บทพิสูจน์ คำสอน บันทึก การฝึกญาณ ๘ เรื่องจริง ที่คุณก็ทำได้

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย gatsby_ut, 2 มิถุนายน 2010.

  1. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    การฝึกญาณ ๘
    พรนุช คืนคงดี – ครูฝึก


    [​IMG]



    <O:p
    <O:p
    ท่านที่ฝึกมโนมยิทธิได้แล้วตามที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นก็สามารถทำทิพจักขุญาณให้คล่องตัวขึ้นอีกมาก ถ้ารู้จักใช้ เมื่อเราได้นโนมยิทธิด้วยแล้ว เราสามารถใช้กำลังของมโนมยิทธิขึ้นไปถึงจุดสุดยอดคือพระนิพพาน จิตเราหรืออทิสสมานกายขณะที่อยู่นิพพานก็สะอาดที่สุด การรู้ก็ชัดเจนดีกว่า


    [​IMG]



    <O:p
    ดังนั้นในการฝึกญาณ ๘ ครู จึงนำท่านไปนิพพานก่อนในอันดับแรก แล้วใช้สถานที่แห่งใดแห่งหนึ่ง เช่น วิมานพระพุทธเจ้า วิมานหลวงพ่อ ท่ามกลางสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นประธาน ท่านผู้มีพระคุณทั้งหมดอยู่พร้อมคอยช่วยเหลือเรา ประคับประคองเรา เช่น ท่านที่เคยเป็นบิดา มารดา เรามาในกาลก่อน ท่านไม่ทิ้งเราแน่ เพราะขึ้นชื่อว่า พ่อ แม่ ไม่ทิ้งลูก ขอให้เรารู้จักท่านก่อน กราบไหว้ท่านก่อน ตามที่ฝึกได้แล้วตั้งแต่วันแรก

    <O:p

    [​IMG]


    [​IMG]


    ฝึกทิพจักขุญาณ<O:p
    ครู : “ขณะนี้ขอให้ทุกคนตัดสินใจให้แน่นอนอีกครั้งว่าเราไม่ต้องการเกิดอีกต่อไป จะเป็นคน เป็นเทวดา เป็นพรหมไม่ต้องการ ต้องการอย่างเดียวไปพระนิพพาน แม้ว่าร่างกายจะเป็นยังไงก็ช่าง มันจะขาดใจตายเดี๋ยวนี้เราก็พร้อมมุ่งเป็นนิพพานแห่งเดียว ตัดสินใจได้ไหมคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ได้”<O:p
    ครู : “เมื่อตัดสินใจได้แล้วให้ตั้งใจนึกถึงบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอบารมีพระพุทธองค์ช่วยให้อารมณ์จิตสะอาดถึงที่สุด สามารถรู้สิ่งต่าง ๆ เวลานี้ได้ชัดเจนแจ่มใสตรงตามความเป็นจริงทุกประการ…เวลานี้มีใครอยู่ข้างหน้าไหมคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “มี”<O:p
    ครู : “ใครคะ”<O:p
    ศิษย์ : “พระพุทธเจ้า”<O:p
    ครู : “กราบนมัสการท่าน ขณะที่นึกกราบ ขอเห็นอทิสสมานกายของเราด้วยค่ะ มีไหมคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “มี”<O:p
    ครู : “แต่งตัวเหมือนเดิมไหมคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ไม่เหมือน”<O:p
    ครู : “แต่งยังไงคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “สวยเหมือนเทวดา”<O:p
    ครู : “ใช้ได้ค่ะ ถูกต้อง นอกจากพระพุทธเจ้าแล้ว ดูรอบ ๆ ซิคะ มีใครมาอีกไหม…?”<O:p
    ศิษย์ : “มี”<O:p
    ครู : “มามากหรือน้อยคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “มากมายเต็มไปหมด”<O:p
    ครู : “แต่งตัวยังไงคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ใส่ชฎาเหมือนเทวดา”<O:p
    ครู : “ใช้ได้ ใจรู้สึกว่าท่านที่มาเป็นใครคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “เคยเป็นพ่อ เป็นแม่ มาก่อน”<O:p
    ครู : “ดีแล้ว เวลานี้เห็นอทิสสมานกายของเราอยู่ใช่ไหมคะ นึกให้อทิสสมานกายของเรานี้มากเท่ากับจำนวนท่านที่มา แล้วกราบท่านบนตักทำได้ไหมคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ทำได้แล้ว เห็นหลวงพ่อมาด้วย”<O:p
    ครู : “ดีใจไหมคะที่หลวงพ่อมาช่วยเรา…?”<O:p
    ศิษย์ : “ดีใจมาก”<O:p
    ครู : “กราบท่านที่พระบาท ดูซิคะ มีใครมาอีกไหมที่สว่างมากเท่า ๆ กับหลวงพ่อ…?”<O:p
    ศิษย์ : “มี ยืนอยู่ใกล้ ๆ กัน”<O:p
    ครู : “กราบท่าน ท่านเป็นใครคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ท่านแม่”<O:p
    ครู : “ดีมาก ท่านแม่มาช่วยเราแล้ว ขอท่านไปกับเราด้วยท่านจะไปไหมคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ไป”<O:p
    ครู : “ขอบารมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ขอท่านพ่อท่านแม่ผู้มีพระคุณทั้งหมดช่วยพาไปนิพพาน ไปวิมานสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน…ถึงหรือยังคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ถึงแล้ว”<O:p
    ครู : “พบอะไรบ้างคะ..?”<O:p
    ศิษย์ : “เห็นวิมานใหญ่ สว่างดี”<O:p
    ครู : “เข้าไปเลยค่ะ ท่านพ่อท่านแม่มาด้วยหรือเปล่าคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “มาด้วย เข้าได้แล้ว”<O:p
    ครู : “เจอใครบ้างคะ ในวิมานพระพุทธองค์…?”<O:p
    ศิษย์ : “เห็นพระพุทธเจ้านั่งอยู่บนแท่นกลางวิมาน”<O:p
    ครู : “เข้าไปใกล้ ๆ ท่าน กราบนมัสการใกล้ ๆ พระบาทแล้วดูซิคะ พระพุทธองค์แต่งองค์ยังไง…?”<O:p
    ศิษย์ : “เหมือนเทวดา”<O:p
    ครู : “นี่แหละค่ะ พระพุทธองค์อยู่ที่นิพพานจะแต่งองค์แบบนี้เรียกว่า ภาพพระนิพพาน จำให้ติดใจ นึกถึงพระพุทธเจ้าคราวใดนึกถึงภาพนี้นะคะ เห็นตัวเราไหมคะ…?<O:p
    ศิษย์ : “เห็น อยู่ตรงหน้า ตัวเล็กนิดเดียว”<O:p
    ครู : “ใช่ พระพุทธเจ้าท่านมีพระวรกายใหญ่กว่าเรามาก เพราะท่านมีบารมีมาก ตัวเราเล็กขนาดไหนคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “นิดเดียว”<O:p
    ครู : “นอกจากพระพุทธเจ้า และท่านพ่อท่านแม่ที่พาเรามาแล้ว ในวิมานยังมีใครอีกไหมคะดูซิ…?”<O:p
    ศิษย์ : “นั่งเต็มไปหมดครับ แต่งตัวเหมือนเทวดาหมด”<O:p
    ครู : “ความรู้สึกของใจ ท่านเป็นใครคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “สาวก”<O:p
    ครู : “ถูกแล้วท่านเป็นพระอรหันต์ สาวกของสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า นึกให้อทิสสมานกายของเราที่นั่นมีจำนวนเท่ากับพระอรหันต์ แล้วกราบท่านบนตัก”<O:p
    ศิษย์ : “กราบแล้วครับ”<O:p
    ครู : “ตั้งใจขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยให้การฝึกความรู้ในด้านญาณ ๘ ประการ ซึ่งเป็นความรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในวันนี้ขอบารมีท่านช่วยให้ข้าพระพุทธเจ้ารู้ได้ชัดเจนแจ่มใสและถูกต้องตามความเป็นจริงทุกประการนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอองค์สมเด็จพระจอมไตรช่วยให้ข้าพระพุทธเจ้าเห็นสภาพของแดนพระนิพพานว่ามีอาณาเขตแค่ไหน ความสว่างไสวมีเพียงใด มีอะไรอยู่บ้าง ขอดูภาพตามความเป็นจริงพระพุทธเจ้าข้า”<O:p
    ศิษย์ : “กว้างขวางสุดตาก็ยังไม่สิ้นอาณาเขต”<O:p
    ศิษย์ : “สว่างมากครับ”<O:p
    ศิษย์ : “มีวิมานยอดแหลมอยู่มากมายเต็มเนื้อที่เลย”<O:p
    ครู : “วิมานสว่างไหม ทำด้วยอะไรคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ทำด้วยแก้ว สว่างในตัวเอง สวยครับ”<O:p
    ครู : “ทำให้ดูภาพนี้เพราะต้องการให้ท่านทราบความความเป็นจริงว่า พระนิพพานเป็นดินแดนที่มีอยู่จริง ๆ เราสามารถมาพบได้ ถ้าสลัดกิเลสทิ้งให้หมดใจโดยสิ้นเชิง แม้แต่ละอองกิเลสก็ไม่เหลือติดใจ อย่างเวลานี้นี่แหละ เราจะพบพระนิพพานได้ ต่อไปให้ทุกคนกราบขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยให้ข้าพระพุทธเจ้าเห็นเป็นภาพเนรมิตว่ามีท่านผู้ใดบ้างที่สามารถอยู่พระนิพพานได้ และมีวิมานอยู่ทั่วไปตามที่เห็นอยู่ขณะนี้…?”<O:p
    ศิษย์ : “มีพระพุทธเจ้ามากมายนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นครับ”<O:p
    ครู : “ถูกต้อง นึกให้อทิสสมานกายเรามีจำนวนมากเท่ากับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด แม้จะเป็นภาพเนรมิตก็ตั้งใจนึกกราบนมัสการพระพุทธองค์ที่ใกล้ ๆ พระบาท นอกจากพระพุทธเจ้าแล้ว ที่นิพพานยังมีพระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์อีกเป็นปริมาณเท่าใด ขององค์สมเด็จพระจอมไตรช่วยให้เห็นภาพทั้งหมดเลยพระพุทธเจ้าข้า ใครเห็นอะไรบ้างตอบมา…?”<O:p
    ศิษย์ : “โอ้โฮ มากมายอะไรยังงั้น เต็มสุดตาทั่วไปหมด แต่งองค์ยังกะเทวดาทั้งนั้นเลยครับ”<O:p
    ครู : “มีใครยังเห็นไม่เต็มที่มีไหมคะ ถ้ามีให้ขอบารมีพระพุทธเจ้าช่วย ขอท่านพ่อ ท่านแม่ช่วย ให้เห็นให้เต็มที่ เป็นไง เต็มที่หรือยังคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “มีภาพมากขึ้นอีกค่ะ”<O:p
    ครู : “เอาละให้นึกถึงพระพทุธเจ้าไว้แล้วนึกให้กายของเรามีจำนวนมากเท่าท่านที่ปรากฏทั้งหมดแล้วกราบท่านนะคะ ต่อไปขอบารมีสมเด็จพระชินศรีทุก ๆ พระองค์ช่วยให้เห็นภาพพรหม และเทวดาทั้งที่เป็นพระอริยเจ้า และไม่ใช่ มีเท่าใดขอเห็นทั้งหมดเลยพระพุทธเจ้าข้า”<O:p
    ศิษย์ : “มาเต็มเลยครับ”<O:p
    ศิษย์ : “แสงสว่างน้อยลงไปถนัดเลยค่ะ”<O:p
    ครู : “ก็เทวดาหรือพรหม จะเทียบกับพระอรหันต์หรือพระพุทธเจ้ายังไงล่ะ ก็ต้องกราบท่านในฐานะท่านเป็นผู้ประเสริฐ เราเป็นคนจะยังไง ๆ ก็เอาดียังไม่ได้เพราะยังมีร่างกายอยู่ ท่านทั้งหมดไม่มีร่างกายอย่างเรา ท่านก็สบาย ไม่มีความทุกข์ เท่าที่ท่านเห็นภาพต่าง ๆ มาทั้งหมดนี้ ท่านใช้ลูกตาหรือเปล่าคะ…?<O:p
    ศิษย์ : “เปล่าครับ ใช้ใจครับ”<O:p
    ครู : “เมื่อจิตหรืออทิสสมานกายของท่านสะอาดก็พบกับสิ่งที่เป็นทิพย์ได้ เราเห็นพระพุทธเจ้าได้ พรหม เทวดา ก็เห็นได้ เห็นนรก เปรต อสุรกายได้ อย่างนี้ท่านเรียกว่าทิพจักขุญาณ”<O:p


