พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  2. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    [​IMG]
    ขอกราบนมัสการไว้อาลัยแด่หลวงปู่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ แห่งวัดวัดสุวรรณาราม กท. อย่างสุดซึ้ง ... ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งครับ
     
  3. Phocharoen

    Phocharoen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +225
    ผมเอง ก็ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย คุ้มครองทุกท่าน จากโรคภัย และอันตรายทั้งหลายทั้งปวงด้วยครับ
     
  4. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ได้สืบประวัติมา ก็พึ่งทราบว่า...สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (พุฒ สุวัฒฑณมหาเถระ) เป็นศิษย์สายตรงองค์สุดท้ายที่ทรงสมณศักดิ์สูงสุดของสมเด็จพระสังฆราชแพ...เป็นพระมหาเถระที่มีอายุพรรษากาลมากที่สุดในบรรดาพระมหาเถระในกรุงเทพมหานคร...เป็นสมเด็จพระราชาคณะที่มีชนมายุยั่งยืนนานที่สุดของกรุงรัตนโกสินทร์ทีเดียวเลยนะครับ...

    ที่มา: http://www.phuttawong.net/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2010
  5. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา fwd mail

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpe
      1.jpe
      ขนาดไฟล์:
      120.2 KB
      เปิดดู:
      311
    • 2.jpe
      2.jpe
      ขนาดไฟล์:
      132 KB
      เปิดดู:
      291
    • 3.jpe
      3.jpe
      ขนาดไฟล์:
      104.6 KB
      เปิดดู:
      315
    • 4.jpe
      4.jpe
      ขนาดไฟล์:
      144.7 KB
      เปิดดู:
      293
    • 5.jpe
      5.jpe
      ขนาดไฟล์:
      83.9 KB
      เปิดดู:
      288
    • 6.jpe
      6.jpe
      ขนาดไฟล์:
      131.2 KB
      เปิดดู:
      292
    • 7.gif
      7.gif
      ขนาดไฟล์:
      15.6 KB
      เปิดดู:
      295
    • avzkkva.gif
      avzkkva.gif
      ขนาดไฟล์:
      53.4 KB
      เปิดดู:
      296
    • t1.JPG
      t1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      136.8 KB
      เปิดดู:
      55
    • th.JPG
      th.JPG
      ขนาดไฟล์:
      138.2 KB
      เปิดดู:
      72
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รู้ทัน แก๊งขโมยรถ ป้องกันก่อนเป็นเหยื่อ!!

    Ù鷑? ᡪ??⁂ö ?鍧?ѹ?荹໧??ר͡!




    [​IMG]



    รู้ทัน 'แก๊งขโมยรถ' ป้องกันก่อนเป็นเหยื่อ!! (เดลินิวส์)

    โดย ทีมวาไรตี้

    ยังคงระบาดทั่วทุกหัวระแหง สำหรับแก๊งขโมยรถไม่ว่ารถเก๋ง กระบะ มอเตอร์ไซค์ ฯลฯ ต่างโดนขโมยกันถ้วนหน้า แม้มีระบบรักษาความปลอดภัยล้ำสมัยเพียงไร หัวขโมยตัวแสบก็สามารถลักรถไปได้อย่างสบาย ยิ่งสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในปัจจุบันนี้ทำให้บรรดา "แก๊งหัวขโมย" ระบาดหนักและมีวิวัฒนาการล้ำสมัยขึ้นทุกวัน

    เพื่อป้องกันตัวเองจากการถูกขโมยรถโดยเหล่ามิจฉาชีพ รักชาติ แสงวงศ์ หัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมยานยนต์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงสถานการณ์ขโมยรถว่า ส่วนใหญ่เน้นขโมยรถกระบะมากกว่าประเภทอื่น เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นตลาดมืดในการขายของกลุ่มมิจฉาชีพ มีความต้องการสูงมากกว่ารถประเภทอื่น ขณะเดียวกันก็มีการสั่งรถตามออร์เดอร์ที่ตลาดมืดต้องการ และยังมีการขโมยเพื่อชำแหละชิ้นส่วนขาย หรือนำรถไปขายตามเต็นท์รถมือสอง

    การถูกขโมยรถส่วนใหญ่เป็นความประมาทของเจ้าของ เพราะหลายครั้ง เจ้าของรถเข้าไปใช้บริการทำความสะอาดรถ หรือเข้าไปเติมน้ำมัน มักให้กุญแจรถไว้กับพนักงานโดยไม่สนใจดูแล เพราะถ้าพนักงานคนดังกล่าวเป็นมิจฉาชีพ ก็สามารถก๊อบปี้กุญแจรถได้ทันที และเจ้าของรถไม่ควรให้ผู้อื่นมาลองขับรถของตน เนื่องจากเมื่อเจ้าของขึ้นไปปลดล็อกบนรถ คนร้ายจะสังเกตการณ์การปลดล็อกระบบป้องกันภายในทั้งหมด ทำให้สามารถจดจำได้ว่า ตรงไหนมีระบบป้องกันบ้าง ซึ่งในการโจรกรรมนั้นคนร้ายจะเตรียมเครื่องมือมาพร้อม

