เรื่องเล่าของข้าพเจ้าความศักดิ์สิทธิ์พระคาถาชินบัญชร

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย ชัชวาล เพ่งวรรธนะ, 1 ตุลาคม 2008.

  1. Tewadhol

    Tewadhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +694
    เพราะความไม่รู้จึงทำให้ มนุษย์นั้นเกิดทุกข์
    อย่างเช่นเรื่องวันสิ้นโลก มนุษย์เราไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นอย่างไร แล้วเกิดเมื่อไหร่
    จึงพยายามดิ้นรน ไขว่คว้า หาหนทาง ให้ตนเองและคนที่รักอยู่รอดปลอดภัย
    เริ่มตั้งแต่ระดับสามัญชน ระดับกลุ่มองค์กรต่างๆ ไปจนถึงระดับประเทศ
    <O:p</O:p
    เพราะพวกเขารู้ว่าโลกนั้น มีการเดินหน้าเปลี่ยนแปลงตัวของมันเองอยู่ตลอด
    เวลา จากเหตุผลทางธรรมชาติของตัวโลกเอง และ จากเหตุผลทางน้ำมือมนุษย์
    ที่ก่อขึ้น ทรัพยากรและพื้นที่บนโลกมีอยู่อย่างจำกัด แต่จำนวนประชากรกลับ
    เพิ่มขึ้นอยู่อย่างไม่จำกัด จะทำอย่างไรให้ตนเองและคนของตนเองนั้นอยู่รอด<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    จึงหาวิธีการ หาพื้นที่ สร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆเอาไว้ เพื่อรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิด
    เกิดการแย่งชิง กักตุน ระดับประเทศเกิดสงคราม สงครามที่ใช้วิธีการรบด้วย
    อาวุธ และ รบกันด้วยวิถีทางเศรษฐกิจ เพื่อหวังจะฮุบทรัพยากรทางธรรมชาติ
    ที่มีค่า เช่น น้ำมัน แร่ธาตุต่างๆ ฯลฯ ด้วยเหตุผลและวิธีการที่แยบยล
    <O:p</O:p
    ที่กล่าวมาทั้งหมด ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยสำหรับมนุษย์ ที่ต้องการ
    หาทางพ้นทุกข์ แต่ผมกลับคิดว่าเราได้เกิดมาเป็นคน พบพระพุทธศาสนานั้น
    ถือว่าโชคดีมากมายมหาศาล เพราะพระพุทธองค์ได้ทรงชี้หนทางแห่งการพ้น
    ทุกข์ที่แท้จริงไว้ให้พวกเราแล้ว แต่น่าเสียดายที่มีมนุษย์อีกมากที่ไม่รู้ และก็น่า
    <O:p</O:p
    เสียดายที่มีมนุษย์อีกมากที่มีโอกาสได้พบ แต่กลับมองข้ามหนทางนั้นไป...?
    ทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป โลกที่เราอยู่นี้ก็ไม่เว้น มนุษย์เราก็เหมือนกัน
    เกิดมาแล้วยังไงเสียก็ต้องตายอยู่วันยังค่ำ อยู่ที่ว่าขณะมีชีวิตอยู่นี้ เราจะผึกจิต
    ทำใจกันได้มากน้อยขนาดไหน ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น
    <O:p</O:p
    ไม่แน่นะครับ...ชาตินี้อาจจะเป็นชาติสุดท้ายของเราก็ได้<O:p</O:p
     
  2. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    น้องวันชัยมาเยือนถึงบ้านลุงอ้องเลย...
    ยินดีที่พบเจอกันอีกนะครับ
     
  3. วันชัย13

    วันชัย13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +176
    สวัสดีครับลุงชัชวาล

    เข้ามาอ่านที่ลุงตอบแล้วครับ
    รู้สึกปีติไปกับทุกท่านด้วยจริงๆครับ
    ที่มีผู้รู้อย่างลุงคอยตอบ ข้อสงสัยให้น่ะครับ
    ทำให้เข้าใจอะไรหลายอย่างมากขึ้น

    อนุโมทนากับลุงด้วยนะครับ สาธุครับ
     
  4. วันชัย13

    วันชัย13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +176
    ตอนนี้ผมไปนั่งอยู่ที่เว็ปกสิณครับลุง
    กสิณ &bull; หน้าแรก
    อยู่กับพี่เอ(วสวัตตีครับ)
    มีอะไรที่จะแนะนำผม
    ผมน้อมรับครับ
     
