หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง กับ หลวงพ่อจันทร์ วัดมฤคทายวัน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย modpong, 13 มีนาคม 2010.

  1. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    เรื่องรูปขาวดำที่นำมาโพสต์นี้เหมือนกัน ผมพยายามไปตามหาฟิล์มต้นฉบับเพื่อจะได้ทำปกหนังสือประวัติท่านหากมีโอกาสและ ขยายรูปคุณพ่อที่ใหญ่ที่สุดสำหรับไว้ติดในหอบูรพาจารย์ในวันข้างหน้า จนไปเจอลูกชายของช่างถ่ายรูปที่ติดตามพ่อนั่งรถไฟไปถ่าย เค้าบอกว่าฟิล์มต้นฉบับยังอยู่พอผมตามไปจริงๆฟิล์มก็ไม่เห็นๆแต่รูปที่ก๊อปปี้ออกมา แถมยังชัดสู้รูปที่บ้านผมไม่ได้อีกตามเคย และลูกชายช่างท่านนี้ก็ยืนยันว่าไม่เคยมีรูปคุณพ่อลืมตา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2010
  2. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ........ขอคุณครับ ....คุณมากับพระครับ....ที่ต้องเหนื่อยหาข้อมูล...ดีครับ...สำหรับเพื่อนสมาชิกกับผู้สนใจทั่วไป ....ก็อนุโมทนาด้วย กับการจะทำหนังสือประวัติหลวงพ่อศุข กับ หอบูรพาจารย์ .....สำหรับผมคงอย่างที่บอกไปคราวที่แล้ว ว่า....จะไม่ลงเรื่องนี้อีก....เพราะ เล่าไปหมดแล้ว........................
    ..................................สู้มาเล่าเรื่องผมต่อดีกว่า เพราะคงมีสมาชิกหลายท่านหาว่าผมอู้...นอกเรื่อง.......ท่านที่รอเรื่องต่อเนื่องจะได้ไม่รำคาญ....เอ้าเล้ยยยย....ไป..
    ...............................................................................................
    ....................พ่อเล่าว่าตอนที่ย้ายกลับมาใหม่ๆ อาจจะมีงานที่วัดโตนดหลวงแล้ว(พ่อยุ่งมากอย่างที่บอกฯ) และ ก็ มีการแจก เหรียญปี๙๘ และ แหวน หัว นะ หรือมีไปก่อนพ่อย้ายกลับมาก็ได้ และการได้ัรับ ของฯ ของท่าน เป็นครั้งแรกที่ไปเยี่ยมท่านเลย รึเปล่า แต่ไม่น่าจะเกินครั้งที่ ๒ ที่ไปหาท่าน ซึ่งก็เหมือนเดิม ไปพร้อมกับแม่.........
    .................เมื่อกราบท่านและ สนทนาไปซักพัก หลวงพ่อก็เรียก พ่อกับแม่ไปใกล้ แล้วก็เริ่มที่พ่อก่อน...พ่อรับ เหรียญทองแดงปี๙๘มีวัสดุำดำๆแปะอยู่ด้านหลัง... พร้อม กับ แหวนหัวนะเป็นเงิน..ตัวแหวนเป็นทองแดง..จากมือหลวงพ่อ และแม่ผมรับ เหรียญเงินปี๙๘ หลังไม่มีอะไรแปะ พร้อมด้วย แหวนหัวนะเป็นเงิน..ตัวแหวนเป็นเงิน ....(ตอนผมเป็นเด็กเริ่มสนใจพระ ไปรื้อกล่องพระของพ่อ เห็นเหรียญเงินของแม่..คล้องอยู่กับ..ไหมเจ็ดสี.. ผมเคยถาม แม่ว่า แล้วไหมที่คล้องอยู่นี่ ของหลวงพ่อศุขรึเปล่า แต่แม่ก็จำไม่ได้...)...............................................................
    ..........ระหว่างที่หลวงพ่อให้ พระ แม่ พ่อผมพลิกเหรียญด้านหลังแล้วแปลกใจ ว่า...วัสดุดำๆ....นี่มัน คือ อะไร...แล้วติดไว้ทำไม...เพราะ ไม่เห็น เหมือน หลวงพ่ออื่นๆ......
    .......พ่อจึงถามท่าน..........
    ..หลวงพ่อศุขบอกกับพ่อผมว่า....เป็นชันนางโรงใต้ดิน....เอาไว้ถอนพิษ..จากการ..กัด..หรือ..ต่อย ของสัตว์พิษต่างๆ..พ่อจำรายละเอียดในการช้ที่หลวงพ่อได้ไม่ ..จำได้ แต่ว่า ให้เอาแปะไว้ที่แผลแล้วทำไงต่อไม่ทราบ....(ขอเสริมเพื่อ....ความรู้หน่อยครับ....ส่วนที่ปะอยู่นี้เป็น ...ส่วน...รัง..ของมันครับ ตัวชันนางโรง ลัษณะคล้ายๆแมลงวัน แต่ตัวเ็ล็กกว่าเยอะไม่มีพิษภัย อะไร ส่วนที่เป็นรังนี่ ลักษณะเป็น..แห้งๆเหนียวๆสีดำติดมือได้ ซึ่งเดี๋ยวนี้ในเมืองค่อนข้างหายาก แต่บังเอิญที่บ้านผมมี ถ้าเอาไฟไปลนๆ ก็จะอ่อนตัวปั้นได้ พอทิ้งไว้ให้เย็นนานๆหน่อย ก็จะแห้งและคงรูปอย่างนั้น....ผมได้ศึกษาลักษณะ การทำรัง ของมัน ปกติ มันจะทำรังบนที่สูง ไม่ทำรังใกล้ดิน และติดดิน ..เพราะมันกลัวน้ำ และกลัว ฝน..เข้ารังมัน..ปากทางเข้ารังจะอยู่ต่ำ ถ้าทำรังแถวบ้าน จะทำช่วงชายคา ต่อกับ ผนังบ้าน ถ้า อยู่ป่า มันจะทำรัง แถวภูเขาหินปูน เพราะมี รอยแตกเยอะ ซึ่งเป็นลักษณะซอกโพรง ยิ่งใต้เพดานปากถ้ำ..ละ หาได้ง่าย ฉะนั้น เมืองเพชรหาไม่ยาก เพราะเป็น เขาหินปูนเกือบหมด เช่น เขานางพันธุรัตน์ เขาทะโมน เขากระจิว เขาถ้ำรงค์ ฯลฯ เยอะแยะ แต่เดี่ยวนี้จะเยอะเหมือนเดิมรึเปล่าไม่ทราบ นานแล้วครับ.......ไอ้ส่วนที่เป็นรังนี่...มันขับจากตัวมัน ไม่ทราบว่าจะเป็น..ขี้...รึเปล่า หรือมันไปเอาอะไรมาเคี้ยวผสมน้ำลาย แบบ ..ตัวต่อ..ก็ไม่ทราบ..........................บางท่าน..เริ่มคิดแล้ว..
    ....ไอ้นี่มันมั่วนี่หว่า...เขามีแต่หลัง...ครั่ง...ครั่งพุทรา.. อะไรทำนองนี้ ยังไม่ต้องแย้งครับ...ยังไม่ถึง..เวลา ซึ่งผมจะมาชี้กัน..ตอนท้ายๆอีกที เสียเวลาเล่าเรื่องครับ ของท่านอาจะเป็น อย่างที่ว่า .....ก็ได้...หรื่อ..ไม่..ก็ได้ ..หรือ จะเป็น ชันนางโรง..เฉยๆ...ก็ได้ ...เพียงแต่ ของพ่อผม เป็น...ชันนางโรงใต้ดิน....เพราะเป็นคำที่ หลวงพ่อศุขบอกกับ พ่อผมตรงๆ ....................................................................
    .......ส่วนที่ไม่ทราบว่าทำไม...ต้องเป็น ชันนางโรงใต้ดิน อาจจะเพราะ มีคุณวิเศษอะไรเฉพาะตัวรึเปล่า...ไม่ทราบครับ และที่ว่า....ใต้ดิน....นอกจากของพ่อ มีอีกเท่าไหร่
    หรือ ทั้งหมด หรือเป็น อย่างอื่นไปเลย...)
    .................................................................................................
    ............แต่เท่าที่ถามพ่อผม และ พ่อก็เล่าว่า เคยเห็นจากลูกน้อง คนอื่น รู้ว่ามีเหมือนกัน ที่ไม่มีแบบ ..แปะหลัง....แต่เหรียญเงิน ไม่มีแน่ ยกเว้นผู้เกี่ยวข้องในการสร้างไปแปะ เอาเอง เพราะพ่อถามหลวงพ่อตอนเห็นของแม่ ว่าไม่มี หลวงพ่อ ก็บอกว่า ไม่มี
    ชึ่งแสดงว่า ที่หลวงพ่อปลุกเสกที่วัดแล้วท่านเอง แจกที่วัดโตนดหลวง ไม่มี แต่ส่วนที่ หลวงพ่อจันทร์ แบ่งส่วนหนึ่งที่ไปแจกที่วัดท่าน แล้วท่านไปทำแล้วแปะที่เหรียญเงิน อาจะมีก็ได้(.......อันนี้ไม่ได้ถามหลวงพ่ิอจันทร์ครับ....แต่ถ้ามีรอยประทับเป็น...พระลีลา.. บุ๋มลงไป อันนี้ยืนยันได้...ว่า เป็น ..ปี ๒๕๐๐ ตัวเหรียญด้านหน้ามีขี้กลาก และ พระลีลานี่แทน สัญญลักษณ์ ของ ๒๕ พุทธศตวรรษ ..ครับ ) .............................
    ...............................ตั้งแต่นั้นมา พ่อก็ สวมห้อยคอมาตลอด ส่วน แหวน ใส่มั่ง ไม่ใส่มั่ง ...................................ก็พ่อผมมี ...ยันต์ครู ติดตัวอยู่แล้วนี่ครับ.......
    ................ตอนหน้าจะเป็นการที่พ่อผม มีส่วนร่วมกับ พิธีการสร้าง พระ ๒๕ พุทธศตวรรษ เหรียญ และ ธงเสมาธรรมจักร ในงานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ ที่วัด มหาธาตุ เพชรบุรี และ หลวงพ่อศุข ร่วมปลุเสกด้วย ในปี ๒๕๐๐.......
    .............................สวัสดีและขอบคุณทุกท่านที่ได้ติดตามกัน...ครับ...
     
