สติเกิดเองไม่ได้ ต้องเจริญต้องทำให้เกิดขึ้นที่จิต

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสวนัง, 10 พฤศจิกายน 2009.

  1. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    จริงการปฏิบัติ ไม่เคยไปเรียงฌานนะ คือเอาพอจิตสงบอ่ะ
    ก็เหมือนกับเราหมั่นมาดูใจเรา ก็ไม่ต่างอะไีรกับการภาวนาพุท-โธ
    มันช่วยเราหยุดโลกได้บ้างอ่ะนะ ตามฐานะที่ควรจะพัฒนาไป
    ไม่จมแช่ และจอดนาน เดี๋ยวเครื่องพังเอาเพราะไปข่มไว้
     
  2. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    บางคนนี่ก็แปลกเหลือคณาบอกว่ารู้จักฌานโน้นฌานนี้ อย่างกับว่าเห็นอยู่เป็นอยู่อย่างนั้น แต่พอถามหาสติก็บอกไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นในสมาธิในฌาน เห็นแต่ ตำราก็ว่ากันไป วิตกบ้าง วิจารย์บ้าง ปิติบ้าง สุขบ้าง เอกัตคตาบ้าง ตลอดจนสัญญาเวทยิตนิโรธ รู้หมดแต่ไม่รู้จักว่าสติเป็นไง ตอบไปอย่างโน้นอย่างนี้ ต้มพระไตรชัดๆ ยังคิดว่าตนนั้นเป็นสัมมาทิฐิ แต่ความจริงก็ตอบว่าใช่ แต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะความเห็นที่ควรจะเป็นยังไม่เป็น แต่เจตนาเป็นกุศลนั่นก็อีกเรื่องหนึ่งเท่านั้น จึงไม่จัดเป็นสัมมาทิฏฐิเพราะ คำนี้แปลว่า เห็นชอบ ความเห็นถูก ไม่เป็นสอง เป็นหนึ่ง มีเหตุผลที่มาที่ไป ไม่ใช่มาจากตำราหรือความคิด พูดแบบนี้ไปก็หลายรอบ ก็ยังอุตส่าคิดว่าตนนั้นดีเหลือหลายเข้าใจถูกแล้ว ทั้งภาษาคนภาษาควายและภาษาพ่อขุนรามก๋ไม่เข้าใจ ยังหลงคิดว่าตนนั้นบรรลุธรรมแล้วอีกก็มี แบบนี้แหละนะเรียกว่า พวก พรุ่งนี้บรรลุธรรม ดีแต่ทำให้พระศาสนามัวหมอง เอาตำรามาใช้เป็นโล่ห์ คนที่เห็นก็เห็นได้ด้วยปัญญา ไม่ใช่ด้วยสัญญา แม้เริ่มต้นจะเป็นสัญญา แต่สุดท้ายต้องเป็นปัญญา ถ้ามีสติควบคุมประคอง คิดแต่เพียงเอาตำรามาบังหน้าเอาพระไตรไว้ปกป้องความคิดที่ผิดๆของตน ยังไงๆมันก็ป้องกันได้แต่ของภายนอก สิ่งที่อยู่ภายในมันปกป้องไม่ได้เลย มิหนำซ้ำยังจะทำให้ต้องทนทุกข์ทรมานเสียอีกเพราะความเข้าใจผิด เพราะการหลอกลวงตนเองนั่นแหละ
     
  3. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ปัญญา
    สัมมาทิฐิ จิตรู้อริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง
    สัมมาสังกัปปะ จิตปล่อยวางอารมณ์และอาการของจิตออกไปได้
    เกิดเพราะความประกอบ...ประกอบสัมมาสมาธิ
    โดยทำกิจร่วมกับสัมมาวายามะ สัมมาสติ จนจิตสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ

    ถ้าไม่ปฏิบัติสัมมาสมาธิ ปัญญาที่เกิดก็คือสัญญา ความจำได้หมายรู้
    หรือที่ชอบใช้กันว่า จดจำสภาวะรูปนามได้ นั่นเอง


    ไม่ใช่ปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริง(รู้อริยสัจ ๔)
    และไม่มีพลังในการปล่อยวางอารมณ์ออกไปจากจิต
    เพียงเปลี่ยนอารมณ์จิตเท่านั้น


    (smile)
     
  4. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    สาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาธุ โอก้าซัง
    หนูไม่อยากเกิดแล้ว เป็นสัมมาธิทิฐิ หรือป่ะคะ ฮี่ๆๆ(smile)(smile)(smile)
     
  5. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    เอามาให้อ่านกัน สหธรรมิกส่งมาให้

    ตัดมาจากห้องศาสนาในพันทิพ
    ประกาศสวนพุทธธรรม ป่าละอู
    เรื่อง ความเกี่ยวข้องกับ สวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

