การพิจารณาอวัยวะทั้ง 32 ของเราเเบบทึละจุดนี่ทํายังไงครับ ? รบกวนเเนะหน่อยครับ

อย่านึกภาพให้นึกว่ามันไม่สวยไม่งามมันสกปรกมันเต็มไปด้วยโรคเต็มไปด้วยของโสโครก
นึกไปทีละส่วนๆแล้วเอาส่วนนั้นให้มันได้ถ้าส่วนนั้นได้ส่วนอื่นก็ได้ตารมมาเองพิจารณาตามความจิงทางธรรมชาติอย่าเข้าข้างตัวเองเด็ดขาด

 

ปฏิบัติต่อไปนะ...สักวันจะเห็นเอง....

 

...ตั้งใจ ให้ทำความรู้จักกับร่างกาย...ว่าประกอบไปด้วยอะไรบ้าง(มันไม่ใช่เป็นแท่งทึบ) มันประกอบไปด้วย ส่วนต่างๆที่ทำหน้าที่ต่างกัน มารวมตัวกัน แยกได้ 32ส่วน รวมเรียกว่ากาย....(ไม่รู้ ว่าตัวเรา..อยู่ส่วนไหน)....โดยทำใจ ให้เห็นแยกเป็นส่วนๆ เบื้องบนตั้งแต่ปลายผมลงมา...ไล่มาเรื่อยๆ(ปัจจุบันเห็นง่าย มีภาพให้ดูมากมาย ใช้ใจศึกษารู้ตามนั้น)..แล้วไล่ย้อนขึ้นไป จากเบื้องล่าง ตั้งแต่ฝ่าเท้าขึ้นไป....ใจจะรู้จักร่างกาย ว่ามันเกิดจากการรวมตัวกันหลายๆส่วน ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ....แล้วมีเรา(จิต)เข้าไปยุ่ง(เกาะ)..มีขันธ์5เชื่อมโยง...ทำให้หลงติดยึดว่าร่างกายเป็นเรา....จึงรับทุกข์ เพราะจิตเกาะกาย........

....จากนั้น พิจารณา ให้เห็นถึงความ สกปรก ร่างกายทุกส่วนหาที่ๆสะอาดไม่มี...ที่พอดูได้ ก็ที่หนังห่อหุ้มอยู่....แต่ข้างในเหม็น สกปรก แม้ข้างนอก ก็ต้องหมั่นทำความสะอาดมัน...ให้เห็นจริง...จิตจะเริ่ม ไม่ชอบร่างกาย...แต่ต้องอยู่ในกาย...จากนั้นจะเริ่มเบื่อกาย...จนตัดได้ในที่สุด....ด้วยความเพียร.......

 

นอกจากการฝึกอสุภและมรนานุสติ จากการกำหนดเห็นสภาวะที่เปลี่ยนแปลงไปในทางเสื่อมไปผุพังไปไม่น่ามอง อีกแบบหนึ่งที่น่าสนใจคือ อาการทางกายต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดแม้จะไม่ถึงขั้นผุพังไปไม่น่ามองแต่มันก้แสดงไห้เห็นได้ชัดในอาการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีความคงที่หรือทนอยู่ได้ตลอด

ยืนเดินนั่งนอนกินพูดขยับทุกสิ่งเหล่านี้ในปกติมีอาการเกิดขึ้นเปลี่ยนแปลงอิริยาบทของการอยู่ตลอดจะอยู่ในอิริยาบทใดบทหนึ่งตลอดก้จะเป็นการฝืนการเปลี่ยนแปลงจะเกิดสภาวะทนอยู่ไม่ได้เรียกว่าทุขขึ้น เป็น ทุขกิริยา ไปมองในปัจจุบันที่เกิดเห็นอาการทางกายที่เปลี่ยนแปลงแม้มันจะยังไม่เสื่อมไม่อาพาทไปจนถึงดับลง มันก้มีอาการที่ปัจจุบันไห้สังเกตุได้ง่าย หรือเรียกว่าละลึกรู้ได้ มี สติ

 

อวัยวะในร่างกาย พิจารณาตรงส่วนไหนชัด เน้นพิจารณาตรงนั้น

ทั้งนี้การยกรูปมาพิจารณาต้องอาศัยกำลังสมาธิและสติตั้งมั่น

การพิจารณารูป ต้องพิจารณาแบบอนุโลมปฏิโลม

เมื่อพิจารณาด้วยความแยบคาบแล้ว ต้องน้อมจิตมาทำความสงบ

 

<TABLE class=tborder id=post2618427 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->kananun<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2618427", true); </SCRIPT>
หัวหน้ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ



วันที่สมัคร: May 2006
ข้อความ: 8,702
Groans: 10
Groaned at 16 Times in 16 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 36,696
ได้รับอนุโมทนา 164,770 ครั้ง ใน 8,748 โพส
พลังการให้คะแนน: 9735


</TD><TD class=alt1 id=td_post_2618427 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->มีคำถามมาครับ
คือ ตอนนี้ผมพยายามฝีกหนักไปทางวิปัสสนา เเต่คิดว่ายังทําได้ไม่ดีเท่าไหร่ พอดีได้ไปอ่านข้อความในหนังสือของหลวงปู่เเหวน มีตอนหนึ่งในหนังสือกล่าวถึงการพิจารณาอวัยละทั้ง 32 ของเราเเต่ละส่วน ในหนังสือบอกว่าอย่าไปพิจารณาหมดทีเดียว ให้เ้น้นไปที่จุดใดจุดหนึ่งไปเลย คือถ้าผมจะพิจารณาเเบบเป็นจุดๆไปโดยการนั่งสมาธิหลับตา ผมต้องนึกถึงภาพยังไงครับ ? เเนะด้วยครับ อนุโมทนาครับทุกท่าน