  3. Ong

    Ong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +12,861
    มาเกาะขอบจอเสนอหน้า ว่าติดตามทุกตอนเลยครับน้า modpong

    ชอบมากครับ ^______^
     
  4. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    ยืนยันด้วยครับว่าเป็นชันนางโรงใต้ดิน
     
  5. sareem

    sareem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +434
    ต่อครับน้า...
     
  6. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ....ขอบคุณครับ..คุณongที่ติดตามกันตลอด.....
    ....ขอยคุณ คุณ มากับพระครับ ที่มี comment ด้วย......
    ................................................................................
    ...................... ก่อนอื่นที่ จะเล่าเรื่องต่อ ตามธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ
    ....จะต้องมี การกล่าวสดุดียกย่อง บุคคลที่จะนำเรื่องของท่าน....มากล่าวถึง ผมเองก็เสียทีที่...อวุโส..พอสมควรแต่ลืมซะได้ แต่ก็คิดว่ายังไม่สาย.....

    ....สิบนิ้วประนมก้มกราบ ต่อ ดวงวิญญาณอันศักสิทธิ์ ของ หลวงพ่อศุข
    ลูก ขอถวายโคลงสี่สุภาพ สดุดี ต่อเมตตาธรรม อีกทั้งบารมี ที่คุ้มครองลูกหลาน
    ทั้ง หลาย หากผิดพลาดอันใด ขอโปรดหลวงพ่อ ให้อภัย แลอโหสิแก่ลูกด้วย
    .......................................................................................
    .......................................................................................
    โรคร้ายศุขพ่อให้ หายขาด
    อัน-ต-รายซัดสาด หลีกได้
    บุญคุณพ่ออีกชาติ หาไม่ ใช้หมด
    เพชรสดแสงเรืองไซร้ ไป่สู้ พ่อเอย
    .....................................................................................
    .....................................................................................
    ก็...กล้อมแกล้มไปครับ ผมไม่ใช่ นักโคลงกลอน แต่....อยากแต่ง...
    ให้ หลวงพ่อ เห็น หนังสือ อนุสรณ์หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ยังมีคน
    แต่ง ให้ ก็เลยเอามั่ง.....................................
    ...................................................................................
    ......... อย่างที่กล่าวไปแล้วทั้ง พ่อ และ แม่ มีงาน เต็มเหยียด การไปเยี่ยมหลวงพ่อ ก็ห่างไป แต่พ่อก็เคยพาผมไปวัดโตนดหลวง สักครั้ง ไม่น่าเกิน ๒ ครั้ง เพราะ ผมซนมาก ลูกพ่อ มีตั้ง ๔ ที่อยู่ที่นี่(พี่สาวคนโตอยู่กรุงเทพ)
    ดูกันไม่ หมดเวลาขึ้นศาลาหลวงพ่อ ....เดี๋ยวของท่าน บรรลัยหมด.....
    ....................................................................
    ............ เมื่อเข้าปี ๒๕๐๐ รัฐบาล ก็มอบหมายให้ ทุกจังหวัด จัดงานเฉลิมฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ หรือ กึ่งพุทธกาล ซึ่งสำหรับ พุทธศาสนา เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าทีเคยมีมา ......ทางจังหวัดโดยผู้ว่าสมัยนั้นคือ ผู้ว่า จาด อุรัสยะนันท์(ลุงจาด..ผมเรียก) ท่านก็ แต่งต้้ง หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดทั้งหมด....เป็นกรรมการจัดงาน เรียงตามลำดับความสำคัญ
    ...........โดยผู้ว่าจาด เป็น ประธาน พ่อผมเป็นรองประธาน เช่นเดียวกับ รองผู้ว่าฯ โดยฐานะที่พ่อเป็นผู้บังคับการจังหวัดทหารบก ซึ่งคุมหน่วยงานทหารบก ทั้งหมดในเพชร มีกำลังคนมากที่สุด มีรถยนต์มากที่สุด รวมทั้งอุปกรณ์เสริม เช่น เต็นท์ เก้าอี้ ฯลฯ พ่อผมก็เลยรับศึกหนัก งานประจำก็เพียบอยู่แล้ว .............................
    .......เมื่อเริ่มประชุมกำหนดขอบเขตของ งาน...กรรมการแต่ละคน ก็จะเสนอกิจกรรมต่างๆ เช่น การให้ความสำคัญงาน การแสดงที่เกึียวข้องกับศาสนา...
    อะไรทำนองนี้.....พอมาถึงพ่อผม พ่อผมก็เสนอว่า ........เมืองเพชรเรานี่ก็ขึ้นชื่อลือชา ด้าน เกจิอาจารย์ ที่มี อาคมขลัง ไม่แพ้ที่ไหน อาจารย์แต่ละองค์ก็อยูกันไกล การเดินทางลำบาก(สมัยนั้น) ....บางคนอยากจะไปหาอาจารย์ องค์นี้ องค์นั้น ก็หมดปัญญา ถ้าเราเอาอาจารย์ที่โด่งดังของเมืองเพชรทั้งหมด
    มารวมกันใน เมือง แล้วร่วมพิธีปลุกเสกพระเครื่อง พระบูชา แล้วให้ ชาวเมืองเพชรผู้ศรัทธา ได้บูชา พระ นอกจากจะเป็นจุดสนใจทำให้ ชาวบ้าน ในต่างอำเภอ ต่างตำบล ได้มารวมตัวกันเพื่อจะำได้พบอาจารย์ต่างๆ ผลพลอยได้ก็ได้มาดูและร่วมกิจกรรมที่เราจัดขึ้นได้ อีกทั้งเงินที่รวบรวมได้จากการทำบุญบูชาพระจะได้ เอามาทำนุบำรุงศาสนา เพราะยังมีวัดที่ขาดความพร้อมด้านเสนาสนะ ต่างนานา ในจังหวัดได้โดยไม่ต้องพึ่งงบของหลวงด้วย............
    ................. กรรมการทุกท่านก็เห็นด้วย.......ประธานก็ตำแหน่งอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องใน ส่วนนี้ตั้ง แต่ ใครจะต้องทำหน้าที่อะไร............
