พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>10 ผลไม้ไทยที่มีสารต้านมะเร็งสูง </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>10 ผลไม้ไทยที่มีสารต้านมะเร็งสูง
    กรมอนามัยวิจัย 10 ผลไม้ไทย มีสารต้านมะเร็งสูง นางนัทยา จงใจเทศ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการทำวิจัย “องค์ความรู้เรื่องปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในผลไม้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ (วิตามินซี วิตามินอี และ เบต้าแคโรทีน) ในผลไม้” ที่ทำการศึกษาในผลไม้ 83 ชนิด พบว่า


    ผลไม้ 10 อันดับแรกที่มีเบต้าแคโรทีนสูงคือ

    1. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก
    2. มะเขือเทศราชินี
    3. มะละกอสุก
    4. กล้วยไข่
    5. มะม่วงยายกล่ำ
    6. มะปรางหวาน
    7. แคนตาลูปเนื้อเหลือง
    8. มะยงชิด
    9. มะม่วงเขียวเสวยสุก
    10. สับปะรดภูเก็ต
    ผลไม้ทั้งหมดนี้มีเนื้อสีเหลืองและสีเหลืองเข้ม


    ส่วนผลไม้ที่ไม่มีเบต้าแคโรทีนเลย
    1. แก้วมังกร
    2. มะขามเทศ
    3. มังคุด
    4. ลิ้นจี่
    5. สาลี่



    10 อันดับแรกของผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงคือ

    1. ฝรั่งกลมสาลี่
    2. ฝรั่งไร้เมล็ด
    3. มะขามป้อม
    4. มะขามเทศ
    5. เงาะโรงเรียน
    6. ลูกพลับ
    7. สตรอเบอร์รี่
    8. มะละกอสุก
    9. ส้มโอขาว
    10. แตงกวา
    11. พุทราแอปเปิล



    การศึกษานี้พบผลไม้ที่มีวิตามินอีสูง 10 อันดับแรกคือ

    1. ขนุนหนัง
    2. มะขามเทศ
    3. มะม่วงเขียวเสวยดิบ
    4. มะเขือเทศราชินี
    5. มะม่วงเขียวเสวยสุก
    6. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก
    7. มะม่วงยายกล่ำสุก
    8. แก้วมังกรเนื้อสีชมพู
    9. สตรอเบอร์รี่
    10. กล้วยไข่

    ผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และวิตามินอีน้อยทั้ง 3 ตัว คือ สาลี่ องุ่น และแอปเปิล
    ส่วนผลไม้ที่มีสารทั้ง 3 ตัว ค่อนข้างสูงคือ มะเขือเทศราชินี


    ทั้งนี้ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและอี เป็นกลุ่มของสารอาหารที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่ก่อให้ร่างกายเกิดการอักเสบ ทำลายเนื้อเยื่อ เกิดต้อกระจกในผู้สูงอายุ โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด สารทั้ง 3 ตัว โดยเฉพาะ เบต้าแคโรทีนจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ยับยั้งการก่อกลายพันธุ์ ป้องกันเนื้องอก ลดความเสี่ยงการเป็นต้อกระจก มะเร็งและหัวใจได้ จึงควรรับประทานผลไม้ในปริมาณมากพอสมควรทุกวัน หรืออย่างน้อยวันละ 4 ส่วนของอาหารที่รับประทาน เพื่อสุขภาพที่ดี.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ขอบคุณเนื้อหาจาก ลิซ่า
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ความแตกต่างระหว่าง “ผลของทาน” และ “อานิสงส์ของทาน” </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>
    ความแตกต่างระหว่าง “ผลของทาน” และ “อานิสงส์ของทาน”
    อาจารย์ทวีศักดิ์ คุรุจิตธรรม


    ข้าพเจ้าอยากจะสะกิดใจเพิ่มเติม
    เพื่อชี้ให้ทุกท่านผู้ใฝ่ธรรมและผู้มีจิตศรัทธา
    ได้ทราบถึงความแตกต่างระหว่าง “ผลของทาน”
    และ “อานิสงส์ของทาน”

    ซึ่งมีกล่าวไว้ใน ทานสูตร อังคุตรนิกาย สัตตกนิบาต
    โดยพอสรุปใจความได้ดังนี้

    ให้ทานเพราะ

    ๑. อยากได้รับผลแห่งทานที่ได้ให้ไป

    เช่น ไปเกิดในที่ดีดีๆ ได้รับผลตอบแทนในทางใดทางหนึ่ง
    จากทานที่ได้ให้ไป เป็นต้น

    • ผลของทาน - มาก
    • อานิสงส์ - ไม่มาก

    ๒. เห็นว่าให้ทานแล้วจะเป็นการสั่งสมบุญกุศลประจำตัวเรา

    • ผลของทาน - มาก
    • อานิสงส์ - ไม่มาก

    ๓. เห็นว่าพ่อแม่ปู่ยาตายายเคยทำกันมา ก็เลยทำตาม

    • ผลของทาน - มาก
    • อานิสงส์ - ไม่มาก

    ๔. เห็นว่าต้องการส่งเสริมและช่วยเหลือสมณพราหมณ์
    ผู้ยังชีพจากทานที่มีบุคคลอื่นยื่นให้

    • ผลของทาน - มาก
    • อานิสงส์ - ไม่มาก

    ๕. ต้องการเดินตามแบบอย่างของผู้มีน้ำใจในการให้ทาน

    • ผลของทาน - มาก
    • อานิสงส์ - ไม่มาก

    ๖. เพราะหวังอยากให้ใจมีความสุข เกิด ปิติ
    ความทุกข์จะได้ไม่ย่างกรายเข้ามา


    • ผลของทาน - มาก
    • อานิสงส์ - ไม่มาก

    ๗. เพราะเห็นว่าให้ทานจะเป็นเครื่องขัดเกลาจิตใจ
    ให้หมดจดจากกิเลสเพื่อก้าวสู่ความเป็นพระอริยะบุคคล


    • ผลของทาน - มาก
    • อานิสงส์ - มาก

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ท่านจะเห็นได้ว่าการให้ทาน การสร้างบุญ สร้างกุศลใดก็ตาม
    แม้ผลของทานและบุญกุศลจะมีมาก


    เช่น การได้เกิดในสวรรค์ชั้นต่างๆ
    การได้เกิดเป็นเศรษฐีในโลกมนุษย์ ฯลฯ
    แต่ก็ไม่อาจขัดกิเลส ๓ กองใหญ่ คือ โลภ โกรธ หลง
    ให้สูญสิ้นไปจากจิตใจได้ จริงๆ

    แม้คุณภาพของจิตหรือใจเราจะเหนือกว่าสามัญชนอื่นๆ
    แต่ไม่อาจตัดวัฏฏะ
    (การเวียนว่ายตายเกิดนั้นลงๆ จนถึงจุดสูงสุด
    คือการไม่กลับมาเกิดอีกได้)

    เพราะพุทธองค์ตรัสว่า

    การเกิดเป็นการนำมาซึ่งความทุกข์ทั้งปวงอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้

    เพราะเมื่อมีเกิด ก็ต้องตามมาด้วยความแก่
    ความเจ็บ (โรคภัยไข้เจ็บ) ความตาย
    ความโศกเศร้า ความร่ำไห้รำพัน ความโทมนัส
    ความคับแค้นใจ ความประสบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก
    ความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก
    ความปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่สิ่งนั้น ฯลฯ
    ล้วนนำมาซึ่งความทุกข์ทั้งสิ้น

    ฉะนั้น ถ้าอยากจะดับทุกข์โดยสิ้นเชิง
    ก็จะต้องไม่มาเกิดอีก
    ซึ่งจะทำได้ก็ต้องตัดกิเลส ๓ กองใหญ่
    อันได้แก่ โลภ (รวมราคะด้วย) โกรธ หลง
    ให้หมดสิ้นไปให้เหลือเชื้อหลงเหลือ

    ดังนั้นผู้ที่ยังหวังผลจากทานที่ได้ให้ไปหรือจากบุญกุศลที่ได้ทำ
    ย่อมถือว่า ยังมีความอยากอยู่
    แม้ผลของทานหรือบุญกุศลจะมีมาก


    เพราะคำว่า “อานิสงส์” มุ่งเน้นให้จิตหมดจด
    จากกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งปวง
    ไม่ให้หลงเหลือ เพื่อหลีกหนีการเกิดนั่นเอง
    ข้าพเจ้าจึงขอฝากข้อคิดนี้ให้กับผู้อ่านทุกๆ ท่าน
    เพื่อที่ทุกๆท่านจะได้ยกระดับจิตเหนือกว่า
    ผู้ให้หรือผู้บำเพ็ญธรรมทั่วไป

    อันเป็นเป้าหมายโดยตรงในการปฏิบัติธรรม
    เพื่อให้หลุดพ้นจากวัฏฏะอย่างแท้จริง........

    การสร้างบารมีนั้นจะต้องไม่หวังผลตอบแทนใดใดทั้งสิ้น
    จึงจะถือว่าเป็นการบารมีที่แท้จริง

    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม



    คัดลอกบางตอนมามา : มาทำความเข้าใจ “ผลของทาน” และ “อานิสงส์ของทาน” ต่างกันอย่างไร
    โดย อ.ทวีศักดิ์ คุรุจิตธรรม ในข่าวสารกัลยาณธรรม ปีที่ ๒ ฉบับที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๐, หน้า ๒-๓

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949


    พี่ใหญ่ และ ผม ขอเชิญชวนทุกๆท่าน ไปร่วมลงนามถวายพระพร หรือ การตั้งสัจจะต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่าจะทำความดี(ในเรื่องที่ตนเองประสงค์ที่จะทำเพื่อถวายบุญต่อองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) กัน

    ร่วมลงชื่อถวายพระพร

    ขอเชิญชวนทุกๆท่านร่วมลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (เป็นลิงค์)

    <!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- sig -->
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>บันทึกคนข่าว..เพื่อพ่อของแผ่นดิน กษัตริย์นักกีฬาไทย-ผู้สร้างพัทยา.!
    Local - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>4 ธันวาคม 2552 11:47 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เรื่องโดย สุรัตน์ บัณฑิตย์
    1ธันวาคม 2552/ศูนย์ข่าวศรีราชา


    กษัตริย์นักกีฬาไทย.....แชมเปี้ยนนักกีฬาไทย และแชมเปี้ยนเหรียญทองเรือใบซีเกมส์ครั้งที่ 4 ประเภทโอเค .. พ่อของแผ่นดินซึ่งประชาชนคนไทยทั้งแผ่นดิน เทิดทูนจงรักภักดียิ่งชีวิต พร้อมยอมพลีชีวิต...หากใครมาทำร้าย ทำลายสถาบันสูงสุดนี้..

    ครานั้น...ประชาชนร่วมหมื่นร้อง “ไชโย!”ก้องหาดพัทยา เมื่อในหลวงกับเจ้าฟ้าหญิงทรงทำคะแนนเท่ากัน

    “เหรียญทอง” ทั้ง2พระองค์!

