เรื่องเด่น สืบสานปณิธาน "ณรงค์ เพ็งลาภ" ผ่าน ۩۞۩ สโมสรบุญ ☀★☀ เพื่อพระพุทธศาสนา

พาเที่ยว เวียงจันทร์ ประเทศลาว

​

ความสวยงามของชีวิต คือ มีจิตที่ตื่นและเบิกบานอยู่ตลอดเวลา​

วันนี้จะพาเพื่อนๆไปเทียว เวียงจันทร์ ประเทศลาวกันครับ ประดับความรู้ สู่เมืองใกล้บ้านของเรา
แม้เพียงเล็กน้อยที่ได้มา ก็ขอนำมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อบรรยากาสใหม่ๆในสโมสร
การได้ไปในครั้งนี้ ได้รับความเมตตาจากคุณ สุชาดา ที่ให้ผมได้มีโอกาสสัมผัส ประเทศลาว ในครั้งนี้
เป็นการเดินทางภาคพื้นดิน ด้วยรถทัวร์ VIP สองชั้น ของไทยเรา กับประสบการณ์ ใหม่ๆสำหรับผม
ผิดพลาดประการใด ก็ขอให้ ติ ชม หรือแนะนำมาได้ครับ​

​

​

อธิบายตามลำดับภาพ บนซ้ายไปทางขวา นะครับ
การเดินทางครั้งนี้ ประกอปด้วยรถ สามคัน
คันแรก เป็นชาญทัวร์ รถปรับอากาศ 2 ชั้น VIP ในด้านบริการนับว่าดีทีเดียวครับ
มีการแจกน้ำ สองรอบ มีขนม 2 รอบ ข้าวแกงหนึ่งกล่อง ผ้าห่มกันความหนาวเย็นจากแอร์ให้ด้วย
สำหรับท่านที่เดินทางกลางคืน เตรียมเสื้อหนาๆไปด้วยจะดีครับ ยิ่งสำหรับท่านที่แพ้ความหนาวด้วยแล้ว ยิ่งต้องมีครับ
ผมไม่แพ้ความหนาว แต่แพ้ความเหงาครับ ต้องมีคนนั่งเคียงข้างไปด้วย 55​

คันที่สอง เป็น แอร์อุดร(ภาพบนขวา) ส่วนมากจะมีเที่ยวกลางคืน สำหรับแอร์อุดร กลางวันก็มีครับแต่น้อยเที่ยว
แอร์อุดรนี่กลางคืน แอร์ปรับอากาศจะเย็นมากทีเดียว จึงขอเตือนผู้ที่จะเดินทางในเที่ยวกลางคืน เตรียมเสื้อหนาๆไปด้วย หรือไม่ต้องหาคู่ให้ความอบอุ่นไปด้วยครับ
ด้านการบริการ ก็อยู่ในเกณฑ์ดี มีข้าวกล่อง น้ำ ขนม แจกแต่น้อยกว่าชาญทัวร์ มีผ้าห่มกันหนาวให้
ราคาค่าตั๋วเดินทาง 410 บาทประมาณนี้ครับ สำหรับ กรุงเทพฯ-อุดรธานี​

คันที่สาม รถทัวร์ อุดร-เวียงจันทร์ อันนี้ระดับรองลงมาหน่อยเมื่อเทียบ กับ สองคันข้างบน
ผมนั่งจากอุดร ค่าตั๋วเดินทาง 80 บาทในวันธรรมดา วันหยุดเสาร์อาทิตย์เพิ่มอีก 5 บาท
คันนี้นั่งไปอย่างเดียว ไม่มีอะไรแจกให้ทานนะครับ สิ่งที่ต้องทำบนรถคันนี้
คือ การกรอกข้อความเพื่อขอเข้าเมือง สองสามแผ่น มีทั้งผู้ที่ไม่มีพาสสปอร์ตและมีพาสสปอร์ต
แต่ผู้ถือพาสสปอร์ต จะได้รับความสะดวกมากกว่า ง่ายกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ไทยกับลาว เหมือนพี่กับน้อง หากปีปัญหา ก็คุยกันไม่ยาก​

