การโทรจิตติดต่อมนุษย์ต่างดาวในประเทศไทยและหลักฐานการพิสูจน์ UFO

เพิ่งได้เข้ามาอ่านคะ
เคยได้ดูตอนที่ไปออกรายการIE Show ช่อง 7 ตอนนั้น
ก็สงสัยว่าข้อความอะไรที่ทำให้คุณJohn ไม่อ่านต่อ

แล้วก็ขอบคุณที่ให้ความรู้นะคะ

 

ช่วยตอบผมหน่อยนะครับ

สวัสดีครับผมชื่อ วุฒิ เพิ่งได้เคยเข้ามาอ่านเรื่องราวต่างๆในเวปนี้ โดยส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อครับ เพราะ ได้เจอกับตัวมา และ อยากจะถามด้วยครับ " ว่าสิ่งที่ผมและเพื่อนๆเจอมามันคืออะไร เพราะเรายังหาคำตอบไม่ได้เลย " ถ้าจะเล่ารายละเอียดทั้งหมดคงกินเนื้อที่มาก ขอเล่าย่อๆนะครับ
เริ่มเรื่อง มีอยู่ว่า มีเพื่อนคนนึงชวนให้เล่น "แองเจิ้ล " ( ก็คล้ายๆกับผีถ้วยแก้ว แต่ต่างกันตรงที่ใช้ปากกาเป็นสื่อลากเส้น เล่นกัน 2 คน ) เพื่อนๆก้อถามสนุกกันไปตามประสาเด็กๆ ( ตอนนั้นอยู่ ปี 2 ครับ ก็ไม่เด็กแล้ว ) ผมก็ลองเล่นๆดู แล้วก็ถามต่างจากคนอื่น ว่า แองเจิ้ล ที่มาอยู่ที่นี่ อยู่ในโลกหรือนอกโลก คำตอบที่ได้ คือ " นอกโลก " ผมก็งงไปเลย แต่ก็รู้สึกสนุก แล้วก็บอกเพื่อนให้ลองถามแบบนี้บ้าง ก็มีทั้ง ในโลกและนอกโลก เล่นกันแบบนี้อยู่ซักเดือนนึงได้ ผมก็ได้ข้อมูลแปลกๆมาบ้าง แต่ก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง จนเริ่มซาๆแล้วก็ไม่ค่อยได้เล่นกัน
จนมาวันหนึ่ง ผมได้เจอกับตัวเลยครับ ผมขี่จักรยายอยู่คนเดียวตอน ประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ ผมมองไปบนท้องฟ้า เห็นดาวดวงนึงสว่างมากกว่าดาวดวงอื่น แต่ก็ยังคิดว่าเป็นดาวอยู่ แต่.....พอผมถีบรถกลับปรากฎว่า ดาวดวงนั้นมันมาอยู่บนหัวสูงขึ้นไป เห็นเป็นคล้ายเครื่องบินสามเหลี่ยม แต่ไม่มีเสียงเลยครับ มันตามผม แล้วยังมีช่วงหนึ่งคล้ายมีแสงส่องลงมา จนมาถึงหอพักผมชี้ให้เพื่อนๆดู ทุกคนเห็นกันหมด มันมาหยุดนิ่งอยู่สูงขึ้นไปบนหลังคาหอพัก งงกันไปเลย นั่นเป็นแค่เริ่มต้นครับ หลังจากนั้นเราก้อกลับมาเล่นแองเจิ้ลกันอีก
ถามทุกอย่างเท่าที่นึกได้แล้วก้อได้คำตอบแบบคลุมคลือ แองเจิ้ลบอกในสิ่งที่มันขัดต่อความเป็นจริงที่พวกผมไม่อยากจะเชื่อ ว่า "ลองเข้าสมาธิ แล้วจะรู้" พวกผมก็งงว่ามันไม่น่าจะเกี่ยวกัน แต่ก็ลองดู ปรากฎว่า มีเพื่อนผม 2 คน เห็นภาพเรื่องราวเดียวกันตอนนั้นขณะนั่งสมาธิ แล้วเราก็ลองนั่งกันหลายครั้งก็เห็นภาพหลายๆอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ อ้อลืมบอกไปอย่างครับผมไม่เห็นภาพเหล่านั้นหรอกครับ แต่ถ้าผมไม่นั่งด้วยเพื่อนๆก็จะไม่สามารถเห็นภาพต่างๆได้ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร แล้วหลังจากวันนั้นพวกเราก็เห็นวัตถุลึกลับนั้นอีกหลายครั้ง แต่ยังมีเรื่องราวอีกมากที่พวกผมได้รู้จากแองเจิ้ลต่างโลกถ้าจะบอกตรงนี้คงยาวแน่ๆและอีกอย่างถ้าเล่าไปจะหาว่าผมบ้า
ผมอยากจะขอความกรุณาจากผู้ที่มีความรู้มีพลังพิเศษช่วยบอกผมหน่อยครับว่ามันคืออะไร ผมคาใจมา หลายปีแล้ว
สุดท้าย พวกนั้นเรียกพวกเราว่า YOQ ผมถามว่ามันคืออะไร ก็ได้คำตอบว่ามันเป็นภาษาๆหนึ่งของจักวาล อ่านว่า "คอน" แปลว่า " คน" นั่นเองครับ
สุดท้ายจริงๆใครจะว่าผมบ้าหรือแต่งเรื่องขึ้นมา ผมไม่ว่าหรอกครับ เพราะผมเชื่อว่า ผู้มีพลังที่แท้จริงต้องสัมผัสถึงอะไรบ้างอย่างผ่านตัวหนังสือนี้แน่นอนครับ

 

เรื่องราวที่คุณวุฒิ เล่ามาน่าสนใจมากทีเดียวครับ สิ่งที่คุณกับเพื่อนคุณเล่นกัน (แองเจิ้ล) ผมไม่เคยเล่นครับ เคยเล่นแต่แบบถ้วยแก้ว ช่วยอธิบายวิธีเล่นสักหน่อยนะครับ..ผมว่าเพื่อนคุณคงไม่แกล้งคุณแน่ๆ

คุณอาจจะมีสื่อสัมพันธ์บางอย่างกับพวกเขาก็เป็นได้ เช่น เคยไปเกิดที่โลกเขามาแล้ว หรือเขาอยากศึกษาปฎิกริยาของพวกคุณเป็นพิเศษ ไม่งั้นเขาคงไม่ให้เปลืองเวลาและพลังงานหรอกครับ..