    นี่คือพาดหัวข่าว...นสพ.เดลินิวส์ ยุคสี่พระยา ฉบับพิเศษ...เมื่อปี 2510 ซึ่งผู้เขียนเรื่องนี้กับบางภาพที่ฉายไว้ ได้เป็นหนึ่งในผู้ทำข่าวร่วมกับเพื่อนทีมข่าวกีฬาซีเกมส์ ซึ่งได้สร้างความปิติยินดี...ให้กับประชาชนคนไทยทั้งแผ่นดิน...ที่รอฟังข่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว..“ในหลวง”และพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญาฯ ซึ่งทรงเข้าร่วมการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในการแข่งขันกีฬาแหลมทองหรือซีเกมส์ครั้งที่ 4 ณ สนามแข่งขันเรือใบ อ่าวพัทยา อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี ในฐานะนักกีฬาเรือใบ ประเภท โอเค ของประเทศไทย โดยมีบรรดานักนักกีฬาทั้งหลายซึ่งแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ รวมไปถึง กีฬาแล่นใบ..เรือใบต่างชาติ อย่างใจจดใจจ่อต่อผลการแข่งขัน

    เมื่อผลการแข่งขัน เล่นเรือใบหน้าอ่าวพัทยา 3วัน เริ่มตั้งแต่วันที่11,12,13 ธันวาคมปี 2510 วันละ 2 เที่ยว ปรากฏออกมาว่า

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตน์ ทรงครองเหรียญทอง ทั้ง 2พระองค์ ได้สร้างความปิติยินดีแก่ประชาชนคนไทยตามที่ปรากฏเป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์รายวันทุกฉบับขณะนั้นเป็นอย่างยิ่ง.....

    ณ ห้วงเวลานั้น ประชาชนชาวไทยรวมทั้งชาวต่างชาติ นับหมื่นคน รวมไปถึงนักกีฬาแหลมทองที่เสร็จสิ้นการแข่งกันแล้วต่างพากันมาเชียร์เพื่อนร่วมชาติและมาท่องเที่ยวที่ชายหาดอ่าวพัทยา รวมไปถึงบรรดาทูตานุทูตจากประเทศที่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขัน

    ...พลันที่เรือใบของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเรือใบของเจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตน์ฯ แล่นเข้าสู่ชายหาด บรรดาชาวต่างชาติ –พสกนิกรไทย ที่ยืนออกันแน่น ณ ริมชายหาดพัทยา บริเวณอ่าววงเดือน สโมสรเรือใบพัทยา ก็พร้อมใจกันส่งเสียงถวายพระพรชัยดังกระหึ่มก้องชายหาดพัทยาอยู่เป็นระยะๆ...

    ระหว่างที่รอคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ซึ่งมีผู้แทนจากสหพันธ์เรือใบนานาชาติและผู้แทนชาติที่เข้าร่วมการแข่งขัน ทั้งมาเลเซีย พม่า ซี่งมีตัวแทนไทยเป็นประธานที่ประชุมพิจารณาผลการแข่งขัน

    ครานั้น ...กระแสลมแรงประมาณ 14-15 น็อตต่อชั่วโมง ประกอบกับลมชายฝั่งพัดพาเข้าสู่ชายหาดพัทยาจนหนาวยะเยือก ในเดือนธันวาคม 2510 นั้น มิได้ทำให้พสกนิกรไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หวั่นไหวไปกับกระแสลมหนาวนั้นทั้งสิ้น

    วันนั้น .... มีแต่เสียงร้องแสดงความยินดีปรีดา ก้องหาดพัทยา จากประชาชนชาวไทย เมื่อทราบผลตัดสินที่ประกาศออกมา ราวครึ่งชั่วโมงต่อมา...ว่า

    “ เหรียญทอง”ทั้ง 2พระองค์..

    การแข่งขันเรือใบครั้งนั้น คณะกรรมการใช้เวลาประชุมอยู่เป็นเวลาราวครึ่งชั่วโมง จึงตัดสิน ผลชนะอันดับที่ 1คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตน์(มีคะแนนลบ 6 เท่ากัน) ที่ 2 เหรียญเงินได้แก่ นายลาซารี แห่งประเทศมาเลเซีย ที่ 3 ได้แก่นายยันขิ่น แห่งประเทศพม่า…

    ทั้งนี้ตลอดทุกวันที่มีการแข่งขันเริ่มแต่วันที่ 11ธันวาคม ,12ธันวาคมปี2510และวันที่ 3 คือ13 ธันวาคม 2510 นั้น มีประชาชนชาวไทยนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศไปเฝ้าชมการแข่งขันกว่า 5,000 - 6,000คน แทบทุกวัน…เพื่อเฝ้าชมพระบารมี

    สำหรับวันที่ 13 ธันวาคม2510 ซึ่งเป็นวันตัดสินผลแพ้ชนะนั้นมีประชาชาชนนับหมื่นคน มารอเฝ้าผลการแข่งขันกันอย่างใจจดใจจ่อ..

    ผู้เขียนพร้อมด้วยช่างภาพ คือ นายสุรินทร์ พนมเชิง และนายทวีโฉมเฉลา ผู้สื่อข่าวกีฬาอีกคนหนึ่ง ที่อยู่ในทีมข่าวกีฬาพิเศษเฉพาะกิจซีเกมส์หรือกีฬาแหลมทองครั้งนั้น...และมีพ.ต.ท.วันชัย วิสุทธินันท์ อยู่ในทีมข่าวนั้นด้วย ได้ปักหลักอยู่ที่พัทยารายงานข่าวการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค เป็นการเฉพาะ...

    ทีมข่าวเฉพาะกิจทีมนี้ ได้ส่งข่าวผลการแข่งขันแต่ละวัน ผ่าน...นายพินิจ พงษ์สวัสดิ์และบรรณาธิการข่าวกีฬาโดยตรงคือนายขจร พราวศรี...ซึ่งเป็นบรรณาธิการข่าวกีฬา..และส่งข่าวผ่านไปกับทีมข่าวเฉพาะกิจกีฬาแหลมทอง

    ภาพประทับใจระหว่างการแข่งขันกีฬาเรือใบครั้งนั้น เป็นภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... ซึ่งทรงเรือใบอยู่จำนวนมากด้วยกัน

    ที่...นายสุรินทร์ พนมเชิง ช่างภาพฝีมือดีของ เดลินิวส์ สมัยนั้น รวมทั้งที่ผู้เขียนถ่ายภาพเอาไว้....ได้ถูกนำไปตีพิมพ์ใน นสพ.ดังกล่าวเป็นจำนวนไม่น้อย ล้วนเป็นภาพทึ่ล้วนตรึงตราตรึงใจมิรู้ลืม...

    เพราะเหตุการณ์วันนั้น.. พัทยา..ได้เปลี่ยนจากหมู่บ้านประมงทะเลเล็กๆ เป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อก้องโลก...ในเวลาต่อมา...

    พัทยา แม้เริ่มเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นเมืองชายหาดสวย ทรายสะอาด น้ำทะเลไสสีคราม เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เริ่มจะตั้งไข่ช่วงปี 2507จนถึงปี2509 แต่มาโด่งดังเอาปี 2510...ปีที่มีการแข่งขันเรือใบ ซีเกมส์หรือกีฬาแหลมทองนี่แหละ...

    นั่นเนื่องเพราะ ข่าวสารทั้งหลาย ระหว่างที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงร่วมแข่งขัน และพระราชทานสัมภาษณ์พิเศษ ณ พระตำหนักพัทยาใต้ ได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก ...

    และ...นี่เองจึงกลายเป็นที่มาของคำว่า SEA- SAND –SUN ในเวลาต่อๆมา... เพราะ... พัทยา พัทยา..อ่าวพัทยา...ถูกใช้เป็นสนามแข่งขันเรือใบกีฬาประเภทโอเค.ในกีฬาแหลมทอง....มาแล้ว...

    และ“ในหลวง” พ่อของแผ่นดิน -ของประชาชนคนไทยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กษัตริย์นักกีฬาไทยและพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญาฯ..ทรงได้รับเหรียญทอง ทั้ง 2 พระองค์..

    ต่อมา ผู้เขียนพร้อมด้วยเพื่อนผู้สื่อข่าวไทยและต่างประเทศทุกสำนัก ...ได้รับพระราชทานให้เข้าเฝ้า..เป็นการส่วนพระองค์...

    ในวันนั้น..ผู้สื่อข่าวทุกคนพร้อมช่างภาพ... ได้รับพระเมตตา ได้รับพระราชทานเลี้ยง...เป็นการส่วนพระองค์...

    และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระเมตตาให้สัมภาษณ์ ณ พระตำหนักพัทยาใต้ ทรงตรัสถึงการแข่งขันกีฬาเรือใบประเภทโอเค. เป็นการให้สัมภาษณ์พร้อมกัน...ซึ่งมีนักข่าวจากสื่อฉบับต่างๆรวมทั้งทีวี.ที่มาทำข่าวประมาณ 13 คนด้วยกัน (ตามภาพถ่ายหมู่ที่ช่างภาพสำนักพระราชวังถ่ายไว้ให้ พร้อมทูลกระหม่อมเจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญาฯ ) ..ซึ่งในจำนวน 13คนนั้นมีสุภาพสตรี 1 ท่านคือนางสาว จิรภา อ่อนเรือง.

    ที่จริงแล้ว ก่อนการแข่งขันเรือใบซีเกมส์จะเริ่มขึ้น.... ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงเข้าร่วมการแข่งขัน ในฐานะนักกีฬาเรือใบในนามประเทศไทยนั้น..

    เมื่อ 19 เมษายน2509 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเรือใบประเภทโอเค ยาว13 ฟุต ชื่อ VEGA หรือ “เวคา” ออกจากทะเลหน้าพระราชวังไกลกังวล อ่าวหัวหินแล่นใบข้ามอ่าวมายังฐานทัพเรือสัตหีบ เสด็จขึ้นฝั่ง ณ ชายหาดอ่าวเตยงามรวมระยะทางกว่า 60 ไมล์ทะเล ประมาณ 100 กว่ากิโลเมตร ใช้เวลากว่า17 ชั่วโมง ที่พระองค์ท่านทรงแล่นเรือใบ ฝ่าคลื่นลมของทะเลอ่าวไทย ท่ามกลางสภาวะอากาศแปรปรวน มีทั้งฝน มีทั้งกระแสลมที่แรงระหว่างที่ทรงแล่นใบข้าวอ่าวมุ่งมายังฐานทัพเรือสัตหีบ...

