ปิดรับบริจาค สำเร็จแล้ว... เชิญชมภาพรูปหล่อ ลป.ญาท่านสวน (ขนาดเท่าองค์จริง) วัดนาอุดม อุบลฯ

มาต่อกัน... ด้วยประสบการณ์ครั้งที่ 4 ของหนูที่ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่ค่ะ

 

หนูไ้ด้เกริ่นถึงเรื่องพระกริ่งโปร่งฟ้า-ไถ้รัสสี (พระกริ่งร่ำรวย) ไปแล้วเมื่อ 2 วันนี้ เลยอยากจะนำข้อมูลเกี่ยวกับพระกริ่งรุ่นแรกของหลวงปู่มาให้ทราบกันนะคะ

ตัวหนูเองไม่มีพระกริ่งรุ่นนี้ไว้บูชา หนูจึงขออนุญาตพี่อาณัติซึ่งเป็นเจ้าของพระกริ่งในภาพนี้นำมาลงให้ทุกท่านชมเป็นความรู้เพิ่มเติมนะคะ

เมื่อครั้งที่ไปอุบลทริปล่าสุดพี่ดาบแดง (ลูกศิษย์รุ่นใหญ่) ได้บอกกับหนูว่าตอนนี้เล่นหากันในราคาเกือบ 30,000 บาท แต่ถ้าหนูอยากได้พี่ดาบแดงจะหาให้ในราคา 20,000 ต้นๆ แต่หนูบอกกับพี่ดาบแดงไปว่า "อยากได้เหมือนกันแต่ปัจจัยไม่เอื้ออำนวย... เอาตังค์ไปทำบุญถวายแด่หลวงปู่ก่อนดีกว่าแล้วเดี๋ยวค่อยขอจากหลวงปู่โดยตรงทีหลัง" (อยากได้โดยความเมตตามากกว่าไปได้มาเหมือนของซื้อของขาย)



ขอขอบคุณพี่อาณัติสำหรับรูปภาพค่ะ

พระกริ่งรุ่นแรกของหลวงปู่ที่ออกในนามวัดนาอุดมคือพระกริ่งสายรกพระพุทธเจ้า สร้างปี 39 มี 2 เื้นื้อด้วยกันคือเนื้อนวโลหะ (หายากมาก) และเนื้อทองผสม

หลวงปู่ญาท่านสวน ท่านได้ศึกษาวิชากรรมฐาน วิชาการเดินธาตุ ไม่ว่าจะเป็นแม่ธาตุ (นะ โม พุทธ า ยะ) ธาตุ ๔ ได้แก่ นะ มะ พะ ทะ ธาตุธรณี ซึ่งได้แก่ นะ มะ อะ อุ ท่านได้เรียนรู้การปลุกเสกวัตถุมงคลให้เกิดพุทธานุภาพ และเกิดความศักดิ์สิทธิ์ และท่านยังได้เรียนวิชา การลงตระกรุดอีกหลายอย่างเช่น: ตระกรุดโทน ตระกรุดสายรกพระพุทธเจ้า ตระกรุดเสริมดวง ตระกรุดสามกษัตริย์ ตระกรุดสาลิกา ตระกรุดโภคทรัพย์ ตระกรุดเข้าตาเป็นต้น

พระกริ่งสายรกพระพุทธเจ้า หลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม จ.อุบลฯ สร้างปี 2539 โดยกระทำพิธีการหล่อแบบโบราณและได้ชนวนแผ่นโลหะเลขยันต์ตามตำรา 108 แผ่น นะปถมัง 14 นะ หล่อหลอมรวมกับแผ่นโลหะลงอักขระเลขยันต์จากคณาจารย์ทั่วประเทศอีก 168 รูป นอกจากนี้สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชยังได้เมตตาลงอักขระแผ่นทอง เพื่อนำไปเป็นชนวนในการหล่อพระกริ่งและได้ทรงประทานไฟพระฤกษ์ในการทำพิธีเททองหล่อพระกริ่งสายรกพระพุทธเจ้าในครั้งนี้ด้วย