เชิญผู้มีพลังวิเศษมาช่วยกันดูหน่อยครับ..
และขอให้คุณช่วยเล่าข้อมูลที่คุณเคยถาม-ตอบ ให้เราฟังกันบ้างครับ..
(ที่นี่ไม่มีใครว่า "บ้า"ครับ...เพราะแต่ละคนจะมีอะไรที่เกินๆกันอยู่แล้ว...)

 

การ์เดียแองเจิ้ล จาก วุฒิ ครับ

ขอบคุณมากครับ คุณ MEAD ผมจะขอเล่าข้อมูลเท่าที่ผมจำได้นะครับอาจจะฟังดูเหมือนหนังแต่มันเป็นข้อมูลที่ได้รับจริงๆ เพื่อนผมแต่ละคนไม่เคยมีความรู้เรื่องเกี่ยวกับต่างดาว ต่างมิติมาก่อน จึงไม่น่าจะมีใครแกล้งเล่นแบบนี้
เริ่มจากการเล่น แองเจิ้ลก่อนนะครับ (ต้องขอโทษด้วยไม่มีภาพประกอบ )
ก็เขียนลงในกระดาษขาวธรรมดา มี A-Z แล้วก็ ก-ฮ รวมทั้งสระทุกตัว แล้วก็ มีตังเลข 1-0 ถ้าให้ง่ายก็มี ช่อง yes/no เอาไว้ถามแค่ ใช่หรือไม่ก็ได้ แล้วจับปากกาหรือดินสอร่วมกัน 2 คน แล้วก็อตั้งจิตว่า แองเจิ้ลของผมกรุณามานะที่นี้ด้วย หลายๆครั้ง สักพัก ปากกาจะหมุนเป็นวงกลม บางคนจะหมุนในรูปแบบอื่นก็มี แล้วเราก็เริ่มถามอะไรก็ได้
แองเจิ้ลจะประจำอยู่กับคนๆนั้นตลอด คือว่า คล้ายๆผู้ดูแลแต่ละคน บางคนก็เป็นแองเจิ้ลสมัยโบราณ เอาแบบนี้ผมจะระบุเลยดีกว่า เอาแบบที่ผมคิดว่าพิเศษจริงๆ มี 1 แองจิ้ลจากดาวอังคาร 2 จากดาวอะไรไม่รู้แต่มาบอกเรื่องภาษาหนึ่งในจักวาลเรียกว่า X-LAP (ที่ผมเคยบอกไปว่า YOQ ที่แปลว่า คน)
3 เป็นเด็กชายสมัยอยุธยาที่สามารถอ่านภาษานี้ได้ 4 จากยุคกรีกโบราณที่วาดรูปต่างดาวแบบต่างๆได้ 5 และผมเองเป็นแองจิ้ลต่างดาวที่แองเจิ้ลตนอื่นบอกว่าดุร้ายมาจากดาวที่แสนไกล
ข้อมูลส่วนใหญ่จะคล้ายๆกับว่า จะเกิดภัยพิบัติ ในปี 2007 พวกเขาให้พวกเราฝึก "พลังจักรวาล" ผมยังงงๆอยู่เลย
ผมจะเล่าความพิเศษของเพื่อนที่มีแองเจิ้ลที่ว่าพิเศษให้ฟัง
1 ที่มีแองเจิ้ลดาวอังคาร เพื่อนคนนี้สามารถเล่นแองเจิ้ลคนเดียวได้ ซึ่งผมมารได้รู้ว่าการเล่นคนเดียวน่าทึ่งมาก เพราะปากกาจะเหวี่ยงหมุนเร็วแต่จะหยุดตรงตัวอักษรแม่นยำ การหมุนจะรุนแรงมาก กระดาษขาดเลยก็มี
2 ที่บอกภาษา x-lap เป็นผู้หญิงที่เล่นคนเดียวได้แต่ถ้าเล่นมากๆจะปวดหัว(แองเจิ้ลบอกว่าคนๆนี้เคยเป็น ราชินีของอียิปต์มาก่อน )คนๆนี้สามรถนั่งสมาธิกับผมแล้วไปในที่ต่างๆได้ นอกโลกก็ไปมาแล้ว ไปดูแอตแลนตีสตอนเฟื่องฟู กับตอนล่มสลายก็ไปมาแล้ว แล้วมาเล่าให้ผมฟังแต่ถ้านั่งคนเดียวจะไปไม่ได้ ผมต้อวนั่งด้วย แต่ขอบอกนะครับผมไม่เคยเห็นอะไรเลย นั่งแล้วเหน็บกินด้วยอยากเห็นแบบที่เพื่อนเห็นบ้าง แต่ก็เหลว
3 คนนี้มีแองเจิ้ลเป็นเด็กแกระสมัยอยุธยา ที่ถูกผมให้ลองนั่งสมาธิครั้งแรกแล้วเห็นภาพตัวเองเป็นกษัตริย์ของอียิปต์
4 นี่ก็เล่นคนเดียวได้ สามารถวาดภาพแปลกได้เป็นภาพต่างดาวเผ่าต่างๆ ซึ่งลองให้แองเจิ้ลคนอื่นวาดบ้างแต่ก้อไม่ดีเท่า คือจะช้ามาก บางทีก็ไม่ได้
5 แองเจิ้ลของผม จะว่าเป็นผู้ดูแลรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่เขาบอกว่า ถ้าผมตายไปวิญาณจะต้องเอากลับไป เขาบอกว่าผมเคยเป็นพวกเขามาก่อน ผมแปลกใจอยู่อย่าง ถ้าผมนั่งสมาธิกับใครแล้วคนๆนั้นจะเข้าสมาธิเร็วและก็นานมากนานจนผมเหน็บชากินเลย แล้วคนที่นั่งด้วยจะไปเห็นสถานที่ต่างๆทั้งที่แปลกๆก็เยอะ
อ้อมีอีกอย่าง ถ้าเป็นวันพระทุกคนจะเล่นไม่ได้แต่ของผมสามารถเล่นได้แต่จะช้าไปกว่าเก่า ไม่รู้เพราะอะไร ลองถามแองเจิ้ลคนอื่น เขาบอกว่า มันเป็นกฎที่ผู้ดูแลเขตแดนตั้งไว้ เพราะ วันพระพลังของแองเจิ้ลจะไปรบกวนพวกผีเล็กผีน้อยที่ออกหาส่วนบุญในวันนั้น แต่แองเจิ้ลของผมมีพลังมากที่จะฝ่ามาได้
6 เพื่อนคนนี้เป็นผู้หญิงที่สามารถเรียกอแองเจิ้ลของใครมาก็ได้ มาถามเรื่องราวต่างๆของคนๆนั้น
เพื่อนผมคนที่บอกว่าเคยเป็นราชินีอียิปต์ บอกว่า มีต่างดาวที่มาคอยดูดเอาวิญญาณของคนตายที่เร่ร่อนไปที่ดาวของมัน และมันก็รอภัยพิบัติต่างๆให้เกิดขึ้นแล้วก็เอาวิญญาณไป นี่คือสิ่งที่เพื่อนผมเห็นในสมาธิ
เท่าที่เล่ามาใครอ่านดูก็คงคิดว่าเหมือนเรื่องที่แต่งขึ้น ผมไม่ว่าหรอกครับ แต่ผมเชื่อว่า ต้องมีใครซักคนที่มีพลังพิเศษมาอ่านแล้ว ผมอยากให้ลองพิสูจน์สิ่งต่างๆเหล่านี้หน่อยนะครับ เพราะผมไม่สามารถพิสูจน์ได้ เพื่อนๆต่างก็แยกย้ายกันไปหมดแล้ว แต่บางครั้งผมก็ยังรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเฝ้ามองอยู่จากบนฟ้า ขอความกรุณาด้วยครับ
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง

 

ขอบคุณครับ อ่านไปขนลุกไปเลยผม...
คุณได้เจอประสบการณ์ที่น่าทึ่ง แต่มีข้อมูลที่น่าสนใจอย่างยิ่งครับ น้อยคนจะเจอเรื่องแบบนี้... เดี๋ยวนี้เลิกเล่น "แองเจิ้ล" แล้วหรือครับ?
เพื่อนคุณที่เป็นผู้หญิงก็คงมีข้อมูลเยอะนะครับ มีอะไรก็มาเล่าให้ฟังอีกนะครับ..ถ้าคุณยังเก็บข้อมูลเกี่ยวกับภาษา X-LAP เอาไว้ เอามาให้ผมดูได้ไหมครับ? อาจจะเอาไปให้ Dr. เทพนม ท่านช่วยดูให้ครับ ท่านอาจมีคำตอบให้คุณ...

"ข้อมูลส่วนใหญ่จะคล้ายๆกับว่า จะเกิดภัยพิบัติ ในปี 2007 พวกเขาให้พวกเราฝึก "พลังจักรวาล" ผมยังงงๆอยู่เลย"

เขาบอกวิธีฝึกรึเปล่าครับ? ให้ฝึกสมาธิหรืออย่างไร? บางทีข้อมูลเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับคุณและคนอื่นๆ คุณอาจมีหน้าที่สำคัญในอนาคตก็เป็นได้...

 

อื้ม มัวเย็นใจอยู่คงไม่ได้แล้ว

ถึงจะไม่รีบ แต่ก็ต้องเร็วๆหน่อยแล้ว

 

คุณมีดพิภพมาเล่าต่อสิคับอยากรู้ๆ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_276333", true); </SCRIPT>

 

เป็นตุเป็นตะ ...งั้นถามนิดนึงครับ เวลาโทรจิตไปหามนุษย์ต่างดาวน่ะ สื่อสารภาษาอะไรครับ แล้วมนุษย์ต่างดาวเข้าใจภาษาไทยหรือว่าภาษามนุษย์โลกด้วยเหรอครับ ขนาดคนในโลกด้วยกันเอง ยังไม่เข้าใจภาษาในโลกกันเองเลยอ่ะครับ...สำหรับผมเชื่อยากครับ ถ้าไม่ได้เห็นกับตานะ

 

วิทยาศาสตร์นั้นแคบ เกินไป

เฮ้อ..................บัว มี 4 เหล่า (Tautology)

ผมไม่เคยเชื่อเรื่องสมาธิ ว่ามีจริง แต่สนใจเรื่องลึกลับทั่ว ๆ ไปอยู่มาก
จนกระทั่งได้บวช และหลวงพี่แนะนำวิธีนั่งสมาธิ โดยนั่งสอนข้าง ๆ
(เมื่อก่อนก็นั่งตามที่โรงเรียนให้นั่ง เมื่อยจะตาย)

หลังจากนั่งสมาธิกับหลวงพี่ครั้งนั้น โลกและมิติในสายตาผมก็เปลี่ยนไป
ผมเจอกับตัวเอง คือ คำตอบว่าสมาธิมีจริง

หลวงพี่ชอบคุยกับผมและบอกว่า ผมเป็นประเภทที่มี จริต แบบ "ไม่เชื่อ"
ต้องสอนโดยให้พบกับตัวเอง ประสบเอง

อาการต่าง ๆ ที่เกิดจากจิตมีสมาธิ ก็มีจริง
ดังนั้น ผมเริ่มมั่นใจว่า สิ่งที่เป็นวิทยาศาสตร์ หรือ การตัดสินด้วยวัตถุระดับหยาบนั้น
ไม่สามารถตอบทุกคำถามได้แน่ ๆ และไม่มีทางตอบได้เลย

ทั้งที่ผมเคยนอนถ่างตารอเป็นปี ๆ เพื่อจะเห็น UFO ซักครั้ง ก็ไม่เคยได้เห็น
แต่พอบวชและนั่งสมาธิได้ประมาณเดือนนึง ก็ได้รับการสมนาคุณ จากเพื่อนต่างโลกทันที

วันนั้น ประมาณตี 5 ผมก็ดูท้องฟ้าเหมือนเคย ในชุดห่มจีวร พบวัตถุุคล้ายดาว มีแสงสว่างกว่าทุกดวง บินข้ามขอบฟ้าในระยะสูงมาก และ เร็วมาก และบินกลับไปมาหลายรอบ ผมรู้ได้ทันทีว่า เป็น Unidentified flying object แน่นอน เพราะนอนดูท้องฟ้ามานาน เห็นมาแล้วทุกอย่าง ที่บินได้บนท้องฟ้า อ่านตำรามาแล้วสารพัดเล่ม ไม่เคยเห็นอะไร ที่บินเร็วในความสูงขนาดนั้นได้มาก่อน (เครื่องบินเจ็ทที่ว่า เร็ว ๆ เวลาเรามองจากระยะสูงมาก ๆ ยังช้าเป็นเต่า)

ปัจจุบัน ผมเริ่มมองพวกที่เป็นวิทยาศาตร์แบบสุดกู่ เป็นพวก กบ นะ

นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากมายมหาศาล เชื่อ เรื่องผี เรื่อง UFO เรื่องมิติ
นักวิทยาศาสตร์บางจำพวก ทำตัวเหมือน กบ ในกะลา

บ้างก็บอกว่า ผี ไม่มีจริง
ทั้งที่ยังพิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์ไม่ได้ก็รีบสรุปว่าไม่มีซะงั้น
ก็รู้กันอยู่ว่า เวลาจะวัดอุณหภูมิน่ะ เขาไม่ได้ใช้ตลับเมตรวัด