    [​IMG]
    ฝึกจุตูปปาตญาณ
    <O:p
    ครู : “ต่อไปเป็นจุตูปปาตญาณ เป็นการใช้ทิพจักขุญาณรู้เรื่องของบุคคลหรือสัตว์อื่นว่า ก่อนที่เขาจะมาเกิดน่ะมาจากไหน และตายแล้วไปไหน ถ้าเราทำจนคล่องตัวดีแล้ว ได้ยินชื่อคนก็บอกได้เลยว่าก่อนเกิดมาจากไหน หรือได้ข่าวคนตายตามดูได้เลยว่า อทิสสมานกายออกจากร่างไปไหน เวลานี้ขอให้ทุกคนกราบนมัสการสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำใจสบาย ๆ เอ้า พิณทิพย์ ขอดูดวงแขว่าก่อนจะมาเกิดเป็นคนชาตินี้เธอมาจากไหน ดูภาพที่อยู่ข้างหน้ามีลักษณะเป็นยังไง…?” (พิณทิพย์ และดวงแข เป็นชื่อของผู้รับการฝึก)<O:p
    ศิษย์ : “พรหมค่ะ”<O:p
    ครู : “ตรงกันใช่ไหม ต่อไป แม่ชีคะดูหลวงพี่ที่มาจากเชียงใหม่องค์นี้ซิคะ ว่าก่อนจะมาเกิดเป็นคนชาติท่านมาจากไหน…?”<O:p
    ศิษย์ : “พรหมค่ะ”<O:p
    ครู : “หลวงพี่ดูซิคะ ใช่ไหม…?”<O:p
    ศิษย์ (พระ) : “ใช่ครับ”<O:p
    ครู : “ต่อไปหลวงพ่อดูคุณลุงซิคะว่าก่อนมาเกิดชาตินี้มาจากไหน…?”<O:p
    ศิษย์ (พระ) : “เทวดาครับ”<O:p
    ครู : “คุณลุงคง ใช่หรือเปล่าคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ใช่ครับ”<O:p
    ครู : “ต่อไปขอให้ทุกคนขอบารมีพระพุทธเจ้าช่วยให้เห็นภาพตามความเป็นจริงว่าคนหรือสัตว์ที่ตายแล้วไปไหน คำว่าตายคืออทิสสมานกายออกจากร่างไปไหน เรารู้จักแล้วใช่ไหมคะว่า รูปร่างของสัตว์นรกเป็นยังไง เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน คน เทวดา พรหม หรือพระที่เข้านิพพานไปแล้ว มีลักษณะเป็นเช่นไร ดังนั้นเพื่อขอดูภาพอทิสสนมานกายที่ออกไปแล้ว เราจะรู้จักทันทีว่าอยู่ที่ไหน หลวงพี่คะบอกคนที่รู้จักและตายไปแล้วมาสักคนซิคะ…?”<O:p
    ผู้ฝึก : “เป็นพระครูอยู่ที่วัด…ครับ เพิ่งตายไม่นานมานี่เอง”<O:p
    ครู : “เวลานี้เห็นพระพุทธเจ้าไหมคะ…?”<O:p
    ผู้ฝึก : “เห็น”<O:p
    ครู : “ดูภาพพระพุทธเจ้าให้ชัด แล้วขอบารมีพระพุทธองค์ช่วย ขอดูภาพ พระครู…ที่มรณภาพไปแล้วนี้ เวลานี้อยู่ที่ไหน ขอองค์สมเด็จพระจอมไตร และท่านพ่อ ท่านแม่ช่วยให้เห็นภาพตามความเป็นจริงพระพุทธเจ้าข้า”<O:p
    ศิษย์ : “เทวดาค่ะ”<O:p
    ศิษย์ (พระ) : “ครับ แต่งตัวเหมือนเทวดา”<O:p
    ครู : “คนอื่น ๆ เห็นเป็นยังไงค่ะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “เทวดาครับ”<O:p
    ครู : “ถามพระครู…ซิคะว่าก่อนตายทำใจยังไงจึงมาเกิดเป็นเทวดาได้”<O:p
    ศิษย์ : “ท่านบอกว่า ใจสบายนึกถึงการก่อสร้างบูรณะวัดให้ดีขึ้น ใจก็เป็นสุข”<O:p
    ครู : “ก็ต้องจำเอาไว้นะคะว่า การทำความดีมีผลอย่างนี้การรู้เรื่องการเกิด และการตายของบุคคลอื่นเขาเรียกว่า จุตูปปาตญาณ”<O:p


