เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ

ไอ้หมอมันเหลือบตามอง อ่านใจไอ้ตัวประหลาด เห็นมันทำตาปริบๆ
มันว่าไอ้นี่ใจมันเริ่มปล่อยวางแล้ว ไอ้สองเอ็งไปกล่อมมันหน่อย ให้มันรู้ว่า

การก่อเวร และจองเวร ล้วนนำความทุกข์ มาให้ผู้กระทำทั้งสิ้น และเป็นวิบากกรรมติดตามไปก่อทุกข์ให้ผู้กระทำไปทุกภพทุกชาติไม่รู้จบ

สรุปตกลงงานนี้ เสนอ
๑ ตั้งกองบุญ สามกอง เพื่อ ภัตาหาร ๑ กอง ค่าน้ำค่าไฟ ๑ กอง และบำรุงซ่อมแซมและสร้างวัดวาอาราม
และอุทิศบุญ ให้เจ้ากรรมนายเวรรายนี้
๒. ให้บุตรชาย หรือตัวเอง ฝึกสมาธิ(เสนอการฝึกของคุณ VISNU ให้ไป-อีชอบใจใหญ่) และอุทิศบุญให้อี

หลังจากนี้ก็ใช้ยาธรรมด้า ธรรมดารักษา ก็หาย

แต่ก็ต้องดู ว่าเรื่องจะจบจริงหรือไม่
เพราะไอ้หมอ มันเคยเจอรายการ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดมา

คือว่า ตกลงกันแล้ว ทุกอย่างก็ได้ตามนั้น การรักษาก็หาย สุขภาพคนไข้ดีวันดีคืน
แต่พอถึงวันเวลา พวกหักดิบเปาะ เอาตัวไปเลย
ไอ้หมอถึงกะหน้าแตก พยาบาลสาวๆไม่รับเย็บ ได้แต่นั่งกรอกหน้าทำตาปริบๆ ทำอะไรไม่ได้
ไอ้ข้าก็ได้แต่นั่งหัวเราะไอ้หมอมัน

 

เพิ่งตาม มาเจอ
ว่ามี กระทู้ เรื่องเล่า ตอนสายๆ................55

คนตื่นเช้า ก็ ไปทำการทำงาน แล้ว ค่อย กลับมาฟัง......

ขอปรบมือให้ .... ครับ.. สนุก สุดมัน คละเคล้า มุกตาหลก โหดมันฮา

สไตล์ ดอกดินกันยามาล....ในซาไหม ก่อน.... เลย

 

โรคท้องร่วงอย่างแรงคล้ายอหิวาต์ที่หมอ suwi ว่าไว้ ที่จะเกิดขึ้นจากหลุมยุบ จะเป็นเชื้อตัวเดียวกับในข้อความอ้างอิงไหมครับ

 

มาตามอ่านด้วยคร้าบ...

โอ้โห ยุคแห่งภัยพิบัติกำลังจะเริ่มแล้วหรอเนี้ย ต้องเร่งฝึกของคุณวิศณุซะแล้ว...

 

อ.สุวิ ตื่นได้ แล้ว..... สายมากแล้ว... จ้า

มาปู เสื่อ นั่งรอ ฟัง เต็ม ศาลา แล้ว................................55

 

ถึง ดาวทะเลทราย โดยเฉพาะ
ที่คุณท่านกำลัง ฝึกวิชา อย่างหนึ่ง..เป็นส่วนหนึ่ง ของธาตุไฟ
ให้เพลาความร้อนแรง..สักหน่อย
มิฉนั้น ไขข้อ จะแห้งผาก เหมือนรถยนต์ ที่ไม่มีน้ำมันเครื่องพอ
จะเป็นปัญหานำมา ไขข้ออักเสบ...จะเดิน เหิร ลำบากในโอกาสต่อไป

จากสมาชิก ชมรม คนเห็นผี (สามตา และ วิษณุ)

 

เมื่อ ไอ้หมอมมันได้พร จากจอมอสูร อสุทินทราหู และ..... แล้ว
มันซ่ามาก เที่ยวสอดรู้สอดเห็นไปทั่ว
แล้วมันก็เจอเรื่องประหลาดๆ ที่ไม่มีบันทึกในตำรา
และด้วยความอยากรู้อยากเห็นของมัน เมื่อมีอะไรก็เอามาปรึกษากัน พลอยให้ข้าได้รู้ลึกตื้นหนาบางไปด้วย
มันพบว่า ในหมู่เทวดาชั้นต่างๆ มีเหล่าอสูรและยักษ์ปนอยู่ด้วย
ทำไมเป็นเช่นนั้น