  5. วันชัย13

    วันชัย13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +176
    โอ้..ลุงครับ ผมอ่านที่ลุงกล่าวถึงอทิสสมานกาย
    ผมก็ระลึกถึงวันที่ผมมีเหตุการณ์เช่นนี้ มาสอบถามลุงครับ
    ในปี47 ผมได้บวชพระ และคืนวันนั้นได้สวดมนต์และทำสมาธิ
    คืนวันนั้นผมได้เข้าสมาธิลึก จนสุดอรูปฌานที่4 คือเนวสัญญานาสัญญายตน
    พอไปถึงฌานตัวสุดท้ายจิตเกิดเห็นว่า
    ในฌานระดับนี้จิตรู้สึกว่า "ฌานนี้ไร้สาระ" จิตระลึกรู้เองครับ
    เมื่อเห็นว่า ไม่มีสาระที่จะอยู่ในฌานนั้น
    จิตจึงถอยลงมาที่อรูปฌานที่3คืออากิญจัญญายตน
    เมื่อลงมาที่ฌานนี้แล้ว จิตก็เสวยอารมณ์นั้นอยู่
    และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อดี
    จึงเพ่งหรือระลึกเข้าไปในความไม่มีอะไรเลยแทน
    พอเพ่งไปซักพักจิตเกิดอาการวืดๆครับ
    พอซักพักจิตก็เกิดวืดออกจากร่างหยาบครับ
    เห็นร่างตัวเองนั่งสมาธิอยู่หน้าพระประธานครับ
    กายกับจิตไม่รู้สึกสัมผัสกันเลยครับ

    กายมีอาการเป็นอย่างไร จิตไม่รู้สึกเลยครับ
    ออกจากร่างมาตอนแรกงงครับ
    จิตค่อยๆปรับสภาพระลึกได้ว่าจิตได้ถอดออกจากร่างหยาบมาแล้ว
    แต่ผมไม่เห็นว่าผมเป็นร่างทิพย์นะครับ
    เห็นว่ามีแต่ตาใน ที่มองเห็นทุกสิ่งอย่าง
    มองไปทางไหนก็มองทะลุได้หมดครับ มองห้องก็มองทะลุครับ
    จิตแค่ระลึกว่าจะไปที่ใด จิตก็ไปโผล่ที่นั่นแล้วครับ
    ผมลองระลึกไปเที่ยวรอบวัดครับ
    จิตก็ไปโผล่ ณที่นั้นทันทีครับ
    คราวนี้จึงระลึกไปที่บ้าน(ที่แม่อยู่ครับ) ซึ่งอยู่ห่างจากที่ ที่ผมอยู่60 ก.มครับ
    จิตก็ไปโผล่ที่นั่นครับ
    แต่ในการไปนั้น ผมไปในยามกลางคืน
    แต่ผมมองเห็นสถานที่ต่างๆแจ่มมาก รอบอาณาเขตที่จิตผมปรากฏ
    มีแสงสว่างที่สว่างนวลมากครับ แผ่รัสมีไปทั่วครับ(มันเป็นอย่างนั้นจริงๆครับ)

    <ตรงจุดนี้ ผมมีคนรู้จักอยู่คนหนึ่ง
    แกเป็นคนที่คนทั้งหมู่บ้านรู้ว่า แกเป็นคนที่ไม่ค่อยฝันครับ
    พอตอนเช้าของอีกวัน แกมาเล่าให้แม่ผมฟังว่า
    เขาเห็นผมลอยมา และมีแสงทั่วตัวเลย สว่างมาก
    พอตอนเย็นแม่โทรมาหาผม
    บอกว่าเป็นอะไรรึเปล่า(แม่เป็นห่วงผม)
    แล้วแม่ก็เล่าให้ผมฟังว่า
    ยายเหงี่ยมฝันถึงพระ(ซึ่งแกเป็นคนที่ไม่ค่อยฝัน ชาวบ้านรู้ดีในข้อนี้)
    ว่าลอยมาแล้วมีแสงสว่างทั่วตัวเลย สว่างมาก

    ผมจึงระลึกดูว่า เอ้..แล้วเขาเห็นเราได้อย่างไร(สงสัย) เพราะไม่ได้ไปด้วยกายหยาบ>

    พอไปเที่ยวที่บ้านจนพอใจแล้ว
    ผมก็ระลึกถึงวัดที่ผมอยู่ จิตก็มาโผล่ที่มณฑปครับ
    แล้วผมก็ดูรอบๆมณฑปก็ไม่เห็นมีอะไร
    จึงระลึกถึงร่างหยาบ แล้วก็มาโผล่ต่อหน้าร่างหยาบ
    อยากเข้าร่างครับ แล้วต้องทำอย่างไรดีล่ะ
    หนังทำอย่างไร ผมก็ลองทำอย่างหนังหมดครับ
    ก็ไม่เห็นว่าจะเข้าร่างได้เลย กลัวครับตอนนั้น กลัวเข้าร่างไม่ได้
    ในขณะนั้น จิตได้ระลึกถึงคำสอนของหลวงปู่เจี๊ยะขึ้นมาเองทันทีครับ
    หลวงปู่เจี๊ยะบอกว่า "ให้ระลึกถึง พุท-โธ"ครับ
    ผมก็มาระลึกถึงพุท พอระลึกพุท จิตมีอาการวืดครับ พอระลึกโธจิตเกิดวืด......เข้าร่างเองเลยครับ
    พอเข้าร่างปึบ กายรู้สึกอย่างไร จิตรู้สึกได้หมดเลยครับ