    อย่างไรก็ดี ในการโจรกรรม คนร้ายส่วนใหญ่มักก๊อบปี้ลายกุญแจรถหรือทำลายแม่กุญแจรถ ในรถที่ไม่มีระบบป้องกันภายนอก ขณะเดียวกันหากฝาปิดถังน้ำมันรถหายให้สังหรณ์ใจไว้ว่า ถูกก๊อบปี้ลูกกุญแจรถ เนื่องจากฝาปิดถังน้ำมัน จะใช้กุญแจเดียวกับกุญแจสตาร์ตรถ เมื่อมิจฉาชีพได้ฝาปิดถังน้ำมันไป ก็สามารถก๊อบปี้กุญแจรถได้ ดังนั้นเจ้าของรถ ต้องสำรวจกุญแจบริเวณตัวถังรถก่อนทุกครั้งที่ขึ้นรถ เพราะอาจมีร่องรอยขูดขีดให้สังเกตเห็นการก๊อบปี้กุญแจของคนร้าย ส่วนกรณีฝาถังน้ำมันหายต้องรีบเปลี่ยนกุญแจรถทั้งคันทันที การสูญหายปัจจัยหลักสำคัญคือ คนใกล้ตัวกลายเป็นมิจฉาชีพเสียเอง ซึ่งผู้ใช้รถต้องระวังอย่างมากในสภาวะปัจจุบัน

    สำหรับรถรุ่นใหม่ ที่มีระบบป้องกันการล็อกรถด้วยรีโมตที่พอกดปุ๊บไฟจะกะพริบ เสี่ยงที่จะถูกขโมยง่าย กรณีที่ไม่ติดตั้งสัญญาณร้องกันขโมย เพราะขโมยอาจช็อตสายไฟที่เป็นต้นขั้วรับสัญญาณล็อกจากรีโมต ทำให้ระบบปลดล็อก ทั้งคัน ขโมยจึงสามารถเปิดประตูรถเข้าไปได้ง่าย บางรายทำการก๊อบปี้สัญญาณความถี่จากรีโมต เช่น เหยื่อขับรถไปจอดในห้างสรรพสินค้าที่มีรถด้านข้างจอดอยู่ คนร้ายจะแอบในรถด้านข้าง รอเวลาเจ้าของรถกดสัญญาณล็อกจากรีโมต แล้วใช้เครื่องมือก๊อบปี้สัญญาณจากรีโมตของเจ้าของ พอคนร้ายเห็นว่าปลอดคน จะใช้เครื่องมือปล่อยสัญญาณความถี่ที่ก๊อบปี้ได้เพื่อปลดล็อกรถ ดังนั้นการติดตั้งระบบล็อกแบบรีโมตที่ดี ต้องดูอุปกรณ์ที่มีการป้อนรหัสเอฟเอ็ม ซึ่งเจ้าของต้องซื้อเพิ่มมาติดตั้งเอง

    "รูปแบบการขโมยด้วยการทำลายกระจกหลังเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง การป้องกันที่ช่วยถ่วงเวลาให้ขโมยทำงานยากคือ ระบบป้องกันภายในรถ ซึ่งการเลือกซื้อระบบป้องกันภายใน ไม่ควรใช้อุปกรณ์ที่เป็นของแถมเพราะมีความบอบบาง และระบบป้องกันภายในไม่ควรใช้ยี่ห้อเดียวกัน เพราะคนร้ายจะง่ายต่อการขโมย"


    [​IMG]


    การป้องกันภายในรถควรใช้อุปกรณ์ที่เป็นเหล็กกล้าอย่างหนาล็อกเกียร์, พวงมาลัย, เบรก ให้แน่น เพราะคนร้ายส่วนใหญ่ จะทำการเลื่อยอุปกรณ์เหล่านี้ออกเพื่อโจรกรรมรถ ถ้าคล้องไว้แน่นก็ทำให้ขโมยทำงานยาก ไม่สามารถขยับอุปกรณ์ป้องกันได้ตามที่ต้องการ แต่ถ้าให้แน่นอน ต้องล็อกล้อโดยยึดแผงล็อกไว้กับพื้นปูน จะทำให้โจรใช้เวลานานในการขโมย ขณะเดียวกันเจ้าของที่ซื้อรถ ต้องรู้ว่าจุดไหนเป็นตัวจ่ายไฟและน้ำมันในการทำงานของรถ เพราะสองระบบนี้เป็นหัวใจของการขโมยรถ หากกรณีที่เจ้าของมีความหวาดระแวง อาจจ้างช่างที่มีความน่าไว้วางใจในการแปลงระบบ เพื่อซ่อนต้นขั้วของระบบไว้ในที่ใหม่ของตัวถังรถ พร้อมกับทำตัวเปิด-ปิดระบบไว้ป้องกันการขโมย แต่ง่ายสุดโดยไม่ต้องลงทุน เจ้าของต้องถอดขั้วแบตเตอรี่ออกทุกครั้งหลังเลิกใช้งาน หรือยกหม้อแบตเตอรี่เข้าไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัยหลังใช้งาน เพราะการป้องกันแบบง่าย ๆ บางครั้งขโมยก็คาดไม่ถึง

