พระอภิธรรมปิฎก อ่านออกเสียงยาก เชิญสมาชิกสอบถามคำอ่านได้ที่นี่

ในห้อง 'พระไตรปิฎก เสียงอ่าน' ตั้งกระทู้โดย ผ่อนคลาย, 4 กุมภาพันธ์ 2007.

  1. Kob

    Kob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    6,161
    ค่าพลัง:
    +19,894
    [๙๐] เนวทัสสนนภาวนาปหาตัพพธรรม เนวทัสสนนภาวนา-
    *ปหาตัพพเหตุกธรรม เนวาจยคามีนาปจยคามีธรรม เนวเสกขานาเสกข-
    *ธรรม ยกเว้นอสังขตะออกจากขันธ์ สงเคราะห์ได้ด้วยขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒
    ธาตุ ๑๘ สงเคราะห์ไม่ได้ด้วยขันธ์ อายตนะ ธาตุ เท่าไร? ไม่มีขันธ์ อายตนะ
    ธาตุ อะไรๆ ที่สงเคราะห์ไม่ได้

    [๙๗] อุปปันนธรรม สงเคราะห์ได้ด้วยขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒
    ธาตุ ๑๘. สงเคราะห์ไม่ได้ด้วยขันธ์ อายตนะ ธาตุ เท่าไร? ไม่มีขันธ์
    อายตนะ ธาตุ อะไรๆ ที่สงเคราะห์ไม่ได้
    [๙๘] อนุปปันนธรรม สงเคราะห์ได้ด้วยขันธ์ ๕ อายตนะ ๗ ธาตุ ๘.
    สงเคราะห์ไม่ได้ด้วยขันธ์ อายตนะ ธาตุ เท่าไร? ไม่มีขันธ์ อะไรๆ ที่สงเคราะห์
    ไม่ได้ สงเคราะห์ไม่ได้ด้วยอายตนะ ๕ ธาตุ ๑๐
    [๙๙] อุปปาทีธรรม สงเคราะห์ได้ด้วยขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๑ ธาตุ ๑๗.
    สงเคราะห์ไม่ได้ด้วยขันธ์ อายตนะ ธาตุ เท่าไร? ไม่มีขันธ์ อะไรๆ ที่
    สงเคราะห์ไม่ได้ สงเคราะห์ไม่ได้ด้วยอายตนะ ๑ ธาตุ ๑


    เนวทัสสนนภาวนาปหาตัพพธรรม อ่านว่า เน วะ ทัด สะ นะ นะ พาว วะ นา ปะ หา ตับ พะ ทำ
    เนวทัสสนนภาวนาปหาตัพพเหตุกธรรม อ่านว่า เน วะ ทัด สะ นะ นะ พาว วะ นา ปะ หา ตับ พะ เห ตุ กะ ทำ
    เนวาจยคามีนาปจยคามีธรรม อ่านว่า เน วา จะ ยะ คา มี นา ปะ จะ ยะ คา มี ทำ
    เนวเสกขานาเสกขธรรม อ่านว่า เน วะ เสก ขา นา เสก ขะ ทำ
    อุปปันนธรรม อ่านว่า อุบ ปัน นะ ทำ
    อนุปปันนธรรม อ่านว่า อะ นุบ ปัน นะ ทำ
    อุปปาทีธรรม อ่านว่า อุบ ปา ที ทำ

    กลัวอ่านผิดๆๆ รบกวนพี่ผ่อนค่ะ

    ไม่เป็นไรมีอะไรถามมาได้จ้ะ บอกพวก ๆ ด้วยนะ จะได้ไม่พลาดจ้ะ

    อนุโมทนาจ้ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 กรกฎาคม 2010
  2. Kob

    Kob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    6,161
    ค่าพลัง:
    +19,894
    [๑๒๐] เกนจิวิญเญยยธรรม เกนจินวิญเญยยธรรม ยกเว้นอสังขตะ
    ออกจากขันธ์ สงเคราะห์ได้ด้วยขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘. สงเคราะห์
    ไม่ได้ด้วยขันธ์ อายตนะ ธาตุเท่าไร? ไม่มีขันธ์ อายตนะ ธาตุ อะไรๆ ที่
    สงเคราะห์ไม่ได้

    เกนจิวิญเญยยธรรม อ่านว่า เก นะ จิ วิน ไย ยะ ทำ // เก นะ จิ วิน เยย ยะ ทำ ก็ได้
    เกนจินวิญเญยยธรรม อ่านว่า เก นะ จิ นะ วิน ไย ยะ ทำ

    อนุโมทนาจ้ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 กรกฎาคม 2010
  3. Siranya

    Siranya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,051
    ค่าพลัง:
    +9,004
    พี่ผ่อน...ตื่นๆๆๆค่ะ มาตอบคำถามด้วย..พี่ชายเราสงสัย ปั่นงานอยู่แน่ๆ ตอนนี้เร่งงานด่วนมากจ้ะ แต่จะมาเมียง ๆ ว่าใครถามไว้และหาเวลาเร่งด่วนตอบให้จ้ะ


    <CENTER>
    </CENTER>​


    ๑. ทุกขสัจจะ// ทุก ขะ สัด จะ
    ๒. สมุทยสัจจะ// สะ หมุ ทะ ยะ สัด จะ
    ๓. นิโรธสัจจะ// นิ โรด ทะ สัด จะ
    ๔. มัคคสัจจะ// มัก คะ สัด จะ
    สัจจยมก// สัด จะ ยะ มก
    ปัณณัตติวาร// ปัน นัด ติ วา ระ

    ขอบพระคุณเจ้าค่ะ

    อนุโมทนาจ้ะ


    </PRE>

    <CENTER>

    </CENTER>
    </PRE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 กรกฎาคม 2010
  4. Kob

    Kob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    6,161
    ค่าพลัง:
    +19,894
    <CENTER>สัปปฏิฆทุกะ


    </CENTER><CENTER>ปฏิจจวาร
    </CENTER>[๒๒๐] สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
    คือ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม มหาภูตรูป
    ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม
    มหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม
    จักขายตนะ รสายตนะ อาศัย โผฏฐัพพายตนะ
    อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
    คือ อาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม
    จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาโปธาตุ
    อิตถินทรีย์ กวฬิงการาหาร อาศัยโผฏฐัพพายตนะ
    สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น
    เพราะเหตุปัจจัย
    คือ มหาภูตรูป ๒ และอาโปธาตุ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็น
    สัปปฏิฆธรรม มหาภูตรูป ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็น
    อุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย
    ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม
    จักขายตนะ รสายตนะ อาโปธาตุ อิตถินทรีย์ กวฬิงการาหาร
    อาศัยโผฏฐัพพายตนะ
    อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
    คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัย
    ขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ
    ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย
    หทัยวัตถุ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม
    อาศัยอาโปธาตุ อิตถินทรีย์ กวฬิงการาหาร อาศัยอาโปธาตุ
    สัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
    คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลาย
    ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม
    ในปฏิสนธิขณะ มหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัย
    อาโปธาตุ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม
    อาศัยอาโปธาตุ
    จักขายตนะ โผฏฐัพพายตนะ อาศัยอาโปธาตุ
    สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น
    เพราะเหตุปัจจัย
    คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และ
    อัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ
    ในปฏิสนธิขณะ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็น
    สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ
    จักขายตนะ โผฏฐัพพายตนะ อิตถินทรีย์ กวฬิงการาหาร อาศัย
    อาโปธาตุ
    สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น
    เพราะเหตุปัจจัย
    คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น
    สัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย
    ในปฏิสนธิขณะ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่เป็นสัปปฏิฆ-
    *ธรรม และอาโปธาตุ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูปที่เป็นสัปปฏิฆธรรม
    อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอาโปธาตุ
    จักขายตนะ รสายตนะ อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ
    อัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ
    เหตุปัจจัย
    คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็น
    สัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย
    ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลาย
    ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป
    ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ
    อิตถินทรีย์ กวฬิงการาหาร อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ
    สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆ-
    *ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
    คือ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัย
    ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย
    ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม
    อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย จิตตสมุฏ-
    *ฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม
    อาศัยโผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ
    จักขายตนะ รสายตนะ อิตถินทรีย์ กวฬิงการาหาร อาศัย
    โผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ

    [

    [๒๒๔] ในเหตุปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๙
    ในอารัมมณปัจจัย มี " ๑
    ในอธิปติปัจจัย มี " ๙
    ในอนันตรปัจจัย มี " ๑
    ในสมนันตรปัจจัย มี " ๑
    ในสหชาตปัจจัย มี " ๙
    ในอัญญมัญญปัจจัย มี " ๖
    ในนิสสยปัจจัย มี " ๙
    ในอุปนิสสยปัจจัย มี " ๑
    ในปุเรชาตปัจจัย มี " ๑
    ในอาเสวนปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๑
    ในกัมมปัจจัย มี " ๙
    ในวิปากปัจจัย มี " ๙
    ในอาหารปัจจัย มี " ๙
    ในอินทริยปัจจัย มี " ๙
    ในฌานปัจจัย มี " ๙
    ในมัคคปัจจัย มี " ๙
    ในสัมปยุตตปัจจัย มี " ๑
    ในวิปปยุตตปัจจัย มี " ๙
    ในอัตถิปัจจัย มี " ๙
    ในนัตถิปัจจัย มี " ๑
    ในวิคตปัจจัย มี " ๑
    ในอวิคตปัจจัย มี " ๙



    <CENTER>อนุโลม จบ
    </CENTER>[๒๒๕] สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะ
    เหตุปัจจัย มี ๓ นัย
    อัปปฏิฆธรรม อาศัยอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
    คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม อาศัยขันธ์ ๑
    ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ขันธ์ ๒ ฯลฯ
    ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย
    อาศัยหทัยวัตถุ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็นอัปปฏิฆ-
    *ธรรม อาศัยอาโปธาตุ อิตถินทรีย์ กวฬิงการาหาร อาศัยอาโปธาตุ พาหิรรูป
    ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ
    ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป ที่เป็น
    อัปปฏิฆธรรม อาศัยอาโปธาตุ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วย
    อุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
    อัปปฏิฆมูลกะนัย พึงกระทำหัวข้อปัจจัย ๒ แม้นอกนี้ แม้ในปัจจัย
    สงเคราะห์ ก็พึงกระทำหัวข้อปัจจัย ๓ อัชฌัตติกและพาหิรมหาภูตรูปทั้งหมด
    ผู้มีปัญญารู้แล้ว พึงกระทำ
    [๒๒๖] สัปปฏิฆธรรม อาศัยสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะ
    อารัมมณปัจจัย ฯลฯ
    ฯลฯ ไม่ใช่เพราะวิคตปัจจัย
    [๒๒๗] ในปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่อนันตรปัจจัย มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่สมนันตรปัจจัย มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัญญมัญญปัจจัย มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่อุปนิสสยปัจจัย มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปุเรชาตปัจจัย มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปัจฉาชาตปัจจัย มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาเสวนปัจจัย มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่กัมมปัจจัย มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปากปัจจัย มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาหารปัจจัย มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่อินทริยปัจจัย มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่ฌานปัจจัย มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่มัคคปัจจัย มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย มี " ๙