สำหรับแผ่นทองที่นำมาหล่อในครั้งนี้ยังมีพระเถรานุเถระระดับชั้นสมเด็จได้เมตตาลงแผ่นทองอีกถึง 8 รูปด้วยกันและนอกจากนี้ยังมีผู้ที่ศรัทธานำโลหะศักดิ์สิทธิต่างๆมาร่วมผสมในการหล่อพระกริ่งสายรกอีกเป็นจำนวนมากและได้กระทำพิธีเททองหล่อพระกริ่งสายรกพระพุทธเจ้าเมื่อวันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2539 เป็นวันขึ้น 15 ค่ำซึ่งถือว่าเป็นวันครูและเป็นวันที่แข็งที่สุดในรอบปี โดยมีการจัดพิธีตามแบบฉบับโบราณทั้งพิธีโหรและพิธีพราหมณ์โดยการดูเลขผานาที และการกระทำพิธีบวงสรวงอัญเชิญเทพยดาต่างๆ ทางด้านพิธีพุทธาภิเษกนั้นจัดให้มีการสวดแบบภาคกลางภายในพระอุโบสถโดยมีพระสวด 4 รูป และด้านหน้าบริเวณปริมณฑลทำพิธีสวดแบบภาคอีสานอีก 9 รูป โดยมีพระคณาจารย์สายอีสานนั่งจับด้ายสายสิญจน์ปลุกเสก 4 รูปด้วยกันคือหลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม, หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย, หลวงปู่กิ วัดสนามชัย และหลวงปู่เคน วัดแซอุดมสุข

 

ขอเชิญร่วมบุญกฐินวัดสว่างภพ ครับ อาทิตย์นั้มี เซอร์ไพร์ กรุแตกที่วัด พระกรุที่หลวงปู่สร้าง ทุกพิมพ์ ทำบุญ 200 ร่วมสร้างวัดครับ ยืมกระทู้บอกบุญหน่อยนะพี่หนู

 

วัดสว่างภพ ที่ไหนละครับแล้วหลวงปู่ที่ว่าคือหลวงปู่ไหนครับ

 

ยินดีเสมอค่ะน้องหนึ่ง... น่าเสียดายที่พี่หนูไม่มีโอกาสไปร่วมงานด้วย น้ิองหนึ่งล่ะ... คงไม่พลาดแน่นอนใช่ป่ะ... ดีใจแทนด้วยนะ

ขอขอบคุณมากๆที่นำข่าวสารมาบอกให้ทราบกันอย่างทั่วถึง... นี่เป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูต่อองค์ครูบาอาจารย์ที่นับถือ

พี่หนูชื่นชมในการกระทำที่ดีงามในครั้งนี้ค่ะ

 

หลวงปู่แสวง อริโย วัดสว่างภพ อดีตพระอริยสงฆ์แห่งคลองสี่ ปทุมธานีค่ะ

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>Noo Norway, ข้างวัด </TD></TR></TBODY></TABLE>
หายหน้าไปนานเลยนะคะ... คุณข้างวัด

 

พระกริ่งพระอุปคุต" (พระกริ่งชนะมาร) เป็นพระกริ่งรุ่นที่ 2 ที่ออกในนามวัดนาอุดม ปลุกเสกเมื่อวันที่ 20 พ.ย 2540 ซึ่งตรงกับวันเพ็ญ วันอังคาร (วันวิสาขบูชา) มีทั้งเนื้อโลหะผสมและเนื้อสำริด พระกริ่งอุปคุตรุ่นนี้เคยมีคนคิดจะทำปลอมแต่ทำไม่สำเร็จเพราะพระอุปคุตท่านไม่ยอม พิธีสร้างแหลกกระเจิงและบุคคลผู้นั้นก็แพ้ภัยตัวเองไปในที่สุด

พระกริ่งพระอุปคุตนี้มีประสบการณ์มากมายหลายครั้งตอนนี้เป็นที่ต้องการอย่างมากในสายของหลวงปู่ถ้าท่านใดไม่มีพระกริ่งพระพุทธเจ้าปี 39 ของหลวงปู่ก็อยากจะได้รุ่นนี้ไว้แทน