หลังจากศึกษาแล้ว
มันพบว่า สภาพอสูร มนุษย์ และยักษ์ มีอะไรๆที่คล้ายกัน
ผิดกันที่ มนุษย์มี ธาตุดินเป็นใหญ่ แต่ยักษ์และอสูร กลับมีธาตุลมเป็นใหญ่
ในการปฏิบัติ(ฝึก)ทางจิต ก็คล้ายกัน
ยักษ์และอสูรมีการปฏิบัติธรรมในแนว พลังและอำนาจเป็นใหญ่ มากที่สุด
ส่วนมนุษย์ แนวการปฏิบัติธรรมมีทั้งสองแบบ คือแบบเอาอำนาจเป็นใหญ่ และ เพื่อการหลุดพ้น

ว่ากันว่า สภาพบ้านเมืองและการปกครองของเขา(ยักษ์และอสูร)ไม่ค่อยเอื้อในการปฏิธรรมเพื่อการหลุดพ้น
ดังนั้น ทั้งนาค สูรและยักษ์ ที่มีกึ่น(มีความรู้นะ) ก็พากันมาเกิดเป็นมนุษย์กันมาก (เพื่อปฏิบัตืจิตต่อ)
และในเวลาเดียวกัน มนุษญ์ผู้มีจิตโหดร้าย-พยาบาท ก็พากันไปเกิดเป็นยักษ์ อสูร ก็มากอยู่

และด้วยการปฏิบัติทางจิตนี้ ทำให้มนุษย์ อสูร และยักษ์ ยกระดับจิตตนเองขึ้นไปเป็นเทวดาชั้นต่างๆ (ไม่เคยพบนาคเลย)
เมื่ออสูรปฏิบัติดี ได้จุติเป็นเทวดา ก็เป็นเทวดาในสัญชาติอสูร
เมื่อยักษ์ปฏิบัติดี ได้จุติเป็นเทวดา ก็เป็นเทวดาสันชาติยักษ์
เมื่อมนุษย์ปฏิบัติดี ได้จุติเป็นเทวดา ก็เป็นเทวดาสันชาติมนุษย์

อ้อ...เป็นเช่นนี้เอง จึงได้รู้ว่า ทำไมเหล่าเทวดา จึงมีทั้งมิฉาทิฐิ และสัมมาทิฐิปนกันให้มั่ว

 

ต่อไปจะเป็นหมอแม๋ะมือเทวดาแล้ว 5-5-5

 

เรื่องของ อสูรตะวันออก อสูรตะวันตก<O</O
ในตำราไม่มีใครเคยบอกไว้ เมื่อไอ้หมอเที่ยวซอกแซก<O</O
มันเกิดสงสัยว่า ในสวรรค์ชั้น จตุมหาราชิกา มีมหาาชเป็นผู้ดูแลอยู่สี่ท่าน
<O</O๑ ท้าวธตรฐ ดูแลทิศตะวันออก ดูแลเหล่า คนธรรพ วิชยาธร และกุมภัณฑ์<O</O
๒ ท้าว วิฬุนหก ดูแลทิศตะวันตก ดูแล ครุฑ<O</O
๓ ท้าววิรูปักษ์ อยู่ทิศใต้ ดูแลเหล่านาค<O</O
๔ ท้าวกุเวร (ท้าวไพรศรพณ์) อยู่ทิศเหนือ ดูแลเหล่ายักษ์<O</O
<O</O

ตามตำราว่าไว้อย่างนี้<O</O
ที่มีแตกต่างก็คือ ลอกกันไปก๊อบกันมา ท้าววิฬุนหก กับท่านวิรูปักษ์ ก็สลับทิศกีนเฉยเลย(ที่เขียนไว้ข้างบนถูกต้องแล้วไอ้หมอมันยืนยัน)

ส่วนท้าวกุเวร ท่านว่าเป็นท่านเดียวกับท้าวเวสสุวรรณ แต่ไอ้หมอมันยืนยันว่าไม่ใช่ เป็นคนละท่านกัน
ท้าวกุเวร (มีอีกชื่อว่าท้าวไพรศรพณ์)มีสองสัญชาติ ทั้งยักษ์และอสูร (บิดาเป็นอสูร-มีมารดาเป็นยักษ์-สำเร็จธรรมในโลกมนุษย์)
ตรงนี้ขอแก้ไข/เพิ่มเติมหน่อยจ้า
ท่านท้าวกุเวร นี่แปลกนะทำเอาไอ้หมองุนงงมาก ตรวจสอบไปๆมา เออแนะ
พออยู่กับคน ท่านก็เป็นมนุษย์
พออยู่กับพวกยักษ์ หรือตอนทรงงาน ก็เป็นยักษ์
พออยู่กับพวกอสูร ก็ป็นอสูร