    เนื่องจากปัจจุบันได้มีพระภิกษุ แม่ชี และญาติโยม ได้ให้ความเมตตาเดินทางหรือติดต่อไปยังสวนพุทธธรรม ป่าละอูบ่อยครั้ง
    ด้วยความเข้าใจที่ว่า สวนพุทธธรรม ป่าละอู และสวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี มีความเกี่ยวข้องกันในฐานะเป็นวัดสาขา
    หรือมีความใกล้ชิดกันในลักษณะวัดพี่วัดน้อง โดยมีคำสอน , หลักปฏิบัติ และปฏิปทาในลักษณะเดียวกัน

    ความเข้าใจดังกล่าว เป็นเหตุให้พระภิกษุและญาติโยมในสวนพุทธธรรม ป่าละอู มีความจำเป็นต้องชี้แจงความจริงให้ญาติโยม
    ทราบครั้งละท่าน หรือครั้งละหมู่คณะ เป็นจำนวนบ่อยครั้ง ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา

    สวนพุทธธรรมฯจึงใคร่ขอชี้แจงข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวมา ณ ที่นี้ว่า หลวงพ่อมนตรี อาภัสสะโร (สวนพุทธธรรม ป่าละอู)
    และหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช (สวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ. ชลบุรี) มีความรู้จักหรือคุ้ยเคยกันในฐานะผู้ปฏิบัติธรรมเท่านั้น
    ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันในฐานะเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องแต่อย่างใด และทางสวนพุทธธรรม ป่าละอู ไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง
    ไม่ว่าจะเป็น ทางส่วนตัว , คำสอน, ปฏิปทา หรือหลักปฏิบัติใดๆ กับ สวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ไม่ว่าในด้านใดทั้งสิ้น
    หากแต่ถือเป็นสำนักสงฆ์ภายใต้พระพุทธศาสนาเดียวกันเท่านั้น

    จึงเรียนมาเพื่อความเข้าใจโดยทั่วกัน

    สำนักปฏิบัติธรรม สวนพุทธธรรม ป่าละอู
    11 พฤศจิกายน 2552

    ...........................................................

    สำหรับท่านใดที่มีข้อสงสัยที่เกี่ยวข้องกับประกาศนี้ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ email : kraisorn9945@hotmail<dot>com
    หรือที่ สวนพุทธธรรม ป่าละอู โดยตรง

    ;aa24
     
  6. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,023
  7. รอดมี

    รอดมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +161
    หลวงพ่อท่านดูจริตของแต่ละคนว่า สมควรปฏิบัติแนวไหน บางคนท่านก็
    ให้ดูจิตไปเลย บางคนท่านก็ให้ไปทำตามรูปแบบ ก็คือการทำสมาธิ
    แล้วคุณเอาที่ไหนมาพูดเป็นตุเป็นตะ ลองไปฟังซีดีของท่านดูเสียก่อน
     
  8. รอดมี

    รอดมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +161
    แล้วเราจะมีวิธีไหนรู้ได้ว่า อันไหนจริงอันไหนปลอม เห็นเถียงกันมาตั้งนานนม
    พวกสมาธิก็ว่าพวกดูจิต เจ้าเล่ห์ พวกดูจิตก็ว่าสมาธิ ชอบอ้าง
    ผมว่าต่างคนต่างทำไม่ดีกว่าหรือ

    ถ้ายังเถียงกันแบบไม่ดูพระดูเจ้า ความจริงต้องปรากฎที่คุณบอกผมว่าจะเป็น
    ความเสื่อมของศาสนาเสียมากกว่านา
     
  9. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    พุทธบริษัทไม่สนใจการปฏิบัติสมาธิ เป็นเหตุให้พระศาสนาเสื่อมสูญ

    ความเป็นพระ อยู่ที่ใจ อยู่ที่การปฏิบัติโดยเสด็จฯ
    ไม่ได้อยู่ที่นุ่งเหลืองห่มเหลืองกระมัง


    ความเสื่อมของศาสนาอยู่ที่
    ๑. พุทธบริษัท ไม่เคารพในพระศาสดาของตน
    ๒. พุทธบริษัท ไม่ตระหนักในธรรม
    ๓. พุทธบริษัท ไม่คารวะต่อสงฆ์
    ๔. พุทธบริษัท ไม่ตั้งใจศึกษาธรรม
    ๕. พุทธบริษัท ไม่สนใจในการทำสมาธิ

    ดังนั้น เราชาวพุทธทั้งหลายจึงควรลงมือปฏิบัติสมาธิอย่างจริงจัง
    เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาไม่ให้เสื่อมสูญ

    (smile)
     
  10. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    สัมมาทิฐิ มี ๒...เป็นสาสวะ,เป็นอนาสวะ