    <CENTER>ปัจจนียะ จบ
    </CENTER>[๒๒๘] ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย
    กับเหตุปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย
    กับ ฯลฯ มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่อนันตรปัจจัย
    กับ ฯลฯ มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่สมนันตรปัจจัย
    กับ ฯลฯ มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัญญมัญญปัจจัย
    กับ ฯลฯ มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่อุปนิสสยปัจจัย
    กับ ฯลฯ มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปุเรชาตปัจจัย
    กับ ฯลฯ มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปัจฉาชาตปัจจัย
    กับ ฯลฯ มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาเสวนปัจจัย
    กับ ฯลฯ มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่กัมมปัจจัย
    กับ ฯลฯ มี " ๑
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปากปัจจัย
    กับ ฯลฯ มีหัวข้อปัจจัย ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย
    กับ ฯลฯ มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย
    กับ ฯลฯ มี " ๑
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย
    กับ ฯลฯ มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย
    กับ ฯลฯ มี " ๙



    <CENTER>อนุโลมปัจจนียะ จบ
    </CENTER>[๒๒๙] ในอารัมมณปัจจัย
    กับปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๑
    ในอนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑
    ในสมนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑
    ในสหชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑
    ในอัญญมัญญปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๖
    ในนิสสยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๙
    ในอุปนิสสยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑
    ในปุเรชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑
    ในอาเสวนปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑
    ในกัมมปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๙ ฯลฯ
    ในมัคคปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑
    ในสัมปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มีหัวข้อปัจจัย ๑
    ในวิปปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๙
    ในอัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๙
    ในนัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑
    ในวิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑
    ในอวิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๙


    <CENTER>ปัจจนียานุโลม จบ


    </CENTER><CENTER>แม้สหชาตวาร ก็เหมือนกับ ปฏิจจวาร
    </CENTER>คำถาม

    สัปปฏิฆทุกะ อ่านว่า สับ ปะ ติ คะ ทุ กะ
    ปฏิจจวาร อ่านว่า ปะ ติด จะ วา ระ
    สัปปฏิฆธรรม อ่านว่า สับ ปะ ติ คะ ทำ
    มหาภูตรูป อ่านว่า มะ หา พู ตะ รูบ
    จิตตสมุฏฐานรูป อ่านว่า จิด ตะ สะ มุด ถา นะ รูบ
    กฏัตตารูป อ่านว่า กะ ตัด ตา รูบ
    อุปาทารูป อ่านว่า อุ ปา ทา รูบ
    อารัมมณปัจจัย อ่านว่า อา รำ มะ นะ ปัด ไจ
    อธิปติปัจจัย อ่านว่า อะ ทิ ปะ ติ ปัด ไจ
    อนันตรปัจจัย อ่านว่า อะ นัน ตะ ระ ปัด ไจ
    สมนันตรปัจจัย อ่านว่า สะ มะ นัน ตะ ระ ปัด ไจ
    สหชาตปัจจัย อ่านว่า สะ หะ ชา ตะ ปัด ไจ
    อัญญมัญญปัจจัย อ่านว่า อัน ยะ มัน ยะ ปัด ไจ
    นิสสยปัจจัย อ่านว่า นิด สะ ยะ ปัด ไจ
    อุปนิสสยปัจจัย อ่านว่า อุ ปะ นิด สะ ยะ ปัด ไจ
    ปุเรชาตปัจจัย อ่านว่า ปุ เร ชา ตะ ปัด ไจ
    อาเสวนปัจจัย อ่านว่า อา เส วะ นะ ปัด ไจ
    กัมมปัจจัย อ่านว่า กำ มะ ปัด ไจ
    วิปากปัจจัย อ่านว่า วิ ปา กะ ปัด ไจ
    อาหารปัจจัย อ่านว่า อา หา ระ ปัด ไจ
    อินทริยปัจจัย อ่านว่า อิน ซี ยะ ปัด ไจ ไม่ถูกจ้ะ ต้อง อิน ทะ ริ ยะ ปัด ไจ
    ฌานปัจจัย อ่านว่า ชาน นะ ปัด ไจ ชา นะ ปัด ไจ
    มัคคปัจจัย อ่านว่า มัก คะ ปัด ไจ
    สัมปยุตตปัจจัย อ่านว่า สำ ปะ ยุด ตะ ปัด ไจ
    วิปปยุตตปัจจัย อ่านว่า วิบ ปะ ยุด ตะ ปัด ไจ
    อัตถิปัจจัย อ่านว่า อัด ถิ ปัด ไจ
    นัตถิปัจจัย อ่านว่า นัด ถิ ปัด ไจ
    วิคตปัจจัย อ่านว่า วิ คะ ตะ ปัด ไจ
    อวิคตปัจจัย อ่านว่า อะ วิ คะ ตะ ปัด ไจ
    ปัจจนียานุโลม อ่านว่า ปัด จะ นี ยา นุ โลม
    สหชาตวาร อ่านว่า สะ หะ ขา ตะ วา ระ



    :boo::boo::boo:

    อนุโมทนาจ้ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กรกฎาคม 2010
  5. Kob

    Kob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    6,161
    ค่าพลัง:
    +19,894
    ขณิกาปีติ อ่านว่า ขะ นิ กา ปี ติ
    ขุททกาปีติ อ่านว่า ขุด ทะ กา ปี ติ
    โอกกันติกาปีติ อ่านว่า โอก กัน ติ กา ปี ติ
    อุเพงคาปีติ อ่านว่า อุ เพง คา ปี ติ
    ผรณาปีติ อ่านว่า ผะ ระ นา ปี ติ

    พี่ผ่อนข่วยเติมคำอ่านให้ด้วยค่ะ

    อนุโมทนาจ้ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 กรกฎาคม 2010
  6. Siranya

    Siranya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,051
    ค่าพลัง:
    +9,004
    ถามๆๆๆต่อค่ะพี่ผ่อน...อยู่หรือป่าวหนอ... จ้า

    อุทเทสวาร// อุด เทด สะ วา ระ

    ทุกขสัจ// ทุก ขะ สัด
    สมุทยสัจ// สะ หมุ ทะ ยะ สัด
    นิโรธ คือนิโรธสัจหรือ นิโรธสัจ คือนิโรธหรือ.// นิ โรด คือ นิ โรด ทะ สัจ หรือ นิ โรด ทะ สัด คือ นิ โรด หรือ
    มัคคสัจหรือ มัคคสัจ// มัก คะ สัด หรือ มัก คะ สัจ
    ม่ใช่ทุกขสัจหรือ.// ไม่ ใช่ ทุก ขะ สัด หรือ

    อนุโมทนาจ้ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กรกฎาคม 2010
  7. Siranya

    Siranya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,051
    ค่าพลัง:
    +9,004
    พี่ผ่อน...ถามต่อค่ะ ไม่ว่าหมาน้อยนะ เพราะได้พักแล้วค่ะ..ยังอยู่มั๊ยหนอพี่ชายเรา..สงสัยหลับไปแล่ว ... แล้วพักผ่อนให้ครบ 7 ช.ม.นะ มีร่างกายต้องดูแลให้ดี เป็นการให้รางวัลแก่ตนเอง

    นิทเทสวาร// อ่านว่า นิด เท สะ วา ระ
    ปทโสธนวาร// ปะ ทะ โส ทะ นะ วา ระ
    ปทโสธนมูลจักกวาร// อ่านว่า ปะ ทะ โส ทะ นะ มู ละ จัก กะ วา ระ
    สุทธสัจจวาร//อ่านว่า สุด ทะ สัด จะ วา ระ
    สุทธสัจจมูลจักกวาร//อ่านว่า สุด ทะ สัด จะ มู ละ จัก กะ วา ระ
    ถูกหรือป่าวค่ะ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ

    ขอบพระคุณเจ้าค่ะ
    ;41

    อนุโมทนาจ้ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 กรกฎาคม 2010
  8. หนูแอ้

    หนูแอ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +627
    พี่ผ่อนคะ คือหนูแอ้ฟังเสียงใน link นี้ไม่ได้อ่ะคะคือเป็นทุกlink เลยนะคะ
    แบบนี้หนูแอ้ต้องโหลดโปรแกรมอะไรมาคะ คือถ้าจะฟังหนูต้องโหลดมาไว้ในเครื่องอ่ะคะ
    ทดลองอ่าน พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๔ พระอภิธรรมเล่ม ๑ - Buddhism Audio

    แปลกนะ พี่ฟังได้จ้ะ เครื่องพี่มีโปรแกรม Windows Media Player จ้ะ

    หากเครื่องน้องไม่มีก็โหลดและติดตั้งนะ

    ดาวน์โหลด Windows Media Player 11 for Windows XP

    แต่เอ งง ๆ ว่า กระทู้อื่น ๆ ของพระไตรปิฎกเสียงอ่านก็ฟังได้ใช่ไหม?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 กรกฎาคม 2010
  9. หนูแอ้

    หนูแอ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +627
    มี link แนะนำการอ่านพระอภิธรรมปิฎกที่ว่าอ่านตรงนี้ไม่ต้องอ่านตรงนี้ไหมคะ ตอนนี้ไม่มีจ้ะ เรายังไม่ได้ทำไว้น่ะจ้ะ หนูแอ้หาไม่เจออ่ะคะ

    ถ้าหนูแอ้ถามเยอะ .. ขออภัยด้วยนะคะ ไม่เป็นไรจ้ะ อะไรสงสัยก็ถามมาได้ไม่ต้องเกรงใจจ้ะ

    พึงผูกจักรนัย .............. แล้วที่เป็นสีน้ำเงินนี่อ่านไหมคะ อ่านจ้ะ
    เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
    คือ อโทสะ อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป
    อาศัยอโลภะ
    พึงผูกจักรนัย
    โมหะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโลภะ
    ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
    นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
    คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเหตุธรรม ฯลฯ
    ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒
    ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัย
    หทัยวัตถุ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ
    เหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
    คือ เหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นนเหตุธรรม
    ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรมทั้งหลาย อาศัยหทัยวัตถุ
    เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
    คือ ขันธ์ ๓ และเหตุธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑
    ที่เป็นนเหตุธรรม ฯลฯ ขันธ์ ๒ และเหตุธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๒
    ในปฏิสนธิขณะ เหตุธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทัยวัตถุ
    เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม และนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
    คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย
    พึงผูกจักรนัย
    โมหะ อาศัยโลภะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โมหะ อาศัยโทสะ
    ......................................................................................


