หลวงพ่อฤาษีลิงดำ มาเข้าฝันทำนายให้ผมเผยแผ่อภิญญาและ ความจริงหลังความฝัน

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ มาเข้าฝันทำนายให้ผมเผยแผ่อภิญญาและ ความจริงหลังความฝัน


(จากกระทู้เก่า เขียนเมื่อ 28-06-2546...2003 )
เมื่อเร็วๆนี้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมฝันว่า ผมได้ยินเสียงหลวงพ่อ มาคุยด้วย
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ก็มาด้วยแต่ท่านอยู่ห่างๆ ผมจับสัมผัสได้....

ไม่เห็นหน้าได้ยินแต่เสียง และผมก็รู้ว่าเป็นหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเคยมาหาผมมาพร้อมกับพระพุทธเจ้าและหลวงปู่แหวน และพระพุทธ้จ้าเจิมหน้าผากให้..

หลวงพ่อบอกให้ผมไปดูพระธาตุของหลวงปู่แหวน ผมก็ไปดู ผมเห็นว่าเป็นผงๆและผมก็มองเห็นว่ามีก้อนกระดูกใสๆเหมือนแก้ว 2ก้อน และผมก็หักเอามาครึ่งหนึ่ง และกลับมา


หลวงพ่อฤาษีลิงดำบอกว่า พูดทำนองสนุบสนุนและเปิดทางให้ผมเผยแผ่ อภิญญา ออกสู่สาธารณะ

และท่านก็ทำนายอนาคตในฝัน ว่าต่อไปผมจะฝันอะไรเห็นบ้างเป็นลำดับเหตการณ์
และสุดท้ายหลวงพ่อท่านบอกว่า ในสุดท้ายต่อไปในอนาคตผมจะได้อภิญญา

และหลังจากนั้นหลวงพ่อก็แสดงพลังทางอภิญญาเป็นพลังจิตให้ผมสัมผัส ผมสัมผัสได้ว่าเป็นพลังที่แรงมากและหนักอึ้ง และท่านก็จากไป..

ผมก็นอนฝันต่อ เหตุการณ์ทุกอย่างที่ท่านทำนายไว้ในฝันว่า ผมจะฝันไปเจออะไรบ้าง ก็เป็นจริงหมดเลยตามที่ท่านทำนาย
ในขณะที่ผมกำลังเผชิญหน้ากับไรความฝัน ผมยังบ่นในใจว่าทำไมหลวงพ่อรู้ได้และทำนายได้ถูก...

แล้วผมก็ตื่นขึ้นมาจากความฝัน ผมดีใจมากผมก็งงต่อว่าทำไมหลวงพ่อรู้อนาคตในความฝันผมได้และสามารถทำนายเหตการณ์ในฝันได้ถูก....
และหลังจากนนั้ผมก็ดีใจมาก ที่ท่านทำนายว่า ต่อไปในอนาคตผมจะได้อภิญญา.....
สาธุขอให้ได้จริงๆ.....

******** ทั้งหมดที่เล่ามานั้นเป็นความฝันนะ ********</LARGFONT>

 

ตอนนี้ก็เลยปรับปรุงเว็ปพลังจิตครั้งใหญ่ เพื่อเผยแผ่ มโนมยิทธิและอภิญญา ออกสู่ธารณะ เพื่อสนับสนุนให้คนมุ่งสู่นิพพาน.

และผมจะขยายอนาจักรไปเรื่อยๆ ที่ผมตั้งใจจะทำ มีจำนวนคนเข้ามากๆ ให้เว็ปพลังจิต เป็นเว็ปอันดับ1ของเมืองไทย ในหมวดศาสนาและวิทยาศาสตร์ อาจจะยากสักนิดหนึ่งแต่ก็ไม่เกินความสามารถ

 

ผมมีความเชื่อว่าหลวงพ่อและหลวงปู่แหวนมาหาผมจริงๆ เพราะว่ามีเหตุการณ์สัมพันธ์หลังความฝัน


" หลวงพ่อฤาษีลิงดำบอกว่า พูดทำนองสนุบสนุนและเปิดทางให้ผมเผยแผ่ มโนมยิทธิและอภิญญา ออกสู่สาธารณะ "
++ ผมคิดว่าหลวงพ่อต้องส่งเทวดามาดูแลผมแน่ๆเลย เพราะว่าเป็นงานสำคัญ พวกเทวดาก็ชอบบำเพ็ญบารมีด้วย


คุณคิดว่าอย่างไรกับเกี่ยวกับเรื่องนี้ ?


***************************


หลวงพ่อฤาษีลิงดำ มาเข้าฝันทำนายให้ผมเผยแผ่อภิญญาและ ความจริงหลังความฝัน(จากกระทู้เก่า เขียนเมื่อ 28-06-2546...2003 )

ผมลืม เขียนเล่า ความจริงหลังความฝัน
ซึ่งผมเคยเขียนไปแล้วที่พันทิพย์และเว็บพลังจิต ตอนเปิดใหม่ๆ
แต่ว่า ช่วงนั้นเว็บล่มบ่อยข้อมูลหาย สมาชิกรุ่นเก่าๆ ตะทราบดี

ตอนนี้ผมขอเล่าอีกครั้ง


ตัวจริงผมตอนอยู่ไทย ผมไม่รูจักหลวงพ่อฤาษีลิงดำ มารู้จักท่านตอนอ่านที่เว็บ ศรํทธาธรรมและเว็บพระรัตนตรัยแบบผ่านๆ
และ พบท่านในสมาธิ ที่ท่านมากับพุทธเจ้าและหลวงปู่แหวนและในฝันครั้งนี้

ผมไม่ทราบว่าฝันนี้ว่าเป็นฝันธรรมดาหรือว่าท่านมาจริงๆ

ความจริงหลังความฝัน คือ
ต่อมาอีก 2-3 วัน หลังจากที่ฝัน
ผมก็ได้ไปเจอเว็บหนึ่ง ผมจำเว็บชื่อไม่ได้แล้ว ตอนนี้ปิดไปแล้ว
มีเสียงพระธรรมเทศนา ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เป็น cd 2 แผ่น ท่านสอนเรื่องอภิญญา สมาธิและกสินต่างๆ

