พุทธเถรวาทกับพุทธมหายาน

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย 100ลีลา, 12 มกราคม 2008.

  1. 100ลีลา

    100ลีลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    456
    ค่าพลัง:
    +1,855
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>
    [​IMG]

    พุทธเถรวาทกับพุทธมหายาน
    เรียบเรียงโดย นายแพทย์สุวัฒน์ จันทรจำนง


    ทัศนะของนักศาสนศาสตร์หลายคนมักจะมองว่า
    พุทธศาสนานิกายเถรวาทนั้นเป็นเพียงปรัชญาหรือเป็นหลักจริยธรรม
    ที่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต

    สำหรับ พระธรรมปิฎก (สมณศักดิ์ปัจจุบันที่พระพรหมคุณาภรณ์)
    ท่านได้แสดงความเห็นในเรื่องไว้ในหนังสือพระพุทธธรรมว่า

    คำสอนในพุทธศาสนาดั้งเดิมหรือพุทธเถรวาทนั้นไม่ใช่ปรัชญา
    แต่เป็นพุทธธรรม ที่มีลักษณะทั่วไปอันพอสรุปได้ ๒ ประการ ดังนี้


    ๑. แสดงหลักความจริงตามทางสายกลางที่เรียกว่า มัชเฌนธรรม
    ว่าด้วยความจริงตามแนวของเหตุผลบริสุทธิ์ตามกระบวนการธรรมชาติ
    นำมาแสดงเพื่อประโยชน์ในทางปฏิบัติในชีวิตจริงเท่านั้น
    ไม่ส่งเสริมความพยายามที่จะเข้าถึงสัจจธรรมด้วยวิธีถกเถียงสร้างทฤษฎีต่างๆ ขึ้น
    เพื่อความยึดมั่นหรือปกป้องทฤษฎีนั้นๆ ด้วยการเก็งความจริงทางปรัชญา

    ๒. แสดงข้อปฏิบัติตามทางสายกลางที่เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา
    อันเป็นหลักครองชีวิตของผู้ฝึกอบรมตน ให้รู้เท่าทันชีวิต ไม่หลงงมงาย
    มุ่งผลสำเร็จคือ ความสุข สะอาด สว่าง สงบ
    เป็นอิสระที่สามารถมองเห็นได้ในชีวิตนี้
    และการปฏิบัติความสายกลางนี้ควรเป็นไปโดยสัมพันธ์กับองค์ประกอบอื่นๆ
    เช่นสภาพชีวิตของบรรพชิต หรือคฤหัสถ์ เป็นต้น

    ๓.พุทธรรมฝ่ายเถรวาทนั้น เน้นในเรื่องการกระทำ (กรรมวาทและกิริยวาท)
    เน้นความเพียร พยายาม (วิริยวาท) มุ่งผลในทางปฏิบัติโวยตนเอง
    ภายใต้หลัก อัปปมาทธรรม และ หลักแห่งกัลยาณมิตร

    พุทธศาสนาเถรวาทจึงไม่ใช่ศาสนาแห่งการอ้อนวอนปรารถนา
    หรือศาสนาแห่งความความห่วงหวังกังวล
    หากจะถือว่า พุทธธรรมดังกล่าวเป็นปรัชญา
    ก็เป็นปรัชญาที่สอนให้มนุษย์พึงพิงตนเองแต่เพียงอย่างเดียว

    ส่วนปรัชญาพุทธแบบมหายานนั้น มีหลักปรัชญาอันหลากหลาย
    นิกายมหายานจึงมีลักษณะของความเชื่อและการปฏิบัติที่แตกต่างกัน
    ดังเช่นนิกายที่อิงอาศัย ปรัชญามาธยมิก
    ย่อมแตกต่างจากมหายานที่ยึดถือ ปรัชญาโยคาจาร และ มหายานสุขาวดี
    ย่อมแตกต่างจาก มหายานเซน ดังนี้ เป็นต้น


    ข้อสรุปความแตกต่างในปรัชญาอันเป็นหลักคำสอนระหว่าง ๒ นิกาย *

    ๑. ความแตกต่างในเป้าหมายสูงสุด

    มหายานยึดในหลักโพธิจิต สอนให้มนุษย์ตั้งความปรารถนาในโพธิญาณ
    ไม่ใช่มุ่งปรารถนาในอรหัตญาณดังความเชื่อในฝ่ายเถรวาท
    มหายานเชื่อในพุทธการกธรรม ยึดหลักของพุทธบารมีเป็นประทีปนำทาง
    แทนการเน้นในเรื่องอริยสัจ ๔ เช่นของฝ่ายเถรวาท

