ศูนย์รวมลูกหลานพญานาคศรีสัตตนาคราช

เขาเรียกว่า เป็นเครือข่ายการเชื่อมโยงพลังงานจากผู้เกี่ยวเนื่อง

 

แว๊ปๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

จะน้อมรับไปปฎิบัติครับผม ขอบคุณมากๆครับ จะพยามลงเรื่อยๆจนครบครับให้ทันพรุ่งนี้ครับ ยังมีรูปงานบุญที่ยังไม่ได้ลงครับ และอีกบางส่วนที่ต้องส่งเป็นแผ่นไปให้พี่ครับ.......

รูปหลวงตากำลังเทพระให้เราดูและตอบคำถามไปด้วยครับ
และยอดเงินที่รวบรวมกันได้ตั้งเยอะเชียวครับ โมทนาด้วยกันนะครับและขอบคุณที่เราส่งบุญกันมาครับ โมทนากับทุกท่านด้วยครับ

รูปอื่นเฮฮากันเสมอเมื่ออกนอกเขตวัดแต่ก็ยังสำรวมันครับ ยังยืดวิรัตศีลได้อย่างเหนียวเน้นจันครบสามวันครับ

 

ฝากเนื้อฝากตัวด้วยคับ

ขอสวัสดีท่านสมาชิกทุกท่านและทุกๆคนในนครแห่งนี้ครับ ผมเองเพิ่งจะเข้าคุยในบอร์ดครั้งแรก แต่ติดตามอ่านมาตั้งแต่เริ่มตั่งกระทู้จนถึงเดี๋ยวนี้ นครนี้ร่มเย็นดีจังคับ ชอบอ่านที่พี่น้ำใสตอบข้อความมาก อะไรที่เกี่ยวกับพญานาคนี่สนใจมาตั้งแต่เด็กๆเลยคับ ชอบฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระยานาคและปาฏิหาริย์มาก เลยอยากรบกวนท่านผู้รู้ช่วยเผยเรื่องราวแต่หนหลังของผมให้ทราบหน่อยคับ ว่าเคยมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับภพภูมินาคหรือเปล่า หรือเคยเป็นไรมาแต่ปางก่อน ขอขอบคุณล่วงหน้าคับ เพื่อว่าจะได้ปฏิบัติตนได้ถูกต้องตามท่ควรจะเป็นน่ะคับ

 

องค์หลวงพ่อฯ พูดถึงเรื่องพระพุทธเจ้าแสดง ยมกปาฏิหาริย์.... โดยคุณมหาหิน<!-- google_ad_section_end -->




<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->ทำไม เราจึงปรารถนาพุทธภูมิ กัน....

เคยฟังองค์หลวงพ่อท่านเล่ามาว่า....
ในสมัยที่พระพุทธองค์เสด็จไปจำพรรษา(3 เดือนของโลกมนุษย์ เท่ากับ ประมาณ 3.60 นาที ในชั้นดาวดึงส์) ณ ดาวดึงส์ เพื่อจากเทศน์โปรดพระพุทธมารดา พระพุทธองค์ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ เปิดโลก ทั้งเทวโลก พรหมโลก ยมโลก และมนุษย์โลก ไม่ว่ามนุษย์ และอมนุษย์ ทั้งหลาย จะเห็นพระองค์ทรงฉายฉัพพรรณรังสี 6 สี
งดงามมาก และทรงแสดงฤทธิ์

ก้าวแรกเหยียบยอดเขาพระสุเมรุ(ชั้นจาตุมการาชิกา) ก้าวที่สอง ก้าวถึงดาวดึงส์ เทวโลก ณ เวลานั้น ทุกตน ทุกตัว ทุกคน ทุกองค์ เห็นฤทธิ์ และบุญญาธิารขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะหาบุคคล ที่ไม่ตั้งความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้านั้น ไม่มีเลย แม้แต่สัตว์เล็ก สัตว์น้อย มดดำ มดแดง ต่างก็ตั้งความปรารถนา เพื่อพระโพธิญาณ ....