    .........ก็มีการ เสนอว่า ต้องสร้างเป็นพระลีลาอย่างเดียวเท่านั้น....เพราะจะเป็น ตัวแทนของ ๒๕ พุทธศตวรรษ ก็ จะทำทั้ง พระบูชา และ เหรียญ (ผมขออนุญาตนำรูป จาก UAMULET และ เจ้าของเหรียญ ลงไว้เพื่อเป็น วิทยาทาน ขอขอบพระคุณอย่างสูง....) ..........................
    ................. ปรากฎว่าพ่อผมขอเสนอเพิ่ม คือ ...ธงเสมาธรรมจักร...
    พ่อให้ เหตุผลว่า เมืองเพชรก็เป็นเมืองพุทธอยู่แล้ว เวลาวันสำคัญทางศาสนา
    ...แต่ ละบ้านควรได้แสดงการเป็นพุทธมามกะที่ดี โดยการติดธงไว้หน้าบ้าน ไม่ใช่มีแต่เพียงที่วัด แม้แต่วันพระใหญ่ก็สามารถเอามาติดได้ เวลาใครต่างถิ่นผ่านไปมา จะได้เห็นว่าชาวเมืองเพชรใส่ใจในพุทธศาสนาขนาดไหน .....แต่การที่เอาธงมาติด แล้วควรจะให้มีมงคลกับบ้านด้วยไม่ใช่ธงที่พิมพ์รูปเสมาธรรมจักรธรรมดา....ก็ นำเข้าพิธีปลุกเสกพร้อมพระไปเลย จะได้ของที่บูชามีหลากหลายด้วย................................
    .......................... ที่ประชุมก็เห็นด้วย ฉะนั้นในงานฉลองของเมืองเพชร
    ก็เลยไม่เหมือนใคร เพราะนอกจากจะมีการปลุกเสกพระ (มีไม่กี่จังหวัดที่มีการปลุกเสกหมู่ ฉลองแบบ เมืองเพชร ) ยังเป็นจังหวัดเดียวที่มีการปลุกเสก
    ธงเสมาธรรมจักรด้วย ซึ่งการบูชาพระ และ ธงฯ ก็เป็นไปด้วยดี ของหมดเกลี้ยง และงานฉลองก็ประัสพความสำเร็จอย่างดียิ่ง บางคนได้ยินแต่ชื่อหลวงพ่อไม่เคยเห็นตัวจริงก็ได้เห็นแถมขอของติดไม้ตืดมือ กลับบ้าน กันอีกต่างหาก.........................................
    ..............พอดีหลังจากการประชุมฯไปแล้ว พ่อมีโอกาศไปเยี่ยมหลวงพ่อก็เลย กราบขอนิมนต์ล่วงหน้าก่อนที่จะมีหนังสือจากจ้งหวัดมานิมนต์อีกที
    ซึ่ง หลวงพ่อก็ยินดี
    .............ฉะนั้น รถบรรทุกของทหาร ก็มีบทบาทสำคัญในวันปลุกเสกพระก็คือใช้บรรทุกหลวงพ่อพร้อมลูกศิษย์ติดตามจาก หลากหลายที่ มาที่วัดมหาธาตุ
    ซึ่งคนในเมืองก็มารอดูหลวงพ่อชื่อดังจาก หลายที่ในเมืองเพชร แต่ที่มีคนมาดูมากสุด...ก็หลวงพ่อศุขนี่แหละ ก็บอกแล้วว่า คนไม่สนใจเรื่องของขลังยังรู้จักชื่อ แต่ไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ...(ความจริงหลวงพ่อก็มาร่วมปลุกเสกหมู่ ที่วัด มหาธาตุหลายครั้ง แต่ความสำคัญของพิธีไม่ยิ่งใหญ่เท่านี้ คนมาร่วมไม่เยอะเท่านี้) พ่อผมก็ไม่ได้มีโอกาศเจอหลวงพ่อเพราะต้องจัดการเรื่องโน่นนี่อีรุงตุงนังไป หมด...แต่ได้คำบอกเล่าดังกล่าวจากลูกน้องอีกที..................
    ............................... ประธานฝ่ายสงฆ์ แน่นนอน...ต้องพระสุวรรณมุนี
    (หลวงพ่อชิต)เจ้าอาวาส และเจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรี ส่วนรองฯคงมีหลายองค์ แต่ ๑ ในนั้น คือ เจ้าคุณวัดยาง(อินทร์) ซึ่งก็สนิทกับพ่อผมเหมือนกัน ท่านไม่ธรรมดานะครับ คนรุ่นเก่าในเมืองจะรู้ดี เป็นเจ้าของตำรับลูกกระสุนดินที่ตกบนหลุมศพผีตายโหง นำมาลงอักขระล้อมป้องกันคุณไสย และ อาถรรพณ์ เก่งแต่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก เว้นแต่เรื่องฝีมือช่างของท่าน................................
    พระมาร่วมพิธี นอกจากหลวงพ่อศุขแล้ว เรียกว่ารวมสุดยอดของเมืองเพชรจริงๆ แค่ ลูกศืษย์หลวงพ่อศุข ก็เข้าไปไม่น้อยกว่า ๓ แล้ว แต่ละองค์ ก็เป็นเจ้าอาวาส กันหมด เช่น.....หลวงพ่อจันทร์ ....หลวงพ่อจ้วน วัดเขาลูกช้าง. ยังมีอีกแต่ผมจำไม่ได้หมด
    ...หลวงพ่อผิน วัดโพธิ์กรุ ....ใกล้เมืองก็เพียบ หลวงพ่อแดง...หลวงพ่อเจริญ หลวงพ่อแฉ่ง วัดปากอ่าว บางตะบูน
    ...หลวงพ่อสี วัดปากคลองบางครก(ลุกศิษย์หลวงพ่อโศก).....ฯลฯ ขออภัยที่จำได้ไม่หมด หรือ อาจจำผิด แต่ก็สุดยอดกันทั้งนั้น แต่ขาดไม่ได้ หัวเรือใหญ่ ก็ หลวงพ่อชิต และเจ้าคุณวัดยาง......
    ฉะนั้นท่านผู้สนใจที่เป็นคนเมืองเพชร ลองไปรื้อห้องพระของพ่อ ถ้าเจอ
    ธง เสมาธรรมจักร ไปถามพ่อดูว่าได้ มายังไง ถ้าบอกว่า ได้มาจาก งานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ ละก็ เก็บไว้เลยครับ คุณสมบัติก็เหมือนเสื้อยันต์ดีๆนี่เอง เอาเย็บติดกับหล้งเสื้อยีนส์ หรือเสื้อแจ็กเก็ตได้เลย
    .......................................................................
    .................. เอาละครับวันนี้ ขอพักก่อน........ตอนหน้าจะมาเล่าเรื่อง รับเหรียญปี ๒๕๐๐ กับเรื่องใหญ๋ คือ พลังพุทธานุภาพอันเกิดจาก ..ฌาน..อันกล้าแกร่ง ของหลวงพ่อ ที่ช่วยเด็กน้อยคนหนึ่งไว้ให้มีชีวิตปกติเหมือนคนอื่น........
    .......................... สวัสดีและขอบคุณผู้ติดตามทุกท่าน..............
    ..........................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. Ong