    ๒. หลักการเชิงคุณภาพและปริมาณของศาสนิกชน

    ของฝ่ายเถรวาท คือเอาคุณภาพของศาสนิกชนเป็นสำคัญ
    ยึดถือและคงไว้ซึ่งพระธรรมวินัยแลสิกขาบททุกข้อ
    ที่พระพุทธองค์เคยบัญญัติไว้ในพระไตรปิฎกอย่างเคร่งครัด

    ส่วนมหายานถือเอาทางด้านปริมาณ
    ดังนั้นปรัชญามหายานจึงลดหย่อนผ่อนปรนพระธรรมวินัย
    เช่นในเรื่องสิกขาบทเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่เป็นเหตุ อปยคมนีย
    ที่นำไปสู่อบายภูมิลง คงไว้แต่สิกขาบทที่สำคัญส่วนใหญ่

    ๓. เงื่อนไขของปณิธานในความปรารถนาพุทธภูมิ

    มหายานมีความเชื่อมั่นต่อปณิธานที่ปรารถนาในพุทธภูมิ
    ผู้ที่บรรลุโพธิจิตหากมีความจำเป็นที่จะต้องประพฤติปฏิบัติสิ่งใดแม้จะขัดกับพระธรรมวินัย
    หากแต่เป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อการรักษาไว้ซึ่งความมั่นคงของพระศาสนา

    แม้จะเป็นการกระทำถึงขั้นปาณาติบาตด้วยการเผด็จชีวิตต่อผู้ทรยศต่อพระศาสนา
    ก็พร้อมที่จะทำ แม้กรรมนั้นจำต้องทำให้พระโพธิสัตว์ต้องตกนรก
    ทั้งนี้เพื่อแลกกับบุญกุศลที่ได้คุ้มครองพระศาสนา

    แต่การกระทำนั้นต้องปราศจาก วิหิงสาพยาบาท
    เป็นการกระทำที่มหายานถือว่าให้ความเมตตาต่อผู้ที่สร้างอกุศลกรรม
    คติธรรมที่ว่านี้มีปรากฏอยู่ในคัมภีร์โยคาจารภูมิศาสตร์

    ส่วนฝ่ายเถรวาทถือว่า
    การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไม่ว่าด้วยเหตุผลใดใด
    ย่อมเป็นบาป ผิดหลัก เบญจศีล
    เถรวาทสอนแต่เพียงว่า ให้กล้าที่จะเสียสละแม้แต่ชีวิตเพื่อรักษาไว้ซึ่งสัจธรรม

    เถรวาทไม่เชื่อและสอนให้เชื่อว่า
    ปาณาติบาต ไม่ว่ากรณีใดใด จะก่อให้เกิดกุศลกรรมต่อตนเองหรือต่อพระศาสนา


    ๔. การพัฒนาการเรียนการสอนพระธรรม

    มหายาน พัฒนาการเรียนการสอนพระธรรม
    เพื่อเพิ่มสมาชิกด้วยลัทธิและพิธีกรรมต่างๆ
    รวมทั้งการจัดธรรมสังคีตเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการประกาศพระศาสนา
    ขับกล่อมชักจูงศรัทธาของประชาชน ซึ่งลักษณะเช่นนี้ไม่มีในฝ่ายเถรวาท

    ๕. อรรกถาธิบายพุทธมติ

    คณาจารย์ที่มีความรู้ในปรัชญามหายาน เช่น ท่านนาคารชุน ท่านอสังคะ ฯลฯ
    ได้เพิ่มอรรกถาธิบายพุทธมติออกไปอย่างกว้างขวาง
    มหายานจึงมีกิ่งนิกายหรือนิกายย่อยออกไปเป็นจำนวนมาก มีปรัชญาเฉพาะเป็นของตนเอง
    ทำให้พุทธศาสนามหายานมีปรัชญาหลากหลายเหมาะต่อการเลือกเชื่อ เลือกศรัทธา
    มีลักษณะที่เป็นทั้ง หลักปฏิฐานนิยม สัจจนิยม อภิปรัชญาและตรรกวิทยา

