เรื่องจริง คนกินเนื้อคน ตอน 3 อันเดร โรโนวิช ชิกาทิโล นักชำแหละแห่งรอสเตฟ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย At_nat, 15 ธันวาคม 2009.

  1. At_nat

    At_nat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +59
    [​IMG]
    อันเดร โรมาโนวิช ชิกาทิโล


    Andrei Romanovich Chikatilo (1936 - 1994)

    'The Butcher of <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:City><ST1:pRostov </ST1:p'หรือ 'The Red Ripper'

    <O:p



    <O:p</O:p
    ....นี้คือเรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่องที่โหดเหี้ยมที่สุดในรัสเซีย และถูกคนทั่วโลกต่างขนานนามว่า “โฉดที่สุดในโลก” เจ้าของฉายา “นักชำแหละแห่งรอสตอฟ”<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ฤดูหนาว<O:p></O:p>
    ปี ค.ศ. 1978 เมืองรอสตอฟ ริมแม่น้ำดอน ชายฝั่งทะเลอาซอฟ ทางตอนใต้ของรัสเซีย ที่ป่าโซโพโลซ่า <O:p></O:p>
    บ่ายวันเดียวกัน ชายเก็บฟืนเข้าไปในป่าเพื่อเพื่อหาของป่า อากาศหนาวเย็นของรัสเซียที่แสนสั่นสะท้านและความจนหิวโหย ทำให้ชายเก็บฟืนต้องดิ้นรนอยู่รอด เช่นประชาชนในประเทศ ในยุคของ โจเซฟ สตาลิน ผู้นำระบอบคอมมิวนิสต์ในสมัยนั้นที่เกณฑ์แรงงานชาวรัสเซียเพื่อไปทำกิจกรรมทางการเกษตรที่ไซบีเรีย ทำให้อาหารไม่พอเลี้ยงชาวรัสเซียทั้งประเทศ ส่งผลให้ชาวรัสเซียเสียชีวิตท่ามกลางความอดอยากและหนาวเหน็บเป็นตัวเลขถึง6,00,000คน ชาว บ้านบางคนถึงกับขุดศพขึ้นมากินกัน บางทีก็ดักทำร้ายร่างกายนักเดินทางเพื่อนำร่างมาชำแหละขาย ซึ่งในช่วงนั้น ว่ากันว่า ไม่ต่างจากการชำแหละเนื้อสุกร<O:p></O:p>
    แต่วันนี้ไม่เหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา ชายเก็บฟืนพบศพ!!<O:p></O:p>
    ศพร่างนั้นนอนอยู่พื้นที่กว้างๆ เพียง 50 หลาจากทางเข้าป่าเท่านั้น ร่างนั้นโทรมแทบจะเหลือแต่กระดูก ร่างเน่าเฟะและโทรม แต่ก็ มีเศษหนังติดอยู่โครงกระดูกเล็กน้อย บนกระโหลกมีเส้นผมติดเพียงกระจุกเดียว แม้ชายเก็บฟื้นดูสภาพศพไม่ชัด แต่ก็พอบ่บอกว่าเธอต้องเจ็บปวดและทนทุกข์ทรมานมากเพียงใดก่อนตาย<O:p></O:p>
    ชายตัดฟืนตั้งสติได้แล้วก็แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทันทีทันใด.....<O:p></O:p>
    จากการสืบสวนในเวลาต่อมา ระบุว่าศพนั้นคือ ลิวบ็อฟ บีร์ยุค แม่หนูน้อยอายุ 13 ขวบ จากหมู่บ้านโนโวเวอร์ที่อยู่ไม่ไกลจากที่พบศพมากนัก<O:p></O:p>
    จากผลการชันสูตรในเวลาต่อมาพบว่า แม่หนูน้อยก่อนตายคงพยายามต่อสู้เพื่อรอดชีวิตรอดจากฆาตกรอย่างมาก แต่ยังไม่วายที่ถูกทำร้ายจากด้านหลังอย่างรุนแรงทั้งของแข็งและมีด ส่งผลให้เธอหมดสติทันที แต่ตัวฆาตกรยังกระหน่ำแทงด้วยมีดแบบไม่เลือกที่ถึง 22 แผลจนร่างเหยื่อพรุนเป็นรวงผึ้ง กระดูกซี่โครงบางส่วนหักเพราะมีด และที่น่าขนลุกคือที่เบ้าตามีรอยมีดคมบาดลึก คล้ายกับฆาตกรจะพยายามใช้ปลายมีดควักลูกนัยน์ตาออกจากเบ้า<O:p></O:p>
    “มันเป็นฝีมือของสัตว์นรกชัดๆ” ตำรวจออกความเห็น<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    หลังพบศพแม่หนูน้อยลิวบ็อพมาได้แค่ 2 เดือน คนงานรถไฟซาคธี ก็พบศพที่โทรมจนเกือบเหลือแต่โครงกระดูก ดูเหมือนว่ามันจะถูกทิ้งไว้มานานกว่า 6 สัปดาห์ จากการชันสูตรยืนยันว่า เป็นของสตรีที่ยังสาว สภาพนอนคว่ำหน้าขาสองข้างล่างถ่างออกอย่างน่าขนลุก มีร่องรอยกระหน่ำแทงอย่างบางคลั่ง และมีรอยมีดที่เบ้าตาในลักษณะควักนัยน์ตาออกจากเข้าเหมือนลักษณะศพของหนูน้อยลิวบ็อพไม่มีผิด อย่างกับฆาตกรประกาศว่า “นี้คือเครื่องหมายการฆ่าของข้าโว๊ย”<O:p></O:p>
    ไม่มีการแจ้งความคนหายที่มีลักษณะใกล้เคียงกับศพที่พบ ตำรวจจึงทำได้แค่ลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานสืบค้นภายหลังเท่านั้น<O:p></O:p>
    <?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype class=inlineimg id=_x0000_t75 title="Tongue out" stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" alt="" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" border="0" o:p</v:shapetype>referrelative="t" o:spt="75" coordsize="21600,21600"> <v:stroke joinstyle="miter"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></v:f><v:f eqn="sum @0 1 0"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @1"></v:f><v:f eqn="prod @2 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @0 0 1"></v:f><v:f eqn="prod @6 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="sum @8 21600 0"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @10 21600 0"></v:f></v:formulas><V:path o:connecttype="rect" gradientshapeok="t" o:extrusionok="f"></V:path><?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</o:lock><v:shape id=_x0000_i1025 style="WIDTH: 0.75pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://image.dek-d.com/9/604393/11311704.jpg" src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.gif"></v:imagedata></v:shape><O:p></O:p>
    อีก 1 เดือนถัดมา นายทหารนายหนึ่งออกไปเก็บฟืนในป่าละเมาะก็พบศพรายที่สาม ห่างจากที่พบศพที่สองไปทางใต้ประมาณ 10 ไมค์ ลักษณะศพนอนคว่ำมีกิ่งไม้ปิดอยู่เป็นศพของสตรีวัยสาวเช่นกัน และที่ชวนน่าขนลุกอีกครั้งคือ....<O:p></O:p>
    “มีรอยกระหน่ำแทงอย่างบ้าคลั่งและมีรอยมีดที่กระบอกตาบ่บอกถึงการควักลูกตาเหมือนสองศพก่อนหน้านี้ ฆาตกรเป็นคนเดียวกันแน่”<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ในเดือนเดียวกัน...ศพปริศนารายที่ 4 ก็ปรากฏ ศพถูกพบอยู่ไม่ไกลจากที่พบศพที่ 2 มากนัก สภาพศพก็เหมือนเช่น 3 รายที่ผ่านมา<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    วันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ.1982 เด็กสาวนามว่าโอลก้า สตัลมาเชน็อค อายุ10ปี ถูกลักพาตัวไประหว่างการเดินทางไปเรียนเปียโน และในเวลาต่อมามีโพสท์คาร์ดส่งถึงพ่อแม่ของเด็ก มีข้อความว่า...<O:p></O:p>
    “ลูกสาวของแกอยู่ในป่าว่ะ บอกต่อกันไปต่อนะโว๊ยว่า จะมีคนตายเพิ่มออก 10 คน หรือมากกว่านั้น ในปีใหม่นี้แหละ จากไอ้แมวดำจอมโหดหิน”<O:p></O:p>
    แต่กระนั้นตำรวจก็ไม่สนใจโพสท์คาร์ดมากนักเพราะผู้ส่งน่าจะเป็นพวกมั่วนิ่มมากกว่า<O:p></O:p>
    4 เมษายน 1983 4 เดือนหลังจากเด็กน้อยหายสาบสูญไป ก็พบศพของเธอซึ่งนอนแข็งอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นศพที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด เพราะ เด็กน้อยโอก้าถูกฆาตกรรมในช่วงต่อของสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุดช่วงหนึ่งของสหภาพโซเวียต ความหนาวเย็นจึงส่งผลช่วยรักษาสภาพของร่างเธอไว้จนชันสูตรได้ว่า เธอถูกแทงที่หน้าอก12แผล ท้องน้อยอีก13แผล ความรุนแรงในการแทงนั้นทำให้อวัยวะภายในหลุดลุ่ยออกมาภายนอกร่างกายของเธอ<O:p></O:p>
