ขอเชิญชม สารคดีเกี่ยวกับการเสด็จมาของ พระบรมสารีริกธาตุ พระจักษุธาตุ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ipatz, 28 พฤษภาคม 2010.

  1. ipatz

    ipatz สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +12
    ท่านอาจารย์ประจักษ์ได้เล่าว่า พระจักษูธาตุองค์นี้อุบัติขึ้นมาเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ท่านบอกว่าท่านได้เห็นแสงสว่างส่องลงมาที่ผอบพระบรมสารีริกธาตุ ท่านจึงได้ไปเปิดผอบดูปรากฏว่าพบเพชรเม็ดหนึ่งวางอยู่ตรงกลางพระบรม สารีริกธาตุ เม็ดขนาดปลายนิ้วก้อย รัศมีแวววาวสวยงามมาก ครั้งแรกที่ท่านเห็นรู้สึกแปลกใจมากว่ามาได้ยังไง เพราะเป็นผอบสองชั้น แล้วเพชรเม็ดนี้มาได้อย่างไร และคืออะไร อีกอย่างท่านเองก็เปิดดูเมื่อวานนี้ตอนเช้าก็ไม่มีสิ่งใดผิดปรกติ ต่อมาได้เรียนถามท่านอาจารย์ถาวรวัดสระปทุม สยามแสคว ท่านบอกว่าเป็นพระธาตุส่วนพระจักษุ ต่อมาจึงเรียกว่าพระจักษุธาตุ พระอาจารย์ท่านไม่ใช่เจ้าอาวาส ท่านพำนักอยู่ที่กุฏิสามชั้น เดินเข้าด้านหน้าวัดตรงไปที่โบสถ์เลี้ยวขวามือ ด้านขวาเป็นตึกสามชั้น มีปรตูกระจกเปิดเข้าไปเป็นบันใด เดินขึ้นไปชั้นสาม เรียนท่านว่าทราบมาจากกระทู้ในเวปพลังจิต จากคุณหม่อมที่อยู่ออสเตรเลีย ท่านจะทราบ และหากโชคดีท่านอาจได้รับพระบรมสารีริกธาตุ หรือพระธาตุส่วนสมองกลับไปบูชา

    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=jVPffpm94_g"]YouTube- พระบรมสารีริกธาตุ พระจักษุธาตุ[/ame]

    ที่วัดมีแผ่น DVD แบบเต็มๆทั้ง สารคดี และรวมภาพพระจักษุธาตุ และพระอรหันตธาตุแจกด้วยครับ

    ------------------------

    รวมภาพพระบรมสารีริกธาตุ 1
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=IIRjCeBS40Q"]รวมภาพพระบรมสารีริกธาตุ 1[/ame]


    รวมภาพพระบรมสารีริกธาตุ 2
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=SeH4jJQZwgU"]รวมภาพพระบรมสารีริกธาตุ 2 [/ame]

    รวมภาพพระบรมสารีริกธาตุ 3
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=1U5bY2ruDyc"]รวมภาพพระบรมสารีริกธาตุ 3 [/ame]

    รวมภาพพระบรมสารีริกธาตุ 4
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=Jw4PtpFHUhY"]รวมภาพพระบรมสารีริกธาตุ 4 [/ame]

    รวมภาพพระบรมสารีริกธาตุ 5
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=kCKcsmyp7iU"]รวมภาพพระบรมสารีริกธาตุ 5 [/ame]

    ---------------------------------------

    แถมครับ ลองคลิกดู แล้วคุณจะรู้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง

    พระเกษาธาตุ ณ วัดบารมี ย่างกุ้ง ประเทศพม่า

    [​IMG]
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=tEfmXQ2bZkg"]พระบรมสารีริกธาตุ พระเกษาธาตุ [/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2010
  2. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    พระอาจารย์ประจักษ์ท่านสร้างอานิสงส์ประการหนึ่งก็คือ ท่านสวดปาฏิโมกข์ทุกวัน เรียกว่าท่านสวดทวนศีล 227 ข้อทุกวันเลยแหละ ด้วยอานิสงส์นี้กระมัง อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาสถิตย์

    ท่านมีโครงการจะไปสร้างพระบรมธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่วัดป่าศรีคุณาราม ต.บ้านจีต อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี น่าจะใช้งบประมาณในการจัดสร้างไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท

    มีคำทำนายอย่างหนึ่งว่า ต่อไปทางภาคอีสานพระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองมาก ซึ่งถ้าจะว่าไปในปัจจุบันนี้ ทางภาคอีสานโดยเฉพาะอีสานเหนือ ได้แก่ สกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น หนองคาย ก็เป็นถิ่นของพระอริยเจ้าอยู่แล้ว ทั้งสายหลวงปู่มั่น สายหลวงปู่เทพโลกอุดร และพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอีกนับไม่ถ้วน เมื่อจะมีโครงการสร้างพระบรมธาตุเจดีย์นี้ขึ้นอีกในจังหวัดอุดรธานี ก็เป็นสิ่งที่เพิ่มน้ำหนักคำทำนายนี้ขึ้นไปอีก

    เรื่องพระบรมสารีริกธาตุนี้ทราบถึงพระเนตรพระกรรณขององค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่เนื่องจากพระองค์ยังทรงประทับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ก็เลยให้มหาดเล็กมาขอรูปถ่ายไปแทน พระองค์ยังมิได้เสด็จกราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุนี้

    เพราะฉะนั้น ถ้ามีโอกาสให้ไปกราบเสีย เพราะถือว่าพระบรมสารีริกธาตุสัณฐานจักษุธาตุ วรรณะเพชรนี้ น่าจะเป็นหนึ่งเดียวในปฐพีในปัจจุบันนี้
     
  3. ipatz

    ipatz สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +12
    ขอบคุณ คุณkhomeraya มากครับสำหรับข้อมูล ข่าวสาร
     