    ส่วนทางเถรวาทยังยึดหลักปรัชญาพุทธตามที่ปรากฏในคัมภีร์ดั้งเดิม
    คือพระไตรปิฎกอย่างเคร่งครัด จะมีเป็นเพียง อรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา
    ที่มีผู้รู้แต่งขึ้นภายหลังเพื่อการขยายความเพิ่มเติมในอรรถรสที่ไม่ชัดเจนในพระไตรปิฎก

    ๖. พระสูตร

    คณาจารย์มหายานได้พระสูตรขึ้นใหม่เป็นจำนวนมาก
    โดยอิงอาศัยพุทธมติ พุทธปรัชญาเดิม
    ก็ด้วยเจตนาที่จะทำให้พระพุทธศาสนาเป็นที่แพร่หลาย
    ต่อชนทุกชั้นทุกระดับปัญญา ที่สามารถเลือกเชื่อเลือกนับถือ

    คณาจารย์เหล่านี้ประกอบด้วยบุคคลทั้งที่อยู่ในเพศบรรพชิตและฆราวาส
    ที่แตกฉานในรสพระธรรม มีการใช้สำนวนกวีชวนอ่านชวนฟังกว่าพระสูตร
    ที่ปรากฏในฝ่ายเถรวาทเป็นอย่างมาก

    ผู้ที่เคยอ่าน สัทธรรมปุณฑริกสูตร
    ที่ อาจารย์ ดร. ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ แปลมาจากภาษาฝรั่ง
    หรือ หนังสือกามนิต วาสิฏฐี
    ที่ ท่านเสถียรโกเศศ และนาคะประทีป แปลมาจากเรื่องที่
    คาร์ล เลอ รุป แต่งสดุดีปรัชญาพุทธมหายาน
    ย่อมเป็นพยานในความไพเราะเพราะพริ้งของภาษาที่แฝงอยู่
    ในอรรถรสแห่งพุทธธรรมแบบมหายานได้เป็นอย่างดี

    ๗. การดำเนินนโยบายเผยแผ่พระศาสนา

    มหายานดำเนินนโยบายการเผยแผ่พระศาสนาโดยมุ่งสามัญชนเป็นเป้าหมายหลัก
    เพราะเชื่อว่าปรัชญาพุทธนั้นลึกซึ้งยากต่อการทำความเข้าใจ
    แม้แต่ในปัญญาชนที่รับการศึกษาทางโลกมามากแล้วก็ตาม

    นอกจากนั้นมหายานยังปรับความเชื่อให้เขากับลัทธิธรรมเนียมดั้งเดิมของสามัญชน
    ที่เคยเชื่อถือมาเป็นเวลานาน
    ความเชื่อเดิมที่ไม่ขัดกับหลักธรรมใหญ่
    หรือแม้ขัดกับหลักธรรมเดิมของพุทธศาสนาเป็นบางส่วน
    มหายานจะรับเข้าไว้โดยไม่รีรอ

    จึงทำให้ความเชื่อเดิมของชาวมหายานที่เป็นอเทวนิยม
    กลายเป็นเทวนิยมไปโดยปริยาย มีพระพุทธเจ้ามากมาย
    องค์ที่สำคัญที่ได้รับการยกย่องขึ้นเป็นพระโพธิสัตว์


    จนเป็นเหตุให้นักปราชญ์ชาวอินเดียที่ศึกษาพระพุทธศาสนายังไม่แตกฉานทึกทักเอาว่า
    พุทธศาสนาคือนิกายหนึ่งของศาสนาฮินดู
    พระพุทธเจ้าคือปางที่ ๙ ของพระวิษณุที่อวตารลงมาช่วยแก้ปัญหาให้กับมนุษย์

    หากจะลองมาพิจารณาด้วย อหังการ มมังการ
    อาจจะตั้งสมมติฐานได้ว่า
    มหายานพยายามปรับความเชื่อของตนเองเพื่อจะดึงศาสนิกชาวฮินดูสมัยนั้น
    ให้เข้ามายอมรับนับถือในศาสนาของตน
    หรือมิฉะนั้นก็อาจเป็นเพราะแนวคิดของมหายาน
    ถูกกลืนอย่างไม่รู้ตัวโดยปรัชญาฮินดู


    หมายเหตุ :

    เพื่อให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจในประเด็นความแตกต่างระหว่าง ๒ นิกายนี้โดยง่ายขึ้น
    ผู้โพสต์จึงได้จัดทำเป็นหัวข้อขึ้นเพิ่มเติม
    โดยคำอธิบายในแต่ละหัวข้อนั้น ยังคงไว้ซึ่งเนื้อหาเดิมตามต้นฉบับทุกประการ


