ขุมทรัพย์ที่น้ำตกห้วยยางกับพระฤาษี

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย perter, 22 มิถุนายน 2006.

  1. perter

    perter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +187
    เรื่องราวที่ได้นำมาเสนอให้กับทุกท่านในที่นี้ ได้ทำการคัดลอกมาจากหนังสืออีกทีหนึ่ง เห็นว่ามีประโยชน์และเป็นวิทยาทาน ความรู้ให้กับเพื่อนสมาชิก และเกี่ยวข้องกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อโดยตรง หวังว่าจะได้รับรู้เหตุการณ์หรือประสบการณ์อีกด้านหนึ่ง สำหรับผู้ที่ได้ติดตามในความนั้นคงจะทราบกันดี ก็ขอโมทนาสาธุครับ....



    จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นจังหวัดชายทะเลที่มีทิวทัศนียภาพอันงดงามและสงบเงียบ สมัยก่อนพื้นที่ส่วนใหญ่เลยจากแนวชายฝั่งทะเลเข้ามา ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้เบญจพรรณปกคลุมพื้นที่ราบและทิวเขาสลับซับซ้อน

    ที่ตำบลห้วยยาง อ.กุยบุรี มีน้ำตกอยู่แห่งหนึ่งที่เรียกว่า น้ำตกห้วยยาง น้ำตกแห่งนี้ไม่ใหญ่นักแต่มีความงดงามอันประทับใจ ส่วนล่างสุดเป็นแอ่งน้ำกว้างใหญ่และมีความลึกไม่มากเท่าไหร่ ผู้ที่มาเที่ยวชมน้ำตกมักจะไปเล่นกันด้วยความสนุกสนาน เพราะเป็นแอ่งที่ไม่มีอันตราย จากกระแสน้ำพัดพาไปสู่เบื้องล่าง

    เมื่อก่อนการเดินทางไปชมทัศนียภาพของน้ำตกเป็นไปอย่างยากลำบาก ต้องอาศักการเดินด้วยเท้าบุกฝ่าพงรก และเส้นทางขรุขระสูงต่ำ อันเป็นธรรมชาติของผืนป่าเขาทั่วไป แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ( ไม่แน่ใจ ต้นฉบับไม่ได้ระบุ ) พระองค์ท่านได้สละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้ทำถนนไปถึงน้ำตกห้วยยาง เป็นระยะทางประมาณ 5-7 กิโลเมตร จนเป็นที่เรียบร้อย

    มีผู้ขึ้นไปสำรวจถึงแหล่งต้นน้ำตกบนยอดเขาระบุว่า ตรงต้นกำเนิดน้ำตกมีสายน้ำไหลไปทางตรงกันข้ามเป็น้ำตกอีกแห่งหนึ่ง โดยไหลพุ่งไปในเขตของพม่ากลายเป็นน้ำตกแฝด อยู่คนละฟากประเทศ น้ำตกที่ตกไปยังฝั่งพม่านั้นมีขนาดใหญ่กว่ากระแสน้ำไหลแรงกว่าฝั่งไทยมากนัก


    คราวหนึ่ง...ลูกศิษย์ของพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน ( หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ) ซึ่งชาวห้วยยางนิมนต์ท่ายไปที่ตำบลห้วยยาง และได้พาหลวงพ่อฤาษีลิงดำพร้อมคณะของท่านซึ่งมีทั้งพระภิกษุ สามเณร และฆาราวาสไปชมน้ำตกห้วยยาง หลวงพ่อไม่อยากขัดศรัทธา ยอมตามใจญาติโยมหมู่คณะจึงได้เดินทางไปยังน้ำตก

    บรรดาลูกศิษย์ฝ่ายฆาราวาสต่างชื่นชมทัศนียภาพของธารน้ำตกที่หลั่งไหลเป็นชั้นๆ ลงมาจากโขดหินเนินไศล ที่แวดล้อมด้วยแมกไม้ดูและสบายตาสบายใจยิ่งนัก เมื่อมาเห็นแอ่งน้ำด้านล่างของธารน้ำตก ซึ่งกว้างใหญ่ประหนึ่งอ่างใบมหึมา ก็ยั้งใจไม่ไหวพากันผลัดผ้าผ่อนลงไปเล่นน้ำด้วยความเบิกบาน

