ขอถามผู้รู้หน่อย เรื่่่่องประวัติของพระโมคคัลลานะ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย พระไทย, 4 มีนาคม 2010.

  1. พระไทย

    พระไทย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +5
    ขอเจริญพรคุณโยมผู้รู้หรือพระคุณเจ้าก็ได้ที่ทราบ
    วันที่พระโมคคัลลานะเถระ นิพพานนั้น ได้ถูกโจรทำร้าย แล้วท่านก็ใช้ฤทธิ์ประสานกายไปทูลลาพระพุทธเจ้า พระองค์ตรัสว่า “โมคคัลลานะ ถ้าอย่างนั้น เธอจงแสดง ธรรม แก่ตถาคตก่อน ด้วยว่าการได้เห็นพระเถระ
    เช่นเธอนี้ จะไม่มีอีกแล้ว "พระเถระได้รับพระพุทธบัญชาเช่นนั้นจึงทำปาฏิหาริย์เหาะขึ้นไปบนอากาศแสดง พระธรรมเทศนา แล้วลงมาถวายอภิวาทกราบทูลลาไปยังกาฬศิลา และปรินิพพาน ณ ที่นั้น ตรงกับวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ หลังจากพระสารีบุตรนิพพานได้ ๑๕ วัน
    ขอถามว่า ธรรมะนั้นมีชื่อว่าอะไร?ที่พระโมคคัลลานะแสดงก่อนนิพพาน
    เพราะค้นหาไม่เจอ มีใครผุ้รู้พอจะทราบบ้างไหม ขอหลักฐานอ้างอิงด้วยจะยิ่งดี

    ขอเจริญพร
     
  2. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603


    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๗ - หน้าที่ 589 อรรถกถาสรภังคชาดก

    พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงพระปรารภการปรินิพพาน ของพระมหาโมคคัลลานะ ตรัสพระธรรมเทศนานี้มีคำเริ่มต้นว่า อลงฺกตา กุณฺฑลิโน สุวตฺถา ดังนี้.
    ได้ยินว่า พระสารีบุตรเถระกราบทูลให้พระตถาคตเจ้า ซึ่งประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงอนุญาตการปรินิพพานแล้ว เดินทางไปปรินิพพาน ณ ห้องที่ตนเกิดในนาลันทคาม. พระศาสดาทรงสดับข่าวว่า พระสารีบุตรปรินิพพานแล้ว จึงเสด็จไปยังกรุงราชคฤห์ ประทับอยู่ในพระเวฬุวันวิหาร. คราวนั้น พระมหาโมคคัลลานเถระ อยู่ที่กาฬศิลาประเทศ ข้างภูเขาอิสิคิลิ. ก็ท่านพระมหาโมคคัลลานะนั้น เที่ยวไปยังเทวโลกบ้าง อุสสทนรกบ้าง ด้วยความเป็นผู้ถึงที่สุดด้วยกำลังฤทธิ์. ท่านเห็นอิสริยยศใหญ่ของพุทธสาวกในเทวโลก เห็นทุกข์ใหญ่หลวงของติตถิยสาวกในอุสสทนรก แล้วกลับมายังมนุษยโลก แจ้งแก่มนุษย์ทั้งหลายว่า อุบาสกคนโน้น และอุบาสิกาคนโน้นบังเกิดเสวยมหาสมบัติในเทวโลกชื่อโน้น สาวกของเดียรถีย์คนโน้นกับคนโน้นบังเกิดที่นรกเป็นต้น ในอบายชื่อโน้น. มนุษย์ทั้งหลายพากันเลื่อมใสในพระศาสนา ละเลยพวกเดียรถีย์เสีย. ลาภสักการะใหญ่หลวงได้มีแก่สาวกของพระพุทธเจ้า. ลาภสักการะของพวกเดียรถีย์ก็เสื่อมลง. พวกเดียรถีย์เหล่านั้นจึงพากันผูกอาฆาตในพระเถระว่า เมื่อพระเถระนี้ยังมีชีวิตอยู่ อุปัฏฐากของพวกเราก็แตกแยก ทั้งลาภสักการะก็เสื่อมลง พวกเราจักฆ่าพระเถระให้ตาย.
    พวกเดียรถีย์ทั้งหลาย จึงจ้างโจรชื่อสมณกุตต์ เป็นเงินพันหนึ่ง เพื่อให้ฆ่าพระเถระ. โจรสมณกุตต์คิดว่า เราจักฆ่าพระเถระให้ตาย จึงไปยังถ้ำกาฬศิลาพร้อมด้วยสมุนโจรเป็นอันมาก. พระเถระเห็นโจรสมณกุตต์ก าลังเดินมา จึงเหาะหลบหลีกไปเสียด้วยฤทธิ์. วันนั้นโจรเห็นพระเถระเหาะไปจึงกลับเสียได้มาติด ๆ กัน ทุก ๆ วันรุ่งขึ้น รวม ๖ วัน. ฝ่ายพระเถระก็หลบหลีกไปด้วยฤทธิ์ ดังที่เคยมา. แต่ในวันที่เจ็ด อปราปรเวทนียกรรมที่พระเถระทำไว้ในปางก่อนได้โอกาส. ได้ยินว่า ในชาติก่อน พระเถระเชื่อถ้อยคำของภรรยาประสงค์จะฆ่ามารดาบิดาให้ตาย จึงน าไปสู่ป่าด้วยยานน้อย. ทำอาการดุจโจรตั้งขึ้น แล้วโบยตีมารดาบิดา. มารดาบิดาทั้งสองมองไม่เห็นอะไร เพราะมีจักษุพิการ จำบุตรของตนนั้นไม่ได้ โดยสำคัญว่า นั่นเป็นพวกโจร ต่างปริเทวนาการ เพื่อประโยชน์ต่อบุตรอย่างเดียวว่า ลูกเอ๋ย ให้โจรพวกโน้น มันฆ่าพ่อฆ่าแม่เถิด เจ้าจงหลบเอาตัวรอดเถิด. บุตรชายคิดว่า มารดาบิดาของเราทังสองท่านนี้ แม้จะถูกเราทุบตี ก็ยังร่ำไรรำพัน เพื่อประโยชน์แก่เราผู้เดียว เราทำกรรมอันไม่สมควรเลย. ลำดับนั้น เขาจึงปลอบโยนมารดาบิดา แสดงอาการดุจพวกโจรหนีไป แล้วนวดฟั้นมือเท้าของท่านทั้งสองพูดว่า คุณแม่คุณพ่ออย่ากลัวเลย พวกโจรหนีไปแล้ว แล้วนำกลับมายังเรือนของตนตามเดิม.
    กรรมนั้นไม่ได้โอกาส ตลอดเวลามีประมาณเท่านี้ ตั้งอยู่เหมือนกองเพลิง ถูกเถ้ากลบไว้เฉพาะหน้า แล้ววิ่งเข้าสู่สรีระอันไม่มีที่สุดนี้. ก็กรรมนี้ได้โอกาสในที่ใดย่อมให้ผลในที่นั้น เปรียบเหมือนสุนัขอันนายพรานพบเนื้อแล้วปล่อยให้ไล่ติดตามเนื้อ ทันกันในที่ใดก็กัดในที่นั้นฉะนั้น ขึ้นชื่อว่าผู้ที่จะพ้นจากกรรมนั้นได้ไม่มีเลย. พระเถระรู้ว่า กรรมที่ตนทำไว้หน่วงเหนี่ยวจึงมิได้หลบหลีกต่อไป. เพราะผลของกรรมนั้น พระเถระจึงไม่สามารถจะเหาะไปในอากาศได้. ฤทธิ์ของพระเถระแม้สามารถทรมานนันโทปนันทนาคราช แลสามารถยังเวชยันตปราสาทให้หวั่นไหว ก็ถึงความทุรพลเพราะกำลังแห่งกรรม. โจรจับพระเถระได้ทุบจนกระดูกของพระเถระมีขนาดเท่าเมล็ดข้าวสารแหลกละเอียดไป เหมือนบดฟางให้เป็นแป้งฉะนั้น แล้วโยนไปที่หลังพุ่มไม้แห่งหนึ่ง ด้วยสำคัญว่าตายแล้ว พร้อมด้วยสมุนโจรหลีกกลับไป.