    ถามคำยากคะ
    ปฏิจจวาร ปะ ดิด จะ วา ระ
    สัมปยุตตขันธ์ สำ ปะ ยุด ตะ ขัน
    จิตตสมุฏฐานรูป จิด ตะ สะ หมุด ถาน นะ รูบ
    อารัมมณปัจจัย -อา-รัม-มะ-นะ-ปัด-ใจ
    อธิปติปัจจัย -อะ-ทิ-ปะ-ติ-ปัด-ใจ
    อนันตรปัจจัย อะ-นัน-ตะ-ระ-ปัด-ใจ
    วิจิกิจฉา วิ จิ กิด ฉา
    อุทธัจจะ อุด ทัด จะ
    อุตุสมุฏฐาน อุ ตะ สุ หมุด ถาน
    พาหิรรูป พา หิ ระ รูบ
    สมนันตรปัจจัย สะ มะ นัน ตะ ระ ปัด ไจ
    อัญญมัญญปัจจัย อัน ยะ มัน ยะ ปัด ไจ
    อุปนิสสยปัจจัย อุ ปะ นิด สะ ยะ ปัด ไจ
    ปุเรชาตปัจจัย ปุ เร ชา ตะ ปัด ไจ
    อรูปภูมิ อะ รูบ ปะ พูม
    ปัจฉาชาตปัจจัย ปัด ฉา ชา ตะ ปัด ไจ
    วิปากปัจจัย วิ ปา กะ ปัด ไจ
    มหาภูตรูป มะ หา พู ตะ รูบ
    กฏัตตารูป กะ ตัด ตา รูบ
    อินทริยปัจจัย อิน ทะ ริ ยะ ปัด ไจ
    วิคตปัจจัย วิ คะ ตะ ปัด ไจ
    ฌานปัจจัย ชา นะ ปัด ไจ
    ปัจจยวาร ปัด จะ ยะ วา ระ
    นิสสยวาร นิด สะ ยะ วา ระ
    ปฏิจจวาร ปะ ติด จะ วา ระ
    อาศัยหทัยวัตถุ อา ไส หะ ไท ยะ วัด ถุ
    สังสัฏฐวาร สัง สัด ถะ วา ระ
    นเหตุธรรม นะ เห ตุ ทำ
    อาหาร-
    *สมุฏฐานรูป ... อันนี้เป็นคำเดียวกันเหรอคะ ใช่จ้ะ หมายถึงเขียนจริง ๆ ต้องติดกันจ้ะ เช่น อาหาร- *สมุฏฐานรูป เราก็เข้าใจได้โดยอัตโนมัติว่า เป็นคำที่ติดกันแบบนี้ อาหารสมุฏฐานรูป (อ่านว่า อา หาน ระ สะ หมุด ถาน นะ รูบ) หนูแอ้ไม่เข้าใจคะสัญญลักษณ์นี้คะ*
    อเหตุก-
    *ปฏิสนธิขณะ อันนี้ก็ทำนองเดียวกัน เป็นคำติดกัน คือ อเหตุกปฏิสนธิขณะ (อ่านว่า อะ เห ตุ กะ ปะ ติ สน ทิ ขะ หนะ)

    ...........................................................................

    ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย
    กับเหตุปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย
    กับเหตุปัจจัย มี " ๓
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่อนันตรปัจจัย
    กับ ฯลฯ มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่อุปนิสสยปัจจัย
    กับ ฯลฯ มี " ๓ ฯลฯ
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปุเรชาตปัจจัย
    กับ ฯลฯ มีหัวข้อปัจจัย ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาเสวนปัจจัย
    กับ ฯลฯ มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่กัมมปัจจัย
    กับ ฯลฯ มี " ๓
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปากปัจจัย
    กับ ฯลฯ มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย
    กับเหตุปัจจัย มี " ๓
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย
    กับ ฯลฯ มี " ๙
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย
    กับ ฯลฯ มี " ๓
    ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย
    กับ ฯลฯ มี " ๓


    " <---สัญญลักษณ์นี้อ่านคำว่า หัวข้อปัจจัย ทุกอันเหรอคะ ..... ถูกต้องจ้ะ
    ..
    ขอโทษนะคะ หนูแอ้เว้นช่วงจากพระไตรฯ แล้วมาอ่านอันนี้ หนูแอ้ลืมการอ่านแล้วอ่ะคะ
    ก็เลยถามพี่ผ่อนเยอะแยะเลย

    ดีใจมาก ๆ จ้ะทีถาม พี่หละกลัวไม่สอบถามแล้วอ่าน ไปแบบเข้าใจของตนเองซึ่งอาจมีถูกมีผิดน่ะจ้ะ หากสงสัยไม่ต้องเกรงใจอะไรทั้งนั้นจ้ะ พี่ยินดีและอนุโมทนาทุก ๆ คำถามจ้ะ

    ...................

    เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๔๒ บรรทัดที่ ๑ - ๒๒๖. หน้าที่ ๑ - ๑๐.
    http://84000.org/tipitaka/pitaka3/v.php?B=42&A=0&Z=226&pagebreak=0
    สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๒
    http://84000.org/tipitaka/read/?สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่_๔๒
    http://84000.org/tipitaka/read/?index_42

    ตัวหนังสือสีเขียวอ่านไม๊คะ ไม่ต้องอ่านจ้ะ

    ข้างล่างของพระไตรหลังจากอ่านจบแล้วไม่ต้องอ่านจ้ะ ทางเว็บเขามีไว้ให้เราค้นคว้าน่ะจ้ะ

    อนุโมทนาจ้ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 กรกฎาคม 2010
  10. หนูแอ้

    หนูแอ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +627
    ขอบคุณนะคะพี่ผ่อน ... มะวานเข้าไปอ่านอะไรในเวปไม่ได้เลยคะ
    ไม่รู้ว่าเป็นเหมือนกันไม๊คะ ^^
    ...
    เดี๋ยวจะแวะมาถามคำยากอีกเรื่อยๆนะคะ .. มอนิ่งนะคะพี่ผ่อนและพี่กบ [​IMG]
     
  11. Siranya

    Siranya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,051
    ค่าพลัง:
    +9,004
    สวัสดีค่ะพี่กบ...พี่ผ่อน..มาถามอีกแล้วค่ะพี่ผ่อนจะว่างตอบคำถามของหมาน้อยหรือเปล่าเพราะรู้ว่างานเยอะถามไว้ก่อนค่ะ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center background="" border=0><TBODY><TR><TD>




    </TD></TR><TR><TD width="100%" bgColor=darkblue vspace="0" hspace="0">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    ปวัตติวาร