    [​IMG]
    ฝึกเจโตปริยญาณ<O:p
    ครู : “ต่อไปเป็น เจโตปริยญาณ การใช้ทิพจักขุญาณรู้กำลังใจของตัวเอง และบุคคลอื่น เวลานี้เห็นอทิสสมานกายของเราเองไหมคะ แต่งตัวยังไง…?”<O:p
    ศิษย์ : “เห็นแล้ว แต่งตัวเหมือนเทวดา”<O:p
    ครู : “และอทิสสมานกายของเพื่อนที่ไปด้วยกันล่ะมีไหม…?”<O:p
    ศิษย์ : “มี ก็แต่งตัวเหมือนกัน”<O:p
    ครู : “อทิสสมานกายที่เราเห็นนั่น จะซ้อนอยู่ในกายเนื้อของแต่ละบุคคลที่ยังไม่ตาย อาศัยเราได้ทิพจักขุญาณจะเห็นอทิสสมานกายได้ ขณะนี้เรารู้จักแล้วใช่ไหมคะว่า สัตว์นรกรูปร่างยังไง เปรต อสุรกาย มีรูปร่างเป็นยังไง สัตว์เดรัจฉาน คนเราก็รู้แล้ว เทวดา พรหม เราก็พบมาแล้วว่ามีรูปร่างเป็นยังไง แม้กระทั่งพระอริยเจ้าที่เข้าพระนิพพานแล้วเราก็เคยพบมาแล้ว ดังนั้นถ้าเรามองคน ตาก็กระทบกายเนื้อ แต่ถ้าอาศัยจักขุญาณก็จะเห็นอทิสสมานกายของบุคคลนั้น ภายในได้ภาพที่ปรากฏบอกลักษณะชัด อันแสดงถึงคุณธรรมของเขาได้<O:p
    ขณะนี้ขอให้ทุกคนมองภาพสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ชัด ขอบารมีสมเด็จพระทรง สวัสดิโสภาคย์ช่วยให้เห็นภาพตามความเป็นจริง เมื่อข้าพระพุทธเจ้ามองคน ถ้าบุคคลคนนั้นเขาตายเดี๋ยวนั้นจะไปเกิดในนรก อทิสสมานกายของเขาที่ปรากฏกับใจของข้าพระพุทธเจ้าจะมีรูปร่างเช่นไรพระพุทธเจ้าข้า ขอดูภาพ”<O:p
    ศิษย์ : “เป็นรูปคนผอม ทรุดโทรม ไม่มีผ้านุ่ง ผ้าห่มซีดเซียว ดำ”<O:p
    ครู : “เหมือนอะไรที่เราเคยพบมาแล้ว เมื่อวานนี้”<O:p
    ศิษย์ : “สัตว์นรก”<O:p
    ครู : “ใช่ ต่อไปขอดูอีกครั้งถ้าบุคคลบางคนที่มองดูถ้าภาพอทิสสมานกายปรากฏแก่เราเป็นแบบเทวดา แสดงว่าบุคคลนั้นเขาตายเดี๋ยวนั้นจะไปไหน กราบทูลถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความรู้สึกของใจอารมณ์แรกคือคำตอบ”<O:p
    ศิษย์ : “ไปสวรรค์”<O:p
    ครู : “คุณ<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:personName>ลุงล่ะคะ เห็นเป็นยังไง ไปไหน…?”<O:p
    ศิษย์ : “ไปเป็นเทวดาครับ”<O:p
    ครู : “คนอื่น ๆ รู้สึกว่ายังไงคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “เหมือนกันค่ะ”<O:p
    ครู : “ถูกแล้ว ภาพอทิสสมานกายที่ซ้อนอยู่ในกายเนื้อของแต่ละคนบ่งบอกถึงความดีความชั่วของคนนั้นได้เลย ต่อไปสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าท่านสอนไว้อีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ นอกจากจะเห็นอทิสสมานกายของเราหรือใครแล้ว ก็สามารถเห็นกำลังใจหรือกระแสจิตเป็นดวงกลม ๆ แล้วดูสีของจิตในขณะนั้นได้ด้วย ให้ขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงโปรดเนรมิตให้เห็นจิตของข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า เห็นภาพหรือยัง…?”<O:p
    ศิษย์ : “เห็นแล้ว ขาวสว่างดี มีแสงออกด้วย”<O:p
    ครู : “ใช่ เราอยู่ที่วิมานพระพุทธเจ้านี่ จิตสะอาดที่สุดก็จะมีลักษณะแบบนี้แหละ ตอนนี้ให้ขอบารมีพระพุทธองค์ และท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านผู้มีพระคุณทั้งหมดช่วย ขอดูภาพกระแสจิตของข้าพระพุทธเจ้าเองในสมัยที่เป็นปุถุชนคนธรรมดายังมีอารมณ์หนาแน่นด้วยกิเลสยามที่มีความทุกข์ใจ กลุ้มใจ กำลังใจจะมีสีอะไรพระพุทธเจ้าข้า ขอพระพุทธองค์ช่วย”<O:p
    ศิษย์ : “เห็นเป็นวงกลมทึบ สีดำ”<O:p
    ศิษย์ : “ทึบ สีเทา ๆ”<O:p
    ครู : “คนอื่น ๆ เห็นเป็นยังไคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “สีดำ มืด มัว”<O:p
    ครู : “ถูกแล้ว ยามกลุ้มใจ กังวลใจ มีความทุกข์จิตจะมีสีอย่างที่เห็นอยู่นี่ ถ้าดำมากก็กลุ้มมาก ถ้าสีเทา ๆ ก็กลุ้มน้อยหน่อย ต่อไปยามที่ปุถุชนดีใจ เพราะได้ลาภ ได้ของขวัญที่เป็นวัตถุ สีของ จิตจะมีสีเป็นอย่างไร ขอดูภาพ”<O:p
    ศิษย์ : “แดง ทึบ”<O:p
    ศิษย์ : “สีเลือดหมู สีเหมือนน้ำล้างเนื้อ”<O:p
    ศิษย์ : “สีชมพู”<O:p
    ครู : “ใช้ได้ เวลาดีใจ จะมีสีแดง ถ้าดีใจน้อยก็ชมพู ถ้าขณะที่ปุถุชนมีอารมณ์เฉย ๆ สบาย ๆ ไม่ได้กลุ้ม และไม่ทุกข์ใจอะไร กำลังใจจะมีสีอะไร…?”<O:p
    ศิษย์ : “สีขาว”<O:p
    ครู : “ถูกต้อง สีขาวเหมือนผ้าขาว ต่อไปขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยให้เห็นภาพกระแสจิตของข้าพระพุทธเจ้าสมัยที่มีศีลบริสุทธิ์ดูซิ…?”<O:p
    ศิษย์ : “สีขาวขุ่น แต่ขอบ ๆ เริ่มมีสีใส ๆ”<O:p
    ครู : “สีใส ๆ คืออะไรคะ ความรู้สึกของจิตว่าเป็นอะไร…?”<O:p
    ศิษย์ : “ใสเหมือนแก้ว นิดหน่อย บาง ๆ”<O:p
    ครู : “ตกลงมีแก้วเคลือบอยู่นะคะ ถ้าเริ่มเจริญสมาธิถึงอุปจารสมาธิล่ะคะ”<O:p
    ศิษย์ : “ก็ใสมากขึ้นอีกหน่อย”<O:p
    ครู : “ถ้าจิตเข้าถึงฌานที่ ๑ ล่ะ”<O:p
    ศิษย์ : “เป็นแก้วลึกเข้าไปอีกหน่อย”<O:p
    ครู : “ถึงครึ่งดวงหรือยัง…?”<O:p
    ศิษย์ : “ยัง ครึ่งของครึ่งดวงได้”<O:p
    ครู : “ถูกต้อง ถ้าจิตเข้าถึงฌาน ๒ จะมีลักษณะเป็นยังไง ขอดูภาพต่อไปซิคะ”<O:p
    ศิษย์ : “แก้วใสถึงครึ่งดวงแล้ว”<O:p
    ครู : “คนอื่นเห็นเป็นยังไงคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “เหมือนกัน”<O:p
    ครู : “ถ้าจิตเข้าถึงฌานที่ ๓ ล่ะคะ สภาพอารมณ์จิตจะเป็นเช่นไร ขอบารมีสมเด็จพระจอมไตรช่วยให้เห็นภาพตามความเป็นจริง”<O:p
    ศิษย์ : “เป็นแก้วลึกเข้าไปอีก เลยครึ่งแล้ว”<O:p
    ครู : “ถ้าจิตเข้าถึงฌานที่ ๔ ซึ่งเป็นฌานโลกีย์”<O:p
    ศิษย์ : “เป็นแก้วใสหมดดวง”<O:p
    ครู : “ต่อไปขอทุกคนเข้าไปกราบนมัสการสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขอบารมีพระพุทธองค์ช่วยให้เห็นสีของจิตของข้าพระพุทธเจ้าเมื่อเป็นพระโสดาบันพระเจ้าข้า ข้างหน้า แล้วดูภาพที่ปรากฏข้างหน้า…?”<O:p
    ศิษย์ : “สว่างมากขึ้นจากเดิม มีแสงออกรอบ ๆ”<O:p
    ครู : “แสงที่ออกมารอบ ๆ เป็นประกายนั่นแหละค่ะ แสดงถึงความเป็นพระอริยเจ้า ที่กำลังเห็นอยู่เวลานี้เป็นพระโสดาบัน มีประกายขนาดไหนคะ ดูภาพ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ไม่ถึงครึ่งดวง”<O:p
    ครู : “สัก ๑ ใน ๔ ของดวงได้ไหมคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ได้ครับ”<O:p
    ครู : “ดูไว้ให้ติดใจว่า ความเป็นพระอริยเจ้า เขาดูกันที่จิตมีประกายหรือไม่ เขาไม่ได้ดูที่การแต่งกาย ไม่ได้ดูความรู้ ฐานะ จริยา ซึ่งเป็นสิ่งภายนอก ถ้าเราได้เจโตปริยญาณก็ดูกันที่จิตหรือ อทิสสมานกายนี่ละ ต่อไปขอบารมีสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงโปรดให้ข้าพระพุทธเจ้าเห็นกระแสจิตของข้าพระพุทธเจ้าเองเมื่อเป็นพระสกิทาคามี”<O:p
    ศิษย์ : “สว่างมากขึ้นจากเดิม มีประกายมากขึ้น”<O:p
    ครู : “ถึงครึ่งได้หรือยังคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ได้แล้วค่ะ”<O:p
    ครู : “นี่เป็นพระสกิทาคามี ต่อไปขอองค์สมเด็จพระชินสีห์ช่วยให้เห็นกระแสขจิตของข้าพระพุทธเจ้าเองยามที่เป็นพระอนาคามีพระพุทธเจ้าข้า”<O:p
    ศิษย์ : “มีประกายเพิ่มขึ้นอีก”<O:p
    ครู : “มีประกายหมดดวงหรือยังคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ยังค่ะ ยังเหลืออีกนิดหน่อยตรงกลางดวง”<O:p
    ครู : “ใช้ได้นะคะ ต่อไปขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยให้ข้าพระพุทธเจ้าเห็นกำลังจิตของข้าพระพุทธเจ้ายามเมื่อตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน มีกำลังใจเข้าถึงความเป็นพระอรหันต์ ขอดูกำลังใจขณะนั้นชัด ๆ พระพุทธเจ้าข้า”<O:p
    ศิษย์ : “สว่างหมดทั้งดวง เหมือนดวงประกายพรึกแล้ว”<O:p
    ครู : “คนอื่น ๆ เห็นเป็นยังไงบ้างคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “สว่างหมดดวง มีประกายออกมากที่สุดครับ”<O:p
    ครู : “จำภาพไว้นะคะ หลวงพ่อท่านแนะนำพวกเราให้ดูกำลังจิตของเรา ตื่นเช้าขึ้นมาดูว่าสว่างเท่านี้หรือยังถ้ายังไม่เท่าก็ขับกำลังใจ ตัดสินใจว่าเราไม่ต้องการเกิดอีกต่อไปแล้ว ตัดจริง ๆ นะ การเกิดเป็นคน เป็นเทวดา เป็นพรหม ไม่เอา ขอไปพระนิพพานแห่งเดียว แล้วดูกระแสจิตของตัวเองสว่างถึงที่สุดแบบนี้หรือยัง ถ้าได้แล้วก็ทรงกำลังใจแบบนี้สักครู่ จิตจะสะอาดทีละน้อย ๆ ทุกวันจะทรงตัว สังเกตใจของเราเวลานี้ รู้สึกเป็นยังไงบ้างคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “สบาย เบา โปร่ง ไม่ห่วงอะไรทั้งนั้น”<O:p
    ครู : “ถ้าร่างกายที่นั่งอยู่ข้างล่างมันเกิดตายเดี๋ยวนี้ล่ะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “เฉย ๆ มันจะตายก็ช่างมัน ไม่เสียดาย”<O:p
    ครู : “เป็นอารมณ์ที่จะต้องทำให้เกิดขึ้นบ่อย ๆ นะคะ วันละ ๑ นาที ก็ยังดี ต่อไปนึกถึงบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และท่านผู้มีพระคุณช่วยให้เห็นภาพกำลังใจของข้าพระพุทธเจ้าเมื่อยามที่ลงไปอยู่ในร่างกายตามปกติ กำลังใจจะเป็นเช่นไรขอดูภาพตามความเป็นจริงพระเจ้าข้า”<O:p
    ศิษย์ (พระ) : “พอจะมีประกายอยู่บ้าง”<O:p
    ครู : “แสงสว่างเรือง ๆ น้อย ๆ พอสว่าง ๆ”<O:p
    ศิษย์ : “แต่ละคนดูกระแสจิตของตัวเอง แล้วเทียบกับที่เราดูภาพผ่านมาสักครู่นี้ กระแสจิตของเราเทียบได้กับปุถุชนหรือผู้ทรงฌานโลกีย์ หรือพระอริยเจ้าดูเอาเอง และก็ควรจะขับกำลังใจให้สว่างถึงที่สุดไว้ทุกวัน วันละเล็กน้อยก็ยังดี ตอนนี้ทุกคน ขอบารมีพระพุทธเจ้าช่วยให้เห็นอทิสสมานกายของข้าพระพุทธเจ้าอีกครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าข้า…?”<O:p
    ศิษย์ : “เห็นแล้ว”<O:p
    ครู : “สวยเท่าเดิมหรือยัง…?”<O:p
    ศิษย์ : “เกือบเท่า”<O:p
    ครู : “เข้าไปกราบนมัสการองค์สมเด็จพระพิชิตมาร ขอบารมีพระพุทธองค์ช่วยให้อทิสสมานกายของข้าพระพุทธเจ้าสว่างไสว เทียบเท่ากับพระอรหันต์ด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า แล้วดูซิสว่างขึ้นไหม…?”<O:p
    ศิษย์ : “สว่างมากขึ้นแล้ว สวยกว่าคนเดิม”<O:p
    ครู : “นี่เราอาศัยบารมีพระพุทธเจ้าช่วยนะคะ จำเอาไว้เลยว่า ยามที่เรามีปัญหาขัดข้องอันใด ก็ขึ้นมากราบขอบารมีพระพุทธองค์ช่วย ขอบารมีท่านพ่อ ท่านแม่ช่วย ถ้าเราทำจนคล่องคนเดินผ่านไปหรือได้ยินชื่อก็ดูจิตได้เลย เป็นการดูเพื่อซ้อมอารมณ์เท่านั้น ส่วนใหญ่เขาดูจิตตัวเองมากกว่า”<O:p