    “ฆาตกรจู่โจมเข้าหาเหยื่ออย่างรวดเร็ว และมุ่งที่จะกะซวกหัวใจ ปอด และอวัยวะเพศเป็นหลัก และมีรอยแทงที่ลูกนัยน์ตาเหมือนหลายศพก่อนหน้านี้....” ตำรวจออกความเห็น<O:p></O:p>
    ฆาตกรต่อเนื่องแห่งรอสตอฟเริ่มเป็นคดีเขย่าขวัญของชาวเมืองอย่างยิ่ง ชาวเมืองส่วนใหญ่ที่เป็นพนักงานในโรงงานเริ่มกังวลความปลอดภัยของลูกๆ ที่บ้าน จนถูกสั่งไม่ให้ออกนอกบ้านถ้าไม่จำเป็น<O:p></O:p>
    รัฐบาลเริ่มตะหนักถึงอารมณ์ของชาวเมืองที่เป็นตัวจักรสร้างผลผลิตแก่ประเทศ จึงต้องเร่งตำรวจให้สืบสวนสอบสวนหาฆาตกรมาลงโทษให้ได้ ตำรวจหลายร้อยนายถูกระดมมาเพื่อควานหาฆาตกร แต่ก็ยังไร้ผล<O:p></O:p>
    สี่เดือนที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ทว่า ระหว่างนั้นเอง นักฆ่าแห่งรอสตอฟก็หันมาเล่นกับเหยื่อที่เป็นเพศตรงข้ามบ้าง เด็กชายวัย15 ปี ถูกสังหารหมกหิมะไว้ในเมืองชัคห์ที กว่าที่จะเจอศพก็กินเวลานานทาก<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    สี่เดือนต่อมา ไม่มีความคืบหน้าใดๆทั้งสิ้น ซ้ำยังมีหิมะที่ตกหนักปกปิดหลักฐานอีก กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเข้าไปในป่าอีกส่วนหนึ่งของเลโซโพโลซ่า ใกล้กับรอสตอฟ-ออน-ดันไปพบชิ้นส่วนของโครงกระดูกมนุษย์ในลำห้วย ซึ่งตำรวจได้สันนิษฐานว่า ศพนี้คือศพเด็กผู้หญิง อายุ 13 ปี ในโรงเรียนสงเคราะห์เด็กในพื้นที่ เสียชีวิตเพราะจมน้ำตาย แม้สภาพศพจะแตกต่างจากรายที่ผ่านมา แต่ตำรวจเชื่อว่าต้องเป็นฝีมือของนักชำแหละแห่งรอสเตฟ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ต่อมา มีการพบศพผู้หญิงวัย 45 ปี ถูกสังหารทิ้งในป่าละเมาะ ในป่าเลโซโพโลซ่า ซึ่งต่อมา จึงมีการเชื่อมโยง 6 ศพที่มีการค้นพบก่อนหน้านี้ และศพของหญิงสาวที่จมน้ำตายก่อนหน้านี้ก็ถูกนำมาเชื่อมต่อกันด้วย<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1028 style="WIDTH: 0.75pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://image.dek-d.com/9/604393/11311706.jpg" src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.gif"></v:imagedata></v:shape><O:p></O:p>
    จากศพทั้งหมดที่ถูกสังหาร ตำรวจได้สืบสวนจนสามารถจับผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งชื่อยูริ คาเลนนิค หนุ่มวัย 19 ปี มีประวัติคุกคามทางเพศเด็กๆ หลายคน ด้วยประวัติและพฤติกรรม ตำรวจเชื่อสนิทยูรินี้แหละคือฆาตกรตัวจริง<O:p></O:p>
    ยูริ คาเลนนิค ถูกสอบสวนอย่างหนัก ไม่มีสิทธ์พบทนาย หรือไม่ให้ปากคำ แต่กระนั้นเขาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา มีการทรมานอย่างหนักเพื่อให้รับสารภาพ จนผู้ต้องหาจำต้องสารภาพว่า สังหารไป 7 ศพ อีก 4 ศพที่ยังไม่ได้ตรวจสอบในย่ามนั้น<O:p></O:p>
    สุดท้ายเรื่องก็จบลง ยูริ คาเลนนิค ถูกศาลตัดสินจำคุกและประหารชีวิตในเวลาต่อมา<O:p></O:p>
    คดีต่อเนื่อง นักชำแหละแห่งรอสตอฟก็ปิดฉากลง<O:p></O:p>
    แต่......<O:p></O:p>
    อันที่จริงมันเป็นเพียงเปิดฉาก<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ฤดูร้อนถัดมา<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ส่วนหนึ่งของป่าเลโซโพ มีการพบศพหญิงสาวเปลือยอีกหนึ่งศพ หัวนมของเธอแหว่งหายไป คาดว่าจะถูกกัดกระชากจนขาดหายไป เบ้าตาข้างหนึ่งถูกควัก เธอเน่าอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหลายเดือน ตอนพบศพคาเลนนิคยังอยู่ในคุก แต่ก็ยังไม่มีคำสั่งที่จะปล่อยตัว <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ต่อมา มีการพบศพอีกหนึ่งศพในวันที่ 20 ตุลาคม 1983 เป็นผู้หญิง ต่างจากศพอื่นคือไม่พบการควักนัยน์ตา<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ศพที่ 10 นี้พบประมาณอีกสี่สัปดาห์หลังจากที่พบศพที่ 9 มีผู้พบศพเป็นผู้หญิงในป่าละเมาะที่เดิม คาดการณ์ว่าเธอน่าจะถูกฆ่าในช่วงฤดูร้อน ซึ่งแน่นอน ลูกนัยน์ตาก็ถูกควักเช่นเคย <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ค.ศ.1984 มีการพบศพเด็กผู้ชายใกล้ๆรางรถไฟ ทราบชื่อคือ เซอร์ไก มาร์คอฟ วัย 14 ปี ที่มีการแจ้งความว่าหายตัวไปเมื่อวันที่27 ธันวาคม 1983 โชคดีที่หิมะตกมาปกคลุมร่างเพื่อช่วยรักษาศพของเด็กชายไว้ ทำให้มองหลักฐานจากฆาตกรได้ชัดเจนมาขึ้น<O:p></O:p>
    ฆาตกรกะซวกแทงคอหอยของเหยื่อถึง12แผล ตามร่างกายคาดว่าน่าจะถึง60แผลที่เดียว เท่านั้นยังไม่พอ ฆาตกรคว้านตัดอวัยวะเพศจนหมดสิ้น มีร่องรอยการข่มขืนทางทวารหนักของเหยื่ออย่างรุนแรง<O:p></O:p>
    แค่คราวนี้ตำรวจได้หลักฐานใหม่ คราบอสุจิจำนวนมากตกค้างที่ทวารหนักของมาร์คอฟ คาดว่าเขาคงถูกข่มขื่นอย่างหนักจนฆาตกรสำเร็จความใคร่ในช่องทวารหนัก ตำรวจสกัดหากลุ่มเลือดไว้เป็นหลักฐาน<O:p></O:p>
    เห็นได้ชัดว่าผู้ต้องสงสัยคาเลนนิคเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นแพะที่ตำรวจจับบูชายันต์<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1029 style="WIDTH: 0.75pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://image.dek-d.com/9/604393/11311707.jpg" src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.gif"></v:imagedata></v:shape><O:p></O:p>
    ครั้งถึงต้นปี 1980 ถึงค.ศ.1984สถิตการฆ่าเด็กเพิ่มทวีมากขึ้นถึงขั้นผู้รับผิดชอบระดับสูงนั่งไม่ติดเก้าอี้ และจนถึงเวลานั้น การฆ่าได้ขยายวงจากเด็กเล็กสู่วัยรุ่น และแม้แต่คนทำงานยังถูกฆ่า ตัดเป็นชิ้น เหมือนตุ๊กตาไม่มีชีวิต และศพระยะหลังจะตายด้วยวิธีที่พิลึกกึกกือมากยิ่งขึ้น แสดงถึงว่าฆาตกรมีทักษะในการฆ่ามนุษย์สูงขึ้นและวิปริตมากขึ้น จากลักษณะคมมีดที่คว้านบนตัวเหยื่อ ฆาตกรจงใจสร้างความเจ็บปวดเหยื่อมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในขณะที่เหยื่อยังมีชีวิต เช่นศพเด็กชายถูกแล่อวัยวะเพศออกเป็นชิ้นๆ อย่างช้าๆ ขณะร้องขอความตาย เด็กผู้หญิงถูกตัดหัวนมก่อนคว้านเต้านมออกมา และทั้งสองเพศถูกผ่าเปิดตั้งแต่หน้าท้องถึงหัวเหน่า เครื่องในถูกล้วงมากองข้างๆ ตัว<O:p></O:p>
    บางศพ ตัดนิ้วไปด้วย <O:p></O:p>
    สิ่งที่เหมือนกันอีกอย่างคือตาและลิ้นของเหยื่อ ฆาตกรจับเหยื่ออ้าปาก กัดลิ้นด้วยฟันตัวเอง และลากลิ้นเหยื่อจนหลุดออกจากปากด้วยพละกำลังมหาศาล หลังจากนั้นลูกตาจะถูกคว้านออกจากเบ้าด้วยมีดที่ละข้าง<O:p></O:p>