    [​IMG][​IMG] ขณะที่การจอดรถยังเป็นอีกปัจจัยที่เจ้าของพึงระวัง จึงไม่ควรจอดรถไว้หลังรถบัสหรือรถเมล์ที่มีขนาดใหญ่ ทำให้หัวขโมยมีที่กำบังในการลักรถ ควรจอดรถไม่ให้ไกลตาคน และที่สำคัญเมื่อออกรถใหม่ไม่ควรจอดรถในลักษณะโชว์ เพราะคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ เมื่อซื้อรถมาชอบจอดโชว์ พอขโมยเห็นวันแรกอาจไม่ขโมย แต่วันต่อ ๆ ไปจะค่อย ๆ สะกดรอยตามจนหาโอกาสขโมยได้ ถ้าไม่มีพื้นที่ปลอดภัยในการจอด ควรซื้อผ้าคลุมรถที่มีราคาถูกเพื่อตบตาขโมย ส่วนคนที่มีพื้นที่บ้านในการจอดรถควรหันหน้ารถเข้าบ้าน เพราะถ้าถูกขโมยเจ้าของบ้านจะได้รู้ตัว เพราะเกียร์ถอยหลังมีอยู่เกียร์เดียว แต่ถ้าหันหน้ารถออกคนร้ายสามารถเร่งความเร็วได้หลายเกียร์

    [​IMG][​IMG] เพื่อป้องกันรถหาย เจ้าของควรติดสติกเกอร์สัญลักษณ์ไว้บนรถอย่างชัดเจน และนำตะไบทำสัญลักษณ์ไว้บนตัวถังภายในและบนเครื่องยนต์ พร้อมกับถ่ายรูปเก็บไว้บนมือถือ เมื่อถูกลักรถ ก็จะสามารถส่งภาพที่ถ่ายไว้ไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทันที

    "บางกรณีคนร้ายทำการขโมยแบบซึ่ง ๆ หน้า ด้วยการใช้กลอุบายหลอกล่อให้เจ้าของลงมาจากรถ ขณะเครื่องยนต์สตาร์ตอยู่ โดยหัวขโมยจะแอบขึ้นไปบนรถขณะเจ้าของลงมาจากรถ เหยื่อส่วนใหญ่มักเป็นผู้หญิง ซึ่งหากประสบเหตุดังกล่าว ต้องพยายามขับรถออกจากสถานที่เปลี่ยวตรงนั้นให้ได้ก่อน แล้วเมื่อถึงที่ชุมชนค่อยลงมาดูรถ การซื้อรถมือสองเอง ควรเปลี่ยนกุญแจในรถใหม่ทั้งคัน เพราะเราไม่รู้ว่าเจ้าของคนเดิมมีกุญแจสำรองไว้หรือเปล่า เพราะหากเจ้าของเก่าเป็นมิจฉาชีพอาจกลับมาขโมยรถ"

    ส่วนคนที่พอมีเงินติดตั้งสัญญาณเตือนแบบเสียงเตือน เมื่อมีคนมาสัมผัสรถ ไม่ควรตั้งเสียงให้เหมือนกับแตรรถ เพราะหากคนไม่สังเกต จะนึกว่ามีคนกดแตรรถเล่นมากกว่าเป็นสัญญาณกันขโมย ที่สำคัญไม่ควรทิ้งของมีค่าไว้ในรถ เพราะเมื่อคนร้ายส่องผ่านกระจกเข้าไปในรถ พอเห็นของมีค่าก็จะทำการทุบกระจก ซึ่งเมื่อทุบแล้วถ้าปลอดคนและไม่มีระบบป้องกัน คนร้ายก็จะเข้าไปภายในรถเพื่อไขกุญแจ

    ขณะที่การป้องกันการโจรกรรมรถมอเตอร์ไซค์ ส่วนใหญ่คนร้ายจะยกขึ้นรถกระบะทันที จึงควรหาที่ล็อกล้อยึดไว้กับพื้นซีเมนต์ หรือหากุญแจและหูช้างมาคล้องไว้บริเวณรูของดิสก์เบรก ซึ่งทุกครั้งควรล็อกอย่างแน่นหนา ไม่ควรให้ขยับเคลื่อนได้ เพราะคนร้ายสามารถเลื่อนไปมาได้ขณะเลื่อยกุญแจ

    "เดี๋ยวนี้ระบบการขโมยรถพัฒนาเท่าทันเทคโนโลยีหมด ต่อให้มีความก้าวล้ำในการป้องกันมากแค่ไหน ผู้ใช้รถจึงต้องมีจิตสำนึกในการหาที่จอด และการประเมินสถานการณ์ด้วยตนเองก่อนในเบื้องต้น แต่ถ้ารถหายควรแจ้ง จส.100 หรือโทรศัพท์ไปยังหมายเลขพิเศษ 1192 และสถานีวิทยุที่ให้ความช่วยเหลือ ซึ่งเจ้าของควรส่งสัญลักษณ์ต่าง ๆ บนรถที่ถ่ายไว้บนมือถือไปยังเจ้าหน้าที่เพื่อสกัดกั้น ก่อนนำไปขายยังชายแดนและชำแหละเครื่องยนต์" รักชาติ กล่าวสรุป

    จากการรวบรวมสถิติของศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปร. ตร.) พบว่า เขตในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่มีรถหายมากที่สุดคือ บางกะปิ ดินแดง จตุจักร วังทองหลาง คลองเตย มีนบุรี ประเวศ บางแค ธนบุรี บางขุนเทียน ตามลำดับ ด้านสถานที่เกิดเหตุรถยนต์หายมากที่สุดตามลำดับคือ ถนนและซอย, สถานที่สาธารณะ, ที่พักอาศัย, ห้างสรรพสินค้า, สถานประกอบการธุรกิจ, สถานที่ราชการ ขณะที่เวลาในการขโมยรถยนต์มากที่สุดตามลำดับคือ 16.00 - 20.00 น., 20.00 - 24.00 น., 00.01 - 04.00 น., 04.00 - 08.00 น., 08.00 - 12.00 น. และ 12.00 - 16.00 น.

