การทำสังฆทานที่ถูกต้องคือ...

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย titapoonyo, 18 มกราคม 2010.

  1. titapoonyo

    titapoonyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,133
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,769
    เรียนถามท่านผู้รู้ครับ..
    คือผมได้ข้อมูลเรื่องการทำสังฆทานมาจาก 2 ที่ ซึ่งไม่เหมือนกันครับ เลยไม่แน่ใจว่าแบบไหนที่ถูกต้องครับ..

    แหล่งข้อมูลที่ 1 กล่าวว่า
    การทำสังฆทานที่ไม่ถูกต้องในปัจจุบัน

    ชาวพุทธในปัจจุบัน เข้าใจผิดว่าการถวายสังฆทาน คือ การนำของใส่ถังไปถวายพระหนึ่งรูปบ้าง สองรูปบ้าง แท้จริงแล้วการทำบุญแบบนั้นเป็นสังฆทานที่ผิดได้บุญต่ำ บางสิ่งอาจได้ทำบาปอีกด้วย ถ้ามีการถวายเงินแล้วพระรับกับมือหรือครอบครองเงินนั้นไว้กับตัว

    การถวายสังฆทานที่ถูกต้อง
    วิธีการปฎิบัติที่ถูกต้อง
    1. ต้องเป็นอาหารที่พระฉันได้ในเวลานั้น และต้องถวายก่อนเที่ยงเหมือนกับการถวายภัตราหารเพลพระนั่นเอง
    2. ต้องกล่าวคำถวายสังฆทาน ดังนี้ “อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ ภัตตานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคันหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะฯ” (ในหัตถบาสใช้อิมานิ นอกหัตถบาสใช้เอตานิ)
    3. พระตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไป (ครบองค์สงฆ์) พระน้อยกว่า 4 รูป ไม่สามารถรับสังฆทานได้ เป็นบาป เพราะเป็นเพียงบุคคลเท่านั้น เมื่อพระครบ 4 รูป จึงจะถือว่าเป็นสงฆ์ จะถวายพระ 1 รูป ได้ก็ต่อเมื่อ พระรูปนั้นเป็นพระอรหันต์ เพราะท่านเองเป็นสงฆ์นั่นเอง
    4. จะต้องทำการอุปโลกข์สังฆทาน
    หลังจากที่พระรับสังฆทานแล้ว พระรูปที่ 2 จะต้องทำการอุปโลกข์สังฆทาน (คือ ประชุมสงฆ์ เพื่อทำการแบ่งปันอาหารมาตามลำดับจนถึงให้ญาติโยม) หากไม่ได้ทำการอุปโลกข์ อาหารทุกชิ้นที่เป็นของสงฆ์ ใครจะนำไปกินไม่ได้เด็ดขาด พระบางรูปจะบอกยกให้ก็กินไม่ได้ แม้แต่พระผู้รับสังฆทาน ก็จะฉันไม่ได้ ถ้าผู้ใดกินเข้าไป เมื่อตายไปแล้วต้องไปเกิดเป็นเปรตประมาณ 92 กัลป์ (1 กัลป์ คือ 6,420 ล้านปี) ดังนั้นจึงถือเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมากของชาวพุทธที่ไม่รู้ธรรมะ

    คำอุปโลกข์สังฆทานก็คือ ยัคเฆ ภัณเต สังโฆ ชานาตุ อะยัง ปะฐะมะ ภาโค มะหาเถรัสสะ ปาปุณาติ อะวะเสสา ภาคา อัมหากัง ปาปุณาติ