เป็นการหว่านเมล็ดโพธิ์ หน่อเนื้อพุทธวงศ์ เมล็ดไหนโตได้ไม่เต็มที่ เมื่อถึงเวลาอันควรก็ลาจากพุทธภูมิไป ก็มีบางเมล็ดที่แก่กล้า แกร่งพอ ที่จะเติบโตเป็นพระโพธิญาณ ก็มี ก็เป็นไปตามวิสัย และบุญบารมี อันควร....


อ่านต่อ


การพยากรณ์ นั้น เป็นวิสัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เท่านั้น….

จากตำนานพระเจ้าเลียบโลก จะเห็นได้ชัดเจนว่า การที่พระพุทธเจ้าจะตรัสพยากรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อพระโพธิสัตว์ นั้น ต้องอยู่ในข่ายที่จะพยากรณ์ได้ คือ เป็น
นิยตะโพธิสัตว์ เสียก่อน....


พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ขณะบำเพ็ญเป็นโพธิสัตว์ ได้กราบพบพระพุทธเจ้ามาทั้งสิ้น ๕๑๒,๐๒๗ พระองค์....

พึ่งจะได้รับคำพยากรณ์ จากองค์สมเด็จพระพุทธทีปังกร (นับย้อนขึ้นไป ๒๕ พระองค์)

จะเห็นว่า พระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ ที่ผ่านมา ๕๑๒,๐๐๒ พระองค์ ไม่ทรงตรัสพยากรณ์ เลย....

.........................


“นิยตโพธิสัตว์” คือ พระโพธิสัตว์ผู้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน ....คุณสมบัติเบื้องต้น หรือองค์ประกอบ ๘ ประการนั้น มีดังนี้....

๑.ความเป็นมนุษย์ คือ บุคคลผู้ตั้งจิตปรารถนาบรรลุพระโพธิญาณนั้น จะต้องดำรงภาวะเป็นมนุษย์ จะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน หรือเทวดา ความปรารถนาไม่สามารถสำเร็จได้

๒. ความถึงพร้อมด้วยเพศ คือ แม้จะเกิดเป็นมนุษย์ก็ตาม แต่ก็จำกัดเฉพาะเพศบุรุษเท่านั้น จะเป็นสตรี บัณเฑาะก์ หรืออุภโตพยัชชนก(คนสองเพศ) ความปรารถนาก็หาสำเร็จไม่ เช่นกัน

๓. เหตุ คือ มี อรหัตตูปนิสัย อันได้แก่ มีความพร้อม หรือมีศักยภาพพอที่จะสามารถบรรลุความเป็นพระอรหันต์ได้ในอัตภาพที่กำลังเป็นอยู่ หรือในขณะนั้นหากมีความปรารถนา

๔. การเห็นพระศาสดา คือ การได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง แล้วตั้งความปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้าในสำนักของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น จะตั้งความปรารถนา ณ สถานที่นอกจากนี้ เช่นโคนต้นไม้เป็นต้นย่อมไม่สำเร็จ

๕. การบรรพชา คือ การต้องครองเพศเป็นบรรพชิต หรือกำลังถือบวช เท่านั้น จะอยู่ในเพศคฤหัสถ์แล้วตั้งความปรารถนาก็ย่อมไม่สำเร็จ

๖. การสมบูรณ์ด้วยคุณ คือ ถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติ อันได้แก่การได้บรรลุอภิญญา ๕ และสมาบัติ ๘ แล้วตั้งความปรารถนา จึงจะสำเร็จได้

๗. การกระทำที่ยิ่งใหญ่ คือ การกระทำบุญอันยิ่งด้วยชีวิต อันได้แก่การได้บริจาคชีวิตถวายแด่พระพุทธเจ้า ที่เรียกว่าการกระทำอันยิ่งใหญ่

๘. ความพอใจ คือ มีฉันทะความพอใจอันใหญ่หลวง มีอุตสาหะและความพยายามที่จะบรรลุถึงพระโพธิญาณ คือ ความรักความปรารถนาที่จะบรรลุสัพพัญญุตญาณอย่างแรงกล้า แม้ว่าจะมีอุปสรรคที่ยากต่อการฝ่าฟันก็ไม่ยอมแพ้ (ขุ.ชา.อ. ๓ / ๒๔-๒๕)


.................................
“.... นักปรารถนาพุทธภูมิ จะต้องมีทั้งขันติ และโสรัจจะ
ขันติ อดทนต่อความยากลำบากทุกประการ เพื่อความสุขของปวงชน ....
โสรัจจะ แม้จะกระทบกระทั่ง ทำให้ใจตนไม่สบายเพียงใดก็ตาม ก็ทำหน้าแช่มชื่นไว้เสมอ นี่ก้าวแรกสำหรับพุทธภูมิ ....
และกำลังใจอีกส่วนหนึ่งที่จะเว้นไม่ได้นั่นคือ พระนิพพาน....”