คือๆๆๆ...ว่าท่านถือสามสัญชาตินะ
แต่ตามจารึกในบัรประชาชน ท่านถือสัญชาติ ยักษ์

ส่วนท้าวเวสสุวรรณ มีสัญชาติยักษ์ปัจจุบันสถิตอยู่ สวรรค์ชั้นพรหม ชั้นที่๑๖
และที่ว่า ท้าวกุเวรดูแลเฉพาะยักษ์นั้น ที่จริงในทิศเหนือก็มีเหล่าอสูรอยู่ด้วย ท่านท้าวกุเวรจึงต้องดูแลเหล่าอสูรทิศเหนือด้วย

และคำว่ กุมภัณฑ์ ตอนแรกคิดว่า คำนี้หมายถึง ยักษ์ แต่จริงๆแล้วหมายถึงอสูร
และที่ว่า ท้าววิฬุนหก ดูแลครุฑ เออแปลกเนาะ ทั้งภิพบมีครุฑอยู่ตนเดียวคือท้าวสุบรรณ ต้องมีมหาราชท่านหนึ่งมาดูแลเลี้ยงดูเชียวหรือ
เช็คไปเช็คมา ท่านวิฬุนหก ท่านก็ดูแลเหล่ากุมภัณฑ์ด้วย แต่เป็นกุมภัณฑ์ ทางทิศตะตันตก

สรุปเหล่าอสูรอยู่สามทิศเลย แล้วทิศที่สี่คือทิศที่เหล่านาคอยู่ มียักษ์และอสูรหรือไม่
ปรากฏว่ามีกระจายกันอยู่ ทั่วไปหมด ทั้งอสูร ยักษ์แลนาค
งั้นไม่ยุติธรรมซิวุ้ย ให้นาคอยู่ที่เดียว
เช็คไปเช็คมา อ้อ..เขาอยู่กระจายกันทั่ว

ท้าวมหาราชทั้งสี่ ก็ดูแลตามเขตุของตน

<O</O

 

เล่าเรื่องของ เทพและอสูร แล้ว ต่อไปก็ต้องเป็นเรื่องของมังกร(นาค) และฟ้า
เรื่องของคึก เทพอสูรมังกรฟ้า จึงจะเริ่มต้นได้

ในวันแรกที่ได้รู้จักนาค ก็มาจากคนไข้ผู้หนึ่งตามไปหาไอ้หมอถึงเพชรบูรณ์
อีใจดี เอาแก้วนาคามาให้
ไอ้หมอมันเป็นคนขี้สงสัย อยากรู้อยากเห็น ไปล้วงไปควักเขา จึงเกิดเรื่อง<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message -->

 

นี่คือบันทึกของไอ้หมอ เมื่อมันรู้จักสัมผัสกับกับนาคเป็นครั้งแรกในชีวิต
และด้วยนิสัยชอบขุดคุ้ยทุกสิ่งที่มันสงสัย
ทำให้มันรู้จักมักจี่ เป็นเพื่อนซี้กับนาค ในที่สุด

<!-- google_ad_section_end -->

 

วันนี้ได้มีโอกาสไปพบอาจารย์สุวิมา เพื่อรักษาอาการป่วย
เลยได้เคล็ดลับมา อาจารย์ได้แนะนำว่า ในกระทู้นี้มีสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งแฝงอยู่ สามารถนำไปใช้เพื่อถึงแก่ความเจริญ เพียงอ่านผ่านๆอาจไม่สังเกตุ
ผมเลยนำมาขยายที่อาจารย์เล่าสักนิด
ปกติ ในปัจุบัน ไอ้หมอมันต้องออกไปใส่บาตรทุกเช้า และทำบุญใหญ่เมื่อมีโอกาส
พอไอ้หมอมันรู้ว่าจะต้องเจองานหิน(เรื่องของอสุทินทราหู)
ทุกครั้งที่ใสบาตร หรือทำบุญ มันจะอธิฐานว่า
ด้วยอำนาจแห่งบุญนี้ จงสำเร็จแก่ อสุทินทราหู
ขอให้อสุทินทราหู จงมีความสุข และมีเมตตาต่อตัวมัน
เราสามารถมาปรับใช้เช่นกัน เมื่อเราได้ทำบุญใดๆเราเองก็ควรอธิษฐานจิตให้บุญนี้แก่กายทิพย์ที่เกียวข้องกับตัวเรา ให้มีความสุข และขอให้เมตตาเกื้อกูลต่อเราเช่นกัน
ไม่ทราบว่าผมเข้าใจถูกต้องไหม คงต้องถามอาจารย์สุวิอีกที