  4. aunpao

    aunpao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2009
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +550
    <meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 11"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 11"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CMEGATO%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Cordia New"; panose-1:2 11 3 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-update:auto; mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; text-align:justify; text-justify:inter-cluster; mso-pagination:widow-orphan; font-size:16.0pt; font-family:"Cordia New"; mso-fareast-font-family:"Cordia New";} a:link, span.MsoHyperlink {color:blue; text-decoration:underline; text-underline:single;} a:visited, span.MsoHyperlinkFollowed {color:purple; text-decoration:underline; text-underline:single;} @page Section1 {size:595.3pt 841.9pt; margin:62.9pt 73.3pt 80.9pt 81.0pt; mso-header-margin:35.4pt; mso-footer-margin:35.4pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ขอเชิญสาธุชนทุกท่านร่วมสร้างมหามงคลอันยิ่งใหญ่ ด้วยการสมทบทุนสร้างพระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุ (ส่วนพระจักษุธาตุ) ณ วัดป่าศรีคุณาราม ตำบลบ้านจีต อำเภอกู่แก้ว จังหวัดอุดรธานี เพื่อที่จะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุ มาประดิษฐานยังวัดป่าศรีคุณารามเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อไป<o:p></o:p>
    โดยมีพระครูวิสุทธิธรรมสุนทร (บุญเกิด ยุตฺตะธัมโม) พร้อมด้วยพระครูอุดมชัยคณารักษ์, พระครูโสภณสมณกิจ และพระอาจารย์ประจักษ์ ภูริปัญโญ ซึ่งเป็นประธานในการดำเนินการก่อสร้างอย่างยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ ประวัติพระบรมสารีริกธาตุ (ส่วนพระจักษุธาตุ) นั้นมีความเป็นมาอย่างไร...
    สำหรับพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุนั้น ดั้งเดิมพระอาจารย์ประจักษ์ ภูริปัญโญ วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร จังหวัดกรุงเทพมหานคร ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ สัณฐานเมล็ดข้าวสารหัก มาบูชาเพียงอย่างเดียว และผอบเดียวเท่านั้น โดยที่พระอาจารย์ประจักษ์ ท่านก็ได้บูชาไว้ประมาณปีกว่าๆ เห็นจะได้ ซึ่งท่านก็ได้เพ่งพิศพิจารณาเฝ้าดูพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุอยู่ในผอบนั้นอยู่ทุกวันๆ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    กระทั่ง...!! ในวันศุกร์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๒ หลังจากที่พระอาจารย์ประจักษ์ได้ลุกจากจำวัดในตอนใกล้สว่าง ท่านก็ได้ตรวจตรา และเฝ้ามองไปยังที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอย่างเช่นทุกวัน แต่วันนี้กลับไม่เป็นเหมือนอย่างเคย พระบรมสารีริกธาตุที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ ณ แท่นบูชานั้น ได้มีแสงเจิดจ้าระยิบระยับเกิดขึ้น แล้วยังส่องสว่างอย่างแปลกประหลาด กำลังเปล่งประกายออกมาจากผอบ ทำให้ท่านรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากว่า... ลำแสงที่เห็นนั้นเป็นแสงอะไร
    จากนั้นท่านก็เดินเข้าไปส่องดูในผอบด้วยความฉงนอย่างที่สุด ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?? ปรากฎว่ามีพระบรมสารีริกธาตุสัณฐานเพชรใสวาบวับ ที่มีน้ำงามบริสุทธิ์ราวกับถูกเจียรไนมาเป็นอย่างดี เสด็จมาอยู่ใจกลางของผอบที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สัณฐานเมล็ดข้าวสารหักได้อย่างอัศจรรย์ ทั้งๆ ที่ผอบนั้นได้ถูกปิดผนึกไว้เป็นอย่างดีถึง ๒ ชั้น และไม่มีผู้ใดแตะต้องเลยนับตั้งแต่ท่านได้บูชามา<o:p></o:p>