    ที่สุด...เมื่อเรือใบพระที่นั่งที่ทรงแล่นใบข้ามอ่าวไทยจากอ่าวหัวหินมาขึ้นฝั่ง ณ ชายหาดอ่าวเตยงาม อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ก็เป็นเวลาใกล้พลบค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์จากชุดนักกีฬาแล่นใบ เป็นชุดจอมทัพไทยและ เสด็จขึ้นจากเรือใบโอเค พร้อมทรงปักธง “ราชนาวิกโยธิน” ที่ทรงนำข้ามอ่าวไทยมาด้วย ซึ่งทรงปักธงเหนือยอดก้อนหินที่ชายหาดของอ่าวเตยงาม ท่ามกลาง ดนตรีบรรเลงเพลงมาร์ช “ราชนาวิกโยธิน”…

    สำหรับข่าวภาพชิ้นนี้เป็นฝีมือของช่างภาพฝีมือเยี่ยม“เดลินิวส์” อีกคนหนึ่งในนั้น คือ นายสุคนธ์ ชัยอารีย์

    ทั้งนี้ ...ทุกครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำเนินมาแข่งขันเรือใบ ทรงซ้อมเรือใบ ซึ่งทรงต่อเรือออกมาใหม่ๆและนำมาทดสอบที่จังหวัดชลบุรี ไม่ว่าจะเป็นที่อ่างเก็บน้ำบางพระ อ.ศรีราชา หรือที่อ่าวพัทยา ณ วารูน่าคลับหรือสโมสรเรือใบราชวรุณ หรือที่อ่าวดงตาลสัตหีบ จ.ชลบุรี

    ผู้เขียนได้ติดตามทำข่าวและถ่ายภาพด้วยตัวเองมาเป็นลำดับ…ทำให้มีภาพตราตรึงไม่รู้เลือนว่า “ในหลวง”ทรงเป็นกษัตริย์นักกีฬาไทย ทรงพระขันติ สงบนิ่ง ท่ามกลางแสงแดดที่แผดจัดร้อนอบอ้าวในท้องทะเล

    ท่ามกลางกระแสลมที่พัดผันผวน ผู้เขียนที่ได้ติดตามทำข่าวของพระองค์ท่าน พบว่า ก่อนจะทรงลงเรือใบ ไปสู่สนามการแข่งขันนั้น พระองค์จะมีวิทยุทรานซิสเตอร์ใช้ถ่านไฟฉายวิทยุ(ยี่ห้อธานินทร์)ที่ทรงนำลงไปฟังในเรือของพระองค์ ระหว่างการแล่นใบด้วย

    แล้วอีกปีหนึ่งต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแล่นเรือใบข้ามอ่าวทะเลพัทยาไปสู่พระราชวังไกลกังวลหัวหิน เป็นเรือใบข้ามอ่าวไทยจากตะวันออกสู่ภาคใต้..เป็นการบุกเบิกเส้นทางลัด

    ซึ่งผู้เขียน ได้ลงเรือตำรวจน้ำพร้อมด้วยผู้สื่อข่าวจำนวนหนึ่ง ติดตามการทรงเรือใบข้าวอ่าวด้วยใจจดใจจ่อ ระหว่างเรือตำรวจน้ำลอยลำตามเสด็จการทรงเรือใบ

    วันนั้น เรือใบของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแล่นใบถึงทะเลหน้าอ่าวพระราชวังไกลกังวลหัวหิน ก่อนค่ำ เพราะลมดี แม้อากาศจะเป็นใจแต่ก็ร้อนอบอ้าวเหลือเกิน ...

    นักข่าวทุกคนที่ติดตามทำข่าวเสด็จทรงเรือใบข้ามอ่าวจากพัทยาไปหัวหินก็เสร็จภารกิจ

    ผู้เขียนนำข่าวภาพกลับมาจากหัวหินและลงเรือตำรวจน้ำ..มาลอยเท้งเต้งอยู่ใกล้เกาะสีชัง เพราะเรือเข็มทิศเสียต้องเที่ยวตระเวนถามไถ่เรือประมงที่จับปลาในน่านน้ำอยู่หลายลำจึงล่องเข้ามายังกองบังคับการตำรวจน้ำได้..

    ทุกครั้งที่ผู้เขียนได้ติดตาม ข่าวการแข่งขันเรือใบของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและข่าวที่พระองค์ท่านทรงต่อเรือใบรุ่นต่างๆออกมานั้น..ผู้เขียนได้เข้าเฝ้าสัมภาษณ์พระองค์ท่านถึง 2ครั้งด้วยกัน ด้วยความปราณีของ มจ.ภีศเดช รัชนี เป็นสำคัญ...

    โดยครั้งแรกเป็นการสัมภาษณ์หมู่ซึ่งมีนักข่าวข่าวช่างภาพรวม 13คนที่พระตำหนักพัทยาใต้ ส่วนครั้งล่าสุดเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ในครั้งต่อมา..

    ปี 2512 ..พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญาฯทรงเข้าร่วมการแข่งขัน นักกีฬาแล่นใบ จากสโมสรเรือใบต่างๆของประเทศไทย ณ ทะเลหน้าพระราชวังไกลกังวล อ่าวหัวหิน ผลการแข่งขันปรากฏว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงชนะเลิศ กีฬาเรือใบประเภทโอเค อีกครั้ง เป็นแชมเปี้ยนประจำปี

    ครั้งนั้นสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ ทรงเป็นผู้มอบรางวัล...

    และเมื่อคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประทับอยู่ชายหาดหน้าพระราชวังไกลกังวล ในชุดกีฬาแข่งขันเรือใบ หลังรับรางวัล พร้อมถือถ้วยรางวัลอยู่…

    ผู้เขียนซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวได้ติดตามถ่ายภาพอยู่ห่างๆ จนกระทั่ง มจ.ภีศเดช รัชนี ท่านทรงปราณีผู้เขียน เพราะทางหนังสือพิมพ์อยากจะทราบว่า พระองค์ -พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านจะเสด็จฯไปป้องกันแชมป์(นักกีฬาแหลมทอง เหรียญทอง) ที่จะมีการแข่งขันครั้งหน้าหรือไม่ ในฐานะ แชมเปี้ยนเหรียญทองกีฬาซีเกมส์

    จึง...ได้รับพระเมตตาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งชนะการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค.สำหรับการแข่งขันที่สนามเรือใบอ่าวหัวหินหน้าพระราชวังไกลกังวล...

    พลันที่ มจ.ภีศเดช รัชนี กราบบังคมทูลว่า....

    “ผู้สื่อข่าวจะขอสัมภาษณ์...”

    ผู้เขียนใจหายวาบ เรียกสติแทบไม่ทัน ตัวสั่นเทา...ท่ามกลางลมชายฝั่งพัดเข้าสู่ชายหาดหน้าพระราชวังไกลกังวล ผู้เขียนอยู่ในชุดเสื้อวอร์มของ นสพ.เดลินิวส์ สีบานเย็น..

    เมื่อเหลียวมองช่างภาพคู่ใจ นายสุรินทร์ พนมเชิง ก็อยู่ห่างออกไปไกลราว 40 เมตร ขณะนั้นไม่มีนักข่าว-ผู้สื่อข่าวสำนักไหน คนไหนยืนอยู่บริเวณนั้น เพราะทุกคนต่างพากันตีรถออกจากพระราชวังไกลกังวล เพื่อวิ่งเข้าตัวหัวหิน ไปฝากฟิล์มข่าวและส่งข่าว ที่สำนักงานโทรศัพท์ ในตัวเมืองหัวหิน...

    “จะถามอะไรฉัน...”

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำเนินเข้ามาใกล้และทรงตรัสถาม...

    ผู้เขียนทรุดตัวลงก้มลงกราบแทบพระบาท ที่พื้นทรายชายหาดหน้าพระราชวังไกลกังวล ขณะนั้นน้ำทะเลเริ่มขึ้นเล็กน้อยแล้ว...โดยมี มจ.ภีศเดช รัชนี อยู่ไม่ห่างไกลนัก

    “ข้าพระพุทธเจ้าขอถามว่า พระองค์ท่านจะเสด็จฯไปป้องกันแชมป์ในการแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งหน้าหรือไม่..”

    “แล้วแต่กรรมการ...”

    นั่นก็คือประโยคที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัส...

    และอีกหลายประโยคที่ได้สัมภาษณ์พระองค์ท่าน ณ ชายหาดทราย หน้าพระราชวังไกลกังวล

    วันนั้นปีนั้น ครั้งนั้น นับเป็นความทรงจำที่ไม่เคยลบออกไปจากความทรงจำไม่รู้ลืมเลือน กระทั่งวันนี้ เหตุการณ์ผ่านมา 40ปีกว่าแล้ว..

    “เดลินิวส์” พาดหัวข่าวหน้ากีฬาเรื่องนี้ในวันรุ่งขึ้น

    จากวันนั้น หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานสัมภาษณ์แล้วพอตกเย็น...ก่อนใกล้ค่ำ มีกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ออกมาผ่านทางข้าราชบริพาร..ณ วันนั้น..

    “ผู้สื่อข่าวที่มาทำข่าว..ใครพาแฟนมา ใครพาภรรยามา วันนี้ฉันเลี้ยง...ให้พามาทานอาหารที่ตำหนักพระราชวังไกลกังวล...ค่ำคืนวันนี้...”..

    แน่นอน สำหรับปีนั้น...ไม่มีใครในหมู่นักข่าวช่างภาพและข้าราชบริพารจะ ลืมได้ลง...

    สำหรับนักข่าว ช่างภาพที่ติดตามทำข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกีฬาเรือใบ...ทรงได้ชัยชนะทุกครั้ง..เรือใบทรงล่มแต่ทรงกู้ในเวลาที่กำหนด

    และเช่นเดียวกัน หลายสิบปีที่ผ่านมา คนไทยทุกครอบครัว ต่างก็รอพระกระแสพระราชดำรัส...ทุกวันที่ 4 ธันวาคม...ก่อนจะถึงวันที่ 5 ธันวาคม...ว่า..พ่อของเราของแผ่นดินพูดว่าอย่างไร

    ทุกคนรออยู่ว่า....พ่อของเรา พ่อของแผ่นดินกับแม่ของแผ่นดินของประชาชนชาวไทย จะพูดอะไรในปีนี้...

    ซึ่ง ปีนี้....พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พ่อของแผ่นดินของประชาชนชาวไทยทั้งชาติ ...ทรงพระเจริญพระชนม์มายุ 82 พรรษา..

    ก่อนหน้านั้นทุกๆปี...พระองค์ท่านพร้อมสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถฯ ทรงเสด็จ ณ ถิ่นกันดารทั่วไทย ไม่เว้น แม้แต่ไปเยี่ยมชาวไทยภูเขาและหรือที่ซึ่งมีอันตรายที่ภาคใต้ ทั้งทรงพระราชกรณียกิจในหลายเรื่องที่ทำให้ประชาชนชาวไทย ลืมตาอ้าปากได้ โดยไม่ต้องเป็นหนี้ผู้ใด...

    “ในหลวง-ราชินี” ต่างทรงเหนื่อยยากลำบากพระวรกาย ทรงทำทุกอย่างให้ประชาชนคนไทยกินดีอยู่ดี....

    ปีนี้ครบ 82 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว...

    ในฐานะที่พระองค์ท่าน คือกษัตริย์นักกีฬาไทย ที่ทั่วโลกต่างพากันยกย่อง..

    นี่...เป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อเขียนที่ได้ติดตามข่าวมาตั้งแต่ปี2509 จนบัดนี้ก็ย่างเข้า43 ปี...(ปี 2552..ย่างเข้า 43 ปีเต็มๆ)

    และ เป็นบันทึกของประวัติศาสตร์ของเมืองพัทยา เมืองท่องเที่ยวทำรายได้เป็นปีละหลายหมื่นล้านบาท...ขณะนี้

    พัทยา เป็นพัทยา ได้ทุกวันนี้ เพราะ “ในหลวง”โดยแท้

    เพราะภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและภาพของพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญาฯและภาพของนักกีฬาแข่งเรือใบต่างชาติ ในการแข่งขันกีฬาแหลมทองแพร่ไปทั่วโลก...