 

อ.สุวิ ไม่เล่าเรื่องที่บางครั้งเวลา จวนตัวเจ็บเจียนตาย พอโทรไปหาอาจารย์สักแป๊ป แล้วจะรู้สึกสบายตัวขึ้น บ้างล่ะคะ ว่านั่นทำอย่างไรคะ

 

อ่านกำลังเพลิน พอเลื่อนลงมา อ้าว หมดแล้ว
มาต่อไวๆนะครับ พี่ๆ

 

กระทู้นี้ดีมากครับ อ่านแล้วติด(ใจ)เลย..
จะเข้ามา(แอบ)อ่านเรื่อยๆครับ

 

อ้างอิง:
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ GenerationXXX
ปกติผมจะไม่โพสตตั้งกระทู้แล้ว แต่เห็นว่าน่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง ฟังไว้เพื่อความไม่ประมาทก็น่าจะเกิดประโยชน์

คือผมและเพื่อนไปทำบุญที่บ้านสบายใจวันที่ 9 พ.ค. 53 ที่ผ่านมา หลวงพ่อสมปองท่านบอกเกี่ยวกับสาเหตุที่โลกเราร้อนผิดปกติในช่วงที่ผ่านมานี่ ไม่ใช่เพราะว่าภาวะโลกร้อน แต่เพราะมีเหตุอย่างนึง คือหลังจากนี้อีก 3 เดือนจะเกิดโรคระบาดชนิดใหม่ ร้ายแรงกว่าที่เคยมีมา ท่านไม่ได้บอกชื่อ แต่บอกว่าตัวเชื้อโรคจะคล้ายกับตัวเชื้อโรคอหิวาตกโรค ไวรัสตัวนี้จะมียุงเป็นพาหะ แต่ท่านก็บอกว่าสามารถฆ่าได้ด้วย ควันยาสูบ ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อไวรัสในอากาศได้หมด และหลังจากเกิดโรคระบาดแล้วจะค่อยๆ มีสงครามเกิดขึ้นเป็นย่อมๆ ที่โน่นบ้าง ที่นี่บ้าง และท่านก็บอกว่าประเทศไทยเราก็เตรียมตัวรวย เพราะจะขายอย่างเดียว มีอะไรขายหมด ก็นำมาบอกกล่าวกันไว้จะได้ระมัดระวังถ้าเกิดเหตุการณ์ขึ้นแบบนั้นจริง



</TD></TR></TBODY></TABLE>

จากที่ว่าไว้ เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 53
หลังจากนี้อีก 3 เดือน

เอ้อ...มันก็จะอยู่ในเดือน สิงหาคม 53 ต้นๆเดือน พอดีเลย

อีกไม่กี่วันแล้วก็จะถึงเดือน สิงหาแล้ว
คงต้องเตรียมตัวกันแล้ว

 

:z1.......
แฮ่ ๆ ๆ ๆ

 

เรื่องนี้นะ ไอ้หมอมันกลัวมั๊กมัาก มันกลัวจนขี้หดตดหายเลย
เรื่องมันเป็นงี้นะ

เคยมีคนไข้ไปให้ไอ้หมอมันรักษานะ ไม่สบายจุกยอดอกไม่รู้หาย
พบว่าเป็นกรดไหลย้อน ไอ้หมอเลยจัดยาให้ พอสบายไปหลายวัน

แล้วอาการโรคก็เปลี่ยนไป๊
เปลี่ยนเป็นจุกกลางหลังหายใจไม่ออกเหมือน ถูกกระทืบกลางหลัง
อีก็โวยมา ไอ้หมอมันก็เอะไจ ตรวจเช็คดูพบว่า