    ด้านสถานที่ซึ่งมีการขโมยรถจักรยานยนต์มาก ที่สุดตามลำดับคือ ถนนและซอย, สถานที่สาธารณะ, ที่พักอาศัย, สถานที่ประกอบธุรกิจ, สถานที่ราชการ ส่วนช่วงเวลาขโมยมากที่สุดตามลำดับคือ 00.01 - 04.00 น., 20.00 - 24.00 น., 16.00 - 20.00 น., 04.00 -08.00 น., 08.00 - 12.00 น. และ 12.00 - 16.00 น.

    ดูเหมือนนับวัน เทคโนโลยีป้องกันการขโมยรถทันสมัยมากขึ้น แต่ก็ยังไม่พ้นเงื้อมมือเหล่ามิจฉาชีพ คนร้ายที่จับได้หลายครั้งเป็นเพียงลูกน้องปลายแถว คงไม่ต้องให้ประชาชนตั้งคำถามว่า...ถึงเวลาหรือยังที่ต้องกวาดล้างผู้บงการ ใหญ่ ?




    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • car2.jpe
      car2.jpe
      ขนาดไฟล์:
      151.1 KB
      เปิดดู:
      189
    • car3.jpe
      car3.jpe
      ขนาดไฟล์:
      162.5 KB
      เปิดดู:
      186
  9. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    หายไวๆนะครับ พี่แอ๊ว และ คุณแม่

    หายไวๆนะครับ คุณแด๋น และคุณพ่อ..

    วันนี้ได้พูดคุยกับพี่แอ๊วแล้ว ก็ได้รับทราบข่าวคราวจากปากทั้งงานบุญ งานราษฎร์ สารทุกข์สุกดิบ...
     
  10. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2010
  11. พุทธันดร

    พุทธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +3,969

    ขอบคุณคุณPhocharoenและคุณเพชรมากนะคะ
    คงไม่ค่อยได้เข้ามาพูดคุย หวังว่าทุกท่านคงเข้าใจนะคะ
    ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐจริงๆ
     
  12. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    วันนี้ไปงานศพวันสุดท้าย เหนือเชิงตะกอนได้จารึกบทกลอนไว้บทหนึ่ง คิดว่าหลายท่านคงผ่านตากันมาบ้าง..

    ไม่ถึงวันสุดท้ายของชีวิต ก็ต้องพาชีวิตกันไปให้รอด เที่ยวแสวงหาส่วนเกิน ท้ายสุดเอาส่วนเกินนี้ไปไม่ได้ซักราย...

    เมื่อเจ้ามา มีอะไร มาด้วยเจ้า
    เจ้าจะเอา แต่สุข สนุกไฉน
    เมื่อเจ้ามา มือเปล่า จะเอาอะไร
    เจ้าก็ไป มือเปล่า เหมือนเจ้ามา
     
  13. uree

    uree Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +39
    :cool: กระทู้นี้ทั้งใหญ่ทั้งยาวเลยอ่ะครับ ต้องลองเข้ามาอ่านซะแล้ว
     
  14. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    เมื่อหลายเดือนก่อนได้ไปที่วัดหนึ่งแถวเมืองนนท์ ครับ อาจจะเป็นครั้งแรกของผมเองที่วัดนี้ไม่ได้สวดเหมือนที่พบปกติ แต่กลับเป็นเทศน์ สั่งสอนญาติ และแขกที่มา ให้เห็นถึงไตรลักษณ์ครับ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
     
  16. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จาก pm ผม

    <TABLE class=tborder style="BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=tcat>[​IMG]
    ข้อความส่วนตัว: ขอทราบรายละเอียดพระวังหน้าที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสกครับ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] เมื่อวานนี้, 09:34 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>คนเมืองลุง<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Feb 2009
    ข้อความ: 45
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER>ขอทราบรายละเอียดพระวังหน้าที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสกครับ

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>สวัสดีครับพี่

    ผมค้นกระทู้เก่าเรื่องพระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก แล้วมาเจอกระทู้ของพี่เลยเกิดความสนใจอยากรบกวนขอถามพี่หน่อยนะครับ คืออยากจะทราบว่านอกจากพิมพ์สมเด็จแล้ว ยังมีพิมพ์ไหนอีกบ้างครับ ผมเห็นหลายเวปมีคนลงหลายพิมพ์เช่น
    - พิมพ์สังกัจจายน์ฐานเตี้ย
    - พิมพ์สังกัจจายน์ฐานสูง
    - พิมพ์สังกัจจายน์ปิดตา
    - พิมพ์ปิดตาสองหน้า
    - ฯลฯ

