บุคลิกพิเศษของท่านพระอาจารย์มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย Natthakorn, 4 มิถุนายน 2010.

  1. Natthakorn

    Natthakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,003
    ค่าพลัง:
    +7,078
    [​IMG]


    ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นผู้มีปฏิปทามักน้อย สันโดษ ไม่ระคนด้วยหมู่แสวงหาวิเวก ปรารภ

    ความเพียร ตั้งแต่วันบรรพชา อุปสมบท จนกระทั่งวันสุดท้าย เรียกว่าครบบริบูรณ์เหมือนกับว่าฯ เมื่อมีเหตุก็ต้องมีผล ผลคือ

    ศีล

    สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ อันนี้เป็นผลของความมักน้อย สันโดษ ไม่ระคนด้วยหมู่ แสวงหาวิเวก ปรารภ

    ความเพียร

    ท่านพระอาจารย์มั่นทำได้สม่ำเสมอ ตั้งแต่เบื้องต้นแห่งชีวิต จนกระทั่งบั้นปลายแห่งชีวิต

    ธุดงควัตรของท่านคือ บิณฑบาต เป็นวัตร ฉันมื้อเดียวเป็นวัตร ฉันในบาตรเป็นวัตร ใช้ผ้าบังสุกุลเป็นวัตร ผู้ที่จะไปถวาย

    ถ้าเป็นจีวรสักผืนหนึ่ง ผ้าสบง ผ้าเช้ดหน้า หรือผ้าผืนเล็กๆน้อยๆก้ตาม เรียกว่าผ้าก้แล้วกัน ถ้าจะถวายท่าน เขามักจะไปวาง

    ไว้ที่บันไดบ้าง วางใกล้ๆบันไดกุฏิท่านฯบ้าง วางตรงทางเดินไปห้องน้ำบ้าง ท่านฯเห็นก็บังสุกุลเอา บางผืนก็ใช้บางผืนก็ไม่ได้

    ใช้ ผู้ไม่รู้อัธยาศัย เอาไปถวายกับมือ ท่านฯจะไม่ได้ใช้

    ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นพระนักปฏิบัติ เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า พระนามว่า โคดม ในยุค ๒๐๐๐ ปี เป็น

    สาวกที่มีลักษณะสมบูรณ์แบบ ด้วยลักษณะภายนอกภายใน เพราะเหตุนั้นชื่อเสียง และเกียรติศักดิ์เกียรติคุณของ

    ท่าน จึงขจรขจายไปถึงทุกวันนี้ แทนที่จะเป็น ๖๐ ปีแล้วเลือนหายไป กลับเพิ่มขึ้นๆทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพราะบุ

    คคลิกท่านนั้น เป็นบุคคลิกที่สมบูรณ์แบบ ในความรู้สึกของผู้เล่า ท่านพระอาจารย์มั่นเป็นบุคคลน่าอัศจรรย์ในยุคนี้




    ขอให้ท่านสังเกตดูในรูปภาพ คิ้ว คาง หู ตา จมูก มือ และเท้า ตลอดชีวิตของท่านนั้น ท่านเดินทางข้ามเขาไปไม่รู้กี่ลูก

    จนเท้าพอง ไม่ใช่เท้าแดง หรือเท้าเหลือง
    <O:p
    คิ้วท่านมีไฝตรงระหว่างคิ้ว ลักษณะคล้ายพระอุณาโลมของพระพุทธเจ้า ไฝอันนี้เป็นจุดดำๆเล็กๆไม่ได้นูนขึ้นมา มีขนอ่อน ๓

    เส้น ไม่ยาวมากและโค้งหักเป็นตัวอักษร ก เป็นเส้นละเอียดอ่อนมาก ถ้าไม่สังเกตจะไม่เห็น ขณะท่านปลงผมจะปลงขนนี้ออก

    ด้วย แต่จะขึ้นใหม่ในลักษณะเดิมอีก


    <O:p
    ใบหูท่านมีลักษณะยาน จมูกโด่ง แววตาของท่านก็มีแววตาไก่ป่าบางคนไม่เคยเห็นไก่ป่า คือเป็นวงแหวนในตาดำ มือของท่าน