    [​IMG]
    ฝึกปุพเพนิวาสานุสสติญาณ<O:p

    ครู : “ต่อไปเราจะใช้ทิพจักขุญาณที่เราได้แล้วนี้ ไปรู้เรื่องอื่นต่อไป คือการระลึกชาติ คราวที่แล้วเราไปเที่ยว พรหม สวรรค์ นรก เปรต อสุรกาย เราถอยหลังชาติการเกิดของเราได้ว่าเราเคยเกิดเป็นอะไรมาบ้างกี่ชาติ ตอนนี้ขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านผู้มีพระคุณทั้งหมดช่วยให้เห็นภาพในอดีต คือก่อนที่ข้าพระพุทธเจ้าจะมาเกิดเป็นคนชาตินี้ ข้าพระพุทธเจ้ามาจากไหน ขอดูภาพตามความเป็นจริง มีภาพเกิดขึ้นหรือยังคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “มีอยู่ตรงหน้า”<O:p
    ครู : “รูปร่างเป็นยังไงคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “สวยดี มีชฎาใส่ด้วย”<O:p
    ครู : “ดูให้ทั่วตัวซิ แต่งตัวเหมือนอะไร…?”<O:p
    ศิษย์ : “เทวดาครับ”<O:p
    ครู : “เป็นเทวดาอยู่สวรรค์ชื่ออะไร เข้าไปถามท่านแม่ ความรู้สึกของจิตตอนนี้คือคำตอบค่ะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ดาวดึงส์ครับ”<O:p
    ครู : “ถูกต้องแล้ว คุณมาจากเทวดา ถอยหลังไปอีกสักชาติซิคะ ว่าก่อนจะไปเกิดเป็นเทวดาคุณเป็นอะไรมาก่อน ขอบารมีสมเด็จพระชินวรช่วยให้เห็นภาพชัดเจนตามความเป็นจริง”<O:p
    ศิษย์ : “เป็นคนครับ”<O:p
    ครู : “ขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านปู่ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ ช่วยให้เห็นภาพสมัยที่เกิดเป็นคนตั้งแต่เกิดมาจนตายทำอะไรไว้บ้าง โดยเฉพาะตอนตายใจนึกถึงอะไร ขอพระพุทธองค์ช่วยให้เห็นภาพชัด ๆ พระเจ้าข้า…?”<O:p
    ศิษย์ : “ตอนเป็นเด็กก็ยังงั้นแหละครับ ยิงนก ตกปลา ไปเรื่อยก็บาปละ โตมาหน่อยก็มีโอกาสทำบุญกับพระองค์หนึ่ง ถวายทานท่าน แต่ผมก็ยังกินเหล้าอยู่นี่ เอ..ตอนตายนี่มันกระทันหันจริง ๆ หัวใจมันตีบอึดอัด ก็นึกถึงพระที่เคยถวายทานท่าน รักท่านมาก อยากให้ท่านช่วย ก็เลยขาดใจตายลอยไปเป็นเทวดา”<O:p
    ครู : “อาศัยนึกถึงพระนะคะจึงไปเป็นเทวดาได้ เป็นอันว่าการนึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ แค่นิดเดียวก็ไปเป็นเทวดาได้ เกินคุ้มจริง ๆ โชคดี ถ้าเราจะถอยหลังชาติการเกิดของเราไปเรื่อย ๆ ก็ไม่มีที่สิ้นสุด เราจึงรวบยอดการเกิดเป็นพรหมบ้าง เทวดาเท่าไร คนเท่าไร สัตว์เดรัจฉาน อสุรกาย เปรต และสัตว์นรก เราเคยเกิดมาแล้วทั้งนั้น เพราะกรรมอะไรเป็นต้นเหตุ จำได้ไหมคะ ทำดีอะไรไว้จึงเป็นเทวดา เป็นพรหมได้ หรือว่าทำชั่วอะไรบ้างที่ทำให้เราไปเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน กรรมชั่วส่วนนี้ไม่น่าทำต่อไป กฎของกรรมที่ทำให้เราได้รับผลเป็นความสุข เช่น ไปเป็นเทวดา เป็นพรหม หรือกฎของกรรมที่ทำให้เราได้รับผลเป็นความทุกข์แสนสาหัสเช่นไปเกิดเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานนี้ พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่า ยถากรรมมุตาญาณ เวลานี้จิตเราสะอาดดูภาพไปเลยว่าเราเคยเกิดเป็นพรหมมากี่ชาติ เทวดากี่ชาติ คนเท่าไร สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน แต่ละอย่างมีปริมาณเท่าใด…?”
    <O:pศิษย์ : “มากมายนับไม่ไหวแล้วครับ”<O:p
    ครู : “เรื่องการระลึกชาตินี้ทุกท่านอาจไปซ้อมดูของท่านเองได้แต่ละอย่างไป เช่น เรารังเกียจไส้เดือน กิ้งกือ ก็ขอดูภาพถอยหลังไปว่าเราเคยเกิดเป็นไส้เดือน กิ้งกือบ้างไหม ดูเดี๋ยวนี้เลยค่ะ หลวงพี่ว่าไงคะมีภาพไหม..?”<O:p
    ศิษย์ (พระ) : “เยอะเลยครับ”<O:p
    ครู : “เห็นแล้วรู้สึกเป็นยังไงคะ…?”
    <O:pศิษย์ : “สลดใจครับ”<O:p
    ครู : “อยากเกิดอีกไหมคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ไม่เอาแล้วครับ เบื่อเต็มที”<O:p
    ครู : “ก็ดีที่เบื่อ การถอยหลังชาติการเกิดของเราทำให้เกิดอารมณ์เบื่อไปเอง เห็นไหมว่าพระพุทธเจ้าสอนปุพเพนิวาสานุสสติญาณไว้เพื่อให้เราเบื่อในการเกิด”<O:p