    อุปาทวาร


    [๘๓๓] ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ?
    ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ทั้งหมด ในอุปปาทขณะ อุบ ปา ทะ ขะ หนะ แห่ง
    ตัณหาวิปปยุตตจิตในปวัตติกาล ตัน หา วิบ ปะ ยุด ตะ จิด ใน ปะ วัด ติ กาน แต่สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ ทุกขสัจย่อม
    เกิดขึ้น และสมุทยสัจก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา.
    หรือว่า สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น?
    ถูกแล้ว.
    [๘๓๔] ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด มัคคสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ?
    ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่ง
    มัคควิปปยุตตจิต มัก คะ วิป ปะ ยุด ตะ จิตในปวัตติกาล แต่มัคคสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ ทุกขสัจย่อม
    เกิดขึ้น และมัคคสัจก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งมรรค ในปัญจโวการภูมิ. ใน ปัน จะ โว กา ระ พูม
    หรือว่า มัคคสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น.
    มัคคสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งมรรค ในอรูปภูมิ ใน อะ รูบ ปะ พูม แต่ทุกขสัจ
    ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ มัคคสัจย่อมเกิดขึ้นและทุกขสัจก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น
    ในอุปปาทขณะแห่งมรรค ในปัญจโวการภูมิ. ใน ปัน จะ โว กา ระ พูม
    [๘๓๕] สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด มัคคสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ?
    หามิได้.
    หรือว่า มัคคสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น.
    หามิได้.
    [๘๓๖] ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นในภูมิใด สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นในภูมินั้นหรือ?
    ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นในภูมินั้น ซึ่งเป็นอสัญญสัตตภูมิ แต่สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นในภูมินั้น
    ก็หาไม่ ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นและสมุทยสัจก็ย่อมเกิดขึ้นในภูมินั้น คือจตุโวการภูมิ ปัญจโว-
    *การภูมิ.
    หรือว่า สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นในภูมิใด ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นในภูมินั้น.
    ถูกแล้ว.
    [๘๓๗] ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นในภูมิใด มัคคสัจย่อมเกิดขึ้นในภูมินั้นหรือ?
    ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นในภูมินั้น ซึ่งเป็นอบายภูมิ ซึ่งเป็นอสัญญสัตตภูมิ ซึ่ง เป็น อะ สัน ยะ สัด ตะ พูม แต่มัคคสัจย่อม
    เกิดขึ้นในภูมินั้นก็หาไม่ ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้น และมัคคสัจก็ย่อมเกิดขึ้นในภูมินั้น คือ
    จตุโวการภูมิ จะ ตุ โว กา ระ พูม และปัญจโวการภูมิ ที่เหลือ.
    หรือว่า มัคคสัจย่อมเกิดขึ้นในภูมิใด ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นในภูมินั้น?
    ถูกแล้ว.
    [๘๓๘] สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นในภูมิใด มัคคสัจย่อมเกิดขึ้นในภูมินั้นหรือ?
    สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นในภูมินั้น คืออบายภูมิ แต่มัคคสัจย่อมเกิดขึ้นในภูมินั้นก็หาไม่
    สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้น และมัคคสัจก็ย่อมเกิดขึ้นในภูมินั้น คือจตุโวการภูมิ จะ ตุ โว กา ระ พูม และปัญจโวการภูมิ ปัน จะ โว กา ระ พู
    ที่เหลือ.
    หรือว่า มัคคสัจย่อมเกิดขึ้นในภูมิใด สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นในภูมินั้น.
    ถูกแล้ว.
    [๘๓๙] ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้นหรือ?
    (คำที่กำหนดด้วยบทว่า ยสฺส ยัด สะ(แก่สัตว์ใด) ก็ดี คำที่กำหนดด้วยบทว่า ยสฺส ยตฺถ ยัด สะ ยัด ถะ
    (แก่สัตว์ใด ในภูมิใด) ก็ดี พึงจำแนกให้พิสดารเช่นเดียวกัน)
    [๘๔๐] ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    หรือ?
    ถูกแล้ว.
    หรือว่า สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น.
    สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่ง
    ตัณหาวิปปยุตตจิต ในปวัตติกาล แต่ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นสัตว์ก็หาไม่
    สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้น และทุกขสัจก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังจุติอยู่ทั้งหมด
    ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิต และผลจิต ในอรูปภูมิ.
    [๘๔๑] ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น
    หรือ?
    ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิต ในอรูปภูมิ ใน อะ รูบ ปะ พูม แต่
    มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้น และมัคคสัจก็ย่อมไม่
    เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังจุติอยู่ทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ใน
    อุปปาทขณะแห่งผลจิต ในอรูปภูมิ.
    หรือว่า มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น.
    มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ทั้งหมด ในอุปปาทขณะ
    แห่งมัคควิปปยุตตจิตนปวัตติกาล มัก คะ วิบ ปะ ยุด ตะ จิด ใน ปะ วัด ติ กาน แต่ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ มัคคสัจ
    ย่อมไม่เกิดขึ้น และทุกขสัจก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังจุติอยู่ทั้งหมด ใน
    ภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งผลจิต ในอรูปภูมิ.
    [๘๔๒] สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ?
    สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิต ใน อุบ ปา ทะ ขะ หนะ แห่ง มัก คะ จิด แต่มัคคสัจย่อมไม่
    เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้น และมัคคสัจก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์
    เหล่านั้นทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ใน พัง คะ ขะ หนะ แห่ง จิต ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาวิปปยุตตจิต แห่ง ตัน หา วิบ ปะ ยุด ตะ จิด และมัคควิปปยุตตจิต
    แก่ผู้ซึ่งเข้านิโรธ แก่อสัญญสัตว์. แก่ อะ สัน ยะ สัด
    หรือว่า มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแล้วในภูมิใด สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น.
    มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา แต่สมุทยสัจย่อม
    ไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้น และสมุทยสัจก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์
    เหล่านั้นทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งมัคควิปปยุตตจิต และตัณหาวิปป-
    *ยุตตจิตแก่ผู้ซึ่งเข้านิโรธ แก่อสัญญญัตว์. และ ตัน หา วิบ ปะ ยุด ตะ จิด แก่ ผู้ ซึ่ง เข้า นิ โรด แก่ อะ สัน ยะ สัด
    [๘๔๓] ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมิใด สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมินั้นหรือ?
    ไม่มี.
    หรือว่า สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมิใด ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมินั้น.
    ย่อมเกิดขึ้น.
    [๘๔๔] ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมิใด มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมินั้นหรือ?
    ไม่มี.
    หรือว่า มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมิใด ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมินั้น.
    ย่อมเกิดขึ้น.
    [๘๔๕] สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมิใด มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมินั้นหรือ?
    ถูกแล้ว.
    หรือว่า มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมิใด สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมินั้น.
    มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมินั้น คืออบายภูมิ แต่สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมินั้น
    ก็หาไม่ มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นและสมุทยสัจก็ย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมินั้น คืออสัญญสัตตภูมิ.
    [๘๔๖] ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่
    สัตว์นั้นในภูมินั้นหรือ?
    ถูกแล้ว.
    หรือว่า สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้น
    แก่สัตว์นั้นในภูมินั้น.
    สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ทั้งหมด ใน
    อุปปาทขณะแห่งตัณหาวิปปยุตตจิต ในปวัตติกาล แต่ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น
    ในภูมินั้นก็หาไม่ สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นและทุกขสัจก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น
    ซึ่งกำลังจุติอยู่ทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิต และผลจิต
    ในอรูปภูมิ.
    [๘๔๗] ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่
    สัตว์นั้นในภูมินั้นหรือ?
    ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิต ในอรูปภูมิ
    แต่มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น
    ในภูมินั้น ซึ่งกำลังจุติอยู่ทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งผลจิต
    ในอรูปภูมิ.
    หรือว่า มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่
    สัตว์นั้นในภูมินั้น.
    มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ทั้งหมด ใน
    อุปปาทขณะแห่งมัคควิปปยุตตจิต ในปวัตติกาล แต่ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น
    ในภูมินั้นก็หาไม่ มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้น และทุกขสัจก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังจุติ
    อยู่ทั้งหมดในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งผลจิต ในอรูปภูมิ.
    [๘๔๘] สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่
    สัตว์นั้นในภูมินั้นหรือ?
    สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิต แต่
    มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้น และมัคคสัจ
    ก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ทั้งหมดในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่ง
    ตัณหาวิปปยุตตจิต และมัคควิปปยุตตจิต แก่ผู้เข้านิโรธ แก่อสัญญสัตว์.
    หรือว่า มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่
    สัตว์นั้นในภูมินั้น.
    มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา แต่
    สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ มัคคสัจย่อมไม่เกิดขึ้นและสมุทยสัจ
    ก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ทั้งหมดในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่ง
    มัคควิปปยุตตจิต และตัณหาวิปปยุตตจิต แก่ผู้เข้านิโรธ แก่อสัญญสัตว์.
    [๘๔๙] ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น
    หรือ?
    ถูกแล้ว.
    หรือว่า สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น.
    ถูกแล้ว.
    [๘๕๐] ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้นหรือ?
    ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ แต่มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่
    สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้ว และมัคคสัจก็เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่ง
    ตรัสรู้แล้ว.
    หรือว่า มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ฯลฯ?
    ถูกแล้ว.
    [๘๕๑] สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น
    หรือ?
    สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ แต่มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้ว
    แก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้ว และมัคคสัจก็เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์
    เหล่านั้น ซึ่งตรัสรู้แล้ว.
    หรือว่า มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ฯลฯ?
    ถูกแล้ว.
    [๘๕๒] ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้วในภูมิใด ฯลฯ?
    (แม้คำที่กำหนดด้วยบทว่า ยตฺถ (ในภูมิใด) เหมือนกันทุกบท เหตุเครื่องกระทำ
    ให้ต่างกันแห่งแบบแผน เป็นเหมือนกันกับคำว่า ยตฺถ ในหนหลัง)
    [๘๕๓] ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้ว
    แก่สัตว์นั้นในภูมินั้นหรือ?
    ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งอยู่ชั้นสุทธาวาส ในเมื่อทุติยจิต
    เป็นไปอยู่ แก่อสัญญสัตว์ แต่สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่
    ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้วและสมุทยสัจก็เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งมีขันธ์ ๔
    มีขันธ์ ๕ นอกนี้.
    หรือว่า สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใดในภูมิใด ฯลฯ?
    ถูกแล้ว.
    [๘๕๔] ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่
    สัตว์นั้นในภูมินั้นหรือ?
    ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งอยู่ในชั้นสุทธาวาส ในเมื่อทุติยจิต
    เป็นไปอยู่ แก่สัตว์ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ แก่อสัญญสัตว์ แต่มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น
    ในภูมินั้นก็หาไม่ ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้ว และมัคคสัจก็เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น
    ซึ่งตรัสรู้แล้ว.
    หรือว่า มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใดในภูมิใด ฯลฯ?
    ถูกแล้ว.
    [๘๕๕] สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่
    สัตว์นั้นในภูมินั้นหรือ?
    สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งอยู่ในชั้นสุทธาวาส ในเมื่อ
    อกุศลจิตที่ ๒ เป็นไปอยู่ แก่สัตว์ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ แต่มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น
    ในภูมินั้นก็หาไม่ สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้ว และมัคคสัจก็เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น
    ซึ่งตรัสรู้แล้ว.
    หรือว่า มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใดในภูมิใด ฯลฯ?
    ถูกแล้ว.
    [๘๕๖] ทุกขสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่
    สัตว์นั้นหรือ?
    ไม่มี.
    หรือว่า สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ฯลฯ?
    ไม่มี.
    [๘๕๗] ทุกขสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น
    หรือ?
    ไม่มี.
    หรือว่า มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ทุกขสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น.
    เคยเกิดขึ้นแล้ว.
    [๘๕๘] สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่
    สัตว์นั้นหรือ?
    ไม่มี.
    หรือว่า มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น.
    เคยเกิดขึ้นแล้ว.
    [๘๕๙] ทุกขสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วในภูมิใด ฯลฯ.
    [๘๖๐] ทุกขสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว
    แก่สัตว์นั้นในภูมินั้นหรือ?
    ถูกแล้ว.
    หรือว่า สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใดในภูมิใด ทุกขสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว
    แก่สัตว์นั้นในภูมินั้น.
    สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งอยู่ในชั้นสุทธาวาส ในเมื่อ
    ทุติยจิตเป็นไปอยู่ แก่อสัญญสัตว์ แต่ทุกขสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่
    สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว และทุกขสัจก็ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งกำลัง
    เข้าถึงชั้นสุทธาวาส.
    [๘๖๑] ทุกขสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว
    แก่สัตว์นั้นในภูมินั้นหรือ?
    ถูกแล้ว.
    หรือว่า มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด ทุกขสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่
    สัตว์นั้นในภูมินั้น.
    มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งอยู่ในชั้นสุทธาวาส ในเมื่อ
    ทุติยจิตเป็นไปอยู่ แก่สัตว์ที่ยังไม่ได้ตรัสรู้ แก่อสัญญสัตว์ แต่ทุกขสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่
    สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว และทุกขสัจก็ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่
    สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งกำลังเข้าถึงชั้นสุทธาวาส.
    [๘๖๒] สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้น
    แล้วแก่สัตว์นั้นในภูมินั้นหรือ?
    ถูกแล้ว.
    หรือว่า มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว
    แก่สัตว์นั้นในภูมินั้น.
    มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งอยู่ในชั้นสุทธาวาส ในเมื่ออกุศลจิต
    ที่ ๒ เป็นไปอยู่ แก่สัตว์ที่ยังไม่ได้ตรัสรู้ แต่สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น
    ในภูมินั้นก็หาไม่ มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว และสมุทยสัจก็ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น
    ในภูมินั้น ซึ่งอยู่ในชั้นสุทธาวาส ในเมื่อทุติยจิตเป็นไปอยู่ แก่อสัญญสัตว์.
    [๘๖๓] ทุกขสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ?
    ทุกขสัจจักเกิดขึ้นแก่ท่านผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย
    สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด แก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่ง
    จิตนั้น แต่สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ ทุกขสัจจักเกิดขึ้นและสมุทยสัจก็จัก
    เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น นอกนี้.
    หรือว่า สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ฯลฯ.
    ถูกแล้ว.
    [๘๖๔] ทุกขสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ?
    ทุกขสัจจักเกิดขึ้นแก่ท่านผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย
    และแก่ปุถุชนเหล่านั้นผู้ซึ่งจักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค แต่มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่
    สัตว์เหล่าใดได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด อนึ่ง สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งมรรค
    ทุกขสัจจักเกิดขึ้น และมัคคสัจก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น.
    หรือว่า มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ฯลฯ.
    ถูกแล้ว.
    [๘๖๕] สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์สัตว์นั้นหรือ?
    ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่ปุถุชนเหล่านั้น แต่
    มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่ปุถุชนเหล่านั้นก็หาไม่ สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งมรรค สมุทยสัจจัก
    เกิดขึ้น และมัคคสัจก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น.
    หรือว่า มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น.
    สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์
    เหล่านั้น อุปปาทขณะแห่งจิตนั้น แต่สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ อนึ่ง สัตว์
    เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งมรรค มัคคสัจจักเกิดขึ้น และสมุทยสัจก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น.
    [๘๖๖] ทุกขสัจจักเกิดขึ้นในภูมิใด ฯลฯ.
    [๘๖๗] ทุกขสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้นหรือ?
    ทุกขสัจจักเกิดขึ้นในภูมินั้น แก่ท่านผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค แก่พระอรหันต์
    ทั้งหลาย สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด แก่สัตว์เหล่านั้น ใน
    อุปปาทขณะแห่งจิตนั้น แก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งเป็นอสัญญสัตว์ แต่สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแล้วแก่
    สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ ทุกขสัจจักเกิดขึ้น และสมุทยสัจก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น
    ในภูมินั้น ซึ่งมีขันธ์ ๔ มีขันธ์ ๕ นอกนี้.
    หรือว่า สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด ฯลฯ.
    ถูกแล้ว.
    [๘๖๘] ทุกขสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นในภูมิ
    นั้นหรือ?
    ทุกขสัจจักเกิดขึ้นในภูมินั้น แก่ท่านผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค แก่พระ-
    *อรหันต์ทั้งหลาย แก่สัตว์เหล่านั้น คือ แก่ปุถุชนที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค สัตว์ที่เกิดอยู่ในอบาย
    และอสัญญสัตว์ แต่มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ สัตว์เหล่าใดจักได้
    เฉพาะซึ่งอรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด อนึ่ง สัตว์เหล่าใด จักได้เฉพาะซึ่งมรรค ทุกขสัจ
    จักเกิดขึ้น และมัคคสัจก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น.
    หรือว่า มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด ทุกขสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นในภูมิ
    นั้น.
    ถูกแล้ว.
    [๘๖๙] สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้นหรือ?
    สมุทยสัจ จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น คือ สัตว์ที่เกิดอยู่ในอบาย ปุถุชนที่จัก
    ไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค แต่มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ สมุทยสัจจักเกิดขึ้น
    และมัคคสัจก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรค.
    หรือว่า มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นในภูมิ
    นั้น.
    สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์
    เหล่านั้นในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น แต่สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น
    ก็หาไม่ อนึ่ง สัตว์เหล่าใด จักได้เฉพาะซึ่งมรรค มัคคสัจจักเกิดขึ้น และสมุทยสัจก็จักเกิดขึ้น
    แก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น.