    ฆาตกรรายนี้เริ่มย้ายแหล่งหาเหยื่อไปเรื่อยๆ ตำรวจพบศพที่รอสตอฟเลยไปถึงอุซเบกิสสถาน ห่างออกไปหลายไมล์ ศพหนึ่งพบในสวนสาธารณะกลางกรุงมอสโก ห่างจากทางเหนือถึง <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="500 ไมล์">500 ไมล์</st1:metricconverter> แรกเริ่มตำรวจไม่เชื่อว่าทั้งหมดเป็นฝีมือฆาตกรคนเดียวกัน แต่เป็นกลู่มฆาตกรที่มีความเชื่อพิธีการมเหมือนกันต่างหาก<O:p></O:p>
    แต่แล้วสมมุติฐานนี้เป็นอันต้องยกเลิกไป เมื่อมีการพิสูจน์ทางนิติเวชศาสตร์โดยละเอียด พบว่าเป็นฝีมือของฆาตกรคนเดียวกัน โดยฆาตกรทิ้งหลักฐานไว้ให้ตำรวจบนศพให้ตำรวจตามเล่น<O:p></O:p>
    มันคือน้ำอสุจิ!!มีน้ำอสุจิจำนวนมากมายจนน่าตกใจไว้บนตัวเหยื่อเกือบทุกราย...<O:p></O:p>
    ตำรวจระดมพลอีกครั้ง การสืบสวนเข้มข้นและรุนแรงขึ้น ชายต้องสงสัยคนหนึ่งถึงกับฆ่าตัวตายเพราะทนการสอบสวนของเคจีบีไม่ไหว อีกคนพยายามฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จ<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1030 style="WIDTH: 0.75pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://image.dek-d.com/9/604393/11311703.jpg" src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.gif"></v:imagedata></v:shape><O:p></O:p>
    28 ตุลาคม 1983 พบศพเวอรา เซฟคุน อายุ 19 ปี เป็นอีตัวรุปงามที่รู้จักกันดีในหมู่นักเที่ว แต่ติดเหล้างอมแงม ศพของเธอถูกพบนอนตายในทุ่งหญ้าชานเมือง ดวงตาสีฟ้าของเธอหายไป เหลือแต่เป้าตากลวงโบ๋ ผมสีทองสลวยชุ่มด้วยเลือด มันสมองทะลักออกมาด้วยแรงกระแทกของค้อน สิ่งที่น่าทุเรศที่สุดคือหัวของเธอถูกวางห่างจากร่างถึง <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="10 ฟุต">10 ฟุต</st1:metricconverter><O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    จนถึงต้นปี 1984 ตำรวจพบศพถูกเสียชีวิตถึง 31 ราย และฆาตกรก็ยิ่งทำสถิตเพิ่มขึ้นอีก<O:p></O:p>
    อย่างมันมือ............<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ปีค.ศ. 1984 หญิงสาวอายุ 18 ปี ถูกฆ่าและนำศพมาทิ้งไว้ที่ป่าโลโซโพโลซ่าเช่นเดิม ศพถูกกระหน่ำแทงและเชือกเหมือนรายอื่นๆ เพียงแต่คราวนี้ฆาตกรไม่ควักนัยน์ตาออกไป ที่เสื้อผ้ามีน้ำอสุจิจำนวนมาก บ่บอกว่าฆาตกรสำเร็จความใคร่ตัวเองหลังจากฆ่าเธอ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    21 กุมภาพันธ์ 1984 ศพของอิกอร์ กัตกอฟ วัย 7 ขวบ ถูกชำแหละเป็นชิ้นๆ ในป่า เช่นเดียวกับศพของมาร์ทา รยาเบียง พบในสวนสาธารณะเมืองรอสตอฟ การพบศพของเธอช่วยบอกอะไรกับตำรวจสองประการ<O:p></O:p>
    อย่างแรกฆาตกรเชื่อมั่นตัวเองอย่างยิ่ง เห็นได้จากการที่มันเริ่มฆ่าเหยื่อกลางเมือง และมันเริ่มสังหารเหยื่อโดยไม่สนว่าเป็นชายหญิงและเด็ก มันเริ่มติดใจรสชาติการฆ่าคน<O:p></O:p>
    สอง มาร์ทาเป็นเหยื่อที่อายุมากที่สุดเท่าที่ฆาตกรฆ่ามา เธออายุสี่สิบสี่ เป็นอีตัว ติดเหล้า มีผู้พบเห็นครั้งสุดท้ายกับชายวัยกลางคนศีรษะล้าน หน้าตาพื้นๆ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    24 มีนาคม พบศพ ดิมิทริ พทาชนิคอฟ วัย 10 ขวบ ในเขตโนวอชคทินสค์ ศพถูกพบอีกสามวันหลังหายตัวไป มีร่องรอยกระหน่ำแทงอย่างโหดเหี้ยม ปลายลิ้นกับอวัยวะเพศหายไป มีรอยอสุจิบนเสื้อเช่นเดียวกับศพอื่นๆ ก่อนหน้า และใกล้ศพพบรอยเท้าเบอร์ใหญ่ปรากฏอยู่ชัดเจน<O:p></O:p>
    คราวนี้นับว่าเป็นโชคร้ายของฆาตกร มีพยายเห็นและยืนยัยว่าดิมิทริเดินตามหลังชายแปลกหนแก้มตอบสวมแว่นตา เดินเหินคล้ายกับคนหัวเข่าไม่ดี สวมรองเท้าขนาดใหญ่ <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    คดีของดิมิทริ ยังค้างคาอยู่ ศพรายใหม่ก็ปรากฏขึ้นอีก ศพระบุชื่อ ลุคมีล่า อเล็คเซเยวา อายุ 17 ปี ถูกกระหน่ำแทงถึง 39 แผลด้วยมีดทำครัว และไม่ทันไรก็พบศพเพิ่มอีกสองศพ ศพแรกเป็นหญิงสาวถูกทุบด้วยค้อนจนสมองเละ และอีกศพเป็นผู้หญิงสูงอายุ แม่ของศพแรกถูกแทงจนพรุน <O:p></O:p>
    ในระหว่างการสืบคดีหาตัวฆาตกรอยู่ใน ฆาตกรก็ยังฆ่าเหยื่อต่อไป จนเรียกได้ว่าฆาตกรก้าวนำตำรวจหลายก้าว<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1031 style="WIDTH: 0.75pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://image.dek-d.com/9/604393/11369155.jpg" src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.gif"></v:imagedata></v:shape><O:p></O:p>
    11 พฤษภาคม 1984 ศพของ ทันยา เปโทรสยันวัยสามสิบสอง และสเตฟาลูกวัยสิบเอ็ดปีถูกพบในป่า ศพของสเตฟามีรอยถูกกัดที่หลอดลมอย่างรุนแรง ผู้เป็นแม่ถูกผ่าท้องออกเอามดลูกมาฉีกทิ้ง และโยนทิ้งพุ่มไม้ สภาพศพแสดงถึงการกระทำของสัตว์นรกชัดๆ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    สองเดือนต่อมา วันที่ 19 กรกฎาคม 1984 แอนนา ลิมิชิวา วัยสิบเก้า หายตัวระหว่างกลับบ้าน หกเดือนต่อมาจึงพบศพ ร่างของเธอถูกหั่นเป็นชิ้นๆ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    การตามล่าฆาตกรเริ่มต้นอีกครั้ง นักสืบห้าสิบนาย และตำรวจในเครื่องแบบอีกห้าร้อยคนถูกระดมเพื่อคดีนี้โดยเฉพาะภายใต้การนำของวิทาลี กาลยูลิน<O:p></O:p>
    เป้าหมายคือฆาตกรต้องเป็นชายวัยกลางคนอายุ 25-30 ปี รูปร่างสูง บึกบึน กลุมเลือดเอบี เป็นคนฉลาดรู้ทันตำรวจ มีสัญชาติญาณระมัดระวังสูง อาจพักอยู่กับภรรยาหรือมารดา และเคยเป็นคนไข้โรคจิตมาก่อน มีความรู้เรื่องสรีระวิทยา มีความเชี่ยวชาญในการใช้มีด และที่สำคัญไม่อนุญาตให้หนังสือพิมพ์ทำข่าวและเตือนภัยเกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่องรายนี้โดยเด็ดขาด(ถือว่าวางแผนผิดพลาดมากๆ)<O:p></O:p>
    คืนวันที่ 27 มีนาคม 1984 ตำรวจรอสตอฟได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบชายต้องสงสัยคนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนพยายามล่อเด็กข้างถนนหรือเด็กที่ผ่านไปมาบริเวณสถานีรถไฟด้วยเงินหรือเหล้าวอดก้าเพื่อให้มีเซ็กซ์ด้วย เด็กส่วนใหญ่พากันวิ่งหนี<O:p></O:p>
    ตำรวจรีบรุดไปที่เกิดเหตุ และไม่กี่นาทีต่อมา ชายชื่ออันเดร โรโนวิช ชิกาทิโล วัยสิบสี่กว่าปี ถูกนำเข้าห้องขัง<O:p></O:p>
    อันเดรยอมรับว่าเขาไล่จับเด็กเพื่อสนองความต้องการทางเพศจริง แต่เขาไม่ใช้นักเชือดรอสตอฟ และก็ไม่ได้เป็นเกย์นะจะบอกให้ มีครอบครัวที่เป็นสุขด้วยล่ะ มีอาชีพดีด้วยเป็นถึงทำอาชีพผู้จัดการของบริษัทเครื่องจักรกล แต่ทำอย่างนี้เพื่อ “เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง” เท่านั้นเอง<O:p></O:p>
    ตอนแรกตำรวจไม่พบพิรุธในตัวอันเดรเลยปล่อยตัวไป แต่หลังจากนั้นเจ้าอันเดรก็ยังคงล่อเด็กในสถานีรถไฟหลายครั้ง จนตำรวจอดสงสัยไม่ได้ว่าหมอนี้เป็นนักเชือดหรือเปล่า เลยจับกุมกลับมาอีกครั้ง<O:p></O:p>
    คราวนี้มีการค้นกระเป๋าและเอกสารของอันเดร พบว่าในกระเป๋ามีมีดทำครัวคมกริบหนึ่งด้าม กระปุกวาสลิน เชือกหนึ่งเข็ด และผ้าขี้ริ้วเล็กๆ หนึ่งผืน ไม่มีสิ่งใดบ่บอกเลยสักนิดว่าเขาเป็นผู้จัดการบริษัทขายเครื่องจักรกลสักนิด<O:p></O:p>