    จิตค่อยๆถอยจากสมาธิลึกๆลงมาเรื่อยๆครับ
    จิตเขาไปสัมผัสกับสภาวะละเอียดมา
    พอมากระทบกับสภาวะหยาบ จิตรู้สึกถึงสภาวะหยาบที่มีน้ำหนักทันทีเลยครับ
    คือลมหายใจ และ ความตึงของกายน่ะครับ

    คราวนี้จะลืมตาครับ จะขยับตัวครับ
    ทำอะไรไม่ได้เลยครับ จะลืมตาก็ลืมไม่ได้
    เหมือนมีสภาวะอะไรบางอย่างดึงไว้ไม่ให้ออกจากสมาธิได้เร็ว
    ก็ค่อยๆปรับสภาพตามลำดับลงมาเรื่อยๆครับ

    จนค่อยขยับตาได้ครับ จิตกับกายเริ่มสมดุลกันเรื่อยๆครับ
    นานพอควรก็เลยค่อย ทำจิตให้ผ่อนคลาย พอทำจิตให้ผ่อนคลาย
    กายก็รู้สึกผ่อนคลายไปด้วยครับ

    การทำสมาธิเหมือนการออกกำลังกายเลยนะครับ
    ต้องวอมอัพก่อนเข้า และพอออกจากสมาธิก็ต้องวอมดาวน์อีก
    เอ้อ...มันแปลกดีแฮะ
    (มันเป็นอย่างนั้นจริงๆครับ)

    ผมจึงอยากถามลุงครับว่า นั่นเป็นทั้งกายทิพย์และตาทิพย์ ในตัวเดียวกันหรือเปล่าครับ.
    ซึ่งผมยังสงสัยในจุดนี้อยู่ครับ

    และอีกอย่างหนึ่งคือ ผมเคยอ่านเจอว่า
    หากจิตอยู่ในระดับอุปจารสมาธิก็สามารถถอดจิตออกจากร่างหยาบได้น่ะครับ
    แต่ในกรณีของผม ผมอยู่ในอรูปฌาน
    แปลว่าในอรูปฌานก็สามารถถอดจิตได้ใช่ไหมครับ


    ลุงเมตตาตอบผมด้วยนะครับ
    ผมไม่รู้จะคุยเรื่องเหล่านี้กับใครครับ
    ผมจึงขอมาถามลุงครับ

    ขอให้ลุงถึงฝั่งแห่งความปรารถนานั้นในเร็วพลันนะครับ

    สาธุครับ ขอบพระคุณครับ
     
  6. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ตามอ่านของน้องวันชัยมาหลายครั้งยอมรับว่าเข้าถึงจริงในอาการของจิตตามสภาวะที่ปรากฏในขณะทรงณานและการถอยและการกลับเข้ามาที่รูปหยาบ
    อ่านแล้วเหมือนคนรู้ใจกันและกัน

    ในขณะที่รูปละเอียดปรากฏนั้นตาทิพย์ย่อมปรากฏเพราะ
    สภาพตาที่ไม่ถูกกายหยาบที่มีธาตุครอบงำนั้น
    มีสภาพที่อิสรเสรี พร้อมกับสมาธิที่มีกำลังเมื่อปรารถนาที่จะเห็นสิ่งใดย่อม
    มองเห็นสิ่งนั้นๆเหมือนภาพมันเลื่อนเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

    กายทิพย์นั้นมีสภาพที่ปรากฏด้วยศีล คุณธรรม กำลังของกุศล ย่อมปรากฏการสัมปยุตต์กับอารมณ์อันละเอียดปราศจากนิวรณ์อันเป็นสิ่งหยาบครอบงำ
    จิตที่ผุดขึ้นมาด้วยการสร้างรูปละเอียดของณานไม่ว่าจะเป็นอุปจารณาน หรือกลังของณานที่ละเอียดในขั้นรูปณานหรืออรูปณานนั้นจะมีสภาพแตกต่างกันที่

    รูปณานจะปรากฏกายให้รู้ว่ามีกายอยู่
    แต่อรูปณานจะปรากฎด้วยดวงสว่างของจิตเต็มไปด้วยรัศมีแห่งคุณธรรม

    ส่วนยายที่ฝันเห็นพระมาในรูปของพระที่เต็มไปด้วยรัศมีความสว่างนั้นจริงๆ
    คนเราฝันทุกคืนเพราะจิตย่อมปรุงแต่งอยู่เสมอในภวังค์จิตเพียงแต่ไม่ได้จดจำ
    ไม่ได้ใส่ใจไม่มีความสนใจไม่มีความตื่นเต้นและไม่มีความแปลกมหัศจรรย์