    [๘๗๐] ทุกขสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ?
    ถูกแล้ว.
    หรือว่า สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ทุกขสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น.
    สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่ท่านผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค แก่พระอรหันต์
    ทั้งหลาย สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด แก่สัตว์เหล่านั้น ใน
    อุปปาทขณะจิตนั้น แต่ทุกขสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้น และ
    ทุกขสัจก็จักไม่เกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต.
    [๘๗๑] ทุกขสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ?
    ถูกแล้ว.
    หรือว่า มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ทุกขสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น.
    มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่ท่านผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย
    และปุถุชนเหล่านั้น ผู้จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค แต่ทุกขสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่
    มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้น และทุกขสัจก็จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วย
    ปัจฉิมจิต.
    [๘๗๒] สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ?
    สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่
    สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น แต่มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่
    สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้น และมัคคสัจก็จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วย
    อรหัตมรรค ผู้เป็นพระอรหันต์.
    หรือว่า มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น.
    มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งเป็นปุถุชนที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค แต่
    สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้น และสมุทยสัจก็จักไม่
    เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค ผู้เป็นพระอรหันต์.
    [๘๗๓] ทุกขสัจจักไม่เกิดขึ้นในภูมิใด ฯลฯ.
    [๘๗๔] ทุกขสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์
    นั้นในภูมินั้นหรือ?
    ถูกแล้ว.
    หรือว่า สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด ทุกขสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้น.
    สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นในภูมินั้น แก่ท่านผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค ท่านผู้
    เป็นพระอรหันต์ สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด แก่สัตว์เหล่านั้น
    ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น แก่อสัญญสัตว์ แต่ทุกขสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่
    สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้น และทุกขสัจก็จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ผู้มีความพร้อม-
    *เพรียงด้วยปัจฉิมจิต.
    [๘๗๕] ทุกขสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้นหรือ?
    ถูกแล้ว.
    หรือว่า มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด ทุกขสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้น.
    มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นในภูมินั้น แก่ท่านผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค แก่พระ-
    *อรหันต์ทั้งหลาย แก่ปุถุชนผู้จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค แก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งเป็นอปายิกสัตว์ และ
    อสัญญสัตว์ แต่ทุกขสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้น
    และทุกขสัจก็จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต.
    [๘๗๖] สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้นหรือ?
    สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค อะ ระ หัด ตะ มักในลำดับแห่งจิตใด สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่
    สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในอุปปาทขณะจิตนั้น แต่มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น
    ก็หาไม่ สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้น และมัคคสัจก็จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งมีความ
    พร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค ซึ่งเป็นพระอรหันต์ ซึ่งเป็นอสัญญสัตว์. อะ สัน ยะ สัด
    หรือว่า มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้น.
    มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งเป็นอปายิกสัตว์ ซึ่งเป็นปุถุชนที่จัก
    ไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค แต่สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ มัคคสัจจักไม่
    เกิดขึ้น และสมุทยสัจก็จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งมีความพร้อมเพรียงด้วย
    อรหัตมรรค ซึ่งเป็นพระอรหันต์ ซึ่งเป็นอสัญญสัตว์.
    [๘๗๗] ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้นหรือ?
    ถูกแล้ว.
    หรือว่า สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น.
    สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังจุติอยู่ทั้งหมดในภังคขณะแห่งจิต ใน
    ปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิต และผลจิต ในอรูปภูมิ แต่ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์
    เหล่านั้นก็หาไม่ สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้ว และทุกขสัจก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลัง
    เกิดขึ้นอยู่ทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล
    [๘๗๘] ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้นหรือ?
    ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในอุปปาทขณะ
    แห่งจิต ในปวัตติกาล แต่มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้น
    และมัคคสัจก็เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในอุปปาทขณะ
    แห่งจิต ในปวัตติกาล.
    หรือว่า มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นสัตว์นั้น.
    มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ที่กำลังจุติอยู่ในภังคขณะ
    แห่งจิต ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ แต่ทุกขสัจย่อม
    เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้ว และทุกขสัจก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น
    ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล.
    [๘๗๙] สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้นหรือ?
    สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา
    แต่มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้น และมัคคสัจก็เคย
    เกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา
    หรือว่า มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น.
    มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ในภังคขณะแห่งตัณหา ใน
    เมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่ แก่ผู้ที่เข้านิโรธ แต่สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่
    มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้ว และสมุทยสัจก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ใน
    อุปปาทขณะแห่งตัณหา
    [๘๘๐] ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นในภูมิใด ฯลฯ.
    คำว่า ยตฺถ ยัด ถะ เหมือนกันทั้งหมด.
    [๘๘๑] ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้วสัตว์นั้น
    ในภูมินั้นหรือ?
    ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น คือ สัตว์ชั้นสุทธาวาส สุด ทา วาดในอุปปาทขณะ
    แห่งอุปปัตติจิต สัตว์ซึ่งกำลังเข้าถึงอสัญญสัตตภูมิ เข้า ถึง อะ สัน ยะ สัด ตะ พูม แต่สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น
    ในภูมินั้นก็หาไม่ ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้น และสมุทยสัจก็เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น
    ซึ่งกำลังเข้าถึงจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ นอกนี้ ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล.
    หรือว่า สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใดในภูมิใด ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้น.
    สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งกำลังจุติอยู่จากจตุโวการภูมิ ซึ่ง กำ ลัง จุ ติ อยู่ จาก จะ ตุ โว กา ระ พูม ปัญจ-
    *โวการภูมิ ปัน จะ โว กา ระ พูม ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิต และผลจิต ในอรูปภูมิ
    แต่ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้ว และทุกขสัจ
    ก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งกำลังเข้าถึงจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ ใน
    อุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล.
    [๘๘๒] ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้นหรือ?
    ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น คือ สัตว์ชั้นสุทธาวาส ในอุปปาทขณะ
    แห่งอุปปัตติจิต สัตว์ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล
    สัตว์ที่กำลังเข้าถึงอสัญญสัตตภูมิ แต่มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่
    ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้น และมัคคสัจก็เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น คือ สัตว์ซึ่งได้ตรัสรู้
    แล้ว ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล.
    หรือว่า มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใดในภูมิใด ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้น.
    มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น คือ สัตว์ที่ได้ตรัสรู้แล้ว ที่กำลังจุติอยู่
    ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิต และผลจิต ในอรูปภูมิ แต่
    ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้ว และทุกขสัจก็ย่อม
    เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น คือ สัตว์ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ในอุปปาทขณะ
    แห่งจิต ในปวัตติกาล.
    [๘๘๓] สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้นหรือ?
    สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ ในอุปปาทขณะแห่ง
    ตัณหา แต่มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้น และ
    มัคคสัจก็เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา.
    หรือว่า มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้น.
    มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ในภังคขณะแห่ง
    ตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่ แต่มัคคสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็
    หาไม่ มัคคสัจเคยเกิดขึ้นแล้ว และสมุทยสัจก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งได้
    ตรัสรู้แล้ว ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา.
    [๘๘๔] ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น
    หรือ?
    เคยเกิดขึ้นแล้ว.
    หรือว่า สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น.
    ไม่มี.
    [๘๘๕] ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น
    หรือ?
    ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ที่กำลังจุติอยู่ในภังคขณะแห่ง
    จิต ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ แต่มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้น
    แล้วแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้น และมัคคสัจก็ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์
    เหล่านั้น ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ ที่กำลังจุติอยู่ ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล.
    หรือว่า มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น.
    มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ใน
    อุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล แต่ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ มัคคสัจ
    ไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว และทุกขสัจก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ ที่กำลังจุติอยู่
    ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล.
    [๘๘๖] สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น
    หรือ?
    สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ในภังคขณะแห่งตัณหา ใน
    เมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่ และแก่ผู้ที่เข้านิโรธ แต่มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์
    เหล่านั้นก็หาไม่ สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นและมัคคสัจก็ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งยัง
    ไม่ได้ตรัสรู้ ในภังคขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่ และที่เป็นอสัญญสัตว์.
    หรือว่า มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น.
    มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา
    แต่สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วและสมุทยสัจก็ย่อม
    ไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ในภังคขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิต
    เป็นไปอยู่ และที่เป็นอสัญญสัตว์.
    [๘๘๗] ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมิใด ฯลฯ.
    [๘๘๘] ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว
    แก่สัตว์นั้นในภูมินั้นหรือ?
    ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งกำลังจุติจากจตุโวการภูมิ ปัญจโว-
    *การภูมิ ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและในผลจิต ในอรูปภูมิ
    แต่สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้น และ
    สมุทยสัจก็ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น คือสัตว์ชั้นสุทธาวาส ในภังคขณะแห่ง
    อุปปัตติจิต และสัตว์ที่กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ.
    หรือว่า สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใดในภูมิใด ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่
    สัตว์นั้นในภูมินั้น.
    สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ สัตว์ชั้นสุทธาวาส ใน
    อุปปาทขณะแห่งอุปปัตติจิต และสัตว์ที่กำลังเข้าถึงอสัญญสัตตภูมิ อะ สัน ยะ สัด ตะ พูม แต่ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้น
    แก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว และทุกขสัจก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่
    สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น คือ สัตว์ชั้นสุทธาวาส ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิต และสัตว์ที่กำลังจุติ
    จากอสัญญสัตตภูมิ.
    [๘๘๙] ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแก่สัตว์
    นั้นในภูมินั้นหรือ?
    ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ซึ่งได้ตรัสรู้แล้ว ที่กำลังจุติอยู่ ใน
    ภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ แต่มัคคสัจไม่
    เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ก็หาไม่ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้น และมัคคสัจก็ไม่เคยเกิด
    ขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น คือสัตว์ชั้นสุทธาวาส ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิต พัง คะ ขะ หนะ แห่ง อุบ ปัด ติ จิด สัตว์ซึ่งยัง
    ไม่ได้ตรัสรู้ ที่กำลังจุติอยู่ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล สัตว์ที่กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ.
    หรือว่า มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้น.
    มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น คือ สัตว์ชั้นสุทธาวาส ในอุปปาท-
    *ขณะแห่งอุปปัตติจิต อุบ ปา ทะ ขะ หนะ แห่ง อุบ ปัด ติ จิด สัตว์ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล
    สัตว์ซึ่งกำลังเข้าถึงอสัญญสัตตภูมิ อะ สัน ยะ สัด ตะ พูม แต่ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่
    มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว และทุกขสัจก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น คือ สัตว์ชั้นสุทธาวาส
    ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิต สัตว์ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ ที่กำลังจุติอยู่ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล
    สัตว์ที่กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ. จุ ติ จาก อะ สัน ยะ สัด ตะ พูม
    [๘๙๐] สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว
    แก่สัตว์นั้นในภูมินั้นหรือ?
    สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งได้ตรัสรู้ ในภังคขณะแห่งตัณหา
    ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่ แต่มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็
    หาไม่ สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้น และมัคคสัจก็ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมิ
    นั้น คือ สัตว์ชั้นสุทธาวาส ในเมื่อทุติยจิตเป็นไปอยู่ สัตว์ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ ในภังคขณะ
    แห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิต ตัน หา วิบ ปะ ยุด ตะ จิด เป็นไปอยู่ ซึ่งเป็นอสัญญสัตว์.
    หรือว่า มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้น
    แก่สัตว์นั้นในภูมินั้น.
    มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ในอุปปาทขณะ
    แห่งตัณหา แต่สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ มัคคสัจไม่เคยเกิดขึ้น
    แล้ว และสมุทยสัจก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นในภูมินั้น คือ สัตว์ชั้นสุทธาวาส ในเมื่อทุติยจิต
    เป็นไปอยู่ สัตว์ซึ่งยังไม่ได้ตรัสรู้ ในภังคขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่
    ซึ่งเป็นอสัญญสัตว์.
    [๘๙๑] ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ?
    ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค แก่พระอรหันต์
    ทั้งหลาย ในอุปปาทขณะแห่งจิต สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด
    แก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น แต่สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่
    ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นและสมุทยสัจก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ นอกนี้ ใน
    อุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล.
    หรือว่า สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น.
    สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังจุติอยู่ทั้งหมดในภังคขณะแห่งจิต ใน
    ปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ แต่ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์
    เหล่านั้นก็หาไม่ สมุทยสัจจักเกิดขึ้น และทุกขสัจก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังเกิดขึ้น
    อยู่ทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล.
    [๘๙๒] ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ?
    ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค แก่พระอรหันต์
    ทั้งหลาย ในอุปปาทขณะแห่งจิต และแก่ปุถุชนผู้จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ใน
    อุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล แต่มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ สัตว์เหล่าใด
    จักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นและมัคคสัจก็จักเกิดขึ้นแก่
    สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และแก่สัตว์เหล่าอื่น ซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลัง
    เกิดขึ้นอยู่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล.
    หรือว่า มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น.
    สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์
    เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งจิตนั้น และแก่สัตว์เหล่าอื่น ซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังจุติอยู่
    ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ แต่ทุกขสัจ
    ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด
    มัคคสัจจักเกิดขึ้น และทุกขสัจก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และแก่
    สัตว์เหล่าอื่น ซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล.
    [๘๙๓] สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น?
    ปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นแก่ปุถุชนเหล่านั้น ใน-
    *อุปปาทขณะแห่งตัณหา แต่มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่ปุถุชนเหล่านั้นก็หาไม่ ชนเหล่าใดจักได้เฉพาะ
    ซึ่งมรรค สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นและมัคคสัจก็จักเกิดขึ้น แก่ชนเหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา.
    หรือว่า มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น.
    สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์
    เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และแก่สัตว์เหล่าอื่นซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรค ในภังคขณะ
    แห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิต ตัน หา วิบ ปะ ยุด ตะ จิด เป็นไปอยู่แก่ผู้ที่เข้านิโรธ แก่อสัญญสัตว์ แต่สมุทยสัจ
    ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ มัคคสัจจักเกิดขึ้น และสมุทยสัจก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์
    เหล่านั้น ซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา.
    [๘๙๔] ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นในภูมิใด ฯลฯ.