    การถวายพระแค่ 1 รูปที่ไม่ใช่พระอรหันต์จึงไม่ถือว่าเป็นสังฆทาน



    แหล่งข้อมูลที่ 2 กล่าวว่า

    การทำทานกับพระภิกษุสงฆ์เพียงหนึ่งรูป แต่จะให้ได้อานิสงฆ์ผลบุญมาก ไม่ว่าจะเป็นการนำถังเหลืองไปถวายพระที่วัด (ถ้าจะให้ดีควรประกอบด้วย อาหาร เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค + หนังสือธรรมะ) คือ ก่อนถวายพระให้เรานึกอธิษฐานในใจว่า "ทานอันนี้ข้าพเจ้าขอถวายแด่สงฆ์โดยไม่เจาะจง"
    เพียงเท่านี้ก็เหมือนกับเราได้ทำสังฆทานแล้ว (แต่ตอนถวายต้องกล่าวคำถวายสังฆทานแบบที่ติดมากับถังเหลืองนะ) โดยผ่านตัวแทนคือพระรูปที่เราถวายทาน แล้วพระท่านจะนำไปแจกจ่ายแก่สงฆ์เอง แต่หากท่านนำไปเก็บไว้ใช้แต่ผู้เดียวก็จะเป็นบาปแก่ตัวท่าน


    สรุปว่าแหล่งข้อมูลไหนกล่าวได้ถูกต้องครับ หรือว่าถูกทั้งหมดครับ..... :(
     
  2. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    เจ้าของกระทู้อยู่ที่จังหวัดเลย มีพระสุปฏิปันโนเยอะมากเลยนะครับ ลองไปสอบถามกับหลวงปู่หลวงพ่อก็ได้ครับ เป็นการสอบทาน

    ขอตอบว่า แหล่งข้อมูลที่ 2 มีความชัดเจนกว่า เพียงแต่ว่า การที่เราอธิษฐานในใจนั้น ถ้าจะให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ควรกล่าวคำถวายนะครับ เอาเป็นภาษาไทยก็ได้ เวลาผมถวาย ผมถวายอย่างนี้ครับ

    "ข้าแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย คณะสงฆ์ทั้งหลายในวัดแห่งนี้ ข้าพเจ้าขอน้อมถวาย...... เป็นเครื่องสังฆทานแด่พระสงฆ์ทั้งหลาย ขอพระสงฆ์ทั้งหลายโปรดรับ.... เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขของข้าพเจ้าทั้งหลายสิ้นกาลนานเทอญ"

    คือ จิตของเราเป็นเรื่องสำคัญนะครับ การกล่าวคำถวายเป็นภาษาบาลีนั้นเป็นเพียงพิธีการ แต่จะไม่กล่าวเลย ก็จะมีปัญหาว่าพระท่านจะรู้ได้อย่างไร เราจะแสดงเจตนาให้ประจักษ์ชัดได้อย่างไร ดังนั้นเราสามารถกล่าวคำถวายเป็นภาษาไทยก็ได้ ผมถวายมาไม่รู้กี่วัดแล้วครับ

    แต่ไปเจออยู่วัดหนึ่ง มีหลวงปู่ที่ท่านไม่ใช่พระธรรมดาอยู่รูปหนึ่ง พอจะถวายปุ๊ป ท่านบอกว่าเธอวางไว้ตรงนั้นแหละ ท่านให้วางไว้ข้างหน้าท่าน ไม่ต้องรับประเคน ซึ่งตรงนี้หากใครไม่เข้าใจ ไปกล่าวหาว่าท่านทำผิด ตัวผู้กล่าวหานั่นแหละจะโดนโทษหนัก

    ที่บอกว่า การทำทานกับพระเพียงหนึ่งรูป ก็เป็นการถวายสังฆทานนั้น ตรงนี้ต้องเข้าใจว่า เราเจตนาจะให้พระที่รับนั้น ท่านรับในฐานะตัวแทนของสงฆ์ ดังนั้น จะอธิษฐานในใจไม่น่าจะพอ แต่ต้องบอกกล่าวเจตนาให้ท่านทราบด้วย หากท่านรับแล้ว ท่านเก็บไว้ใช้ส่วนตัว ท่านก็ถูกปรับโทษ

    การถวายสังฆทานนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นอาหาร อะไรที่เป็นสิ่งอุปโภคบริโภคซึ่งเหมาะสมกับเพศบรรพชิต ไม่ขัดกับพระธรรมวินัย ก็สามารถถวายเป็นสังฆทานได้ครับ