โชว์นะคะไม่มีให้บูชาค่ะ

พระกริ่งพระอุปคุต (พระกริ่งชนะมาร) ปี 40 ปัจจุบันราคาประมาณ 1-20,000 บาท



ขอนำประวัติของพระมหาอุปคุตมาให้ทุกท่านได้อ่านเป็นความรู้เพิ่มเติมค่ะ

พระอุปคุตพระแห่งโชคลาภคุ้มกันภัยทั้งปวง "พระอุปคุต" ผู้เป็นพระอรหันต์สาวกที่ทรงมหิทธานุภาพ มีฤทธิ์อำนาจในทางปราบศัตรูหมู่มารทั้งหลาย บันดาลโชคลาภ ป้องกันภยันตรายโดยเฉพาะภัยทางน้ำ และมีประสบการณ์ปาฏิหาริย์ ปรากฏหลายครั้งว่าผู้ที่มีพระอุปคุตบูชาอยู่กับตัวจะแคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพันชาตรี มหาอุด และโชคลาภ เมตตามหานิยมนามพระอุปคุต แปลว่า “ผู้คุมครองรักษา” เป็นศิษย์ของพระมหากัสสปะ ชอบความวิเวกสงบ และอยู่ตามลำพังผู้เดียว ไม่ชอบเกี่ยวข้องกับผู้อื่น ท่านจึงเข้านิโรธสมาบัติ จำพรรษาภายในกุฎิเรือนแก้วกลางสะดือทะเล

เรื่องราวของท่านปรากฏเมื่อพระพุทธองค์ปรินิพพานไปแล้ว 218 ปี พระอุปคุตเกิดในตระกูลวานิช บิดาประกอบอาชีพค้าเครื่องหอม อยู่ในเมืองมถุรา แคว้นสุรเสนะ ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำยมุนา ท่านมีพี่ชาย 2 คน ส่วนท่านนั้น เป็นคนสุดท้องมูลเหตุที่ทำให้พระอุปคุตได้บวชนั้นก็สืบเนื่องมาจาก บิดาของท่านได้เคยให้สัญญาไว้กับพระเถระรูปหนึ่ง คือพระสาณวาสี (สาณสัมภูติ) ไว้ว่าหากมีบุตรชายจะให้อุปสมบทในพุทธศาสนา

ทีนี้พอมีบุตรชายคนแรก ก็ก็บ่ายเบี่ยง ด้วยอ้างว่าจะต้องเอาไว้ดูแลทรัพย์สินในเหย้าเรือน เอาไว้ถ้ามีบุตรชายคนที่ 2 เมื่อไรแล้วจะยอมให้บวช แต่พอมีลูกชายคนที่ 2 เข้าจริง ๆ ก็หาเรื่องบิดเบือนอีกว่ามีความจำเป็นต้องเอาไว้สำหรับทำธุระตามหัวเมือง ขอให้รอไว้มีลูกชายคนที่ 3 แล้วจะต้องบวชให้อย่างแน่นอนจนกระทั่งมีบุตรคนที่สามคือ “อุปคุต” เกิดมาก็แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้กับสัญญาที่ได้ให้ไว้กับพระเถระ พระเถระท่านเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาท่านจึงนิ่งไว้ก่อน และก็ไม่ได้ไปทวงถามถึงสัญญานั้น จนกระทั่งอุปคุตโตเป็นหนุ่มตอนนั้นอุปคุตได้มาช่วยบิดาขายเครื่องหอมอยู่ที่ร้านในตลาด ตั้งแต่อุปคุตมาอยู่ที่ร้านก็ปรากฎว่าเครื่องหอม ขายดิบขายดี เป็นเทน้ำเทท่า ผู้คนมาซื้อหากันไม่ขาดสาย นี่เป็นธรรมดาของผู้มีบุญไปอยู่ที่ไหนทรัพย์สินก็จะหลั่งไหลมา