    แม้คำที่กำหนดด้วยบทว่า ยตฺถ ยัด ถะ(ในภูมิใด) พึงทำเหมือนกันกับคำที่กำหนดด้วยบทว่า
    ยสฺส ยตฺถ ยัด ถะ ยัด สะ (แก่สัตว์ใด ในภูมิใด).
    [๘๙๕] ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้นหรือ?
    ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค แก่พระ
    อรหันต์ทั้งหลาย ในอุปปาทขณะแห่งจิต สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิต
    ใด แก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และสัตว์ที่กำลังเข้าถึงอสัญญสัตตภูมิแต่สมุทยสัจ
    จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นและสมุทยสัจก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์
    เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งกำลังเข้าถึงจตุโวการภูมิปัญจโวการภูมิ นอกนี้ ในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
    ปวัตติกาล.
    หรือว่า สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้น.
    สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งกำลังจุติอยู่จากจตุโวการภูมิ ปัญจ-
    *โวการภูมิ ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาลในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ
    แต่ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ สมุทยสัจจักเกิดขึ้นและทุกขสัจก็ย่อม
    เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งกำลังเข้าถึงจตุโวการภูมิ ปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะ-
    *แห่งจิต ในปวัตติกาล.
    [๘๙๖] ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้นหรือ?
    ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค แก่
    พระอรหันต์ทั้งหลาย ในอุปปาทขณะแห่งจิตและแก่ปุถุชนเหล่านั้น ผู้ซึ่งจักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค
    ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาลแก่สัตว์ซึ่งกำลังเข้าถึงอบายภูมิ อสัญญ-
    *สัตตภูมิ แต่มัคคสัจจักเกิดขึ้นสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัต-
    *มรรค ในลำดับแห่งจิตใด ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นและมัคคสัจก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น
    ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และแก่สัตว์เหล่าอื่น ซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ใน
    อุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล.
    หรือว่า มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้น.
    สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่
    สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งจิตนั้นและแก่สัตว์เหล่าอื่นที่จักได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลัง
    จุติอยู่ ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ
    แต่ทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค
    ในลำดับแห่งจิตใด มัคคสัจจักเกิดขึ้นและทุกขสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะ
    แห่งจิตนั้น และแก่สัตว์เหล่าอื่น ซึ่งจักได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ในอุปปาทขณะ
    แห่งจิต ในปวัตติกาล.
    [๘๙๗] สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้นหรือ?
    สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น คือสัตว์ที่เกิดในอบายและปุถุชนที่
    จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา แต่มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น
    ก็หาไม่ สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นและมัคคสัจก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ที่จักได้เฉพาะ
    ซึ่งมรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา.
    หรือว่า มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้น.
    สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่
    สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นและแก่สัตว์เหล่าอื่นที่จักได้เฉพาะซึ่งมรรค
    ในภังคขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่ แต่สมุทยสัจย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์-
    *เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ มัคคสัจจักเกิดขึ้นและสมุทยสัจก็ย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น
    ที่จักได้เฉพาะซึ่งมรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา.
    [๘๙๘] ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ?
    ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ซึ่งกำลังจุติอยู่ทั้งหมดในภังคขณะแห่งจิต
    ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ แต่สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่
    สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้น และสมุทยสัจก็จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น
    ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย ในภังคขณะแห่งจิต สัตว์เหล่าใดจักได้
    เฉพาะซึ่งอรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด แก่สัตว์เหล่านั้นในภังคขณะแห่งจิตนั้น ในอุปปาทขณะ
    แห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ.
    หรือว่า สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น.
    สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรคแก่พระอรหันต์
    ทั้งหลาย ในอุปปาทขณะแห่งจิต สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด
    แก่สัตว์เหล่านั้นในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น แต่ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่
    สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นและทุกขสัจก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค
    แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย ในภังคขณะแห่งจิต สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับ
    แห่งจิตใด แก่สัตว์เหล่านั้นในภังคขณะแห่งจิตนั้น ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต
    ในอรูปภูมิ.
    [๘๙๙] ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ?
    สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้น
    แก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งจิตนั้น และแก่สัตว์เหล่าอื่นที่จักได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังจุติอยู่
    ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ แต่มัคคสัจ
    จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นและมัคคสัจก็จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์
    เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย ในภังคขณะแห่งจิต และแก่
    ปุถุชนที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังจุติอยู่ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะ
    แห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ.
    หรือว่า มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น.
    มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรคแก่พระอรหันต์
    ทั้งหลาย ในอุปปาทขณะแห่งจิต และปุถุชนเหล่านั้น ที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่
    ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล แต่ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ มัคคสัจ
    จักไม่เกิดขึ้นและทุกขสัจก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค แก่
    พระอรหันต์ทั้งหลาย ในภังคขณะแห่งจิตและแก่ปุถุชนที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังจุติอยู่
    ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ.
    [๙๐๐] สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ?
    สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้น
    แก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้นและแก่สัตว์เหล่าอื่นที่จักได้เฉพาะซึ่งมรรค ใน
    ภังคขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่ แก่ผู้ที่เข้านิโรธ แก่อสัญญสัตว์ แต่
    มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นและมัคคสัจก็จักไม่เกิดขึ้น
    แก่สัตว์เหล่านั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย และแก่ปุถุชน
    ทั้งหลาย ที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค ในภังคขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่
    แก่ผู้ที่เข้านิโรธ แก่อสัญญสัตว์.
    หรือว่า มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น.
    มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่ปุถุชนเหล่านั้น ที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค ในอุปปาทขณะแห่ง
    ตัณหา แต่สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่ปุถุชนเหล่านั้นก็หาไม่ มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นและสมุทยสัจ
    ก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย
    และแก่ปุถุชนทั้งหลายที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค ในภังคขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิต
    เป็นไปอยู่ แก่ผู้ที่เข้านิโรธ แก่อสัญญสัตว์.
    [๙๐๑] ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมิใด ฯลฯ.
    [๙๐๒] ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่
    สัตว์นั้นในภูมินั้นหรือ?
    ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งกำลังจุติจากจตุโวการภูมิ ปัญจ-
    *โวการภูมิ ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ
    แต่สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้น และสมุทยสัจ
    ก็จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย
    ในภังคขณะแห่งจิต สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด แก่สัตว์เหล่านั้น
    ในภังคขณะแห่งจิตนั้น ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ แก่สัตว์ที่กำลังจุติ
    จากอสัญญสัตตภูมิ.
    หรือว่า สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่
    สัตว์นั้นในภูมินั้น
    สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค แก่
    พระอรหันต์ทั้งหลาย ในอุปปาทขณะแห่งจิต สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรคในลำดับ
    แห่งจิตใด แก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และสัตว์ที่กำลังเข้าถึงอสัญญสัตตภูมิ
    แต่ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้น และทุกขสัจ
    ก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย
    ในภังคขณะแห่งจิต สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด แก่สัตว์เหล่านั้น
    ในภังคขณะแห่งจิตนั้น ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิ แก่สัตว์ที่กำลังจุติจาก
    อสัญญสัตตภูมิ.
    [๙๐๓] ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์
    นั้นในภูมินั้นหรือ?
    สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่
    สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งจิตนั้นและแก่สัตว์เหล่าอื่นที่จักได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่
    กำลังจุติอยู่ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิตในอรูปภูมิ
    แต่มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้น และมัคคสัจก็
    จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย
    ในภังคขณะแห่งจิต แก่ปุถุชนที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังจุติอยู่ ในภังคขณะแห่งจิต
    ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิตและผลจิต ในอรูปภูมิ แก่สัตว์ที่กำลังจุติจาก
    อสัญญสัตตภูมิ.
    หรือว่า มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด ทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้น?
    มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตมรรค
    แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย ในอุปปาทขณะแห่งจิต แก่ปุถุชนที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรคที่กำลังเกิดขึ้น
    อยู่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล แก่สัตว์ที่กำลังเข้าถึงอสัญญสัตตภูมิ แต่ทุกขสัจย่อม
    ไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้น และทุกขสัจย่อมไม่เกิดขึ้น
    ในภังคขณะแห่งอรหัตมรรค แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย ในภังคขณะแห่งจิต แก่ปุถุชนที่จักไม่ได้
    เฉพาะซึ่งมรรค ที่กำลังจุติอยู่ ในภังคขณะแห่งจิต ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งมัคคจิต
    และผลจิต ในอรูปภูมิ แก่สัตว์ที่กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ.
    [๙๐๔] สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่
    สัตว์นั้นในภูมินั้นหรือ?
    สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้น
    แก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และแก่สัตว์เหล่าอื่นที่จักได้เฉพาะซึ่ง
    อรหัตมรรค ในภังคขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่ แต่มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้น
    แก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้น และมัคคสัจก็จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์
    เหล่านั้นในภูมินั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย และแก่ปุถุชน
    ที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค ในภังคขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่ แก่
    อสัญญสัตว์ทั้งหลาย.
    หรือว่า มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์
    นั้นในภูมินั้น?
    มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ที่เป็นอาปายิกสัตว์ และแก่ปุถุชนที่จักไม่
    ได้เฉพาะซึ่งมรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา แต่สมุทยสัจย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมิ
    นั้นก็หาไม่ มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้น และสมุทยสัจก็ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ผู้มี
    ความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย และปุถุชนที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค
    ในภังคขณะแห่งตัณหา ในเมื่อตัณหาวิปปยุตตจิตเป็นไปอยู่ แก่อสัญญสัตว์ทั้งหลาย.
    [๙๐๕] ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้นหรือ?
    ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค แก่พระ-
    *อรหันต์ทั้งหลาย สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด แก่สัตว์เหล่านั้น
    ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น แต่สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ ทุกขสัจเคยเกิดขึ้น
    แล้ว และสมุทยสัจก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น นอกนี้.
    หรือว่า สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น?
    ถูกแล้ว.
    [๙๐๖] ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ?
    ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค แก่พระ-
    *อรหันต์ทั้งหลาย และแก่ปุถุชนที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค แต่มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น
    ก็หาไม่ สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้ว
    และมัคคสัจก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และแก่สัตว์เหล่าอื่น ที่จัก
    ได้เฉพาะซึ่งมรรค.
    หรือว่า มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ฯลฯ?
    ถูกแล้ว.
    [๙๐๗] สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้นหรือ?
    สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค แก่
    พระอรหันต์ทั้งหลาย และแก่ปุถุชนที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค แต่มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์
    เหล่านั้นก็หาไม่ สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใด และสัตว์เหล่าอื่น
    จักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้ว และมัคคสัจก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น.
    หรือว่า มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ฯลฯ?
    [๙๐๘] ทุกขยสัจเคยเกิดขึ้นแล้วในภูมิใด ฯลฯ.
    [๙๐๙] ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้นหรือ?
    ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค
    แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ในลำดับแห่งจิตใดแก่สัตว์
    เหล่านั้น แก่อสัญญสัตว์ทั้งหลาย แต่สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่
    ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้ว และสมุทยสัจก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ผู้มีขันธ์ ๔ มีขันธ์ ๕
    นอกนี้.
    หรือว่า สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้น?
    สมุทยสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ที่กำลังเข้าถึงชั้นสุทธาวาส แต่ทุกขสัจ
    เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ สมุทยสัจจักเกิดขึ้น และทุกขสัจก็เคยเกิดขึ้น
    แล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ผู้มีขันธ์ ๔ มีขันธ์ ๕ นอกนี้.
    [๙๑๐] ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้นหรือ?
    ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค
    แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย แก่ปุถุชนที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค แก่อาปายิกสัตว์ แก่อสัญญสัตว์
    แต่มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค
    ในลำดับแห่งจิตใด ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้ว และมัคคสัจก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น
    ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และแก่สัตว์เหล่าอื่นที่จักได้เฉพาะซึ่งมรรค.
    หรือว่า มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด ทุกขสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้น?
    มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งกำลังเข้าถึงชั้นสุทธาวาส แต่ทุกขสัจ
    เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรค ใน
    ลำดับแห่งจิตใด มัคคสัจจักเกิดขึ้น และทุกขสัจก็เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ใน
    อุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และแก่สัตว์เหล่าอื่น ที่จักได้เฉพาะซึ่งมรรค.
    [๙๑๑] สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้นหรือ?
    สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค
    แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย และแก่ปุถุชนที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค แก่อาปายิกสัตว์ แต่มัคคสัจจัก
    เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะซึ่งอรหัตมรรคในลำดับแห่ง
    จิตใด สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้ว และมัคคสัจก็จักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในอุปปาทขณะ
    แห่งจิตนั้น และแก่สัตว์เหล่าอื่น ที่จักได้เฉพาะซึ่งมรรค.
    หรือว่า มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น
    ในภูมินั้น?
    มัคคสัจจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งอยู่ในชั้นสุทธาวาส ในเมื่อทุติยจิตเป็น
    ไปอยู่ แต่สมุทยสัจเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ สัตว์เหล่าใดจักได้เฉพาะ
    ซึ่งอรหัตมรรคในลำดับแห่งจิตใด มัคคสัจจักเกิดขึ้น และสมุทยสัจก็เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์
    เหล่านั้นในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และแก่สัตว์เหล่าอื่นที่ได้เฉพาะซึ่งมรรค.
    [๙๑๒] ทุกขสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    หรือ?
    ไม่มี.
    หรือว่า สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ทุกขสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น?
    เคยเกิดขึ้นแล้ว.
    [๙๑๓] ทุกขสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    หรือ?
    ไม่มี.
    หรือว่า มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ทุกขสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น?
    เคยเกิดขึ้นแล้ว.
    [๙๑๔] สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น
    หรือ?
    ไม่มี.
    หรือว่า มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น?
    เคยเกิดขึ้นแล้ว.
    [๙๑๕] ทุกขสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วในภูมิใด ฯลฯ.
    [๙๑๖] ทุกขสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่
    สัตว์นั้นในภูมินั้นหรือ?
    จักเกิดขึ้น.
    หรือว่า สมุทยสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด ทุกขสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่
    สัตว์นั้น ในภูมินั้น?
    เคยเกิดขึ้นแล้ว.
    [๙๑๗] ทุกขสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่
    สัตว์นั้นในภูมินั้นหรือ?
    จักเกิดขึ้น.
    หรือว่า มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด ทุกขสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่
    สัตว์นั้นในภูมินั้น?
    เคยเกิดขึ้นแล้ว.
    [๙๑๘] สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์
    นั้นในภูมินั้นหรือ?
    สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งอยู่ในชั้นสุทธาวาส ในเมื่อ
    ทุติยจิตเป็นไปอยู่ แก่มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ สมุทยสัจไม่เคย
    เกิดขึ้นแล้ว และมัคคสัจก็จักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ซึ่งเป็นอสัญญสัตว์.
    หรือว่า มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใดในภูมิใด สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่
    สัตว์นั้นในภูมินั้น?
    มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรค
    แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย และแก่ปุถุชนที่จักไม่ได้เฉพาะซึ่งมรรค แก่สัตว์ที่เกิดในอบาย แต่
    สมุทยสัจไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นก็หาไม่ มัคคสัจจักไม่เกิดขึ้น และ
    สมุทยสัจก็จักไม่เคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ซึ่งเป็นอสัญญสัตว์.


