ความลี้ลับของจิต..(หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม)

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 29 ตุลาคม 2009.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    [​IMG]

    ความลี้ลับของจิต (หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม)
    วัดอรัญญวิเวก บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม

    ********
    ในคราวที่พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ได้อยู่ปรนนิบัติ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ที่วัดธรรมสามัคคีนั้น หลวงพ่อเปลี่ยน ปญฺญาปทีโปได้รับการสั่งสอนแนะนำถึงความลี้ลับของจิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนั่งภาวนา เมื่อเกิดเห็นนิมิตบางอย่างขึ้น แม้จะออกจากสมาธิมาแล้ว ขณะเมื่อเดินบิณฑบาต ก็ยังมองเห็น “สิ่งประหลาดๆ” อยู่เนืองๆ

    หลวงปู่ตื้อ ท่านสอนสั่งในเรื่องนิมิตที่เกิดขึ้น ว่านิมิตนั้นจำแนกไปหลายประการ จิตของนักปฏิบัติมีหลายขั้นตอนตามนิสัยบารมีของแต่ละคน
    พูดถึงผู้มีสมาธิดี จิตใจบริสุทธิ์สะอาด ก็จะปรากฏนิมิตที่แจ่มใส เป็นไปด้วยอำนาจฌาน และอำนาจแห่งญาณ
    ตอนที่หลวงพ่อเปลี่ยน ออกเดินบิณฑบาตตามหลังหลวงปู่ตื้อ และพระภิกษุสงฆ์องค์อื่นๆ ท่านมองเห็นผู้คนในลักษณะต่างๆ ที่ไม่เหมือนกับที่ตาเราเห็น ตอนแรกๆ ก็คิดว่าเราไปสร้างนิมิตเอาเอง พอนานๆ ไปก็เห็นว่าเราพบเรื่องจริงเข้าแล้ว จึงได้นำมากราบเรียนปรึกษากับหลวงปู่ตื้อ แล้วท่านให้ข้อคิด ดังนี้

    ๑. ถ้านิมิตเห็นบุคคลธรรมดานุ่งห่มผ้าสีเหลืองเดินเข้ามาหา แสดงว่าจิตของบุคคลเหล่านั้นเป็นผู้มีศีล ๕ อยู่เป็นปกติ มีสมาธิ มีการปฏิบัติศีลอย่างสม่ำเสมอ ละเว้นจากการทำชั่ว มีใจเป็นพระ เป็นธรรม
    ๒. ถ้านิมิตเห็นบุคคลธรรมดานุ่งห่มด้วยผ้าขาว แสดงว่าจิตของบุคคลนั้นมีศีล ๕ เป็นปกติ และมีใจเป็นเทพเทวดา
    ๓. ถ้านิมิตเห็นบุคคลธรรมดานุ่งห่มเสื้อผ้าขาด ผิวคล้ำไม่มี สง่าราศี แสดงว่าจิตของบุคคลนั้นตกต่ำลงไปกว่าความเป็นคน คือ มีความคิดแต่จะทำความชั่ว
    ๔. ถ้านิมิตเห็นบุคคลที่ใส่เสื้อผ้าดำสนิท จิตของเขามีศีลที่ไม่บริสุทธิ์ ใจหยาบ
    ที่ต่ำไปกว่านั้น คือ จะเห็นเป็นลักษณะของเดรัจฉาน เช่น ควาย ต่ำลงไปก็เป็นสุนัข ต่ำลงไปก็เป็นสัตว์ประเภทเลื้อยคลาน เช่น งู เป็นต้น
    หลวงพ่อเปลี่ยนได้รับการบอกเล่าเช่นนี้จากหลวงปู่ตื้อ นับว่าเป็นประโยชน์ยิ่งนัก
    1.
    หลวงปู่ตื้อเป็นพระสุปฏิปันโน ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรงต่อองค์มรรคคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นิสัย , จิตใจของท่านเป็นคนจริง คนตรง คิดอย่างไรก็จะพูดเช่นนั้น ไม่นิยมปรุงแต่งถ้อยคำวาจาให้ไพเราะรื่นหู ดังนั้นการแสดงธรรมคำสอนของท่านจึงเผ็ดร้อนไม่มีอ้อมค้อมเยิ่นเย้อ ว่ากันว่าคนหน้าบางหรือมีกิเลสครอบงำอย่างหนา เจอถ้อยคำวาจาของ หลวงปู่ตื้อเข้าถึงกับหูร้อนฉ่า ผิวหน้าผะผ่าวไปเลยทีเดียว
    อุบาสิกาท่านหนึ่ง มีความซาบซึ้งดื่มด่ำในธรรมที่หลวงปู่ตื้อแสดงอย่างยิ่ง เมื่อท่านเทศน์จบลง อุบาสิกาท่านนี้ก็คลานคล้อยเข้าไปเบื้องหน้าธรรมาสน์ที่ท่านนั่งแสดงธรรม พนมมือนมัสการกราบเรียนหลวงปู่ว่า