.............
จากนั้นพระโพธิสัตว์จึงได้เริ่มตั้งปณิธานคือ ความมั่นคง แน่วแน่ ไม่เปลี่ยนแปลง หรือความมุ่งมั่นตั้งใจจริงซึ่งในฝ่ายพุทธศาสนามหายานเรียกปณิธานของพระโพธิสัตว์นี้ว่า "มหาจตุร ปณิธาน" มี ๔ ประการ คือ

๑. เราจะละกิเลสทั้งหลายให้หมดสิ้น
๒. เราจะตั้งใจศึกษาพระธรรมทั้งหลายให้เจนจบ
๓. เราจะโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลายให้สิ้น
๔. เราจะบำเพ็ญตนให้บรรลุถึงอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
(เสถียร โพธินันทะ และเลียง เสถียรสุต, ๒๕๒๙: ๑)

ปณิธานทั้ง ๔ ข้อนี้ กล่าวได้ว่าอยู่ในฐานะเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของพระโพธิสัตว์ และเปรียบเสมือนสิ่งอันเป็นเครื่องกระตุ้นความมุ่งมั่นทะเยอทะยานอันแรงกล้าในการบำเพ็ญบารมีธรรมของผู้เป็นพระโพธิสัตว์

และพระโพธิสัตว์จะต้องมีปณิธานทั้ง ๔ ข้อนี้โดยหน้าที่ของตน

ข้อที่ ๑. พระโพธิสัตว์ในฐานะผู้จะตรัสรู้สัจธรรม อยู่เหนือกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งหลายจึงต้องบำเพ็ญธรรมให้แก่กล้าอันเป็นเครื่องทำลายกิเลสทั้งหลายให้หมดสิ้นเพื่อทำให้ตนเองบริสุทธิ์หมดจด เป็นที่พึ่งแก่สรรพสัตว์ได้

ข้อที่ ๒. พระโพธิสัตว์ทั้งหลายจะต้องศึกษาธรรม คือความจริงของชีวิตให้เกิดความแจ่มแจ้งแทงตลอดให้เห็นซึ่งความจริงในธรรมชาติ จะต้องเป็นผู้ขวนขวายค้นคว้าหาความรู้จนถึงที่สุดคือความรู้ทุกอย่าง (สัพพัญญุตญาณ) อันเป็นส่วนประโยชน์ตน

ข้อที่ ๓. พระโพธิสัตว์เมื่อพัฒนาตัวเองจนถึงที่สุด กล่าวคือ เป็นผู้บรรลุพระโพธิญาณอันได้ชื่อว่า ถึงฝั่ง คือ พระนิพพานแล้ว เป็นผู้ถึงที่สุดแห่งความปรารถนาที่ได้ตั้งไว้แล้ว ก็เป็นผู้มีปัญญาความสามารถจะต้องใช้ปัญญาความสามารถนำเอาความจริงที่ได้ค้นพบนั้นไปเผยแผ่แก่มวลสัตว์ทั้งหลายผู้อยู่ในวังวนแห่งความทุกข์ ให้พบกับความสุขที่แท้จริง

ข้อที่ ๔. พระโพธิสัตว์ คือ ผู้จะได้เข้าถึงแดนพุทธภูมิ ได้แก่การตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตอย่างแน่นอนหากพระโพธิสัตว์มีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุถึงเป้าหมายนั้นอย่างไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งความปรารถนาของพระโพธิสัตว์ที่ต้องการเข้าถึงพุทธภูมิ คือการบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณนั้นเพราะต้องการช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ เพราะการช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายของพระโพธิสัตว์เป็นการช่วยเหลือที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพมากกว่าพระอรหันต์ และพระปัจเจกพระพุทธเจ้า