ผมเชื่อว่ายังไม่มีใครเคยเห็นอะตอม แต่ทุกคนเชื่อเหมือนกันว่ามี เพราะว่าสามารถอธิบายการมีอยู่ของมันได้

ดังนั้น ไม่เห็น กับ ไม่มี จึงไม่เหมือนกัน

ส่วนเรื่องที่ว่าใช้จิตติดต่อพูดคุยกับมนุษย์ต่างดาวได้ไหมนั้น ผมก็เป็นคนกลุ่มแรก ๆ ที่เคยนั่งขำการกระทำของกลุ่มเขากะลานะ เขาทำตัวแปลก ๆ ทำท่าทางแปลก ๆ แต่ ศ.ดร.นพ.เทพนม ให้เครดิตพิสูจน์ ผมก็เลยตามดูด้วยคน สุดท้ายหลักฐานที่ทางคุณเชิดและคุณวาสนา ชื่นสำนวน ส่งมาให้นั้น เยอะจนจะถมห้องผมได้
สุดท้ายก็ต้องยอมเชื่อ เพราะรู้ว่า จิต คืออะไร
มีความสามารถทำอะไรได้บ้าง ก็เลยรู้แล้วว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก

คนสมัยก่อนจุดไฟได้ ก็ได้เป็นหัวหน้าเผ่า ได้เป็นผู้นำ ปัจจุบันผมจุดไฟแช๊คไม่ยักมีใครมาสนใจ เพราะว่ามันเป็นเรื่องปกติ...

หลาย ๆ คนในเว็บนี้เขาก็ไม่ตื่นเต้นกันนะ เพราะเขารู้ว่ามันปกติ ไม่เห็นแปลกอะไร จะไปเที่ยว นรก สวรรค์ ผีสางนางไม้ พลังจิต โทรจิต
ติดต่อ สื่อสารระหว่างภพอะไรเนี่ย เมื่อรุ้ว่าจิตทำอะไรได้บ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ผมคนนึงล่ะที่ไม่ตื่นเต้นเมื่อเห็นรถมันวิ่งได้ เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่ารถมันวิ่งได้
แต่ถ้ารถหายตัวไปไหนมาไหนได้ ผมขอตื่นเต้นด้วยคนนะ...

บ่น ๆๆๆๆๆๆ..........

 

"กลุ่มเขากะลา" ถ้าคนมองจากภายนอกบางทีอาจนึกว่าเขาเพี้ยน เรื่อง ufo จนเป็นตุเป็นตะ แต่ประสบการณ์ที่เขาประสบมา กับการบอกเล่าแบบชาวบ้านที่อาจจะมีความรู้เชิงวิชาการน้อย แต่ถ้าวัดจากความบริสุทธิ์ใจ ความตั้งใจที่จะแจ้งข่าวเตือน เรื่องราวเหล่านั้นโดยไม่หวังสิ่งใดๆตอบแทน นี่ต่างหากครับคุณค่ามันอยู่ตรงนี้...

ที่ผมยืนยันได้เพราะผมเป็นคนหนึ่งที่บันทึกภาพด้วยกล้อง vdo ที่ ร.ร.สิงห์บุรีให้เขาได้ ภาพนั้นออกข่าวช่อง7สี จนเขามีหลักฐานที่พออ้างอิงได้ในเหตุการณ์ตอนนั้น เขากะลาก็เลยเป็นที่รู้จักตั้งแต่นั้นมา ภาพนั้นชัดขนาดเห็นรูปทรงด้านข้าง การสะท้อนแสงบนผิวโลหะผิว ความเร็วและทิศทางที่ผิดธรรมดา แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ เพียงไม่กี่วินาที แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้รู้ว่าการโทรจิตนั้นเกิดขึ้นจริง...และยังมีที่ผมบันทึกภาพไว้ไม่ทันในระยะใกล้ๆ ไม่ถึง150 เมตรอีกหลังจากนั้นอีก..ก็ไม่รู้จะปฎิเสธการไม่มีอยู่จริงของ ufo ได้อย่างไร? ตาไม่ฝาดแน่นอนครับ..

เป็นเรื่องที่รู้เฉพาะตัวครับเรื่องแบบนี้...แต่ก็ไม่ควรด่วนรีบปฏิเสธทันทีเพราะคิดว่า มันไม่น่าเชื่อ และไม่มีทางเกิดขึ้นได้ในประเทศไทย จะเชื่อก็แต่ฝรั่ง เพราะเห็นว่าเขาเก่ง มีข้อมูลที่ดูน่าเชื่อถือ และรับรองได้มากกว่า ก็ไม่เป็นไรครับ แต่หวังว่าวันหนึ่งคนไทยจะภาคภูมิใจเมื่อเวลาที่พิสูจน์ได้มาถึงครับ..

ผมเองก็ไม่ได้เชื่อไปทั้งหมด บางอย่างที่ผมเห็นก็ยังว่าไม่ใช่ ก็จะไม่ไปข้องเกี่ยวด้วย..เอาความคิดของเราวัดเอาเองได้ครับ..มองให้เป็นเรื่องน่ารู้ดีกว่า

 

นี่ใช่ฝีมือคุณ mead หรือเปล่าครับ



ภาพล่างรู้สึกจะ Stop จากวีดีโอ



เผลอแว่บเดียวจะสิบปีแล้วนะคุณ

 

ใช่ครับคุณ Zeus@ ภาพนี้ที่ โรงเรียนสิงห์บุรี เวลาประมาณ 6 โมงเย็น ฟ้ายังไม่มืดและท้องฟ้าโปร่งมาก ตั้งแต่ปี..ใช่ครับจะ 10 ปีแล้วคร้บ..นานเหมือนกัน
ส่วนภาพประกอบนั่นตามที่เขาสื่อมาบอกผ่านคุณลุงเชิดว่ามากันกี่คน ภายในมีอะไรอยู่บ้าง? แสดงว่าคุณสุดใจกับคุณวาสนาให้ข้อมูลคุณครบทีเดียวครับ..

ตอนที่ถ่ายภาพนี้ได้มารู้ทีหลังครับว่า เขา Scan Aura ทุกคนในวันนั้น (ราวๆ8,000-10,000 คนเต็มสนามฟุตบอล) กล้องTV ก็หลายตัว แต่นักข่าวถ่ายไม่ติด...เขาบอกว่าเขาเลือกคนที่จิตใจบริสุทธิ์ให้ถ่ายติด ภาพนั้นเขาบินผ่านหน้ากล้องผมเอง..ผมมารู้อีกทีตอนกรอดูที่บ้านครับ..
มีคนเห็นก็หลายคนที่ยืนข้างๆผมก็เห็น จะมีเสียงผู้หญิงคนนึงตะโกนว่า..
"นั่นไงๆๆ..นั่นลูกมัน...มานี่แล้ว..ไปโน่นแล้ว..." บรรยากาศวันนั้นน่าตื่นเต้นมากๆ ถ้าคุณ Zeus@ อยู่ด้วย..