    พระหนุ่มและเณรน้อยถือโอกาสนี้ ขออนุญาตหลวงพ่อขอสรงน้ำให้เสร็จเรียบร้อยเสียเลย โดยแยกห่างจากกลุ่มคณะไปทางเหนือน้ำ ส่วนหลวงพ่อนั่งพักผ่อนอยู่บนก้อนหินใหญ่ใต้เงาร่มไม้ใกล้กับน้ำตกด้านที่พระเณรสรงน้ำกันอยู่ ขณะที่หลวงพ่อฤาษีได้พิจารณาดูทัศนียภาพของน้ำตกโดยรอบทั่วไปนั้น ท่านได้เห็นความผิดสังเกตอย่างหนึ่งตรงขอบหินอ่างน้ำซึ่งกระแสน้ำพุ่งกระโจนลงมากระทบเป็นฟองฝอย เวลาน้ำกระเพื่อม จะเห็นเป็นช่องว่างใต้ก้อนหินที่วางซ้อนกันอยู่ เป็นโพรงลึกเข้าไป...
     
  2. perter

    perter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +187
    ตรงบริเวณคล้ายกับมีโพลงใต้น้ำนั่นติดกับหน้าผาสูงตระหง่าน เป็นส่วนหนึ่งของทิวเขาใหญ่ ครั้นหลวงพ่อพินิจดูอย่างละเอียดก็พบว่าลักษณะของก้อนหินที่ทับซ้อนกันตรงนั้น มิใช่หินสองก้อนเชื่อมต่อติดกันติดกันหากเป็นรอยแสดงว่าหินต่อหินเกยทับกันเฉยๆ ใต้หินสองก้อนเป็นโพลงลึกเข้าไป แต่จะเป็นช่องว่างโพลงเว้าตันอยู่แค่นั้นเหมือนหินอีกก้อนเป็นฉากหลังไม่ให้มองเห็นโพลงลึกด้านใน

    หลวงพ่อได้กำหนดจิดลงสู่สมาธิเพ่งกระแสจิตพิจารณาไปในโพลงนั้น ครู่หนึ่งก็คลายจากสมาธิ แล้วบอกให้พระหนุ่มหลายรูปที่สรงน้ำอยู่ตรงนั้นให้ลองเอามือสอดเข้าใต้ก้อนหินซึ่งอยู่เหนือผิวน้ำปริ่มๆนั้น สงสัยจะมีโพลงด้านใน พระหนุ่มรูปนั้นก็สอดมือเข้าปความดูปรากฎว่าเป็นช่องว่างโล่งจริงๆ จึงบอกกับท่านว่า ..เป็นโพลงใต้น้ำจริงๆครับ..

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำสั่งต่อไปว่า.....ให้ชอนมือขึ้นไปด้านบนพบหินอะไรไหม พระหนุ่มทำตามที่ท่านบอก ย่อตัวลง เหยียดแขนความไปด้านหน้า แล้วงอแขนกวาดมือสำรวจด้านบน ไม่ปรากฎว่ากระทบกับอะไรเลย จึงรายงานให้หลวงพ่อทราบว่าด้านบนเป็นช่องว่างโล่งๆ หลวงพ่อยิ้มพร้อมกับบอกว่า
    ลองดำเข้าไปดูสิ ฉันสงสัยว่าในนั้นจะเป็นถ้ำใหญ่

    พระหนุ่มอาสาดำน้ำลงไปลอดใต้ก้อนหิน หลวงพ่อแนะนำว่าให้เอามือเกาะหินด้านบนเอาไว้เวลาดำน้ำเข้าไปจะได้ไม่หลงทาง พระหนุ่มได้ทำตามที่หลวงพ่อบอก หายไปสักพักพระหนุ่มจึงกลับออกมาโผล่พ้นผิวน้ำ รีบรายงานหลวงพ่ออย่างตื่นเต้นว่า

    หลวงพ่อครับ ลึกเข้าปนิดเดียวด้านในเป็นที่โล่งๆ ผมจึงโผล่ขึ้นไปดู ปรากฎว่าเป็นถ้ำจริงๆครับ เป็นโพรงถ้ำใหญ่มากแล้วมีทางลาดขึ้นไปจนพ้นผิวน้ำ อากาศก็มีหายใจสบายมากเลยครับ