    ไม่ทราบว่าพิมพ์ที่ผมว่ามานั้นมีจริงๆ รึเปล่าครับพอดีผมสนใจพิมพ์สัจจายน์กับปิดตาสองหน้า แต่ไม่มั่นใจในข้อมูลครับ เห็นพี่มีกระทู้อยู่เข้าใจว่าน่าจะข้อมูลจากพี่ได้ ยังไงก็ขออนุญาตรบกวนด้วยนะครับ

    ขอบพระคุณมากครับ

    ภาณุมาศ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    --------------------------------------------

    สำหรับพิมพ์ต่างๆของพระพิมพ์นั้น มีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ที่เป็นรูปหล่อลอยองค์ ,พิมพ์สมเด็จ , พิมพ์รูปต่างๆ มีมากจริงๆ และหลายๆพิมพ์จะเป็นพิมพ์ต้นแบบของพระพิมพ์ในยุคต่อๆมา รวมทั้งในยุคตั้งแต่ พ.ศ.2500 เป็นต้นมา

    พิมพ์ที่เป็นพิมพ์หลวงปู่ ในยุคแรก(ครั้งแรก)มีอยู่ 15 พิมพ์ แต่ต่อมามีพิมพ์เพิ่มขึ้นมาอีก รวมแล้วไม่น้อยกว่า 30 พิมพ์ เช่น พิมพ์อรหันใหญ่ , อรหันกลาง , อรหันเล็ก , ปิดตาอธิษฐานฤทธิ์ หรือปิดตาสี่กร เป็นต้น

    ส่วนพิมพ์พระสมเด็จ จริงๆแล้วไม่ได้มีการสร้างพิมพ์ในยุครัชกาลที่ 4 แต่มีมาตั้งแต่สมัยพระยาลิไท กรุงสุโขทัยแล้ว ผมเคยเห็นแม่พิมพ์ในยุคนั้นแล้วเช่นกัน ส่วนจะเชื่อผมหรือไม่ ไม่สำคัญครับ

    ส่วนพิมพ์ที่ถามผม พิมพ์พระสังกัจจายน์ และ พระปิดตา ก็มีหลายพิมพ์เช่นกัน โดยเฉพาะพิมพ์พระปิดตา มีมากๆๆๆๆ เช่นพระปิดตาวังหน้าสองหน้า , พระปิดตา(ในลักษณะพระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์) , พระปิดตา(ในลักษณะพระปิดตาหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง) , พระปิดตา(ในลักษณะพระปิดตา หลวงพ่อเชย ) ,พระปิดตา พิมพ์ราชกุมาร เป็นต้น

    ส่วนรูป ผมไม่ลงในกระทู้พระวังหน้าฯนี้ นานแล้วครับ เพราะว่า มีการนำรูปของผมไปลงที่เว็บอื่น แล้วไม่แจ้งที่มา

    ส่วนข้อมูลก็เช่นกัน นำไปปรับปรุง แล้วอ้างว่า ตนเองเขียนขึ้น ก็มีอีกเช่นกัน

    ดังนั้นผมจึงไม่ลงรูปอีก ส่วนข้อมูลจะมีเพียงข้อมูลเก่าๆ ที่เคยลงมา ข้อมูลใหม่ๆ จะไปเรียนรู้ และ ศึกษากัน ในการประชุมชมรมรักษ์พระวังหน้า เท่านั้น และปัจจุบัน ข้อมูลและองค์ความรู้ใหม่ๆ มีเพิ่มขึ้นอีกมากมายเช่นกัน

    ขอบคุณครับ

    .
     
  18. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    [​IMG]

    พระเจดีย์เยเลพญา เจดีย์กลางน้ำ

    ที่นี่ก็สวยดีครับทุกท่าน ตามไปดู และอ่านคอลัมส์ที่สองดูกันนะครับ... น่ารักดี พึ่งรู้สาเหตุที่ว่าทำไมพม่าชอบใช้ปิ่นโตสแตนเลส ตราหัวม้าลายกันนัก พูดไปอาจจะไม่เข้าใจ ต้องมาดูของจริงกันที่แม่สอดครับ ปิ่นโต กับจักรยานนี่ถือว่า สุดๆแล้ว...หุหุหุ :)
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ยินดีครับที่จะเข้ามาอ่านเพื่อองค์ความรู้ต่างๆ

    อีกเรื่องก็คือ ผมจะไม่ดูพระ(ว่าแท้หรือไม่แท้)ให้ใครครับ

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หลวงปู่สุภา กันตสีโล พระเกจิ5แผ่นดิน วัดสีลสุภาราม ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต
    "ถ้าเสียสัตย์ ก็เสียศีล เสียศีลแล้ว ธรรมก็ไม่บังเกิด"