 

ผมสารภาพ...ว่าอยู่นะครับ

แต่อยู่ด้วยการสังเกต ว่าจ่าเชิดทำอะไรนะ แล้วยังไงนะ อะไรประมาณนี้
แต่รู้อยู่แล้วว่าวันนั้น UFO ต้องมาให้เห็น เพราะกลางคืนก็มีมาเพิ่มอีก
แต่ๆๆๆๆๆ ผมมัวสนใจการกระทำของจ่าเชิดอยู่อ่ะัครับ ^^"
คือผมอยู่ แต่ว่าต่างมุม เพราะผมรู้ว่า UFO มาแน่ ๆ ครับ

 

เสียดายว่าคุณลุงเชิดไม่อยู่เสียแล้วครับ..ไม่งั้นคงได้เห็นอะไรมากกว่านี้ ตอนนี้ลูกๆท่านก็รับหน้าที่ต่อ โดยเฉพาะ "คุณวาสนา" จะสื่อได้ชัดที่สุด และก็ฝึกจิตเตรียมตัวช่วยเหลือกันคนอยู่..

วันนี้เพิ่งล่าสุดโทรคุยกับ"คุณสุดใจ" เล่าบรรยากาศที่เขาให้ผมฟังว่าเมื่อวัน "เข้าพรรษา"ที่ผ่านมา คุณโจ (บอยสเก้าส์ )กับคุณ สายฟ้า (เศรษบุตร) มาที่เขากะลาอีกรอบ แต่ฟ้าปิดเป็นเมฆสีเทาเต็มไปหมด ก็ขึ้นไปไหว้พระ จากนั้นไม่นานท้องฟ้าก็เริ่มเปิดออกจนเห็นดาวชัดบริเวณกลางศรีษะ แล้วก็มีเครื่องบินบินผ่านมาลำหนึ่ง(เปิดไฟตามปกติ) โดยมียานบินอีกลำเปิดไฟจ้าดวงเดียวบินประกบคู่อยู่ข้างๆกัน (คุณวาสนาได้รับสื่อแล้วบอกว่าเขาบินมาให้ดูเปรียบเทียบกัน..แต่ที่จริงแล้วลำแรกก็ใช่เขา เขาพรางตัวเป็นเครื่องบินมาให้พิจารณาด้วย)
ก่อนหน้านั้นคุณโจและคุณสายฟ้าก็เคยเห็นสิ่งแปลกๆที่นี่มาแล้ว เช่นดวงไฟสีแดงๆ วิ่งผ่านและสว่างวาบบนท้องฟ้า...จนต้องทำสารคดีออกมาชุดหนึ่ง

ถึงแม้เขากะลาช่วงนี้อาจดูไม่คึกคักเหมือนเมื่อก่อน แต่ดูแล้วเขาก็น่าจะยังวนเวียนอยู่แถวนี้ครับ! เมื่อก่อนช่วงที่ยานลงจอด คนไปดูกันแน่นเขา ทั้งไทยทั้งฝรั่ง หลวงพ่อที่อยู่บนเขาเห็นประจำ จนตอนนี้ไม่รู้ท่านไปอยู่ไหนแล้ว
คุณ Zeus@ ต้องเคยไปมาแน่ๆเลยครับ..คุ้นๆหน้าอยู่นะครับ..

 

UFO at Kao Kala,Nakhonsawan, Thailand
(รวบรวมไว้ที่นี่ครับ--การโทรจิตของกลุ่มเขากะลา)

การสื่อสารครั้งที่ 1

- มนุษย์ต่างดาวได้ติดต่อสื่อสารผ่านทางสมาธิจิตกับ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน เป็นครั้งแรก ในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2540 เวลาประมาณ 20.00 น. ขณะที่ท่านกำลังนั่งสมาธิอยู่ในห้องพระ และหลังจากวันนั้น มนุษย์ต่างดาวได้นำจานบินมาปรากฏให้ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน และครอบครัว ได้เห็นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 1 สัปดาห์

การสื่อสารครั้งที่ 2

- จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน และครอบครัว ได้เดินทางไปที่ งานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ ครั้งที่ 2 ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ในวันที่ 13-14 ธันวาคม พ.ศ.2540 เพื่อนำประสบการณ์เกี่ยวกับจานบินและมนุษย์ต่างดาวไปสอบถามผู้รู้และหาข้อมูลเพิ่มเติม

- เวลาต่อมามนุษย์ต่างดาวได้ทำการสื่อสารโดยส่งคลื่นผ่านร่าง นายชูชาติ ชื่นสำนวน (บุตรชาย) แล้ววาดภาพนัดหมายจะนำจานบินมาปรากฏให้เห็นในวันนี้ที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เวลาประมาณ 18.00 น. โดยการสื่อสารในครั้งนี้ได้มี ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย

- มีผู้สนใจจำนวนหลายร้อยคนต่างมารอชมจานบินของมนุษย์ต่างดาว จนเวลาประมาณ 17.50 น. มนุษย์ต่างดาวได้นำจานบินมาปรากฏให้เห็นตามที่นัดหมาย ซึ่ง นสพ.ไทยรัฐ ได้ลงตีพิมพ์ข่าวนี้ด้วย





การสื่อสารครั้งที่ 3

- วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2540 (วันรุ่งขึ้น) มีผู้ที่ได้พบเห็นจานบินจำนวนมากเดินทางมาที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และต้องการให้
จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน สื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวให้นำจานบินมาปรากฏให้เห็นอีกครั้งในวันนี้

-มนุษย์ต่างดาวได้สื่อสารผ่าน จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน และนัดหมายจะนำจานบินมาปรากฏให้เห็นครั้งต่อไป ในวันที่ 3 มกราคม พ.ศ.2541 ที่จังหวัดสิงห์บุรี

- รายการ เวที...วาไรตี้ โดย ดร.สมบูรณ์ แสงทอง เป็นพิธีกร ได้สัมภาษณ์
จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ผู้สื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 จำนวน 2 ครั้ง


การสื่อสารครั้งที่ 4

- หลังจากการนัดหมายที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง วันที่ 3 มกราคม พ.ศ.2541 ที่จังหวัดสิงห์บุรี จึงมีบุคคลมารอชมจานบินนับหมื่นคน