ภาพที่เหลือเป็นจุดขอผ่านแดน ไทย ลาว ที่มีขั้นตอนไม่มากมายอะไร เพียงเราไม่เป็นคนผิดกฏหมายระหว่างประเทศมาก่อน
และก็ไม่มีของผิดกฎหมาย นำติดตัวไปด้วย ส่วนมากก็จะมี เพื่อนบ้านเรา มี ลาว เวียดนาม เขมร เป็นส่วนมาก​

นี่เป็นภาคแรก ของการพาเที่ยวชมลาว​

 

แม่น้ำโขงถ่ายในรถขณะข้าม สะพานไทยลาว ตอนขาไป

 

ภาพนี้เป็นท่ารถหรือสถานีข่นส่ง ในเมืองเวียงจันทร์ รถทัวร์ระหว่างประเทศ ไทยลาว มาจอดรับส่งที่นี่
การซื้อตั๋วเดินทาง ต้องใช้พาสสปอร์ตหรือใบผ่านแดนชั่วคราว อย่างใดอย่างหนึ่ง จึงซื้อตั๋วได้

 

พาเที่ยว เวียงจันทร์ ประเทศลาว (ต่อ)

ต่อจากนี้เป็นจุดที่ผมและคุณ สุชาดา ได้ไปชมมา เราเลือกดูและไปแต่สถานที่ที่สำคัญเท่านั้น เนื่องจากมีเวลาจำกัด
ส่วนใหญ่เป็นวัดเก่าๆที่มีอายุมากเกินร้อยปี ที่ไม่ค่อยได้มีการบูรณะปฏิสังขร ปล่อยให้คงสภาพเดิมอยู่อย่างนั้น
อาจเนื่องจากขาดงบประมาณที่จะมาส่งเสริมตรงนี้ ก็เป็นการดีอย่างหนึ่ง ที่จะทรงรูปลักษณ์เดิมๆให้พวกเราได้ดู ได้เห็นน่ะครับ
ภาพที่จะนำเสนอต่อไปนี้ อาจมี นายแบบ นางแบบ ผสมลงมาด้วยก็ต้องขออภัย หากขัดใจท่านผู้ชม
ในส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการยืนยัน ว่าภาพที่ได้นำมาลง เป็นภาพจากการนำมาจากผมเอง ไม่ได้ขโมยภาพใครมา
เป็นการเพิ่มบรรยากาศ ให้กับสโมสร ทำบุญไปด้วย เที่ยวไปด้วย ชมภาพสวยๆงามๆไปด้วย

ชมภาพกันเลยดีกว่านะครับ







ภาพแรกจากซ้ายบน ภาพที่หนึ่งและสอง เป็นถนนที่อยู่บรเวร สถานีขนส่ง ของเวียงจันทร์
ประเทศลาวมีต้นไม้ใหญ่อยู่ตามถนนมากมายนะครับ อาจจะบ้านเมืองขยายความเติบโตช้า ถึงยังไม่มีการทำลายต้นไม้ในเมือง

ภาพต่อมาทั้งหมดเป็นภาพวัดสระเกศ เป็นวัดที่มีความเก่าแก่ พระอุโบสถมีอายุ 192 ปี พระประธานเก่ามาก เขาไม่ให้ถ่ายรูปข้างใน
จึงถ่ายได้แต่ด้านนอกและซูมภาพพระประธานมาได้แค่นี้ เพราะเป็นกล้องเล็กธรรมดา
เป็นรูปลักษณ์เดิมๆ ที่ยังไม่มีการทำใหม่ รอคอยการไปเยี่ยมชมของคนต่างแดนหรือคนรุ่นหลังอยู่ครับ

 

พาเที่ยว เวียงจันทร์ ประเทศลาว (ต่อ)

วิหารสำคัญอีกหลังหนึ่งในเมืองเวียงจันทร์ เพราะเป็นวิหารที่เคยประดิษฐานพระแก้วมรกต
จะเป็นหลังดั้งเดิมหรือไม่นั้นผมไม่ได้ถามมานะครับ แต่ตรงนี้เป็นที่พระแก้วมรกตได้ถูกอัญเชิญมา เมื่อครั้งอดีตก่อนจะไปอยู่ที่ไทย