    เมื่อยายได้ฝันไปแต่จิตในขณะนั้นคงจะมีกำลังสมาธิอยู่หรือสวดมนต์ก่อนนอน
    ย่อมรับกระแสแห่งรัศมีคุณธรรมจนเหมือนดั่งมีสื่อในการรับรู้เรื่องแปลกมหัศจรรย์
    และอดที่จะตื่นเต้นยินดีเพลิดเพลินในความมหัศจรรย์ของจิตและแสงสีของคุณธรรมนั้นๆ ความฝันหรือการพบเห็นจึงกลายเป็นความประทับใจติดตรึง

    เมื่อตื่นย่อมระลึกถึงในสิ่งที่พบเห็นและย่อมเล่ารายละเอียดได้อย่างชัดเจนเหมือนดูหนังสนุกๆมาเรื่องหนึ่งและเล่าได้ทุกขั้นทุกตอน

    สมาธิต่างกับณานตรงที่ว่าสมาธิมีสติเป็นองค์ประกอบรักษาจัดเป็นสมาธิที่บริสุทธิ์
    ส่วนณานนั้นๆโดยมากจะมีอาการท่องเที่ยวไปหรือพบเห็นนิมิตสีสรรต่างๆเพราะเป็นการเพ่งเข้าไปต่างจากการกำหนดในสมาธิ

    จิตในขณะออกมันจะโน้มเข้าไปในจุดตำแหน่งเหมือนเราระลึกถึงจุดตำแหน่งนั้นๆได้อย่างน่าแปลกใจเพราะบางครั้งแรกๆมันจะออกในจุดตำแหน่งนั้นๆเหมือนเป็นอดีตสัญญาเก่าที่เคยทำมาในหลายๆภพ

    ส่วนการเข้าก็เช่นกันเมื่อเข้ามาต้องปรับสภาพของจิตให้สมดุลย์กับการหยาบ
    ถ้าเร่งรีบหรือพรวดพราดจะเข้าและจะลุกจะปรากฏของธาตุแตกคือปรับไม่ทันจะมึนหัวไปหลายเพลาหรือไม่ก็จะกระตุกอยู่แต่ข้างในจะลุกหรือจะกลับมามีสติทำได้ยาก

    การออกมันออกเองเหมือนมันจำทางออกแต่เวลาเข้านี่ซิ...
    เหมือนๆกันเลยคือเข้าอย่างไรหว่าเพราะจำตอนออกไม่ได้ผลก็คือ
    วนเวียนเป็นผีเร่ร่อนข้างๆกายหยาบจนกว่าจะระลึกได้ว่า
    ตนนั้นทำสมาธิด้วยการกำหนดหรือการเพ่งจ้องเอาอารมณ์ใดๆเป็นกรรมฐาน

    หรือระลึกในคุณพระพุทธก็ย่อมถูกต้องเพราะท่านเป็นสรณะเป็นที่พึ่ง
    ในยามที่กายหยาบเราโน้มเข้าถึงพระรัตนตรัยนั้นกายหยาบมันจะจดจำได้ถึงการโน้มเข้าสู่กระแสแห่งความอบอุ่นความร่มเย็นเหมือนดั่งท่านเป็นร่มไม้ชายคาให้อาศัยเมื่อเราระลึกถึงท่านนั้น
    ถามว่าท่านช่วยหรือเราทำเอง จริงๆเรานั้นเป็นที่พึ่งแห่งตนเสมอแต่เพราะยึดท่านเป็นสรณะอันประเสริฐประกอบด้วยคุณธรรมที่เราสะสม

    ความศักดิ์สิทธิ์จึงปรากฏจากจิตที่เราสะสมมาทั้งสิ้นพระรัตตรัยท่านเป็นเหมือนดั่ง
    จุด ตำแหน่งแห่งใจที่ใสสะอาดบริสุทธิ์
    เช่นดั่งน้องวันชัยที่รักแม่เมื่อนึกถึงจิตย่อมโน้มเข้ากระแสจิตของท่านได้ทั้งรูปและทั้งจิต

    ส่วนการย้อนทวนหาอดีตนั้นเป็นสิ่งเฉพาะแต่ละบุคคลเพราะต้องเป็นคนละเอียด
    ใส่ใจในสิ่งละเอียดเพื่อการย้อนทวนสิ่งที่ผ่านมาด้วยความชัดเจนและใช้สติทวนเข้าไปที่จุดโจมตีระลึกชาตินั้นๆที่ครรภ์มารดา

    คนที่ระลึกชาติโดยมากจะเป็นคนละเอียดถี่ถ้วนแม้ในการงานต่างๆก็ละเอียดไปทุกๆสิ่งตรงนี้คงมีแต่พี่รัตน์ที่อ้องยกให้ท่านไปครับ
    ขอให้อ่านนวนิยายของลุงอ้องไปอย่างสนุกสนานเพลิดเพลินและปรับแก้ไขในสิ่งต่างๆของตนเอง