    อุปาทวาร จบ.










    </PRE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2010
  12. หนูแอ้

    หนูแอ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +627
    คือหนูแอ้เปลี่ยนมาเล่นคอมในห้อง แ้ล้วฟังไม่ได้คะพี่ผ่อน
    ฟังหน้าอื่นๆของเสียงธรรมไม่ได้คะ แต่ฟัง รวมเสียงธรรมเทศนามากมาย ฟังธรรม เสียงธรรม เพลงธรรมะ นิทานธรรมะ
    อันนี้ได้นะคะ
    ไม่เข้าใจเหมือนกันคะ ..หนูก็มีโปรแกรม

    Winamp Real Quicktime Media นะคะ เดี๋ยววันนี้ถ้าปะป๊าว่างจะลองถามดูนะคะ
    ถ้าไม่ได้ หนูจะแวะมาให้พี่ผ่อนใหม่นะคะ ..
    ....................
    ได้แล้วๆๆคะพี่ผ่อน .. ถ้าใช้ google chrome มันฟังไม่ได้ค๊าาา ... หนูก็นึกว่าคอมหนูมึปัญหา ...หายเครียดละคะ .. 55 .. มอนิ่งนะคะพี่ผ่อน

    ดีใจ ๆ ๆ ๆ ที่พบสาเหตุจ้ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 กรกฎาคม 2010
  13. หนูแอ้

    หนูแอ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +627
    [๑] เหตุธรรม อาศัยเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
    คือ อโทสะ อโมหะ อาศัยอโลภะ อโลภะ อโมหะ อาศัยอโทสะ
    อโลภะ อโทสะ อาศัยอโมหะ โมหะ อาศัยโลภะ โลภะ อาศัยโทสะ โทสะ
    อาศัยโมหะ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
    อ่านวงเล็บไม๊คะ เลขในเวงเล็บนี้ อ่านเลขเลยจ้ะ ไม่ต้องอ่านวงเล็บ
    เช่น [๑] ไม่ต้องอ่านว่า วงเล็บเปิด หนึ่ง วงเล็บปิด ให้อ่านว่า หนึ่ง

    เพื่อให้ฟังรื่น ๆ จ้ะ

    คำยากคะ
    พึงผูกจักรนัย จัก กระ ไน
    เหตุธรรม เห ตุ ทำ
    อุปาทารูป อุ ปา ทา รูบ
    อนุโลมปัฏฐาน อะ นุ โลม ปัด ถาน
    วิปปยุตตปัจจัย วิบ ปะ ยุด ตะ ปัด ไจ
    ปัจจนียานุโลม ปัด จะ นี ยา นุ โลม
    ปรารภเหตุธรรม ปรา รบ เหด ทำ
    ทำอุโบสถกรรมแล้ว อุ โบ สด ถะ กำ
    จากฌานแล้ว ชา-นะ ชาน
    แก่โวทาน โว-ทาน
    ทิพพโสตธาตุ ทิบ พะ โสด ตะ ทาด
    วิญญาณัญจายตน วิน ยา นัน จา ยะ ตะ นะ
    อากิญจัญญายตน อา กิน จัน ยา ยะ ตะ นะ
    อิทธิวิธญาณ อิด ทิ วิ ทะ ยาน
    ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ บุบ เพ นิ วา สา นุด สะ ติ ยาน
    ยถากัมมูปคญาณ ยะ ถา กำ มู ปะ คะ ยาน
    อนาคตังสญาณ อะ นา คะ ตัง สะ ยาน
    โผฏฐัพพายตนะ โผด ถับ พา ยะ ตะ นะ
    นานาขณิก นา นา ขะ นิ กะ
    กวฬิงการาหาร กะ วะ ลิง กา รา หาน
    วิปปยุตตปัจจัย วิบ ปะ ยุด ตะ ปัด ไจ
    ปกตูปนิสสย ปะ-กะ หรือ ปก คะ ปะ กะ ตู ปะ นิด สะ ยะ ปัด ไจ

    โดยอินทริยปัจจัย ในเหตุ-
    *มูลกนัย มีหัวข้อปัจจัย ๓ เห ตุ มู ละ กะ ไน


    ที่เป็นสหชาตาธิปติ ได้แก่อธิปติธรรมที่เป็นเหตุธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุทั้งหลาย โดยอธิปติปัจจัย อ่านว่า เห-ตุ-ทำ หรือ เหตุ-ทำ คะ เห ตุ ทำ


    .................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 สิงหาคม 2010
  14. ผ่อนคลาย

    ผ่อนคลาย Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    5,775
    ค่าพลัง:
    +12,934
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2010
  15. ผ่อนคลาย

    ผ่อนคลาย Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    5,775
    ค่าพลัง:
    +12,934
    ทดสอบความคล่องตัว หรืออืด
     