    Ong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +12,861
    [​IMG]

    [​IMG]


    ตำนานเมืองเพชรเป็นบุญตาที่ได้เห็น
    ขอบพระคุณน้าฯที่กรุณาเล่าให้มีัโอกาสรับรู้

    ซู๊ดยอดดดดเลยครับน้า
     
  8. sareem

    sareem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +434
    ขอบคุณครับน้า..ผมเข้ามาอ่านทุกวันแหละครับ
     
  9. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..............ขอบคุณครับ ...คุณONG ที่ comment มา..และขยายรูปเหรียญมาด้วย...............
    ............และขอบคุณครับ....คุณ SAREEM ที่ยังติดตามอย่างเหนียวแน่น............
    ............ขออภัยครับหยุดไป ๑ วัน หวังว่า คงไม่ว่ากัน........................เสียดาย..ที่เหรียญพิมพ์ขี้เหร่ ไปหน่อย
    ..แต่ถ้าเห็น...พระบูชาละ...คนละเรื่องเลย ......ก็คล้ายที่พุึทธมณฑลแหละครับ..แต่ย่อส่วน เหลือสูงประมาณ ๑๒ นิ้ว.......เป็นทองเหลือง
    ขัดมัน ...รายละเอียดยิบเลย ผิวนี่ทิ้งไว้หมองไปหน่อยแต่ไม่ดำ......เสียดายหารูปไม่ได้....อยู่ที่บ้านพ่อผม.....
    .....................................................................................................
    ......................................................................................................
    ........กลับเข้าเรื่องครับ....ผมจำที่พ่อบอกไม่ได้แน่แต่เข้าใจว่าเป็นช่วง....ต้นๆปี...พ่อ,แม่ และ พี่ๆผม(ผม..พ่อเขาคงไม่อยากเอาไป..ซน)ไปที่วัดโตนดหลวงเพื่อเยี่ยมท่าน
    เรียกว่า พอกว่าจะมีเวลาว่าง ก็เป็นเดือนๆ พอไปถึงกราบท่าน่(..ท่านยังไม่ป่วย.) แล้วสนทนาซักพักท่าน ก็หยิบเหรียญรุ่นใหม่ มาให้ พ่อ ตามจำนวนคน
    ๕ เหรียญ.............เป็นเหรียญทองแดงทั้งหมดด้านหลังไม่มีอะไรแปะ...เท่าที่ทราบเหรียญรุ่นี้ไม่มี..ชันนางโรงแปะหลัง.....
    ด้านหน้าเป็น..บล๊อกใหม่..........ด้านหลังก็ใหม่ด้วย.......สังเกตง่าย คือ ปีที่สร้าง ...๒๕๐๐ เหรียญนี้ เป็นเหรียญที่ทำขึ้นเพื่อฉลอง ๒๕
    พุทธศตวรรษ (หลวงพ่อจันทร์..สร้างถวายให้..เหมือน ปี๙๘) เหมือนๆกับอาจารย์หลายๆองค์ทั่วประเทศ เอาที่รู้จักแน่ๆ ก็เหรียญหลวงพ่อเงิน
    ...วัดดอนยายหอม ๒๕๐๐ ....เหรียญกลมเสมาธรรมจักร อาจารย์ลี วัดอโศการาม ....เป็นต้น.......................
    ..........................................................................................................................
    .........ผม POST มาลง ให้ ๒ เหรียญ...ขอบคุณ UAMULET และเจ้าของเหรียญ ด้วยครับนำมาให้ชมเพื่อ วิทยาทาน สำหรับ
    คนที่ขี้เกียจsearch .......เหรียญที่มี ๒ ห่วงนั้น เจ้าของคงเอาห่วงมาเชื่อมเอง ห่วงรุ่นนี้เป็นแบบธรรมดาครับ เหมือนอีกอัน........
    .......คนที่ห้อยเหรียญนี้เป็นประจำก็คือ พี่ชายคนโตที่ผมเคยเล่าว่าลงกระหม่อมกับหลวงพ่อศุข...จนปัจจุบัน
    .......แต่เหรียญทั้ง ๕ เหรียญนี้ ปํจจุบัน หลังแปะ ..........ชันนางโรงผสม..ชานหมาก..(ผมจะมาเล่าที่มาที่ไป....ทีหลัง)
    ...................................................................................................
    ...........................................................................................
    ...ผมจะเล่าเหตุการณ์ต่อมาเลย....หลังจากนั้นพ่อก็แทบไม่มีเวลาว่างเลย ต้องเข้าบางกอกบ่อย....ทั้งต้องประชุมกับผู้บังคับบัญชาที่
    กรม(กรมทหารราบที่ ๑๑ รักษาพระองค์ ...แหม..ช่วงนี้กำลังดังเลย) เป็นประจำ ไหนจะต้องเข้าเวร..ราชองค์รักษ์ ทั้งที่ สวนจิตรลดา และที่
    วังไกลกังวล หัวหิน แบบว่า อาทิตย์เว้น อาทิตย์ (ที่บอกไปแล้วครับ ว่า สมัยนั้น ราชองค์รักษ์ มีไม่กี่ สิบ และมีเฉพาะ ในหลวง และ พระราชินี
    เท่านั้น)............แม่ผมก็เลยรับศึกหนัก ทั้งงานเหล่ากาชาดที่ออกพื้นที่กันดารเป็นประจำ กลางคืน ก็ต้องเลี้ยงลูก ๔ คน วันเสาร์ อาทิตย์
    ก็เลี้ยงกันทั้ง กลางวัน กลางคืนเลย เรื่องไปเยี่ยยมหลวงพ่อเหมือนเดิมเลยยาก.................
    ..............ในกลุ่มเหล่ากาชาดที่มาทำงานก็จะมี ภรรยา นายทหารระดับสูงของกองพันในบังคับบัญชาของพ่อ หลายคน....
    ....แต่ในช่วงหลังๆ แม่ผมสังเกตอยู่คนหนึ่ง...ระยะหลัง ไม่ค่อยได้มา....เวลาที่มาก็หน้าตาหมองๆ ไม่ค่อยพูดคุย เป็นที่ผิด
    สังเกต แม่ฐานะเป็นทั้งอุปนายกเหล่ากาชาด และก็เป็น ลูกพี่....บรรดาภรรยาของผู้ใต้บังคับชาของพ่อ...ก็เหมือนลูกน้อง...ต้องคอยดูแล
    เอาใจใส่ไปด้วย....วันหนึ่งก็สบโอกาศเพราะไม่มีคนอื่นอยู่ใกล้ๆ( ขอโทษอย่าลืมว่า ยุคนั้น ไม่มีมือถือ โทรศัพท์ที่บ้านก็ไม่มี..).....
    ...แม่ก็เลยถามว่า .. เป็นอะไรหมู่นี้ดูไม่มีเลย ........เธอ(..ผมจะเรียกว่า..เธอ แล้วกันง่ายดี)ก็เลยเล่าให้แม่ฟัง ถึงปัญหาหนักอก
    ของเธอ....ปัญหามาจาก..ลูกชายคนโต(ตอนนั้น เธอมีคนเดียว) ตั้งแต่เกิดมา ก็มี......ปานแดงขึ้นเต็มแผ่นหลัง..( ปานแดง...เป็น
    ลักษณะผิวเนื้อที่นูนขึ้นมา สีจะแดงอ่อนกว่าเลือดเล็กน้อย ผิวหนังบริเวณนั้นจะบางและไวต่อการ..สัมผัส และความร้อน จะโตตาม ตัว การแพทย์
    สมัยนั้น รักษาไม่ได้ (ปัจจุบัน ผมไม่ทราบ) เขาเรียกว่า..โรคกรรมเก่า..) แกจะงอแงตลอดป่ว่ยบ่อยมาก นอนหงายไม่ได้จะร้องไห้แรง เข้าใจ
    ว่าคงเจ็บที่ปาน เวลาอุ้มก็ต้องพยายามไม่ให้หลัง มาโดน ตัว เพราะแกจะร้อง เอาไปข้างนอกอากาศร้อนๆ ก็ร้อง คงจะร้อนที่..ปาน.....
    ..........เรียกว่า ทั้งวัน ทั้งคืน ร้องเป็นหลัก ทั้งพ่อทั้งแม่ื เอาลูก ไปหาหมอที่บางกอก ก็หมดปัญญา หมอเฉพาะทางก็บอกว่า รักษาไม่ได้
    หมดปัญญา ( ผมลืมบอกไปว่า เด็กยังไม่ขวบดี ไกล้ๆขวบ....ตอนที่เธอเล่า..เล่าไปร้องไห้ไป..สงสารลูก) เธอบอกว่าทั้งเธอทั้งสามีก็ไม่รู้จะทำ
    ยังไง จะปลงก็ปลงไม่ได้ เพราะสงสารลูก....และตอนนี้ก็หมดปัญญาแล้ว ทำบุญสารพัด ก็ไมีอะไรเปลียนแปลง เธอบอกว่า ปานมันโตขึ้นตามตัว
    ........แม่เล่าว่านั่งฟังก็พลอยน้ำตาคลอไปด้วย สงสาร ทั้ง แม่ ทั้งลูก ....................
    ............ตกลงเย็นนั้นแม่ก็ไปที่บ้านเธอ ..เพื่อไปดูของจริง...ปรากฎว่าไปเห็นเข้าถึงกับตะลึง...แม่บอกปกติเห็นคนเป็น ..ปานแดง..
    ....มันไม่ใหญ่ขนาดนี้เมื่อเทียบกับพื้นที่ทั้งตัว ....แต่เด็กคนนี้....ปานมันเต็มทั้งหลังคือ ส่วนบนก็ต่อจากติดกับคอด้านหลังมาเลย....
    ...ส่วนล่างลงไปเกือบถึง..ก้น ด้านข้างนี่เต็มแผ่นหลัง ...แม่บอกตอนที่ไปดู..เด็กมันก็ร้องไห้ตลอด (แม่บอก..น้ำตาคลอเลย)
    .............แม่ก็เลย..บอกทั้งพ่อ และ แม่เด็ก ว่า...จะหาทางให้...ให้สบายใจไว้ก่อน..จะหาทางช่วยให้ได้
    ช่วงนั้น พ่อผมอยู่ บางกอก ..แม่กลับมาบ้านก็..นอนคิดทั้งคืน....แล้วก็นึกถึง........หลวงพ่อศุข..ขึ้นมา แม่จำได้ว่า เวลลาไปตลาด
    คุยกับแม่ค้า หรือ ชาวบ้านแถวท่ายาง เวลา ไป ปฏิบัติงาน เขา ก็พูดกันว่า คุณพ่อ(..เรียกแบบ..คนเมืองเพชร) ท่าน รักษาได้ทุกโรค ขอให้คลาน
    ไปขึ้นศาลาได้ ก็หาย ถ้าไม่ถึงที่ตาย.....
    ..................................รุ่งเช้าแม่ก็รีบไปหาเธอที่บ้าน....แล้วก็บอกว่า...ต้องเอาตัวไปหา..หลวงพ่อศุขให้ท่านช่วย..แล้ว
    ก็เล่า...ที่มาที่ไปให้ฟัง.....เธอก็ดีใจ..เป็นอันว่า...ตกลง แล้ว แม่ก็บอกว่า เดี่ยวจะ หาช่วงว่าง แล้วไปกัน....ก็ไม่ต้องนัดกันละวัดดวงเลย