    เกิดมาพร้อมกับปัญญา อดีตพระสะสมปัญญาไม่สะสมทาน
    4ขวบจึงลำบากตรากตรำ
    13ขวบจึงรู้แจ้งแห่งตนว่าเกิดมาเพื่อสร้างคุณธรรม
    25แทบพบทางแห่งสัจธรรมประกาศก้อง
    สู้ต่อไปน้องรักอายุไม่ใช่ความแตกต่างปัญญาสมาธิที่มีอยู่ย่อมฝ่าฟันสิ่งต่างๆจน
    พบหนทางที่ถูกต้อง
    ขอเป็นกำลังใจให้เสมอนะครับ
    น้องๆในนี้มีเก่งๆหลายๆคนแล้วล้วนตามกันมาทั้งนั้น
    ใจมันผูกติดกันเอาไว้ไม่ทอดทิ้งเมื่อเจอหรือสื่อกันย่อมเหมือนดั่งคนรู้ใจดั่งพี่น้อง
    มิตรสหายที่เดินกันมาในเส้นทางที่ยาวนานพอสมควรแล้ว
    เช่นน้องวันชัยที่มุ่งมั่นเพื่อพ้นไปจากทุกข์อย่างแท้จริง

    อนุโมทนา...
    ลุงอ้องครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2009
  7. วันชัย13

    วันชัย13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +176
    ขอบคุณครับลุง ที่เมตตาตอบผมครับ
    ผมพิมพ์ยาวได้ยากครับ
    เพราะตอนนี้ผมใช้มือถือพิมพ์ครับ
     
  8. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ตามที่เคยทำมาและเคยอ่านของหลวงปู่เทสก์นั้น...
    ฌานนั้นเมื่อเข้าถึงหรือถอนออกมามักจะมองเห็นสิ่งต่างๆว่าไร้สาระ
    น่าตลกขบขัน
    ส่วนสมาธินั้นถ้าเข้าถึงเข้าสู่อัปนาสมาธิได้กำลังไต่สวนและถอยมาที่อุปจารสมาธิ
    มาพิจารณาขันธ์ สัจธรรม อายตนะ ธาตุ มองสิ่งใดเป็นพระไตรลักษณ์ทั้งสิ้น
    แม้ถอนกำลังออกมาแล้วก็ยังเห็นว่าธรรมชาติรูปลักษณะมีเหตุให้เกิดและก็ดับสลายหายไปเป็นแค่เรื่องธรรมดา ไม่ได้เป็นสิ่งวิเศษอันใด

    ในขณะที่เราทำสมาธิเข้าสู่ขณิกสมาธิจะมีภวังค์ถี่ปรากฏสมาธิขณิกจึงยังไม่ได้ถูกจัดเข้าสมาธิแท้เพราะเหมือนกับเรากำลังตบมือเร็วๆแต่ยังไม่กำมือ มีช่องว่างของอากาศ มีมิติที่จิตจะถูกภวังค์จิตดูดกลืนเข้าไปปรุงแต่งภายในได้

    แต่เมื่อเรารักษาสติ จิตแจ่มใสภายในเอาไว้ ดำรงค์สติเฉพาะหน้าไม่หวั่นไหวไปกับภวังค์ที่แสดงสภาวะซึมๆทื่อๆถี่ๆ เราหันมาใส่ใจ จดจ่อกับอารมณ์ที่เรากำหนดในกรรมฐานนั้นๆอย่างไม่คลาดเคลื่อน

    สมาธิก็จะเข้าสู่ระดับอุปจารสมาธิได้เหมือนดั่งเราตบมือและจับมือกำเอาไว้เพียงแต่ยังไม่แนบแน่นแบบสนิทเนื้อ

    ตรงสมาธิบริสุทธิ์จะมีสติเฉพาะหน้าสำเหนียกรู้อาการของจิตและอารมณ์ที่ปรากฏแต่ก็ไม่คลาดเคลื่อนไปจากอารมณ์กรรมฐาน ถ้าคลาดเคลื่อนและปรากฏภวังค์ทั้งสามปรากฏ

    สมาธิก็จะพลิกกลับกลายเป็นฌานจากอุปจารสมาธิก็กลายเป็นอุปจารณานได้
    เหมือนดั่งกำมือกับแบบมือสลับไปมาถ้าเผลอตกภวังค์

    นิมิตแสงสีโดยมากจะมีในณาน สมาธิบริสุทธิ์จะมีสติที่กำลังพัฒนาเป็นสัมมาสติเป็นเครื่องอยู่เป็นวิหารธรรมจึงอยู่ในสภาพที่ไม่ถูกภวังค์ครอบงำ

    ณานนั้นจึงมีได้ในทุกศาสนาและมีมาก่อนพระศาสนาของเราทั้งหลาย
    มีเพียงแต่สมาธิบริสุทธิ์ที่พระพุทธองค์ระลึกได้ว่าในวัยเยาว์เคยนั่งสมาธิเช่นนี้ทำไมจึงต้องหวั่นเกรงกับกิเลสในเมื่อปรากฏสติที่ไม่หวั่นไหว