อีเมื่อก่อนโน้นนนนนนนน เป็นราชมัน(ผู้คุม/ผู้สอบสวนนักโทษนะ)
มีนักโทษเข้ามา อีก็ขู่เข็ญให้นักโทษสรภาพผิดออกมา
แต่นักโทษผู้นี้ไม่ได้ทำผิดนะ จับตัวผิด ก็ปฏิเสธคอเป็นเอ็นเลย
อีก็ทรมาร นักโทษทุกวิธี มันก็ไม่ยอมรับ
ชักยั๋วโว้ย เลยลงมือกระทืบมันซะเองเลย
กระทืบ กระทืบ กระทืบ ๆๆๆๆๆ กลางหลังมั่งยอดอกมั่งซะหน่ำจาย ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนของนักโทษ
แต่มันก็ยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง
เลยลงตีน ซ้ำอีก อีครานี้คงหนักไปหน่อย มันเลยชักตาตั้งขาดใจตายคาตีน

ด้วยความพยาบาท ตายไปแล้วก็ได้เกิดเป็นอสูร
และวันนี้โชคช่วย ไห้ผู้กระทืบและถูกกระทืบโคจรมาพบกัน
การไล่ก้าทืบจึงเกิดขึ้น จะเอาถึงตาย (แต่สลับตัวผู้ถูกกระทำและตัวกระทำ)

ไอ้หมอก็ชอบบทเดิมๆ ด่าว่ามันโง่ ถ้ากระทืบมันตายแล้ว ก็อดแก้แค้น
สู้เลี้ยงต้อยไว้ กระทืบวันละ สามเวลาดีกว่า

โอ้โฮ้ ...ไอ้อลูรตนนี้มันยิ้มแป้นเลย บอก ขอบอกขอบใจ ไอ้หมอ ที่มีเมตตาสอนมัน

และแล้วการไล่กาทืบกันก็เปลี่ยนปาย
จากการกระทืบไม่เป็นเวลา ตามใจฉัน ก็เปลี่ยนเป็น
กระทืบวันละ สามเวลา หลังอาหาร

ไอ้หมอมันก็รู้ทันให้ยากันเตรียมไว้ก่อน คนไข้แม้จะเจ็บก็พอทน

แต่ที่ไอ้หมอมันทนไม่ด้๊ายไม่ด้าย ก็อีตอน
มีรายการไล่กาทืบแถมรอบมิดไน้ท์ ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์
ไอ้รอบนี้ไอ้หมอไม่ได้เตรียมการไว้ ด้วยคิดไม่ถึง

ผลก็คือ อีโทรมาหาไอ้หมอตอนตีหนึ่งตีสอง ร้องพิโอดพิโอย
ตายแล้ว ตายแน่ๆ หายใจไม่ออกนะ จุกไปหมดทั้งในอกในช่องท้อง

ไอ้หมอจึงต้องปล่อยเกี๋ยมซุบ(ซุบเค็มๆ)ฝ่าอากาศไป ใส่ปากไอ้คนไล่ก้าทืบ
มันคงได้รสชาด หร่อยเหาะ จึงหยุดก้าทืบ หันมาจิบไอ้ซุบเค็มๆที่หมอส่งมาให้
แล้วไอ้หมอก็ส่งโฮ้วกวงเป็นแสงสีเสียงอันสุดแสนพิศดาร ดังงานคอนเสริทลูกทุ่งบวกสตริง ไปให้มันดู
โอ้โฮ้ มันชอบใจเลยหยุดกระทืบ นั่งดูคอนเสริท เพลินไป

ไอ้คนไข้ก็เลย ได้หอบหายใจ ได้หลับได้นอนกัน

แต่งานนี้สงสารไอ้หมอมันวะ
โดนโทรปลุกตอนตีหนึ่งตีสอง ครั้งสองครั้ง คงพอทน แต่นี่อีเล่นปลุกติดต่อกันซะหลายคืน
ไอ้หมอเลยถูกเจ้าแม่(ประจำบ้าน)เหยียบยอดอกเอา ฐานเป็นตัวการให้เจ้าแม่ตื่น(เต้ล) นอนไม่หลับ

นี่คือเหตุที่ไอ้หมอมันกลัวมั๊กม๊าก กลัวโดนกระทืบยอดอกแทนคนไข้นะ

 

อ. อานนั้นคนละเคส กะ หนูนะนั่นอ่ะ ไม่ใช่เรานะเราไม่เคยโทรไปตีหนึ่งตีสองเด้อ แหมแหม ใครจะปล่อยให้อาจารย์ โดน ผบทบ ที่บ้าน เล่นงาน

 

อาจารย์อย่าลืมเตรียมยาเผื่อลูกศิษย์ด้วยนะครับ