    ฝ่ายพระเถระกลับได้สติ แล้วคิดว่า เราจักถวายบังคมลาพระศาสดาก่อน จึงจักปรินิพพาน ดังนี้ แล้วเยียวยาอัตภาพด้วยฌานทำให้มั่นคง แล้วเหาะไปยังสำนักของพระศาสดาทางอากาศ ถวายบังคมพระศาสดาแล้วทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อายุสังขารของข้าพระองค์ถดถอยแล้ว ข้าพระองค์จักปรินิพพาน. พระศาสดาตรัสถามว่า ดูก่อนโมคคัลลานะ เธอจักปรินิพพานหรือ ? ทูลตอบว่า พระพุทธเจ้า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ตรัสถามว่า เธอจักไปปรินิพพานที่ไหน ทูลตอบว่า ที่แผ่นหิน ในถ้ำกาฬศิลา พระเจ้าข้า. ตรัสว่า โมคคัลลานะ ถ้าเช่นนั้นเธอจงกล่าวธรรมแก่เราก่อน แล้วค่อยไปเพราะบัดนี้ การที่จะได้เห็นสาวกเช่นเธอ ไม่มีอีกแล้ว. พระมหาโมคคัลลานะทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์จักกระทำตามพระพุทธดำรัส แล้วเหาะขึ้นไปบนอากาศ สูงชั่วต้นตาล แสดงฤทธิ์มีประการต่างๆ เหมือนพระสารีบุตรเถระในวันที่จะปรินิพพาน กล่าวธรรมกถาถวายบังคมพระบรมศาสดาแล้วปรินิพพาน ณ ดงเนกาฬศิลาประเทศ.
    พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าอโนมทัสสีเป็นพระโลกเชษฐ์ เป็นนระผู้องอาจ อันเทวดาและภิกษุ สงฆ์แวดล้อม ประทับอยู่ ณ ภูเขาหิมวันต์. พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงเป็นพระชินเจ้า เสด็จลงจากภูเขาหิมวันต์นั้นแล้วเสด็จเที่ยวจาริกไป ทรงอนุเคราะห์หมู่สัตว์เสด็จเข้าถึงกรุงพาราณสี. พระมหามุนีผู้นำโลกแวดล้อมด้วยพระขีณาสพ ๑,๐๐๐ ทรงส่องทิศทั้งปวงให้สว่างไสวไพโรจน์.ในคราวนั้น เราเป็นคฤหบดีอันสหายผู้มีมหิทธิฤทธิ์ นามว่าสรทะส่งไป ได้เข้ารูปเฝ้าพระศาสดา. ครั้นแล้ว ได้ทูลนิมนต์พระตถาคตสัมพุทธเจ้านำเสด็จไปยังที่อยู่ของตน ทำการบูชาพระมหามุนีอยู่, เวลานั้นเรายังพระมหาวีรเจ้าผู้ประเสริฐกว่าเทวดา เป็นนระผู้องอาจ ผู้เสด็จเข้ามาพร้อมทั้งภิกษุสงฆ์ ให้อิ่มหนำด้วยข้าวและน้ำ.
    พระมหาวีรเจ้าผู้เป็นพระสยัมภูอัครบุคคลทรงอนุโมทนาแล้ว ประทับนั่งอยู่ในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ ได้ตรัส พระคาถาเหล่านี้ว่า ผู้ใดได้บูชาพระสงฆ์และได้บูชาพระพุทธเจ้าผู้นายกของโลก ด้วยจิตอันเลื่อมใส ผู้นั้นจักไปสู่เทวโลก จักเสวยเทวรัชสมบัติ ๗๗ ครั้ง จักเสวยราชสมบัติในแผ่นดิน ครอบครองพสุธา ๑๐๘ ครั้ง และจักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๕ ครั้ง โภคสมบัติอันนับไม่ถ้วนจักบังเกิดแก่ผู้นั้นในขณะนั้น. ในกัปอันนับไม่ได้แต่กัปนี้ พระศาสดาพระนามว่าโคตมะโดยพระโคตร ซึ่งสมภพในวงศ์ของพระเจ้าโอกกากราช จักอุบัติขึ้นในโลก ผู้นั้นเคลื่อนจากนรกแล้ว จักถึงความเป็นมนุษย์ จักเป็นบุตรพราหมณ์ มีนามว่า โกลิตะภายหลังอัน กุศลมูลกระตุ้นเตือนแล้วเขาจักออกบวช จักได้เป็นพระสาวกองค์ที่สองของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าโคดม. จักปรารภความเพียร มีใจสงบถึงความยอดเยี่ยมแห่งฤทธิ์ กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะจักปรินิพพาน.
    เราอาศัยมิตรชั่วตกอยู่ในอำนาจของกามราคะ มีใจอันโทษประทุษร้ายแล้ว ได้ฆ่ามารดาและบิดา. เราเข้าถึงกำเนิดใด ๆ จะเป็นนรกหรือมนุษย์ก็ตาม เพราะความเป็นผู้พรั่งพร้อมด้วยกรรมอันลามก ต้องเป็นผู้มีศีรษะแตกตาย นี้เป็นผลกรรมครั้งสุดท้ายของเรา ภพสุดท้ายย่อมดำเนินไป ผลกรรมเช่นนี้จักมีแก่เราในเวลาใกล้จะตายแม้ในที่นี้.
    เราหมั่นประกอบในวิเวก ยินดีในสมาธิภาวนา กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่. แม้ แผ่นดินอันลึกซึ้งหนา ใคร ๆ กำจัดได้ยาก เราผู้ถึงความยอดเยี่ยมแห่งฤทธิ์ พึงทำให้ไหวได้ด้วยนิ้วหัวแม่มือซ้าย. เราไม่เห็นอัสมิมานะ เราไม่มีมานะ เรากระทำความเคารพยำเกรง แม้ที่สุดในสามเณร. ในกัปอันประมาณมิได้แต่กัปนี้ เราสั่งสมกรรมใด เราได้บรรลุถึงภูมิแห่งกรรมนั้น เป็นผู้ถึงความสิ้นอาสวะแล้ว. คุณวิเศษเหล่านี้ คือปฏิสัมภิทา ๔ ฯ ล ฯ คำสอนของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว ฉะนี้แล.
    จบอรรถกถามหาโมคคัลลานเถรคาถา จบปรมัตถทีปนี