    "ฆ่าจิตของเราให้มันตาย อย่าให้มีโกรธ อย่าให้โลภ อย่าให้มีหลง"
    ปาฐกถาธรรมอันสะท้อนถึงแก่นแท้แห่งพระพุทธศาสนา โดยพระมงคลวิสุทธิ์ หรือที่ชาวภูเก็ตหรือพุทธศาสนิกชนชาวไทยรู้จักกันดีในนามของ "หลวงปู่สุภา กันตสีโล" พระเถระเจ้าอาวาสที่มีอายุยืนที่สุดในโลก
    ปัจจุบัน หลวงปู่สุภา สิริอายุ 112 พรรษา 92 เป็นเจ้าอาวาสวัดสีลสุภาราม หมู่ที่ 6 ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต
    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า สุภา วงศ์ภาคำ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 พุทธศักราช 2438 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ปีวอก ณ บ้านคำบ่อ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร โยมบิดาชื่อขุนพลภักดี ผู้ใหญ่บ้านคำบ่อ ชื่อเดิม นายพล วงศ์ภาคำ โยมมารดาชื่อ นางสอ วงศ์ภาคำ มีพี่น้องทั้งหมด 8 คน คือ
    1. นางสี วงศ์ภาคำ (ถึงแก่กรรม)
    2. นายเสน วงศ์ภาคำ (ถึงแก่กรรม)
    3. นามผม วงศ์ภาคำ (ถึงแก่กรรม)
    4. นางเกตุ วงศ์ภาคำ (ถึงแก่กรรม)
    5. นายจันทร์เพ็ง วงศ์ภาคำ (ถึงแก่กรรม)
    6. หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล
    7. นางมาลีจันทร์ วงศ์ภาคำ (ถึงแก่กรรม)
    8. นางกา วงศ์ภาคำ
    หลวงปู่สุภา เป็นลูกชายคนสุดท้องของครอบครัว เมื่อตอนเป็นเด็กท่านอ้วนท้วนสมบูรณ์ ผิวขาว หน้าตาน่ารักน่าชัง ท่านใช้ชีวิตอย่างเช่นเด็กทั่วๆ ไป ในสมัยนั้นคือ เที่ยววิ่งซุกซนไปตามประสา จะมีโอกาสเรียนเขียนอ่านก็ต่อเมื่อ พ่อแม่พาไปฝากวัดให้พระท่านสอน หรือไม่ก็ให้พ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ที่รู้หนังสือสอนให้ วัดจึงเป็นสถานที่แห่งเดียวที่เด็กชายไปแสวงหาความรู้ เช่นเดียวกับคนอีสานส่วนใหญ่สมัยนั้น คือมักจะให้ลูกบวชเป็นเณร
    เมื่อหลวงปู่สุภาอายุได้ 7 ขวบ วันหนึ่ง ในขณะที่ท่านและเพื่อนๆ ออกไปวิ่งเล่นที่ริมทุ่งชายป่า ได้พบกับพระธุดงค์รูปหนึ่ง มาปักกลดพักอยู่ใต้ต้นตะแบกใหญ่ เด็กคนอื่นๆ ที่เห็นพระรูปนั้นไม่ได้สนใจ ต่างพากันวิ่งเล่นกันต่อ เว้นไว้แต่เด็กชายสุภา ซึ่งมีจิตใจโน้มมาทางธรรมตั้งแต่อายุยังน้อย จะเห็นได้จากการที่ชอบเข้าใกล้พระ ชอบไปวัด ดังนั้นเมื่อท่านเห็นพระธุดงค์รูปนั้นปักกลดพักอยู่ ก็แยกตัวออกจากเพื่อนๆ ตรงเข้าไปกราบ เมื่อพระภิกษุชราที่นั่งพักอยู่ภายในกลดเห็นเด็กชาย หน้าตาน่ารักเข้ามากราบอย่างสวยงาม เหมือนกับได้รับการสั่งสอนมาเป็นอย่างดี จึงมองเด็กน้อยคนนั้นด้วยความเมตตา เพิ่งดูลักษณะอยู่ครู่เดียว จึงบอกเด็กน้อยว่า ต่อไปภายหน้าจะได้บวช เมื่อบวชแล้วอย่าลืมไปหาท่าน พระภิกษุรูปนี้คือ หลวงปู่สีทัตต์ จำพรรษาอยู่ที่วัดท่าอุเทน จังหวัดนครพนมนั้นเอง แต่ในเวลานั้น เด็กชายสุภายังไม่ได้นึกอะไร ได้แต่นั่งคุยกับหลวงปู่สีทัตต์อยู่ครู่หนึ่ง จึงนมัสการลากลับ ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ
    เมื่อหลวงปู่สุภามีอายุได้ 9 ขวบ บิดามารดาได้นำท่านบวชเป็นสามเณร โดยมีพระอาจารย์สอน เป็นพระอุปัชฌาย์ สามเณรสุภาได้ศึกษาพระธรรมวินัยกับพระอาจารย์สอน เป็นเวลา 1 ปี หลังจากนั้นท่านได้เดินทางไปเรียนมูลกัจจายน์ที่วัดไพรใหญ่ จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีพระอาจารย์มหาหล้า และฆราวาสชื่อ อาจารย์ลุย เป็นผู้สอน สามเณรสุภาได้ใช้เวลาศึกษามูลกัจจายน์อยู่ที่วัดไพรใหญ่ เป็นเวลาหลายปี เมื่อเรียนจบแล้วได้กราบลาอาจารย์เพื่อหาความรู้เพิ่มเติม