ก็เป็นวิหารที่มีความเก่าแก่มากทีเดียว ผมไม่ได้ศึกษารายละเอียดมา แค่ได้ไปเที่ยวแล้วเก็บภาพมาให้ชมกับความรู้เล็กๆน้อยๆเท่านั้น

 

องค์พระมหาเจดีย์พระธาตุหลวง บรรจุองค์พระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้าไว้ภายใน อยู่ในเมืองเวียงจันทร์ครับ

 

รับลมชมวิวกับ สวนประตูชัย เมืองเวียงจันทร์





แดดร่ม ลมโชย พระอาทิตย์กำลังคล้อยอัสดง ลงสู่ขอบฟ้า
เหล่าบรรดาผู้คน มาเล่นในสวน กลางใจเมืองเวียงจันทร์ เราสองคนก็เป็นผู้อยู่ในจำนวนนั้น
เป็นครั้งแรกของผมครับ ส่วนคุณสุชาดา ไปบ่อยมาก เพราะเป็นการไปทำงานด้วย
แม้ไม่ใหญ่โตอะไร แต่ก็เป็นจุดเด่นจุดหนึ่งของ เวียงจันทร์
เป็นประสบการณ์ที่ได้มีโอกาส ไปเที่ยวบ้านพี่เมืองน้อง ก็นำมาแชร์กันชม

หากท่านใดมีโอกาสไปเที่ยวตามที่ต่างๆ มีภาพสวยๆเอามาแบ่งปันกันชม ก็จะดีอย่างยิ่ง
เพื่อให้เราได้เห็น ได้ความรู้ ได้หาโอกาสไปบ้าง หากอยากที่จะไป
เป็นเรื่องสลับกันไป ระหว่างงานบุญกุศล กิจกรรมอื่นๆ ความรู้ต่างๆ แบ่งปันในสิ่งที่ดีๆ ที่มีต่อกันครับ

 

บุญต่อไปคือบุญสร้างห้องน้ำห้องส้วมให้วัดครับ>> ขอเชิญร่วมบุญสร้างห้องน้ำทดแทนหลังเก่า(ที่ชำรุด)
บุญอย่างนี้มีความสำคัญมากอย่างหนึ่งของมนุษย์เรา การมีทุกข์ทางการขับถ่ายนี่ยากที่จะอดกลั้นได้นะครับ
การที่เราสร้างที่ปลดทุกข์ให้วัด ก็มีอานิสงส์ปลดทุกข์ให้เราด้วย จึงต้องร่วมช่วยให้ทางวัดมีกำลังทรัพย์ปัจจัยเพิ่ม
เป็นการนำเงินของทุกท่านไปสร้างมหากุศล ปลดทุกข์ให้กับทางวัดกันครับ

อีกรายการ จะสนับสนุน ช่วยเว็บพลังจิตซื้อ แรม>> เชิญร่วมบริจาค Upgrade Ram 32 GB ใน 2 Servers เพื่อแก้ไขเว็บมีปัญหา

เพราะเราเข้ามาหาประโยชน์ ในการสร้างมหากุศลเพื่อความหลุดพ้น หลือเพื่อความสุขก็ตาม
หากเว็บทำงานไม่เต็มที่ เราก็ใช้งานไม่สะดวก เราจะขอมีส่วนช่วยทางเว็บ ให้ดำเนินการรองรับผู้คนที่เข้ามาท่องเน็ต ในพลังจิตได้สะดวกกันครับ
.............................................................................

สรุปบัญชีครับ



เงินที่ยังคงมีในบัญชีเกินหมื่นบาท เนื่องจากคุณ สุชาดา ร่วมบุญในสโมสรไว้ 13,000 บาท
ต้องขอกราบโมทนาในกุศลจิตของคุณ สุชาดา เป็นอย่างยิ่ง ที่ทำให้สโมสรยังมีกำลังช่วยเหลือพระศาสนาต่อไป
การสร้างบุญ สร้างกุศล ต้องสร้างต้องทำไว้อย่างสม่ำเสมอ ชีวิตนี้สั้นนัก
แต่การเวียนว่ายในวัฏฏะสงสาร มันหาที่สิ้นสุดไม่ได้ พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้พบทางพ้นทุกข์อย่างสิ้นเชิง
แล้วพระองค์ก็โปรดสัตว์ชี้ทางพ้นทุกข์นั้น แก่สัตว์โลกด้วย เราเป็นผู้โชคดี
เกิดมาพบพระพุทธศาสนา มีพระรัตนะตรัย เป็นที่พึ่ง ทางบุญทางกุศล คือทางดำเนินไปของพวกเรา