    ในทันใดนั้นเอง ชาวเทวโลกทั้ง ๖ ชั้น เกิดโกลาหลเป็นอันเดียวกันว่า ข่าวว่า อาจารย์ของพวกเราปรินิพพานแล้ว ต่างถือของหอม มาลา ธูป เครื่องอบ และจันทน์จุรณอันเป็นทิพย์ทั้งฟืนนานาชนิดมา (ประชุมกันแล้ว). จิตกาธารแล้วด้วยจันทน์แดง สูง ๙๙ ศอก พระศาสดาประทับอยู่ใกล้ ๆ ศพพระเถระ ตรัสสั่งให้จัดการปลงศพของพระเถระ. รอบ ๆ สุสาน ฝนดอกไม้โปรยตกลงมาในที่ประมาณโยชน์หนึ่ง ได้มีมนุษย์อยู่ระหว่างเทวดา เทวดาอยู่ระหว่างมนุษย์. ถัดเทวดาโดยลำดับพวกยักษ์ยืนอยู่ ถัดพวกยักษ์มาก็เป็นพวกคนธรรพ์ ถัดจากพวกคนธรรพ์มาเป็นพวกนาค ถัดจากพวกนาคมาเป็นพวกครุฑ ถัดจากพวกครุฑมาเป็นพวกกินนรา ถัดจากพวกกินนรามาเป็นพวกกินนร ถัดจากพวกกินนรมาก็เป็นฉัตร ถัดจากฉัตรออกมาเป็นสุวรรณจามร ถัดจากสุวรรณจามรออกมา เป็นธงชัย ถัดธงชัยออกมาเป็นธงแผ่นผ้า. ผู้ที่มาประชุมทุกเหล่า บรรดามีต่างเล่นสาธุกีฬาอยู่ตลอดเจ็ดวัน. พระศาสดาตรัสสั่งให้เก็บธาตุของพระเถระมาทำเจดีย์บรรจุไว้ที่ซุ้มประตู พระเวฬุวันวิหาร.
    จากคุณ : โชติปาละ [ 29 ส.ค. 2545 / 15:43:27 น. ]
     
  3. ดอนdon

    ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    การแสดงธรรมทั้ง ธาตุ ปัญญา
    ธรรมะนั้นไม่มี กายนั้นไม่เหลือวิญญาณ วิญญาณนั้นไม่เหลือทรง ขันธุ์นั้นเหลือแต่ธาตุ ทุกสิ่งทรงอยู่อย่างเสรี ไร้พันธะกับที่ว่าง อจินไตยเหนือปัญญา
    กระผมเดาเอานะครับ ครูบา
     

แชร์หน้านี้

Loading...