จึงได้ออกเดินทางมานมัสการ หลวงปู่สีทัตต์ ที่วัดท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม หลวงปู่สีทัตต์ ท่านเป็นพระป่า มีชื่อเสียงทางด้านวิปัสสนากรรมฐาน และทรงวิทยาคม ทางด้านคาถาอาคมไสยเวท ซึ่งท่านได้ศึกษาวิชาอาคมด้านต่างๆ มาจากสมเด็จลุน แห่งนครจำปาศักดิ์ ประเทศลาว สมเด็จลุน ท่านเป็นสุดยอดปรมาจารย์ของประเทศลาว พระเกจิอาจารย์ทางภาคอีสาน แถบลุ่มแม่น้ำโขง ที่มีชื่อเสียงโด่งดังล้วนฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่านทั้งสิ้น สมเด็จลุนท่านมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์มากมาย เหลือจะบรรยายเป็นตัวอักษรได้ จะขอกล่าวไว้พอเป็นสังเขป สมเด็จลุนท่านสามารถเดินข้ามแม่น้ำโขงด้วยเท้าเปล่า และบางครั้งท่านจะไปนั่งสรงน้ำกลางแม่น้ำโขง นี่คืออิทธิปาฏิหาริย์ของท่าน
    และในบรรดาลูกศิษย์ของสมเด็จลุน หลวงปู่สีทัตต์ ถือเป็นศิษย์เอกที่ได้รับการถ่ายทอดตำราวิทยาคม จากสมเด็จลุนจนหมดสิ้น จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ลูกไม้จะหล่นไกลต้น
    เมื่อสามเณรสุภา ได้กราบนมัสการหลวงปู่สีทัตต์แล้ว ได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่สีทัตต์ได้รับสามเณรสุภาเป็นศิษย์ด้วยความยินดี นับว่าหลวงปู่สีทัตต์เป็นพระอาจารย์ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานองค์แรก ของสามเณรสุภา
    สามเณรสุภาได้เริ่มฝึกรรมฐาน และออกธุดงค์กับหลวงปู่สีทัตต์ ซึ่งท่านได้พาสามเณรสุภาธุดงค์ข้ามไปฝั่งลาว หลวงปู่สีทัตต์ได้พาไปที่ถ้ำภูเขาควาย เป็นถ้ำขนาดใหญ่ มีความสวยงามน่าอยู่ ในถ้ำแห่งนี้มีพระสงฆ์ไปปฏิบัติธรรมรวมกันมาก ถ้ำภูเขาควายเปรียบเสมือนถ้ำสำนักตักศิลา ที่มีพระสงฆ์ลาวและไทย ไปจำพรรษาและแลกเปลี่ยนวิชาอาคม หนทางที่จะไปถ้ำถูเขาควายลำบากมาก เต็มไปด้วยสิ่งเร้นลับ พระธุดงค์ที่เดินทางไปถ้ำภูเขาควาย ถ้ามีวิชาอาคมไม่แก่กล้าพอ มักจะเอาชีวิตไปทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก
    สามเณรสุภา ได้ติดตามหลวงปู่สีทัตต์ไปธุดงค์จนอายุครบอุปสมบทในปี พ.ศ. 2459 หลวงปู่สีทัตต์จึงได้อุปสมบทให้สามเณรสุภา ภายในถ้ำภูเขาควาย โดยมีหลวงปู่สีทัตต์เป็นพระอุปัชฌาย์ พระเถระที่ไปปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดถ้ำภูเขาควายเป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “กนฺตสีโล”
    หลังจากอุปสมบทแล้ว หลวงปู่สุภา ได้อยู่ปฏิบัติธรรมต่อไปอีกระยะหนึ่ง จากนั้นได้ติดตามหลวงปู่สีทัตต์กลับมาจำพรรษาที่ วัดท่าอุเทน เพื่อดำเนินการก่อสร้างพระธาตุท่าอุเทน เมื่อมีเวลาว่างท่านจะพา หลวงปู่สุภา และลูกศิษย์ออกธุดงค์แล้วกลับมาจำพรรษาที่วัดท่าอุเทน จนกระทั่งสร้างพระธาตุท่าอุเทนเสร็จเรียบร้อย
    หลวงปู่สุภา ได้อยู่ศึกษาพระปริยัติธรรม และปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานกับ หลวงปู่สีทัตต์ เป็นเวลานานถึง 8 ปี
    เมื่อปี พ.ศ. 2463 หลวงปู่สุภา ได้กราบลา หลวงปู่สีทัตต์ เพื่อเดินทางธุดงค์วัตร และออกจากถ้ำภูเขาควาย เดินทางกลับตามที่หลวงปู่สีทัตต์ แนะนำ และ หลวงปู่สีทัตต์ ท่านยังได้บอกว่าท่านจะได้พบกับอาจารย์ที่เก่งมากองค์หนึ่ง