    ตำรวจเริ่มมั่นใจว่าเจ้าอันเดรนี้ต้องเป็นนักเชือดแห่งรอฟตอสแน่นอน ตำรวจขอเก็บตัวอย่างเลือดส่งตรวจเพื่อเปรียบเทียบตัวอย่างน้ำอสุจิที่ได้จากฆาตกร<O:p></O:p>
    แต่....................<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1032 style="WIDTH: 0.75pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://image.dek-d.com/9/604393/11369156.jpg" src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.gif"></v:imagedata></v:shape>
    การตรวจสอบกินเวลาถึงสองเดือน(ไม่ทันกิน) ผลออกมาทำให้ตำรวจเข่าอ่อน น้ำอสุจิเกิดเสื่อมสภาพ การทดสอบล้มเหลว น้ำอสุจิของฆาตกรไม่ตรงกับตัวอย่างเลือดของอันเดร และอันเดรถูกปล่อยเป็นอิสระ<O:p></O:p>
    ฮ่าๆๆๆๆ <O:p></O:p>
    แม้อันเดรจะพ้นจากการกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร แต่ไม่นานนักเขาก็ถูกจับเข้าคุกอีก ข้อหาลักทรัพย์ เจ้าทรัพย์ยืนยันที่จะเอาผิด ส่งผลให้อันเดรจำคุก 3 เดือน เป็นความผิดเล็กๆ ที่ตำรวจต้องบาดใจ<O:p></O:p>
    ตำรวจถึงทางตัน ใครคือฆาตกร?<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    2 กันยายน ปีเดียวกัน นาตาซา โกโลซอฟสกายา นอนตายที่สวนสาธารณะเอวิเอเตอร์ กลางเมืองรอสตอฟ หน้าอกและมดลูกถูกคว้านออกจากร่างกาย<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    26 กันยายน พบเด็กชายวัยสิบเอ็ด เอ็ด ซาซา เซเพล นอนตายในป่า เครื่องเพศหายไป ตำรวจหายังไงก็ไม่พบ คาดว่าฆาตกรคงกินมันไปแล้ว<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    การฆ่าก็ยังดำเนินต่อไป ในขณะที่ตำรวจถึงคราวตัน<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    แวบหนึ่งของความคิด หัวหน้าทีมสืบสวนของรัสเซียนึกถึงเอฟบีไอของสหรัฐอเมริกา พวกนั้นน่าจะมีคำตอบ เขารีบติดต่อขอความช่วยเหลือทันที เอฟบีไอตอบกลับ ขอข้อมูลเกี่ยวกับคดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาพศพและหลักฐานแวดล้อม แล้วให้ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาฆาตกรรมต่อเนื่องมาวิเคราะห์ เพียงไม่นานผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐถูกส่งไปยังรัสเซีย การวิเคราะห์นั้นน่าสนใจอย่างยิ่ง<O:p></O:p>
    “ฆาตกรต้องใช้มีดปลายแหลมทะลุแทงเหยื่อให้หูหนวกก่อนลงมือทารุณกรรม”<O:p></O:p>
    “กรณีที่เป็นเด็กผู้ชาย ไม่เพียงตัดลูกอัณฑะเท่านั้น แต่ฆาตกรยังกินมันด้วย แสดงว่าฆาตกรต้องบกพร่องทางเพศ และอาจมีความเชื่อว่าอัณฑะของเด็กช่วยรักษาอาการของตนได้<O:p></O:p>
    “ฆาตกรฆ่าเหยื่อหลังจากที่ทรมานให้หน่ำใจแล้วโดยการกัดหลอดลม เหยื่อทุกรายต้องทำให้หูหนวก ตาบอด เป็นใบ้ก่อนชำแหละ นั้นแปลว่าพวกเขาถูกชำแหละทั้งเป็น!!<O:p></O:p>
    “ทำไมฆาตกรถึงต้องควักนัยน์ตาเหยื่อเหรอ? จากการวิเคราะห์ฆาตกรจะต้องมีความเชื่อว่าฆาตกรกลัวดวงตาที่เหลือกลานของเหยื่อขณะที่เขาลงมือ หรือไม่ก็ได้ยินมาว่าแก้วตาของเหยื่อที่ถูกฆ่าตายจะบันทึกภาพฆาตกรเอาไว้”<O:p></O:p>
    “ฆาตกรอาจเคยเป็นครู แต่ขณะนี้ไม่เป็นครูแล้ว เขาต้องเดินทางไปยังที่ต่างๆ สังเกตจากการพบศพในที่ต่างๆ กัน อาจมีรถเป็นของตัวเอง(ซึ่งต้องเป็นคนระดับสูงในรัสเซียเท่านั้น) หรืออาจเดินทางโดยรถไฟ” <O:p></O:p>
    “ฆาตกรรายนี้ไม่ใช้คนบ้าเพราะเขาจะต้องลงมืออย่างชาญฉลาดในเวลาที่เหมาะสม มันสามารถควบคุมพฤติกรรมของตัวเองทุกขั้นทุกตอนของการกระทำ มีความคิดว่ามันมีพรสวรรค์ในการฆ่าคน ฉลาดวิปริต ชอบร่วมเพศกับเด็ก”<O:p></O:p>
    “นิสัยของฆาตกร น่าจะเป็นพวกชอบความอำมหิตพอดู ชอบดูเหยื่อที่ตายช้าๆ อย่างทรมานตรงหน้าเพื่อบรรลุจุดสุดยอด เช่นมันใช้ค้อนทุบที่ศีรษะของเหยื่ออย่างรุนแรงให้หมดความรู้สึก ต่อจากนั้นมันก็ใช้มีดชำแหละร่างกายของเหยื่อเพื่อความสะใจขณะที่เหยื่อมีลมหายใจ มันนั่งใกล้กับร่างของเหยื่อที่นองไปด้วยเลือด มีบาดแผลแหวะหวะทั่วตัว ท่ามกลางคาวเลือดที่ฟุ้งกระจาย ฆาตกรแหวะเครื่องในต่างๆ อย่างมันมือ จากนั้นก็ใช้มือสำเร็จความใคร่จนน้ำอสุจิพุ่งกระฉูด...”<O:p></O:p>
    “มันโหดกว่าแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์อีกน่ะเนี้ย”<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ฤดูใบไม้ผลิ<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1033 style="WIDTH: 0.75pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://image.dek-d.com/9/604393/11369158.jpg" src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.gif"></v:imagedata></v:shape>
    หลังจากการพบศพผู้หญิงในรอสตอฟในปี ค.ศ. 1985 นักชำแหละแห่งรอฟตอสอยู่ๆ ก็หยุดลงมือการฆ่าเฉยเลย<O:p></O:p>
    และแล้วในฤดูใบไม้ผลิ นักฆ่าแห่งรอสตอฟมันก็กลับมาอีกครั้ง ในมาดที่แปลกไป............<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ต่อมา วันที่6 เมษายน 1988 มีการพบศพหญิงสาวข้างทางรถไฟ ในสภาพที่มือไพล่หลัง ลำตัวถูกกระหน่ำแทงทั้งตัว กระโหลกยุบ และปลายจมูกถูกตัดขาดออก แต่ตำรวจรวมทั้งนักสืบ วิคเตอร์ บูราคอฟ ไม่กล้าตัดสินใจว่าเป็นคดีเดียวกันกับฆาตกรต่อเนื่องคดีแรก เพราะร่องรอยผิดกัน<O:p></O:p>
    ในวันที่17 พฤษภาคม 1988 มีผู้พบศพ เด็กชายวัย 8 ปี ในป่าไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก ผลจากการชันสูตร พบว่ามีรอยข่มขืนทางทวารหนัก ฆาตกรหาขยะที่หาได้จากแถวนั้นยัดเข้าปากเด็กชาย พร้อมกระหน่ำแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า อวัยวะเพศถูกตัดขาด <O:p></O:p>
    ทว่าหลังจากศพเด็กคนล่าสุดก็พบอีกหนึ่งศพที่พบซึ่งเป็นหญิงสาว แต่ศพนี้กลับได้ร่องรอยที่ดีมากๆรอยหนึ่งนั่นคือ พยานที่พบเห็นว่าเคยเห็นหญิงสาวผู้ตายชื่อว่า วอรองโก อยู่กับชายฟันเลี่ยมทอง สูงอายุ และโชคเข้าข้างบูราคอฟ เนื่องจากการตรวจคราบอสุจิของกองนิติเวชส่งจดหมายมาเพื่อสรุปว่า *ฆาตกร มิใช่มีกรุ๊ปเลือด เอ-บี เนื่องจากไม่สามารถตรวจได้แน่ชัด จึงขอปรับเป็น ไม่อาจระบุกรุ๊ปเลือดได้<O:p></O:p>
    เดือน 6 เมษายน 1989 มีการพบศพเด็กชายวัย 16 ปี ถูกฆ่าหมกป่า รายนี้มีการแจ้งหายตั้งแต่ฤดูร้อนที่ผ่านมา สภาพร่างกายถูกแทงหลายแผล อวัยวะเพศถูกคว้านออกมาทั้งหมด ยกเว้นลูกนัยน์ตาเท่านั้นที่ไม่ถูกควัก มันเป็นการฆาตกรรมของฆาตกรรายเดียวชัดๆ ซึ่งพอดีเวลานั้นคาเลนนิคได้รับการปล่อยตัวออกจากคุกพอดีหลังจากถูกคุมตัวสืบสวนนานถึง 5 ปี ตำรวจบุกเข้ามารวบตัวถึงบ้าน แต่หลังจากสืบสวนแล้วก็ถูกปล่อยตัวในเวลาไม่นานนัก<O:p></O:p>