    พัทยา...พัทยา..ชายหาดพัทยา..จึงมีชื่อเสียงมาตราบเท่าทุกวันนี้

    และแน่นอนอีกเช่นกันว่า ประชาชนคนไทยทั้งประเทศไทย...กว่า60ล้านคน ..ไม่ต้องการให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือคณะหนึ่ง มาทำการออกข่าวทำร้าย และทำลายสถาบันฯอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเขา..

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะฯ
    ข้าพระพุทธเจ้าฯ
    นายสุรัตน์ บัณฑิตย์
    อดีตผู้สื่อข่าวเดลินิวส์(ปี2510) ปัจจุบัน เป็นผู้สื่อข่าวภูมิภาค นสพ.เอเอสทีวีผู้จัดการ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=540 border=0><TBODY><TR bgColor=#000000><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width=540 align=center border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#000000> </TD><TD align=middle bgColor=#000000 colSpan=7>New York Spot Price
    </TD><TD></TD><TD align=right bgColor=#000000>[​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#f3f3e4><TD bgColor=#000000> </TD><TD align=middle bgColor=#f3f3e4 colSpan=7>[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]MARKET IS CLOSED
    (Will open in 60 hrs. 42 mins.)
    [/FONT]</TD><TD align=middle bgColor=#f3f3e4 colSpan=2> </TD></TR><TR align=middle bgColor=#f3f3e4><TD bgColor=#000000> </TD><TD bgColor=#cccc99>Metals
    </TD><TD bgColor=#cccc99>Date
    </TD><TD bgColor=#cccc99>Time
    (EST)
    </TD><TD bgColor=#cccc99>Bid
    </TD><TD bgColor=#cccc99>Ask
    </TD><TD bgColor=#cccc99 colSpan=2>Change
    </TD><TD bgColor=#cccc99>Low
    </TD><TD bgColor=#cccc99>High
    </TD></TR><TR align=middle bgColor=#f3f3e4><TD noWrap bgColor=#000000>[​IMG]</TD><TD align=left> GOLD
    </TD><TD>12/04/2009
    </TD><TD>17:14
    </TD><TD>1161.40
    </TD><TD>1162.40
    </TD><TD>-46.10
    </TD><TD>-3.82%
    </TD><TD>1147.40
    </TD><TD>1211.20
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดีทุกท่านครับ จริงๆเท็จๆนะครับแต่คราวนี้คงจริงแล้วครับ ต้องมาลุ้นกันที่ 1080-1100นะครับ แล้วจะมาอัพเดครับ
     
  6. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    วันนี้ช่วงสายไปทำบุญและนั่งสมาธิ ที่ศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนาราม ถวายเป็นพุทธบูชา ครับ

    ผมขอน้อมอุทิศ กุศลผลบุญ แก่กัลยาณมิตร ทุกท่าน ครับ
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ผมได้นำเงินไปมอบให้กับพี่ใหญ่ เรียบร้อยแล้ว

    พี่ใหญ่ฝากโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    เรื่องของการตั้งสารบบ ตั้งความรู้(ขึ้นมาเอง) ของพระพิมพ์ (พระเครื่อง) ในวงการซื้อขายพระ เป็นการเขียนกัน กำหนดกันขึ้นมาเองว่า ต้องมีแบบนี้ พิมพ์นั้น เนื้อโน้น เท่านั้น หากเป็นแบบอื่น พิมพ์อื่น เนื้ออื่น ที่นอกเหนือจากการกำหนดกันขึ้นมาเอง ก็ให้ลงความเห็นไปว่า เก๊ เนื่องจากหากมีพระแท้มาก จะไม่สามารถทำราคาได้

    หากท่านผู้เขียน เช่น กรมพระยาดำรงราชานุภาพ หรือ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ฯลฯ เป็นผู้ที่เขียนว่า พระสมเด็จ สร้างขึ้นโดยสมเด็จโต ใช้ปูนเปลือกหอยเป็นมวลสาร ฯลฯ ผมจะเชื่อตามนั้น

    แต่หากคนเขียนเป็นคนอื่น ที่ไม่น่าเชื่อถือแล้ว จะเชื่อไปทำไม ไปหลงให้คนเหล่านี้เชือดเอาหรือ หุหุหุ







    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“ในหลวง” ทรงแนะ ปชช.ตั้งใจทำหน้าที่ตนเองเพื่อบ้านเมืองของเรา
    Metro Life - Manager Online
    </TD><TD vAlign=baseline align=right width=85>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>5 ธันวาคม 2552 13:29 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง พระราชทานวโรกาสให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ทรงตรัสขอบใจ และขอให้ผู้มีหน้าที่สำคัญในสถาบันหลักของประเทศ และประชาชนทุกหมู่เหล่า ทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนให้กระจ่าง แล้วตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดเพื่อบ้านเมืองของเรา

    <CENTER>5/12/52 11.00 น. “ในหลวง” เสด็จฯ ออกจาก รพ.ศิริราช พสกนิกรเฝ้ารับเสด็จ พร้อมใจเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ”</CENTER>
    <IFRAME name=video src="/Multimedia/VDO.aspx?id=5520000160283" frameBorder=0 width=330 scrolling=no height=320></IFRAME>​


    วันนี้ (5 ธ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ขบวนรถยนต์พระที่นั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระบรมวงศานุวงศ์ ถึงยังพระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงประกอบการพระราชพิธีออกมหาสมาคม

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ครุยราชูปโภค ทรงประทับพระที่นั่งพุดตาลกาญจนสิงหาสน์ ซึ่งเป็นพระราชอาสน์ ประดิษฐานบนพระราชบัลลังก์อีกชั้นหนึ่ง ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร มหาดเล็กรัวกรับ ชาวม่านไขพระวิสูตร เจ้าพนักงานชูพุ่มดอกไม้ทองให้สัญญาณ ชาวพนักงานกระทั่งแตรมโหระทึก ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ขณะนั้น ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 21 นัด สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

    ครั้นสุดเสียงประโคมแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล ความว่า
    <CENTER>5/12/52 11.45 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ถวายพระพรชัยมงคล “ในหลวง” ขอทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงยิ่งยืนนาน</CENTER>
    <IFRAME name=video src="/Multimedia/VDO.aspx?id=5520000160298" frameBorder=0 width=330 scrolling=no height=320></IFRAME>​

    “ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม บัดนี้บรรลุอุดมมงคลสมัย เฉลิมพระชนมพรรษา ข้าพระพุทธเจ้าเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ บรรดาที่ได้มาประชุมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในวันนี้ ต่างบังเกิดความปีติปราโมทย์เป็นล้นพ้น ที่ได้เห็นใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมีพระพลานามัยแข็งแรง ผ่านพ้นโรคาพาธทั้งปวงมาโดยสวัสดี ข้าพระพุทธเจ้าสำนึกรู้อยู่ทุกเวลาว่าเป็นผู้มีโชค วาสนาอย่างยิ่งที่เกิดมาในแผ่นดินไทยภายใต้พระบุญญาบารมี จึงได้รับพระมหากรุณาชุดเลี้ยงให้มีความสุข ความเจริญ และมีเกียรติเป็นที่เชิดชูพร้อมทุกสิ่ง

    ในมหามงคลสมัยพิเศษนี้จึงขอพระราชทานถวายสัตย์ปฏิญาณจากใจจริงว่า จักมุ่งมั่นปฏิบัติตัว ปฏิบัติงาน ทั้งในฐานะที่เป็นคนไทย และในฐานะที่กำเนิดมาในพระบรมราชจักกรีวงศ์ ให้เต็มกำลังความรู้ ความสามารถ โดยยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต และจงรักภักดีต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท และชาติบ้านเมืองตลอดไป กับขอพระราชทานตั้งสัตยาธิษฐานถวายพระพรชัยมงคล ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กับทั้งพระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระมหากษัตริย์ในอดีตทุกพระองค์ จงพร้อมกันอภิบาลรักษาใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ให้ทรงพระเกษมสุข ปราศจากมลทินทุกข์ และพยาธิภัย มีพระราชประสงค์จำนงใดที่จะอำนวยประโยชน์สุขให้แก่ประเทศชาติและประชาชน ขอจงสำเร็จสรรพศุภผลดังพระราชหฤทัยจำนงทุกประการ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ”


    <CENTER>5/12/52 11.51 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล</CENTER>
    <IFRAME name=video src="/Multimedia/VDO.aspx?id=5520000160304" frameBorder=0 width=330 scrolling=no height=320></IFRAME>​


    ต่อมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล ความว่า “ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีและคู่สมรส ข้าราชการทหาร ตำรวจ และประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ถึงความปีติชื่นชมโสมนัส ของปวงข้าพระพุทธเจ้าและอาณาประชาราฏร์ที่ใต้ฝ่าละอองธุรีพระบาท ทรงหายจากพระอาการทรงพระประชวร มีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์

    ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ล้วนมีความจงรักภักดี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเป็นล้นพ้น ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต น้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในอภิลักขิตสมัยคล้ายวันพระบรมราชสมภพที่เวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่งในวันนี้ ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสรรพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดอภิบาลบันดาลดลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย ทรงลลาฏล้างห่างไกลโรคาพยาธิทั้งปวง พระชนมพรรษายิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญสถิตย์สถาพรไพบูลย์ในสิริราชสมบัติ ทรงพระเจริญจำรัส ด้วยพระเกียรติคุณอดุลยศ ปรากฏขจายขจรไปทั่วทิศนุทิศ ทรงสถิตย์เป็นมิ่งขวัญของอาณาประชาราษฎร์ ตราบกาลนานเทอญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ”

    <CENTER>5/12/52 11.54 น. นายชัย ชิดชอบ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล</CENTER>
    <IFRAME name=video src="/Multimedia/VDO.aspx?id=5520000160311" frameBorder=0 width=330 scrolling=no height=320></IFRAME>​

    นายชัย ชิดชอบ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล ความว่า “ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม เนื่องในอภิลักขิตสมัยมหามงคล วันเฉลิมพระชนพรรษาของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้เวียนมาบรรจบครบรอบอีกวาระหนึ่งในวันนี้ ข้าพระพุทธเจ้า นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยสมาชิกรัฐสภา ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย ขอพระราชทานพระบรมราชาวโรกาส น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล

    โดยขออาราธนาพระคุณศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์ทั้งหลายในสากล ตลอดจนพระบรมเดชานุภาพแห่งพระสยามเทวาธิราช สมเด็จพระบูรพระมหากษัตริย์ตราธิราชเจ้าทุกพระองค์ และพระบุญญาบารมี ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงบำเพ็ญมา ได้โปรดดลบันดาล อภิบาล และประสาทพรให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงพระเกษมสำราญ พระราชหฤทัยชื่นบาน ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน พระเกียรติคุณขจรขจานแผ่ไพศาลไปทั่วทิศานุทิศ สถิตย์เสถียรในมไหศวรรย์ราชสมบัติ ทรงเป็นพระมิ่งขวัญร่มโพธิ์ทองของปวงชน ของข้าพระพุทธเจ้า และพสกนิกรชาวไทย ตราบจิรัฐิติกาล ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ”

    จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสตอบผู้ที่มาเข้าเฝ้าฯ ใจความว่า