พอผมไปเจอผมก็เลยนึกถึงความฝัน โอ้ ดีใจมากเลย ผมก็เลยไปเขียนเล่าให้คนได้อ่าน

ผมก็เลย download เอาไฟล์นั้นทั้งหมด
มาลงที่เว็บพลังจิต เผยแพร่ให้คนได้ฟัง
ที่ผมเอามาลง ตรงนี้

http://www.palungjit.org/smati/voice/all.htm

แต่ตอนนี้ย้ายไปที่หมวดเสียงพระธรรรมเทศนาแล้ว</LARGFONT>

 

*** หมายเหตุ***

ทั้งหมดเป็นกระทู้เก่าที่หายไปที่ผมเอามาโพสอีกรอบ

 

Omni~Mi
[font=verdana,arial,helvetica]สมาชิก (Member)[/font]

เป็นมงคลสิคะ ถ้าท่านมาจริงๆก็แปลว่าพี่เวปโนว์คงจะมีส่วนช่วยเผยแพร่ในอนาคตอันใกล้นี้ ขอให้ทำสำเร็จนะคะ

เฝ้าดูอยู่ค่า

23-11-2003 22:47
--------------------------------------------

BEN
[font=verdana,arial,helvetica]Guest[/font]
ยอดเลย ดีจัง เฮอะเฮอะ สาธุ
[font=verdana,arial,helvetica][/font]
[font=verdana,arial,helvetica]24-11-2003 12:10[/font]
--------------------------------------------

hanseree
[font=verdana,arial,helvetica]Guest[/font]

ขออนุโมทนาบุญ กับคุณ WebSnow ด้วยค่ะ ที่จะได้มีโอกาสทำบุญใหญ่ร่วมกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อราชพรหมญาณ บังเอิญเปิดเว็บผ่านมาเห็นข้อความที่คุณเล่าเกี่ยวกับการฝันของคุณ แล้วถามว่า "คุณคิดว่าอย่างไรกับเกี่ยวกับเรื่องนี้ ?"
ขอตอบในฐานะที่เป็นลูกศิษย์คนหนึ่ง ที่ศรัทธา, เชื่อมั่นและไม่สงสัยในปฎิปทาของท่าน

การที่คุณเชื่อมั่นว่าท่านมาเข้าฝันคุณนั้น ท่านมาจริงพลังจิตของท่านมีกำลังมากๆๆๆ จริง สมัยที่ท่านยังมีชีวิตหลายคนที่ไม่เคยพบเห็นท่านมาก่อนก็เคยสัมผัสท่านในความฝัน เล่าให้อ่านก็ได้ว่า
มีผู้หญิงคนหนึ่งศรัทธาในหลวงพ่อฯ ทำบุญกับหลวงพ่อเป็นประจำและมีศรัทธาที่จะถวายข้าวให้ทางวัด ประมาณว่า 10 กระสอบ หลังจากนั้นคงจะไม่ว่างหรือเหตุใดไม่ทราบ ก็ยังไม่ได้ไปถวาย ปรากฎว่าวันหนึ่งลูกสาวของผู้หญิงคนนั้นมาเล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนนี้ฝันว่ามีพระแก่รูปหนึ่งผิวดำ มาบอกว่าให้เอาข้าวสารไปถวาย 10 กระสอบ คนเป็นแม่ก็เลยหัวเราะ บอกว่าแกลืมไป เคยบอกกับทางหลวงพ่อฯ ไว้อย่างนั้นแล้วยังไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย คนที่เป็นลูกสาวนั้นไม่เคยไปวัดและไม่รู้จักหลวงพ่อฯ มาก่อน
ที่เล่าให้อ่านจะได้มั่นใจว่าไม่แต่เฉพาะว่าท่านมรณภาพแล้วจึงมาเข้าฝันได้ แม้เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ก็เข้าฝันได้
เรื่องของท่านทำนองนี้มีมากมาย ถ้าได้ปฎิบัติจะเข้าใจเอง และขออธิบายเพิ่มเติมสักเล็กน้อยว่า การที่ท่านไปเข้าฝันลูกสาวเพื่อไปบอกคุณแม่นั้น บางคนอาจจะเข้าผิดคิดว่าเป็นพระแล้วทำไม ไปเข้าฝันทวงให้เอาข้าวสารมาถวายวัดการที่ท่านทำเช่นนี้ เพราะท่านต้องการจะสงเคราะห์คนๆนั้น เนื่องเพราะคนๆนั้น กำลังจะมีเคราะห์หรือเหตุการณ์สักอย่างที่จะส่งผลเสียกับคนๆนั้น ในอนาคตอันใกล้ สิ่งเหล่านี้เป็นปกติของผู้เป็นครูบาอาจารย์จะพึงสงเคราะห์ลูกศิษย์ที่มีความเคารพในท่าน

และการที่คุณเชื่อว่าฝันของคุณเป็นความจริง เพราะขณะฝันนั้นคุณมีสติสัมปะชัญญะสมบูรณ์ และตัวท่านอาจจะมาจริงๆ หรือไม่มาก็ได้ แต่ส่งพลังจิตมาให้คุณรับรู้เรื่องราวต่างๆได้ และการที่ท่านให้คุณรับรู้ได้ในความฝันเพราะคุณยังไม่ได้ปฎิบัติสมาธิภาวนา หรือปฎิบัติแต่ยังไม่ได้มีสมาธิที่เพียงพอในการที่ท่านจะสื่อสารให้คุณทราบความต้องการของท่านได้ ท่านจึงสื่อสารกับคุณผ่านความฝัน และเป็นความฝันที่คุณรู้สึกเสมือนจริง
ปกติฝันลักษณะแบบนี้ก็จะพบการยืนยันความฝันในลักษณะต่างๆ รวดเร็วและง่ายๆ ไม่มีอุปสรรค บางครั้งก็อาจจะพบใครคนหนึ่งซึ่งคุณไม่รู้จักเลยแล้วบอกเล่าเรื่องราวเชื่อมโยงให้คุณคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจ แล้วเขาก็จากไปบางครั้งตัวเขาคนบอกเองยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเขาพูดอะไรออกไป

สรุปว่า เมื่อคุณได้สัมผัสท่านแล้วก็ขอให้ปฎิบัติตามคำสอนที่ท่านสร้างไว้ สิ่งหนึ่งที่ท่านจะย้ำเสมอๆ ว่า การเจริญสมาธิภาวนานั้นอย่าทำเพื่ออวด เพราะสายการเจริญสมาธิของท่านเป็นสายอภิญญา เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเหนือเหตุผลปกติเกิดขึ้นได้เสมอ เพียงเพื่อให้ผู้ปฎิบัติเชื่อมั่นและศรัทธาว่าสิ่งที่พระพุทธองค์กล่าวไว้เป็นจริง จะได้ปฎิบัติความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อละทุกสิ่งไปสู่ความไม่เกิดอีก
สิ่งที่ทำให้ดิฉันศรัทธาท่านเพราะ
1. ท่านมักจะลงชื่อท่าน ในหนังสือท่านว่าศิษย์หลวงปู่ปาน เพื่อยกย่องครูบาอาจารย์ ท่านไม่ใช้ชื่อของท่านเอง
2. ท่านและพระที่วัดท่านจะไม่สะสมเงินทอง ในแต่ละปีเมื่อสิ้นปีเก่าขึ้นปีใหม่ จะมีเงินเหลือเกินหนึ่งพันบาทไม่ได้ ต้องถวายวัดหมด เป็นกฏของหลวงปู่ปานที่วางไว้และท่านได้ปฎิบัติตามโดยตลอด
3. ท่านจะไม่ฟุ่มเฟือย วัดของท่านสร้างไว้ใหญ่จริงบางคนอาจจะเห็นว่าใหญ่โตเกินไปทำให้ไม่ศรัทธา แต่ขอให้สังเกตุว่าท่านสร้างแบบโรงงาน มีหลังคาพื้นและเสา แล้วจึงสร้างผนังภายหลัง ข้างบนมีพัดลมแบบใช้แรงลมเพื่อให้ระบายอากาศไม่ให้ร้อน การสร้างแบบโรงงานนั้นใช้งบน้อย และการที่ท่านสร้างไว้ใหญ่โต ขอให้ดูยามที่มีเทศกาลจะเห็นว่ามันแคบลงไปถนัด ท่านเคยบอกว่า สร้างไว้ใหญ่เพราะต่อไปจะมีคนมาปฎิบัติมาก
4. มีคนถามท่านว่า พระดี ดูอย่างไร รู้ได้อย่างไร ท่านว่า ดูที่ศีลครบไหม ไม่ต้องดูมาก ถ้าศีล5 ไม่ครบ อย่างอื่นไม่ต้องดูกันละ ศีล 227ข้อ เป็นอันไม่ต้องพูดถึง
5. มีอีกมาก ขอจบแค่นี้

สงสัยอย่างไรให้ไปปฎิบัติ วันที่ 9-19 ธันวาคมที่จะถึงนี้ ที่วัดท่าซุง มีปฏิบัติธุดงควัตร ถ้าสนใจได้ไปปฎิบัติสักครั้ง เชื่อว่าจะเพิ่มความศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้เกิดขึ้นในจิตใจท่านได้ทุกคน

สำหรับคุณ WebSnow ขอให้ปฎิบัติตามที่ท่านบอกกล่าวไว้ ดิฉันเชื่อว่าคุณมีวาสนาทางนี้ และคงจะเคยปฎิบัติมาแต่อดีตปางก่อน ปัจจุบันถ้าได้ปฎิบัติจะก้าวหน้าได้เร็ว ขอเพียงอย่ายึดติดในสิ่งที่ท่านว่าคุณจะได้อภิญญา ให้ลืมๆไปเพราะในการปฎิบัติสมาธินั้นต้องมีสติสัมปะชัญญะ และจิตสบายๆ อยู่กับปัจจุบัน ทำให้จิตบริสุทธิ์ คิดเห่อเหิมลำพองไม่ได้ อยากไม่ได้เป็นกิเลสทำให้ไม่สำเร็จประโยชน์
ลืมบอกไปว่า ท่านเคยบอกไว้ว่าหลังจากท่านมรณภาพแล้ว ประมาณ 10 ปี อภิญญาใหญ่จะเข้ามา หมายความว่า จะมีผู้ได้อภิญญาเพิ่มมากขึ้น

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ WebSnow อีกครั้ง
(หลวงพ่อฯ ชอบคนที่ปฎิบัติจริงจัง นะค่ะ)

สวัสดีค่ะ
24-11-2003 20:02

---------------------------------------------------------------------------

WebSnow

ว้าว ขอบคุณมากครับที่เขียนยาวๆให้อ่าน คุณก็เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อนี่เอง...
ผมไม่เคยพบตัวจริงท่านเลย พบแต่ในสมาธิ ก่อนที่ผมจะมาอ่านงานของท่าน

26-11-2003 00:48

-------------------------------------------------------------------------------------

hanseree
[font=verdana,arial,helvetica]Guest[/font]

ดิฉันเองก็รู้จักท่านหลังท่านมรณภาพแล้ว

วันหนึ่งที่โต๊ะทำงาน ลูกน้องคนหนึ่งมานั่งคุยด้วยปรากฎว่ากลายเป็นว่าหลวงพ่อฯ ท่านมาพูดคุยด้วย วันนั้นมีหนังสือของหลวงพ่อฯ เล่มหนึ่งบนโต๊ะแล้วลูกน้องคนนี้เขานั่งมองหนังสือเล่มนี้อยู่ จากนั้นก็ได้ยินท่านพูดว่า เฮ้ย นั่งอยู่ดีๆ แล้วข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
ตอนนั้นด้วยความโง่เขลาเบาปัญญาของดิฉันเอง ที่มีหนังสือของท่านแต่ไม่เคยเปิดอ่านหรือรู้อะไรเกี่ยวกับตัวท่านเลย แต่รู้ว่าเป็นหลวงพ่อฯ ท่านแน่ๆ แต่ดิฉันจะไม่เล่ารายละเอียดว่าพูดคุยอะไรกับท่านบ้าง

เอาเป็นว่าพอดิฉันรู้ว่าเป็นท่านเท่านั้นแหละ ในใจดิฉันขณะนั้นคิดขอลองของทันที ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าเป็นการปรามาสท่านโดยตรง (พอผ่านเหตุการณ์นี้แล้ว ดิฉันนึกเสียใจไม่น่าทำแต่ได้ทำไปแล้ว กราบเท้าขออภัยหลวงพ่อฯ ในทีนี้ด้วยนะค๊ะ และจะขออนุญาติเล่าเรื่องพบหลวงพ่อฯ ครั้งแรกอย่างไร เพื่อสร้างศรัทธาให้กับคนรุ่นหลัง จะได้มั่นใจและสร้างความดีต่อไป)