    คราวนี้ลูกศิษย์หลวงพ่อทั้งฆาราวาส และพระเณรต่างตื่นเต้นกันใหญ่ พากันมารวมตัวกันอยู่ต่อหน้าหลวงพ่อ เพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าใต้ก้อนหินใหญ่จะเป็นทางเข้าไปสู่อุโมงค์ถ้ำ ที่ซ่อนตัวอยู่ภายในเทือกเขามหึมา ทางเข้าก็ซุกซ่อนอยู่ลึกใต้น้ำ ลูกศิษย์ของหลวงพ่อทุกคนไม่สงสัยแม้แต่น้อยว่าเพราะเหตุใดหลวงพ่อจึงล่วงรู้ว่ามีถ้ำอยู่ใต้ภูเขาใหญ่ ทั้งที่ทางเข้านั้นซ่อนเร้นอยู่ใต้นน้ำมานานนับพันนับหมื่นปีแล้ว

    แต่ที่อดสงสัยกันไม่ได้คืออะไรที่อยู่ภายในถ้ำนั้น
    หลวงพ่อรู้ว่าทั้งพระเณรและฆาราวาสต่างคิดสงสัยกันอยู่ ท่านจึงทำให้ทุกคนตื่นเต้นหนักกว่าเดิมขึ้นไปอีก โดยกล่าวว่าภายในถ้ำลึกลับมีทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าซ่อนอยู่มากมาย ถ้าคิดออกมาเป็นตัวเงินในปัจจุบันก็หลายล้านบาททีเดียว ท่านยังบอกอีกว่าใครอยากรู้ให้ดำน้ำเข้าไปดูในถ้ำได้

    หลวงพ่อไม่เคยพูดเล่นๆไร้สาระ เมื่อหลวงพ่อบอกว่ามีสมบัติอยู่ภายในถ้ำก็ต้องมีจริงๆ แต่ไม่มีลูกศิษย์คนไหนกล้าเข้าไปเลยตามลำพัง

    แล้วท่านก็เล่าถึงที่มาของสมบัติดังกล่าวในอดีตกาลนานมาแล้ว....ชาวเมืองปา อพยพโยกย้ายถิ่นฐานใหม่สร้างบ้านแปลงเมืองขึ้นที่กุยบุรี เลยกลายเป็นชาวกุยบุรีไปโดยปริยาย ต่อมาถูกรุกรานจากกองทัพเรือชาวนครศรีธรรมราช ที่ล่องทะเลโจมตีหัวเมืองชายทะเล เพื่อปล้นสะดมแย่งชิงสมบัติทรัพย์สินของมีค่า ครั้นมาถึงเมืองกุยบุรีก็ยกพลเข้าตีเมือง ชาวเมืองกุยบุรีก็พยายามต่อสู้สุดกำลัง แต่เห็นว่าคงสู้ไม่ได้ ต้านทานเอาไว้ไม่อยู่แน่ พ่อเมืองกุยบุรีจึงได้รวบรวมสมบัติอันมีค่ามาซ่อนไว้ในถ้ำลึกลับใต้ภูเขาตรงน้ำตกห้วยยางนี้........แล้วก็แตกกระเซ็นไปคนละทิศละทาง ทหารล้มตายก็มากชาวนครศรีฯได้สมบัติไปเป็นส่วนน้อย ทรัพย์สมบัติส่วนใหญ่ประกอบไปด้วย ทองคำ พระพุทธรูปทองคำ อัญมณี เพชรพลอยทั้งหลายถูกเก็บไว้ที่นี่ทั้งงหมด

    ลูกศิษย์ใหม่คนหนึ่งเผลอถามหลวงพ่อด้วยความพาซื่อว่า หลวงพ่อครับ หลวงพ่อรู้ได้อย่างไรว่าในถ้ำมีสมบัติซ่อนอยู่..........
     
  3. manghek

    manghek Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +65
    คุณpeterแล้วหลวงพ่อบอกว่าอะไร.....ล่ะครับอยากรู้ครับ....
     
  4. perter

    perter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +187
    หลวงพ่อก็หัวเราะพูดเล่นเป็นสนุกไปว่า ฉันก็นั่งนึกมันเล่นโก้ๆไปนะซี สมบัติจะมีหรือไม่มีก็ไม่รู้ ทางที่ดีพวกเธอลองมุดเข้าไปดูซิ เราจะได้พอสูจน์กันเดี๋ยวนี้แหละ

    ลูกศิษย์ทั้งหลายไม่ว่าพระ เณร หรือฆาราวาสมองหน้ากันลอกแลกไม่มีใครกล้ามุดน้ำดำลอดไปดูมหาสมบัติ ในถ้ำลึกลับใต้ภูเขา เนื่องจากคิดหวาดเสียวไปต่างๆนานา