    <CENTER>5/12/52 11.57 น. “ในหลวง” ทรงแนะประชาชนตั้งใจทำหน้าที่ตนเอง เพื่อบ้านเมืองของเรา</CENTER>
    <IFRAME name=video src="/Multimedia/VDO.aspx?id=5520000160313" frameBorder=0 width=330 scrolling=no height=320></IFRAME>​


    “ขอขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง ที่มีไมตรีจิต พรั่งพร้อมกันมาให้พรวันเกิด ด้วยถ้อยคำที่เลือกสรรมาจากใจจริง ซึ่งปราถนาดีมุ่งหมายให้ข้าพเจ้ามีความสุข ความสวัสดีด้วยประการต่างๆ ความสุข ความสวัสดีของข้าพเจ้าจะเกิดขึ้นได้ ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญ มั่นคง เป็นปกติสุข ความเจริญมั่นคงทั้งนั้นจะสำเร็จผลเป็นจริงไปได้ ก็ด้วยทุกคนทุกฝ่ายในชาติ มุ่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มกำลัง ด้วยสติ รู้ตัว ด้วยปัญญา รู้ผิด และด้วยความสุจริต จริงใจ โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น

    จึงขอให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญอยู่ในสถาบันหลักของประเทศ และชาวไทยทุกคน หมู่เหล่า ทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนให้กระจ่าง แล้วทำตั้งจิต ตั้งใจ ให้เที่ยงตรงหนักแน่น ที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ส่วนรวมอันไพบูลย์ คือ ชาติ บ้านเมือง อันเป็นถิ่นที่อยู่ที่ทำกินของเรา มีความเจริญ มั่นคง ยั่งยืนไป

    ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย และอำนวยสุขสิริสวัสดิ์ พิพัฒนมงคลให้สัมฤทธิผลขึ้นแก่ท่าน ทั่วหน้ากัน”


    จากนั้นในเวลา 12.25น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินกลับโรงพยาบาลศิริราช

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,438
    5 ธันวา มหาราชา

    โมทนาสาธุครับ

    และเนื่องในวาระวันพ่อแห่งชาติเวียนมาอีกครั้งในปี 2552 นี้ข้าพเจ้าขออาราธนาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ตลอดทั้งพลานุภาพแห่งเทพเทวาที่ปกปรักรักษาประเทศไทยของเรา ทรงอวยพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราทรงพระเจริญ ปราศจากโรคาพยาธิ เป็นมิ่งขวัญแด่ปวงประชาชาวไทยยิ่งยืนนาน ... ข้าพเจ้าจักประพฤติตัวเป็นพุทธมามกะที่ดี หมั่นถือศีล ทำทาน นั่งสมาธิ สวดมนต์ภาวนา บูชาพระรัตนตรัย เพื่อสร้างบุญบารมีถวายแด่องค์พระมหากษัตริย์ภูมิพล ตราบชีวิตจะหาไม่ ... ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 79 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 77 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, psombat+</TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดีตอนบ่ายครับ

    อีกสักพักใหญ่ จะไปสนามหลวง(อีกแล้วครับ)

    ไว้จะหารูป(เกือบ)สวยๆมาฝากครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    อ่า มีโหลดไปเล็กน้อย

    แต่ส่วนใหญ่ไม่มีโหลดเลยครับ

    [​IMG]
    657.1 KB, ดาวน์โหลด 3 ครั้ง


    [​IMG]
    469.6 KB, ดาวน์โหลด 3 ครั้ง

    [​IMG]
    616.3 KB, ดาวน์โหลด 1 ครั้ง

    [​IMG]
    483.3 KB, ดาวน์โหลด 1 ครั้ง
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>10 กฎเหล็กแห่งการกิน สำหรับคนกลัวแก่
    Celeb Online - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>3 ธันวาคม 2552 10:17 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=199 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=199>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> “You are what you eat”

    …แต่จะกินอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพ และชะลอวัย ที่กำลังเริ่มร่วงโรย ให้ฟื้นกลับมากระชับสดชื่น กระปรี้กระเปร่า และมีชีวิตชีวา

    …ต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแห่งศาสตร์ชะลอวัย (Anti-aging) อย่าง พญ.อัจจิมา สุวรรณจินดา กรรมการผู้จัดการสถาบันวัยวัฒน์และความงามเมดดิไซน์ (MEDISCI) เป็นผู้เคลียร์ประเด็นนี้ค่ะ

    “เป็นบัญญัติ 10 ประการในการกินพิชิตแก่เลยล่ะกัน” คุณหมออัจจิมากล่าวในงานเสวนา “รู้จัก รู้ใจ สาววัย 40+” ที่จัดขึ้นโดยส่วนงาน Women Media Business ของบริษัท รักลูก กรุ๊ป

    เรานำมาฝากท่านผู้อ่านที่รักความงามและห่วงสุขภาพดังนี้ค่ะ


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> กฎข้อที่ 1

    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพราะร่างกายต้องนำไปใช้ในการทำงาน ทุกอันสำคัญหมด ไขมันก็สำคัญนะ เพราะอย่างน้อยร่างกายก็ต้องการไขมันประมาณ 7-10 % ของไขมันอิ่มตัว เพื่อเป็นคอเรสเตอรอล เพื่อใช้ในการสร้างฮอร์โมน

    กฎข้อที่ 2

    กินอาหารโดยแบ่งเป็นมื้อย่อยๆ ประมาณ 5 มื้อ ได้แก่ มื้อหลัก 3 มื้อ เช้า เที่ยง เย็น และอาหารว่าง 2 มื้อเล็กๆ ช่วงสายและบ่าย การกินเป็นมื้อย่อยๆ 5 มื้อ เป็นการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ เราจะได้ไม่มีภาวะต้านอินซูลิน

    กฎข้อที่ 3

    กินอาหารในปริมาณเหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป อย่ากินจนอิ่มเกินไป กินให้พอดี เพราะยิ่งกินเยอะ ร่างกายก็จะเสื่อมเยอะ ควรกินปริมาณแคลลอรี่ให้พอดีกับที่เราจะใช้ทำงาน

    กฎข้อที่ 4

    เน้นกินผักและผลไม้หลากหลายสี เช่น สีแดง เขียว ส้ม เหลือง ม่วง แดง เพื่อได้รับสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลาย และไม่มีปัญหาในเรื่องภูมิแพ้อาหารด้วย

    กฎข้อที่ 5

    กินอาหารเช้าทุกวัน การกินอาหารเช้าสำคัญต่อการควบคุมความรู้สึกอยากอาหาร การตอบสนองร่างกายต่อฮอร์โมนอินซูลิน และกระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย โดยอาหารเช้านั้นจะเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกายเพื่อนำไปใช้ในการทำกิจกรรมต่างๆ และช่วยลดความรู้สึกหิว ทำให้กินอาหารในมื้อถัดไปลดลง ส่งผลให้การหลั่งฮอร์โมนอินซูลินอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ

    มีการศึกษาพบว่าผู้ที่กินอาหารเช้าทุกวัน จะมีโอกาสเกิดภาวะอ้วนและโรคเบาหวานน้อยกว่าผู้ที่งดอาหารเช้าถึง 35-50% และยังพบว่าการงดกินอาหารเช้านั้น นอกจากเสี่ยงต่อการเกิดภาวะอ้วนและโรคเบาหวานแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย

    กฎข้อที่ 6

    กินปลาทะเลเช่น ปลาทู ปลาทูน่า ปลาแซลมอน เพราะปลาเหล่านี้มี omega 3

    กฎข้อที่ 7

    หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มน้ำอัดลม และแอลกอฮอล์

    สมัยก่อนหมอไม่ค่อยดื่มน้ำ แต่จะดื่มแต่กาแฟ เพื่อให้อัพทั้งวัน ร่างกายก็จะเสื่อมเร็ว รู้ตัวอีกทีก็ต้องปรับเยอะ จนตอนนี้ก็ไม่ดื่มกาแฟแล้ว มีพลังงานทั้งวัน โดยที่พลังงานไม่ตก ไม่ต้องใช้ตัวกระตุ้นจากกาแฟหรือโค้ก ชาเขียวกินได้ แต่อย่าเยอะ มีสารแอนตี้ ออกซิแดนท์ แต่ก็มีคาเฟอีนด้วย อะไรที่เยอะเกินไปไม่ดี เพราะกาแฟมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ แต่ว่าอย่าดื่มเยอะ อย่าใส่ครีมเทียม เพราะเป็นไขมันแปรรูป กาแฟที่ควรดื่มคือ กาแฟสด instance coffee นี่ผ่านการแปรรูปจนสารอาหารแทบไม่มีเหลือแล้ว

    หมอขอเน้นอีกครั้งว่า ดื่มกาแฟได้นะ แต่อย่าเยอะ และอย่าดื่มเพื่อให้เป็นตัวกระตุ้นร่างกายให้ตื่น บางคนต้องใช้กาแฟเป็นตัวกระตุ้น เช่น ในกลุ่ม chronic fatigue syndrome เหนื่อย นอนไม่พอ ต้องใช้กาแฟกระตุ้น ทำให้ระบบอื่นเสีย ตับ ไต ร่างกายหลั่งคอร์ติซอลมาก ปัญหาก็จะตามมา

    กฎข้อที่ 8

    ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือการคำนวณน้ำหนักเราเป็นปอนด์ แล้วหารด้วย 2 ก็จะได้ปริมาณน้ำที่เราควรกิน

    กฎข้อที่ 9

    กินอาหารธรรมชาติและผ่านแปรรูปน้อยที่สุด พวกธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ถั่วต่างๆ และควรปรุงอาหารด้วยวิธีอบ นึ่ง ตุ๋น หลีกเลี่ยงอาหารฟาส์ตฟู้ดที่มีไขมันและแป้งสูง

    พูดง่ายๆ คือ กินข้าวกล้องได้ตลอดยิ่งดี และกับข้าวก็แบบที่ทำง่ายๆ ต้ม ผัด ก็พอ

    กฎข้อที่ 10

    หลีกเลี่ยงอาหารปรุงแต่งด้วยผงชูรส สารกันบูด สารแต่งกลิ่น สี และรส เป็นไปได้ก็กินข้าวนอกบ้านให้น้อยที่สุด

    เห็นได้ว่า กฎเหล็กทั้ง 10 ข้อนี้ไม่ยากเลยเพียงแต่เรียกร้อง ‘ความใจแข็ง’ และ ‘ความมีวินัย’ ให้กับตัวเองเท่านั้นเอง ! เอาใจช่วยค่ะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    นำมาให้ชมกัน สำหรับรูปที่ผมไปถ่ายรูปมาที่ราชดำเนิน เมื่อคืนนี้(5-12-52) ครับ

    รูปบางรูป ไม่ค่อยชัด เนื่องจากมือสั่น สงสัยเดินมากไปหน่อย อิอิ

    พลุที่ท่านเห็น จากที่มาที่นี่(ส่วนหนึ่ง)

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    จากซุ้มกระทรวงการคลัง

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    ด้านหน้าของเวที

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    การเดินขบวนพาเหรด

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    พระบรมฉายาลักษณ์(บางส่วน)

    [​IMG] [​IMG]

    การแสดงในซุ้มต่างๆ (บางส่วน)

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    ที่ถนนข้าวสาร

    [​IMG]