 

ทำไมมีกบว.เซ็นเซอร์หน้าด้วย
สงสันหน้าพี่หลวง น้องปราญ น้องน้ำใจ ไม่เหมาะกับเด็กต่ำกว่า 18+ เลยมีการเซ็นเซอร์หน้า 55555+ หน้าผมดูเรียบร้อยสุดเลยไม่เซ็นเซอร์ 555555


มีคำถามขอถามพี่ครูครับ ผมได้ตั้งจิตในเรื่องหนึ่งต่อหน้ารูปหลวงปู่ดู่ที่วัดครับ ไม่ทราบว่าท่านรับรู้แล้วหรือยัง (เพราะผมกลัวว่าสิ่งที่ผมได้รู้สึกจะเป็น อุปาทาน)

 

มาอ่านเอาตอนสวดมนต์เสร็จแล้ว แง่วๆๆๆๆ มิเป็นไรเนาะ วันนี้สวดบทจักรพรรดิ 108 จบ ไปมา 3 วัน จากที่สวดบทสวดจักรพรรดิไม่เป็น ได้ฟังจนฉ่ำใจ ตอนอยู่ที่นั่นไม่ค่อยได้สวดเลยค่ะ อาศัยทำสมาธิตอนฟังบทสวดไป กับวุ่นวายกับเวทนาที่เกิดเลยทำได้ไม่ต่อเนื่อง แถมยังเป็นเหตุให้พี่ๆน้องๆต้องเป็นกังวล ขอขมาอีกครั้งค่ะ วันนี้เลยสวดชดเชยที่ผ่านมา ตอนสวดก็พยายามน้อมใจไปเหมือนตัวเองนั่งสวดอยู่ต่อหน้าพระแก้วแดงในถ้ำค่ะ

 

อาร์ทเอ้ย แค่นั้นยังไม่เชื่อด้วยตาตัวเองอีกรึ อิอิ ฝากไว้เรียบร้อย โรงเรียนไทยแล้วเด้อ โมทนาด้วย สาธุๆๆ


.....

............................ สาเหตุที่ การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ต้องใช้เวลานานขนาดนั้น เพราะว่าการที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ ต้องศึกษาความเป็นครูให้ได้หมดครบถ้วน สิ่งใดที่ไม่รู้จะไม่มี

และที่สำคัญคืออารมณ์ของวิสัยพุทธภูมินั้น “ความคิดที่จะเข้าพระนิพพานเพียงเราคนเดียว จะไม่มี”

เพราะอารมณ์ของพระโพธิสัตว์ จะคำนึงถึงบุคคลใดก็ตาม ที่มีความทุกข์ในโลก เราจะเป็นผู้พาพวกเขาเหล่านั้น เข้าสู่พระนิพพาน



อารมณ์ของพระโพธิสัตว์ ที่พอจะเปรียบเทียบให้เห็นได้ง่าย ๆ ว่า....

ถ้าตัวเองมีข้าวอยู่หม้อหนึ่ง มีคนที่อดอยากกลุ่มหนึ่งผ่านมา และ เอ่ยปากขอข้าวนั้นเพื่อเป็นอาหารของพวกเขา

ถ้า ผู้เป็นเจ้าของข้าวหม้อนั้น เป็น ”วิสัยสาวกภูมิ” มีความสงสาร ก็จะแบ่งข้าวแก่พวกเขาเหล่านั้น แต่ต้องแบ่งในส่วนของตัวเองไว้ เพื่อตัวเองก็ต้องอิ่มไว้ก่อน จึงจะแบ่งปันให้ผู้อื่น ....