    นิ้วชี้จะยาวกว่า แล้วไล่ลงจนถึงนิ้วก้อย นิ้วเท้าก็เหมือนกัน
    <O:p
    นี่คือลักษณะของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เรียกว่าเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ยุค ๒๐๐๐ ปี เป็นพระผู้น่าอัศจรรย์ มีบุ

    คคลิกสมบูรณ์แบบ
    <O:p</O:p
    หลวงปู่หล้าท่านก็เคยเล่าว่า เวลาล้างเท้าหลวงปู่มั่น เห็นฝ่าเท้าของท่านเป็นลายก้นหอยสองอัน และมีรอย

    ตรงกลางฝ่าเท้า เหมือนกากบาท เวลาท่านเดินไปไหน ท่านจะเดินก่อน สานุศิษย์จะไม่เหยียบรอยท่าน พอ

    ท่านเดินผ่านไปแล้ว ชาวบ้านจะไปมองดูเห็น เป็นลายตารางปรากฏอยู่ทั้งสองฝ่าเท้า

    <O:p</O:p
    รอยนิ้วเท้าเป็นก้นหอยเหมือนกัน จะเรียกหรือวงจักรก็ได้ มีอันใหญ่กับอันเล็กสองอัน เป็นลักษณะพิเศษของท่าน (หลวงปู่จันทร์

    โสม กิตติกาโร วักป่านาสีดา อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดร ได้เล่าเสริมว่า ขณะหลวงปู่จันทร์โสมพักอยู่วัดป่าบ้านหนองผือนั้น

    ได้ถวายการนวดหลวงปู่มั่น เมื่อท่านหลับแล้ว หลวงปู่ได้พลิกดูฝ่ามือของหลวงปู่มั่น พบว่ามีเส้นกากบาทเต็มฝ่ามือทั้งสองข้าง

    และมือนิ่มมาก)

    บุคคลทุกระดับ เมื่อเข้าไปถึงท่านแล้ว ท่านจะเป็นกันเองมาก คุยสนุกสนาน เหมือนรู้จักกันมานาน แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า

    บุคคลที่มักจะเอาเปรียบเพื่อนมนุษญ์ท่านไม่ค่อยจะเป็นกันเองเท่าไหร่ ถามคำไหนได้คำนั้น ถ้าไม่ถามท่านก็นั่งเฉย

    ท่านพระอาจารย์มั่นเคยพูดว่า ผู้ที่จะมาศึกษาธรรมะกับเรา จะเป็นญาติโยมก็ดี หรือเป็นพระสงฆ์ก็ดี ขอให้เก็บดาบเก็บดาบไว้ที่

    บ้านเสียก่อน อย่านำมาที่นี่ อยากมาปฏิบัติ มาฟังเทศน์ฟังธรรม ถ้านำหอกนำดาบมา จะไม่ได้ฟังเทศฯของพระแก่องค์นี้


    แม้กระทั่งเด็กผู้เด็ผู้ไม่รู้เดียงสา ป. - - ๔ ท่านก็ทำเป็นเพื่อนได้ ในความรู้สึกของผู้ใกล้ชิด เวลาท่านอยู่กับเด็ก กริยาของท่านของท่านเข้ากับเด็กได้ดี เพราะฉะนั้นความ

    ดดเด่นของท่าน ใครเข้าไปแล้วกลับออกมา ก้อยากเข้าไปอีก ใครได้ฟังเทศน์ฟังธรรมแล้ว กลับออกมาก้อยากฟังอีก
    <O:p</O:p
    อันนี้คืออานิสงส์ที่ท่านตั้งปณิธานว่า ข้าพระองค์ขอปราถนาเป็นพระพุทธเจ้าเหมือนอย่างพระองค์ หลังจากที่ได้ฟังพระพุทธเจ้า

    เทศนาจบ ตั้งปณิธานเฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า คือองค์สมณโคดมนี้ หลังจากนั้นก้เวียนว่ายตายเกิดจนชาติปัจจุบันมา

    เป็นท่านพระอาจารย์มั่น

    ทีนี้ทำไมท่านจึงละความปราถนาพุทธภูมิ ท่านพิจารณาแล้ว รู้สึกว่าตัวเรานี้ปราถนาพุทธภูมิมาจึงมาสร้าง

    บารมี ผู็ปราถนาพุทธภูมิ เขาคิดอยู่ในใจเหมือนเรานับไม่ถ้วน ผู้ที่ออกปากแล้วเหมือนกับเราก็นับไม่ถ้วน ผู้