    หลวงพ่อเห็นลูกศิษย์ไม่กล้าท่านจึงบอกว่า ถ้าอย่างนั้นฉันจะลงไปด้วย แล้วท่านก็จัดแจงผลัดผ้าทั้งๆ ที่ตั้งใจจะไม่ลงน้ำตั้งแต่แรกแล้ว

    เมื่อหลวงพ่อผลัดผ้าแล้วหย่อนตัวลงไปในน้ำเดินตรงไปที่ตำแหน่งโพรงถ้ำใต้น้ำ บรรดาลูกศิษย์ก็ตามท่านไปเป็นกลุ่มด้วยความอุ่นใจ ไม่กลัวอะไรเพราะมีหลวงพ่อฤาษีลิงดำอยู่ใกล้ๆ เมื่อไปถึงทางเข้าด้านหน้าถ้ำ ท่านจึงมุดเข้าไปเป็นรูปแรก พระเณรต่างก็ทยอยกันดำน้ำตามกันไปติดๆ กลุ่มสุดท้ายคือลูกศิษย์ฆาราวาส

    เมื่อกลุ่มลูกศิษย์โผล่พ้นผิวน้ำก็เห็นหลวงพ่อยืนรออยู่ในระดับน้ำเสมอหน้าอก บริเวณนั้นเป็นคูหากว้างและสูงพอสมควรด้านล่างมีน้ำถ่วมเต็มพื้นที่ โดยมีระดับน้ำเสมอกับผิวน้ำในอ่างด้านนอก ด้านหน้าหลวงพ่อและกลุ่มลูกศิษย์ มองเห็นเป็นปากถ้ำใหญ่อยู่ไกลออกไปอีกประมาณ 5-6 เมตร บริเวณปากถ้ำอยู่เหนือน้ำมีแนวหินเหมือนกำแพงเตี้ยๆ ขวางอยู่ตรงปากถ้ำ พื้นหินด้านล่างซึ่งอยู่ใต้น้ำเป็นทางลาดชันขึ้นไปยังกำแพงหน้าถ้ำเดินได้สะดวก

    หลวงพ่อเป็นผู้ไต่นำข้ามกำแพงหินเตี้ยๆนั้นอีกเช่นเคย โดยมีลูกศิษย์ติดตามหลังไม่ยอมห่าง ภายในอุโมงค์ทึบทุกด้านที่ผ่านเข้ามานี้ น่าแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือไม่ได้มืดมิดน่ากลัวแต่มีแสงสลัวๆ แม้แต่ในถ้ำก็ไม่มืดมิดน่ากลัวแต่อย่างไรคาดว่าน่าจะมีปล่องทะลุไปด้านบน แสงสว่างจึงส่องลงมาได้ อากาศที่หายใจก็รู้สึกปลอดโปร่ง

    จากบริเวณปากถ้ำ หลวงพ่อพาคณะของท่านเดินลึกเข้าไปประมาณ 10 เมตร คูหาของถ้ำเริ่มตีบแคบเข้ามาทั้ง 2 ด้านกระทั่งเหลือความกว้างแค่สี่คนเดินเรียงกระดานพอเครือๆ

    ก่อนที่จะเดินเข้าลึกไปอีก ท่านได้หันมาเตือนลูกศิษย์ทุกรูป ทุกคนว่าจากนี้ลึกเข้าไปข้างหน้านั้นหากพบอะไรต้องทำใจให้สงบ อย่าขาดสติจนปล่อยให้อารมณ์หวั่นไหวเข้ามาครอบงำเป็นอันขาด โดยเฉพาะความโลภอย่าให้ผุดขึ้นมาโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะเกิดอันตรายกับตัวเอง ศิษย์ของท่านก็รับปากอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ อันที่จริงแล้วหลวงพ่อก็ได้กังวลเรื่องนี้เท่าใดนักเพราะแต่ละคนได้ผ่านการฝึกกรรมฐานมาแล้วพอสมควร ที่ท่านกล่าวก็เพื่อย้ำให้ระวังและสำรวมเอาไว้ล่วงหน้าเท่านั้น