แต่ถ้าเป็น “วิสัยพุทธภูมิ” ก็จะให้ด้วยความยินดี และจะไม่หวงแม้ในส่วนของตัวเอง ถ้าพวกเขาไม่พอที่จะแบ่งปันกัน ก็ยินดีให้แม้กระทั่งในส่วนของตัวเอง(จากตัวอย่างนี้พระโพธิสัตว์ ก็จะมองว่า คนมีจำนวนหลายคน หากแบ่งไว้บ้าง ก็จะไม่พอกันกิน จึงยกให้ทั้งหมดเลย)

ถึงแม้ว่าตัวเองจะต้องอดกินข้าวมื้อนั้น ก็ยินดียิ่งเพราะอารมณ์จะคิดว่า เมื่อทำให้ผู้อื่นมีความสุข ตัวเองก็มีความสุขเช่นกัน(คนอื่นอิ่ม ตัวเองอด แต่ก็มีความยินดียิ่ง)

 

ง่วงแล้วครับ จะมาต่อวันพรุ่งนี้

รูปแรก
ช่วยหลวงตาร้อยประคำ หลังจากสวนมนต์หกโมงเช้าเสร็จก็ออกรับประทานอาหารเช้าร้ายอาจารย์กบด้านนอกวัด ได้ทานอาหารเมนูใหม่ๆรวมถึงอาหารมังสะของผมก็อร่อยไม่แพ้ที่ไหนที่ผมเคยทานเลย ทานให้พอิ่ม คุยกันพอสนุก ก็ออกเดินย่อยอาหารเหมือนเคย เดินดูวิถีชาวบ้านระแวกนั้น ระหว่างทงก็สร้างกำลังใจฉันพี่น้องเหมือนเคย คุยกันแหย่กันเล่นเป็น กำนันท้องและสาวท้องแกไปตลอดทาง ให้ชาวบ้านได้มองแปลกๆและขำได้เป็นระยะๆ (ยังไม่หลุดวิรัยศีลและคำภาวนานะครับ อย่าเพิ่งแอบนึกว่าไม่สำรวม อิอิ แค่ดึงกำลังใจกันไปมาครับ รวมถึงการวิเคราะห์คำพูดของเหล่าครูบาอาจารย์ต่างๆที่ได้สอนมา ว่าแต่ละคนคิดยังไงเพราะเป็นปริศนาธรรม)
รูปที่สองเป็นเช้าวันที่สาม ได้มีโอกาศไปช่วยจัดการ รับแยกและถวายอาหารที่โรงฉันท์ ได้ช่วยเหลืองานทุกรูปแบบซึ้งเป็นการเรียนรู้วิถีปฎิบัติกับพระเจ้าได้เป็นอย่างดี ได้เห็นอาหารแปลกๆหลายๆอย่างที่ไม่เคยได้เห็น พวกเราและอาจารย์นิ ได้คอยรับใช้โรงฉันท์ทั้งยกของเก็บ ของที่ชาสบ้านนำมาถวาย ปดกวาดเช็ดถู ล้างจาน มากมายตามรูปเพื่อให้ได้โมทนากันกันช่วงเวลาปิติสั้นๆครับ ได้มีโอกาศสนธนากับครูบานัทและครูบาอีกท่านที่เรียกเราไปคุยก่อนฉันท์ เรียกเรากับอาร์ทว่า พ่อนักรบท้งสอง (แรกๆฟังก็สะดุ้งครับ สงสัยสัญญาเดิมมันออกเด่นไป ฮา) ครูบาอีกท่าน ผมจำนามท่านไม่ได้ ท่านได้ เชิญ (ช้อน) ขึ้นไปสนทธาที่หลุบเหลาและจิบกาแฟเพราะท่านมีเรื่องจะคุย ผมรับปากจะพาน้องๆไปแต่หลังจากช่วยงนครูบาอภฺนันและกิจอบรมจิตอื่นๆสร็จ แต่แล้วก็ไม่ได้ไปเพราะกิจอื่นๆ ยาวเหยียดมีมาให้เราได้ร่วมช่วยงานมากมายสบายใจครับ
หลังจากที่รอลุ้นว่าจะได้ขึ้นไปคุยกับท่านหรือไม่ก็ได้ไปนั่งกรรมฐานถ้ำเย็น ได้ทราบว่ามีหินก้อนใหญ่ร่วงลงมาจนหลังคาและกระเบี้ยงพังเลยดีทีเดียว เศษหินและขี้ดินและน้ำนองเต็มพื้นเลยร่วมช่วยกันกวาดถู โดยน้องใจเป็นคนนำอย่างขยัน พอพื้นเริ่มแห้งผมถึงได้ทราบว่า ครูบาหลายๆท่านจะมาสวดปาติโมกข์เข้าพรรษาอีกไม่ กี่ ชม ณ ที่ๆเราได้ถูไว้รอท่าน โมทนากันด้วยครับ เป็นบุญอย่างยิ่ง สาธุๆๆ