    ที่ได้รับพยากรณ์แล้วก้นับไม่ถ้วน และผู้ที่จะได้มาตรัสรู้ข้างหน้ามีอีกแปด พระองค์ เช่น พระศรีอริย

    เมตไตรย พระเจ้าปเสนทิโกศล กว่าจะถึงวาระของเรา มันจะนานอีกเท่าไหร่ เราขอรวบรัดตัดตอน ให้สิ้น

    กิเลสในภพนี้เสียเลย ท่านพิจารณาเช่นนี้ จึงได้ละความปราถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้า


    <O:p</O:p
    :cool::cool::cool:

    จากหนังสือ รำลึกวันวาน หน้า 88-90 โดยหลวงตาทองคำ จารุวัณโณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2010
  2. Phra Atipan

    Phra Atipan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,301
    [​IMG]

    กราบ กราบ กราบ พระสุปฏิปันโน อนุโมทนาสาธุครับ ^_^
     
  3. อ_เอกวัฒน์

    อ_เอกวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    279
    ค่าพลัง:
    +270
    ขอกราบวันทา บูชาครูบาอาจารย์
     
  4. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    สัญลักษณ์พิเศษของบุคคลบางคน และเป็นที่น่าเชื่อได้ว่าในประเทศไทยก็ยังมีบุคคลดังกล่าวอีก เพียงแต่อาจไม่เป็นที่เปิดเผย เพราะไม่ทราบว่าจะเปิดเผยไปด้วยเหตุผลใด
     
  5. arrin123

    arrin123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +1,759
    อนุโมทนาค่ะ^ ^~

    __________________________-
    "สุขใดเหมือนแม้นการไม่เกิดไม่มี" "จะไม่ละความเพียรถ้ายังไม่ถึงซึ่งนิพพาน"
    "สุขใดในโลกล้วนไม่ยั่งยืน ผู้ใดปล่อยวางพิจารณาในความทุกข์เห็นโทษของความสุขผู้นั้นชื่อได้ว่าพบความสุขอันยิ่งใหญ่"<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  6. สุทธิมา

    สุทธิมา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    784
    ค่าพลัง:
    +2,119
    เคยอ่านหนังสือประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
    ของหลวงตาพระมหาบัว ซึ้งมาก ถึงกับน้ำตาไหลทุกครั้งที่อ่าน
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
     
  7. laoongfong

    laoongfong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +696
    ยุคกึ่งพุทธกาลนั้น ก็มีหลวงปู่มั่น ที่ทรงคุณธรรม กราบได้อย่างสนิทใจ กราบหลวงปู่ด้วยครับ อนุโมทนาบุญกับบทความดีๆครับ
     
  8. มอสเมืองชล

    มอสเมืองชล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +836
    เคารพศรัทธาหลวงปู่อย่างยิ่ง เป็นพระอริยะสงฆ์ในบวรพุทธศาสนาโดยแท้ เป็นสงฆ์สาวกผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง เป็นเนื้อนาบุญโดยแท้ ไร้ซึ่งสงสัย ขอกราบนมัสการพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยศรัทธาอันยิ่ง
     
  9. maruko_k

    maruko_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,318
    นมัสการหลวงปู่มั่นค่ะ อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ที่นำเรื่องดีๆ มาให้อ่านให้ชุ่มชื่นใจนะคะ
     
  10. surinrumruay

    surinrumruay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +520
    anumotana satu krab
     
  11. fullmoonsun

    fullmoonsun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +2,321
    Anumothana Sathu
     
  12. เสรีชน

    เสรีชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2008
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +727
    กราบหลวงปู่ด้วยเศียรเกล้า
     
  13. uthaimai

    uthaimai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +1,344
    ขอกราบนมัสการท่านพระอาจารย์มั่น และขออนุโมทนากับท่านเจ้าของกระทู้ด้วยครับ....สาธุ..สาธุ..สาธุ
     
  14. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ...กราบหลวงปู่มั่นเจ้าค่ะ...
     