    </TD></TR><TR><TD> <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top>อาจารย์สมภาร พรมทา สรุปแนวความคิดพื้นฐานของฝ่ายมหายานว่า
    มีความแตกต่างจากฝ่ายเถรวาทอยู่ ๒ ประการ

    คือ ทัศนะต่อพระพุทธเจ้า กับ ทัศนะต่ออุดมคติสูงสุดในชีวิต ดังนี้

    ๑. ทัศนะต่อพระพุทธเจ้า

    ชาวเถรวาทเชื่อว่า พระพุทธเจ้าทรงเป็นมนุษย์ มิใช่เทพผู้มีอำนาจเหนือธรรมชาติ
    พระองค์คือผู้ที่ได้ทุ่มเทสติปัญญา
    และความเพียรพยายามเพื่อไปให้ถึงจุดหมายที่ทรงมุ่งหวังคือ นิพพาน

    ในทางรูปธรรมพระองค์ทรงมีเนื้อหนังร่างกาย
    ที่อยู่ภายใต้กฎธรรมชาติเดียวกับคนธรรมทั่วไป

    คัมภีร์เถรวาทกล่าวว่า ความเป็นพระพุทธเจ้ามิได้อยู่ในเนื้อหนังร่างกาย
    หากอยู่ที่ธรรม อันหมายถึงปรัชญาที่เป็นคำสั่งสอนของพระองค์
    พุทธธรรมเท่านั้นคือแก่นหรือสาระของความเป็นพระพุทธเจ้า
    ดังพุทธพจน์ที่ว่า
     
  2. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    อ นุ โ ม ท น า ส า ธุ

    ขอเก็บข้อมูลเอาไว้เป็นความรู้ครับ
     
  3. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    มหายานสร้างมั่งคั่ง เถรวาทสร้างความมั่นคง... สาธุครับ ^^ อามีทอฟอ
    จริงๆแล้ว มหายานก็ไม่ต่างกับเถรวาทหรอกครับ ที่ว่ามีพระพุทธเจ้าเยอะ
    ก็เป็นหลักความจริงตามเถรวาท ที่ว่าในอดีตกาลได้มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้แล้วนับไม่ได้
    และในอนาคตกาลอีก มหาจักรวาลกว้างใหญ่แสนโกฏิโลกธาตุ ย่อมมีพระพุทธเจ้าในจักรวาลอื่นด้วย (อันนี้มหายานก็เอามาจากพระสูตรดั้งเดิม) ส่วนพระโพธิสัตว์ของมหายาน ก็คือผู้ที่บำเพ็ญบารมีเพื่อจะช่วยเหลือสรรพสัตว์ และเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า... เหมือนกันไม่ต่างกัน
    เพียงแต่บารมีบางข้ออาจจะต่างกันบ้าง แต่เป็นไปนัยยะเดียวกัน

    สุดท้ายนี่้ก็ขอสดุดีแด่ปรัชญาเถรวาทและมหายาน ขอให้ศาสนาพุทธของพวกเราจงเจริญ ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2010
  4. บุตรพระแม่อนุตตรธรรม

    บุตรพระแม่อนุตตรธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    548
    ค่าพลัง:
    +428
    สาวกยาน ปัจเจกพุทธยาน มหายาน ล้วนมุ่งสู่ พุทธยาน
     
  5. บุตรพระแม่อนุตตรธรรม

    บุตรพระแม่อนุตตรธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    548
    ค่าพลัง:
    +428
    ปัจจุบัน รศ.ดร.ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ ได้ออกบวชเป็นภิกษุณีนาม ธัมมนันทา อยู่วัดทรงธรรมกัลยาณี
     
  6. adevathep

    adevathep เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +153
    เก่งกันจริงๆๆๆๆๆ
     
  7. หลานกวนอิม

    หลานกวนอิม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +42
    เป็นได้ทุกนิกาย เพราะนับถือพระพุทธเจ้าเหมือนกัน
    สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 20084191724060.jpg
      20084191724060.jpg
      ขนาดไฟล์:
      101.3 KB
      เปิดดู:
      202
    • Buddha.jpg
      Buddha.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.5 KB
      เปิดดู:
      179

แชร์หน้านี้

Loading...