การสร้างกุศล เราเพียงขอมีส่วนร่วมในบุญนั้นๆ
เนื่องจากเราไม่มีกำลังมากพอที่จะสร้างให้สำเร็จด้วยกำลังมากๆได้
หากเรามีกำลังมากๆก็จะทำเป็นอย่างๆให้สำเร็จลงได้ครับ

 

เรื่องเล่าเมื่อเช้านี้ catt26


ชีวิตคนต่างจังหวัด จะแตกต่างกับคนในเมืองกรุงมากเหมือนกันนะครับ
คนเมืองกรุงอย่างกรุงเทพฯ มักจะมีเวลาอยู่กับการทำงาน เรียนหนังสือ นั่งรถไปไหนต่อไหน
ที่ต่างจังหวัดมักจะเป็นชาวไรชาวสวน หรือไม่ก็ค้าขาย ส่วนไม่มีอะไรก็อยู่ไปวันๆ เขาก็อยู่กันได้
ด้วยไม่มีค่าใช้จ่ายมากมายอย่างคนเมืองกรุง

ผมมาใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างจังหวัดบ้านนอก ก็เป็นชีวิตที่เรียบง่าย แบบสบายๆไปวันๆเหมือนกัน
บางวันก็ออกเดินชม ไร่นา ของชาวบ้าน พบปะกับคนชนบท ก็ได้เห็นความเป็นอยู่ของเขา

วันนี้ก็เช่นกัน ผมออกเดินไปตามถนน ก็ได้พบกับเด็ก อายุน่าจะ 5-6 ขวบสองคน
ในมือคนหนึ่งถือไม้เล็กๆยาวๆ ปลายไม้ผูกเชือกเป็นเหมือนบ่วงใช้จับสัตว์ อีกคนถือถุงใส่ตัวสัตว์ไว้ตัวหนึ่ง
เป็นกิ่งก่า ที่อยู่ทั่วไปแหละครับ ผมถามว่าจับอะไรกัน เด็กตอบกิ้งก่า ถามต่อไปว่าเอาไปทำอะไร
เด็กตอบว่าเอาไปให้ลุง ผมถามต่อไปว่า ลุงเอาไปทำอะไร เด็กตอบว่า ลุงเอาไปกิน โดยได้ราคาตัวละสองบาท
ผมก็ลังเลใจอยู่ว่าเอจะทำอย่างไร ไม่มีตังสองบาท ห้าบาทติดตัวเลย มีแต่แบงค์ 20 บาท
นึกถึงชีวิตที่กิ้งก่าอยู่ในถุงปิดปากไว้ อากาศอาจไม่มีให้หายใจ เด็กเดินหนีไปไกลแล้วเพื่อหาต่อ

ผมเลยเรียกเด็กกลับมา ผมขอซื้อกิ้งก่าตัวนี้ ราคา 20 บาท จากราคา ตัวละ 2 บาท เพราะไม่มีตังค์ย่อยกว่านี้
ก็ได้บอกไปว่า น้าขอซื้อ 20 บาท แต่ต้องสัญญาก่อนว่า วันนี้ห้ามหาอีกทั้งวัน ตกลงไหม เด็กตอบตกลงแล้วก็เดินจากไป
ผมรีบปล่อย กิ้งก่า ออกจากถุง เนื่องอากาศร้อนมาก ในถุงคงร้อนมิใช่น้อย
รู้สึกดีใจกับชีวิตใหม่ของ กิ่งก่า ในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง 20 บาท กับหนึ่งชีวิตที่จะรอดจากการถูกฆ่า
ชีวิตมีค่าต่อสัตว์โลกที่เกิดมา ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้ใครมาทำร้ายเรา คิดแล้วก็เศร้าใจเหมือนกัน
ที่มนุษย์ส่วนใหญ่มีชีวิตอยู่ได้ ด้วยชีวิตผู้อื่น ทำอย่างไรถึงจะทำให้ความเป็นมาอย่างนี้หมดไปหนอ