    สำหรับผู้ที่จะเดินทางโดยรถแท็กซี่

    [​IMG]

    สำหรับคลิปวีดีโอครับ

    มีทั้งน้ำพุ และ พลุ(บริเวณวัดบวรนิเวศ)

    <TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>05122009029.mp4 (6.86 MB, 0 views)</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>05122009030.mp4 (9.16 MB, 0 views)</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>05122009031.mp4 (19.14 MB, 0 views)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 05122009029.mp4
      ขนาดไฟล์:
      6.9 MB
      เปิดดู:
      158
    • 05122009030.mp4
      ขนาดไฟล์:
      9.2 MB
      เปิดดู:
      136
    • 05122009031.mp4
      ขนาดไฟล์:
      19.1 MB
      เปิดดู:
      146
    • p1.jpg
      p1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      771.1 KB
      เปิดดู:
      38
    • p2.jpg
      p2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      815.4 KB
      เปิดดู:
      51
    • p3.jpg
      p3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      431 KB
      เปิดดู:
      55
    • ppr9-1.jpg
      ppr9-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      138.7 KB
      เปิดดู:
      55
    • ppr9-2.jpg
      ppr9-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      207.3 KB
      เปิดดู:
      42
    • ppr9-3.jpg
      ppr9-3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      105.6 KB
      เปิดดู:
      48
    • ppr9-4.jpg
      ppr9-4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      466.2 KB
      เปิดดู:
      63
    • ppr9-5.jpg
      ppr9-5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      448.7 KB
      เปิดดู:
      51
    • ppr9-6.jpg
      ppr9-6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      476.5 KB
      เปิดดู:
      49
    • ppr9-7.jpg
      ppr9-7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      406.2 KB
      เปิดดู:
      49
    • ppr9-8.jpg
      ppr9-8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      353.8 KB
      เปิดดู:
      51
    • 051220092238.jpg
      051220092238.jpg
      ขนาดไฟล์:
      433.8 KB
      เปิดดู:
      54
    • 051220092240.jpg
      051220092240.jpg
      ขนาดไฟล์:
      693.8 KB
      เปิดดู:
      51
    • 051220092241.jpg
      051220092241.jpg
      ขนาดไฟล์:
      561.5 KB
      เปิดดู:
      54
    • 051220092242.jpg
      051220092242.jpg
      ขนาดไฟล์:
      537.1 KB
      เปิดดู:
      50
    • 051220092243.jpg
      051220092243.jpg
      ขนาดไฟล์:
      537.7 KB
      เปิดดู:
      49
    • 051220092244.jpg
      051220092244.jpg
      ขนาดไฟล์:
      543.8 KB
      เปิดดู:
      51
    • 051220092246.jpg
      051220092246.jpg
      ขนาดไฟล์:
      613 KB
      เปิดดู:
      54
    • 051220092247.jpg
      051220092247.jpg
      ขนาดไฟล์:
      565.5 KB
      เปิดดู:
      45
    • 051220092257.jpg
      051220092257.jpg
      ขนาดไฟล์:
      515 KB
      เปิดดู:
      69
    • 051220092258.jpg
      051220092258.jpg
      ขนาดไฟล์:
      480.3 KB
      เปิดดู:
      52
    • 051220092259.jpg
      051220092259.jpg
      ขนาดไฟล์:
      422.1 KB
      เปิดดู:
      55
    • 051220092260.jpg
      051220092260.jpg
      ขนาดไฟล์:
      558.8 KB
      เปิดดู:
      47
    • 051220092261.jpg
      051220092261.jpg
      ขนาดไฟล์:
      599.9 KB
      เปิดดู:
      48
    • taxi.jpg
      taxi.jpg
      ขนาดไฟล์:
      654.8 KB
      เปิดดู:
      52
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2009
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"พ่อ" รักที่อภัยได้เสมอ คำยืนยันจากเด็กดื้อกลับใจ
    Campus - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>5 ธันวาคม 2552 13:40 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> การที่เราได้กระทำการล่วงเกินคุณพ่อคุณแม่ ทั้งทางกาย วาจาและใจ โดยที่ตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ดี ทำให้เกิดความรู้สึกผิดบาป แต่เมื่อได้ทำไปแล้วจะกลับไปแก้ไขไม่ได้ หนทางที่ดีก็คือรีบกลับตัวกลับใจซะใหม่ทำตัวเป็นลูกที่ดีของคุณพ่อคุณแม่ก็ยังไม่สาย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สุนันทินี สีน้ำคำ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> และนี้จึงเป็นอีกหนึ่งบทเรียนของ “นิกกี้” สุนันทินี สีน้ำคำ นักศึกษาชั้นปี 3 ภาควิชานิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม (มจษ.) เล่าว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตเธอเคยทำผิดพลาด จนไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ เมื่อได้กระทำผิดกับผู้เป็น “พ่อ”
    “มันเป็นคำพูด ง่ายๆ สั้นๆ ที่เราไม่ได้ตั้งใจ อาจจะเป็นเพราะอารมณ์ที่โมโหและเอาแต่ใจของตัวเอง ที่กล้าพูดแบบนั้นกับผู้ชายของคนที่เราเรียกว่า “พ่อ” จนทำให้เห็นน้ำใสๆ ที่รินไหลแอบสองแก้มของพ่อ อย่างที่เราและใครต่อใครไม่เคยเห็นมาก่อน”

    ย้อนอดีตกลับไป เมื่อสมัยที่เธอยังเรียนอยู่ในระดับชั้นมัธยมปลายนั้น นิกกี้ เล่าว่า สมัยที่เป็นวัยรุ่นแตกกำลังเนื้อสาวใหม่ กลายคนเป็นคนอยากรู้ อยากลอง ตามเพื่อนอยู่เสมอ จากที่เคยกลับเข้าบ้านก่อน 6 โมง กลายเป็นเข้าบ้านก่อน ตี 2-3

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> “จำได้ว่า ตอนนั้น พ่อเพิ่งออกจากโรงพยาบาล เราก็ถือโอกาสที่ท่านกลับมาพักฟื้นที่บ้าน แอบออกไปเที่ยวกับเพื่อน และกะเวลากลับมาถึงบ้านให้ดึกที่สุด เพื่อจะได้ไม่มีใครเห็น และไม่ต้องมีใครมานั่งถามว่า ไปไหนมา”

    ปรากฏว่า เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อผู้ชายคนที่เธอบอกว่า เพิ่งออกจากโรงพยาบาลกลับนั่งรอเธออยู่ บริเวณห้องรับแขกและถามขึ้นทันทีว่า “ไปไหนมา ทำไมกลับบ้านมาจนป่านนี้....”

    “พ่อ...อย่ามายุ่งกับหนูได้ไหม”
    นี้คือคำตอบที่นิกพูดออกไป

    “บอกตรงๆตอนนั้นไม่ได้คิดแถมยังไม่รู้ว่า ตัวเองอยู่ในอารมณ์ไหน รู้ตัวอีกทีก็พูดออกไปแล้ว รับรู้ได้ว่า พ่อโกรธมาก และกำลังจะพยายามเข้ามาตบหน้าเรา แต่ก็ชะงักเพราะภาพที่เห็นคือ พ่อไม่ได้ตบเราจริงๆ แต่กลับเป็นน้ำตาที่ไหลออกมา แล้วพ่อก็พูดว่า“ถ้าเป็นพ่อเป็นพ่อของลูกแล้ว จะไม่ยุ่งเรื่องของลูกหรือไง”

    นิก บอกต่อว่า เธอทำตัวไม่ถูก เพราะไม่เคยเห็นพ่อโกรธ และร้องไห้มาก่อน จึงรีบวิ่งเข้าห้อง พอเช้าตื่นขึ้นมา พ่อไม่พูดด้วย แม้แต่หน้าก็ไม่มอง จนทำให้เธอต้องทำพิธีกรรมขอขมา โดยนำพานดอกไม้เข้าไปกราบขอโทษพ่อ

    “ตั้งแต่เล็กจนโต ลูกได้เคยกระทำให้พ่อ แม่ เสียใจ ทุกข์ใจ ลำบากใจ มามากแล้วบัดนี้ลูกได้สำนึกผิด ขอกราบขอขมาให้พ่อแม่ ยกโทษให้ลูกด้วย และอวยพรให้ลูก มีความสุขความเจริญในชีวิตต่อไป”นิกกี้ย้อนให้ฟัง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=280 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=280>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> จากนั้นเจ้าตัวก็นำน้ำในแก้ว ริน รดมือ รดเท้าพ่อแม่ นำน้ำที่เทรดมือรดเท้านั้น มาประพรมที่ศีรษะแล้วกราบที่เท้าพ่อแม่อีกครั้ง และเมื่อหลังจากทำพิธีเสร็จ เธอก็รีบเข้าไปคุยกับพ่อ และเอ่ยขอโทษพ่อด้วยความรักแบบอบอุ่นอีกครั้ง และจากพิธีกรรมดังกล่าวก็ได้เตือนใจให้ "นิกกี้"ไม่กล้ากระทำผิดต่อพ่อแม่อีก

    ณ ตอนนี้ นิกกี้ บอกว่า แม่ได้ลาจากเธอและพ่อไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งก็ทำให้บ้านดูเงียบเหงาลงไปมาก บวกกับตัวเธอเองที่ต้องเดินทางมาเรียนและทำงานที่กรุงเทพแต่กระนั้นเธอก็ยังคงเป็นห่วงผู้เป็นพ่ออยู่เสมอ ซึ่งนอกจากหาเวลาหมั่นไปเยี่ยมแล้วเธอก็จะหาเวลาก่อนเข้าเรียนและหลังเลิกเรียนโทรศัพท์กลับมาพูดคุยกับพ่อเพื่อคลายความคิดถึง

    “หลังจากที่แม่เสียไป คนที่ให้กำลังใจพ่อคือ ลูกๆ เพราะเราจะบอกท่านทุกครั้งว่า ถึงไม่มีแม่ พ่อก็ยังมีลูกที่ดูแลพ่อ ถึงเราจะห่างไกลกันแค่ไหน แต่ความเหินห่างก็ไม่ทำให้ความอบอุ่นของครอบครัวเราหายไป กลับทำให้เราใส่ใจและดูแลกันมากขึ้น"สาวนิกกี้เอ่ยทิ้งท้าย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“น.อ.ถนอมศักดิ์ เย็นเปี่ยม” กับความภาคภูมิใจในฐานะข้ารองพระบาท
    Metro Life - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>4 ธันวาคม 2552 09:53 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=247 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=247>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> การถวายความปลอดภัยทางอากาศให้แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ถือเป็นหน้าที่อันสำคัญสูงสุดในยามที่ทั้ง 2 พระองค์ต้องเสด็จแปรพระราชฐาน หรือเสด็จฯไปทรงเยี่ยมเยียนพสกนิกรในท้องที่ห่างไกล ซึ่ง ถือว่ามีความสำคัญอันใหญ่หลวง ของคณะนักบินที่ถวายงานรับใช้ทุกคน เพราะทุกวินาทีจะมีคำว่าพลาดไม่ได้ โดยเฉพาะ ผู้ที่ทำหน้าที่บังคับเครื่องเฮลิคอปเตอร์ที่ประทับด้วยแล้ว จำเป็นที่จะต้องอาศัยทั้งความชำนาญและประสบการณ์ในการบิน ผสานกับความรับผิดชอบอันใหญ่หลวง