    [​IMG]
    ฝึกอตีตังสญาณ<O:p

    ครู : “ต่อไปนี้เป็น อตีตังสญาณ ดูเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอดีตที่ผ่านมาแล้วจะกี่อสงไขยกัปก็ได้ เราก็สามารถรู้ได้ โดยอาศัยบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยให้กำลังทิพจักขุญาณของเราแจ่มใส เราก็พบเหตุการณ์ต่าง ๆ แม้ประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของบุคคลหรือของสถานที่ ก็สามารถรู้ได้ ไหนลองบอกมาซิ อยากดูเหตุการณ์ตอนไหน เรื่องอะไรดีคะ หลวงพี่ว่ายังไงคะ อยากดูเหตุการณ์ตอนไหนดี…?”<O:p
    ศิษย์ (พระ) : “อยุธยา”<O:p
    ครู : “ตอนไหนดีคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ตอนพระนเรศวรรบกับพม่า”<O:p
    ครู : “รู้สึกคนชอบดูตอนนี้กันมาก เพราะเป็นตอนที่ไทยเป็นเอกราช คนไทยมีอิสรภาพและมีความภาคภูมิใจมาก เอ้า ทุกคนทำอารมณ์ใจสบาย ๆ เห็นพระพุทธเจ้าชัดไหมคะ กราบนมัสการพระพุทธองค์”<O:p
    ศิษย์ : “เห็นชัด กราบแล้ว เห็นตัวเราด้วย”<O:p
    ครู : “ขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยให้เห็นภาพเหตุการณ์ตอนที่พระนเรศวรกระทำยุทธหัตถีชนช้างกับพระมหาอุปราชกษัตริย์พม่า เหตุการณ์ตอนนั้นเป็นที่ประทับใจของคนไทยทั้งชาติ เป็นความภูมิใจที่ได้รับชัยชนะ ขอดูภาพเหตุการณ์ตอนนั้นพระพุทธเจ้าข้า”<O:p
    ศิษย์ (แม่ชี) : “เห็นคนมากมาย มีช้างหลายเชือก”<O:p
    ครู : “หลวงตาเห็นอะไรบ้างคะ…?”<O:p
    ศิษย์ (พระ) : “เห็นพระนเรศวรอยู่บนคอช้าง”<O:p
    ครู : “ขอดูรูปร่างหน้าตาท่านได้ไหมคะ ขอดูซิคะว่าท่านหน้าตาเป็นยังไง…?”<O:p
    ศิษย์ : “หน้าหนุ่มอ่อน ๆ ผิวก็ไม่ดำนี่คะ รูปหน้ารี ๆ รูปไข่”<O:p
    ศิษย์ (พระ) : “หน้าคล้ายผู้หญิง สวย”<O:p
    ครู : “ขอดูภาพตอนชนช้างเลยทีเดียว”<O:p
    ศิษย์ : “ช้างพม่าขาหน้ามันไม่ถึงดินนี่ครับ”<O:p
    ครู : “ทำไมล่ะคะ..?”<O:p
    ศิษย์ : “ถูกงัดให้ลอยขึ้นแล้วหันด้านข้างมาทางพระนเรศวรแล้ว พระนเรศวรก็ฟันซีครับ”<O:p
    ครู : “เอาอะไรฟันคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ใช้มีดยาว ๆ ฟัน”<O:p
    ครู : “เราเรียกง้าวนะคะ แล้วพระมหาอุปราชเป็นยังไง เมื่อถูกฟัน…?”<O:p
    ศิษย์ : “ฟุบไปแล้ว คนฮือเข้ามาล้อม เลยตอนนี้เกิดชุลมุนกันใหญ่ มีช้างอีกเชือกหนึ่งเข้าไปช่วยกันเอาพระนเรศวรออกมา ทหารที่พื้นดินฟันกันใหญ่เลย พักใหญ่แหละครับ หลังจากนั้นก็ถอยทัพกลับไป”<O:p
    ครู : “ดูพื้นที่ตอนที่รบกันซิคะ อยู่ตรงที่เขาทำอนุสาวรีย์พระนเรศวรที่ดอนเจดีย์ ตรงนั้นใช่ไหมคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ไม่ใช่ครับ มันเลยไปทางเขตแดนด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือเล็กน้อย บริเวณนั้นไม่มีบ้านคนเลย มีต้นไม้เป็นทิวแถวมีบริเวณกว้างขวาง” <O:p
    ครู : “ถ้าเราจะใช้ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ดูว่าเราเองเคยเกิดสมัยนั้นหรือไม่ ก็ดูได้ โดยขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยให้เห็นภาพ”<O:p
    ศิษย์ : “มีภาพคนผู้ชายครับ เป็นทหารรบกับเขาด้วย”<O:p
    ครู : “ตัวคุณละนั่น คุณละคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ไม่มีภาพเลยค่ะ”<O:p
    ครู : “ก็แสดงว่าไม่ลงมาเกิด”<O:p
    ศิษย์ : “ครูครับ อยากดูภาพชาวบ้านบางระจันรบกับพม่า”<O:p
    ครู : “เอาซิ ทุกคนทำในสบาย ๆ จับภาพสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าไว้ก่อน ดูท่านจนชัดเจนดีแล้ว ขอบารมีพระพุทธองค์ช่วยให้เห็นภาพ ชาวบ้านบางระจัน เริ่มตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาใกล้แตก อย่าลืมขอบารมีท่านปู่ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ช่วยด้วยนะคะ ขอเห็นภาพตามความเป็นจริง”<O:p
    ศิษย์ : “มีคนเป็นกลุ่มย่อย ๆ หนีออกจากกรุงศรีอยุธยากลุ่มหนึ่งขี่ม้าออกมา ส่วนหนึ่งออกมาทางน้ำเห็นภาพลอยน้ำชัดเจนครับ”<O:p
    ครู : “ขอดูภาพกลุ่มคนที่ลอยน้ำออกมาซิคะว่าเป็นกลุ่มของใครเป็นหัวหน้า”<O:p
    ศิษย์ : “นายจันหนวดเขี้ยว”<O:p
    ครู : “ขอดูหน้าท่านซิคะ หน้าตานายจันหนวดเขี้ยวเป็นยังไง…?”<O:p
    ศิษย์ : “หน้าก็สวย ยิ้มนี่ กินหมากด้วย”<O:p
    ศิษย์ (พระ) : “หน้าเหมือนรัชกาลที่ ๑ ครับ”<O:p
    ครู : “ถามท่านซิคะว่า ท่านคือบุคคลคนเดียวกันหรือเปล่า…?”
    <O:pศิษย์ (พระ) : “ท่านยกมือ”<O:p
    ครู : “ท่านรับรองนะ เป็นอันว่า ที่ว่าชาวบ้านบางระจันนั้น ความจริงก็เป็นกลุ่มทหารหนีออกมาจากกรุงศรีอยุธยา เพราะเห็นท่าว่าเราต้องยับเยินแน่คราวนี้ ก็ออกมาสู้พม่าอยู่ภายนอก ก็ชักชวนชาวบ้านบางระจันร่วมด้วย แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นทหารโดยเฉพาะ หัวหน้าคือ นายจันหนวดเขี้ยว ขอดูภาพซิคะว่าท่านเป็นอะไรในกรุงศรีอยุธยา…?”<O:p
    ศิษย์ : “นักรบ แต่งตัวนายทหารครับ”<O:p
    ครู : “นั่นแหละ ไม่อย่างนั้นรวมคนไม่ได้ถึงขนาดนี้ ทุกท่านขอให้ใช้ปุพเพนิวาสานุสสติญาณซิคะว่า เราเคยเกิดสมัยนี้ด้วยหรือไม่…?”<O:p
    ศิษย์ : “โอ้โฮ รบอยู่ที่บางระจันแน่ะ มีภาพรบกันใหญ่เลย”<O:p
    ครู : “ใช้อาวุธอะไรคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ดาบ ๒ มือ ดูฮึกเหิม ว่องไว”<O:p
    ศิษย์ : “ครูครับ ผมตายในสนามรบครับ ถูกแทงตาย”<O:p
    ครู : “นับเป็นวีรบุรุษแห่งค่ายบางระจันได้ เพราะคุณยอมสละชีวิตเพื่อดำรงความเป็นไทเอาไว้ น่าสรรเสริญ”<O:p
    ศิษย์ : “เสียดายครับ”<O:p
    ครู : “ทำไมคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ฆ่าพม่าได้ไม่กี่คน ตายซะได้”<O:p
    ครู : “ก็ดีแล้วไม่บาปมากกว่านี้ ถ้าเราจะดูกันต่อไปก็จะเสียเวลามาก ขอตัดตอนแค่นี้นะคะ”<O:p