-เย็นวันนั้นก่อนเวลา 18.00 น. เล็กน้อย มีจานบินลำใหญ่มาปรากฏบนท้องฟ้าทำมุม 60 องศาจากพื้นดินลอยลำอยู่ หลังจากนั้นได้ปล่อยจานบินลำเล็กจำนวน 4 ลำออกมา แล้วบินผ่านผู้ที่กำลังรอชมอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนส่วนใหญ่มองเห็นได้ทัน บางท่านมองไม่ทันจึงคิดว่าไม่มีมา แต่มีผู้ชมกลุ่มใหญ่รวมทั้งช่างภาพสมัครเล่น 2 ท่าน มองเห็นจานบินทั้ง 4 ลำ และสามารถบันทึกภาพจานบินลำสุดท้ายไว้ได้ทัน










-ช่างภาพ 2 ท่าน ที่บันทึกภาพจานบินไว้ได้ ได้ทำการส่งภาพถ่ายจานบินไปให้สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สี ต่อมาได้มีรายการ มายาดอทคอม ซึ่งมีคุณจอห์น รัตนะเวโรจน์ และคุณลินดา ครอส เป็นพิธีกร ได้สัมภาษณ์ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน และครอบครัว ผู้สื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว ออกอากาศในรายการ มายาดอทคอม ทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 7 สี

-ผู้สื่อข่าวจัดทำสกู๊ปข่าวพิเศษ สัมภาษณ์ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน เพื่อออกอากาศทางโทรทัศน์ ช่อง 7 สี

-ช่างภาพสมัครเล่น 2 ท่าน คือ คุณอลงกรณ์ มุขธระโกษา มัณฑนากร จากกรุงเทพฯ ผู้เห็นจานบินและชี้ให้บันทึกภาพ

-คุณวัชรพล สุวรรณรักษ์ มัณฑนากร จากกรุงเทพฯ ผู้บันทึกภาพจานบินรูปสามเหลี่ยมไว้ได้ที่จังหวัดสิงห์บุรี

การสื่อสารครั้งที่ 5

- มนุษย์ต่างดาวได้นัดหมายจะนำจานบินมาปรากฎในงานตรุษจีนที่จังหวัดนครสวรรค์ วันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2541 ซึ่ง จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน พร้อมครอบครัว และช่างภาพสมัครเล่น ร่วมกันจัดนิทรรศการภาพถ่ายจานบิน บริเวณหาดทรายต้นแม่น้ำเจ้าพระยา





-ช่วงค่ำ มีวัตถุบินมาปรากฏเป็นระยะ ๆ จนถึงลำที่ 5 มนุษย์ต่างดาวส่งคลื่นผ่านผู้ชมท่านหนึ่ง ซึ่งกำลังทำสมาธิส่งจิตไปถึงจานบินที่กำลังบินผ่าน

-จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน กำหนดจิตสื่อสารกับคลื่นนั้นว่ามาจากที่ใด และได้ทราบว่ามันมาจากดาวพลูโต มันมาเพื่อเตือนภัยพิบัติ และให้ความช่วยเหลือเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์โลก

การสื่อสารครั้งที่ 6

- มนุษย์ต่างดาวได้สื่อสารผ่าน จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ให้หาสถานที่เป็นเนินเขา สำหรับการติดต่อสื่อสาร และให้จัดทำป้าย "กองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว" ติดตั้งไว้บนยอดเขาด้วย

-สถานที่เลือกคือ เนินเขากะลา หมู่ 10 บ้านพุตาฉิ่ง ตำบลพระนอน อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ 60000 ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน


การสื่อสารครั้งที่ 7

- ให้มีการจัดทำบุญบนยอดเขากะลา ตามประเพณีทางพุทธศาสนา ซึ่งมีผู้สนใจปรากฏการณ์จานบิน เข้าร่วมด้วยจำนวนมาก

หลังจากการสื่อสาร

- หลังจากการสื่อสาร 7 ครั้งที่ผ่านมา มีการจัดทำสมาธิ ปฏิบัติจิตบนเขากะลาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีจานบินมาปรากฏที่เขากะลาแห่งนี้อย่างต่อเนื่องด้วย จึงมีผู้สนใจแวะมาเยี่ยมเยียนหลายคณะ มีทั้งผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติด้วย

 

ภาพนี้นักท่องเที่ยวมาถ่ายได้ที่สุโขทัย.....

 

UFO : กับความเข้าใจผิดพลาด


แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงไม่เชื่อแม้ว่าจะมี

 

ไม่มีใครเถียงหรอกว่า มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่มีจริง เพราะมันไม่มีข้อพิสูจน์อะไร แต่ที่คนด่ากันคือ วิธีติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว และกิจกรรมต่างๆ ที่ว่ามนุษย์ต่างดาวมาพบบ้างอะไรบ้าง มันไม่น่าเชื่อถือ คนนั่งสมาธินาน ๆ จะมีนิมิตเกิดขึ้น ตามพื้นฐานความเชื่อเดิมของจิต ถ้าเปรียบกับคอมพิวเตอร์คือ โปรแกรมจัดการระบบ มันกลับไป Run เอาความเชื่อดั้งเดิมในจิตใต้สำนึก ออกมาสร้างสมการ Simulation ในจิต ทำให้เจ้าตัวคิดว่าภาพที่เห็นเป็นภาพจริงๆ ทั้งๆ ที่เป็นภาพที่ จิตหรือ CPU ในสมองของคน ๆ นั้นเองสร้างขึ้น เพราะนั่งสมาธิ มันมีข้อผิดพลาดได้ ที่อาจจะกลายเป็นการ "สะกดจิตตัวเอง" เมื่อจิตพ้นการควบคุมของโปรแกรมจิตสำนึก โปรแกรมที่ซ้อนเอาไว้ใต้ระบบก็ Run เองโดยอัตโนมัติ ก็เลยหลงเขาใจว่า ตัวเองติดต่อกับใครต่อใครได้

คิดตรรกะง่ายๆ หากเราเจริญขนาดเดินทางไปดาวดวงอื่นๆ ได้ในอนาคต เราจะไม่ลงไปติดต่อกับ "สิ่งมีชีวิต" ที่มีอารยธรรมบนดาวดวงนั้นเชียวหรือ ผมว่าขี้คร้านที่เราจะเร่ง รายงานกลับดาวโลกว่า "ด่วนพบสิ่งมีชีวิติที่มีอารยธรรม" ที่มีเมือง มีภาษา แล้ว ขออนุญาติ ติดต่อด่วน