    นาวาอากาศเอกถนอมศักดิ์ เย็นเปี่ยม
    ในวัย 57 ปี นักบินเฮลิคอปเตอร์ราชพาหนะศูนย์อำนวยการเฮลิคอปเตอร์ราชพาหนะ เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้รับเกียรติให้มาทำหน้าที่อันสูงสุดนี้ ด้วยการรับหน้าที่เป็นนักบินที่ 1 ประจำเฮลิคอปเตอร์ที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

    จากเด็กหนุ่มชาวเชียงใหม่ที่ครั้งหนึ่งในวัยเยาว์ เคยเกาะรั้วยืนมองเจ้านกยักษ์ที่จอดอยู่ในสนามบินเชียงใหม่ตาปริบๆ แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาเข้าข้าง ส่งให้ความฝันของเขาเป็นจริงขึ้นมา และได้ปฏิบัติหน้าที่ถวายงานรับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทางด้านการบิน อันถือเป็นความภูมิใจสูงสุดของชีวิต


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> น.อ.ถนอมศักดิ์ เล่าย้อนอดีตเส้นทางสายนักบินให้ฟังว่า ก่อนที่เขาจะได้ถวายงานรับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น เขาเคยมีโอกาสได้ถวายงานด้านการบินแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า มาก่อน

    “หลังจากที่ผมเรียนจบจากโรงเรียนการบินที่กำแพงแสนในปี 2521 แล้ว ผมก็ได้รับคำสั่งแต่งตั้งบรรจุเป็นนักบินประจำกองบิน 203 ซึ่งตอนนั้นฝูงบินตั้งอยู่ที่ จ.นครราชสีมา ผมจึงมีโอกาสได้ถวายงานรับใช้สมเด็จย่า ในโครงการแพทย์ พอ.สว. ด้วยการรับหน้าที่เป็นนักบินนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกไปเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ จ.นครราชสีมา, ชัยภูมิ, สุรินทร์, เป็นต้น และในปี 2522 ผมก็ได้รับคำสั่งให้ไปประจำอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งงานประจำที่ทำอยู่ก็ยังคงเป็นงานเกี่ยวกับ พอ.สว. เช่นเดิม.”

    หน้าที่รับผิดชอบนอกเหนือจากการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของระบบราชการแล้ว ทุกวันเสาร์อาทิตย์ สิ่งหนึ่งที่หนุ่มใหญ่คนนี้ทำเป็นประจำคือ การเป็นนักบินนำคณะแพทย์ออกตรวจเยี่ยมประชาชน อันเป็นภารกิจหลักของหน่วยบินเชียงใหม่ในตอนนั้น แต่ขณะเดียวกัน ทางกองบินก็ยังมีงานเสริมเข้ามาอีกหนึ่งชิ้น คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชประสงค์ให้ชาวเขาเลิกปลูกฝิ่น ท่านจึงทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้ง มูลนิธิโครงการหลวงขึ้นมา ซึ่งในอดีตพื้นที่ตั้งโครงการหลวงมีความลาดชันเป็นอย่างมาก รถราไม่สามารถเข้าไปถึงได้ ดังนั้น การสัญจรที่น่าจะสะดวกสบายที่สุดก็คือทางอากาศเท่านั้น

    ตรงนี้เองจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ น.อ.ถนอมศักดิ์ ได้มีโอากาสถวายงานด้านการบินให้แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นครั้งแรกในชีวิต ถึงแม้ว่าวันนั้นเขาจะเป็นนักบินหมายเลขไกลๆ อยู่ก็ตาม แต่ภาพพระพักตร์อันเต็มเปี่ยมไปด้วยพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่านั้น หนุ่มใหญ่คนนี้ยังคงจดจำได้ดีเสมอมา

    “ตอนนั้นผมทำหน้าที่เป็นนักบินหมายเลข 7 ซึ่งเป็นขบวนตามเสด็จลำดับเกือบสุดท้าย ซึ่งทุกครั้งของการเสด็จพระราชดำเนินทางอากาศ จะมีเฮลิคอปเตอร์ตามเสด็จ ประมาณ 7-8 ลำ และผมก็อยู่ขบวนสุดท้าย แต่ภาพที่ผมเห็นในหลวงเป็นครั้งแรก รู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่สุดโดยเฉพาะ พระพักตร์ของพระองค์ท่านที่ทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตา ไม่ว่าระหว่างเส้นทางการบินจะมีอุปสรรคจากอากาศมากมายเพียงใดแต่พระองค์ก็ยังทรงมีพระพักตร์ที่แจ่มใสอยู่เสมอ”

    จากนั้นหนุ่มใหญ่คนนี้ก็มีโอกาสได้ถวายงานอยู่ในขบวนเสด็จทางอากาศของในหลวงอยู่บ่อยครั้ง กับหน้าที่นักบินลำที่ 2-3 แล้วแต่สถานการณ์

    กระทั่งวันหนึ่ง ความฝันของเด็กหนุ่มคนนี้ที่หวังว่าเขาจะได้เป็น 1 ในนักบินถวายประจำเฮลิคอปเตอร์พระราชพาหนะ ก็เป็นจริงขึ้นมา

    “ตอนนั้นประมาณปี 2535 พอผมเรียนจบจากโรงเรียนเสธฯ ก็มีคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับฝูงที่ 203 ช่วงนั้นเองผมจึงได้เป็นนักบินหมายเลข 1 ประจำเฮลิคอปเตอร์พระราชพาหนะของในหลวง อย่างเป็นทางการ”

    ภารกิจแรกที่เขาได้ถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือตอนที่พระองค์เสด็จไปตรวจเยี่ยมโครงการหลวงที่ จ.เชียงใหม่ ถึงแม้ว่าอาจมีความกดดันอยู่บ้างเพราะต้องส่งทั้ง 2 พระองค์ให้ถึงที่หมาย แต่ด้วยน้ำพระทัยอันงดงามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีรับสั่ง “ขอบใจ” หลังจากที่เฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งถึงพื้นดินแล้ว ก็ทำให้เขาคลายจากทุกความกังวลไปในทันที


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=205 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=205>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระไพรีพินาศที่ได้รับจากพระหัตถ์ในหลวงฯ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> “ก่อนที่พระองค์ท่านจะเสด็จฯ 1 วัน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของทั้ง 2 พระองค์ คณะนักบินทุกคนจะลงพื้นที่ไปสำรวจสถานที่หมายเพื่อวางจุดจอดเครื่องบินแต่ละลำก่อน”

    ถึงแม้ว่าเส้นทางที่เสด็จฯในขณะนั้น จะมีความทุรกันดารมากเพียงใดก็ตาม แต่ก็หาได้เป็นอุปสรรคให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงย่อท้อแต่อย่างใด กลับทรงตั้งมั่นพระราชหฤทัยอย่างแน่วแน่ที่จะเสด็จไปบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพสกนิกรของพระองค์ได้อยู่ดีกินดีกันถ้วนหน้า

    “แต่ละพื้นที่ที่พระองค์เสด็จฯไปให้ความช่วยเหลือพสกนิกรนั้น ล้วนมีปัญหาไม่เหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเราทุกคนประจักษ์ดีคือ แต่ละเส้นทางที่เสด็จฯนั้นมีความยากลำบากเหลือเกิน แทบทุกที่ที่เฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งไปถึง พระองค์ท่านจะทรงรถยนต์พระที่นั่งเข้าไปในพื้นที่ต่อ ซ้ำร้ายบางพื้นที่รถเข้าไปไม่ถึง พระองค์ท่านก็จะทรงพระราชดำเนินเข้าไปในพื้นที่นั้นด้วยพระองค์เอง มีเหตุการณ์หนึ่งที่ผมจำได้อย่างแม่นยำคือ ท่านเสด็จไปแก้ปัญหาดินเปรี้ยวทางภาคใต้ด้วยรถจี๊ปสีไข่ไก่เข้าไปในหมู่บ้านด้วยพระองค์เอง และถ้าพระองค์ท่านสนใจที่ไหนเป็นพิเศษ ก็จะทรงจอดรถยนต์พระที่นั่งไว้ และเสด็จเข้าไปถามสารทุกข์สุขดิบกับชาวบ้านอย่างไม่ถือพระองค์มาโดยตลอด”

    ภาพที่คณะนักบินทุกคนเห็นจนชินตาคือ ทุกครั้งที่ประทับอยู่บนเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งนั้น พระองค์ท่านจะทรงใช้เวลาทั้งหมดไปกับการทอดพระเนตรแผนที่ และใช้กล้องส่วนพระองค์ฉายภาพสิ่งต่างๆโดยรอบในยามที่เครื่องบินบินผ่านไป

    “ในหลวงทรงมีพระปรีชาสามารถด้านแผนที่มาก มีวันหนึ่งโครงการหลวงมาติดต่อให้ไปบินทางใต้ของ อ.จอมทอง และให้ไปที่เนินการบินไทย นักบินทุกคนก็งงว่าเนินการบินไทยเป็นอย่างไร แต่พอเจ้าหน้าที่นำแผนที่มาให้ดูถึงได้ทราบว่า ในแผนที่โครงการหลวง ตรงบริเวณนั้นมีร่องน้ำและแหล่งน้ำสลับกับเนินเขา คล้ายดอกจำปี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการบินไทย และเราทราบภายหลังว่า ในหลวงทรงตั้งชื่อเนินนี้ และทรงอธิบายให้กับเจ้าหน้าที่โครงการหลวงทุกคนฟัง”

    น.อ.ถนอมศักดิ์ บอกว่า ทุกครั้งที่เขามีโอกาสได้ตามเสด็จฯเพื่อถวายงานด้านการบินให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น สิ่งหนึ่งที่เขาสัมผัสได้ตลอดคือ พระองค์ทรงงานอย่างหนักมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าวันนี้พระชนมายุจะล่วงเลยถึง 82 พรรษาแล้วก็ตาม แต่พระองค์ก็ยังทรงงานเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนอยู่ตลอดเวลา


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> “ทุกครั้งที่พระองค์ท่านเสด็จแปรพระราชฐานหรือไปตรวจเยี่ยมโครงการในต่างจังหวัด ผมจะบินไปรับพระองค์ท่านยังที่ประทับตอนบ่าย 3 โมง เพื่อไปทรงงานตรวจเยี่ยมราษฎร และพระองค์ท่านจะเสด็จออกจากพื้นที่ทรงงานกลับสู่ที่ประทับตอนประมาณเกือบ 3 ทุ่มของทุกครั้ง”

    แต่สิ่งที่ทำให้หนุ่มใหญ่คนนี้ประทับใจมากที่สุด และถือเป็นความภูมิใจสูงสุดในชีวิตของเขาก็ว่าได้ คือการได้รับพระราชทาน “พระไพรีพินาศ” จากพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งที่การปฏิบัติหน้าที่ต้องพบกับอุปสรรคทางอากาศ จนทำให้เกือบนำเฮลิคอปเตอร์ที่ประทับลงจอดไม่ได้ จากวันนั้นถึงวันนี้แม้จะล่วงเลยมานานเพียงใด แต่ภาพน้ำพระทัยอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ในวันนั้น จะยังคงฝังตรึงอยู่ในหัวใจเขาไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่