    “หลวงปู่เจ้าคะ อีฉันได้ฟังหลวงปู่เทศนาแล้ว เบากายเบาใจเหลือเกิน อีฉันปล่อยวางได้หมดแล้วเจ้าค่ะ”

    “อนุโมทนาด้วยคุณโยม ที่เกิดดวงตาเห็นธรรม”


    “อีฉันไม่ยึดมั่นถือมั่นอีกต่อไปแล้วเจ้าค่ะหลวงปู่”


    หลวงปู่ตื้อนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงดังฟังชัดว่า

    “อีตอแหล!”

    สิ้นคำหลวงปู่ อุบาสิกาท่านนั้นถึงกับหน้าแดงก่ำทั้งโกรธทั้งอาย ต่อว่า หลวงปู่ตื้อเสียงสั่นว่าทำไมท่านจึงมาด่าว่าตนท่ามกลางสาธารณชนเช่นนี้ หลวงปู่ตื้อได้แต่หัวเราะหึๆไม่อธิบายโต้ตอบอะไร ขณะที่คนทั้งศาลาหัวเราะกันครืน

    เพราะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า อุบาสิกาปล่อยวางอะไรไม่ได้เลย และยังยึดมั่นตัวตนของตนอย่างเหนียวแน่นครบถ้วน

    นี่ละ...คือปฏิปทาโลดโผนโผงผางของหลวงปู่ตื้อ

    2.
    วันนั้นเป็นวันโกน หลวงปู่ตื้อ ท่านกำลังปลงผมอยู่ ญาติโยมทางเชียงใหม่ กลุ่มหนึ่งมากราบท่านในเวลานั้นพอดี คุณนายท่านหนึ่งอยากได้เส้นผมของ หลวงปู่ จึงบอกกับศิษย์ของหลวงปู่ว่า

    “ตุ๊เจ้าๆ ช่วยเก็บเกศาของหลวงปู่ไว้ให้ด้วยน่ะ”

    หลวงปู่ตื้อท่านได้ยิน จึงบอกคุณนายท่านนั้นไปว่า

    “อย่าเลยนะคุณนาย เดี๋ยวอาตมาจะให้อะไรดีๆ ”

    คุณนายท่านนั้นแสนจะยินดี เมื่อได้ยินหลวงปู่บอกจะให้อะไรดีๆ จึง ไม่ติดใจที่จะเอาเส้นเกศาของท่าน

    พอปลงผมเสร็จ หลวงปู่ท่านก็เอาน้ำราดให้เส้นเกศาที่โกนแล้วนั้น ไหลไปกับน้ำจนหมดสิ้น แล้วท่านก็ไปสรงน้ำ เรียบร้อยแล้ว จึงออกมา สนทนากับญาติโยม
    คณะชาวเชียงใหม่สนทนาธรรมอยู่กับหลวงปู่เป็นเวลานานพอสมควร เมื่อจะถึงเวลากลับ คุณนายท่านนั้นจึงได้ทวงถาม “ อะไรดีๆ ” จาก หลวงปู่


    “ หลวงปู่เจ้าคะ ไหนหลวงปู่บอกว่าจะให้อะไรดีๆ แก่ดิฉันล่ะเจ้าคะ “

    หลวงปู่ตื้อ ท่านยิ้มน้อยๆ แล้วพูดว่า

    “ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ”