    เอาละ ทีนี้ผมขอตั้งคำถามบ้าง เราคงเคยไปวัดบางวัดที่มีหลวงปู่หลวงตามานั่งรับสังฆทานถังเหลืองใช่ไหมครับ สมมติเราเห็นพระที่ทางวัดมอบหมายให้มานั่งรับสังฆทานแล้วไม่ศรัทธา ก็เลยเดินไปหาพระอีกรูปหนึ่งซึ่งเรารู้สึกศรัทธามากกว่า หรือเรารู้จักคุ้นเคย เราจะขอถวายสังฆทานกับพระรูปนั้นได้หรือไม่ หรือจะต้องเดินกลับไปถวายสังฆทานกับพระที่วัดมอบหมายให้มานั่งรับสังฆทานโดยเฉพาะ ?
     
  3. titapoonyo

    titapoonyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,133
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,769
    ขอบคุณสำหรับคำตอบมากครับ...ผมเข้าใจชัดเจนแล้วครับ
    ขอตอบคำถามกลับมั่งครับ ไม่รู้ตอบถูกรึเปล่า..55

    ถ้าเราเลือกชอบไม่ชอบก็แสดงว่าจิตเราไม่ใช่สังฆทานแล้วสินะครับ ดังนั้นเราควรเลือกถวายกับพระรูปแรกที่ทางวัดเตรียมไว้ให้ และไม่ต้องไปมองที่ตัวท่านแต่ให้ตั้งจิตว่า ขอถวายทานนี้แบบไม่เจาะจงแด่สงฆ์..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2010
  4. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    คำถามนี้ตอบได้หลายแง่มุม ขอเกริ่นไว้ก่อนว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวแทนสงฆ์ที่มารับครับ เดี๋ยวผมขอไปตอบอีกกระทู้นึงที่ตั้งไว้ เผอิญนึกถึงตัวอย่างอุปมาอุปมัยได้ครับ ส่วนกระทู้นี้ค่อยตอบพรุ่งนี้แล้วกันครับ วันนี้ดึกแล้วครับ
     
  5. อารมณ์ดี

    อารมณ์ดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +550
    อนุโมทนาบุญ

    [MUSIC][/MUSIC]ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ เรื่องการทำสังฆทาน แต่มีปัญหานิดหนึ่ง คือเวลาเราไปวัดถวายทานแล้ว หลวงพ่อกล่าวว่าอาหารที่เหลือนี้อนุญาตให้ญาติโยมรับประทานกัน แต่เราไม่รู้ว่าท่านกล่าวคำบาลีหรือไม่ อย่างนี้บาปไหมคะ
     
  6. ศรีมรกต

    ศรีมรกต Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2009
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +26
    ทุกอย่างเป็นสมมุติอย่ายึดติดให้ดูที่เจตนา
     
  7. titapoonyo

    titapoonyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,133
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,769
    ชัดเจนครับ:cool:
     
  8. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ถ้าคำว่า "ชอบ" ในที่นี้หมายถึงเราศรัทธาในหลวงปู่หลวงตารูปนั้นรูปนี้ เพราะท่านเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เราเลยไปถวายสังฆทานกับท่าน แต่เจตนาของเราคือประสงค์ให้ท่านเป็นตัวแทนของสงฆ์เพื่อรับสังฆทานแทนคณะสงฆ์ทั้งหลาย ไม่ใช่ประสงค์ให้สิ่งของนั้นเป็นของท่านเพียงรูปเดียว อย่างนี้ถือว่ายังเป็นสังฆทานอยู่ครับ เปรียบเสมือนเราเลือกนาบุญอันประเสริฐนั่นแหละครับ ซึ่งจะตรงกับหลักที่ว่า "ผู้รับบริสุทธิ์"

    แต่ถ้าเราศรัทธาในหลวงปู่หลวงตารูปนั้นรูปนี้ เราก็เลยอยากถวายของสิ่งนั้นสิ่งนี้ให้หลวงตาใช้โดยเฉพาะเจาะจง อย่างนี้ก็ไม่ใช่การถวายสังฆทาน