  15. พอชูเดช

    พอชูเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,276
    ค่าพลัง:
    +4,339
    สาธุครับ

    -มหาโมทนากับกุศลจิตทุกท่าน ขอให้สำเร็จตามที่ปรารถนาครับ

    สาธุ

     
  16. ป่ากุง

    ป่ากุง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    416
    ค่าพลัง:
    +784
    ตามที่อ่านพ่อแม่ครูบาอาจารย์ หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต ท่านกล่าวว่า ฝ่าเท้าขององค์ท่าน เป็นตาหมากรุก


    ..........สาธุ สาธุ ขอน้อมกราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ด้วยเศียรเกล้า...
     
  17. Natthakorn

    Natthakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,003
    ค่าพลัง:
    +7,078
    รักหลวงปู่มั่นมากมากมายครับ
     
  18. วีระชัยมณี

    วีระชัยมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,128
    ค่าพลัง:
    +2,548
    เป็นอริยสาวก ของพระพุทธเจ้า จริงๆครับ...ศรัทธาท่านมากๆๆ ครับ
     
  19. yuth seacon

    yuth seacon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    206
    ค่าพลัง:
    +249
    สาธุ สาธุ สาธุ กราบนมัสการ พระอรหันต์ผู้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
     
  20. aunpao

    aunpao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2009
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +550
    อ่านแล้วขนลุกครับ