    แล้วท่านก็พูดต่อไปว่า

    “ พุทโธ ธัมโม สังโฆ นี่แหละเลิศประเสริฐแล้ว พระในประเทศทุกรูป จะต้องถือ พุทโธ ธัมโม สังโฆ
    ถ้าพระรูปไหนไม่มี พุทโธ ธัมโม สังโฆ แล้ว รู้ได้เลยว่าพระรูปนั้น เป็นพระปลอม ขนาดขึ้นบ้านใหม่ยังต้องว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ, ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ, สังฆัง สรณัง คัจฉามิเลย ”

    นี่แหละ อะไรดีๆ ที่หลวงปู่ตื้อ ท่านมอบให้คุณนายท่านนั้น

    3.
    มีบางคนคิดพิเรนเล่นแปลกๆ ยิ่งไปกว่านั้นอีก ถึงกับเอาเส้นเกศา ของหลวงปู่ตื้อ ที่ท่านโกนทิ้งแล้ว เอาไปลองยิงดู

    ปรากฏว่า ยิงไม่ออก !

    พอลงมือยิง ปืนไม่ลั่น ก็รีบมาบอกหลวงปู่ตื้อ อีกเช่นกัน เพื่อหวังว่า จะให้หลวงปู่ชม ที่ตนเองค้นพบความมหัศจรรย์ ถือว่าเป็นคุณความดี เกิดขึ้นกับตัว

    " หลวงปู่...หลวงปู่ครับ ผมลองเอาปืนยิงเส้นเกศาของหลวงปู่ดู มันยิงไม่ออกนะครับหลวงปู่ "

    หลวงปู่ตื้อ ย้อนถามเสียงดังว่า

    " ผมกูไปลักควายพ่อ*********หรือ ผมของกูไปนอนกับแม่*********หรือ *********เอาผมกูไปยิงทำไม ทำอย่างนี้แสดงว่าไม่เชื่อกันนะสิ "

    แม้หลวงปู่ท่านจนจะกล่าวด้วยคำพูดที่ดุดัน แต่สีหน้าอาการสงบเงียบ แสดงชัดว่า การดุด่าของท่านมิได้เป็นไปด้วยอารมณ์ปุถุชน แต่เป็น การเตือนสติ ให้พิจารณาถึงสิ่งอันควรไม่ควร

    4.
    เส้นทางเชียงใหม่ - แม่แตง ในสมัยนั้นยังไม่เจริญเอามากๆ แต่ก็มี รถยนต์โดยสารวิ่งรับส่งผู้คนบนเส้นทางสายนี้แล้ว

    ในปีที่หลวงปู่ตื้อ กำลังบุกเบิกสร้างวัดป่า ท่านจะต้องเดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างอำเภอแม่แตงกับตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อทำธุระในการก่อสร้าง จึงจำเป็นต้องขึ้นรถโดยสารประจำทางไปมาอยู่บ่อยๆ

    พวกรถโดยสารจะชินตากับ "หลวงตา พระป่าแก่ๆ กับศิษย์ชาวเขา ผู้เฒ่าที่โกนหัว นุ่งขาวห่มขาว สะพายย่าม เดินตามต้อยๆ "

    พวกรถโดยสารคงรำคาญ และหมั่นไส้หลวงตา พระป่ารูปนั้น เอาการอยู่ เพราะว่า "พอขึ้นไปนั่งบนรถปุ๊บ พระหลวงตาก็เอาเท้า ขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนเบาะปั๊บ แล้วก็นั่งหลับตาปี๋ หลับเฉยโดยไม่สนใจใคร"

    ช่างน่าเบื่อหน่าย และน่ารำคาญจริง ผู้โดยสารคนอื่นๆ นั่งห้อยขา เบาะเดียวนั่งได้ ๓-๔ คน แต่หลวงตาแก่รูปนั้นนั่งเอ้เต้อยู่คนเดียว

    เด็กหนุ่มกระเป๋ารถจึงพูดกึ่งขอร้อง กึ่งไม่พอใจ

    " ป้อหลวง ตุ๊เจ้า ตื่น...ตื่นเอาตีนลงจากเบาะเน่อ "

    " ลงบ่ได้ " หลวงปู่ตอบทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่

    กระเป๋ารถเริ่มโมโห เลือดขึ้นหน้า ขณะนั้นรถกำลังตระเวนรับส่ง ผู้โดยสารตามรายทาง

    กระเป๋าหนุ่มกล่าวสบถเสียงดัง

    " มันเป็นอะหยังหือ...จึงเอาตีนลงบ่ได้ "

    พร้อมกันนั้นก็เอามือกระชากขาของหลวงปู่ เพื่อเอาลงจากเบาะ

    ทันใด ครืด...ครืด...ครืด...ฉึก !