    นับว่าเหตุการณ์นี้ได้สร้างความประหลาดใจแก่พระอาจารย์ประจักษ์เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นความอัศจรรย์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับท่านมาก่อน จากนั้นท่านจึงกราบ และจุดธูปเทียนสักการะองค์พระบรมสารีริกธาตุด้วยความปิติสุขเป็นอย่างมาก และเมื่อท่านได้ทำพิธีเสร็จสิ้นแล้วท่านก็ได้อธิษฐานจิตถามต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า “พระบรมสารีริกธาตุที่ได้เสด็จมาประทับ ณ ผอบใบนี้นั้น เป็นพระสรีระส่วนใดของพระพุทธองค์ ขอพระพุทธองค์ทรงตอบมาในนิมิต หรือความฝันอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยเถิด”
    จากนั้นพระอาจารย์ประจักษ์จึงได้นั่งภาวนาต่อไป และสิ่งที่ปรากฎให้ได้รับรู้ในจิตก็ได้บ่งบอกว่า “พระบรมสารีริกธาตุที่ได้เสด็จมาประทับนั้น เป็นส่วนของพระจักษุ หรือนัยน์ตานั่นเอง ซึ่งเป็นพระจักษุทั้งซ้าย และขวา รวมพุทธานุภาพเป็นหนึ่งเดียว” เมื่อพระอาจารย์ประจักษ์ได้รับรู้ดังนั้น ความปลื้มปิติก็ได้บังเกิดขึ้นกับท่านอย่างไม่มีอะไรเทียมได้
    ด้วยความปลื้มปิติที่เปี่ยมล้น ท่านจึงอดไม่ได้ที่จะบอกกล่าว ถึงเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์ให้กับบรรดาลูกศิษย์ลูกหา รวมทั้งพระภิกษุที่นับถือกัน ให้ได้รับรู้ถึงพระพุทธานุภาพของพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุ ที่ได้เสด็จมาปรากฎให้เห็น ซึ่งหลายต่อหลายคนก็เชื่ออย่างสนิทใจกับเหตุการณ์นี้
    โดยที่พระอาจารย์ประจักษ์ท่านก็ยินดีที่จะให้ลูกศิษย์ลูกหา รวมทั้งประชาชนที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้เข้ามาสักการะองค์ท่านถึงที่ประดิษฐานอย่างใกล้ชิด รวมทั้งสามารถเก็บภาพความมหัศจรรย์ขององค์ท่าน เพื่อนำไปบูชาต่อไปได้อีก<o:p></o:p>
    แต่แล้วบางคนกลับสงสัยว่า พระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จมานั้นจะเป็นพระจักษุ หรือนัยน์ตาไปได้อย่างไร และเมื่อมีคนสงสัยกันมากๆ เข้า พระอาจารย์ประจักษ์ท่านก็เกรงว่าจะกลายเป็นการปรามาส และเกิดเป็นบาปกรรมขึ้นได้ ทว่าท่านก็มิอาจที่จะห้ามความคิด และความลังเลสงสัยของเหล่ามนุษย์ทั้งหลายได้<o:p></o:p>
    กระทั่งวันอาทิตย์ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๒ ก็ได้มีลูกศิษย์ลูกหาที่นับถือท่าน ได้เข้ามาสักการะพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุอย่างเช่นปกติ ซึ่งก็ได้ถ่ายภาพพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุเอาไว้ และด้วยปาฎิหาริย์ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้แสดงให้ประจักษ์แก่สายตาลูกศิษย์ลูกหารวมทั้งสาธุชนโดยทั่วไป เพื่อที่หลายๆ คนจะได้หมดไปซึ่งความคลางแคลงสงสัยกันเสียที
    ปรากฎว่าภาพที่ถ่ายได้นั้นมองเห็นเป็น “ดวงตา” หรือ “พระจักษุ” อย่างชัดเจน และอัศจรรย์เกินกว่าที่จะบรรยายได้หมด นี่คือพระพุทธานุภาพขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ปรากฎขึ้นเป็นพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุอย่างไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป
    ซึ่งปัจจุบันองค์จริงของพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุนั้น ได้ประดิษฐานอยู่ ณ กุฏิ พระอาจารย์ประจักษ์ ภูริปัญโญ ตึกมงคลวิทยา ชั้น ๓ วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร จังหวัดกรุงเทพมหานคร
    สำหรับความอัศจรรย์ของพระบรมสารีริกธาตุ (ส่วนพระจักษุธาตุ) นั้นยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะหลังจากที่องค์ท่านเสด็จมาปรากฎได้ไม่นาน พระบรมสารีริกธาตุส่วนต่างๆ อาทิ ส่วนแกนพระสมอง, ส่วนพระโลหิต, ส่วนพระเกศา, ส่วนพระอุรังคธาตุ, ส่วนพระอุณหิสะ รวมทั้งพระธาตุของพระอรหันต์ และสาวกองค์อื่นๆ ก็ได้เสด็จหลั่งไหลตามกันมาอย่างไม่ขาดสาย
    จาก ๑ ผอบก็ทวีเพิ่มขึ้นอย่างนับไม่ถ้วน ราวกับว่าท่านเสด็จมาอย่างไม่มีวันหมด แม้ว่าพระอาจารย์ประจักษ์จะแจกจ่ายให้กับลูกศิษย์ลูกหาที่มาขออาราธนาไปบูชาเอง หรือว่าจะนำไปประดิษฐานตามวัดต่างๆ เพื่อความเป็นสิริมงคลแล้วก็ตาม แต่พระบรมสารีริกธาตุ รวมทั้งพระอรหันต์ธาตุกลับเสด็จมาเพิ่มเรื่อยๆ นับวันก็มีแต่จะมากขึ้น ทำให้สถานที่ประดิษฐานในทุกวันนี้ มองดูคับแคบลงไปถนัดตา