    เรื่องการถวายกับพระรูปแรกที่ทางวัดเตรียมไว้ให้นั้น ขอให้ยึดหลักเราสบายใจดีที่สุด คือทำบุญต้องทำแบบสบายใจ อิ่มใจ ถ้าเรายินดีที่จะถวายกับหลวงปู่หลวงตารูปนั้นรูปนี้ ก็ทำได้ แต่ต้องอย่าลืมว่าเราถวายเพื่อให้ท่านเป็นตัวแทนของคณะสงฆ์นะครับ อย่างนี้จึงจะเรียกว่าเป็นการถวายสังฆทาน

    เพราะฉะนั้น ย้อนกลับไปที่คำถามของผม เราเดินไปเจอพระรูปอื่นซึ่งไม่ใช่ทางวัดจัดเตรียม เราจะถวายสังฆทานกับท่านก็ได้ ไม่ใช่ว่าเราจำเป็นต้องถวายกับพระรูปที่ทางวัดจัดเตรียมเท่านั้น

    พูดง่ายๆคือ การถวายสังฆทานนั้น เจตนาของผู้ให้ประสงค์จะให้เป็นสมบัติของสงฆ์ เพียงแต่หาตัวแทนคณะสงฆ์มารับเท่านั้นเอง ซึ่งการจะหาตัวแทนคณะสงฆ์มารับนี้เป็นความสมัครใจ เป็นวิจารญาณของผู้ถวายว่าประสงค์จะถวายให้พระรูปไหนเป็นตัวแทนของคณะสงฆ์นั่นเอง
     
  9. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ไม่บาปหรอกครับ ขอเพียงท่านอนุญาตก็พอ จริงๆถ้าเราฟังเป็นภาษาไทยก็น่าจะเข้าใจดีกว่านะครับ
     
  10. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    สมมติว่าข้างบ้านเรามีวัดอยู่วัดหนึ่ง เราก็ไปถวายสังฆทานอยู่บ่อยครั้ง วันดีคืนดีก็มีคนมาทักท้วงว่า จะเป็นการถวายสังฆทานได้อย่างไร เดือนทั้งเดือน ปีทั้งปี คุณเล่นถวายอยู่วัดนี้วัดเดียว ถ้าจะเป็นการถวายสังฆทาน คุณต้องไปถวาย 7 วัด 9 วัด โน่นเลย แล้วเราจะว่าอย่างไร ?
     
  11. titapoonyo

    titapoonyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,133
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,769
    อืม..ผมคงตอบไปว่า เจตนาเราไม่เฉพาะเจาะจงว่าจะต้องถวายวัดนี้ แต่ที่ไปวัดนี้เพราะอยู่ใกล้สะดวกแก่เรา ส่วนทานที่เราให้ไปแด่สงฆ์นั้น ก็สุดแล้วแต่ท่านจะแจกจ่ายภายในวัดหรือไปที่ใด เพราะเป็นของสงฆ์แล้ว..สรุปทำที่วัดไหนก็เป็นสังฆทานเหมือนกันแล้วจะถ่อสังขารไปทำไกลๆ ทำไมล่ะ 555
     
  12. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ความเจริญในธรรมมีทางที่จะเกิดขึ้นได้ประการหนึ่งนั่นก็คือ โยนิโสมนสิการ ซึ่งแปลว่า รู้จักคิด รู้จักไตร่ตรอง

    ในทางศาสนาพุทธเรานั้น ถือว่าใจเป็นใหญ่ ใจเป็นสำคัญ ทานก็ดี ศีลก็ดี ภาวนาก็ดี สุดท้ายลงที่คำว่า "ใจ"

    การทำทานนั้น หากไม่เริ่มต้นด้วยใจ ทานนั้นจะสำเร็จหรือไม่ ทานนั้นจะบริบูรณ์หรือไม่ ก่อนที่จะให้ทาน ต้องมีใจที่จะให้เสียก่อน ใจมาอันดับหนึ่ง

    การรักษาศีลนั้น จะเริ่มต้นได้ก็ต้องรักษา "ใจ" ไม่ให้คิดเบียดเบียนคนอื่น ให้ใจนั้นเกิดความเมตตา รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา นั่นจึงจะเป็นการรักษาศีลอย่างสมบูรณ์