    วันที่ 11 พฤษภาคม ตำรวจรับแจ้งเด็กหาย ซึ่งเป็นเด็กวัย 8 ปี และพบศพในสภาพโหดสุดๆ ในป่าละเมาะใกล้ทางรถไฟที่เด็กหายตัวไป มีร่องรอยการข่มขื่นทางทวารหนักอย่างรุนแรง เครื่องเพศถูกคว้าน ฆาตกรหาขยะแถวนั้นยัดจนเต็มปาก มีรอยถูกแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ลำตัว ศีรษะมีรอยยุบ <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    สิงหาคม 1989 อีเลน่า วาร์กา นักศึกษาชาวฮังกาเรียน ถูกพบเป็นศพป่าละเมาะใกล้ทางรถไฟ ตามร่างกายถูกแทงและคว้านเหมือนศพอื่นๆ ที่พบ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    สองสัปดาห์ อเล็กไซ โคห์โบตอฟ อายุสิบขวบ หายตัวไป อีกสี่เดือนถัดมาต้นปี ค.ศ. 1990 มีผู้พบศพถูกข่มขืนทางถวารหนักในเขตเลโซโพโลซ่า<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ต่อมา ไม่นานนักมีผู้พบศพเด็กอายุสิบขวบถูกฆ่าอย่างทารุณ อวัยวะเพศถูกตัดออกไปทั้งพวง ลิ้นแหว่งหายไป<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    เห็นได้ชัดว่า ฆาตกรเริ่มเปลี่ยนการล่าเหยื่อหันมาล่าเด็กชายมากกว่าผู้หญิง รูปแบบการฆ่าเด็กผู้ชายจะเหมือนกัน กล่าวคือมันจะไขว้ไว้ด้านหลังเพื่อไม่ให้เหยื่อขัดขืน หลังจากนั้นมันจะบีบปากให้อ้า กัดลิ้นและดึงลิ้นจนหลุดออกเพื่อไม่ให้เหยื่อร้องขอความช่วยเหลือ ขณะที่เหยื่อทรมานถึงสุดขีด การแล่เนื้อก็เล่มขึ้น มีการร่วมรักทางประตูหลัง จากนั้นก็เอามีดแทงหู ควักนัยน์ตาออกจากเป้า ทั้งหมดนี้ทำในขณะเหยื่อมีชีวิต<O:p></O:p>
    เมื่อเหยื่อตาย มันจะยืนคร่อมศพ ทำรักให้ตัวเอง ราดรดอสุจิบนตัวศพ อย่างมีความสุข....<O:p></O:p>
    แต่ตำรวจไม่มีความสุขด้วยต่อการกระทำของมัน!<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1034 style="WIDTH: 0.75pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://image.dek-d.com/9/604393/11369159.jpg" src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.gif"></v:imagedata></v:shape><O:p></O:p>
    8 ปีที่ผ่านมานักชำแหละเชือดเหยื่อไปทั้งสิ้น 38 ศพ<O:p></O:p>
    การปิดข่าวของตำรวจเริ่มไม่ได้ผล หนังสือพิมพ์เริ่มประโคมข่าวใส่สีตีไข่ขนาดหนัก ว่าตำรวจรไร้น้ำยา กระจอก รัฐมนตรีระดับสูงเริ่มกดดันเอาผิดตำรวจชั้นผู้น้อยจ้าระหวั่น แบบว่าถ้าจับฆาตกรตัวจริงไม่ได้ต้องมีเฮแน่นอน<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ในช่วงปลายทศวรรษที่ 80 ตำรวจได้ระดมพลอีกครั้งอย่างมโหฬาร จนนับได้ว่านี้เป็นการปฏิบัติการของตำรวจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ ตำรวจหลายพันนาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบถูกระดมรวมกันที่เมืองรอสตอฟจนแทบเดินชนกัน บางคนแต่งตัวเป็นชาวไร่ชาวนาไปเฝ้าที่ป่าละเมาะถึงที่ บางคนปลอมเป็นโสเภณีทั้งชายและหญิง บางคนเป็นคนจรจัด ฯลฯ ส่วนผู้เชี่ยวชาญเดินสายสัมภาษณ์นักเรียนทุกโรงเรียนว่าเห็นชายน่าสงสัยหรือเปล่า<O:p></O:p>
    ตำรวจหลายร้อยนายได้รับมอบหมายให้ยืนเฝ้าสังเกตตามสถานีรถไฟทุกแห่งทั้งนอกทั้งในชานเมือง ชายวัยกลางคนทุกคนที่เดินมากับเด็กหญิงกับเด็กชายถูกตรวจสอบและถ่ายรูปเอาไว้ <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    แต่กระนั้นยังมีคนถูกชำแหละเพิ่มขึ้นอีก<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    วันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 1990 อีวาน โฟมิน วัย 11 ปี ไปเล่นน้ำในบึงม่ไกลจากระท่อมของย่าตัวเองมากนัก จากนั้นก็กลายเป็นศพเหมือนเหยื่อรายอื่น ศพถูกแทง 42 แผล และชำแหละอย่างเคย และต่อมาก็พบเหยื่อผู้หญิงถูกทุบตีและแทงอย่างบ้าคลั่งและลิ้นหายไป<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    และแล้วการปฏิบัติการตามล่านักชำแหละแห่งรอสตอฟก็บรรลุผล.....<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1035 style="WIDTH: 0.75pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://image.dek-d.com/9/604393/11369157.jpg" src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.gif"></v:imagedata></v:shape><O:p></O:p>
    วันที่ 1 พฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1990 เมื่อจ่าอิเกอร์ ไรบาร์กอฟ เฝ่าสังเกตการณ์ ณ สถานีรถไฟ ชานเมือง สังเกตถึงความผิดปกติ สถานีแห่งนั้นติดอยู่กับชายป่าที่คนทำงานจำนวนหนึ่งมีบ้านพักอยู่แถวนั้น จ่าอิเกอร์เริ่มสะดุดตากับชายคนหนึ่งอายุราวห้าสิบ ศีรษะล้าน แต่งตัวสะอาดสะอ้านที่กำลังเดินผ่านมา จ่าเรียกให้หยุดเพราะเห็นอะไรบางอย่างบนหน้าสะอาดและแจ่มใส<O:p></O:p>
    มันคือจุดสีแดงเล็กๆ คล้ายกับเลือดพุ่งกระเด็นติดหน้า<O:p></O:p>
    ทราบชื่อภายหลัง คือ อันเดร โรมาโนวิช ชิกาทิโลก เจ้าเก่านั้นเอง!<O:p></O:p>
    อันเดรถูกจับอีกครั้ง เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าเลือดกระเซ็นติดหน้านี้มาจากไหน ตำรวจทำการค้นหาป่าทุกตารางนิ้ว และในเวลาอันรวดเร็วตำรวจก็พบร่างของโสเภณี สเวตา โกรอสติก ถูกพบในพุ่มไม้ ถือได้ว่าเป็นเหยื่อรายสุดท้าย รายที่ห้าสิบสอง!!! ที่ถูกค้นพบ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    สรุปคือ......มีเหยื่อถึง 52 ราย(อาจมากกว่านี้) สังเวยให้ฆาตกรรายนี้<O:p></O:p>
    หลังชิกาทิโลถูกจับกุมเขาเลือกไม่ยอมให้การใดๆ กับตำรวจทั้งสิ้น แต่จากการพิสูจน์เลือดและน้ำอสุจิใหม่ ทุกอย่างยืนยันว่าเขาคือนักชำแหละแห่งรอสตอฟตัวจริง<O:p></O:p>
    ตำรวจเริ่มทำการบุกค้นบ้านของชิกาทิโล ตำรวจพบมีดต่างๆ ถึง 23 เล่ม <O:p></O:p>
    ส่วนภรรยาและลูกต่างตกตะลึงไม่เชื่อเลยว่าหัวหน้าครอบครัวเป็นฆาตกรโรคจิตสุดโด่งดัง<O:p></O:p>
    แต่กระนั้นชิกาทิโลก็ไม่ให้การใดๆ มากนัก เขาฉลาดพอที่จะให้ข้อมูลที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ตำรวจและเรียกร้องขอทนาย จนตำรวจต้องโอดอวย ต้องสอบปากคำต่อหน้าทนายที่รัฐบาลจัดให้<O:p></O:p>
    และนี้คือบางตอนของการสอบปากคำชิกาทิโล<O:p></O:p>
    “มันเป็นการอบสวนแบบดุดัน เหี้ยมเกรียม เพื่อกดดันให้ชิกาทิโลทนไม่ได้และยอมสารภาพขึ้นมา แต่เขาก็ยังยืนยันว่าเขาไม่ทำผิดอยู่นั้นแหละ”ตำรวจเริ่มบ่น<O:p></O:p>
    “ตำรวจใส่ความผมชัดๆ”<O:p></O:p>
    ตำรวจส่ายหน้าและยิ้มก่อนที่จะบอกว่า<O:p></O:p>
    “ไอ้ตอแหล เรานะมีพยานและหลักฐานแน่นหนาที่จะเอาผิดกับลื้อนะ เมื้อลือขึ้นศาลละก็ขี้แกแตกแน่ๆ”<O:p></O:p>
    แท้จริงตำรวจโกหกคำโต เพื่อเขาไม่มีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอันสักหน่อย การพิสูจน์เลือกและอสุจิอยากไม่เพียงพอจะเป็นหลักฐาน<O:p></O:p>