ดูตัวอย่างง่ายๆ โคลัมบัส พบอเมริกา ก็ขนตัวอย่างกลับมากมาย และก็เดินทางกลับไปอีกหลายเที่ยว ติดต่อคนพื้นเมือง ทันทีที่ทำได้ ไม่เห็นต้องทำลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนมนุษย์ต่างดาวที่ชาวโลกเราทุกวันนี้อ้างว่าพบเห็นจานบิน ซึ่งสันนิษฐานว่า "ไม่จริงร้อยละ 99.99999" เขาอาจเห็นอะไรจริงๆ แต่ไม่ใช่ยานของมนุษย์ลับๆ ล่อๆ อะไรนั่นแน่นอน"

ถ้ามนุษย์ต่างดาวนั่นมีอารยธรรมขนาดเดินทางไปกลับได้หลายเที่ยว เหมือนปกติด ก็คงติดต่อมาแล้ว
อาจมีมนุษย์ต่างดาวเคยมาโลกในอดีต แต่ก็คงเป็นยานสำรวจธรรมดา และกลับไปแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีก อาจกลับมาในอนาคต แต่ถ้ากลับมาจริง ก็คงติดต่อกับมนุษย์อย่างเป็นทางการ ถ้าเห็นดวงที่มีสิ่งมีชีวิต มีสิ่งก่อสร้างเยอะขนาดนี้ คุณคงไม่แค่แอบมาบินลับๆ ล่อ ๆ เหมือนสายลับเล่นซ้อนหากันอย่างทุกวันนี้ และก็คงไม่มีสิ่งมีชีวิตที่มีอารยธรรมขนาดเดินทางข้ามจักรวาลได้ จะไม่มีความคิดสูงส่งขนาดไม่รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร เหมือนเด็กเล่นซ้อนหา เขาคงมีอารยธรรมทั้งจิตใจ และเทคโนโลยีสูงกว่ามนุษย์ เพราะหากต่ำกว่า แต่มีเทคโนโลยีขนาดนี้ คงรบกันฆ่ากันตายหมดแล้ว (เดินทางข้ามดวงดาวได้คงมีระเบิดที่ร้ายกว่านิวเคลียร์แน่ หากจิตใจไม่สูงมันก็คงเอาไปใช้ฆ่ากันเองก่อน เหมือนชาวโลกเรากำลังรบกันอยู่ในบางที่เป็นแน่)

แต่ที่เห็นรายงาน มนุษย์ต่างดาวที่อ้างว่าพบนี้มี พฤติกรรม ลับๆ ล่อ ๆ เหมือนคนที่ทำอะไรผิด มีปมด้อย หรือมีความคิดไม่ดี จึงไม่กล้าลงมาพบมนุษย์ จะอ้างว่า พวกเขามี "อารยธรรมสูงจนไม่อยากพบมนุษย์" เป็นคำอ้างที่ไร้สาระ เพราะไม่อยากพบแล้วเดินทางมาทำไม เรายังอยากติดต่อกับลิงแซมเปียนซีเลย

ถ้า ดร.เทพพนม ติดต่อมนุษย์ต่างดาวได้ ก็คงเป็นการใช้ Telepathy และมนุษย์ต่างดาวที่มาพบดร. เทพพนม คงใช้ Teleportation เดินทางมา (คือเดินทางผ่าน Wormhole โดยใช้พลังจิตสร้าง Wormhole แล้วเดินผ่าน Wormhole นี้ ซึ่งก็จะทำให้ไปที่ใดก็ได้ในเอกภพ โดยใช้เวลาเป็นศูนย์ คือผลุบจากที่หนึ่งก็ไปโผล่อีกที่หนึ่งเลย เหมือนในเรื่อง X-men ที่มนุษย์มีหางตัวเขียวใช้ teleport ได้แต่สั้น ๆ) ถ้าเดินทางได้อย่างนี้จริงก็คงมาเยี่ยมโลกบ่อยๆ คงมี เอกอัครราชทูตประจำโลกไปแล้ว คงไม่มาทำลับๆ ล่อ ไม่กล้าโชว์ตัว เหมือนคนมีความผิด และถ้าทำได้จริง คงไม่เลือกติดต่อ ดร.เทพพนม คงติดต่อ จอร์จ บุช ดีกว่า ติดต่ออะไรกับคนแก่ ๆ ที่ไม่มีอำนาจอะไร และมนุษย์ต่างดาวนี้ก็ทำตัวเป็นแบบ Passive คือ ต้องมีคนติดต่อไปก่อน จึงติดต่อกันได้ หากมีพลังจิตระดับนั่น ก็คงใช้โทรจิต ติดต่อใครก็ได้

แต่มนุษย์ต่างๆ ดาวของ ดร.เทพพนม นี่น่าตลก คือใคร ฝึกสมาธิตามแบบ ดร.เทพพนม ก็ติดต่อได้ ขอให้ช่วยอะไรก็ได้ เหมือนกับมี Procedure หรือ Protocol เฉพาะเอาไว้ติดต่อ แล้วสิ่งที่มนุษย์ต่างดาวช่วยเหลือ มันเหมือนกับ พวก "ขอพรพระเจ้า" มาแก้ปัญหาชีวิต หากเขาทำอย่างนั้นได้จริงก็คงเป็น God ไม่ใช้มนุษย์ต่างดาว แต่ God ไม่สามารถเปลี่ยนชะตากรรมได้หรอก สรุปวิธีการหรือ Protocol ของ ดร.เทพพนม คือ "ลัทธิทางศาสนา" อย่างหนึ่ง คือ "ลัทธิที่มีมนุษย์ต่างดาวเป็นพระเจ้า" จะต่างกับ คริสต์ อิสลาม ฮินดูตรงไหน นอกจาก สร้างพระเจ้าชื่อ แปลก ๆ ขึ้นมาอีก องค์หนึ่ง ชื่อ "มนุษย์ต่างดาว"

สรุป เป็นนิกาย "มนุษย์ต่างดาว"

 

เหตุที่การปรากฎตัวของจานบินในมิติของโลกเกิดขึ้นได้ยาก และพบเห็นโดยมนุษย์ได้น้อยคน

เหมือนมีกฎทางกายภาพอยู่สิ่งนึง คือการมีที่ "มิติของเวลาที่แตกต่างกัน"จึงเกิดการบิดเบือน มักปรากฎไม่ชัดเจน เห็นเป็นเงาลางๆ (คล้ายๆที่ผมบันทึกภาพไว้ได้) หรือเป็นแสงจ้า เนื่องจากอยู่ต่างมิติ ต่างเวลา การปรากฎตัวจะถูกพรางด้วยมิติของเวลาที่แตกต่างกัน ความชัดเจนของรูปทรงจะลดน้อยลง..เพราะมันมีเส้นแบ่งนี่เอง บางครั้งเขาอาจอยู่ในสภาพที่กำลังปรับตังเองให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม เมื่อคลื่นความถี่ตรงกันพอดี เขาก็จะปรากฎตัวได้ชั่วขณะ แต่ไม่ได้ตลอดเวลาครับ..ไม่ได้หมายความว่าเขามาทำลับๆล่อๆนะครับ...
แต่การปรากฎตัวนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เวลาก็ต่างกัน ค่าสนามแม่เหล็กก็แตกต่างกัน..ภาพที่คุณเห็นอาจคล้ายๆภาพมิราจ หรือภาพวิญญาณนั่นละครับ อยู่คนละมิติกัน จึงมีความผิดพลาดได้ในการปรากฎตัว หรือบางทีก็มาตกในโลกของเราซึ่งก็เกิดขึ้นได้ หรือไม่ตั้งใจมาปรากฎตัวให้เห็น แต่เราก็เห็นกันจากกล้องถ่ายภาพบางประเภทได้ครับ...