    ส่วนการภาวนานั้น ย่อมเป็นการฝึกใจโดยตรง ฝึกให้ใจสงบ ใจรวมเป็นหนึ่งเดียว เมื่อใจรวมเป็นหนึ่งเดียว ก็จะเกิดพลัง เกิดปัญญา

    จึงขอสรุปว่า ทาน ศีล ภาวนา สำคัญอยู่ที่คำว่า "ใจ" นั่นเอง

    ขอให้ท่านทั้งหลายเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป
     
  13. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=3 border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff colSpan=2 height=65>อานิสงส์ถวายสังฆทานและวิหารทาน [​IMG]



    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=61 bgColor=#ffffff>ผู้ถาม</TD><TD vAlign=top width=435 bgColor=#ffffff>ถ้าเราตั้งจิตจะถวายสังฆทาน แต่ว่าไม่ได้บอกเล่าคะ ?

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>หลวงพ่อ</TD><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>ถ้าตั้งจิตแต่ไม่ได้บอกก็ไม่ได้ยิน เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าพระนั่งฉันอยู่ตั้งแต่ ๔ องค์ขึ้นไปหนูเอาของไปถวายเอาน้ำไปถวายถ้วยเดียว ก็เป็นสังฆทานทันที ไม่ต้องบอก ถ้ามีพระตั้งแต่ ๔ องค์ขึ้นไปนะ ถ้าองค์เดียวต้องบอก แล้วเขาจะเก็บไว้เป็นสังฆทานเลย จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างอื่นคนรับก็ไปนรกซิ ผู้ให้ไปสวรรค์เพราะว่าถวายทานเป็นส่วนบุคคลกับถวายเป็นสังฆทาน อานิสงส์มันต่างกันหลายแสนเท่า แล้วก็ยังมีอีกเวลาหนึ่ง ถ้าพระออกจากสมาบัติ นี่คูณหนักเข้าไปอีกไม่รู้เท่าไร การถวายสังฆทานนี้มีอานิสงส์มาก ความจริงถ้าจะพูดถึงอานิสงส์กันจริง ๆ ละก็ รู้สึกว่าจะมากกว่าจัดงานที่บ้านที่วัดตั้งเยอะแยะ ทั้งนี้เพราะว่าอะไร เพราะว่าถวายสังฆทาน เราทำกันแบบเงียบ ๆ ไม่มีกังวลการบำเพ็ญกุศลแต่ละคราว ถ้ามีกังวลมากอานิสงส์มันก็น้อย ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าจิตที่เราเข้าสู่กุศล มันห่วงงานอื่นมากกว่า ไม่ตั้งจิตโดยเฉพาะและโดยเฉพาะอย่างยิ่งการถวายสังฆทาน คำว่าสังฆทานก็หมายความว่า ถวายสงฆ์ในหมู่ตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ตามพระวินัยท่านเรียกกันว่าคณะสงฆ์ ถ้าต่ำกว่านั้นเป็นคณะบุคคล ถ้าบุคคลเดียวเป็นปาฏิปุคคลิกทาน ทานโดยเฉพาะ ทีนี้การถวายสังฆทานแก่พระสงฆ์เป็นหมู่นี้มีอานิสงส์มาก