    เครื่องยนต์ดับสนิท รถโดยสารหยุดกึกอย่างฉับพลัน ผู้โดยสารทั้งคัน หัวคะมำไปตามๆ กัน
    หลวงปู่พูดขึ้น " หลวงตาบอกแล้ว...ลงบ่ได้...ลงบ่ได้ ! "


    คนขับพยายามติดเครื่องรถอยู่หลายครั้ง แต่เครื่องยนต์ก็ไม่ติด ผู้โดยสารก็ส่งใจไปลุ้น แต่เครื่องก็ไม่ติดสักที

    หลวงปู่พูดขึ้นว่า

    " ผู้ใด๋เอาตีนกูลง มาเอาขึ้นคืนเน่อ "

    กระเป๋ารถจำเป็นต้องทำด้วยความจำยอม จากนั้นเครื่องยนต์ ก็ติด รถโดยสารวิ่งสะดวกจนถึงตัวเมืองเชียงใหม่
    เหตุการณ์เกิดขึ้นต่อหน้าผู้โดยสารหลายคน จากการเล่าขาน ปากต่อปาก นับจากนั้นมา หลวงตาพระป่าแก่ๆ อยู่ในอำเภอแม่แตง จึงดังระเบิด !
    รถโดยสารทุกคันไม่เก็บเงินหลวงปู่ และต่างก็อยากให้หลวงปู่ นั่งรถของตน แม้นั่งคนเดียวทั้งคันก็ยินดี

    -------------------
    ขอบคุณที่มา:
    :: �ҹ�����ѡ� :: :: ��ҹ - ��������Ѻ�ͧ�Ե (��ǧ������� ͨŸ����)
     
  2. แม่มณฑา

    แม่มณฑา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +28
    สนุกดีค่ะ ได้อะไรดีๆเยอะเลย ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ขออนุโมทนาบุญด้วยคนค่ะ
     
  3. อวิชานาคา

    อวิชานาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +345
    555+

    อ่านเพลิน สนุกดี คิดถึงหลวงปู่จริง
     
  4. JETUAIM

    JETUAIM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2009
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +181

    สาธุครับ

    เข้าใจและอ่านง่ายดีครับ
     
  5. Tsunayoshi

    Tsunayoshi สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +22
    เข้าใจถึงหลวงปู่แล้ว ท่านเป็นเช่นนี้นี่เอง ^^

    ก็ว่าทำไมโหลดเสียงธรรมะของท่านไปฟังแล้วเป็นครั้งแรกที่ตกใจกับลีลาเทศน์ของพระท่านนี้ สงสัยเรายังหน้าบางอยู่ อิอิ

    ไม่ได้อวดอุตริ แต่นิมิตรที่ท่านสอน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง

    อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  6. เจได

    เจได เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +118
    กราบเพชรน้ำเอก แห่งยุครัตนโกสินทร์ครับ
     
  7. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
     
  8. หงษ์

    หงษ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +821
    อนุโมทนากระทู้นี้อย่างสูงเจ้าค่ะ:cool:กราบนมัสการท่านหลวงปู่ตื้อเจ้าค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 49.jpg
      49.jpg
      ขนาดไฟล์:
      20.8 KB
      เปิดดู:
      124
  9. anoldman

    anoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +4,558
    สาธุๆ

    ลูกหลานขอกราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่เคารพ ขอรับ
    ขออนุโมทนาครับ


    ______________________________
    hello9
    กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ สายอีสาน
    กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ สายอีสาน มารายงานตัวกันหน่อยครับ
     
  10. GoogLife

    GoogLife Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +28
    สาธุอ่านแล้วได้ตัวปัญญาให้ขบคิดดีจัง อนุโมทนาครับ ^ ^
     

แชร์หน้านี้

Loading...