ดิฉันถามท่านทันที ว่าขณะนี้อาจารย์ของดิฉันชื่อนี้กำลังทำอะไรอยู่ (ขอสงวนนามนะค๊ะ)
ท่านตอบว่า กำลังนั่งคุยกันอยู่ 4 คน
ดิฉันใช้โทรศัพท์โทรไปหาทันที ขณะโทรดิฉันก็มองท่านดูว่าท่านจะเอ็ดดิฉันไหม ไม่เห็นท่านว่าอะไร

เมื่อโทรติดแล้วก็ถามทันทีว่า อาจารย์กำลังคุยกันอยู่ 4 คนหรือ
อาจารย์ตอบว่า ใช่ เดี๋ยวก่อนคุณกำลังทำอะไรน่ะ นั่งทางในหรือ
ดิฉันบอกว่า อย่าเพิ่งถาม นั่งอยู่ 4 คนใช่ใหม
อาจารย์ตอบว่า 5 คน
ขณะนั้นหลวงพ่อฯ ท่านก็บอกออกมา ว่า ที่นั่งอยู่มี 4 คน อีกคนเข้าห้องน้ำกำลังเดินมา
ดิฉันก็เลยถามไปใหม่ว่า อาจารย์ ตอนนี้นั่งคุยกันอยู่ 4 คนใช่ใหม
อาจารย์ก็เลยตอบว่า ใช่ อีกคนไปห้องน้ำ อ้อมาแล้ว มาแล้ว นี่คุณยังไม่ได้ตอบผมเลย ทำอะไรนะ นั่งทางในอยู่หรือ

ดิฉันก็เลยบอกว่า ไม่ต้องถาม แค่นี้นะค๊ะ ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ
หลวงพ่อฯ ก็ยังเล่าให้ฟังว่า เขากำลังคุยเรื่องอะไรกัน แล้วตอนนี้ท่านก็บอกว่า
อาจารย์พูดว่า เลิกคุยเถอะ เดี๋ยวความลับรั่วไหล ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่สงสัยกำลังนั่งทางใน

แต่ดิฉันไม่เคยโทรกลับไปถามอาจารย์อีกว่าคุยเรื่องนี่ใช่ใหม กลัวว่า เขาจะกลัวดิฉัน เพราะสำนวนหนึ่งที่หลวงพ่อฯ ท่านเล่าว่า อาจารย์ตอบคนที่นั่งคุยด้วยว่า เสือยังมีวันต้องทิ้งลาย เป็นสำนวนของอาจารย์ดิฉันชัดๆ ดิฉันก็เลยไม่ได้กลับไป Confirm ด้วยเหตุผลดังกล่าว

นี่คือครั้งแรกที่ดิฉันพบหลวงพ่อฯ แล้วดิฉันก็ยอมรับนับถือและศรัทธาท่านทันที เนื่องจากว่า ท่านกล้าและยอมให้ดิฉันทดลองโดยไม่ดุดิฉัน
ปกติดิฉันเคยรู้เคยฟังคนอื่นเล่า ว่าไปดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วถูกลงโทษต่างๆ นานา ให้ไม่สบายไม่มีวันหายบ้าง หรือมีอันเป็นไปต่างๆบ้าง แต่ดิฉันก็ไม่เคยพบกับเหตุการณ์แบบนี้ นับเป็นโชคดีของดิฉัน และหลวงพ่อฯ ท่านก็มีเมตตามาก ไม่ถือเป็นโทษด้วย

หนังสือที่อยู่กับดิฉันมี 2 เล่มใหญ่ๆหนาๆ เพื่อนดิฉันให้มานานแล้วแต่ไม่เคยเปิดอ่าน คืออ่านแล้วไม่ค่อยรู้เรื่องว่างั้นเถอะ แต่รู้ว่าเป็นหนังสือที่ดี ได้แต่เก็บไว้เฉยๆ นานๆก็หยิบขึ้นมาอ่านสักทีไม่รู้เรื่องก็เก็บ เป็นอย่างนี้เรื่อยมาจนกระทั่งวันหนึ่ง ก็หยิบขึ้นมาเล่มหนึ่ง มีรูปหลวงพ่อฯ มากมายใต้รูปก็เขียนบรรยาย ดิฉันก็เลยลองอ่านใต้ภาพดู เขียนประมาณว่า บอกให้ก็ได้ข้อที่สำคัญที่สุดในสติปัฎฐาน 4 คือจิตตานุสติปัฎฐาน พออ่านแค่นี้ดิฉันเกิดเข้าใจขึ้นมาทันที โทรศัพท์ไปหาเพื่อนที่ให้หนังสือมาขอไปวัดท่าซุงด้วย

ดิฉันไปธุดงควัตร ที่วัดท่าซุง 2 ครั้ง แล้วก็ได้เคยไปช่วยทำความสะอาดที่ห้องเก็บของและมีสมบัติเก่าของหลวงพ่อฯ ที่เคยใช้ตอนมีชีวิต เช่น จีวร สบง ผ้าห่ม หมวกกันหนาว รูปถ่ายต่างๆที่ท่านไป ถ่ายรูปกับท่านครูบาศรีวิชัยบ้าง ท่านอื่นๆ บ้าง
คนอื่นเขาไปทำความสะอาด ดิฉันก็ทำไปรื้อไปแอบอ่านบันทึกของท่านเวลาท่านเจริญกรรมฐาน ออกจากกรรมฐานท่านก็จะบันทึกรายละเอียดต่างๆ ดิฉันอ่านไปๆ ก็สนุกดี

มีบันทึกอยู่อันหนึ่ง เกี่ยวกับการถามตอบคนที่ไปเจริญกรรมฐาน ปกติจะลงในธัมมวิโมกข์ ดิฉันไม่เคยเป็นสมาชิกหรอกเขาเรียกอย่างนี้ ไม่ทราบว่าสะกดถูกหรือเปล่า แอบอ่านนะ มันเป็นต้นฉบับเป็นชิ้นๆ เขาถามหลวงพ่อฯ ว่า มด เวลาตายแล้ววิญญาณเป็นอย่างไร

ถ้าทราบแล้วก็ไม่เล่า เพราะจะยาวเกินไป เกรงว่าจะเบื่อ ถ้าอยากให้เล่าก็แจ้งมาอีกครั้ง