    วันรุ่งขึ้นชิกาทิโลก็แสดงความฉลาดขอพบตำรวจและเขียนคำสารภาพ ตำรวจจัดหากระดาษและปากกาพร้อม แต่ผลทีอีกมากลับเป็นจดหมายตลกซะงั้น<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ตำรวจเริ่มหัวเสีย ไอ้บ้านี้คิดจะเป็นฮันนิบาลหรือไง<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ดร.บูคานอฟสกี้ จิตแพทย์ชาวมอสโคว์จึงขออาสาเข้ามารับหน้าที่เป็นผู้สอบสวน แต่ได้ระบุไว้ว่า ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ทางการงานและชื่อเสียง ซึ่งตอนนี้ ทางกรมตำรวจไม่มีทางเลือกแล้ว จึงต้องเชิญ ดร.บูคานอฟสกี้ เข้ามาทำหน้าที่หลอกล่อฆาตกร <O:p></O:p>
    ดร.บูคานอฟสกี้ เข้าใจแก่นแท้ของฆาตกรโรคจิตที่ไม่ต้องการให้ฝ่ายใช้กำลังบังคับ เขาก็ต้องการให้คนอื่นรับรู้ว่า เขาเป็นคนหนึ่งที่ต้องการความเป็นมนุษย์เหมือนกัน<O:p></O:p>
    ในที่สุด คำสารภาพจากปากก็ออกมา ด้วยถ้อยที่ที่ไม่มีการบังคับ ขู่เข็ญของจิตแพทย์ผู้ชาญฉลาด เขาคุยกับ ชิกาทิโล เสมือนว่าเป็นเพื่อนที่คบกันตั้งแต่วัยเยาว์ เขาคุยอย่างเป็นกันเอง รวมถึงรับฟังคำสารภาพที่เต็มไปด้วยเรื่องชำแหละ คดีต่างๆที่เขาทำจนหมดสิ้น นอกเหนือจาก 36 คดี รวมถึงคดีที่เขาทำก่อนหน้านี้ถึง30 กว่าคดี ที่ตำรวจบันทึกไว้ ซึ่งในระหว่างนั้น ได้มีการอัดเสียงของฆาตกรวิปริตทุกเสียงทุกเรื่อง<O:p></O:p>
    อีกคำสารภาพที่เขายอมรับนั่นก็คือ คอสโตเยฟ ถามว่า ทำไม่ชิกาทิโลถึงต้องควักลูกนัยน์ตาเหยื่อ ก็ได้คำตอบที่ไม่น่าเชื่อ เขาตอบว่า หากไม่ควักนัยน์ตา แก้วตาในตัวเหยื่อจะบันทึกเรื่องราวต่างๆและจะทำให้เขาจนมุมได้ คำสารภาพบางตอนของ ชิกาทิโล ถึงกับทำให้ผู้ที่ฟังไม่สามารถทนฟังต่อไปได้หลายคน เช่น *การเคี้ยวหัวนมของเหยื่อ จะทำให้เขามีพลังของสัตว์ในขณะที่เขากำลังร่วมเพศอยู่ คำสารภาพของเขาบอกถึงศพที่เขาพลาดไปบ้าง เผาไปบ้าง รวมทั้งสิ้น 53 ศพกว่าศพ เป็นหญิง31 ศพ ชายอีก22ศพ ซึ่งน่าจะมีมากกว่านั้น <O:p></O:p>
    แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือชิกาทิโลจดจำเหยื่อที่เขาฆ่าได้ถึง 36 รายอย่างละเอียดทุกขั้นตอน รู้แม้กรทั้งการเลือกมีดที่เหมาะสมสำหรับเยื่อนั้นๆ <O:p></O:p>
    “ผมหลงใหลในเสียงร้อง ความกลัว และความเจ็บปวดของคนที่ผมฆ่า เลือดที่พุ่งกระฉูดออกจากบาดแผลและกลิ่นคาวเลือดทำให้ผมผ่อนคลาย ผมติดใจในการชิมเลือดเหยื่อสังหาร และพอใจการใช่ฟันกัดกระชากปากของเหยื่อให้ขาดออกมา มันทำให้ความรู้สึกว่าผมเป็นสัตว์ร้ายที่ทรงพลังอำนาจหลังก่อนส่วนต่างๆ ของเหยื่อ”<O:p></O:p>
    ชิกาทิโลทำแผลคำประกอบรับสารภาพอ่างละเอียดและทุกขั้นตอน และให้รายละเอียดศพต่างๆ ที่ยังไม่ถูกค้นพบจนครบ 52 ราย (อาจมากกว่านั้น)<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ประวัตินักฆ่ารัสเซีย<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1036 style="WIDTH: 0.75pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://image.dek-d.com/9/604393/11386736.jpg" src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.gif"></v:imagedata></v:shape>
    อันเดร โรมาโนวิช ชิกาทิโลเกิดที่หมู่บ้านยาโบลชนอย(Yabolchnoye) ในยูเครน เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 1936 บิดาของเขาถูกเกณฑ์ให้ไปทำงานตั้งแต่เขายังเด็กแต่ก็ส่งเงินมาให้ใช้เป็นประจำ และมารดาของเขา ซึ่งต้องดูแลชิคาติโลและน้องสาวอีกหนึ่งคนตามลำพัง <O:p></O:p>
    ที่สำคัญ เขาเป็นโรคที่มีความผิดปรกติทางสมองเนื่องจากน้ำที่อยู่ในสมองมักจะขังอยู่ในบริเวณเนื้อเยื่อเสมอ ทำให้ชิคาติโล มีศีรษะที่โตกว่าคนปรกติใครๆ เห็นต่างขนลุกนึกว่าสุเทพ สีใสกลับชาติมาเกิด<O:p></O:p>
    ในตอนนั้นชิกาทิโลเกิดนั้น รัสเซียอยู่ช่วงมืดมนพอดี สตาร์ลินริเริ่มการปกครองแบบสังคมนิยมด้วยการยึดที่ดินการเกษตรและผลผลิตทั้งหมดให้เป็นของรัฐ ทำให้ยูเครนประสบกับสภาวะขาดแคลนอาหาร ชาวนาพากันต่อสู้ฆ่ากันเองเพื่อแย่งชิงอาหาร และมีกระทั่งการกินเนื้อคนเพื่อประทังความหิว จิกาทีโล่ได้ทราบในภายหลังว่าพี่ชายของเขาก็เป็นหนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกกินเป็นอาหาร และเรื่องนี้เองที่กลายมาเป็นพื้นฐานทางนิสัยของเขาในภายหลัง<O:p></O:p>
    “แม่ผมบอกว่า......”ชิกาทิโล ย้อนความหลัง ตอนนั้นบ้านเรามีผู้คนอดอยากจนถึงขั้นไล่ฆ่าเอาเนื้อมากิน พี่ผมถูกพวกชาวบ้านลากเอาไปฆ่าแล้วชำแหละกิน แม่บอกว่าอย่าออกไปนอกบ้านน่ะไม่งั้นจะโดนกินเหมือนพี่ชาย”(ไม่เคยมีรายงานหรือบันทึกการกินคนในยูเครน คาดว่าเป็นเรื่องแต่งของแม่ของชิกาทิโลมากกว่า เพื่อไม่ต้องการออกนอกบ้าน จนเป็นผลร้ายในเวลาต่อมา)<O:p></O:p>
    ปี 1941 ระหว่างการบุกทิ้งระเบิดของเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สองนี้ ชิกาทิโลได้เห็นความตายมากมาย ซึ่งเขาได้โยงเอาภาพของศพไร้แขนขาที่ได้เห็นเป็นครั้งแรกเข้ากับอารมณ์ทางเพศ และวาดจินตนาการว่าตนเป็นทหารเร้ดอาร์มี่ที่ทรมานเชลยศึกชาวเยอรมัน<O:p></O:p>
    แต่ความจริงแล้ว ชิกาทิโลเป็นเด็กชายเงียบขรึมเก็บเนื้อเก็บตัว เขาสายตาสั้นอย่างแรง หากก็กลัวที่จะถูกล้อเลียนจึงไม่ยอมใส่แว่น ซึ่งก็ยิ่งทำให้เขาทำงานผิดพลาดบ่อยๆและถูกล้อเลียนหนักเข้าไปอีก (เขาไม่ยอมไส่แว่นจนกระทั่งสอบใบขับขี่เมื่ออายุ 30 ปี) <O:p></O:p>
    ในช่วงวัยเด็ก ชิกาทิโลมีประสบการณ์ทางเพศครั้งแรก เมื่อต่อสู้กอดรัดเพื่อนน้องสาวอายุ 10 ขวบ ใขณะที่ปลบ้ำกันนั้นเองเขาก็ถึงจุดสุดยอด จากนั้นเขาก็ฝังใจมาตลอดว่าเขาสามารถถึงจุดยอดได้โดยไม่ต้องร่วมเพศ<O:p></O:p>
    ชิกาทิโลเป็นคนขี้อายขนาดหนักโดยเฉพาะต่อหน้าเด็กผู้หญิง เขาพยายามจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยมอสโควาเพื่อที่จะเอาชนะปมด้อยนี้ หากก็สุดท้ายก็สอบตก (ในข้อนี้เจ้าตัวกล่าวว่า ที่จริงคะแนนของตัวเองดี แต่เพราะพ่อกลายเป็นเชลยเยอรมัน เขาเลยสอบตก) แล้วหลังจากนั้นก็เข้าเรียนต่อในโรงเรียนการช่างแทนหลังจากเข้ารับราชการทหาร 3 ปี <O:p></O:p>
    ชิกาทิโลกลับมายังบ้านเกิดและประสบกับเหตุการณ์ที่กลายมาเป็นตัวกำหนดชีวิตของเขาในภายหลัง ผู้หญิงที่เขาคบด้วยพบว่าจิกาทีโล่ไม่มีสมรรถภาพทางเพศและนำไปพูดให้คนรอบๆรู้จนหมด จิกาทีโล่อับอายและแค้นใจในเรื่องนี้มาก เขาถึงกับบอกในภายหลังการจับกุมว่าตนอยากจะฆ่าผู้หญิงคนนี้แล้วฉีกร่างของเธอให้เป็นชิ้นๆ<O:p></O:p>
    (ชิกาทิโลไม่มีสมรรถภาพทางเพศก็จริง แต่เขาไปถึงจุดสุดยอดได้เมื่ออีกฝ่ายขัดขืน ซึ่งในจุดนี้เองที่ชี้ให้เห็นว่าเขาเป็นซาดิสซึ่ม)<O:p></O:p>
    ปี 1960 ชิกาทิโลทิ้งบ้านเกิดอันมีแต่ความทรงจำอันเลวร้าย แล้วย้ายมายังกรุงรอสทอฟและประกอบอาชีพช่างไฟฟ้าที่นั่น หากก็ยังไม่มีเพื่อนฝูงเช่นเดิมจนได้พบกับหญิงสาวที่น้องสาวแนะนำให้และแต่งงานในปี 1963 หลังจากชีวิตเซ็กส์อย่างลุ่มๆดอนๆ ก็มีบุตรชายและบุตรสาวอย่างละคน หากชิกาทิโลก็กล่าวว่าการมีเซ็กส์กับภรรยานั้นเป็นเพียงการมีลูกเท่านั้นเอง เซ็กส์ในอุดมคติของเขาคือการที่ตนมีอำนาจอย่างเด็ดขาดเหนือผู้หญิง ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาสะสมความไม่พอใจนี้ไว้ทีละน้อย และทางออกเพียงทางเดียวของเขาก็คือการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง<O:p></O:p>