    ทางวัดป่าศรีคุณารามจึงมีแนวคิดที่จะดำเนินการก่อสร้าง พระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อที่จะอัญเชิญองค์พระจักษุธาตุ และพระอรหันต์ธาตุไปประดิษฐานยังสถานที่ที่เหมาะสม ควรค่าแก่การสักการะบูชา เพื่อจะได้เป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนสืบไป ให้ชนรุ่นหลังได้กราบสักการะบูชา จะได้เป็นการเพิ่มกองบุญกองกุศลเพื่อสวรรค์ พรหม และพระนิพพานตลอดไป เพื่อที่บวรพระพุทธศาสนาจะได้ดำรงถึง ๕,๐๐๐ ปี
    ดังนั้นจึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมกันสร้างมหากุศลในครั้งนี้ ทางผู้จัดทำจึงขออนุโมทนาบุญกุศลในการสร้างมหากุศลในครั้งนี้ด้วย และขอให้ทุกท่านมีอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ ตลอดกาลนานเทอญ
    ร่วมสมทบทุนสร้างพระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุได้ที่ ชื่อบัญชี พระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุ (ส่วนพระจักษุธาตุ) เลขที่บัญชี ๓๖๙-๔๒๓๙๑๙-๙ ธนาคารกรุงเทพ สาขากุมภวาปี
    ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาสามแยก (กรุงเทพ) เลขบัญชี ๐๔๖-๑-๒๙๓๖๘-๖ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    "นิพพาน"<o:p></o:p>
    หลวง พ่อพระราชพรหมยาน<o:p></o:p>
    นิพพาน-คำ ว่า นิพพาน นี้ เขาแปลว่า ดับ ท่านจัดให้เป็นหลายประเภทด้วยกัน คือ<o:p></o:p>
    1.ดับ กิเลส-มีเบญจขันธ์เหลือบ้าง เรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพาน คือ ยังไม่ตาย แต่จิตเป็นนิพพาน<o:p></o:p>
    2.ดับ กิเลส-โดยไม่มีเบญจขันธ์เหลือบ้าง เรียกว่า อนุปาทิเสสนิพพาน คือ ตายแล้วจิตเป็นสุข อยู่แดนทิพย์อมตะนิพพาน<o:p></o:p>
    แต่ว่าใน วันนี้จะขอพูดถึง นิพพานมาตรฐาน ที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงไว้<o:p></o:p>
    องค์ สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาตรัสว่า......<o:p></o:p>
    "นิพพา นัง ปรมัง สุขัง"-แปลเป็นใจความว่า นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง แต่ทว่าเรื่องพระนิพพานนี้ มีความเข้าใจเฝือของบรรดาท่านพุทธบริษัทอยู่มาก ที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้จุดหนึ่งว่า<o:p></o:p>
    "นิพพา นัง ปรมัง สุญญัง"-ซึ่งแปลเป็นใจความว่า นิพพานเป็นธรรมว่างจากความทุกข์ ว่างจากกิเลส โลภ โกรธ หลง ว่างจากขันธ์ 5 ว่างจากดิน น้ำ ลม ไฟ ว่างอย่างยิ่ง<o:p></o:p>
    คำว่า "สุญ" ในที่นี้ ส่วนที่แปลศัพท์โดยมากมักจะทับศัพท์ ใช้คำว่า"สูญ"<o:p></o:p>
    แต่คำ ว่า"สุญ" นั้น เขาแปลว่า"ว่าง" ก็หมายความว่า "บุคคลใดที่จะเข้าถึง นิพพานได้ ต้องว่างด้วยเหตุ 3 ประการ คือ<o:p></o:p>
    1.ว่างจาก โลภะ-คือ ไม่มีความโลภในจิตใจ<o:p></o:p>
    2.ว่างจาก โทสะ-คือ ไม่มีความหงุดหงิด โกรธง่ายในใจ<o:p></o:p>
    3.ว่างจาก โมหะ-คือ ไม่มีความหลงในโลกทั้งสามในจิตใจ<o:p></o:p>
    เพราะว่า โลภะก็ดี โทสะก็ดี โมหะก็ดี ทั้ง 3 ประการนี้ เป็นรากเหง้าของความชั่ว ที่เรียกว่า รากเหง้าของกิเลส กิเลส ก็คือความชั่ว ความมัวหมองของจิต ที่เรียกว่า จิตคิดชั่ว กิเลสทั้งหมดที่องค์สมเด็จพระบรมสุคตตรัสแล้ว โดยชื่อแล้วนับปริมาณไม่ได้<o:p></o:p>
    แต่องค์ สมเด็จพระจอมไตรก็ตรัสว่า กิเลสทั้งหมดถ้ากล่าวโดยย่อแล้ว ก็เหลือ 3 ประการ คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง<o:p></o:p>
    ฉะนั้น สมเด็จพระพุทธองค์จึงตรัสว่า ถ้าจิตของบุคคลใดว่างจากกิเลสทั้ง 3 ประการ คือ<o:p></o:p>
    โลภะ-ความ โลภไม่มีในจิต<o:p></o:p>
    โทสะ-ความ โกรธไม่มีในจิต<o:p></o:p>
    โมหะ-ความ หลงไม่มีในจิต<o:p></o:p>
    อย่างนี้ สมเด็จพระธรรมสามิสรตรัสว่า เป็นผู้มีความว่างจากกิเลส อวิชชา ตัณหา อุปาทาน คือคำว่า "นิพพานัง ปรมัง สุญญัง"......<o:p></o:p>
    ฝากประชาสัมพันธ์ [FONT=&quot]พระบรมสารีริกธาตุ[/FONT][FONT=&quot]([/FONT][FONT=&quot]ส่วนพระจักษุธาตุ[/FONT][FONT=&quot]) [/FONT]
    http://palungjit.org/posts/3295580
    และอีกหนึ่งวัดที่ขอประชาสัมพันธ์คือ วัดป่าซางงาม อ. ดอยหลวง จ.เชียงราย วัดนี้ตอนผมบวชแล้วตั้งใจว่าจะไปอยู่ที่วัดแห่งนี้ วัดป่าซางงาม ร่วมกันบริจาคได้นะครับ<o:p></o:p>
     
  5. ipatz

    ipatz สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +12
    ขอบคุณมากๆครับ ตุณ Aunpao
     

แชร์หน้านี้

Loading...