รูปอื่นๆ ก็ตามคำกล่าวของครูบา รวมถึงพี่ครูที่คอยสดส่องเรา (ไม่เห็นตาแดงสักองค์ครับฮา) ได้ถูกเชิญได้กำนหดจิตและเคารพสัพะสิ่งทุกท่านที่กำลังบำเพ็ญในถ้ำซีกขวาซึ้งเป็นบริเวณที่พักของแม่ชีหลายๆท่านครับ ได้แนะนำให้ไปกราบและกำหนดจิต ไปปัดกวาดเช็ดถูในถ้ำซฮกต่างๆที่ เป็นที่บำเพ็ญของพระครูบา โดยมีร่องรอยปริศนามากมายรวมถึงพลังงานอันเมตตาของสัพะสิ่ง ที่ได้ ถ้ำรูปใหญ่เป็นขดวงกลมไว้เพราะเป็นที่พักกรรมฐานของพระที่มากรรมฐานค้างในถ้ำถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชาแก่ผู้ที่มาปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ (เนื่องจากไม่ใช้ที่ท่องเที่ยว ไม่สามารถจถ่ายรูปได้ครับ ขอเก็บส่วนนี้ไว้แค่ในความทรงจำครับ) หลังปัดกวาดก็ได้กำหนดจิตอธิฐานและสมาธิสั้นๆฝากกระแสและร่วมโมทนาไว้ครับ เพราะเป็นวัดพระใหญ่ เราได้เจอแม่ผู้มีพระคุณ แม่ผู้มาตามสัญญาเก่า แม่ผู้รู้ถึงซึ้งวาระของลูกทั้งสี่ ได้แนะนำและจัดแจงให้ลูกได้ปฎิบัติ มีความคล่องตัวและอธิษฐานจิตให้เราในทุกๆเรื่อง เพื่อให้ลูกๆได้ไขธรรมข้อต่อๆไป ในกราปฎิบัติให้ก้าวหน้า แม่สอนเราในหลายๆเรื่อง เรากราบขอขมากรรมแม่แนลงแทบเท้าหากเคยประมาทในวาระใดก็ตาม ในอดีตจนปัจจุบัน แม่ให้พรเรา ให้เราได้มรรคผลามที่ต้งใจและสอนเราให้คอยเบิกบุญแผ่ให่ทุกดวงจิตเสมอ ท่านคอยดูเราอยู่ทุกอย่างที่เราทำ ทุกอย่างที่เราจะต้องเจอและได้รับ ท่านคอยเมตตาเรา เราเลยนึกได้ท่านก็คือหลวงปู่นี่เองครับ กราบน้อบถวายกายและจิตแด่ท่าน เพื่อการมรรคผล เจริญในสิ่งที่หวังไว้โดยไม่ยึดติดกับอดีตใดๆ ให้รู้แล้วเป็นตัชี้นำทางและวาง ลูกกราบหลวงปู่ด้วยกายวาจาใจอย่างสุดซึ้งไม่มีประมาณ
หากท่านใครได้ไปคงจะทราบกันดี นอกจากหลวงตาม้าทีเมตตาเราด้วยสายตาที่ท่านมองเราแล้ว ยังมีพลังงานบริสุทธิที่เข้มข้นอย่างเหลือประมาณ ทั้งจากหลวงปู่และเทพพรหมเทวาที่บำเพ็ญบารมีอยู่ ณ ที่แห่งน้ อย่างมากล้น จนไม่มีประมาณ
เราทำดี คิดสิ่งใดที่เป็นการช่วยเหลือก็ได้ดั้งใจ ป็นปัจจัตตังครับ การน้อมพลังงานมาช่วยอะไรซํกอย่างขณะที่เราปฎิบัติในวัด หากมไใช้กรรมทางโลกจนเกินไป ขออะไรก็คล่องก็ง่ายไปหมดครับ ลองดูนะครับ
ผมหวังวาการที่พวกผมได้ไปและลงรูป(บางส่วนไม่สามารถลงได้จริงๆครับ เนื่องจากผมและน้องๆก็ต้องปฎิบัติ สำรวมกันตลอดเลยจะมีแต่รูปเฮฮาเวลาออกไปเดินพักผ่อนเสียมากกว่าครับ ช่วงสวดมนต์ หรือกรรมฐาน ณ ที่ใดก็ตาม ผมไม่สามารถถ่ายมาให้ชมได้ครับ) อยากจะเห็นด้วยตา อยากจะทราบทั้งหมดต้องหาเวลาไปกราบท่านและปฎิบัติให้ได้ครับ ครูบากล่าวไว้ นิ่งๆไว้นิ่งๆ เดี๋ยวจะดีเองครับ
กราลงรูปไม่มีเจตตนาใดๆในการอวดอ้างสรรพสิ่ง ทุกอย่างล้วนเป็นปัจจัตตังหมู่ของชาวคณะ นำมาให้พี่น้องเราได้โมทนากันกับบุญเล้ฏๆแต่ใหญ่มาครับ หากดูแล้วไม่สบายใจก็ขออภัยมาด้วยนะครับ คืนก่อนกลับเราได้กราบขอขมาถวายดอกไม้ธูปเทียนแพต่อพระรัตนไตรในถ้ำครับ ขอขมาด้วยใจน้ำตาเอ้อล้นด้วยกายวาจาใจที่ลูกประมาทพลาดไป
ขอโมทนากับทุกท่านที่คอยติดตามอ่านดูรูปครับ หากมีเรื่องราวมากมาย สาวปราญจะมาเล่าให้ฟังสนุกๆเมื่อเธอหายดีครับ