    </TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>ผู้ถาม</TD><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>การที่เราทำบุญใส่บาตร ตามหน้าบ้านกับพระที่เรารู้จักตามวัด แล้วไปทำที่วัด อันไหนจะมีอานิสงส์มากกว่ากันเจ้าคะ.....?</TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>หลวงพ่อ</TD><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>ถ้าฉันตั้งแต่ ๔ องค์ขึ้นไป เป็นสังฆทานมีอานิสงส์เหมือนกัน แต่ถ้าหากท่านฉันตั้งแต่ ๑ องค์ ถึง ๓ องค์ อย่างนี้เป็น"ปาฏิปุคคลิกทาน</TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>ผู้ถาม</TD><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>มีอานิสงส์มากไหมคะ......?</TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>หลวงพ่อ</TD><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>"มีโยม ถ้าเป็นปาฏิปุคคลิกทาน ถ้าวัดกันตามลำดับแย่นะ ไล่เบี้ยตั้งแต่ให้ทานกับ คนไม่มีศีล จนถึง พระอรหันต์ มีอานิสงส์ไม่เท่ากัน แต่จะพูดสรุปโดยย่อว่า
    ให้ทานกับพระอรหันต์ ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับ พระพุทธเจ้า ๑ ครั้ง ให้ทานกับพระพุทธเจ้า ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายสังฆทาน ๑ ครั้ง
    และถ้า ถวายสังฆทาน ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับ ถวายวิหารทาน ๑ ครั้ง
    คือสร้างวิหาร มีการก่อสร้างเช่นสร้างส้วม ศาลา การเปรียญ กุฏิ โบสถ์ วิหาร เป็นต้น
    การถวายสังฆทาน ๑ ครั้งในชีวิต และก็ถวายด้วยจิตที่บริสุทธิ์มีศรัทธาแท้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า ผลของสังฆทานนี้จะดลบันดาลให้แก่บุคคลผู้ถวายเกิดไปทุกชาติขึ้นชื่อว่าความยากจน เข็ญใจไม่มี ในแดนใดที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากลำบากขัดสน คนที่ถวายสังฆทานแล้ว จะไม่เกิดในที่นั้นผลที่ให้ไปไกลมาก กล่าวว่า แม้แต่พระพุทธญาณเองก็ยังไม่เห็นผลที่สุดของการถวายสังฆทาน
    คำว่าไม่เห็นที่สุดของการถวายสังฆทาน หมายความว่า แม้แต่บุคคลผู้เป็นเจ้าของสังฆทาน บำเพ็ญบารมีแล้ว แล้วเกิดไปอีกกี่แสนชาติก็ตาม จนกระทั่งเข้าพระนิพพาน อานิสงส์นั้นก็ยังไม่หมด คำว่าอานิสงส์ ยังไม่หมดก็เพราะว่าถ้าบุคคลใดบูชาบุคคลผู้ควรบูชา นี่เป็นอำนาจของการถวายสังฆทาน
    ทีนี้การถวายสังฆทานแก่พระ มีผลไม่เสมอกันอยู่อย่างหนึ่งคือ หมายความว่าถวายทานแก่พระที่มีจิตกำลังฟุ้งซ่านไปด้วยอำนาจของนิวรณ์ ๕ ประการ อย่างนี้เราถวายกี่หมื่นกี่แสน อานิสงส์มันก็ไม่มาก ถ้าหากว่าถวายแก่ท่านผู้ปฏิบัติกรรมฐาน ถ้าหากเข้าถึงจิตบริสุทธิ์ เรื่องบริสุทธิ์แค่ไหนก็ช่าง อย่างน้อยที่สุดก็มีขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ บางท่านก็เข้าถึงฌานสมาบัติ บางท่านที่เป็นพระอริยเจ้า ก็เข้าถึงผลสมาบัติ เป็นต้นอย่างนี้มีผลมาก"

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    หลวงพ่อ(ฤาษีลิงดำ)ตอบปัญหาธรรมเล่ม1<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 มกราคม 2010
  14. วีระชัยมณี

    วีระชัยมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,128
    ค่าพลัง:
    +2,548
    สาธุๆๆ ....ถวายทาน เบื้อง ต้น ศีล เบื้องกลาง และ ภาวนา เพื่อหลุดพ้น เบื้องสุด... สาธุๆๆครับ
     
  15. ลูกเกต

    ลูกเกต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +104
    อนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ

    ขอท่านผู้รู้ บอกบุญ ที่ operation_worship@hotmail.com

    บุญของข้าพเจ้าสำเร็จเพียงใด ขอท่านจงสำเร็จเช่นนั้นด้วยเทอน สาธุ


    ______________________________________________
    ลูกศิษย์ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ
     

แชร์หน้านี้

Loading...