คือเวลาผมนั่งสมาธิ ผมจะนึกภาพศพของตัวเองค่อยๆเน่าเปื่อยผุพังไปโดยมีพระุพุทธรูปอยู่ข้างหน้า ศพเราครับ เเต่พอไปอ่านจากหนังสือของหลวงปู่เเหวน ในหนังสือให้พิจารณาเป็นจุดๆไป คือให้วิปัสสนาเป็นจุดๆไป อย่าวิปัสสนาเเบบโดยรวมทั้งหมดทีเดียว ผมเลยอยากรู้ว่าต้องทํายังไงครับให้มองเป็นจุดๆไป หมายถึงว่า วันนี้ให้เราพิจารณาเเต่ลูกตา วันถัดไปปาก วันถัดไปหน้าอก อะไรเเบบนี้รึเปล่าครับ ? รบกวนท่านผู้รู้ชี้เเนะด้วยครับ ผมจะได้นําไปปฏิบัติได้ เจริญในธรรมครับ


----------------------------------------------------------

ค่อยๆพิจารณา ไล่ไปทีละกอง คือ อาการสามสิบสอง ไล่ดูอวัยวะแต่ละชิ้น ให้เ็ห็นความไม่สะอาด ให้เห็นความเศร้าหมอง ให้เห็นว่าเมื่อมันมารวม มาประกอบเป็นกาย เราก็สมมุติเป้นเรา เมื่อแยกออกเราก็เห้นเป้นชิ้นส่วน เป็นซากเป็นปฏิกูล จนจิตเรารู้เท่าทันในความเป็นไปในร่างกายทั้งของเราและบุคคลอื่นจนละจากความ ยึดมั่นถือมั่น ในกายจนหมดสิ้น

เกิดนิพพิทาญาณในสังขารทั้งปวง

จุดสำคัญคือพิจารณา ทีละอวัยวะ ทีละส่วนอย่างละเอียด จนหมดตัวหลง หมดยินดี ในกาย เรียกว่าจิตเห็นอาการหยิบจับมาดูมาพิจารณาทุกแง่ทุกมุม ทั้งกลิ่นทั้งสี ทั้งสัมผัส

เมื่อจิตรู้เท่าทันในอาการทั้งสามสิบสองแล้วก็ย่อมปล่อยวางจาก กายได้มากขึ้นลึกขึ้นตามลำดับครับ

ขอให้วิปัสสนาญาณของทุกท่านชัดเจนแจ่มใส จิตสะอาดบริสุทธิ์ในดอกไม้ของพระอริยะเจ้าด้วยเทอญ<!-- google_ad_section_end -->
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->

" จิตใจที่ดีงามจะคงอยู่ตลอดไป "

วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ
แจกเหรียญทำน้ำมนต์เพื่อบรรเทาภัยพิบัติ ทั่วประเทศไทย

บัญชี เพื่องาน พลังจิตพิชิตภัยพิบัติ คณานันท์ ทวีโภค
บัญชี ออมทรัพย์ ธ.กรุงเทพ สาขาคลองสานเลขที่ 151-0-91868-1
บัญชี เพื่องานพระบรมสารีริกธาตุ และ การสร้างพระเจ้าองค์แสน
ธ.กรุงเทพ สาขาสยามพารากอน เลขที่ 855-0-14998-6​

<!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ลอง ศึกษาเว็บ นี้ดูนะครับ...ดูจิต...ด้วยความรู้สึกตัว หรือไปที่บ้านอารีย์ (ถ้าอยู่กรุงเทพฯ)

 

เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ อนุโลม

ตะโจ ทันตา นะขา โลมา เกสา ปฏิโลม

พิจารณาให้เห็นเป็นสิ่งไม่งาม ไม่น่าใคร่ พิจารณา ไป-กลับ แล้วจะหมดความยึดถือในกาย

ลองอย่างนี้ซี ก่อนรับประทานอาหาร ให้นั่งพิจารณาว่า อาหารนี้เราจักกินเพื่อให้ร่างกายอยู่ได้ ไม่กินเพื่อบำรุง บำเรอ เนื้อหนังมังสาให้เป็นไปเพื่อสนุกสนาน รื่นเริง..........แล้วดูว่ามื้อนั้นจะรับประทานมาก หรือน้อย อร่อย ไม่อร่อย อย่างไร ? ...............พิสูจน์ได้ เมื่อพิจารณาให้เห็นว่ามันน่าเบื่อหน่าย มันก็คลายความยึดมั่นในกายไป ตามแต่กำลังของเรา..

 

ต้องได้ฌาน ๔ หยาบ คือจิต กับ ขน ผม ฟันเล็บ หนัง......มันแยกออกจากกัน พิพิจารณาไตรลักษณ์ก็จะบรรลุอรหัตผลเลย เพราะเป็นจิตที่เหมาะแก่การใช้งานแล้ว ถ้าใช้แต่ปัญญาพิจารณาอย่างเดียว ไม่มีทางบรรลุมรรคผลใดๆเลย นอกจากจะได้ฌาน ๑ ก็จะบรรลุได้ถึงสกิทาคามี