    [​IMG]
    ฝึกปัจจุปันนังสญาณ<O:p
    ครู : “ต่อไปเป็นปัจจุบังสญาณ ดูเหตุการณ์ปัจจุบัน ใครที่เรานึกถึงเขาอยู่ เขามีความสุข ความทุกข์ มีชีวิตอยู่หรือว่าตายไปแล้ว ก็ย่อมทราบได้ แม้จะดูอวัยวะต่างๆ ในร่างกายก็ได้ ท่านที่เป็นหมออาจจะขอดูภาพอวัยวะภายในร่างกายแต่ละส่วน ๆ ว่า ปกติของอวัยวะเป็นเช่นไร ถ้าเกิดผิดปกติขึ้นมา มีเชื้อโรค หรือทำงานผิดปกติจะมีสภาพเป็นเช่นไร และถ้าเกิดผิดปกติแล้วควรจะแก้ไขดำเนินการรักษาอย่างไร อารมณ์เราเป็นทิพย์อยู่แล้ว ถามท่านแม่ก็ได้ว่าควรจะแก้ไขรักษาอย่างไร<O:p
    ตัวอย่าง คุณหมอท่านหนึ่งฝึกแบบนี้แหละที่วัดพุทธวราราม เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโรลาโด อเมริกา ท่านดูทุกส่วนตั้งแต่ศีรษะมาถึงเท้า อวัยวะภายในแต่ละส่วนดังกล่าวมาแล้วข้างต้น เร็วกว่าเอ๊กซเรย์ และแน่นอน เพราะจิตสะอาด ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริง แต่อย่าลืมว่า เราอาศัยบารมีพระพุทธเจ้าช่วย อาศัยบารมีท่านพ่อ ท่านแม่ ผู้มีพระคุณทั้งหมดช่วย<O:p
    นอกจากนี้ เราอาจดูทรัพย์สินใต้แผ่นดินได้ทันที มีตัวอย่างนักธรณีวิทยา ๒-๓ ท่าน ต้องการรู้แหล่งแร่ยูเรเนียม และได้เดินทางไปวัดท่าซุง มีโอกาสคุยกับหลวงพ่อและถามเรื่องนี้ที่ต้องการหลวงพ่อท่านก็ให้ฝึกมโนมยิทธิดูเอาเอง จะได้มั่นใจ ท่านก็ตกลง ครั้งแรกของการฝึกก็สามารถไปได้ และก็ให้ดูแหล่งแร่ยูเรเนียมที่มีในเมืองไทย ดูสถานที่พบแล้วดูลักษณะ และปริมาณของแร่ <O:p
    รวมทั้งบริเวณที่มีอยู่มาก ตามภูเขา เชิงเขา แร่มีสีขาว และได้ดูที่หมาย คือต้นไม้เป็นที่สังเกต ครูก็แนะนำให้อยู่เพื่อฝึกอีกวันหนึ่งเพื่อให้มีความคล่องตัว แต่ปรากฏว่า พอวันรุ่งขึ้นก็ไปแล้ว ได้เค้าก็ไป เพราะแหล่งแร่ยูเนียมที่พบอยู่ในเขตจังหวัดอุทัยธานีนี่เอง คงไปดูสถานที่และวางแผน นี่เป็นปัจจุบันนังสญาณที่เราได้รับประโยชน์<O:p
    นอกจากนี้ เราจะไปดาวดวงอื่น ๆ ได้ทุกแห่งหน ดาวดวงใดมีสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีก็ดูได้ หรือเราจะไปเที่ยวประเทศไหนก็ได้ ทุกประเทศในโลกไม่ต้องเสียเงินค่าพาหนะภายในโลกมนุษย์เราจะเห็นได้ชัดเจนกว่าเพราะเป็นของหยาบ จะดูภายในประเทศไทยเราก็ได้ น้ำมันดิบใต้แผ่นดินไทยมีแค่ไหนบริเวณใดบ้างเป็นเรื่องเล็ก<O:p
    ตัวอย่างหลวงน้าที่มาจากจังหวัดกำแพงเพชรท่านฝึกได้แล้วและใช้กำลังทิพจักขุญาณได้พอสมควร ก็ให้ดูน้ำมับดิบที่จังหวัดของท่านมีสักแค่ไหน<O:p
    ศิษย์ (พระ) : “มีมากครับเป็นแอ่งลึกลงไป มีปริมาณมหาศาล สีน้ำตาลเข้ม”<O:p
    ครู : “ที่เขาเจาะเวลานี้ ตรงจุดใหญ่ไหม…?”<O:p
    ศิษย์ : “ก็ตรงครับ แต่เจาะลึกไม่มาก ก็ดูดขึ้นมาได้ โอ้โฮข้างล่างเป็นบริเวณกว้างมาก เราถ้าจะรวยใหญ่แล้วนี่”<O:p
    ครู : “นี่แหละค่ะ ความรู้ทางด้านทิพจักขุญาณมีประโยชน์มาก ไม่เพียงแต่ไปดูสวรรค์ นิพพาน นรกเท่านั้น การทำมาหากินก็จะคล่องตัวไปด้วย สมองก็แจ่มใส ถ้าเป็นนักเรียน นักศึกษาสบายมาก จำแม่น สอบไม่ตก ถ้าคนไทยทำได้สัก ๑ ใน ๑๐ เท่านั้น ประเทศไทยจะร่มเย็นเป็นสุขกว่านี้มาก เพราะคนที่เขาทำได้เขามีศีล ๕ บริสุทธิ์ ไม่มีการเบียดเบียนกัน ความรัก ความเมตตาก็มี เพราะมีความเข้าใจตามความเป็นจริง”<O:p