 

อยากรู้ว่าเป็นลูกหลานพญานาคกับเค้าด้วยหรือเปล่า ใครจะช่วยตอบได้บ้างคะ ถามคุณน้ำใสก็งดตอบช่วงเข้าพรรษา คงต้องรอให้ออกพรรษาก่อนถึงจะได้คำตอบ หรือว่ายังไม่ถึงเวลาที่ควรจะรู้มั้งคะ แต่ก็รู้สึกผูกพันกับเรื่องพญานาคมาก ๆ เลยล่ะ ขอเป็นสมาชิกเรื่องพญานาคด้วยคนนะคะ

 

พี่หลวงคับ แผ่น dvd+ไลท์บทสวดพระ สำหรับแจก ผมเช็คแล้ว เขาคิด 12 บาทคับพี่ ใครหาได้ถูกกว่านี้มั้ย
ในจำนวนหลักร้อยนะ

 

น่าจะเคยเป็นกันมาแล้วทั้งนั้นแหละครับ ไม่ใช่เรื่องแปลก นิ่งๆไว้ก่อนก็ดีครับ (จะได้ไม่เหนื่อย เหมือนผม และคนอื่นๆ)พอทำเฉยๆ เดี๋ยวคำตอบก็จะมา ผมเคยวิ่งวุ่นวายค้นหาคำตอบจนเหนื่อย สุดท้าย คำตอบก็ออกมาเอง ตอนที่เลิกหาแล้ว อิอิ

โชคดี คุณพระคุ้มครองครับ

 

ตื่นเช้ากันจัง คนไม่ต้องทำงาน อิอิ

 

ใครบอกล่ะพี่ครู มาทำงานเช้ามากต่างหากครับ

 