    “เมื่อประมาณปี 2533 ตอนนั้นเราจะนำเฮลิคอปเตอร์ที่ประทับลงจอดที่พระตำหนักภูพิงค์ตอนนั้นมีเครื่องบินทั้งหมด 3 ลำ รวมลำที่พระองค์ท่านประทับอยู่ด้วย วันนั้นเป็นตอนกลางคืนโดยปกติการที่จะนำเครื่องลงจอดที่พระตำหนักก็ยากอยู่แล้ว ยิ่งซ้ำร้ายเข้าไปอีกคือ วันนั้นกลับมีลมจากทิศตะวันตกมาปะทะ ซึ่งตามแผนที่พระตำหนักภูพิงค์อยู่บนเขาพอมีลมตะวันตกเข้ามาปะทะ สภาพอากาศมันจะกดให้เครื่องบินบินต่ำลงมา ตอนนั้นผมเป็นนักบินลำที่ 3 จึงสื่อสารกับนักบินลำที่ 2 ให้เขานำเครื่องไปจอดที่สนามบินเชียงใหม่ ส่วนผมก็พยายามบินวนเพื่อหาทางนำเครื่องบินที่ประทับลงจอดยังพื้นดินให้ปลอดภัยให้ได้ เมื่อคณะนักบินนำพาเครื่องบินที่ประทับลงจอดยังพื้นดินอย่างปลอดภัยแล้ว พระองค์ท่านจึงทรงมีรับสั่งให้คณะนักบินวันนั้นเข้าเฝ้าทุกคน และท่านก็ได้พระราชทานพระไพรีพินาศให้ พร้อมกับมีรับสั่งว่า “ไม่ต้องตกใจเพราะมันเป็นเหตุสุดวิสัย” รับสั่งนี้เองที่ทำให้ผมรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้”


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=232 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=232>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> หนุ่มใหญ่วัย 57 ปียังบอกเล่าความรู้สึกอันแสนประทับใจ ที่ครั้งหนึ่งเขามีโอกาสปฏิบัติภารกิจอันยิ่งใหญ่ ในฐานะข้าของพระเจ้าแผ่นดินด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ความรู้สึกนี้ถือเป็นความภูมิใจสูงสุด ที่ไม่เพียงได้ถวายงานพระองค์ท่าน แต่ยังมีโอกาสได้เห็นพระองค์ท่านปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ มากมาย อันเป็นความภูมิใจที่ลูกชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งได้มีโอกาสมาทำหน้าที่สนองพระมหากรุณาธิคุณนี้

    “ความรู้สึกของผมบอกใครไปก็คงไม่มีใครซาบซึ้งเท่ากับผม แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้จากการตามเสด็จพระองค์ท่านไปในพื้นที่ต่างๆ เรารับรู้ได้อย่างหนึ่งว่าพระองค์คือพ่อหลวงที่ทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกรของพระองค์ทุกหมู่เหล่าอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งบางครั้งสิ่งที่พระองค์ท่านทำประชาชนทั่วไปก็ยังทำไม่ได้กับการที่จะให้ความรักและเมตตากับทุกคน แต่สำหรับพระองค์ท่านแล้วท่านจะทรงเป็นห่วงเป็นใยในทุกข์สุขของพสกนิกรอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งนับว่าเป็นความโชคดีของพสกนิกรชาวไทยทุกคนที่ได้เกิดมาอยู่ใต้ร่มบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างแท้จริง” น.อ.สรุปทิ้งท้าย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    นอกจากกระทู้พระวังหน้าฯนี้ที่ขอเชิญชวนทุกๆท่าน มาร่วมลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กันแล้ว ยังมีอีกแห่งที่ผมขอเชิญชวนทุกๆท่าน ไปร่วมลงนามถวายพระพรกัน

    ร่วมลงนามถวายพระพร

    ขอเชิญชวนทุกๆท่านร่วมลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (เป็นลิงค์)
    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  18. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่า... ตาลุงข้างบ้านมีใหม่มาฝากครับ ดีปล่าวแรง ปล่าวครับ หุ หุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2011
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    หากไม่เชื่อว่า พระวังหน้ามีจริงๆ สำหรับแก๊งค์บัวใต้น้ำ ก็ไม่ยากสำหรับการพิสูจน์ อิอิ

    สำหรับคนที่อยู่กรุงเทพ และ ปริมณฑล ผมให้คนละ 1,000 บาท

    คนที่อยู่ภาคกลาง(และภาคตะวันออก) ผมให้คนละ 3,000 บาท

    คนที่อยู่ภาคเหนือ ,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผมให้คนละ 4,000 บาท

    คนที่อยู่ภาคใต้ ผมให้คนละ 4,000 บาท

    หากทำตามนี้

    ผมจะนำพระสมเด็จ Top of the top , พระสมเด็จ Top of the top 4 , พระพิมพ์ 2408 (ฝีพระหัตถ์พระปิ่นเกล้า) , และ พระสมเด็จวังหน้า

    โดย

    พระเครื่อง(หรือพระพิมพ์)ในกล่องที่ 1 (ผมจะนำพิมพ์ พระสมเด็จ Top of the top (เป็นพระวังหน้าที่สร้างขึ้นที่วังหน้า นำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ได้อาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม กุกุธสันโธ อธิษฐานจิตพระเครื่องหรือพระพิมพ์) ใส่กล่องที่ 1)

    พระเครื่อง(หรือพระพิมพ์)ในกล่องที่ 2 (ผมจะนำพิมพ์ พระสมเด็จ Top of the top 4 (เป็นพระวังหน้าที่สร้างขึ้นที่วังหน้า นำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ได้อาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม อธิษฐานจิตพระเครื่องหรือพระพิมพ์) ใส่กล่องที่ 2)

    พระเครื่อง(หรือพระพิมพ์)ในกล่องที่ 3 (ผมจะนำพิมพ์ พระพิมพ์ 2408 (เป็นพระวังหน้าที่สร้างขึ้นที่วังหน้า โดยพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าท่านเป็นผู้ที่ออกแบบพิมพ์พระให้ นำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส ) ใส่กล่องที่ 3)


    พระเครื่อง(หรือพระพิมพ์)ในกล่องที่ 4 (ผมจะนำพิมพ์ พระสมเด็จ (เป็นพระวังหน้าที่สร้างขึ้นที่วังหน้า นำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส ) ใส่กล่องที่ 4)

    นำไปในการตั้งจิต ตั้งสัจจะ และสาบาน ตามนี้

    1.ให้คนที่ต้องการพิสูจน์เรื่องของพระวังหน้า ตั้งจิต ตั้งสัจจะ และสาบาน โดนการอ่าน(ตามชีทที่ผมให้) เสียงดังฟังชัด และไปอ่าน(ตามชีทที่ผมให้ บริเวณที่จุดธูปบูชาองค์พระแก้วมรกต และคนที่ต้องการพิสูจน์ต้องจุดธูป 16 ดอก

    การตั้งจิต ตั้งสัจจะ และสาบาน

    บุคคลใช้ชื่อในเว็บไซด์พลังจิตชื่อ sithiphong กับบุคคลใช้ชื่อในเว็บพลังจิตชื่อ ..... ,บุคคลใช้ชื่อในเว็บพลังจิตชื่อ ..... ขอตั้งจิต,ตั้งสัจจะและสาบานต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ ,พระมหาโพธิสัตว์ และพระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์ ,พญามัจจุราชเจ้า และเทพเทวดาทั้ง 16 ชั้นฟ้าว่า

    พระเครื่อง(หรือพระพิมพ์)ในกล่องที่ 1 , กล่องที่ 2 , กล่องที่ 3 และกล่องที่ 4 ที่เป็นพระที่สร้างขึ้นที่วังหน้า นำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส และในพระราชตำหนักภายในวังหน้า และสร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ.2428 เป็นความจริง ขอให้บุคคลใช้ชื่อในเว็บไซด์พลังจิตชื่อ sithiphong จงประสบกับความสำเร็จตลอดกาล และขอให้บุคคลใช้ชื่อในเว็บไซด์พลังจิตชื่อ..... ,บุคคลใช้ชื่อในเว็บไซด์พลังจิตชื่อ....... จงประสบกับความวิบัติตลอดกาลและต่อไปถ้ายังคงเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ ขอให้เกิดในยุคที่ไม่มีพระพุทธศาสนาและเป็นยุคที่มีภัยภิบัติตลอดกาล

    แต่ถ้าพระเครื่อง(หรือพระพิมพ์)ในกล่องที่ 1 , กล่องที่ 2 , กล่องที่ 3 และกล่องที่ 4 ที่เป็นพระที่สร้างขึ้นที่วังหน้า นำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส และในพระราชตำหนักภายในวังหน้า และสร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ.2428 เป็นความเท็จ เป็นการโกหก หลอกลวง ขอให้บุคคลใช้ชื่อในเว็บไซด์พลังจิตชื่อ sithiphong จงประสบกับความวิบัติตลอดกาลและต่อไปถ้ายังคงเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ ขอให้เกิดในยุคที่ไม่มีพระพุทธศาสนาและเป็นยุคที่มีภัยภิบัติตลอดกาล และขอให้บุคคลใช้ชื่อในเว็บไซด์พลังจิตชื่อ..... ,บุคคลใช้ชื่อในเว็บไซด์พลังจิตชื่อ....... .... จงประสบกับความสำเร็จตลอดกาล

    การถอนคำที่ตั้งจิต,ตั้งสัจจะและสาบานดังกล่าวนี้ ต้องให้อีกฝ่ายยินยอมให้ถอนคำที่ตั้งจิต,ตั้งสัจจะและสาบานนี้ จึงจะมีผลในการถอนคำที่ตั้งจิต,ตั้งสัจจะและสาบาน แต่หากอีกฝ่ายไม่ยินยอมให้ถอนคำที่ตั้งจิต,ตั้งสัจจะและสาบาน ก็ให้มีผลตลอดกาล

    และทุกๆคนไม่มีเวรกรรมและไม่เป็นเจ้ากรรมนายเวรซึ่งกันและกันตลอดไป

    2.เมื่อตั้งจิต ตั้งสัจจะ และสาบาน ที่หน้าพระอุโบสถวัดพระแก้วแล้ว ก็เดินทาง(ไปพร้อมกับผม) ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (เป็นท่าช้าง หรือ ท่าพระอาทิตย์ หรือ ท่าพระจันทร์ ก็ได้) แล้วให้หยิบพระวังหน้าที่อยู่ในกล่องทั้ง 4 กล่อง ออกมากล่องละ 1 องค์ แล้วหักพระที่หยิบออกมา เขวี้ยงทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยา

    3.ผมขอบัตรประชาชน เพื่อผมจะได้เขียนชื่อ - นามสกุลของคนผู้นั้น ลงในชีท และให้คนนั้นลงชื่อในชีทที่ท่านได้อ่านออกเสียง(ดังฟังชัด) เมื่อลงชื่อแล้วก็รับเงินจากผมไปได้เลย

    ง่ายๆเพียงแค่นี้ มีสิทธิรับเงินไปได้ สนใจรีบๆหน่อยนะครับ
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949

แชร์หน้านี้

Loading...