เพราะต้องการให้ทราบแค่ว่าเป็นลูกศิษย์ท่านหลังท่านมรณภาพแล้ว
ความจริงเป็นเพราะดิฉันบุญน้อย ไม่มีโอกาสพบท่านตอนที่ยังมีชีวิต จะพูดว่ไม่มีโอกาสก็ไม่ได้ เพราะครั้งหนึ่งหลวงพ่อฯ เคยมาแสดงธรรมที่บ้านๆ หนึ่งใกล้ๆ เพื่อนๆที่เรียนด้วยกันนับถือท่านมานาน ชวนให้ไปกราบท่าน แต่ดิฉันไม่ไปเพราะไม่ทราบว่าจะพูดคุยกับพระอย่างไร วางตัวไม่ถูก และอีกอย่างที่อยู่ลึกๆ ในใจไม่มีใครทราบ แต่ตอนนี้อยากจะเล่าเพื่อให้คนที่พบเหตุการณ์แบบนี้จะได้เข้าใจ ไม่ Guilty ในใจ

เหตุที่ทำให้ดิฉันไม่กล้าเข้าใกล้พระ ไม่อยากแขวนพระ หรือทำอะไรที่เกี่ยวกับพระดิฉันจะหลีกเลี่ยงเสมอมา จนกระทั่งเป็นผู้ใหญ่ เพราะ
ครั้งหนึ่งดิฉันสมัยเป็นเด็กประมาณ 10-12 ปี ดิฉันก็แขวนพระเหมือนเด็กทั่วไปที่ให้เด็กแขวนพระไว้คุ้มครองป้องกันอันตราย ตามความเชื่อของผู้ใหญ่ วันหนึ่งยืนอยู่ในห้องน้ำ ปรากฏว่าพระหลุดออกจากห่วงอย่างไรไม่ทราบได้ ความรู้สึกบอกว่า พระหลุดผ่านตลอดลำตัว (จินตนาการเอง) จนตกลงถึงพื้นห้องน้ำ ก็เลยรู้สึกผิด Guilty อยู่ในใจ เป็นเด็กไม่รู้จะถามใคร ได้แต่เก็บไว้ในใจเรื่อยมา

กลายเป็นพบพระเมื่อใด หลีกเลี่ยงทุกครั้งไป จนมาพบบันทึกของหลวงพ่อฯ ที่แอบอ่าน หรือเป็นเจตนาของท่านก็ได้ ที่ล่วงรู้ความในใจเรา
ทำให้ดิฉันได้พบคำถาม ที่มีคนถามว่า ถ้าพระตกลงไปในคอห่านจะทำอย่างไร บาปใหม
ท่านตอบว่า อาราธนาท่านออกมา แล้วเก็บมาล้างอาราธนาใหม่ก็ใช้ได้เหมือนเดิม ไม่เป็นไร ไม่บาป ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ท่าน

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผล ที่ทำให้ศรัทธาท่าน

การที่ดิฉันไม่แขวนพระตั้งแต่ครั้งนั้น จนโตเป็นผู้ใหญ่ ระหว่างนี้ก็พบกับเหตุการณ์เกี่ยวกับพระ และเทวดารักษาประจำองค์พระ เป็นสิ่งที่มีจริง

ขอจบแค่นี้ นะค๊ะ
ดิฉันดีใจนะ และชื่นชมในความตั้งใจจริงของคุณ และอยากเห็นคนรุ่นใหม่ฝักใฝ่ในธรรมมากๆ บ้านเมืองจะได้สงบสุข

ขออนุโมทนาด้วยค่ะ

สวัสดี ค่ะ
26-11-2003 19:03

-------------------------------------------------------------------------------------

WebSnow
ว้าว เจ๋งมากเลย แล้วคุณเห็นหลวงพ่อทางไหน ทางจิตหรือฝัน
แสดงว่าคุณอาจจะมีบุญร่วมกับหลวงพ่อ หลวงพ่อได้บอกอะไรคุณไหมว่าท่านมาหาทำไม

มด เวลาตายแล้ววิญญาณเป็นอย่างไร อยากรู้
27-11-2003 14:29

---------------------------------------------------------------------------------------------</LARGFONT></LARGFONT></LARGFONT></LARGFONT>

 

hanseree
[font=verdana,arial,helvetica]Guest[/font]
ดิฉันจะอธิบายอย่างไรดี เพราะเป็นการอธิบายบนเว็บไซด์ ถ้าคนทั่วไปที่ไม่เคยสัมผัสกับเรื่องพวกนี้อ่านแล้วจะคิดว่าเว็บไซด์นี้ เปิดเผยเรื่องที่ทำให้คนงมงายหรือเปล่า แต่มันก็เป็นเรื่องที่ได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ

คุณถามว่า ดิฉันเห็นหลวงพ่อฯ ท่านทางไหน ทางจิตหรือฝัน
ก็คุณลูกน้องดิฉันนั่นแหละพูดในสไตล์ของหลวงพ่อฯ เพียงแต่เสียงยังคงเป็นเสียงของเขาเอง แล้วยังบอกอีกด้วยว่า ถ้าใช้เสียงจริงของหลวงพ่อฯ ดิฉันจะกลัว

คุณอ่านแล้วอาจจะมีคำถามว่า แล้วดิฉันจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าที่คุณลูกน้องดิฉันที่นั่งอยู่ตรงหน้าและกำลังพูดอยู่คือ หลวงพ่อฯ ท่านมาพูดด้วยจริงๆ

เหตุผลที่ทำให้เชื่อ เพราะ
1. ท่านบอกเอง ว่าท่านเป็นใคร ดิฉันก็ต้องเชื่อไว้ก่อนแล้วหาเหตุผลทีหลัง ขณะนั้นดิฉันอยู่ในภาวะจำยอมเพราะนั่งอยู่กัน 2 คน คุณจะให้ดิฉันหลีกหนีไปไหนได้ กำลังพูดกับอะไร กับใครก็ไม่รู้
ถ้าถามว่ากลัวไหม ไม่กลัวแต่ถ้าเปลี่ยนเสียงกลัว
2. เรื่องที่พูดกันนั้น เป็นเรื่องของดิฉันล้วนๆ คุณลูกน้องดิฉันไม่ทราบเรื่องดิฉันหรอก เพราะเขาเพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่ ไม่นาน ประมาณ 2-3 เดือน เรื่องส่วนตัวลึกๆ ใครจะมาทราบได้ละเอียด
3. ณ วันนั้นดิฉันก็ได้ทดสอบท่าน โดยโทรศัพท์ไปหาอาจารย์ดิฉันตามที่เล่ามาแล้ว