สมัยแรกๆรู้สึกว่าตัวเอง เป็นคนที่สมองช้ามาก คิดช้า ไปๆมาๆเห็นข้อดีของการคิดช้า คือ เวลาเห็นนิมิตนี่ หายห่วงได้ ว่าจะคิดหรือจินตนาการไปเอง เพราะบางทีภาพนิมิตมีความละเอียดสูงมาก คือ ความคิดของเรานั้นคงไม่สามารถสร้างภาพที่มีความละเอียดได้มากมายขนาดนั้น ความละเอียดคือเนื้อหา เช่น สมมมติเราได้เห็นภาพวิมาน เราคงไม่สามารถจินตนาการรอยฉลุ หรือภาพต่างๆที่เป็นปะติมากรรมได้ ดังนั้นถ้าเราวางใจให้เป็นอุเบกขา ก่อนจะถามพระ เรามักจะได้รับคำตอบที่ไม่ใช่อุปทาน ถ้าสังเกตดูจะรู้ว่าครูอาจารย์ท่านมักจะให้เราสามารถพิสูจน์เรื่องที่เราเห็นได้จากหลักฐานที่มีอยู่ในโลกจริง เพราะท่านก็รู้ว่าลูกหลานคือนักวิทยาศาสตร์ ท่านจึงให้เราได้เจอหลักฐานที่พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ด้วย เช่น นิมิตเห็นพระรูปหนึ่ง พอได้มาเจอรูปถ่าย รูปถ่ายก็เหมือนในนิมิต ที่รู้ว่าเหมือนเช่นไม้เท้า ไม้เท้ารูปม้าสีหมอก อิอิ อย่างนี้เป็นต้น ดังนั้นอย่ากลัวเรื่องอุปาทาน แต่อย่าหลงอย่าติดในนิมิต ขอย้ำว่าพี่ครูอยากให้น้องๆ ไม่เครียดกับอดีต ถ้าเรารู้มันก็คือหายข้องใจในเบื้องต้น จะได้ไม่ไปเสียเวลา เพราะติดขัดในคำถามที่ไม่ค่อยมีสาระ

 

ในสายของพญาศรีสัตตนาคราชนั้น เรามีหน้าที่ ที่ได้รับบัญชาจากพระอินทร์ เรื่องที่ได้รับมอบหมายก็คือการช่วยเหลือคน ให้พ้นจากกรรม กรรมจากภัยธรรมชาติ ก่อนอื่นเราต้องช่วยให้คนมีกำลังบุญ ดังนั้นการเผยแพร่บทพระจักรพรรดิ จะทำให้คนมีกำลังบุญ เป็นหลักสูตรของอภิญญา ที่เรียกว่า บุญฤทธิ์ ยุคนี้เป็นยุคบุญฤทธิ์แล้ว ฤทธิ์ที่เกิดจากการทำบุญ การทำบุญที่สะสมมาแต่อดีต บวกกับปัจจุบัน จนเกิดเป็นพุทธคุณ อันมีพระศรีอาริยเมตรไตรย หลวงปู่ทวดหลวงปู่ดู่เป็นที่สุด พระธรรมคุณ คำสอนของครูอาจารย์ ท่านสอนให้เรามีความเมตตา เพราะถ้าพิจารณาให้ดี เมื่อเราได้สวดมนต์เราจะมีพรหมวิหาร4 เกิดขึ้น และสังฆคุณ จากครูอาจารย์ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นอย่าลืมขยันสวดมนต์ ถ้าไม่สะดวกจะสวดเนื่องจากมีอุปสรรคก็ขอให้ระลึกถึงภาพของหลวงปู่ให้ได้

 

สวัสดีครับพี่ครู มาเช้าจัง 55555+

 

ตอนนี้ขณะนี้เราเป็นมนุษย์ ซึ่งดำรงตนเป็นพระ บางท่านเป็นพระโพธิสัตว์ บางท่านทรงอารมณ์พระอริยเจ้าอยู่ ความเป็นนาค พ้นไปแล้ว แค่เตือนให้รู้ ว่าเรามีหน้าที่อะไร อิอิ ใครที่ชอบถามว่าเกี่ยวข้องกับนาคไหน ถ้าได้เข้ามาในกระทู้นี้ แล้วรู้สึกชอบ รู้สึกคุ้นเคยในคำพูดก็ตาม ในจริตของแต่ละบุคคลก็ตาม แสดงว่าเคยเป็นนาค ที่ใกล้ชิดกันมาแน่นอน สัจธรรมคือ คนเราส่วนมาก เมื่อได้เกิดเป็นคนย่อมเคยเกิดเป็นนาคกันมาแล้ว แต่จะเป็นนาคชั้นสูงหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อิอิ นาคชั้นสูงที่หมายถึงหมายถึงนาคผู้มีศีล นะจ๊ะ จุ๊บๆ

 

ต้องรีบมาตอบคำถาม อิอิ

 

ขอบคุณคราบพี่ครูมี่มาตอบให้ครับ