    จากนั้นก็เดินกันไปอย่างสงบ เดินลึกไปไม่มากนักเส้นทางเดินได้ไปบรรจบกับคูหาอีกชั้นหนึ่ง เมื่อหลวงพ่อกับลูกศิษย์เดินทะลุผ่านไปในคูหากว้าง ท่านก็หยุดยืน ส่วนลูกศิษย์ทั้งกลุ่มพากันชะงักตาม บางคนถึงกับยืนตัวแข็งทื่อ ใจเต้นระรัวอย่างสุดระงับ เพราะตรงกึ่งกลางคูหานั้น มีงูยักษ์ลำตัวใหญ่ขนาดเสาเรือนไทยโบราญม้วนขดเป็นวงมหึมา เกล็ดสีคล้ำออกดำเป็นมันวาว ดูน่าขนพองสยองเกล้า บนกลางหัวมีหงอนสีแดงออกมา

    หลวงพ่อฤาษี สงบเฉยเป็นปรกติเพราะท่านรู้อยู่แล้ว ว่าจะพบอะไรล่วงหน้า แต่ลูกศิษย์ที่เดินตามหลังกันมาเป็นขบวนนี่สิแอบตัวสั่นด้วยความพรั่งพรึงกลัวหวาดเสียวไปตามๆกัน เพราะไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น...
     
  5. perter

    perter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +187
    ต่อนะครับ...


    งูใหญ่มีหงอนขยับลำตัวยวบยาบ พร้อมกับชูหัวขึ้นเมื่อเห็นผู้บุกรุก นัยน์ตาสีเหลืองขุ่นจ้องเขม็งสะกดให้คนมีจิตใจอ่อนไหวแทบจะเป็นอัมพาตเสียให้ได้ หลวงพ่อฤาษีพูดบอกกล่าวออกไปด้วยเสียงดังๆว่า ที่เข้ามานี้ไม่มีเจตนาต้องการอะไรเลย เพียงแต่ขอเข้าไปดูไปชมสมบัติเก่าเท่านั้นเอง

    งูยักษ์ก็ค่อยๆ ลดหัวลงพาดกับขนาดลำตัวนิ่งเฉยๆ คล้ายกับเป็นการบอกเชิญหลวงพ่อเข้าไปดูชมตามสบายเถิด หลวงพ่อฤาษีจึงพาคณะศิษย์เดินอ้อมงูใหญ่ไปยังด้านในสุดคูหา ณ ที่นั้นมีพระพุทธรูปทองคำเหลืองอร่าม หน้าตักกว้างประมาณ 24 น้ววางอยู่บนก้อนหินเรียบๆ ฐานพระพุทธรูปก็เป็นทองคำ หลวงพ่อเข้าไปนมัสการก่อน ลูกศิษย์ทุกคนรีบน้อมกายลงนั่งกราบพร้อมๆกัน หลวงพ่อลองเอื้อมมือไปจับต้ององค์พระพุทธรูปทองคำ
    งูหงอนยักษ์ก็ยกหัวพรวดขึ้นมาชูร่าทันที
    หลวงพ่อฤาษีก็หันไปบอกกล่าวกับพญางูอีกครั้งว่า ขอลองจับดูเท่านั้นนะไม่เอาไปหรอก เอาไปก็ไม่ไหว ทองคำทั้งองค์ขนาดนี้คนทั้งหมดก็แบกไปไม่ไหว

    หลวงพ่อให้พระเณรและฆราวาสศิษย์ของท่าน ลองอธิษฐานเสี่ยงทายดูแล้วให้ยกพระพุธทรูปขึ้น ลูกศิษย์แต่ละรูปแต่ละคนต่างก็ตั้งจิตอธิษฐานในสิ่งที่ตัวเองประสงค์ โดยขอเสี่ยงทายว่าหากสมประสงค์ก็ขอให้ยกพระพุทธรูปขึ้นได้ จากนั้นก็ได้ผลัดกันไปยก