    ขออนุญาตประกาศนิดหนึงครับ

    <meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 11"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 11"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CMEGATO%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Cordia New"; panose-1:2 11 3 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-update:auto; mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; text-align:justify; text-justify:inter-cluster; mso-pagination:widow-orphan; font-size:16.0pt; font-family:"Cordia New"; mso-fareast-font-family:"Cordia New";} a:link, span.MsoHyperlink {color:blue; text-decoration:underline; text-underline:single;} a:visited, span.MsoHyperlinkFollowed {color:purple; text-decoration:underline; text-underline:single;} @page Section1 {size:595.3pt 841.9pt; margin:62.9pt 73.3pt 80.9pt 81.0pt; mso-header-margin:35.4pt; mso-footer-margin:35.4pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ขอเชิญสาธุชนทุกท่านร่วมสร้างมหามงคลอันยิ่งใหญ่ ด้วยการสมทบทุนสร้างพระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุ (ส่วนพระจักษุธาตุ) ณ วัดป่าศรีคุณาราม ตำบลบ้านจีต อำเภอกู่แก้ว จังหวัดอุดรธานี เพื่อที่จะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุ มาประดิษฐานยังวัดป่าศรีคุณารามเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อไป<o:p></o:p>
    โดยมีพระครูวิสุทธิธรรมสุนทร (บุญเกิด ยุตฺตะธัมโม) พร้อมด้วยพระครูอุดมชัยคณารักษ์, พระครูโสภณสมณกิจ และพระอาจารย์ประจักษ์ ภูริปัญโญ ซึ่งเป็นประธานในการดำเนินการก่อสร้างอย่างยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ ประวัติพระบรมสารีริกธาตุ (ส่วนพระจักษุธาตุ) นั้นมีความเป็นมาอย่างไร...
    สำหรับพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุนั้น ดั้งเดิมพระอาจารย์ประจักษ์ ภูริปัญโญ วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร จังหวัดกรุงเทพมหานคร ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ สัณฐานเมล็ดข้าวสารหัก มาบูชาเพียงอย่างเดียว และผอบเดียวเท่านั้น โดยที่พระอาจารย์ประจักษ์ ท่านก็ได้บูชาไว้ประมาณปีกว่าๆ เห็นจะได้ ซึ่งท่านก็ได้เพ่งพิศพิจารณาเฝ้าดูพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุอยู่ในผอบนั้นอยู่ทุกวันๆ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    กระทั่ง...!! ในวันศุกร์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๒ หลังจากที่พระอาจารย์ประจักษ์ได้ลุกจากจำวัดในตอนใกล้สว่าง ท่านก็ได้ตรวจตรา และเฝ้ามองไปยังที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอย่างเช่นทุกวัน แต่วันนี้กลับไม่เป็นเหมือนอย่างเคย พระบรมสารีริกธาตุที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ ณ แท่นบูชานั้น ได้มีแสงเจิดจ้าระยิบระยับเกิดขึ้น แล้วยังส่องสว่างอย่างแปลกประหลาด กำลังเปล่งประกายออกมาจากผอบ ทำให้ท่านรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากว่า... ลำแสงที่เห็นนั้นเป็นแสงอะไร
    จากนั้นท่านก็เดินเข้าไปส่องดูในผอบด้วยความฉงนอย่างที่สุด ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?? ปรากฎว่ามีพระบรมสารีริกธาตุสัณฐานเพชรใสวาบวับ ที่มีน้ำงามบริสุทธิ์ราวกับถูกเจียรไนมาเป็นอย่างดี เสด็จมาอยู่ใจกลางของผอบที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สัณฐานเมล็ดข้าวสารหักได้อย่างอัศจรรย์ ทั้งๆ ที่ผอบนั้นได้ถูกปิดผนึกไว้เป็นอย่างดีถึง ๒ ชั้น และไม่มีผู้ใดแตะต้องเลยนับตั้งแต่ท่านได้บูชามา<o:p></o:p>
    นับว่าเหตุการณ์นี้ได้สร้างความประหลาดใจแก่พระอาจารย์ประจักษ์เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นความอัศจรรย์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับท่านมาก่อน จากนั้นท่านจึงกราบ และจุดธูปเทียนสักการะองค์พระบรมสารีริกธาตุด้วยความปิติสุขเป็นอย่างมาก และเมื่อท่านได้ทำพิธีเสร็จสิ้นแล้วท่านก็ได้อธิษฐานจิตถามต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า “พระบรมสารีริกธาตุที่ได้เสด็จมาประทับ ณ ผอบใบนี้นั้น เป็นพระสรีระส่วนใดของพระพุทธองค์ ขอพระพุทธองค์ทรงตอบมาในนิมิต หรือความฝันอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยเถิด”