    [​IMG]
    ฝึกอนาคตังสญาณ<O:p
    ครู : “ต่อไปเป็นอนาคตังสญาณ เป็นการใช้ทิพจักขุญาณไปรู้เรื่องราวที่ยังไม่เกิดขึ้น ไม่ว่าของตัวเราเอง หรือของบุคคลอื่น หรือของสถานที่ หรือความเป็นไปของชาติของโลก ของบุคคลตายแล้วจะไปไหนดูได้เลย เวลานี้ขอทุกคนตั้งใจอาราธนาบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านผู้มีพระคุณทั้งหมดช่วย ขอดูสภาพของประเทศไทยในอีก ๑๐–๒๐ ปี ข้างหน้าจะเป็นเช่นไร ขอองค์สมเด็จพระจอมไตรช่วยให้เห็นภาพตามความเป็นจริงพระพุทธเจ้าข้า มีภาพเกิดขึ้นหรือยังคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “มีแล้ว เจริญมากกว่านี้มากค่ะ”<O:p
    ครู : “ขอดูกรุงเทพมหานคร อันเป็นเมืองหลวง ดูความเจริญของประเทศ”<O:p
    ศิษย์ : “โอ้โฮ ตึกรามบ้านช่องสูง ๆ เต็มไปหมด”<O:p
    ครู : “สะพานลอยเกลื่อน ยังกะในหนังญี่ปุ่น ไขว่ไปหมด ถนนหนทางดี ผู้คนมากมาย มีวัดมากไหมคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “มากครับ”<O:p
    ครู : “แสดงว่าพระพุทธศาสนาเราทรงอยู่ได้แน่นอน ประเทศไทยก็เป็นเอกราชต่อไป”<O:p
    (ครูถามเด็กชายอายุ ๙ ขวบ และ ๑๑ ขวบ)<O:p
    ครู : “เอ้าหนู หนูขอบารมีพระพุทธเจ้าช่วยให้เห็นภาพอาชีพของหนูเมื่อโตขึ้นควรจะประกอบอาชีพอะไรดี จึงจะมีความคล่องตัว ร่ำรวย ขอท่านดูภาพนะจ๊ะ เห็นอะไรบอกมา”
    ศิษย์ (อายุ ๙ ขวบ) : “เห็นเป็นหมอทำฟันครับ”<O:p
    ศิษย์ (อายุ ๑๑ ขวบ) : “เห็นภาพนั่งโต๊ะทำงานเป็นบริษัทครับ”<O:p
    ครู : “หนูก็ต้องเลือกเรียนอาชีพที่เหมาะสมกับหนูตามที่เห็นในภาพนะจ๊ะ หนูชอบอาชีพที่ปรากฏในภาพไหมจ๊ะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ชอบครับ”<O:p
    ครู : “ตั้งใจเรียนนะจ๊ะ ถ้าขัดข้องขึ้นมากราบขอพระจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอให้หนูตัดสินใจถูกแล้วทุกอย่างจะราบรื่น คล่องตัวดี หรือถามท่านพ่อ ท่านแม่ก็ได้ แต่อย่าถามท่านองค์อื่น ๆ พร่ำเพรื่อนะจ๊ะ องค์ไหนเป็นองค์นั้น ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านไม่หลอกลูกนะจ๊ะ ท่านจะช่วยหนู
    <O:pบั้นปลายของชีวิตทุกคน เราตายแน่ ฉะนั้นเวลานี้ขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านช่วยให้เห็นภาพตามความเป็นจริงว่าข้าพระพุทธเจ้าจะตายเมื่ออายุเท่าไร เป็นโรคอะไรตาย ก่อนตายมีอารมณ์ใจเป็นอย่างไร ขอองค์สมเด็จพระจอมไตรช่วยให้เห็นภาพชัด ๆ พระพุทธเจ้าข้า เอ้า..ต่างคนต่างดูของตัวเองนะคะ จะถามทีละคนไป ของคุณมีภาพหรือยังคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “มีแล้วครับ นอนอยู่”<O:p
    ครู : “ถามพระท่านซิคะว่า เป็นโรคอะไรตาย…?”<O:p
    ศิษย์ : “เอามือจับท้อง คงเป็นทางท้อง”<O:p
    ครู : “ความรู้สึกของใจโรคอะไรคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “โรคกระเพาะครับ”<O:p
    ครู : “อายุเท่าไร…?”<O:p
    ศิษย์ : “๗๐ ปีเศษ ครับ”<O:p
    ครู : “สถานที่ตายที่บ้าน หรือโรงพยาบาล หรือที่อื่น ๆ คะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “บ้านครับ”<O:p
    ครู : “เวลานี้ความรู้สึกเราเป็นทิพย์จะบอกได้ว่า อารมณ์ตอนใกล้ตายก่อนหมดลมหายใจเล็กน้อยนั่น เราตัดสินใจยังไงคะ..?<O:p
    ศิษย์ : “ร่างกายเป็นทุกข์ โลกนี้ไม่มีอะไรดี ขอไปนิพพาน”<O:p
    ครู : “เมื่อตัดสินใจอย่างนั้นได้แล้ว ดูรอบ ๆ ตัวเราซิคะ มีใครมาบ้างไหม ขอบารมีพระพุทธเจ้าช่วยให้เห็นภาพชัด ๆ”<O:p
    ศิษย์ : “มากันมากมายเต็มสถานที่”<O:p
    ครู : “ดูในภาพซิคะ ท่านผู้ใดที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุด…?”<O:p
    ศิษย์ : “พระพุทธเจ้าประทับยืนอยู่เหนือหัว ท่านแม่ หลวงพ่อมารับ พ่อแม่ข้างบน พรหม เทวดา มารับกันมากครับ”<O:p
    ครู : “เมื่อคุณเห็นท่านมา คุณออกไปกราบท่านได้ไหมคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ออกไปได้แล้วครับ ก็ไปกราบท่าน”<O:p
    ครู : “เมื่ออกไปแล้ว กราบพระท่านแล้ว เหลียวมาดูร่างกายเราที่นอนอยู่ซิคะ มันน่ารักไหม อยากจะอยู่ในร่างกายอย่างนี้อีกไหม…?”<O:p
    ศิษย์ : “ไม่เอาแล้ว”<O:p
    ครู : “ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะร่างกายที่นอนตายอยู่นั่นแก่ก็เท่านั้น เหี่ยวก็เท่านั้น ทรุดโทรม ไม่มีอะไรน่ารักตรงไหนเลย คุณดูภาพต่อไปเลยค่ะว่าเมื่ออทิสสมานกายออกไปแล้วไปไหนต่อ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ตามพระพุทธเจ้าไป พอเคลื่อนขบวน ก็มีรถทิพย์มารับเป็นแก้วขาวสวย มีเทวดาล้อมรถ ไปนิพพาน”<O:p
    ครู : “ดีใจไหมคะ ถ้าคุณทรงกำลังใจอย่างวันนี้ได้เรื่อย ๆ ไม่ทิ้งอารมณ์พระนิพพาน ภาพที่เกิดวันนี้ก็เป็นที่พอใจใช่ไหมคะ คนอื่น ๆ เป็นยังไงคะ ขณะที่ถามคนหนึ่งคุณดูภาพของคุณไปด้วยหรือเปล่าคะ…?”
    <O:pศิษย์ : “ดูค่ะแต่ดิฉันเป็นโรคลม เป็นลมตาย”<O:p
    ครู : “ของใครก่อนตายทรมานมาก ๆ มีไหมคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “มีค่ะ”<O:p
    ครู : “ถ้าอย่างนั้น ให้ขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วย ขอท่านปู่ ท่านย่า ท่านพญายมราชช่วย ท่านพ่อ ท่านแม่ ขออย่าให้มีความทุกขเวทนาตอนใกล้จะตาย เพื่อจะได้มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ จะได้นึกถึงพระนิพพาน และนึกถึงพระพุทธเจ้าได้ เมื่อขอท่านแล้ว ดูภาพซิคะว่าก่อนตายภาพที่เคยทรมาน บัดนี้มีการเปลี่ยนแปลงหรือยัง…?”<O:p
    ศิษย์ : “เปลี่ยนไปแล้วครับ ไม่ทรมานมาก จะมีก็นิดหน่อย พอทนได้”<O:p
    ครู : “ก็ดี กราบขอบพระคุณสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบท่านปู่ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ และท่านพญายมราช ที่ท่านสงเคราะห์เราในครั้งนี้”<O:p