 

บุญที่ทำสำเร็จแล้วอีกวาระ กับสองงานบุญครับ



ร่วมสร้างห้องน้ำโอนแล้วครับ 1,000 บาท>>ขอเชิญร่วมบุญสร้างห้องน้ำทดแทนหลังเก่า(ที่ชำรุด)
.......................................................



ร่วมช่วย Upgrade Ram 32 GB 1,000 บาท ครับ>>เชิญร่วมบริจาค Upgrade Ram 32 GB ใน 2 Servers เพื่อแก้ไขเว็บช้าเข้าไม่ได้
............................................................

ขอบุญกุศลที่ทำไว้ดีแล้วนี้ จงถึงทุกท่านที่ร่วมปัจจัยไว้ใน สโมสร จงทุกประการเทอญ

 

บุญต่อไปของสโมสรคือที่นี่>> ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพบรรพชาอุปสมบทนาคหมู่กำพร้าและขาดแคลน วัดเขาชี



ผมมีผ้าไตรจีวร 11 ชุด ผมจะถวายในงานนี้ ทั้งหมด
และผมจะร่วมปัจจัย ด้วย โอนแล้วจะแจ้งให้ทราบครับ<!-- google_ad_section_end -->

 

ขออนุโมทนาบุญกับพี่ Narong<!-- google_ad_section_end --> ด้วยครับ สาธุ

 

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ center-in-center
เรียนพระคุณเจ้า หลังจากที่ผมได้คุยกับพระคุณเจ้าแล้ว
ผมขอรับเป็นเจ้าภาพบวชพระทั้ง 100 รูป (2,900x100 = 290,000)
และจะไปเป็นประธานในงานที่จังหวัดพิษณุโลกด้วยครับ


สาธุ....สาธุ....สาธุ..๑๙-๒๑มีนาคม ๒๕๕๓
...................................................................................................................

มีคนเหมาเป็นเจ้าภาพไปแล้ว กับบุญบวชพระ 100 รูป ก็ขอกราบอนุโมทนาสาธุการอย่างยิ่งครับ

 

อนุโมทนาสาธุค่ะคุณอาณรงค์

คุณอารู้มั้ยคะ คุณอาเป็นแรงบันดาลใจ และเป็นกำลังใจให้กิ่งทำบุญกุศลจนมาถึงทุกวันนี้

กิ่งและคุณอาไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่คุณอาส่งทั้งสมเด็จองค์ปฐม พระคำข้าวและหางหมาก และอีกมากมายหลายอย่างมาเพื่อร่วมบุญกับกิ่ง

ขอกราบขอบพระคุณคุณอา ที่ทำให้กิ่งได้มีดวงตาเห็นธรรม เมื่อครั้งข้าวสารหินนั้น กิ่งคิดจะเลิกทำก็หลายที แต่คุณอาก็เข้ามาช่วยตลอด จนได้ปัจจัยหลักแสน

มาวันนี้ กิ่งรู้สึกสนุกกับการได้ทำบุญ ได้เจอมิตรภาพใหม่ๆ ได้รู้จักญาติธรรมกัลยมิตรธรรมที่ดีๆ

ขอบคุณมากมายค่ะ
กิ่ง

ขออนุโมทนาบุญกับคุณอาทั้งหมดทั้งมวล

ขอให้คุณอาเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมค่ะ
กิ่ง

 

โมทนาด้วยนะหลานกิ่ง ดีแล้วชอบแล้ว
............................................................