    สัมมาทิฐิ มี ๒ อย่าง คือ
    สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญให้ผลแก่ขันธ์
    สัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระเป็นองค์มรรค


    (smile) สัมมาทิฐิ(รู้เห็นตามความเป็นจริง) จะเกิดได้ ต้องปฏิบัติสัมมาสมาธิ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2009
  11. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    สัมมาสมาธิ เป็นประธานในมรรคมีองค์ ๘

    “สัมมาสมาธิ” เป็นประธาน แวดล้อมด้วยมรรคอีก ๗ องค์
    ในมรรค ๗ องค์ที่แวดล้อม “สัมมาสมาธิ” นั้น มี “สัมมาทิฐิ” เป็นประธาน

    นั่นแสดงว่า ในการปฏิบัติอริยมรรค ๘ ตามเสด็จพระพุทธองค์
    ต้องเริ่มต้นจากการปฏิบัติ "สัมมาสมาธิ"

    และการปฏิบัติ “สัมมาสมาธิ” ทำให้เกิด “สัมมาทิฐิ”
    รู้เห็นตามความเป็นจริง รู้ว่าอะไรเป็นมิจฉาทิฐิ รู้ว่าอะไรเป็นสัมมาทิฐิ


    ถ้าไม่ได้ปฏิบัติสัมมาสมาธิ จนจิตตั้งมั่นชอบเป็นสมาธิแล้ว
    ความรู้ความเห็นที่เกิดขึ้นนั้น ก็ไม่เรียกว่ารู้เห็นตามความเป็นจริง
    ยังไม่เป็นสัมมาทิฐิที่แท้จริง


    เป็นเพียงการรู้เห็นตามความคิด
    เพราะคอยแต่ตามรู้ตามดูกายดูใจ โดยไม่แทรกแซง
    โดยไม่บังคับจิต ปล่อยจิตให้ไหลไปตามยถากรรม...


    (smile)
     
  12. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    เมื่อก่อนผมก็เคยไม่อยากเกิด แต่ตอนนี้ เกิดก็ไม่กลัว สงสัยเป็นมิจฉาทิฐิแล้วมั๊ง...
     
  13. วิศว

    วิศว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,349
    ค่าพลัง:
    +5,104
    การตามรู้ตามดูเความคิด โดยไม่แทรกแซง โดยไม่บังคับจิต
    เรียกว่า ตาม
    ตามรู้ตามดูสังขาร ใช้สัญญาแทนปัญญา

    ปล่อยจิตให้ไหลไปตามยถากรรม...
    ไม่มีการทวนกระแสเข้ามาในจิต พิจารณาต้นเหตุแห่งความทุกข์ คือ ความคิด
    กลับคิดไม่หยุด ปรุงแต่งตามกระแสอารมณ์ภายนอก
    การดูจิตที่ถูกต้องจนจิตเห็นจิต ต้องหยุดความคิดทวนกระแสเข้ามาในจิต
    จนจิตสงบระงับจากนิวรณ์ เมื่อจิตตั้งมั่นจึงพิจารณาต้นเหตุแห่งความทุกข์
    คือ ความคิด จึงจะเกิดปัญญา

    จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
    ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
    จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
    ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต เป็นนิโรธ
     
  14. รอดมี

    รอดมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +161
    แล้วพระนักพัฒนาหรือพระนักเทศน์ ที่เสียสละต่อส่วนรวมและสั่งสอน
    ฆราวาสให้เป็นคนดี แต่ไม่ได้ทำสมาธิคุณว่าท่านเหล่านั้นเป็นพระหรือเปล่าครับ อนุโมทนาครับ
     
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เป็นพระที่ดีแล้ว แต่ว่า คุณทราบได้อย่างไรว่า พระเหล่านั้นท่านไม่ได้ทำสมาธิ
     
  16. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,023
    ต้องขอทำความเข้าใจนะครับ ผมไม่เคยปฏิเสธการดูจิต เพราะตัวผมเองก็ดูจิต ตัวผมไม่เคยเถียงตอบโต้ผู้ใดเพื่อการเอาชนะ ที่เจตนาเตือนสติและก็นำพระสูตรและคำสอนครูบาอาจารย์และความเห็นของตัวเองบ้าง เพื่อเตือนสติบางคนต่างหากเผื่อมีมุมมองที่ต่างไม่มีจิตที่คิดจะเอาชนะแต่อย่างใด ผมสรรเสริญคนที่ทำคุณงามความดี คนที่ทำทานสอนให้คนทำทาน คนที่มีศีลสอนให้คนมีศีล คนที่ภาวนาคนที่สอนจิตภาวนา ประเสริฐมากที่สุด แต่แค่ติงและเตือนสติด้วยหลักธรรมมิได้เพื่อการเอาชนะและอวดทิฐิ คนที่สอนนิพพานเพียงต้องรู้นิพพานจริง จุดนี้สำคัญที่สุดของผู้สอนนิพพาน ผู้ที่รู้สิ่งใดก็ควรสอนให้คนอื่นรู้ตาม ผู้ที่ไม่รู้สอนผู้ไม่รู้ก็เหมือนคนตาบอดจูงคนตาบอด ศาสนาจะเสื่อมเพราะจุดใดพิจารณาด้วยปัญญานะครับ อนุโมทนา สาธุ