    จากนั้นพระอาจารย์ประจักษ์จึงได้นั่งภาวนาต่อไป และสิ่งที่ปรากฎให้ได้รับรู้ในจิตก็ได้บ่งบอกว่า “พระบรมสารีริกธาตุที่ได้เสด็จมาประทับนั้น เป็นส่วนของพระจักษุ หรือนัยน์ตานั่นเอง ซึ่งเป็นพระจักษุทั้งซ้าย และขวา รวมพุทธานุภาพเป็นหนึ่งเดียว” เมื่อพระอาจารย์ประจักษ์ได้รับรู้ดังนั้น ความปลื้มปิติก็ได้บังเกิดขึ้นกับท่านอย่างไม่มีอะไรเทียมได้
    ด้วยความปลื้มปิติที่เปี่ยมล้น ท่านจึงอดไม่ได้ที่จะบอกกล่าว ถึงเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์ให้กับบรรดาลูกศิษย์ลูกหา รวมทั้งพระภิกษุที่นับถือกัน ให้ได้รับรู้ถึงพระพุทธานุภาพของพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุ ที่ได้เสด็จมาปรากฎให้เห็น ซึ่งหลายต่อหลายคนก็เชื่ออย่างสนิทใจกับเหตุการณ์นี้
    โดยที่พระอาจารย์ประจักษ์ท่านก็ยินดีที่จะให้ลูกศิษย์ลูกหา รวมทั้งประชาชนที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้เข้ามาสักการะองค์ท่านถึงที่ประดิษฐานอย่างใกล้ชิด รวมทั้งสามารถเก็บภาพความมหัศจรรย์ขององค์ท่าน เพื่อนำไปบูชาต่อไปได้อีก<o:p></o:p>
    แต่แล้วบางคนกลับสงสัยว่า พระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จมานั้นจะเป็นพระจักษุ หรือนัยน์ตาไปได้อย่างไร และเมื่อมีคนสงสัยกันมากๆ เข้า พระอาจารย์ประจักษ์ท่านก็เกรงว่าจะกลายเป็นการปรามาส และเกิดเป็นบาปกรรมขึ้นได้ ทว่าท่านก็มิอาจที่จะห้ามความคิด และความลังเลสงสัยของเหล่ามนุษย์ทั้งหลายได้<o:p></o:p>
    กระทั่งวันอาทิตย์ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๒ ก็ได้มีลูกศิษย์ลูกหาที่นับถือท่าน ได้เข้ามาสักการะพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุอย่างเช่นปกติ ซึ่งก็ได้ถ่ายภาพพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุเอาไว้ และด้วยปาฎิหาริย์ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้แสดงให้ประจักษ์แก่สายตาลูกศิษย์ลูกหารวมทั้งสาธุชนโดยทั่วไป เพื่อที่หลายๆ คนจะได้หมดไปซึ่งความคลางแคลงสงสัยกันเสียที
    ปรากฎว่าภาพที่ถ่ายได้นั้นมองเห็นเป็น “ดวงตา” หรือ “พระจักษุ” อย่างชัดเจน และอัศจรรย์เกินกว่าที่จะบรรยายได้หมด นี่คือพระพุทธานุภาพขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ปรากฎขึ้นเป็นพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุอย่างไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป
    ซึ่งปัจจุบันองค์จริงของพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุนั้น ได้ประดิษฐานอยู่ ณ กุฏิ พระอาจารย์ประจักษ์ ภูริปัญโญ ตึกมงคลวิทยา ชั้น ๓ วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร จังหวัดกรุงเทพมหานคร
    สำหรับความอัศจรรย์ของพระบรมสารีริกธาตุ (ส่วนพระจักษุธาตุ) นั้นยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะหลังจากที่องค์ท่านเสด็จมาปรากฎได้ไม่นาน พระบรมสารีริกธาตุส่วนต่างๆ อาทิ ส่วนแกนพระสมอง, ส่วนพระโลหิต, ส่วนพระเกศา, ส่วนพระอุรังคธาตุ, ส่วนพระอุณหิสะ รวมทั้งพระธาตุของพระอรหันต์ และสาวกองค์อื่นๆ ก็ได้เสด็จหลั่งไหลตามกันมาอย่างไม่ขาดสาย
    จาก ๑ ผอบก็ทวีเพิ่มขึ้นอย่างนับไม่ถ้วน ราวกับว่าท่านเสด็จมาอย่างไม่มีวันหมด แม้ว่าพระอาจารย์ประจักษ์จะแจกจ่ายให้กับลูกศิษย์ลูกหาที่มาขออาราธนาไปบูชาเอง หรือว่าจะนำไปประดิษฐานตามวัดต่างๆ เพื่อความเป็นสิริมงคลแล้วก็ตาม แต่พระบรมสารีริกธาตุ รวมทั้งพระอรหันต์ธาตุกลับเสด็จมาเพิ่มเรื่อยๆ นับวันก็มีแต่จะมากขึ้น ทำให้สถานที่ประดิษฐานในทุกวันนี้ มองดูคับแคบลงไปถนัดตา