    แม่ก็ภาวนาในใจ..ถ้าดวงของเด็กมันจะหาย...ก็ขอให้เจอหลวงพ่อ...(ก่อนหน้านี้..แม่ก็ไปถาม ลูกน้องพ่อที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อและเป็น
    คนแถวนั้น...ว่าตอนนี้ท่านไปปลุกเสกพระที่ไหน..รึเปล่า...นายสิบลูกน้องพ่อก็บอกว่า ..ช่วงนี้ ท่านไม่ค่อยสบาย เลยไม่ไปไหน)
    แม่เอาแม่เด็กและตัวเด็ก..ขึ้นรถจี๊บพ่อให้นายสิบพลขับๆไปวัด.......ปรากฏว่า..โชคดี เจอหลวงพ่อ ( แม่บอกว่าท่านไม่ค่อยสบายจริงๆ
    ........นอนอยู่แต่ไม่ได้จำวัด...คาดว่า..คงนั่งไม่ถนัด...แม่ก็บอก สองจิต สองใจ เกรงใจท่าน แต่ก็โอกาศสุดท้ายแล้ว และก็ เวทนาเด็กด้วย)
    แม่ก็กราบท่าน แล้วก็ตัดสินใจ เล่าเจตนาที่มา .....พระอริยสงฆ์ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรมและการเสียสละโดยไม่นึกถึงสุขภาพของท่านเอง
    .................ก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอกท่านจะช่วยเอง แม่เล่าว่าได้ยินท่านพูด ก็เหมือนแสงสว่างส่องมาเลย.......เพราะว่าแม่รู้ว่าถ้าท่าน
    พูดแบบนี้....ไอ้เด็กคนนี้มันก็โชคดีแล้ว ...ด้วยพระผู้ทรงอภิญญาและมี..ฌานแก่กล้าแบบท่าน ...ทุกคำพูดที่พูดท่านต้องทำได้....ช่วงเวลาที่
    ผ่านมาหลายๆปีที่รู้จักท่าน ก็แน่ใจ.........
    ..............ไอ้ที่แม่ไม่รู้ก็คือ...หลวงพ่อจะทำแบบไหน....สักพักท่านก็เรียกลูกศิษย์ที่เป็น ฆาราวาสนั่งอยู่แถวนั้นไปรับเด็กจากแม่มา
    ...........แล้วท่านก็งอท่านเล็กน้อย แล้วบอกให้เอาเด็ก วางนอนลงแล้วหันหลังโดยให้เอาเสื้อเด็กออกด้วย ท่านก็บอกให้ขยับตำแหน่ง
    ตรงตำแหน่งเท้าท่าน และให้จับเด็กให้นิ่งๆ( อย่าลืมว่าที่ต้องเป็นอย่างนี้เพราะท่านนอนอยู่).....และแล้ว...เวลาสำคัญก็มาถึง (ก่อนหน้านี้
    เด็กร้องไห้ตลอด ) แล้วท่านก็ยืดเท้าท่านเข้าไปประทับที่...แผ่นหลังเด็ก (แม่เล่าได้ละเอียดเพราะสังเกตทุกขั้นตอน....และเล่าว่าพอเท้าท่านสมผัส
    ที่..ปานแดง..ของเด็ก...ไอ้เจ้าหนูก็หยุดร้องไห้ทันที ) หลวงพ่อ ...เหยียบปานแดงของเด็กอยู่สักพักไม่นาน ท่านก็ถอนเท้าออกแล้วบอก
    ลูกศิษย์ท่านว่าเสร็จแล้ว ให้เอาเด็กไปคืนแม่เขาได้ แม่เด็กไปรับมาไอ้เด็กก็ไม่ร้อง ท่านก็บอกว่าไม่เป็นไรแล้ว แม่ก็กราบขอบพระคุณท่าน แล้วก็
    บอกให้แม่เด็กทำตาม แม่ก็สนทนากับหลวงพ่ออีกพักก็ลาท่านกลับ.......แม่ก็แปลกใจ ทั้ง แม่เด็กด้วย ว่า เด็กมันหยุดร้องไห้ไปเฉยๆ
    หลังจากกลับไปถึงบ้านแม่เด็ก........แม่บอกกับ..แม่และพ่อ เด็กว่า วันสองวันนี้ ให้ไปวัด แล้วไปใส่บาตร และ ทำบุญ กับหลวงพ่อ ให้ได้
    อย่าลืม.....แล้วมีเวลาก็ต้องไปทำเรื่อยๆ........................................................... ...........
    ............หลังจากนั้นซัก ๒ อาทิตย์ ก็ได้เจอ แม่เด็ก อีก คราวนี้หน้าตา คนละเรื่อง เลย มากราบขอบคุณแม่ เธอเล่าว่า ตั้งแต่
    พาไปหาหลวงพ่อวันนั้น ก็คนละเรื่องเลย เด็กอาการดีขึ้นคือไม่ร้องงอแงอีก สุขภาพก็ดีขึ้น พาออกไปข้างนอกได้ ส่วนที่เป็นปาน ยังสังเกตไม่ออก
    แต่แค่นี้ ....ก็ดีใจและมีความสุขมากแล้ว แม่ก็ทวงถามว่าไปทำอย่างทีแม่บอกรึเปล่า......เธอก็บอกว่าทำ.......
    ........................หลังจากนั้นซัก ๒-๓ อาทิตย์ได้เจออีก คราวนี้เธอบอกว่า ไอ้ปานที่มันนูนเต่ง เริ่มยุบลงไปมากอย่างสังเกตได้เลย
    ...........................แม่ก็ดีใจ เวลาเธอมาวันหลังๆ หน้าตาเธอก็ดี คุยเฮอาได้........แม่ก็เลยไม่ถามถึงอีก ......พอผ่านไปอีก ๔-๕
    เดือน แม่ก็เลยถามซะที เธอกยิ้มแล้วก็บอกว่า ไอ้ที่นูนยุบเกือบราบ และขนาด ของปานเริ่มเล็กลง............
    ......หลังจากนั้น...ไม่นาน..เธอกับแม่ก็ไม่ได้เจอกันอีก เพราะชีวิตทหารก็ต้องย้ายกันไปทั่วประเทศต่างคนต่างไป.............
    ..................เวลาผ่านมาประมาณ ๑๕ ปี แม่ก็ได้เจอกับ...เธออีกเป็นงานเลี้ยงอะไรซักอย่าง ....ก็ธรรมดาคนไม่ได้เจอกัน คุยเรื่อง
    ย้ายไปโน่นไปนี่กัน พอดีเธอมากับลูกชาย.....ก็ไอ้เด็กตัวนั้นแหละ..ตัวโตจะเป็นหนุ่มแล้ว เธอก็ก็ถามแม่ว่าจำได้รึเปล่า พอรู้ว่าใช่
    ........ในสมองแม่ก็สั่งการทันที แม่บอกเธอว่า ให้พาเด็กไปที่มุมๆ ไม่ค่อยมีคน (นี่มันงานเลี้ยงเกือบ ๔๐ ปี ที่แล้ว เป็นงานแบบ outdoor
    ....สนามหญ้า ในกรมทหาร มีที่หลบมุมเยอะ) พอไปถึงที่ แม่ก็บอกกับเด็กเองเลยว่า ลูกไหนถอดเสื้อออกแลวหันหลังให้แม่ดูหน่อย .....
    ............ไอ้เด็กก็...งง...หันไปมองหน้าแม่มัน...แม่เด็กก็รู้ว่าแม่ผมต้องการอะไร......ก็พยักหน้าแล้วว่าไม่เป็นไรหรอก .....พอเด็กถอดเสื้อ
    ....แม่เล่าว่าช่วงที่มันกำลังจะถอด....ใจแม่เต้น..ตุ้บๆเลย...พอเสื้อหลุดออกเห็นหลังเปลือย( อย่าคิดมาก....) แม่ถึงกับขนลุกทันทีที่ได้เห็น..
    ..................ไม่มีร่องรอยอะไรเลย........เป็นเหมือนผิวหนังเด็กชายธรรมดา.........ผิวเรียบปกติ สีผิวปกติ....เหมือนกบส่ีวนอื่น....
    ...................ไม่ด่าง...........หลังจากนั้นแม่ก็ไห้เด็กใส่เสื้อ....แล้วไล่ให้มันไปอยู่ไกลๆ แม่จะได้ถามเธอได้...........
    ..........................................
    .....เธอเล่าให้ฟัง ว่า....หลังจากนั้น..ผิวก็เรียบเสมอผิวปกติ ....ทั้งขนาดของปานแดงก็เล็กลงเรื่อยๆ ใช้เวลาประมาณ ๑ ปี ก็๋ไม่้มีร่องรอยอะไรเหลืออยู่เลย
    เด็กเองก็สุขภาพดี........เหนือสิ่งอื่นใด..ไอ้ตัวเด็กเองมันยังไม่เคยรู้เลยว่า...มีปานแดงอยู่ที่หลัง...แม่ผมบอกว่าควรเล่าให้มันฟังซะ
    มันจะได้ไม่...งง...ว่าป้ามาให้มันถอดเสื้อทำไม และบอกให้มันรู้ว่า....ใครเป็นผู้ที่ทำให้มันมีชีวิตปกติได้....และควรให้มันทำบุญถวายสังฆทานให้ท่านด้วย
    ...............................................................................................................................
    ...................................................................................................................................
    ......................นี่แหละครับ ผมถึงเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ ทุกท่านที่นับถือหลวงพ่อศุข จะได้รู้ถึงคุณวิเศษของท่าน และได้รับรู้ถึงบุญคุณอันใหญ่
    หลวงของท่านต่อผู้มีทุกข์ เมตตาธรรมที่หาไหนมาเทียบ.......................................
    .........................หลังจากที่แม่ไปหาหลวงพ่อ ทั้ง แม่และ พ่อ ก็ไม่มี โอกาศอีกเลย แม้แต่ช่วงฌาปนกิจท่าน....
    .................แล้วช่วงนั้นพ่อกับ แม่ก็ไม่ทราบด้วย ....................ในที่สุดพ่อผม ก็ต้องย้ายกลับ บางกอก...อีกครั้ง เมื่อประมาณปี
    ............๒๕๐๑ ......และไม่เคยย้ายกลับมารับราชการที่นี่อีกเลย...............
    ..................................................................................................
    .................................................................................................
    .......ผมขอจบ...ภาค..หลวงพ่อศุข แต่เพียงเท่านี้ ...............ตอนต่อไปจะเริ่ม..ภาคสืบเนื่องของหลวงพ่อศุข
    .........สวัสดีและขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม...ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. Ong