    รูปณานและอรูปณานเป็นของเก่าแก่มีมาแต่โบราณพวกเรานี่หล่ะก็ติดตามๆกันมานานนักหนาเป็นของเดิมทั้งสิ้นมาทำก็ระลึกของเดิมกันมาติดสุขติดนิมิตกันจึงทำให้เสียเวลาในการเข้าถึงพระธรรมอันบริสุทธิ์

    ก็คงขอให้ตั้งใจและพัฒนาอบรมกายและจิตตนเองในปีใหม่นี้อย่างเข้มแข็งอดทนต่อสู้และดูสภาวะให้มากยิ่งๆขึ้นเพื่อพบสัจธรรมอย่างแท้จริง
    ขออนุโมทนา...
    อ้องครับ
     
  9. วันชัย13

    วันชัย13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +176
    สวัสดีครับลุง
    เมื่อกี้ผมได้รับสภาวะบางอย่างครับลุง
    เมื่อกี้ ผมอ่านไปถึงตรงที่ลุงถวายดอกไม้มาประมาณ1ปีน่ะครับ
    แล้วลุงให้อนุโมทนาบุญกับลุงด้วย
    พอผมพนมมืออนุโมทนา และไม่ได้คิดว่าจะได้บุญกับลุงด้วยนะครับ
    (มันจะมีจิตโลภะเข้ามาแทรกนิดเดียว พอรู้ทัน มันก็จางหายครับ)
    และก็เกิดเป็นพลังงานความเย็นขึ้นมาแทนครับ
    เย็นเจี๊ยบเลยครับ ไหลเข้าสู่จิต ซึ่งก่อนหน้านี้ จิตโดนนิวรณ์ครอบอยู่ครับ (เป็นระยะ)
    เอ้อ...สัมผัสได้ง่ายมากเลยครับลุงครับ

    ผมตามอ่านอยู่นะครับลุง
    อนุโมทนากับลุงด้วยนะครับ สาธุครับ
    ผมมีอะไรแปลกอีกหลายเรื่อง ที่จะถามลุงเหมือนกันครับ
    แต่ผมขอไปอ่านเรื่องของลุง ให้ปีติผุดเป็น (ตาบ่อน้ำ) ก่อนนะครับ

    สาธุครับลุง...
     
  10. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    21/12/2012 หรือ 21/12/2555 จริงหรือจะจบสิ้น

    มนุษย์เราอะไรๆก็บอกจบสิ้น โลกแตก หมดกัน อวสาน เอวังเรียบร้อย

    มาดูที่สึนามิที่่ผ่านมาแค่ออเดิรฟ์ก็เล่นเอาคนตายไปหลายแสนแต่ก็ไม่สิ้นโลกหรือโลกแตก

    ภัยธรรมชาติมันจะรุนแรงเพิ่มขึ้น ถี่ขึ้น ในขณะที่มนุษย์ชาติที่เอาแต่เผาเรือนตนเองแบบโลภมากในการกอบโกยทรัพยากร์ทางธรรมชาติ

    สิ่งที่คนพยายามเขียนสิ้นโลก โลกแตก อวสานของโลก ก็เพื่อหาแรงจูงใจ หาข้อมูลที่กำกวม ตัวเลขสวยหรือภัยธรรมชาติในอดีต
    คำทำนายลึกลับ คนมีญาณหยั่งรู้ สารพัดที่จะมาผูกโยง
    เพื่อจะให้โลกแตกให้ได้

    ถามว่าทำไม...

    ถ้าเราย้อนดูอดีต ไม่ว่าคนเขียน คนแต่ง คนเริ่มต้นจุดประเด็นจะได้รับความสนใจ
    ลาภ สักการะ ความศรัทธาก็จะหลั่งไหลเข้ามา
    พวกนี้แสวงหาความทุจริตในความทุกข์ของหมู่ชน
    จะกลายเป็นเจ้าลัทธิ หรือหากินในด้านความหวดระแวงไปได้แบบอีกหลายเพลาทีเดียว

    ไม่ว่าอย่างไร โลกเราก็จะไม่แตก ไม่ระเบิด สิ้นโลก อวสาน จบสิ้นในเร็วๆนี้เพราะหลายพันล้านปีโลก
    ก็ยังอยู่อย่างปกติสุขเพียงแต่ผันแปรไปตามเหตุการณ์ใหญ่ๆที่ต้องเปลี่ยนไปตามธรรมชาติ

    คนที่พยายามเขียนสิ้นโลกจึงเขียนเพื่อว่า...
    ฟรุ๊คๆ..ที่จะมีปฏิหารย์ในคำทำนาย คำวินิจฉัย ข้อมูลที่หามา

    ฟรุ๊คว่าจะเกิด...
    ซึ้งถ้าเราดูอดีตคนที่ทำนาย คนเขียน คนแต่งก็จะมีบางยุค
    ที่มีภัยทางธรรมชาติมากหรือรุนแรง
    แต่ก็ไม่ใช่หมายถึงกาลอวสานหรือสิ้นโลกทั้งสิ้น