วันนี้มารายงานโอกาสกิจกรรม ที่ได้มีโอกาสไปสัมผัสมา
ได้มีโอกาสไปเที่ยว วัดเกศแก้ว ตั้งอยู่ติดกับถนนอำเภอ วังน้ำเย็น น่าจะในเขตเทศบาล
ก็เป็นวัดชนบทเหมือนทั่วไป ที่มีการพัฒนาความเจริญของวัด ตามกำลังของวัดครับ
วัดนี้ก็เช่นกัน ที่มีการก่อสร้างศาสนะวัตถุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งได้ทำไปแล้ว 80 % (ประมาณ)
แต่มีพิเศษ ตรงที่ว่า วัดนี้สืบความเป็นมา ธรรมทั้งหลายมาจากวัดท่าซุง
พระครูเจ้าอาวาสยังดูอายุน้อย แต่การสนทนาธรรมกับท่าน ก็ไม่ธรรมดาครับ
ท่านเคารพ ในองค์หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระเจ้า มาก

พิมพ์สร้างพระพุทธรูปส่วนใหญ่เป็นองค์ปฐม แต่ทว่าไม่ได้ประกาศเป็นทางการว่าเป็นองค์ปฐม
เพื่อป้องกันความรู้เท่าไม่ถึงการ ของบุคคลทั่วไป และจะเกิดการปรามาสกันได้ ท่านเจ้าอาวาส ท่านทำแบบเป็นกลางๆ
เพราะฉนั้นที่นี่จึงต่างจากวัดทั่วไป โดยเฉพาะมีการสร้างองค์พระพุทธรูป มากมายบ่งบอกถึงนิสัยพระพุทธภูมินิสัย
สนธนากับท่านนานพอสมควร ท่านเล่าเรื่องราวของการสร้างวัดของท่านในเวลาอันสั้น
มีคนมาถวายปัจจัย โดยที่ไม่คาดคิดมาก่อน คือจู่ๆก็มีการเอามาถวาย จนท่านสร้างวัดได้เร็วเกินคาด
เนื่องจากมีผู้อยู่โลกทิพย์ มาช่วยท่านสร้างด้วย อยากรู้ว่าอย่างไรต้องมาคุยกับท่านเอง
ผมคงไม่เอามาเล่าต่ออีกทีนะครับ หากเกิดการผิดพลาดจะไม่ดีต่อตัวผมเอง

 

พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพิมพ์สมเด็จองค์ปฐม วัดท่าซุง
มีเรื่องเล่า ดังนี้ มีโยมท่านหนึ่ง จะถวายพระประธานในพระอุโบสถ ด้วยตัวท่านเอง
ซึ่งราคา หน้าตัก 4 ศอก ด้วยทองเหลืองปิดทองคำแท้ทั้งองค์ อยู่ที่ ล้านสองแสนบาท
แต่ทว่า ท่านหลวงพ่อเจ้าอาวาส ปฏิเสธที่จะรับ ท่านว่าจะทำด้วยปูนไม่เอาที่โยม ที่จะมาถวายนั้น
โยมถามว่า ทำไมถึงเป็นปูน ท่านตอบว่า ทำด้วยปูนนั้น คนยากจนมีเงินน้อยก็มีโอกาสได้ร่วมบุญได้ด้วย 5 บาท 10 บาท 20 บาท เขาก็ได้อานิสงส์แล้ว
นั่นบ่งบอกถึงความเมตตาของหลวงพ่อเจ้าอาวาส ที่จะเกื้อกูลคนส่วนมาก ไม่ใช่แค่ใครคนหนึ่ง
ไม่เห็นแก่เงินปัจจัยของคนเพียงผู้เดียวแล้วปิดกั้นคนอื่นไม่ให้มีโอกาสได้ร่วมบุญ
ดังนั้นพระประธานในโบสถ์ จึงเป็นการร่วมแรงร่วมใจ ร่วมมือกันตั้งแต่ท่านเจ้าอาวาสไปจนถึงชาวบ้านทั่วไปที่ทราบข่าว
ได้มามีส่วนร่วมในการสร้างบุญบารมี สร้างสมเด็จองค์ปฐม เป็นพระประธาน ให้วัดเกศแก้ว แห่งนี้
เป็นที่น่ายินดีชื่นชมกับชาวบ้านระแวกนี้ ที่ได้มาพบเนื้อนาบุญเป็นผู้นำที่ดีเยี่ยม
ผมฟังท่านเล่าไป ใจมันก็กราบโมทนาไปกับการเล่าของท่าน ถึงจิตใจอันเป็นเมตตายิ่งนี้