    Ong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +12,861
    กราบๆๆ หลวงพ่อทองศุข

    อ่านไปขนลุกไป เขียนอีกนะครับน้า ติดตามเสมอๆครับ
     
  11. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    สาธุ กราบๆๆคุณพ่อครับ
     
  12. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ทำไม..เหรียญปี ๒๔๙๘ พึ่งมาดัง....หลังปี ๒๕๓๐................

    ....ขอบคุณ..คุณ ong....และคุณ..มากับพระครับ......
    ผมจั่วหัว...แบบนี้ ตามที่เคยสัญญาไว้ อันที่มา ก็เกี่ยวกับ คนพื้นถิ่นเป็นหลักครับ โดยเฉพาะผู้ที่ทำมาหากิน...ที่สุจริตและไม่ค่อยสุจริต มีส่วนมากทีเดียว แต่ไม่ใช่ทั้งหมด.............
    ......ข้อความ..อาจกระทบกระเทือน...ชาวท่ายางบ้างก็ขออภัยนะครับ เป็นมุมมองหนึ่ง ซึ่งผมเก็บข้อมูล มาจากผู้เกี่ยวข้อง พอสมควร.....ทั้งนี้ไม่ใช่ทั้งหมด แต่ผู้มาจากถิ่นอื่น ด้วย
    .............................................................................................
    .................................................................................................................
    ผมว่าหลายคน คงเคยได้ยินฉายามาแล้วนะครับว่า เพชรเมืองคนดุ.....มือปืนเมืองเพชร......จริงๆแล้วไปแล้ว ไปถามคนเพชรปัจจุบัน เขาคงตอบว่า...จริงไม่หร็อก (ไม่จริง)..
    แต่ เขาจะบอกว่า เพชร..เมืองคนจริง ก็มีความหมายทั้ง เป็น คนจริงใจ และ เป็นคนจริง คือไม่
    ยอมให้ใครมาเอารัดเอาเปรียบ ถ้ามีเรื่อง...ก็ไม่ถอยทำนองนี้
    ..............เพียงแต่มี เป็นพิเศษ กว่าเขาก็ ๒ อำเภอนี้ ซึ่งสืบทอดสายเลือดกันมาตลอด..
    ............ท่ายาง...และ...บ้านลาด....
    อาจเป็นเพราะมีความอุดมสมบูรณ์ ที่มีคลองชลประทานจากเขื่อนเพชร เข้ามาพื้นที่...
    ....แต่ผลิตผล จากการเกษตรที่เป็น หัวใจของเมืองเพชร คือ ท่ายาง........
    ........................ผมขอย้อนไปในช่วงประมาณ ปี ๒๕๐๐..............................
    ......ไม่มีอำเภอไหน ในเพชรบุรี ใหญ่กว่า ..ท่ายาง..เพราะ เขตของอำเภอ แก่งกระจาน นั้น อยู่ในอาณาเขต ของท่ายาง .....ขณะนั้น ยังไม่มี เขื่อนแก่งกระจานอย่างปัจจุบัน ป่าแก่งกระจาน(ยุคนั้น การตัดไม้ ออกจากป่า เรื่องธรรมดา ธุรกิจตัดไม้ ทำเงินมหาศาล)
    ไม่ได้เป็น อุทยานแห่งชาติ อย่างปัจจุบัน เป็นป่าดงดิบล้วนๆที่เป็นต้นน้ำ แม่น้ำเพชรบุรี มีเขื่อนเพชร กั้นไว้และส่งน้ำออกคลองชลประทาน ซึ่งคลองส่วนใหญ่ก็อยู่ในเขตท่ายาง.......
    .............ท่ายาง..จึงอุดมสมบูรณ์ที่สุด............เมื่ออุดมสมบูรณ์ ก็ทำให้เศรษฐกิจดี......
    .....ที่ดินอุดมสมบูรณ์..ก็มีราคา...เศรษฐีก็มีมาก .....คนรวยก็อยากขยายความรวย.....
    ก็ด้วยการกว้านซื้อที่คนอื่น....คนที่ไม่เดือดร้อนก็ไม่อยากขาย....แต่คนอยากจะซื้อซะอย่าง
    ก็ต้องหาวิธีบีบ........เรื่องอิทธิพล ความขัดแย้ง ก็เกิด...ก็คล้ายหนังน้ำเน่า สมัยก่อนนั่นแหละ..แล้ว ก็มีอิทธิพลเกิดขึ้นหลายกลุ่ม...ขัดแย้งกันเอง...คราวนี้ก็เริ่มเกิด...มือปืน ซึ่งต้องแบ่ง
    ออกเป็น ๓ ประเภทหลักๆ คือ
    ๑. มือปืนประจำตัวผู้มีอิทธิพล ก็หน้าที่หลักคือ คุ้มครอง เจ้านาย และไปทำงานถนัด
    ที่เจ้านายสั่ง เริ่มจาก ข่มขู่ บีบบังคับ เอาปืนตบปากบ้าง
    ๒. มือปืนจำเป็น ก็เกิดจากถูกบีบจากผู้มีอิทธิพล ต้องลุกขึ้นมาสู้ บางคน ถึงต้องมีการล้างแค้น ฆ่ากลับ เพราะคนในครอบครัวโดนก่อน อันนี้มันจะเป็น เฉพาะ ของคนท่ายาง
    ก็ บอกแล้ว ว่าเป็น คนจริง แล้วก็ต้องหนี ทั้งถูกฝ่ายตรงข้ามเอาคืน และ พวกตำรวจ
    ๓. มือปืนอาชีพ พัฒนาจาก ๑. และ ๒. และพวกที่เป็น นักเลงหัวไม้ โดยนิสัย
    --จากกลุ่ม ๑. พวกนี้ ทำๆไปเบื่อ รายได้ไม่ดี ทิป จากเจ้านาย น้อย เจ้านายหิน ยิงให้เจ้านาย ..หนีไป...กลับมา เจ้านาย ก็ไม่ดูแล ลูกเมียให้ ทั้งที่ให้สัญญาไว้ หรือ เคลียร์เรื่องให้ไม่จบ
    เลยเลิก รับงานเองดีกว่า
    --จากกลุ่ม ๒. หนีไปเรื่อยๆ วนไปมา แถวป่า แก่งกระจาน ไม่มีรายได้ นานๆแวะ เข้าตลาดท่ายาง (อย่าลืมนะครับ ผมพูดถึง สมัยปี ๒๕๐๐) สมัยนั้น มีการรับงาน กันแถวๆ ตลาดท่ายาง
    กลุ่ม๑.ที่พัฒนาแล้ว มารับงานเอง เห็นเข้า ก็เหมือนอย่างที่เขาพูดกันว่า....ของแบบนี้มันมอง
    ตากันออก...ก็มีการเชิญชวนกันเข้าก๊วน....พอเยอะเข้า ก็กลายเป็น ...ซุ้ม..(ภาษาสมัยนี้)
    --พวกหนุ่มๆนักเลงหัวไม้ โดยนิสัย พวกนี้ไม่ชอบทำงาน อยู่แล้ว ก็ไม่ีมี ..เงิน..ใช้ หลังจากวงการพัฒนาขึ้น ข่าวเข้าหู รู้ว่าเงินดี เข้าทางถนัด ก็เข้าไปฝากเนื้อฝากตัว แต่พวกนี้ต้องสร้างผล
    งาน โชว์ลูกพี่ ให้เข้าตาก่อน ทั้งใจ และฝีไม้ลายมือ จึงจะพัฒนาระดับได้
    ...........................................ยังมี มือปืน...อีกประเภท ลักษณะเป็นแบบงานเสริม
    .............ใจถึง และ ส่วนใหญ่ ตอนหนุ่มๆเป็น นักเลงมาก่อน บางคนก็เป็น..ญาติ....เป็น...
    .....เพื่อน..กับพวกมืออาชีพ ก็รับงานเป็น job job ....แต่บางคน ก็พัฒนาเป็นหัวหน้าตัวจริง
    .....แค่นี้ผมคงไม่ต้องบอกว่าอาชีพประจำเป็น...ใคร และมีทั้ง.. สองสี..
    ....................................................................................................
    ......ผมขอทำความเข้าใจก่อนว่า...ท่ายาง..ทำไมเป็นแหล่ง ชุมนุม ได้อันนี้มีเหตุผลประกอบ
    มาจาก..สภาพพื้นที่มันอำนวย............................
    ...........................ผมเล่ามาแล้วถึงพื้นทีๆกว้างใหญ่ของ..ท่ายาง..ยุคนั้น...ฝั่งตะวันตกเป็นป่ากว้างใหญ่..ป่าแก่งกระจาน...ซึ่ง ดิบ..ทึบ..มาก ก็เป็นแหล่ีงกบดานได้อย่างดี.......อีกอย่างก็ไม่ห่างจากสถานีรถไฟ สมัยนั้นก็ขึ้นรถไฟไปปฏิบัติงานพื้นที่อื่นง่าย(กลับ บขส.)
    ......................................................................................
    ผมเกริ่นมาเพื่อนำเรื่องให้ท่านผู้สนใจจะได้เข้าเรื่องที่จะเล่าต่อไปได้ง่าย.........ติดตาม
    ตอนไปวันหลังครับ ....แล้วจะเข้าใจในหัวข้อข้างต้น
    .........ขอบคุณ..ท่านทั้งหลายที่ติดตามกันมาตลอด..ครับ....สว้สดี
    .
     
  13. tatty

    tatty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    8,976
    ค่าพลัง:
    +8,226
    กำลังสนุกเลยครับ
    ถ้าใครเกิดทันคงได้ยิน "มือปืนเมืองเพชร" ได้ยินชื่อ กำนันช้อง คล้ายคลึง
    ดังไล่เลี่ยกับ "มือปืนเมืองชล" เลยครับ เมืองชลนี่ก็ ........เสี่ยจิว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2010
  14. sareem

    sareem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +434
    เรื่องราวกำลังเข้มข้นเลยครับน้า
     