แต่ถ้าหากมาปรากฎจนเห็นรูปทรงชัดเจน และสามารถบันทึกภาพได้นั้น อาจเนื่องจากอยู่ในมิติเวลาเดียวกันกับโลกของเรา วัตถุธาตุใกล้เคียงกัน จะมองเห็นแสงเงาเป็นโลหะที่คล้ายกับบนโลก...พวกนี้อาจอยู่ในระบบสุริยะใกล้ๆกันกันเรา หรือเวลาใกล้เคียงกันกับโลกของเราครับ...(บางที่ผมยังรู้สึกว่าเขาใช้วิธีครอบมิติ หรือฉายภาพเสมือนมาให้ดูด้วยซ้ำ เพราะเทคโนโลยี่ที่เขาทำได้ และไม่ต้องเดินทางมาทุกครั้งให้สิ้นเปลืองพลังงานหรือเวลา)

เขาจึงใช้จิตในการติดต่อ เพราะเป็นสื่อที่ง่ายกว่าไงครับ...เช่นการโทรจิต ส่งข่าวสารไปมาระหว่างกัน บางกลุ่มก็ไม่มีจานบิน ต้องใช้"จิต"เป็นภาษาสากลครับ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับจิตที่มีสมาธิของแต่ละท่านว่ามีอุปทานกันหรือไม่? ซึ่งก็เกิดขึ้นได้เช่นกันดังที่คุณ nondanun กล่าวไว้ คือต้องพิจารณากันด้วยสติปัญญาเท่านั้นครับ..

จริงๆการปรากฎตัวของวัตถุบินเหล่านี้ ที่คนเราส่วนมากคาดหวังให้เห็นชัดเจน หรือให้ลงมาสัมผัสมือแบบเป็นๆนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ "ผิดกฎของจักรวาล"แน่นอนครับ เขาก็ต้องรักษากฎเหล่านั้นเช่นกัน จะปรากฎตัวต้องมีเหตุจำเป็นจริงๆ หรือไม่ก็ลักลอบทำ แอบทำการทะลวงมิติเข้ามาอาจที่ไม่หวังดีกับโลกก็มี ต้องระวังเช่นกัน ดังนั้นอะไรก็ตามที่ผิดสังเกตก็พิจารณากันด้วยนะครับ..เพราะการเข้าใกล้เขาในระยะกระชั้นชิดก็เป็นอันตรายมาก จากรังสีหรือสนามแม่เหล็กที่มากเกินควร..การมีอยู่ในมิติคู่ขนานนั้นนเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอนครับ ดังนั้นเราควรรับรู้ไว้บ้าง เพื่อให้คลายสงสัยในเรื่องเหล่านี้...

 

จากแนวความคิดของคุณ nondanon
ผมเองก็มิได้คัดค้าน หรือสนับสนุนอย่างไร เพราะเรื่องการทำสมาธิ เท่าที่ผมมีประสบการณ์ อาจเป็นจริง ที่เป็นการสะกด "จิต" หรือ อาจเป็นการ ขัดเกลา "จิต" ผมมิทราบ ยังต้องฝึกสมาธิ และค้นคว้าต่อไป
-ส่วนประสบการณ์ท่านอื่น ๆ ผมมิทราบ
-ประสบการณ์ที่ทำสมาธิแล้ว UFO มาคุยด้วย ยังไม่เคยปรากฎ
-ประสบการณ์ที่ฝึกสมาธิ แล้วบังเอิญพบวัตถุบินที่ไม่สามารถระบุได้ เกิดขึ้นจริง อาจบังเอิญ จริง ๆ

ส่วนที่ ศ.ดร.นพ.เทพนมอ้าง ผมมิทราบ เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่...ได้รับเทปบันทึกการสนทนา ซึ่งไม่แน่ใจว่าท่านจะ discredit ตัวท่านเอง เพื่ออยากดังหรือเปล่า

แต่...(แต่ๆๆๆๆๆ) ที่ จ่าเชิด ได้กระทำนั้น ผมพิสูจน์ยังไม่ได้ เพราะเจอกับสองตา


ยอมรับว่าแปลก แต่ผม นิยมการรับรู้เรื่องศาสตร์และแนวความคิดใหม่ ๆ


เพราะผมมี "แนวคิดส่วนตัวที่ว่า"

1. สิ่งที่ได้เรียนรู้มา มิอาจสร้างสันติสุข และหยุดสงครามได้
2. ทรัพยากรที่มีอยู่ ล้วนถูกกลืนโดยผู้ที่มีความรู้ด้านทรัพยากร ดี กว่าใคร ๆ
3. การอ้าง มนุษย์ชาติ และ ความสะดวกสบาย ผมไม่เห็นด้วยในระยะยาว

4. ผมไม่ได้ Conservative เท่าไรนัก ผมยังบริโภคอยู่ แต่อย่างน้อยผมก็ไม่เห็นด้วยกับ การผลาญทรัพยากรโลก เพื่อ "มนุษย์"

* ผมเริ่มคิดว่า ผมกำลังเรียนรู้ัในศาสตร์ที่ผิด ครับ
* มองจากมุมกว้างนะครับ ไม่ใช่หยิบเฉพาะประเด็น...

เอ่อ...ผมถูกสอนมาให้เชี่ยวชาญทางด้านวิทยาศาสตร์และฟิสิกส์ขั้นสูง แต่ผมไม่สามารถอธิบายความบังเอิญของการที่พบโดนผีหลอกได้ครับ คือ ผมเคยเจอผี พร้อมกับครอบครัวทั้ง 4 คน พร้อม ๆ กัน อย่าง ยาวนานกว่า 6 ชม.
ผมเลยไม่แน่ใจศาสตร์ที่ผมมี ก็เท่านั้นเองขอรับ