฑูฑภะ


    ซึ่งคัดลอกมาจากหนังสือ 'ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในอินเดีย' ซึ่งเขียนและรวบรวมโดยพระมหาดาวสยาม วชิรปัญโญ พระธรรมทูตสายต่างประเทศรุ่นที่ ๙
    กราบอนุโมทนามา ณ.ที่นี้ด้วย
    โดย ทับตะวัน..นำมาฝาก [23 เม.ย. 2548]
    ที่มา http://www.dharma-gateway.com/buddha...index-page.htm (http://www.dharma-gateway.com/buddha...index-page.htm)

    ที่มา สมาธิ.คอม
     
  4. mr01001

    mr01001 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +15
    ผมอ่านเจอในหนังสือพิมพ์เมื่อวานเหมือนกัน อนุโมทนา สาธุ ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...