    หลวงปู่สุภา ออกเดินทางไปตามเส้นทางที่ หลวงปู่สีทัตต์ แนะนำ เมื่อถึงจังหวัดหนองคายก็ออกธุดงค์เข้ากรุงเทพฯ เมื่อมาถึงกรุงเทพฯ ท่านได้สอบถามพระเกจิอาจารย์ ที่เก่งทางด้านวิปัสสนากรรมฐานด้านพุทธาคม มีคนเล่าลือว่า อาจารย์ศุข (หลวงปู่ศุข) อยู่ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท ท่านจึงได้เดินทางออกจากกรุงเทพฯ จนมาถึงอำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท เมื่อมาถึงวัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านได้คลานเข้าไปกราบหลวงปู่ศุข ซึ่งขณะนั้น หลวงปู่ศุข ท่านทราบแล้วว่า จะมีพระภิกษุมาจากประเทศลาว หลวงปู่ศุขจึงถามท่านว่ามาจากประเทศลาวใช่หรือไม่? ท่านจึงตอบและกราบเรียน หลวงปู่ศุข ว่า ท่านมีความประสงค์ที่จะมาศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐานและวิชาอาคม หลวงปู่ศุข จึงรับไว้เป็นศิษย์ หลวงปู่สุภา ได้ศึกษาวิชาต่างๆ จาก หลวงปู่ศุข เป็นเวลา 3 ปี หลวงปู่ศุข ได้ถ่ายทอดวิชาด้วยความเมตตาต่อลูกศิษย์เป็นอย่างมาก ถึงแม้ หลวงปู่สุภา จะบวชเป็นพระภิกษุนานถึง 4 พรรษาแล้วก็ตาม แต่ หลวงปู่ศุข ก็ยังเรียกท่านว่า “เณรน้อย” ในขณะที่ หลวงปู่สุภา ได้มอบตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่ศุข ท่านมีอายุมากแล้ว แต่ท่านยังปฏิบัติธรรม และนั่งสมาธิเป็นเวลานานๆ ทุกวัน
    หลวงปู่สุภา ให้ความเคารพนับถือ หลวงปู่ศุข เป็นอย่างยิ่ง หลวงปู่ศุขจึงนับเป็นพระอาจารย์องค์ที่สองของท่าน ต่อจาก หลวงปู่สีทัตต์
    ในเรื่องเกี่ยวกับวิทยาคม หลวงปู่ศุข ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาต่างๆ ให้กับ หลวงปู่สุภา เมื่อ หลวงปู่ศุข นั่งกรรมฐาน หลวงปู่สุภา ท่านก็นั่งด้วย หากติดขัดปัญหาธรรม ก็ไปกราบเรียนถามท่าน ก็เมตตาแนะนำให้ทุกครั้ง ท่านจะปฏิบัติให้ดูเป็นตัวอย่าง แล้วให้ลูกศิษย์ศึกษาทำความเข้าใจ หลวงปู่สุภา ท่านค่อยๆ ศึกษาดูว่า หลวงปู่ศุข ทำอย่างไร? ในเวลาที่ท่านปลุกเสกวัตถุมงคลก็ไปคอยสังเกต พระคาถาต่างๆ หลวงปู่ศุข ก็สอนให้บ้าง จดจำเองบ้าง และไปขอท่านบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีลูกศิษย์คนใดจะปฏิบัติจนบรรลุได้เหมือน หลวงปู่ศุข บางครั้งเวลาลงยันต์ทำตระกุด ต้องลงไปทำในใต้น้ำไม่มีใครเห็น จะเห็นก็ต่อเมื่อตอนท่านขึ้นจากน้ำแล้ว
    หลวงปู่สุภา ท่านศึกษาวิทยาคม จากการอ่านตำราที่ท่านจดเขียนไว้บ้าง ดูจากกรรมวิธีที่ หลวงปู่ศุข ทำให้ดูบ้าง เรียนถามท่านบ้างท่านก็แนะนำให้พอสมควร ใครสนใจมากก็ได้มาก ใครไม่สนใจก็ไม่ได้เลย แต่ส่วนใหญ่ หลวงปู่ศุข ท่านจะเน้นเรื่องการรักษาศีล และการกฏิบัติมากกว่า เพราะท่านสอนว่า ถ้าศีลบริสุทธิ์ คุณวิเศษจะมีมาเอง หลวงปู่สุภา ได้ศึกษาธรรม และวิทยาคมต่างๆ มากมายโดยเฉพาะความรู้ในทางธรรม และวิทยาคมต่างๆ ในครั้งนั้นมีพระภิกษุไปปฏิบัติธรรม และเรียนวิชาอยู่กับหลวงปู่ศุข ด้วยกันหลายสิบรูป ซึ่งปัจจุบันมรณภาพกันไปหมดแล้ว เท่าที่ทราบในเวลานี้ มีเพียง หลวงปู่สุภา เพียงรูปเดียวในบรรดาศิษย์รุ่นเดียวกัน ที่ยังมีชีวิตอยู่นับถึง
    ล่าสุด ได้มาสร้างวัดแห่งหนึ่ง และได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ว่า วัดสีลสุภาราม และหลวงปู่สุภายอมรับเป็นเจ้าอาวาสเป็นวัดแรกในชีวิต
    หลวงปู่สุภา นับเป็นตัวอย่างของการปฏิบัติอยู่ในความเพียร ความวิริยะ อุตสาหะ ความมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม แม้วัยล่วงเลยมากว่าหนึ่งศตวรรษ แต่หลวงปู่สุภา ไม่เคยย่อท้อในชีวิตของท่าน มีแต่คำว่าให้และสร้างทุกอย่างสำเร็จ ด้วยเมตตาบารมีธรรมของท่าน

    ที่มา หลวงปู่สุภา กันตสีโล วัดสีลสุภาราม<!-- google_ad_section_end -->

    --------------------------------------------

    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...