ดิฉันก็สงสัยเหมือนกันว่า อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้ ที่ไม่ใช่หลวงพ่อฯ แต่หลังจากนี้ดิฉันก็พยายามอ่านหนังสือของท่านให้มากๆ จนรู้สำนวนหรือสไตล์การพูดของท่าน จึงรู้ว่าเป็นท่านแน่นอน วิธีการพูดหรือเขียนของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน อาจคล้ายกันได้ แต่ไม่เหมือนกัน
เหมือนเราอ่านหนังสือที่ต่างคนแต่งหนังสือ ถ้าอ่านมากๆ ก็จะรู้ว่าสไตส์การเขียนแบบนี้ ใครคือผู้แต่ง คุณก็คงทราบดี คงจะอ่านมาไม่น้อยแล้ว

หลังจากนี้ ความสงสัยก็ยังไม่หาย ไม่นานก็มีปูชนียบุคคลผู้หนึ่ง ไม่มีร่างกายแล้ว แต่มีผู้เคารพกราบไหว้มากมาย สื่อสารให้ดิฉันทราบเกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้ว่า เป็นเทวดาหรือเป็นพระ เขาไม่พูดโกหกกันหรอกนะ
และอีกประการหนึ่งจากที่ดิฉันไปธุดงค์ครั้งนั้น ที่ไปแอบอ่านบันทึก คำถามตอบของอุบาสกอุบาสิกาที่ไปฟังเทศน์และมีคำถามนี้เหมือนกัน แต่ดิฉันไม่ทราบว่าพิมพ์เป็นหนังสือแล้วอยู่จะอยู่ที่เล่มไหน
ถามเกี่ยวกับเทวดา จำไม่ได้ว่าถามเรื่องอะไร แต่หลวงพ่อฯ ท่านตอบว่า เป็นเทวดาเขาไม่พูดเท็จกันหรอกต้องมี ศีล5 หรือ ศีล8 และมีหิริโอปตัปปะ ต้องมีความดีจึงเป็นเทวดาได้

ความจริงดิฉันว่า เทวดาที่ศีลไม่ครบก็คงมี แต่หลวงพ่อฯ คงหมายถึงเทวดาส่วนใหญ่ เพราะปุถุชนคนธรรมดาก็คงเหมือนกัน แต่มีศีลขาดๆวิ่นๆมากกว่า

ตอนนั้น ดิฉันไม่เคยนั่งสมาธิ และไม่เคยคิดจะนั่งสมาธิด้วย ไม่ค่อยได้ไปวัดแต่ไปก็ได้ ไม่ชอบฟังเทศน์เพราะพระชอบเทศน์แต่สิ่งง่ายๆ เรารู้อยู่แล้ว ไม่ใช่คนที่ดีนัก แต่ไม่พูดโกหก ถือศีล5 ตั้งแต่เรียนอยู่มัธยมปีที่2 ถ้าจะถามว่าทำไมถึงถือศีล5 ไม่ทราบเหมือนกัน รู้แต่ว่าอยากถือศีล5 ก็ทำแต่ไม่ได้บอกใคร

ส่วนมาก การสื่อสารในตอนเป็นเด็กจนกระทั่งทำงานแล้ว ระหว่างสิ่งที่มองไม่เห็นจะเป็นการสื่อสารผ่านความฝัน แล้วตื่นขึ้นมาก็คือความจริงเลย ไม่ต้องคอยนานเป็นอาทิตย์ๆ หรือเป็นเดือนๆ
ส่วนตอนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็เป็นอย่างที่เล่ามา


ส่วนที่คุณถามว่า หลวงพ่อได้บอกอะไรคุณไหมว่าท่านมาหาทำไม
ถ้าคุณอ่านที่ดิฉันเล่ามาครั้งที่แล้ว ตอนที่ว่า "จากนั้นก็ได้ยินท่านพูดว่า เฮ้ย นั่งอยู่ดีๆ แล้วข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร" แสดงว่า ท่านก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่า ท่านมานั่งตรงหน้าดิฉันได้อย่างไร
เพราะ ฉะนั้นคำตอบที่ว่า ท่านมาหาทำไม ดิฉันไม่ทราบ และก็จะไม่ถามด้วยกลัวถูกใช้งาน ถ้าท่านใช้งานแล้วละก็ห้ามถอนตัวเด็ดขาด จะถูกเหยียบอก เข้าใจใหม ค่ะ ดิฉันพูดจริงๆนะ สไตล์ของท่านต้องเป็นแบบนี้คุณใช้จิตเก่ง ลองถามดูสิ ว่าจริงไหม ถ้าเป็นผู้ชายใช้งานแล้วไม่เชื่อฟังจะถูกเหยียบอก ถ้าเป็นผู้หญิงก็ช่างมัน ปล่อยมันไป

เจ้าอาวาสวัดท่าซุงปัจจุบัน ก็เป็นแบบนี้ สไตล์เดียวกัน ไปธุดงค์ครั้งก่อน เวลาอุบาสกผู้ชายเดินไปมาที่โรงอาหารไม่เป็นระเบียบเพราะถึงเวลาที่จะทำวัตรแล้ว ยังไม่พร้อมที่จะทำวัตร ทำให้คนอีกเป็นพันกว่าคนต้องรอ ว่าแล้วไม่เชื่อฟังไม่กลับมานั่งที่ ยังคงเดินไปมาอีก ท่านพูดเสียงดังฟังชัดเลยว่า คนอย่างนี้ไม่มีระเบียบไปอยู่ที่ไหนก็ทำให้สังคมหมู่มากเสียหาย ไปอยู่นอกวัดก็จะทำให้คนรอบข้างเดือดร้อนเพราะไม่มีวินัยนี่แหละ เดี๋ยวไล่กลับบ้านเลย พูดแล้วยังไม่กลับมาอีกนะ (แล้วก็ลดเสียงต่ำลงมา แบบมีเมตตานะ) มาวัดแล้วอยู่กับคนหมู่มากก็ควรฝึกให้เป็นคนมีระเบียบมีวินัย ไปอยู่สังคมไหนก็ไม่มีใครรังเกียจ พร้อมแล้วก็เริ่มทำวัตรเลยนะ