  15. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ......ขอบคุณครับ ทั้งสองคนที่ชมกันมา ความจริงผม ก็ มีเรื่องของ บุคคลเหล่านี้หลายแง่กระบวนความ แต่การเล่าความไปถึงแม้ เหตุการณ์มันมากกว่า ๕๐ ปี แล้ว มันเกี่ยวข้อง กับ บุคคลหลายคน ที่ไม่นาจะเอามาเล่า ซึ่ง มันพาดพิงถึง คน และบางหน่วยงาน ซึ่งมันคงไม่ดี..................<o>:p></o>:p>
    ..................................................................................................<o>:p></o>:p>
    ..................ท่านคงนึกออกว่า...อาชีพนี้มันเสี่ยงขนาดไหน....ไหนจะเสี่ยงจากการโต้ตอบของผู้ถูกกระทำ...ยังเสี่ยงต่อการไล่ล่า ของญาติ พี่น้อง ผู้ตาย...และเหล่าตำรวจท้องถิ่น ยังมีชุดมือปราบเฉพาะกิจ(กรณีที่ผู้ถูกล่า มีค่าหัวสูงๆ).........แน่นอน<o>:p></o>:p>
    ...พระ..เครื่องราง..ของขลัง...จึงเป็นสิ่งที่เหล่ามือปืนต้องขวนขวายหาไว้ติดตัว<o>:p></o>:p>
    .......เรื่อง..สัก...ฮะ..ฮะ..สมัยนี้เอาไว้โชว์..ว่า..กูเก๋า....สมัย ก่อนเขาไม่หวือหวา<o>:p></o>:p>
    อย่างสมัยนี้ครับ....ส่วนใหญ่ เป็นอักขระยันต์..ล้วนๆ และไม่ใหญ่โตมโหฬารแบบเดี๋ยวนี้<o>:p></o>:p>
    ตำแหน่ง จะ ซ่อนอยู่ในเสื้ออย่างมิดชิด เพราะถ้ามีรอยสักโผล่ออกมา นอกจากจะเป็นที่<o>:p></o>:p>
    เพ่งเล็งของตำรวจ.....ยังเป็นจุดที่ให้เจ้าทุกข์สังเกตได้ง่าย..........................<o>:p></o>:p>
    .............................ฉะนั้นที่ผมเล่าไปตอนที่แล้วว่า จะมีมือปืน ประเภทที่มาจากนักเลง มาสมัครเข้า..ก๊วน..ถ้าเนื้อตัวมีรอยสักโผล่ออกมานอกร่มผ้า...แทบจะมีโอกาศที่จะถูกรับเข้า....นอกจากตัวมันเองจะเสี่ยงที่คนจำได้...ก๊วน..อาจโดนหางเลขได้....<o>:p></o>:p>
    .........อย่างหนึ่งที่เหล่ามือปืนไม่นิยม...สัก..เพราะ..สิ่งที่ต้อทำของ..มือปืนมี ๒ อย่าง<o>:p></o>:p>
    คือ ..ยิง...และ...หนีกบดาน การหนีเฉพาะเวลาถูกไล่ล่า ต้องหนีอย่างไม่ต้องคำนึง<o>:p></o>:p>
    ว่าที่ๆจะเข้าไปซ่อน หรือ จะต้องมุด..ลอด อะไร...ขอให้หนีได้...ช่อนได้ หลบตำรวจได้<o>:p></o>:p>
    ก็พอแล้ว........ไอ้ที่ผมพูดไปเมื่อกี๊..มันเป็นข้อห้ามหลักของ...ผู้ถูกสัก..ท่านทั้งหลาย<o>:p></o>:p>
    คงจะพอทราบได้อยู่แล้วว่า ...รอยสักที่ศักสิทธิ์ ของอาจารย์ทั้งหลาย(..ยุคโน้น..)..<o>:p></o>:p>
    ...ท่านจะกำชับไว้เน้นในเรื่องสำคัญ...คือ ๑ ห้ามผิดลูกเมียเขา ๒ ห้ามลอดราวตากผ้าถุง ๓ ห้ามสัมผ้ส...เลือดประจำเดือน ..และก็ยังมี อีก แล้วแต่สำนัก ....<o>:p></o>:p>
    .............ที่ผมยกขึ้นมาให้ท่านนึกภาพ ว่าเวลาพวกนี้ ต้อง..หนี...มันจะต้อง..เสียงกับ<o>:p></o>:p>
    การที่ ของเสื่อม ขนาดไหน..อย่าลืมนะครับ สมัยโน้น ผู้หญิงเขานุ่ง..ผ้าถุง..กันทั้งนั้น เวลาหนีตำรวจไครจะมัวมา....เลือกราวตากผ้า..ลอด หรือหลบใต้กองขยะ(สมัยโน้น..เขาไม่มีถังขยะนะครับ)..จะไปรู้ได้ยังไง..ว่ามันมีอะไรๆ...ปนอยู่..........<o>:p></o>:p>
    ............เอาแค่นี้..ก็พอนึกออกแล้วนะครับ....ฉะนั้นพวกของขลังที่..ข้อห้ามน้อยๆจะเป็นที่นิยมกว่า ...เช่น..ลูกอม...ตะกรุดมหารูด(ออกแบบไว้ เพื่อ สู้..และ..หนี.โดยเฉพาะ)...พระเครื่องอย่างโคตรเหนียวที่ใครๆรู้จักในยุคนั้น ..ปรุหนัง...กริ่งคลองตะเคียน..พิจิตรเม็ดข้าวเม่า.. ........แต่ขอโทษ ยุคนั้นไม่สามารถสั่งซื้อทางNET..<o>:p></o>:p>
    หรือ ไปหาตามศูนย์พระเครื่องได้อย่างยุคนี้..... ถ้าคนไหนหามาได้ก็ดีไป ไม่ได้ก็ต้องไปหาที่เหนียวรองๆลงไป ......อีกอย่างที่ติดตัวง่ายก้คือ.....เหรียญ..ไง..ครับ.....<o>:p></o>:p>
    .............เป็นไงครับเริ่มใกล้เข้ามาแล้ว....แต่ผมขอเลี้ยวกลับมาหา ลักษณะของ<o>:p></o>:p>
    มือปืน ที่เป็น ระดับ ..หัวหน้า..กันก่อน คนประเภทนี้...จะเป็นคนประเภทที่เรียกว่า<o>:p></o>:p>
    ของจริง..คนจริง...ผู้นำ..อย่างแท้จริง เขาจะเป็นคนที่ ..นิ่งมาก...ใจเย็นมาก...กลมกลืนมาก....เด็ดขาด และ เหี้ยมอย่างมีเหตุผล....ถ้าไม่งั้นเขาจะไม่สามารถควบคุม ..ก๊วน...ได้ เพราะคนที่เป็น ลูกน้องมันไม่ใช่ธรรมดา มันเป็น...มือปืน.....<o>:p></o>:p>
    ...ทุกคนไม่..ตะขิดตะขวงที่จะ..ลั่นไก..ไส่กันถ้าเกืดไม่สบอารมณ์ เขา..คนนี้จะต้อง<o>:p></o>:p>
    เป็นคนที่ เป็นลูกน้องต้อง..กลัว..เกรงใจ...เคารพ...ไม่งั้น..ก๊วนจะดำรงไม่ได้.....<o>:p></o>:p>
    ................................................................................................<o>:p></o>:p>
    ........................ก๊วนใหญ่ๆของ..ท่ายาง..ส่วนใหญ่ หัวหน้าก็จะดูเหมือน คนสุจริต<o>:p></o>:p>
    ธรรมดาๆ มีสังคม มีการมีงาน แต่ไม่หวือหวา(เดี๋ยวผิดสังเกต) มีหลักมีฐานพอควร<o>:p></o>:p>
    ใช้ชีวิตเรียบๆ ส่วนน้อย ก็พอจะสังเกตว่ามีอิทธิพล ส่วนก๊วนที่เล็กหน่อยเป็นมือปืนแท้ๆ ที่มีพัฒนาการผลักดันตัวองขึ้นมาเป็นหัวหน้า (บางคน อาจมา จาก บ้านลาด<o>:p></o>:p>
    หรีอ หนองหญ้าปล้อง ฯลฯ ละแวกใกล้เคียง ) .....แต่ก๊วนใหญ่ ตัวพี่ใหญ่ ก็จะเป็น<o>:p></o>:p>
    คนท่ายางนี่แหละ จริงๆคนในตลาดท่ายางในยุคนั้น ก็ รู้กันทั้งนั้นว่าใครเป็นใคร...<o>:p></o>:p>
    ......................................................................................<o>:p></o>:p>
    ..............................เออ ว่าจะไม่ยืดเรื่องนี้แล้ว..แต่มันจบไม่ได้จริงๆ..ตอนหน้า<o>:p></o>:p>
    จะมี ตัวละครที่..ผมเอ่ยว่า......เขา....จะมาเป็นตัวเดินเรื่อง..สั้นๆแต่น่าสนใจ.....<o>:p></o>:p>
    ก่อนจะ วกเข้าเรื่อง เหรียญ<o>:p></o>:p>
    <o>:p> </o>:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2010
  16. Ong

    Ong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +12,861
    ตามอ่านอีกหน้าหนึ่งของตำนานเมืองเพชรครับ...
     
  17. Orkar

    Orkar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +952
    มารอติดตามครับ
     
  18. sareem

    sareem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +434
    มาไวไวครับน้า
     