 

ผมเข้าใจว่าหน้าตักแปดศอก เท่าที่ผมทราบมา การสร้างเสร็จลงในเวลาอันไม่นานนักครับ
มักจะมีผู้นำเงินมาถวายเป็นก้อนๆ โดยไม่ต้องร้องขอเรี่ยไร
อย่างที่ผมบอกวัดนี้มีผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นโลกทิพย์ เข้ามาช่วยตลอด
บางครั้งหลวงพ่อเจ้าอาวาส ไม่กล้าคิดทำอะไร แต่หากท่านผู้อยู่เบื้องหลังมาสั่งให้ทำแล้วล่ะก็ เป็นต้องได้ทำสำเร็จทุกคราไป

 

เงินซื้อบ้านได้ แต่ซื้อความอบอุ่นในบ้านไม่ได้

เงินซื้อเตียงได้ แต่ซื้อการนอนหลับอย่างมีความสุขไม่ได้​

เงินซื้อนาฬิกาได้ แต่ซื้อเวลาไม่ได้​

เงินซื้อเลือดได้ แต่ซื้อชีวิตไม่ได้​

เงินซื้อเซ็กซ์ได้ แต่ซื้อความรักไม่ได้​

เงินซื้อตำแหน่งได้ แต่ซื้อความเคารพนับถือไม่ได้​

เงินซื้อยาได้ แต่ซื้อสุขภาพที่แข็งแรงไม่ได้​

 

มาคุยเรื่องภาวะโลกร้อนกันบ้างนะครับ
ภาพที่เห็นอยู่นี้ เป็นไร่เกษตรเชิงเดี่ยว ในเขต อ.วังน้ำเย็น เป็นไร่ที่ติดกับ วัดเกศแก้ว นั่นแหละครับ
ผมมองออกไปนอกเขตรั้วของวัด ที่อยู่ติดกันเห็นแล้วอดหวั่นไม่ได้ กับภาวะโลกร้อน
ทั่วทุกเขต ในพื้นที่อันกว้างใหญ่ มีสภาพพื้นดินที่แห้งแตกระแหง หาความชุ่มชื้นไม่มี
ชาวนาชาวสวน ไถนาทิ้งไว้รอน้ำฝนจากฟ้าหลั่งลงมาชโลมดิน แต่ที่ทราบมาฝนขาดช่วงมาเป็นเวลา 5 - 6 เดือนแล้ว
นี่แค่ระยะที่ตื่นตัวกันในช่วงเริ่มต้น ของความแห้งแล้ง แล้วต่อไปภายภาคหน้าหาก ฟ้า ฝน แล้งยิ่งกว่านี้ อะไรจะเกิดขึ้น

ผมเองมีความสนใจที่จะทำเกษตรในแนวพระราชดำริ คือเกษตรพอเพียงแบบผสมผสาน ในพื้นที่ที่มี
มีน้ำจากการขุดบ่อ หากไม่มีน้ำธรรมชาติ การทำเกษตรทฤษฎีของในหลวงท่าน ผมติดตามดูแล้วจะมีแต่ความชุ่มชื้น
ในบริเวรนั้นจะเขียวฉอุ่ม มองดูสดชื่นมาก หากเกษตรทุกสาขาทุกที่ช่วยกันทำ เชื่อว่าภาวะโลกร้อนจะไม่เพิ่มเร็วมากนัก

ผิดกับเกษตรเชิงเดี่ยว ในภาพที่ผมยกมาให้ดูนะครับ มีแต่ความแห้งแร้งเอามากๆ
ดินไม่มีพืชสีเขียว ไม่มีพืชอุ้มน้ำไว้เลย น้ำก็จะแห้งลึกลงไปเรื่อยๆ เพิ่มยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
หากใครมีไร่มีนา ช่วยกันนำเอาแนวทางของในหลวงท่านมาใช้ ประโยชน์ที่ได้คือตัวัวท่านเองเป็นอันดับแรก
ต่อมาก็ช่วยลดภาวะโลกร้อน ให้สังคมชาวโลกได้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข ได้บุญด้วยนะครับ