ด้วยอำนาจแห่งบุญเพราะฉะนั้นจึงเชื่อกันว่าผู้ที่ค้าขายหากได้บูชาพระอุปคุตเป็นประจำทุกเช้าตอนเปิดร้านก็จะทำให้ค้าขายดี มีคนมาซื้อหาไม่ขาดสายทรัพย์สิน ก็จะหลังไหลมาเทมา กิจการเจริญก้าวหน้าเป็นปึกแผ่นมั่นคงตลอดไปพระอุปคุตจึงขอให้พญามารเนรมิตการเป็นรูปพระพุทธเจ้าเพื่อให้พระสงฆ์สาวกได้เห็นเหมือนเมื่อครั้งที่พระองค์ยังคงมีพระชนม์ชีพพญามารก็แสดงฤทธิ์เนรมิตกายเป็นพระพุทธเจ้าให้พระสงฆ์สาวกนับแสนรูปได้เห็นเป็นที่เจริญศรัทธายิ่งนักตั้งแต่นั้นมาจึงถือคติว่าพระอุปคุตเป็นพระอรหันต์มีฤทธิ์ทางปราบมาร บันดาลโชคลาภ ได้มีการสร้างรูปพระอุปคุตเป็นวัตถุมงคลรูปแบบต่าง ๆ ทั้งพระกริ่งอุปคุต พระอุปคุตบูชา พระอุปคุตจกบาตรปัจจุบันยังมีความเชื่อว่าพระอุปคุตยังมีชีวิตอยู่ ทุกวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำตรงกับวันพุธ ชาวล้านนาจะเรียกว่า "วันเป็งปุ๊ด"หรือ "วันเพ็ญพุธ" พระอุปคุตจะออกมาบิณฑบาตในร่างของสามเณรน้อย โดยจะออกมารับบาตรเริ่มตั้งแต่ตีหนึ่งของวันพุธ ผู้คนจึงมักเห็นสามเณรน้อยเดินบิณฑบาตไปตามถนน ทางสี่แพร่งสามแพร่ง ตลอดจนถนนหนทางตามริมน้ำท่าน้ำต่างๆ จนกระทั่ง ตี๋นฟ้ายก หรือแสงเงินแสงทองออกมา จึงเนรมิตกายหายไป ทำให้เกิดประเพณีตักบาตรกลางคืนด้วยข้าวสาร อาหารแห้ง ดอกไม้ธูปเทียนเชื่อกันว่า หากผู้ใดมีบุญบารมีได้ใส่บาตรพระอุปคุตมักทำให้ร่ำรวยเงินทอง มีโชคลาภ เจริญรุ่งเรือง มีสติปัญญาเฉียบแหลม มีสมาธิจิตดี ปราศจากภัยทั้งปวงพระบัวเข็มปางจกบาตร หมายถึง กิ๋นบ่เสี้ยง หรือกินไม่หมด ให้คุณทางทรัพย์สินเนืองนอง มากมาย ร่ำรวยวิธีบูชาพระอุปคุตการตั้งที่บูชา นิยมใช้ภารชนะใส่น้ำ แล้วตั้งองค์พระอุปคุตตรงกลาง โดยมีฐานรองเป็นลักษณะจำลองคลายกับว่าท่านประดิษฐาน (จำพรรษา) อยู่ในน้ำ (มหาสมุทร หรือสะดือทะเล) เพื่อตรงกับการเป็นอยู่จริงๆ ของท่าน (ตามประวัติของท่าน) แล้วบูชาด้วยดอกไม้ ดอกไม้ที่ต้องโฉลกคือ ดอกมะลิ ใช้ลอยน้ำบูชากล่าวกันว่า หากใครบูชาด้วยดอกมะลิเป็นประจำ ก็จะนำโชคลาภและสวัสดีมงคลมาให้มิได้ขาดส่วนตำแหน่งที่ตั้งพระอุปคุตไว้บูชานั้น ควรตั้งในตำแหน่งที่อยู่ต่ำกว่า พระพุทธ เนื่องจากว่า พระอุปคุต เป็นพระอรหันต์ เป็นสาวกของพระพุทธเจ้านั้นเอง<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- sig -->

 