    ปรากฎว่าบางคนยกขึ้นได้สบายๆ บางคนออกแรงเท่าไรก็ไม่ขึ้น แม้แต่ขยับเขยื่อนก็ยังไม่ได้ เป็นเรื่องอัศจรรย์ซึ่งทุกคนรู้เห็นกับตาตัวเอง
    หลังจากทดลองยกพระพุทธรูปทองคำอันศักดิ์แล้ว หลวงพ่อก็พาคณะศิษย์เดินลึกเข้าไปด้านในอีก ทันใดนั้น งูยักษ์ก็ชูคอผงาดสูงเกือยสองวา จ้องนัยย์ตาพุ่งเขม็งมาที่กลุ่มคณะของหลวงพ่อ ทำให้หลวงพ่อต้องบอกกล่าวกับพญางูอีกครั้งว่า พี่ชายขอชมข้างในหน่อยนะ ไม่เอาอะไรเลย ขอรับรอง เฝ้าอยู่ที่หน้าประตูนี่ก็แล้วกันฉันไปไหนก็ไม่รอด ฉันต้องกลับทางนี้ ถ้าใครเอาของมาแม้เพียงชิ้นเดียว ก็ทำอันตรายได้เลย ได้ฟังคำพูดของหลวงพ่อที่ให้สัญญาเช่นนั้นพญางูก็ลดหัวลง สงบกิริยาอันดุร้าย ทำให้พระเณรศิษย์ฆราวาสต่างถอนใจโล่งอก แล้วหลวงด่อก็นำคณะเข้าไปด้านในคูหา ณที่นั้นคือที่เก็บสมบัติอันประมาณค่ามิได้ ทำให้ทุกคนตื่นตะลึงเพราะไม่เคยพบเห็นของล้ำค่าเช่นนี้มาก่อนในชีวิต

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่าว่า

    เมื่อเดินไปอีกก็ปรากฎว่าพบทรัพย์มหาศาล มีทองคำแท่ง ถ้าจะพูดเป็นน้ำหนักก็เป็นร้อยๆตัน เพราะกองสูงถนัดตา แล้วมีเครื่องประดับแพรวพราวเยอะแยะ เพชรนิลจินดา มีมงกฎของกษัตริย์ พระแสงอาญาสิทธิ์ละมัง เห็นด้ามเป็นมันทอง ฝักเป็นทองคำประดับเพชรมันแพรวไปหมด มีแก้วตั้งหลายอย่างอาจจะเป็นแก้วที่เขาเรียกกันว่าแก้วเก้าประการนพรัตน์อะไร ก็ไม่ทราบว่าอะไรกันแน่ ทุกสิ่งทุกอย่างยังอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ เงินก็มาก ทองก็มากเพชรนิลจินดาก็มาก เวลาชมก็สั่งทุกคนห้ามแตะต้องเป็นอันขาด ถ้าใครแตะต้องละก็ฉันไม่รับรองชีวิต เพราะยังไงๆ พี่งูนี่แกจัดการเสร็จไม่ยอมปล่อยให้เราเอาไปแน่ๆ เมื่อชมเป็นที่พอใจแล้ว ก็เป็นอันว่าไม่มีใครเอาของกลับออกมา พอกลับออกมาก็ขอบใจพี่งูเขา เขาก็มองดูทุกคนพวกเราก็ลากลับ

    หลังจากออกมาจากถ้ำเก็บมหาสมบัติของเมืองกุยบุรีที่น้ำตกห้วยยางแล้ว หลวงพ่อก็ได้บอกกับทุกคนว่าโอกาสที่จะได้พบเห็นสมบัติล้ำค่ามีเพียงปีเดียวเท่านั้น เพราะการที่มีคนเข้าไปพบเห็นสมบัติเขาตั้งแต่ สองคนขึ้นไป ย่อมจะไม่เป็นความลับอีกต่อไปเพราะแม้ว่าพวกเราจะไม่มีความโลภปรารถนาอยากได้สิ่งของมีค่าของพวกเขาก็ตามแต่ ก็อาจพลั้งเผลอพูดเล่าเรื่องนี้ออกไปให้ผู้อื่นได้ยิน หากมีคนจิตใจละโมบเข้าไปหยิบฉวยขโมยสมบัติของเขาเข้า ก็เท่ากับไปทำอันตรายสมบัติเขา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปิดทางเข้าที่เก็บสมบัติเสีย


    สำหรับงูหงอนตัวนั้น หลวงพ่อบอกว่าเป็นเพียงงูลมไม่ใช่งูเนื้อ ซึ่งท่านหมายถึงเป็นงูผี คือดวงวิญญาณที่ต้องทำหน้าที่เฝ้าขุมทรัพย์มีค่ามหาศาลนี้

    หลังจากนั้นอีก 1 ปี ที่น้ำตกห้วยยางก็เกิดหินถล่มลงมาปิดปากทางเข้าถ้ำจนหมดสิ้น เป็นไปตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำบอกกล่าวเอาไว้ล่วงหน้า


    นี่คือเรื่องมหัศจรรย์ ซึ่งได้เกิดขึ้นแล้ว ณ น้ำตกห้วยยาง อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
     

แชร์หน้านี้

Loading...