พอเป็นอุบาสิกา ซื้อปลาเค็มดิบมาเก็บไว้ในตู้ทำให้ส่งกลิ่นไปทั่วห้อง (บางคนไปธุดงค์แต่พักบนห้องรวมกัน)
มีคนไปฟ้องเจ้าอาวาส เรื่องนี้ ท่านไม่เห็นว่าอะไร และยังพูดอีกนะ ว่า แหมถ้าไม่ซื้อเก็บไว้ก่อนก็เสียดายกลัวว่า คนขายปลาเค็มเขาจะขายหมด เลยเวลากลับบ้านจะซื้อหาไม่ได้

นี่แหละของแท้ สไตล์เจ้าอาวาสวัดท่าซุง


รู้สึกว่าตอบคำถามคุณหมดแล้วนะ อ้อ เหลือคำถามเรื่องมด
คำถาม มด เวลาตายแล้ววิญญาณเป็นอย่างไร อยากรู้

ที่อ่านวันนั้น หลวงพ่อฯ ท่านตอบว่า วิญญานมด เวลาตายแล้ว วิญญานเป็นคน ก็คือเป็นวิญญานที่มีร่างเหมือนคน เรียกว่า อทิสมานกาย

จบแค่นี้นะ เวลาหมดแล้ว สวัสดีค่ะ

27-11-2003 21:28

----------------------------------------------------------

hanseree
[font=verdana,arial,helvetica]Guest[/font]

ทำไมไม่คิดว่า คุณลูกน้องดิฉันเป็นคนที่มีบุญมากกว่า แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับผลที่ตามมาหลังจากนี้
ทำให้ดิฉันเข้ามาเป็นผู้ปฎิบัติสมาธิในสายกรรมฐานของท่าน แม้ว่าการสื่อสารระหว่างท่านและดิฉันออกจะแปลกๆ ไม่เหมือนกับบุคคลอื่นซึ่งมาในสมาธินิมิต หรือเหตุจูงใจจากเพื่อนกัลยณมิตรด้วยกัน

ดิฉันวิเคราะห์เองว่า เป็นเพราะท่านไม่สามารถจะสื่อสารกับดิฉันในทางอื่นๆได้ จะมาในสมาธิก็ไม่ได้เพราะไม่เคยนั่งสมาธิ (ช่วงเวลานั้น) จะมาในความฝันก็ต้องมีจังหวะตกภวังค์กึ่งรู้สึกตัวไม่รู้สึกตัว ไม่ง่ายเลย จึงต้องแสดงให้เห็นด้วยตาเนื้อจริงๆ คุณลองคิดดูคนๆหนึ่งไปวัดนับครั้งได้ ใส่บาตรนับครั้งได้ สังฆทานทำบ้างก็นับได้อีก ทำบุญอย่างอื่นมี แต่ไม่มากนัก จะมีความดีเล็กๆน้อยๆ เพียงประการเดียวคือไม่โกหก และถือศีล5 ตามที่ได้เล่ามาข้างต้นแล้ว

พระท่านคงเล็งเห็นแล้วว่ามีนิสสัยที่พอจะจูงจิตให้มาปฎิบัติได้ ดิฉันคิดว่าเป็นเรื่องยากมากๆ ในการที่จะชักชวนบุคคลใดบุคคลหนึ่งให้มาปฎิบัติสมาธิภาวนาเพื่อ ลด ละ เลิก ในกิเลสตัณหาต่างๆ อย่าว่าแต่พระซึ่งไม่มีร่างกายให้เราเห็นได้ด้วยตาเนื้อเลย แม้แต่เราเองถ้าเราออกแรงชักชวน ออกเงิน ให้เขามาปฎิบัติถ้าใจเขาไม่มาด้วยก็ไร้ผล ต้องถึงพร้อมด้วยศรัทธาของตัวเขาเองจริงๆ และวิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา จึงตามมาภายหลัง

ถึงแม้บางคนที่มาปฎิบัติแล้วเลิกเสียกลางคันก็มีมาก เพราะศรัทธาไม่มั่นคง ทำให้พ่ายแพ้ต่อกิเลส ไม่อาจชนะได้

ถ้าจะว่าไปแล้วดิฉันนับว่าโชคดีที่พระท่านสงเคราะห์ให้ได้เห็นอะไรแปลกๆ ด้วยตาเนื้อหลายครั้งเพราะไม่มีโอกาสได้ปฎิบัติสมาธิภาวนา อย่างเช่นว่า ดิฉันเคยไปงานเทศกาลกินเจ ที่จังหวัดภูเก็ต ในเทศกาลนี้ทุกคนคงทราบดีว่าประมาณ 10 วัน แต่เป็นที่น่าสังเกตุว่าเวลาประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อของเขาฝนจะไม่ตกเลย พอเลิกทำพิธีฝนก็จะตกมาอย่างหนัก

วันนั้นจำได้ว่าเพื่อนชวนให้ไปสะเดาะเคราะห์ที่วัดศาลเจ้าจุ๊ยตุ่ย (ชื่อประมาณนี้ละ อาจจะสะกดผิดก็ขออภัยเพราะนานมาแล้ว) คนไปกันเยอะมากต้องถอดรองเท้าด้วย ดิฉันกับเพื่อนและคุณแม่ของเพื่อนก็กำลังถอดรองเท้าแล้วไปเก็บในที่ ที่เขาจัดไว้ให้ ขณะนั้นฝนเริ่มตกปรอยๆ เพื่อนและคุณแม่ก็สาระวนอยู่กับการจัดการกับรองเท้าและบ่นเรื่องฝนกำลังจะตก ฝนเริ่มเม็ดใหญ่ขึ้นๆ แต่สายตาดิฉันกลับมองไปข้างหน้าเห็นพระรูปหนึ่งยืนบนสะพานมือชี้ไปบนท้องฟ้า แล้วทำปากขมุบขมิบเหมือนท่องอะไรสักอย่าง แล้วดิฉันก็ได้เห็นฝนเม็ด
ใหญ่ๆ ที่ตกรอบๆพระรูปนั้นค่อยหายไป ขณะนั้นดิฉันก็มีสติพอจะมองไปรอบๆตัว มองเพื่อนและมองคุณแม่ของเพื่อน และคนอื่นๆโดยรอบว่า จะมองพระรูปนั้นหรือไม่ ปรากฎว่าไม่มีใครเลยที่จะเห็นเหมือนที่ดิฉันกำลังมองอยู่ขณะนี้ เพราะมัวแต่จะเก็บรองเท้า