    ปี 1971 ชิกาทิโลสอบได้ใบอนุญาตเป็นครูจากการศึกษาทางไปรษณีย์ ภรรยาของเขาภูมิใจในเรื่องนี้มากเพราะอาชีพครูนั้นถือเป็นตำแหน่งมีหน้ามีตาสำหรับรัสเซียในยามนั้น หากในความจริงแล้ว ชิกาทิโลเป็นอาจารย์ที่ไม่ดีนัก เขาถูกดูหมิ่นทั้งจากนักเรียนและเพื่อนอาจารย์ด้วยกัน หากที่ยังไม่ยอมเลิกอาชีพครูก็เพราะเขาอาศัยตำแหน่งของตน ลอบเข้าไปถ้ำมองนักเรียนหญิงในหอพัก <O:p></O:p>
    เดือนพฤษภาคม 1973 ก็ถูกจับได้เมื่อจะล่วงเกินทางเพศกับนักเรียนหญิงอายุ 14 ปีหากคดีนี้ไม่แดงขึ้นมาเพราะทางโรงเรียนปิดข่าว จิกาทีโล่ถูกสั่งย้าย คราวนี้เขาลอบเข้าไปในหอพักนักเรียนชายและถูกจับได้อีก แน่นอนว่าเขาถูกนักเรียนล้อเลียนในเรื่องนี้เป็นอย่างมากมาถึงตอนนี้ การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองเริ่มไม่เพียงพอแก่ชิกาทิโลเขาย้ายไปอยู่นอกเมืองและซื้อเพิงเล็กๆไว้สำหรับพาโสเภณีหรือคนจรจัดไปหาความสำราญ แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไง โรคไร้สมรรภภาพทางเพศก็ไม่ดีขึ้นเสียที <O:p></O:p>
    “ส่วนภรรยาของชิกาทิโลก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเป็นฆาตกรเหมือนกัน เธอมีนิสัยเหมือนแม่เขา จู้จี้ขี้บ่น จนทำให้ชิกาทิโลเป็นคนเก็บกด อีกทั้งแม่เขาถึงแก่กรรมในปี ค.ศ. 1973 ขณะที่ชิกาทิโลอายุได้ 37 ปี จากนั้นไม่นานนักเขาก็เริ่มพบว่าการกระทำทารุณกรรมกับสตรีทำให้เขารู้สึกว่าเขามีพลังแข็งแกร่งถ้าเขาทำกระทำทารุณกรรมกับสตรและเด็ก<O:p></O:p>
    แล้วในที่สุด ชิกาทิโลก็ก่ออาชญากรรมครั้งแรกขึ้นและก่อคดีต่อเนื่องยาวนานถึง 8 ปี ก่อนถูกจับด้วยความบังเอิญในเวลาต่อมา<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1027 style="WIDTH: 0.75pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://image.dek-d.com/9/604393/11386738.jpg" src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.gif"></v:imagedata></v:shape><O:p></O:p>
    ชิกาทิโลขึ้นศาลครั้งแรกที่เมืองรอสตอฟ วันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1992<O:p></O:p>
    ชิกาทิโลขึ้นศาลด้วยการจอมจำในกรงขังเหล็กทาสีขาวขนาดเล้ก เขาไม่สามารถยืนหรือนั่งได้อย่างสบายนัก ผู้พิพากษานั่งบนบังลังก์ อัยการยื่นสำนวนกว่า 225 แฟ้มเพื่อส่งให้ผู้พิพากษาพิจารณา<O:p></O:p>
    ห้องพิพากษาเต็มไปด้วยคนจากทั่วทุกสารทิศถึง 250 คนจนล้นที่ ทุกคนต่างแห่มาดูหน้าฆาตกรที่แสนหล่อเหลา พร้อมคำสาปแช่งที่มาเป็นระลอกคลื่น<O:p></O:p>
    ร่างของชิกาทิโลสูงใหญ่ เท้าใหญ่ หัวล้าน แก้มตอบ ไม่สวมแว่นตา ดวงตาขวางเหมือนคนบ้า ไม่ทำตัวสงบเมื่ออยู่ในศาลสักนิด ชอบทำอะไรแปลกๆ ออกมา เช่นเอามือรูดกางเกงแล้วโชว์ของลับออกมาให้ทุกคนดู ถ่มน้ำลาย ส่ายหัวไปมา คอเอียงก็สามารถรอดจากตะแลงแกง และด่าศาลเป็นระยะๆ<O:p></O:p>
    “ผมมันหัวเดียวกระเทียมลีบนี้ ที่นี้มันหลุมฝังศพผม รีบๆ ตัดสินเร็วๆ สักทีสิโว้ย!ไ <O:p></O:p>
    ชิคาติโลยังเมินเฉย เหมือนทราบว่า ไม่ว่าศาลต้องพิพากษาอย่างไรก็ตาม <O:p></O:p>
    ดร.บูคานอฟสกี้ ให้การว่าคนป่วยจิตวิปราศ ไม่ต้องเข้าเรือนจำ แต่ให้ไปบำบัด<O:p></O:p>
    แล้วทำไมจำเลยต้องฆ่าคนละ อัยการถาม<O:p></O:p>
    “ไอ้พวกที่ผมฆ่าน่ะมันเหมือนกับเครื่องบินรบของนาซี ผมสอยมันร่วงมาทีละลำ”<O:p></O:p>
    วันต่อมาชิกาทิโลร้องเพลงบ้าๆ บอๆ และสบถออกมาจากกรงเหมือนลิงในสวนสัตว์ ก่อนที่จะถึงวันพิจารณาคดีครั้งสุดท้าย<O:p></O:p>
    แต่จากการพิพากษา ศาลเห็นว่า พยานรวมถึงคำสารภาพของชิกาทิโล มีน้ำหนักพอที่จะให้เขาเป็นผู้กระทำผิดได้ และความเห็นของจิตแพทย์ได้นำสืบ สรุปได้ว่า <O:p></O:p>
    “จำเลย อังเดร ชิกาทิโล มีความผิดจริงตามข้อกล่าวหาคดีทำร้ายร่างกายสาหัส 5 คดี กระทำการฆาตกรรมอันมีพฤติกรรมที่เหี้ยมโหดโดยที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถทำได้ จึงพิพากษาให้ประหารชีวิตให้ตกไปตามกัน”<O:p></O:p>
    สิ้นสุดคำพิพากษา ชิกาทิโลร้องตะโกนเฉกเช่นเดียวกับสัตว์ป่าที่ถูกกระหน่ำด้วยไรเฟิล<O:p></O:p>
    “ไม่จริง มันโกหก มันหลอกข้า....!!!*<O:p></O:p>
    เขาถ่มน้ำลาย ยกเก้าอี้ฟาดกับพื้นร้องขอพบตำรวจ ระหว่างทางที่ถูกคุมตัวก็มีประชาชนกลุ่มใหญ่ ซึ่งแน่นอน ว่าเป็นบรรดาญาติของผู้ที่เสียชีวิต จากเหตุฆาตกรรมของเขา พวกชาวบ้านพากันสาบแช่ง รวมถึงตะโกนให้สับมันเป็นชิ้นๆ ทั้งๆที่มันทำกับลูกกับหลานของเราอย่างนี้<O:p></O:p>
    วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 1994 คำร้องของทนายชิกาทิโลไม่เป็นผล เพราะไม่มีทางที่ตำรวจรวมทั้งศาลจะยกโทษให้กับชายวิปราศที่ฆ่าเด็กไปถึง53 ราย เด็ดขาด ชะตาของสัตว์จากนรกใกล้จะขาดแล้ว<O:p></O:p>
    วันที่ 14 ตุลาคม 1992 ในที่สุด อังเดร ชิกาทิโล อายุ 52 ปี ถูกนำไปที่แดนประหารที่เป็นห้องเก็บเสียง ถูกมัดมือและผูกตา นั่งคุกเข่า เพชฌฆาต เล็งปืนจ่อด้วยปืนพกออโตเมติค จ่อยิงที่เหนือกกหูขวา กระสุนทะลวงออกด้านซ้าย เสียชีวิตทันทีอย่างไม่ทรมาน ผิดกับเหยื่อที่เขาสังหารไป ชีวิต ต้องชดใช้ด้วยชีวิตที่มันไม่สาสมสักนิด<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    หลังจากนั้น<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1026 style="WIDTH: 0.75pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://image.dek-d.com/9/604393/11386737.jpg" src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.gif"></v:imagedata></v:shape>
    อันเดร ชิกาทิโล วัย 52 ปี(บางเล่ม 54 ปี) กลายเป็นฆาตกรที่ 10 อันดับแรกที่โลกต้องจดจำ ชื่อของเขาและประวัติของเขาถูกบันทึกในสารคดีและบันทึกในหนังสือต่างๆ เช่น ซีเรียล ออฟเฟนเดอร์ ล่าปีศาจ ฯลฯ และล่าสุดพฤติกรรมวัยเยาว์ของเขาถูกนำไปใช้เป็นพล็อตในประวัติฮันนิบาล วัยเยาว์<O:p></O:p>
    รอสตอฟ ออน ดัน หลังจากหมดยุคอันเดร ชิทาลิโล กลายเป็นเมืองหลวงแห่งการฆาตกรรมต่อเนื่องของโลก ล่าสุดก็เป็นฆาตกรหมากรุก ซึ่งจากปี 1999 ระบุว่าสามารถจับฆาตกรต่อเนื่องได้กว่า 29 ราย ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    และจะมีฆาตกรต่อเนื่องเกิดขึ้นแบบนี้อีกไม่ขาดสาย...........<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    http://my.dek-d.com/cammy/story/viewlongc.php?id=138659&chapter=25 <O:p></O:p>
    ฆ่ากินศพ ส.องค์รักษ์เรียบเรียง
    นักฆ่าบ้ากาม สรจักร ศิริบริรักษ์+ + <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
     