    ทางวัดป่าศรีคุณารามจึงมีแนวคิดที่จะดำเนินการก่อสร้าง พระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อที่จะอัญเชิญองค์พระจักษุธาตุ และพระอรหันต์ธาตุไปประดิษฐานยังสถานที่ที่เหมาะสม ควรค่าแก่การสักการะบูชา เพื่อจะได้เป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนสืบไป ให้ชนรุ่นหลังได้กราบสักการะบูชา จะได้เป็นการเพิ่มกองบุญกองกุศลเพื่อสวรรค์ พรหม และพระนิพพานตลอดไป เพื่อที่บวรพระพุทธศาสนาจะได้ดำรงถึง ๕,๐๐๐ ปี
    ดังนั้นจึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมกันสร้างมหากุศลในครั้งนี้ ทางผู้จัดทำจึงขออนุโมทนาบุญกุศลในการสร้างมหากุศลในครั้งนี้ด้วย และขอให้ทุกท่านมีอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ ตลอดกาลนานเทอญ
    ร่วมสมทบทุนสร้างพระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุได้ที่ ชื่อบัญชี พระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุ (ส่วนพระจักษุธาตุ) เลขที่บัญชี ๓๖๙-๔๒๓๙๑๙-๙ ธนาคารกรุงเทพ สาขากุมภวาปี
    ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาสามแยก (กรุงเทพ) เลขบัญชี ๐๔๖-๑-๒๙๓๖๘-๖ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    "นิพพาน"<o:p></o:p>
    หลวง พ่อพระราชพรหมยาน<o:p></o:p>
    นิพพาน-คำ ว่า นิพพาน นี้ เขาแปลว่า ดับ ท่านจัดให้เป็นหลายประเภทด้วยกัน คือ<o:p></o:p>
    1.ดับ กิเลส-มีเบญจขันธ์เหลือบ้าง เรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพาน คือ ยังไม่ตาย แต่จิตเป็นนิพพาน<o:p></o:p>
    2.ดับ กิเลส-โดยไม่มีเบญจขันธ์เหลือบ้าง เรียกว่า อนุปาทิเสสนิพพาน คือ ตายแล้วจิตเป็นสุข อยู่แดนทิพย์อมตะนิพพาน<o:p></o:p>
    แต่ว่าใน วันนี้จะขอพูดถึง นิพพานมาตรฐาน ที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงไว้<o:p></o:p>
    องค์ สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาตรัสว่า......<o:p></o:p>
    "นิพพา นัง ปรมัง สุขัง"-แปลเป็นใจความว่า นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง แต่ทว่าเรื่องพระนิพพานนี้ มีความเข้าใจเฝือของบรรดาท่านพุทธบริษัทอยู่มาก ที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้จุดหนึ่งว่า<o:p></o:p>
    "นิพพา นัง ปรมัง สุญญัง"-ซึ่งแปลเป็นใจความว่า นิพพานเป็นธรรมว่างจากความทุกข์ ว่างจากกิเลส โลภ โกรธ หลง ว่างจากขันธ์ 5 ว่างจากดิน น้ำ ลม ไฟ ว่างอย่างยิ่ง<o:p></o:p>
    คำว่า "สุญ" ในที่นี้ ส่วนที่แปลศัพท์โดยมากมักจะทับศัพท์ ใช้คำว่า"สูญ"<o:p></o:p>
    แต่คำ ว่า"สุญ" นั้น เขาแปลว่า"ว่าง" ก็หมายความว่า "บุคคลใดที่จะเข้าถึง นิพพานได้ ต้องว่างด้วยเหตุ 3 ประการ คือ<o:p></o:p>
    1.ว่างจาก โลภะ-คือ ไม่มีความโลภในจิตใจ<o:p></o:p>
    2.ว่างจาก โทสะ-คือ ไม่มีความหงุดหงิด โกรธง่ายในใจ<o:p></o:p>
    3.ว่างจาก โมหะ-คือ ไม่มีความหลงในโลกทั้งสามในจิตใจ<o:p></o:p>
    เพราะว่า โลภะก็ดี โทสะก็ดี โมหะก็ดี ทั้ง 3 ประการนี้ เป็นรากเหง้าของความชั่ว ที่เรียกว่า รากเหง้าของกิเลส กิเลส ก็คือความชั่ว ความมัวหมองของจิต ที่เรียกว่า จิตคิดชั่ว กิเลสทั้งหมดที่องค์สมเด็จพระบรมสุคตตรัสแล้ว โดยชื่อแล้วนับปริมาณไม่ได้<o:p></o:p>
    แต่องค์ สมเด็จพระจอมไตรก็ตรัสว่า กิเลสทั้งหมดถ้ากล่าวโดยย่อแล้ว ก็เหลือ 3 ประการ คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง<o:p></o:p>
    ฉะนั้น สมเด็จพระพุทธองค์จึงตรัสว่า ถ้าจิตของบุคคลใดว่างจากกิเลสทั้ง 3 ประการ คือ<o:p></o:p>
    โลภะ-ความ โลภไม่มีในจิต<o:p></o:p>
    โทสะ-ความ โกรธไม่มีในจิต<o:p></o:p>
    โมหะ-ความ หลงไม่มีในจิต<o:p></o:p>
    อย่างนี้ สมเด็จพระธรรมสามิสรตรัสว่า เป็นผู้มีความว่างจากกิเลส อวิชชา ตัณหา อุปาทาน คือคำว่า "นิพพานัง ปรมัง สุญญัง"......<o:p></o:p>
    ฝากประชาสัมพันธ์ [FONT=&quot]พระบรมสารีริกธาตุ[/FONT][FONT=&quot]([/FONT][FONT=&quot]ส่วนพระจักษุธาตุ[/FONT][FONT=&quot]) [/FONT]
    http://palungjit.org/posts/3295580
    และอีกหนึ่งวัดที่ขอประชาสัมพันธ์คือ วัดป่าซางงาม อ. ดอยหลวง จ.เชียงราย วัดนี้ตอนผมบวชแล้วตั้งใจว่าจะไปอยู่ที่วัดแห่งนี้ วัดป่าซางงาม ร่วมกันบริจาคได้นะครับ<o:p></o:p>


    </o></o></o>
     

แชร์หน้านี้

Loading...