ดิฉันมองกลับไปที่พระรูปนั้นอีกครั้งหนึ่ง ปรากฎว่าฝนเม็ดใหญ่ๆ ที่กำลังจะเทลงมาค่อยๆหายไปโดยเริ่มจากรอบๆพระรูปนั้นแล้วขยายเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนหายไปหมด ใช้เวลาแค่อึดใจเดียว กระพริบตาไม่กี่ครั้ง วันนั้นฝนไม่ตกจนเสร็จพิธีกรรม กลับถึงที่พัก ฝนจึงเทลงมาอย่างหนักอีกครั้ง

ดิฉันเล่ามานี่ไม่ต้องการให้ท่านผู้อ่านคิดว่า ดิฉันมีบุญญาธิการอย่างที่คุณWebSnow ท่านแซว แต่เป็นเพราะพระท่านต้องการจะสงเคราะห์ดิฉัน เพื่อให้เกิดศรัทธา ว่าสิ่งเหล่านี้มีจริงเพียงแต่ท่านจะสื่อสารให้เราทราบด้วยวิธีใด การเห็นอิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์ของพระที่มองไม่เห็นร่างกาย ด้วยตาเนื้อของดิฉันมีอยู่หลายครั้ง แต่ก็น่าแปลกที่จงใจให้ดิฉันเห็นอยู่คนเดียว เลยไม่ทราบจะพิสูจน์ได้อย่างไร นอกจากศีล5 ประจำกาย (หลวงพ่อฯ ท่านว่าศีล5 คือปกติมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น ท่านปรารถนาให้เราทำได้มากกว่านี้) อาจจะเป็นไปอย่างที่สมเด็จพระพุฒาจาย์โต พรหมรังสี ท่านกล่าวไว้ว่าเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์เป็นเรื่องที่รู้ได้เฉพาะตน

เหมือนในบทสวดธรรมคุณ ที่ว่าสวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฎฐิโก อะกาลิโก...... โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติฯ

กว่าดิฉันจะมาปฎิบัติได้ ท่านสื่อสารให้ดิฉันหลายต่อหลายครั้ง กว่าที่ดิฉันจะมาปฎิบัติได้ ไม่ใช่เพียงเรื่องหรือสองเรื่องที่เล่านี้เท่านั้น
ความต้องการของพระทุกๆ พระองค์ปรารถนาให้เราปฎิบัติก็เพื่อความหลุดพ้นของตัวเราเองเท่านั้น และไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น

ดิฉันตั้งใจว่า จะหยุดกระทู้นี้แล้ว แต่รู้สึกเหมือนถูกแทงข้างหลัง จึงกลับเข้ามาดูใหม่ แล้วก็.....

สวัสดี ค่ะ
07-12-2003 19:28-
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


NatureString
[font=verdana,arial,helvetica]สมาชิก (Member)[/font]
หลวงพ่อฤาษีลิงดำเข้าฝัน

<LARGFONT>แม้ผมจะเป็นสมาชิกใหม่ และยังไม่ได้แนะนำตัวกับบอร์ด
แต่เข้ามาในเว็บ.....รู้สึกสนใจ...ที่มีเว็บเรื่องแบบนี้ด้วย

คุณ Websnow น่าจะ OK นะ ที่มีแนวคิดสร้างข้อมูลให้คนได้สัมผัส
กับศาสนา อย่างน้อยก็อ่านเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ทำให้คนอ่าน
ได้รับรู้เรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับพุทธศาสน์ก่อนที่จะรู้จักศาสนาที่แท้จริง
อนุโมทนาด้วย

ผมเคยส่งเมล์ถามคุณบางเรื่องโดยตรงมาแล้วเมื่อไม่นานมานี้

15-01-2004 23:56

</LARGFONT></LARGFONT>

 

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ มาเข้าฝันทำนายให้ผมเผยแผ่อภิญญาและ ความจริงหลังความฝัน

(จากกระทู้เก่า เขียนเมื่อ 28-06-2546...2003 )

ผมลืม เขียนเล่า ความจริงหลังความฝัน
ซึ่งผมเคยเขียนไปแล้วที่พันทิพย์และเว็บพลังจิต ตอนเปิดใหม่ๆ
แต่ว่า ช่วงนั้นเว็บล่มบ่อยข้อมูลหาย สมาชิกรุ่นเก่าๆ ตะทราบดี

ตอนนี้ผมขอเล่าอีกครั้ง


ตัวจริงผมตอนอยู่ไทย ผมไม่รูจักหลวงพ่อฤาษีลิงดำ มารู้จักท่านตอนอ่านที่เว็บ ศรํทธาธรรมและเว็บพระรัตนตรัยแบบผ่านๆ
และ พบท่านในสมาธิ ที่ท่านมากับพุทธเจ้าและหลวงปู่แหวนและในฝันครั้งนี้

ผมไม่ทราบว่าฝันนี้ว่าเป็นฝันธรรมดาหรือว่าท่านมาจริงๆ

ความจริงหลังความฝัน คือ
ต่อมาอีก 2-3 วัน หลังจากที่ฝัน
ผมก็ได้ไปเจอเว็บหนึ่ง ผมจำเว็บชื่อไม่ได้แล้ว ตอนนี้ปิดไปแล้ว
มีเสียงพระธรรมเทศนา ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เป็น cd 2 แผ่น ท่านสอนเรื่องอภิญญา สมาธิและกสินต่างๆ

พอผมไปเจอผมก็เลยนึกถึงความฝัน โอ้ ดีใจมากเลย ผมก็เลยไปเขียนเล่าให้คนได้อ่าน

ผมก็เลย download เอาไฟล์นั้นทั้งหมด
มาลงที่เว็บพลังจิต เผยแพร่ให้คนได้ฟัง
ที่ผมเอามาลง ตรงนี้

http://www.palungjit.org/smati/voice/all.htm

แต่ตอนนี้ย้ายไปที่หมวดเสียงพระธรรรมเทศนาแล้ว

 

ข้างบน คือ ผมเขียนไว้ เมื่อ เปิดเว็บใหม่ คือ ปี 2546
ตอนนี้ทำสำเร็จ แล้ว ไประดับหนึ่งแล้ว

greeeeeeeeeeeed !!! แบบ สามโลกธาตุ หวั่นไหว สะท้านใจผู้อ่าน !!!!