    ปล.ไม่เคยปรามาสพระ พูดตามข้อเท็จจริง ทุกสิ่งที่ยกขึ้นมาเป็นข้อเท็จจริงคำพูดและข้อเขียนจริงทั้งสิ้น ไม่มีการยกคำพูดเท็จมากล่าวอ้างแต่อย่างใด ไม่เคยกล่าวอ้างชื่อพาดพิงผู้ใด้
    พระรัตนะตรัยเป็นที่พึ่งที่เคารพสูงสุดเหนือเศียรเกล้า

    บุคคลผู้ปราถนานิพพานพึงคบสัตบุรุษผู้รู้นิพพานจริงสั่งสอนนิพพานจริง สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 พฤศจิกายน 2009
  17. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,023
    ทุกสิ่งอยู่ที่เจตนา ที่สุดของศีลก็คือเจตนางดเว้น

    สั่งสอนนิพพานเจตนาใดเล่า ให้ผู้อื่นปราถนาพระนิพพาน รู้จักพระนิพพาน และเข้าถึงพระนิพพาน

    ถ้าคนตาบอดไม่รู้ทางจูงคนตาบอดแล้วไซร้ เมื่อใดเล่าจะถึงที่หมายปลายทาง คนตาบอดที่พึงถึงที่หมายปลายทางมิควรหรือที่จะเสาะแสวงหาผู้ที่ตาดีผู้ที่รู้หนทางนำทาง
    ผู้รู้จริงมี ผู้ทำได้มี ผู้ถึงจริงมี ทำไมผู้ปราถนานิพพานจริงไม่พึงเสาะแสวงหาและเดินตามรอยผู้ที่ไปถึงแล้วเล่า ดังที่หลวงพ่อปราโมทย์ได้เขียนธรรมบทนึงไว้

    "หนทางยังมีอยู่ ผู้เดินทางยังไม่ขาดสาย ลงมือเสียแต่วันนี้
    ก่อนที่กระแสลมแห่งกาลเวลา จะพัดพารอยพระบาทของท่านหายไป
    เพราะถึงเวลานั้น พวกเราก็จะต้องระหกระเหินไร้ทิศทาง ไปอีกนานแสนนาน"
     
  18. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ใช่แล้วครับ .... อยู่ที่เจตนานั่นล่ะ
     
  19. รอดมี

    รอดมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +161
    ทราบซิครับ ตอนผมบวชท่านเป็นพระอาจารย์ผมเอง ท่านบอกผมว่า
    ท่านยังไม่ปรารถนานิพพาน ท่านไม่นั่งสมาธิ แต่ท่านนั่งคิดว่าจะต้องทำ
    ประโยชน์อะไรให้สังคม ตอนนี้มรณภาพไปแล้ว เอ๋ยชื่อใครก็รู้จัก
     
  20. รอดมี

    รอดมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +161
    ขอให้พระภิกษุปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อยู่ในศีลในวินัย ไม่ทำตัวให้ชาวโลก
    ติเตียน ผมว่าพุทธศาสนายังคงอยู่ไปอีกกาลนาน

    ส่วนเรื่องการปฏิบัติเป็นเรื่องเฉพาะตัว ใครปฏิบัติดีปฏิบัติถูกก็ได้ไป แต่ใครทำ
    ผิดก็เริ่มใหม่ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า ต่อให้เราได้อรหันต์ก็เถอะฆราวาสอุบาสก
    อุบาสิกา ก็ไม่รู้หรอกครับ พุทธศาสนิกชนเขาดูพระเขาดูการวางตัวของพระว่า
    น่าศรัทธาเลื่อมใสมั้ย

    เฉกเช่นกันครับถ้าพระถูกตำหนิในเรื่องการปฏิบัติผิดหลัก ชาวพุทธส่วนใหญ่
    เขาไม่ได้มองเหมือนนักปฏิบัติ เพราะเขาไม่รู้เรื่องการปฏิบัติ เขาจะดูแค่
    พระรูปนี้ถูกชาวบ้านตำหนิ พระรูปนี้ต้องทำอะไรไม่ดีแน่ๆ ทั้งๆที่ประพฤติดี
    ประพฤติชอบอยู่ในศีลอยู่ในวินัย อย่างนี้แล้วบ่อยๆมากๆเข้า ศาสนาจะอยู่
    อย่างไรครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...