    หมอดูคู่กับหมอเดา เดาดวงดาว เดาเหตุการณ์ เดาบทกลอนคำทำนาย
    เดาตัวเลข เดาปฏิทิน
    ถามว่าหมอดูพวกนี้แสวงหาอะไร...
    นั่นก็คือลาภ สักการะถ้าเผื่อว่าอาจจะมีเหตุการณ์ในจุดตำแหน่งที่รุนแรงบนโลกใบนี้
    ที่ใดที่หนึ่ง คนพวกนี้ก็จะรีบเสนอตนเองออกมาว่า...
    ต่อไปจะมีอย่างนั้น อย่างนี้ตามมา สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าละอายในการสร้างความทุกข์
    ความหวาดกลัวแก่ปวงชน

    สิ่งที่พระอริยเจ้าท่านเตือนก็คือภัยต่างๆมันจะเริ่มปรากฏแต่ไม่ถึงกับทำลายโลก
    แต่พวกเราซึ้งเป็นส่วนหนึ่งที่อาจจะต้องพบเจอทั้งในช่วงเวลาที่จะถึงและอนาคตที่จะต้องกลับมาในมิติโลกใบนี้
    ในรอบหกพันปี

    ท่านเตือนเพื่อให้ฝึกอบรมสติรักษาศีลสร้างคุณธรรมเพื่อว่าเวลาที่พบเจอเหตุการณ์ต่างๆนั้น
    จะได้ไม่เสียสติและหดหู่ท้อถอยจนทำลายตนเอง
    ท้ายสุดท่านก็ให้เราหมั่นเพียรในการอบรมพัฒนาตนเองในช่วงเวลาที่หาได้ยากเช่นนี้

    ถ้าเรายังอยู่บนโลกที่ใดที่มี รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่ันั่นเรียกว่าโลกทั้งสิ้น
    โลกก็มีความเจริญ ความเสื่อมไปอันเป็นธรรมดาของโลกธรรม มีทุกข์ทั้งสิ้น
    คำว่าสิ้นโลก เรามาใช้กับผู้เจริญสติเพื่อพบกับคำว่า
    "สิ้นโลก เหนือธรรม" ไม่กลับมาจะดีกว่ามิใช่หรือ :33:
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>นิวรณ์*, วันชัย13, kung_9894, to2504 </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. วันชัย13

    วันชัย13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +176
    มีปีติมากครับ ที่ได้อ่านข้อความลุงครับ

    อนุโมทนากับลุงอ้องด้วยนะขอรับ ผมอ่านมาถึงนี่แล้วครับลุง
    ยิ่งอ่านก็ยิ่งดี ยิ่งอ่านก็ยิ่งเห็นภัยของสังสารวัฏมากขึ้นครับ

    พออ่านถึงจุดนี้ ผมระลึกถึงสมาธิข้อที่7ที่ลุงรัตน์กล่าวถึงครับ
    คือผมระลึกถึงคราวที่ผมเห็นผลของสมถะและวิปัสสนาครับลุง
    ผมเห็นผลทั้ง2อย่าง ในอากิญจัญญายตน ทั้ง2ครั้งเลยครับ

    ในครั้งแรก เห็นผลของสมถะ(อภิญญา)ในขณะที่อยู่ในอากิญจัญญายตน
    ด้วยการเข้าไปพัก และอาศัยอยู่ในอรูปฌานที่3 และจิตได้น้อมเข้าหาของเก่าที่เคยทำได้เองโดยอัตโนมัติ(ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ)
    นี่คือเห็นผลของสมถะ

    ในครั้งที่2 เห็นผลของวิปัสสนา(ปัญญา)
    เมื่อจิตเดินปัญญาขึ้นไปเพื่อสมังคีมรรคทั้ง8เข้าด้วยกัน เพื่อตัดสังโยชน์3ลง
    แต่ไปหลงกลอนุสัยกิเลสอย่างละเอียดเข้าเสียก่อน จึงพลาดท่าเสียที

    ในครั้งนั้นที่เดินปัญญาขึ้นไป หากไม่ไปเสียท่าให้กับ"ความไม่มีอะไรเลย"
    จิตจะสามารถตัดสักกายทิฏฐิลงได้(เพราะในขณะนั้นจิตเดินปัญญา)
    แต่ไปพลาดท่าแบบว่าเส้นด้ายที่บางมากๆครับ(นิดเดียวจริงๆ)
    เพราะสภาวะในอรูปฌานขั้นนี้ ไม่ยึดทั้งรูปและนาม(แต่ยึดความไม่มีอะไรเลย)
    อาจบอกได้ว่าคล้ายนิพพานมากๆ(แต่ไม่ใช่) จึงพลาดท่า