    [​IMG]
    ฝึกยถากรรมมุตาญาณ<O:p
    ครู : “ต่อไปเป็นยถากรรมมุตาญาณ ดูกฎของกรรมที่ทำให้เราได้รับผลเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ จากคราวที่แล้วเราทราบว่า เราทำความดีอย่างไรจึงไปเกิดเป็นเทวดา เป็นพรหมได้ และในการเกิดเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน นั่นเพราะเราทำความชั่วอะไรไว้<O:p
    โดยเฉพาะที่เราเกิดเป็นคนแต่ละชาติก็ไม่เหมือนกันบางชาติเราเกิดเป็นคนรวย เพราะผลของท่าน และบางชาติ เราก็ยากจนเพราะความขี้เหนียว บางชาติเราก็เกิดเป็นคนมียศใหญ่ บางชาติก็เกิดเป็นคนสวย เพราะอานิสงส์ของศีล มีเมตตา แต่บางชาติเราก็เกิดเป็นคนขี้ริ้วขี้เหร่ ไม่สวย เพราะมีใจโหดร้าย ไม่รักษาศีล ขาดเมตตา นี่แตกต่างกันไปแล้วแต่ผลของกรรมที่เราทำไว้ส่วนไหนจะให้ผล ชาตินี้เราเกิดเป็นคนตั้งแต่เล็กจนจำความได้มาจนโตเราก็ต้องพบกับความทุกข์จากการมีร่างกาย เช่น ความป่วยไข้ไม่สบาย นี้เป็นเพราะผลของกรรมอะไร ขอบารมีพระพุทธเจ้าช่วยให้เห็นภาพตามความเป็นจริงพระพุทธเจ้าข้า”<O:p
    ศิษย์ : “ฆ่าสัตว์”<O:p
    ครู : “ใช่แล้ว ฆ่าสัตว์ ฆ่าคน ทรมานสัตว์ กรรมประเภทนี้ต้องไปใช้หนี้กันในนรกก่อน พ้นมาก็เป็นเปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน มาถึงคนก็รับผลเป็นเศษเล็กน้อยแล้ว ในบางขณะเคยบ้างไหมที่เราถูกคนเขาด่า เขานินทาว่าร้าย ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ด่าเขา บางทีไม่มีเรื่องอะไรกันด้วยซ้ำไป ก็ถูกกล่าวหาว่าร้าย”<O:p
    ศิษย์ : “เคยค่ะ”<O:p
    ครู : “ขอดูภาพซิคะว่า เป็นเพราะผลของกรรมเรื่องอะไร…?”<O:p
    ศิษย์ : “เราเคยด่าเขาไว้ก่อน”<O:p
    ครู : “นั่น ดูภาพซิคะ ทำปากยุบยิบ ๆ เราด่าเขาไว้ก่อน พอเขามาด่าเราบ้างเป็นการใช้หนี้ คิดว่าใช้หนี้กันไป ดังนั้นถ้าเราถูกเขาด่า เขานินทา ก็อย่าเพิ่งรีบไปด่าตอบเขา รวบรวมกำลังใจไปหาพระพุทธเจ้า ขอดูภาพในอดีตว่าเราเคยด่าเขาไว้หรือเปล่า ถ้าเคยก็ใช้หนี้กันไป ใจเราก็สบาย ถ้าไม่เคยก็คิดว่า คนที่เขาด่าเรา นินทาว่าร้ายเราโดยไม่มีเหตุผลไม่มีผลอย่างนี้ ตายแล้วเขาจะไปไหน ถ้าเขาต้องไปนรก คุณจะไปโกรธเขาไหมคะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ไม่โกรธค่ะ”<O:p
    ครู : “ดีแล้ว เพราะถ้าเราโกรธเขา ก็ไปนรกกับเขาด้วยเอาไหมล่ะ…?”<O:p
    ศิษย์ : “ไม่เอา”<O:p
    ครู : “ต่อไปดูภาพของกรรมส่วนดีบ้าง เรามีปัญญามองเห็นผิดชอบชั่วดี และรู้ว่าการให้ทานดี รักษาศีลดี เจริญพระกรรมฐานดี เราฝึกมโนมยิทธิได้ เราไปนิพพานได้โดยเฉพาะเราต้องการนิพพาน ซึ่งเป็นอารมณ์ที่ยากมาก คนทั่ว ๆ ไปน้อยคนที่จะตัดสินใจอย่างเราได้ การตัดสินใจได้อย่างนี้ แวดงว่ามีความดีมาในกาลก่อนจึงให้ผลดลจิตใจให้ใฝ่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความดีที่ส่งผลในโอกาสนี้นั้นเป็นความดีในด้านใดพระพุทธเจ้าข้า ขอดูภาพนะคะ”<O:p
    ศิษย์ : “มีภาพการให้ทาน สร้างโบสถ์ วิหาร”<O:p
    ศิษย์ : “สร้างพระ”<O:p
    ศิษย์ : “ถือศีล เจริญภาวนา”<O:p
    ศิษย์ : “สงเคราะห์บุคคลยากจน”<O:p
    ครู : “ขอดูภาพต่อไปเลยนะคะว่าการทำความดีดังกล่าวแล้วแต่ละชาติ จะเป็นการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาก็ดี เราได้เคยตั้งใจไว้เป็นคำอธิษฐานบ้างไหมว่าการทำบุญคราวนี้ต้องการอะไร ขอบารมีพระพุทธเจ้าช่วยให้เห็นภาพ”<O:p
    ศิษย์ : “เคยค่ะ อธิษฐานขอไปนิพพาน”<O:p
    ครู : “นี่แหละ ความตั้งใจว่าเราทำความดีอย่างนี้ ๆ เราต้องการนิพพาน เป็นกำลังส่งผลให้เราต้องการพระนิพพานในชาตินี้ ขอดูภาพอีกทีว่าเคยอธิษฐานแบบนี้มากี่ชาติแล้ว…?”<O:p
    ศิษย์ : “มากมายนับไม่ถ้วยค่ะ”<O:p
    ครู : “เห็นไหมว่า การทำความดีมีการสะสมกันมาทุกชาติจนกว่ากำลังใจของเราจะเต็ม ก็ถึงพระนิพพานได้ เป็นอันว่าถ้าอะไรก็ตามมันเกิดขึ้นกับเราก็อย่ากังวลใจ ดูต้นเหตุว่าเป็นผลของกรรมด้านใดที่เราทำเอาไว้ ยามนี้เรามีชีวิตอยู่เราต้องรับผลของกรรมทั้งดี และเลว ยามที่เราสบายใจจิตเป็นสุข นั่นแสดงว่าผลกรรมดีในกาลก่อน กำลังให้ผล <O:p
    เวลาไหนที่เราเกิดกลุ้ม อึดอัด จิตใจไม่สบายทรมาน ความรู้สึกบางครั้งทนแทบไม่ไหวในการทรงชีวิตอยู่ นั่นแสดงว่าขณะนั้นกรรมชั่วในการก่อนกำลังให้ผลอยู่ ตราบใดที่เรายังมีร่างกายอยู่ มันหนีกฎของกรรมไม่พ้นแน่นอน ก็ต้องถือว่า ช่างมัน ให้ผลประเดี๋ยวเดียวก็สลายตัวไป กรรมดีบ้าง ชั่วบ้าง แล้วแต่จังหวะของกรรมที่เราทำมาใจเราก็สบาย ถ้าเรายอมรับความสุข ความทุกข์ว่าเป็นธรรมดาได้ จิตใจก็สบาย<O:p
    เป็นอันว่าญาณ ๘ ประการ ก็จบเท่านี้ อย่าลืมว่า เราอาศัยทิพจักขุญาณตัวเดียวเท่านั้นในการรู้เรื่องราวต่าง ๆ ดังกล่าวมาแล้วโดยสังเขป และท่านที่ฝึกได้แล้วก็จงจำไว้ว่า เรารู้อดีต ปัจจุบัน อนาคตของเรา และของบุคคลอื่นได้นี้ พระท่านห้ามนำไปเป็นหมอดูนะคะ ท่านให้ไว้เพื่อเป็นเครื่องช่วยในการตัดกิเลสเท่านั้น นอกจากเราจะซ้อมอารมณ์ทิพจักขุญาณกับเพื่อนนักปฏิบัติด้วยกันเพื่อความถูกต้องเท่านั้น สำหรับการฝึกญาณ ๘ ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้นะคะ<O:p

    [​IMG]


    (จบคำแนะนำในการฝึกญาณ ๘)

    ท่านได้อะไร จากบทความ ข้างต้น ?

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.984161/[/MUSIC]​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 มิถุนายน 2010
  2. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG]

    อภิวาท วันทา โมทนา สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     
  3. Nok Nok

    Nok Nok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +3,297
    [​IMG]สาธุค่ะ ^_^ [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
     
  4. Phra Atipan

    Phra Atipan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,301
    [​IMG]

    "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงจากไปเพื่อประโยชน์สุขแก่มหาชน เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก
    เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย จงแสดงธรรม มีความงดงามในเบื้อง (งามด้วยอธิศีลสิกขา) งามในทามกลาง (งามด้วยอธิจิตสิกขา) และงามในที่สุด (งามด้วยปัญญาสิกขา) งามในท่ามกลาง (งามด้วยอธิจิตสิกขา) และงามในที่สุด (งามด้วยปัญญาสิกขา) จงประกาศ พรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถและพยัญชนะบริสุทธิ์บริบูรณ์"
     
  5. magnagiled

    magnagiled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    596
    ค่าพลัง:
    +1,444
    อนุโมทนาบุญครับ

    ความอยาก ทำให้ไม่มีทางที่จะถึงฝั่งใช่ไหมครับ

    เพลงบทสวด เป็นบทสวดของพระองค์ใดหรือครับคุณลุง

    ชอบเสียงเด็กสวด ตอนเด็กๆคุณพ่อชอบเปิดบ่อยๆ
     
  6. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
    เว็บทางนิพพาน
    เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่

    www.tangnipparn.com<O:p
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา



    [​IMG]</O:p>
     
  7. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    ความอยากเป็นนิวรณ์ นะเซิ่น
    เรื่องเพลง ลุงไม่รู้นะ ถามแล้ว ตอบไม่ได้ อายจัง 555+
     
  8. ampaporn

    ampaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +1,381
    อนุโมธนากับคุณลุงคนขยันคะ หาอะไรดีๆ มาให้เด็กๆ อยู่เรื่อยๆ อย่างนี้สิ...M 100.
     
  9. pinya

    pinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +842
    สาธุ สาธุ สาธุ คะ
    เพลงภาษาจีนอะฟังมะรู้เรื่องอะเป็นเพลงบูชาเจ้าแม่กวนอิมป่าวอะคะ...แต่ก็เพราะดีเพราะว่าที่บ้านก็มี
     
  10. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    [​IMG]
    ...กราบอนุโมทนาค่ะ...
     
  11. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    [​IMG]

    บทสวดนี้ติงชอบมากๆ
    ที่วัดป่าวังน้ำทิพย์จะเปิดเวลามีค่ายอบรม
    ฟังแล้วเย็นใจดีค่ะ
     
  12. gamonwunmay

    gamonwunmay สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2010
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +15
    ขออนุโมธนาสาธุ นะคะ
    สุขใดเล่าเท่าสุขใจ ขออนุโมธนา สาธุ พระพุทธานุภาพ พระธรรมมานุภาพ พระสังฆานุภาพ คุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ
     
  13. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    [​IMG]

    อนุโมทนาบุญทุกประการครับ

    ด้วยพระบารมีแห่งสมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดา
    โปรดดลบันดาลให้ทุกท่านมีความสุข มีความคล่องตัว
    มีกิน มีใช้ไม่ฝืดเคือง มีจิดหลุดพ้นในชาติปัจจุบันทุกท่านเทอญ

    คิดดี พูดดี ทำดี
    ตั้งมั่นในพรหมวิหาร 4 และศีล 5
    ละวางความโกรธ
    ถวายบุญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระสยามเทวาธิราชเจ้า
    ขอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพลานามัย แข็งแรงในทันที
     
  14. จิรญาโณ

    จิรญาโณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2011
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +2,800
    ขออนุโมทนาบุญในธรรมทานด้วยขอรับ

    ;aa7
     

แชร์หน้านี้

Loading...