  19. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    <meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 11"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 11"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page Section1 {size:595.3pt 841.9pt; margin:26.95pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:35.4pt; mso-footer-margin:35.4pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> .......ขอบคุณครับ..คุณONG และคุณ ORKAR ที่ติดตามรวมทั้ง...ท่านทั้งหลายที่ตามติด ................................ผมเกริ่นไปตอนที่แล้ว...ว่าจะเล่าถึง.....บุคคลที่อยูในแวดวง..คนหนึ่ง.......คนๆนี้มีตัวตนจริง...แล้วพิจารณาเอาเองว่า ...เขา...ของจริงหรือไม่<o:p></o:p>
    ..............................................................................................<o:p></o:p>
    ..................เพื่อไม่ให้เป็นการพาดพิง....ถึง...เขา...ผมขอเรียกเขา...ว่า...ปานโช...<o:p></o:p>
    (ออกแนว MEXICAN หน่อยเพื่อ..ความ..เข้มข้น..) ปานโช...เป็นคนท่ายาง..แท้ๆ....<o:p></o:p>
    .............ผิวค่อนข้างขาว หน้าตาดี พูดจา สุภาพ..ค่อนข้างผอมแต่..แข็งแรง........<o:p></o:p>
    .....วันหนึ่ง เขาไปช่วยซ่อมรถ..ให้กับผู้ที่ ..เขา..เคารพนับถือมากคนหนึ่ง.(อ้อลืมบอก<o:p></o:p>
    ไปว่า..งานประจำเขาทำอยู่ในเมือง แต่บ้านพักอยู่ที่..ท่ายาง)..ขณะที่ เขาก้ม และ ยื่นมือ ไปบริเวณใกล้ใบพัดระบายความร้อน ไอ้รุ่นน้องอยู่ที่เครื่อง..ที่อยู่ในรถ..แล้วคอย<o:p></o:p>
    สตารท์...เกิดสตารท์ขึ้นมาแล้วเครื่องติด ...แต่..ปานโช..ซึ่งระมัดระวังตัว..และ..รอบคอบ..ละเอียด มาตลอด..เกิดไม่ได้ชักนิ้วออก(คาดว่า...คงซวย).........<o:p></o:p>
    ..................ผลก็คือ..ปลายนิ้วกลางขาด....เลือดกระจาย...และเศษนิ้วไม่รู้กระเด็นไป<o:p></o:p>
    ไหน....ไอ้น้องที่สตารท์รถ....รีบวิ่งมาดู...แล้วแหกปากตะโกน...ช่วยด้วยๆ..ขณะที่เจ้าของรถ...เดินมาพอดี (ไอ้น้อง..นั่นก็คนท่ายาง ) เห็น ภาพที่น่าแปลกใจ คือ ไอ้น้อง<o:p></o:p>
    คนก่อเหตุ...หน้าซีด นั่งคุกเข่ากราบที่ขา ของ..ปานโช..พร้อมกับ พูดซ้ำๆ ว่า...พี่ผม<o:p></o:p>
    ขอโทษ..ผมไม่ได้ตั้งใจ...แต่เสียงมันออกแนว..ร้องไห้มากกว่า...ขณะที่ ปานโช...ยืน<o:p></o:p>
    สงบ..แต่เลือดทะลัก..หยดลงพื้น อย่างน่าหวาดเสียว หน้า..เขา..ราบเรียบ..และ พร่ำ<o:p></o:p>
    บอก..ไอ้น้องว่า..ไม่เป็นไรๆ..มึงไปหาผ้าสะอาดให้กูรัดแผลหน่อย...แต่ไอ้น้องเหมือน<o:p></o:p>
    ช็อก..และบ้าไปแล้ว...เจ้าของรถ ก็เลยตะโกนบอก..ปานโช..ว่า....เอานิ้วกำให้รอบแผล...รัดไว้อย่างนั้นให้แน่น...ขึ้นรถ..ไปโรงพยาบาล...ปรากฏว่า เจ้าของรถต้องไป<o:p></o:p>
    ไอ้น้องนั่งหลัง..ไม่พูดอะไรหน้าซีดอย่างเดียว...เจ้าของรถขณะขับรถไปก็ถาม..ลื้อเป็น<o:p></o:p>
    ยังไงบ้าง..แล้วก็คอยเหลียวมอง ปรากฏว่า..เจ้าของรถต้องแปลกใจเพราะ..หน้าตา..<o:p></o:p>
    ปานโชก็ราบเรียบเหมือนเดิม บอกตอบว่า...ไม่เป็นอะไรครับ..นิดหน่อย..(ตอนนั้น..เจ้าของ ..ยังไม่ทราบ..ว่า ปลายนิ้วปานโช..ขาด)..หลังจากถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัด..ขณะรอหมอทำแผลให้..ปานโช..เจ้าของรถต้องไปปลอบไอ้น้องแทน..<o:p></o:p>
    เพราะ...สภาพที่นั่งก้มหน้าสำนึกผิด....และ...สั่น..เพราะความกลัว (ก็ไม่กลัวได้ ยังไง<o:p></o:p>
    ....เพราะไอ้น้อง..มันรู้ว่า..ตัวจริง..ปานโช ..เป็นใคร..และ..ขนาดไหน...) เจ้าของรถ<o:p></o:p>
    (ซึ่งเวลาที่ได้รู้จัก..ปานโช..เป็นปี ก็ไม่รู้ว่า..เขา..ความจริงเป็น..ใคร..และ..เป็นอะไร )<o:p></o:p>
    ก็...ชักหงุดหงิด...ออกคำสั่งว่า...ลื้อไปคอยที่รถไม่ต้องมานั่งสั่นอยู่นี่..ไอ้น้องจึงต้องไป<o:p></o:p>
    ...........................................................................................................<o:p></o:p>
    ......หลังจากเย็บแผล และทำแผล เรียบร้อย หมอพาออกมา(..อย่าลืมนะครับ..โรงพยาบาลต่างจังหวัด เมื่อกว่า ๕๐ ปี มาแล้ว ไม่ใช่ที่กรุงเทพ) ก็บอกกับเจ้าของรถ<o:p></o:p>
    ว่า จริงๆบาดแผล หนักขนาดไหน และบอกว่าช่วงนี้...แผลมันจะบวมและปวด น่าจะ<o:p></o:p>
    ต้องหยุดงาน แต่หมอคงจะต้องคอย ดูแผลเป็นระยะๆ ไปๆมาๆ ท่ายางกับในเมือง<o:p></o:p>
    คงไม่สะดวก น่าจะให้พักอยู่ในเมืองจะสะดวกกว่า ....เจ้าของรถ....ก็บอกหมอว่า<o:p></o:p>
    ไม่มีปัญหาเดี๋ยวจะให้พักที่บ้านซะเลย....หลังจากกลับถึงบ้าน..เจ้าของรถก็..จัดที่จัดทางให้พักกับ..ไอ้น้อง..เพราะห้องใหญ่เหลือเฟือ และก็ อยู่แยกคนละหลังกับเจ้าของรถ อีกอย่างไอ้น้องจะได้คอยดูแลปรนนิบัติ..ชดใช้ความผิด....เจ้าของรถ..ก็..บอกกับ<o:p></o:p>
    ปานโชว่า...ลื้อพักอยู่ที่นี่ไม่ต้องเกรงใจ ..ให้ไอ้น้อง..มันไปบอกเมียลื้อ..ที่บ้านว่าไม่ต้องเป็นห่วง..คงต้องอยู่เป็นอาทิตย์....... ...ปานโช..ก็รีบบอกขึ้นมาทันทีว่า...ไม่เป็นไร<o:p></o:p>
    ครับท่าน ไม่ต้องให้..ไอ้น้อง..ไปบอกหรอกครับ เกรงใจมัน เมียผม..ไม่มีปัญหา..<o:p></o:p>
    หรอกครับ...ผมเคยลาไปหลายวันก็ไม่เคยบอกมัน...ชินแล้วครับ ....เจ้าของรถสังเกตไอ้น้องว่า มันก้มหน้าและไม่มองหน้าใครเลย...จน..เจ้าของรถเอ่ยปากขึ้น ..เฮ้ย..ไอ้น้อง ลื้อดูแลรับผิดชอบ..ปานโช..เขาด้วย ถามเขาด้วยหมอนัดไปดูแผลเมื่อไหร่...<o:p></o:p>
    แล้ว..ลื้อ..ต้องเป็นคนพาเขาไปหาหมอ...เข้าใจมั้ย.. ไอ้น้อง..สะดุ้งตั้งแต่ได้ยิน..เฮ้ย<o:p></o:p>
    แรก..ก็ตอบ ว่า ครับผม...พอเจ้าของรถหันหลังกลับ..จะเดินไป..แต่ในใจยังเป็นห่วง<o:p></o:p>
    ปานโช ก็เหลียวกลับไปมองอีกครั้งก็เห็น....ภาพที่ไอ้น้องก้มไปกราบที่หน้าอก..ของ<o:p></o:p>
    ปานโช ส่วนปานโชก็เอา..มือ..ข้างที่เหลือ..ตบ..หัวไอ้น้อง..เบาๆ เพื่อปลอบใจ..แล้ว<o:p></o:p>
    บอกว่า..ไม่เป็นไรๆเอ็งไม่ต้องคิดมาก....<o:p></o:p>
    .................ลืมบอกไปเสียสนืทเลยว่า ปานโช..ขณะนั้นอายุประมาณ ...๓๐ กว่าๆ<o:p></o:p>
    ...............................หลังจากนั้นประมาณ ๕ วัน ก็มี...ผู้หญิงคนหนึ่งมาที่บ้านเจ้า<o:p></o:p>
    ของรถตอนเย็นๆ.....พอดีเจอกับเมียเจ้าของรถ...เธอเห็นเข้าก็รู้ว่าเจ้าของบ้าน ก็บอก<o:p></o:p>
    ว่า ..พอดีถามเพื่อนๆปานโช ว่า รู้มั้ยว่า เขาอยู่ไหน (อย่าลืม..ไม่มี..มือถือ และโทรศัพท์) ก็ไม่มีใครบอก(ขี้เกียจ..หาภัย..ใส่ตัว) เลยคิดว่า คุณนาย คงจะทราบ..<o:p></o:p>
    ..หนูเป็นเมีย..พี่ปานโช..ค๋ะ มาจาก..ท่ายาง...<o:p></o:p>
    .............เมียเจ้าของรถ..ก็เลยเล่าเรื่องให้ฟัง...แล้วก็บอกให้เข้าไปเยี่ยม เวลาที่เป็น<o:p></o:p>
    ขณะเดียวกันที่ เมียปานโชรีบบอกด้วยเสียงสั่นๆ ว่าไม่เป็นไร..ค่ะ ไม่ต้องเขาว่า..หนูมา.... ปานโช..เดินออกมาจากห้องพอดี....แล้วสิ่งที่เมียเจ้าของบ้าน..ไม่คิดว่าจะได้ยิน<o:p></o:p>
    ....และไม่คิดว่าจะได้เห็น..จาก..ปานโช..ที่สุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตน ก็เกิดขึ้น...<o:p></o:p>
    ...............................................................................................<o:p></o:p>
    .............ผมว่าจะเล่า...สั้นๆ...ไหงมันยาวได้ก็ไม่ทราบ......กราบขออภัย...เรื่องของ<o:p></o:p>
    ...ปานโช....เห็นจะต้องต่อตอนหน้าแล้วครับ.......<o:p></o:p>
    ..........ขอบคุณที่ติดตาม.....ขอบคุณ..ครับ...สวัสดี ......
    ...ตอนผมจะลงpost...เห็น...ของคุณ SAREEM ...พอดี..ขอโทษทีครับ
    ........ลง...ช้าไปหน่อย....ให้อภัย..ผู้สูงวัยอย่างผมด้วย..นะครับ
    <o:p></o:p>
     
  20. sareem

    sareem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +434
    แฮ่ะๆ ไม่เป็นไรครับน้า..ผมเป็นแฟนพันธ์แท้น้าน่ะครับเลยใจร้อนไปหน่อยครับ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...