    ด้วยเหตุที่ตั้งมั่นเพื่อจะหาทางพ้นทุกข์(ไม่อยากกลับมาเกิดอีก)
    ในหลายๆชาติ จึงหาทางมาเรื่อยๆ จนมาเจอทางแห่งสมถะตัวนี้เข้า
    จึงคิดว่านี่คือนิพพาน จึงหลงติดมากับจิตในชาติปัจจุบัน(เส้นเยื่อใยเดิม)

    และก็มั่นใจว่า หากจิตจะพบธรรม ก็คงต้องตัดเยื่อเดิมทิ้งให้ได้เสียก่อน
    และก็คงเข้าไปกระจ่างหรือพบธรรม ในอรูปฌานชั้นนี้เป็นแน่แท้
    เพราะของเก่าเคยแสดงให้เห็นมาแล้วถึง2ครั้งว่า
    จิตพอใจในอรูปฌานชั้นนี้มากๆ (จุดอ่อนของจิตดวงนี้)

    ในการเดินปัญญาขึ้นไปในครั้งนั้น ทำให้กระจ่างในธรรมมากยิ่งขึ้น
    1. ได้รู้จุดอ่อนของจิตดวงนี้
    2. ได้เข้าใจธรรมชาติมากขึ้น
    3. ได้เข้าใจว่าในการที่จิตจะเข้ามรรคผล จิตดำเนินไปอย่างไร
    4. จิตไม่ดิ้นรนเพื่อจะพ้นทุกข์อีกเลย
    จิตเกิดเข้าใจธรรมมากยิ่งขึ้นว่า หากจิตเขายังรู้ไม่พอ ต่อให้อยากพ้นทุกข์
    ก็ไม่มีทางพ้นทุกข์หรอก ต้องรู้จนกว่าเขาจะพอ เมื่อเขาพอแล้ว
    เขาก็จะแจ้งนิพพานเอง.
    ณ ปัจจุบันจึงสนใจที่จะตามรู้กาย ตามรู้ใจ ตามความเป็นจริง
    รู้ด้วยความเป็นกลาง รู้จนกว่าเขาจะพอ
    ขอเจริญเหตุเป็นพอ ผลจะเกิดเมื่อไร ชั่งเขา

    ขออนุโมทนากับลุงด้วยนะครับ และขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยนะครับ
    ที่เห็นทางเดินที่กระจ่างมากยิ่งขึ้น สาธุครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2009
  13. วันชัย13

    วันชัย13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +176
    อ่านถึงเทพติ๊กแล้วครับ
    เอ้..ลุงครับ แล้วเทพติ๊กท่านไม่มีชื่อใหม่บนสวรรค์หรือครับ.
    อนุโมทนากับลุงด้วยจิตน้อมเกล้าจริงๆ ในสิ่งที่ลุงตั้งจิตไว้น่ะครับ สาธุครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2009
  14. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    สวัสดีค่ะคุณวันชัย 13
     
  15. วันชัย13

    วันชัย13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +176
    สวัสดีครับคุณto2504
     
  16. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    มารอพี่อ้องเหมือนกัน
     
  17. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    to2504(ผึ้ง)
    พอดีวันสองวันนี้พี่รัตน์มาเที่ยวบ้านสองวันเลยต้องพาพี่เค้าไปเที่ยวชมเขาหน่อยเลย
    ไม่ค่อยว่างเข้ามาตอบจ๊ะ
    เสียดายน้องวันชัยไม่ได้อยู่ใกล้
    เพราะพี่รัตนต้องใช้ช่วงเวลาที่พี่เค้าพักผ่อนสบายใจ
    รายนั้นถึงจะของขึ้น
    วันที่27ม ค พี่เค้าชวนเข้าคอรส์ดูจิตล้วนๆ ยังไม่ได้ตัดสินใจเหมือนกัน
    พี่รัตน์คงจะมาสอนเรื่องดูจิตล้วนๆอย่างไรตรงนี้ก็น่าสนใจดี
    อนุโมทนานะครับ
    พี่อ้องจ๊ะผึ้ง น้องวันชัย
     
  18. วันชัย13

    วันชัย13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +176
    ...........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2009
  19. วันชัย13

    วันชัย13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +176
    ถ้าผมมีบุญร่วมกับลุงรัตน์ลุงอ้อง
    ผมคงได้เจอลุงรัตน์กับลุงอ้องนะครับ

    ผมหวังเช่นนั้นครับ
     
  20. 0+โจ๊ก+0

    0+โจ๊ก+0 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +68
    อนุโมทนาครับป๋ม.....อิอิ ขอให้ถึงซึ้งพระนิพพานในกาลปัจจุบันทุกท่านนะคับป๋ม
    แล้ว สำหรับ อาอ้อง ธรรมอันใดที่สำเร็จแก่อาอ้อง ก็ขอให้สำเร็จแก่เราและทุกท่านด้วย
    และธรรมอันใดที่ยังไม่สำเร็จแก่อาอ้อง ก็ให้ถึงที่สุดแห่งธรรมโดยฉับพลัน อนุโมทนา อนุโมทา อนุโมทนา ชอบคำนี้จัง บายคับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...