  2. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    มีใครคิดเหมือนผมมั่ง หน้าตาเค้าเหมือนปีศาจเลยอ่ะ
     
  3. Nutchanart

    Nutchanart สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +18
    โรคจิตของแท้เลยค่ะ น่าสงสารผู้เสียชีวิตเหล่านั้นจังเลยค่ะ
     
  4. คนข้างทาง

    คนข้างทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    216
    ค่าพลัง:
    +392
    พวกปีศาจในร่างคน ไม่รู้จะมีพวกฆาตกรโรคจิตเกิดขึ้นมาอีกป่าว
     
  5. อรมณีจันทร์

    อรมณีจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +499
    อ่านของเบอร์1ไป จิตตกทั้งวัน

    ของเบอร์3 เข้ามาดู สารรูปพอแล้ว

    แหว่ะ............ จะอ้วก
     
  6. หนีนรก

    หนีนรก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +666
    หน้าตาเกลียดน่ากลัว โหดและฆ่าหลายศพ อ่านคำบรรยายสภาพศพ ไม่ถึง 10 ราย รู้สึกเหมือนจุกที่คอหอย รู้สึกพะอืดพะอม
    แต่ฆาตกร ตอนที่ 2 หน้าตาดีนะ แต่ก็ผิดปกติทางเพศกัน
    ตอนที่ 3 นี่สุดบรรยายจริงๆ ก้าวร้าวและหยาบคาย เหมือนคนบ้าไม่มีผิด
     

แชร์หน้านี้

Loading...