พระอุปคุตกลีบบัวรุ่นนี้สร้างพิธีเดียวกันกับ "พระกริ่งพระอุปคุต" (พระกริ่งชนะมาร) อันโด่งดัง ปลุกเสกเมื่อวันที่ 20 พ.ย 2540 ซึ่งตรงกับวันเพ็ญ วันอังคาร (วันวิสาขบูชา)

ด้านหน้าเป็นรูปพระอุปคุต ด้านหลังเป็นคาถาแก้วสารพัดนึก

นอกจากนี้แล้วพระอุปคุตกลีบบัวนี้หลวงปู่ยังนำไปอุดที่หลังเบี้ยแก้ของหลวงปู่และนี่เป็นสาเหตุที่หลวงปู่ไม่ให้เรียกเบี้ยแก้ว่า "ตัว" ให้เรียกว่า "องค์" และไม่ให้นำเบี้ยแก้ไปแขวนเอวเพราะมีเหรียญพระอุปคุตกลีบบัวอุดไว้ จึงต้องใช้แขวนคอค่ะ

ท่านที่ไม่มีพระกริ่งอุปคุต (พระกริ่งชนะมาร) รีบหาพระอุปคุตกลีบบัวนี้ไว้บูชาแทนได้เลยนะคะ พุทธคุณไม่ต่างกันเลยค่ะ

โชว์นะคะไม่มีให้เช่าบูชาค่ะ

พระอุปคุตกลีบบัว (ใหญ่กว่าพระปรกใบมะขามหน่อย) ปี 40 ปัจจุบันราคาประมาณ 1,000 บาท





ขอขอบคุณคุณ pipat_san สำหรับรูปภาพค่ะ<!-- google_ad_section_end -->

 

อนุโมทนาบุญด้วยกันนะคะ

กลับมาจากงานกฐินวัดถ้ำข้าวสารหิน จ.เลย

ยอดกฐินสายเก๋กับผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านได้ทั้งสิ้น 146,240 บาทค่ะ
ยอดรวมของวัดคือ 1,347,149 บาท แต่วันนี้ท่านบอกว่าได้ล้านสี่กว่า ๆ เพราะมีญาติโยมนำมาถวายกันเรื่อย ๆ จ้า

แล้วพรุ่งนี้จะไปสัตหีบจ้า

 

ยังรับอยู่ใช่ไหมค่ะ น้องจะร่วมบุญด้วยจ้า

สาธุค่ะ ทุก ๆ อย่างที่พี่หนูได้ทำเพื่อส่วนรวม และทุก ๆ ท่านที่ร่วมสร้างบุญกุศล

ไอ้หมูเก๋ไก๋

 

ขอขอบคุณสำหรับรูปภาพสวยๆที่นำมาฝากจ้า...

ขอบอกดังๆว่าภาคภูมิใจในตัวน้องสาวคนนี้มากมาย ขอให้น้องเก๋รักษาความดีนี้ไว้ดั่งเช่นเกลือรักษาความเค็มนะจ๊ะ บุญรักษาน้องสาวของพี่จ้ะ

ขออนุโมทนาบุญกับน้องเก๋และทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการบำเพ็ญเพียรสร้างบารมีในครั้งนี้จ้ะ

 

จ้า... ยังรับปัจจัยทำบุญอยู่จ้า

 

หวัดดีคับพี่หนู เข้ามาดูทุกวันละครับแต่ไม่ได้post ยังคิดถึงกันอยู่

 

คุณสมหญิง (somdrø) ได้แจ้งให้ทราบว่าขอร่วมทำบุญสร้างรูปหล่อหลวงปู่ในครั้งนี้ด้วย 600 บาท

ขอเชิญทุกท่านร่วมอนุโมทนาบุญกับการสร้างบารมีของคุณสมหญิงค่ะ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

ขอบคุณค่ะที่ยังแวะมาเยี่ยมชมทุกวัน ดีใจค่ะที่ได้ยินอย่างนั้น

 

"พระอุปคุต"

เมื่อประมาณปี 2530 พี่ชัยวิทย์ได้ไปกราบหลวงปู่ดู่ วัดสะแกเพื่อขออนุญาตท่านสร้างหลวงปู่ทวดขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว

เมื่อหลวงปู่ดู่อธิษฐานจิตปลุกเสกให้แล้วพี่ชัยวิทย์ได้ถวายพระหลวงปู่ทวดให้ท่านไว้ครึ่งหนึ่ง หลวงปู่ดู่ท่านกล่าวว่า "เอ็งทำาพระมาถวายข้า ข้าก็จะให้พระเอ็งให้เอ็งเลือกเอาพระที่อยู่บนโต๊ะหมู่บูชาข้า" ซึ่งโต๊ะหมู่บูชาจะอยู่หน้ากุฏิท่าน

พี่ชัยวิทย์มองเห็นพระอุปคุตตั้งเด่นอยู่ก็ถูกใจทันทีจึงเลือกเอาพระอุปคุตมา เมื่อหลวงปู่ดู่เห็นเลือกพระอุปคุต ท่านจึงกล่าวว่า "พระอุปคุตท่านมีจริงนะท่านยังอยู่ ข้าตามไปเจอท่านแต่พระบัวเข็มไม่มีนะเพราะข้าตามไปแล้วไม่เจอ" ก่อนพี่ชัยวิทย์กลับหลวงปู่ดู่ท่านบอกว่าไม่ต้องเอาไปหล่อน้ำนะตั้งบูชาเฉยๆก็ได้... เดี๋ยวหนูมันจะขึ้นไปวิ่งชนตกลงมา

คำพูดของหลวงปู่ดู่นั้นทำพี่ชัยวิทย์อึ้งไปเลย เพราะพี่ชัยวิทย์คิดเอาไว้ในใจอยู่ว่าจะตั้งบูชาโดยจะใส่น้ำหล่อไว้ด้วยเพราะเคยเห็นหลายคนทำกัน

 

เบี้ยแก้ของหลวงปู่สร้างเพียงรุ่นเดียวแต่มี 2 ขนาดคือเบี้ยตัวใหญ่และเล็กเพราะตัวหอยเบี้ยนั้นหายาก เบี้ยแก้ของหลวงปู่จะมีลักษณะเด่นแตกต่างจากเบี้ยแก้ของหลวงปู่ หลวงพ่อทั่วไปเพราะด้านหลังนั้นไม่ได้แปะปิดไว้ด้วยแผ่นโลหะลงยันต์เฉยๆแต่มีองค์พระอุปคุตกลีบบัวประทับอยู่ด้วย

เบี้ยแก้ของหลวงปู่จึงไม่เรียกว่า "ตัว" แต่เรียกว่า "องค์"

เบี้ยแก้และตะกรุดหัวใจพสุธาเนื้อเงินของหลวงปู่หนูแขวนติดตัวตลอดค่ะเพราะหนูทำงานเกี่ยวกับคนตายตลอดเวลา แขวนแล้วรู้สึกอุ่นใจค่ะ อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าบรรดาภูติผีปีศาจเกรงกลัวพระอุปคุตอย่างมากค่ะ

โชว์นะคะไม่มีให้เช่าบูชาค่ะ

ราคาบูชาออกจากวัดองค์ละ 1,000 บาทแต่ตอนนี้เห็นให้เช่าองค์ละ 25,000-30,000 บาทค่ะ (ถ้าของหลวงปู่ไม่ดีจริง...ราคาคงไม่ขยับถึงขั้นนี้หรอกค่ะ)


<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- sig -->

 

พี่หนู

เก๋โอนเข้าบัญชี ร่วมหล่อหลวงปู่ 199 บาทค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ ขอให้ทุกคนที่ทำงานเพื่อส่วนรวมคล่องตัวทุกประการ สะดวกในการสร้างบารมี มีสมบัติตักไม่พร่อง จนถึงพระนิพพานเป็นที่สุด



ไอ้หมูเก๋ ณ ระยอง

 

รับทราบจ้ะ

ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับน้องเก๋ด้วยจ้า
พรใดที่น้องเก๋ให้มา... พี่หนูขอรับไว้... และขอให้พรนั้นสัมฤทธิ์ผลกับตัวน้องเก๋เองเช่นเดียวกันจ้า