  16. superluck

    superluck Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +29
    พึ่ผ่อนคะ

    ช่วยตรวจคำอ่านข้างล่างนี้ด้วยค่ะ จ้าได้จ้ะ

    ญาณังจิตตวิปปยุตตันติกถา อ่านว่า ยา นัง จิด ตะ วิป ปะ ยุด ตัน ติ กะ ถา
    อิทังทุกขันติกถา อ่านว่า อิ ทัง ทุก ขัน ติ กะ ถา
    อิทธิพลกถา อ่านว่า อิด ทิ พะ ละ กะ ถา
    จิตตสันตติ อ่านว่า จิด ตะ สัน ตะ ติ
    อโนตตัปปะ อ่านว่า อะ โน ตะ ตับ ปะ อะ โนด ตับ ปะ
    ธัมมัฏฐิตตากถา อ่านว่า ทัม มัด ถิด ตา กะ ถา
    สังวโรกัมมันติกถา อ่านว่า สัง วะ โร กัม มัน ติ กะ ถา
    กามาพจร อ่านว่า กา มา พะ จะ ระ ตัวนี้นิยมอ่าน กา มา พะ จอน
    สัทโทวิปาโกติกถา อ่านว่า สัด โท วิ ปา โก ติ กะ ถา
    สฬายตนกถา อ่านว่า สะ ลา ยะ ตะ นะ กะ ถา
    สัตตักขัตตุปรมกถา อ่านว่า สัด ตัก ขัด ตุ ปะ ระ มะ กะ ถา
    โกลังโกลเอกวีชีกถา อ่านว่า โก ลัง โก ละ เอ กะ วี ชี กะ ถา ( หมายเหตุ บางทีเราจะพบ เอ กะ พี ชี ก็มีเพราะแปลง เป็น พ)
    เอกพีชี อ่านว่า เอ กะ พี ชี
    ชีวิตาโวโรปนกถา อ่านว่า ชี วิ ตา โว โร ปะ นะ กะ ถา
    สัตตมภวิกกถา อ่านว่า สัด ตะ มะ พะ วิ กะ กะ ถา
    กัปปัฏฐกถา อ่านว่า กับ ปัด ถะ กะ ถา
    อทุกขมสุขเวทนา อ่านว่า อะ ทุก ขะ มะ สุก ขะ เว ทะ นา
    กุสลจิตตปฏิลาภกถา อ่านว่า กุ สะ ละ จิด ตะ ปะ ติ ลา พะ กะ ถา
    คิลานปัจจยเภสัชบริขาร อ่านว่า คิ ลาน นะ ปัด จะ ยะ เพ สัด บอ ริ ขาน คิ ลา น ปัด จะ ยะ เพ สัด ชะ บอ ริ ขาน
    อนันตราปยุตตกถา อ่านว่า อะ นัน ตะ รา ปะ ยุด ตะ กะ ถา
    มิจฉัตตนิยาม อ่านว่า มิด ฉัด ตะ นิ ยาม
    สัมมัตตนิยาม อ่านว่า สัม มัด ตะ นิ ยาม
    ความวิปฏิสาร อ่านว่า ความ วิ ปะ ติ สาน วิบ ปะ ติ สาน
    นิยตัสสนิยามกถา อ่านว่า นิ ยะ ดัด สะ นิ ยา มะ กะ ถา
    นีวุตกถา อ่านว่า นี วุด ถะ กะ ถา นี วุด ตะ กะ ถา
    สัมมุขีภูตกถา อ่านว่า สัม มุ ขี พู ตะ กะ ถา
    สมาปันโน อัสสาเทติกถา อ่านว่า สะ มะ ปัน โน อัด สา เท ติ กะ ถา สะ มา ปัน โน อัด สา เท ติ กะ ถา
    อสาตราคกถา อ่านว่า อะ สาด ตรา คะ กะ ถา อะ สา ตะ รา คะ กะ ถา
    ธัมมตัณหา อัพยากตาติกถา อ่านว่า ทัม มะ ตัน หา อับ พะ ยา กะ ตา ติ กะ ถา
    ธัมมตัณหา นทุกขสมุทโยติกถา อ่านว่า นะ ทุก ขะ สะ หมุด ทะ โย ติ กะ ถา สะ หมุ ทะ โย
    รสตัณหา อ่านว่า ระ สะ ตัน หา
    กุสลากุสลปฏิสันทหนกถา อ่านว่า กุ สะ ลา กุ สะ ละ ปะ ติ สัน ทะ หะ นะ กะ ถา
    เนกขัมมสัญญา อ่านว่า เนก ขัม มะ สัน ยา
    กามสัญญา อ่านว่า กา มะ สัน ยา กาม มะ สัน ยา
    อัพยาปาทสัญญา อ่านว่า อับ พะ ยา ปา ทะ สัน ยา
    กลละ อ่านว่า กน ละ กะ ละ ละ
    อนาสวะ อ่านว่า อะ นา สะ วะ
    อสัญโญชนียะ อ่านว่า อะ สัน โย ชะ นี ยะ
    อคันถนียะ อ่านว่า อะ คัน ถะ นี ยะ
    อโนฆนียะ อ่านว่า อะ โน คะ นี ยะ
    อโยคนียะ อ่านว่า อะ โย คะ นี ยะ
    อนีวรณียะ อ่านว่า อะ นี วะ ระ นี ยะ อะ นี วอ ระ นี ยะ
    อปรามัฏฐะ อ่านว่า อะ ปะ รา มัด ถะ
    อัญโญ อนุสโยติกถา อ่านว่า อัน โย อะ นุ สะ โย ติ กะ ถา
    ปริยุฏฐาน จิตตวิปปยุตตันติกถา อ่านว่า ปะ ริ ยุด ตะ ถาน จิด ตะ วิบ ปะ ยุด ตัน ติ กะ ถา ปะ ริ ยุด ถาน จิด ตะ วิบ ปะ ยุด ตัน ติ กะ ถา
    ปริยาปันนกถา อ่านว่า ปะ ริ ยา ปัน นะ กะ ถา
    อัพยากตกถา อ่านว่า อับ พะ ยา กะ ตะ กะ ถา
    อปริยาปันนกถา อ่านว่า อะ ปะ ริ ยา ปัน นะ กะ ถา
    ปัจจเวกขณา อ่านว่า ปัด จะ เว กะ ขะ นา ปัด จะ เวก ขะ นา
    อัทธากถา อ่านว่า อัด ทา กะ ถา
    ปรินิปผันนะ อ่านว่า ปะ ริ นิบ ผัน นะ
    ขณลยมุหุตตกถา อ่านว่า ขะ นะ ละ ยะ มุ หุด ตะ กะ ถา
    สัญญาเวทยิตกถา อ่านว่า สัน ยา เว ทะ ยิ ตะ กะ ถา สัน ยา เว ทะ ยิด ตะ กะ ถา
    กัมมูปจยกถา อ่านว่า กัม มู ปะ จะ ยะ กะ ถา
    สมวจีสังขาร อ่านว่า สะ มะ วะ จี สัง ขาน
    สุขานุปปทานกถา อ่านว่า สุ ขา นุบ ปะ ทาน นะ กะ ถา
    อธิคัยหมนสิการกถา อ่านว่า อะ ทิ คัย หะ มะ นะ สิ กา ระ กะ ถา
    รูปราโค รูปธาตุปริยาปันโนติอาทิกถา อ่านว่า รู ปะ รา โค รู ปะ ทา ตุ ปะ ริ ยา ปัน โน ติ อา ทิ กะ ถา
    อัตถิ อรหโต ปุญญูปจโยติกถา อ่านว่า อัด ถิ อะ ระ หะ โต ปุน ยะ ปะ จะ โย ติ กะ ถา
    สัพพมิทัง กัมมโตติกถา อ่านว่า สับ พะ มิ ทัง กัม มะ โต ติ กะ ถา
    อุทเทสภัต อ่านว่า อุด เท สะ พัด
    นวัตตัพพัง สังฆัสส ทินนัง มหัปผลันติกถา อ่านว่า นะ วัด ตับ พัง สัง คัด สะ ทิน นัง มะ หับ ผะ ลัน ติ กะ ถา
    ปฏิคคาหก อ่านว่า ปะ ติ คะ คา หก ปะ ติก คา หก
    มนุสสโลกกถา อ่านว่า มะ นุด สะ โล กะ กะ ถา

    ขอบพระคุณมากค่ะ

    Superluck :d

    อนุโมทนาจ้ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 สิงหาคม 2010
  17. ผ่อนคลาย

    ผ่อนคลาย Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    5,775
    ค่าพลัง:
    +12,934
    อนุโมทนาผู้ขวนขวายการอ่านพระไตรปิฎกทุกท่าน
    การอ่านทำให้เราเข้าใจและคุ้นเคย ทำให้เข้าใจในพระธรรมคำสั่งสอน

    :cool:
     
  18. superluck

    superluck Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +29
    แถมอีกหน่อยนะคะ

    [๑๔๘๒] ส. เจตนาที่เป็นวิบากอัพยากฤต ฝ่ายกามาวจร ฝ่ายรูปาวจร ฝ่ายรูปาวจร
    ฝ่ายโลกุตตระ ไม่มีวิบาก หรือ?

    อ่านว่า กา มา วะ จะ ระ หรือ กา มา วะ จอน
    รู ปา วะ จะ ระ หรือ รู ปา วะ จอน
    อะ รู ปา วะ จะ ระ หรือ อะ รู ปา วะ จอน

    ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ

    Superluck (deejai)

    สีเขียวจ้ะ

    อนุโมทนาจ้ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 สิงหาคม 2010
  19. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    มาถามการบ้านค่ะ.. ได้จ้ะน้องเจง

    อัพยากตธรรม อ่านว่า.. อับ พะ ยา กะ ตะ ทำ
    กามาวจรวิบาก อ่านว่า.. กา มา วะ จะ ระ วิ บาก
    อัพยากฤต อ่านว่า.. อับ พะ ยา กริด

    ขอบคุณล่วงหน้า และขออนุโมทนาค่ะ..สาธุ ๆ ๆ

    อนุโมทนาจ้ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 สิงหาคม 2010
  20. superluck

    superluck Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +29
    พีผ่อนคะ ช่วยตรวจคำอ่านด้านล่างด้วยค่ะ ได้จ้ะ


    ธัมมเทสนากถา อ่านว่า ทำ มะ เท สะ หนา กะ ถา ทำ มะ เท สะ นา กะ ถา ก็ได้จ้ะ


    คันธชาติกถา อ่านว่า คัน ทะ ชา ติ กะ ถา
    ฌานันตริกกถา อ่านว่า ชา นัน ตะ ริ กะ ถา ชา นัน ตะ ริ กะ กะ ถา
    กิเลสชหนกถา อ่านว่า กิ เล สะ ชะ หะ นะ กะ ถา
    สามัญญผลกถา อ่านว่า สา มัน ยะ ผะ ละ กะ ถา
    อัจจันตนิยามกถา อ่านว่า อัด จัน ตะ นิ ยา มะ กะ ถา
    อสัญจิจจกถา อ่านว่า อะ สัน จิด จะ กะ ถา
    นิรยปาลกถา อ่านว่า นิ ระ ยะ ปา ละ กะ ถา
    สาสนกถา อ่านว่า สา สะ นะ กะ ถา
    อวิวิตตกถา อ่านว่า อะ วิ วิด ตะ กะ ถา
    ปรินิพพานกถา อ่านว่า ปะ ริ นิบ พา นะ กะ ถา
    อาเนญชกถา อ่านว่า อา เนน ชะ กะ ถา
    ธัมมาภิสมยกถา อ่านว่า ทำ มา ภิ สะ มะ ยะ กะ ถา
    อิสสริยกามการิกากถา อ่านว่า อิด สะ ริ ยะ กา มะ กา ริ กา กะ ถา
    ราคปฏิรูปกาทิกถา อ่านว่า รา คะ ปะ ติ รู ปะ กา ทิ กา กะ ถา ......กา เกินมา
    ............................รา คะ ปะ ติ รู ปะ กา ทิ กะ ถา

    ท้าวเวสสภู อ่านว่า ท้าว เวด สะ พู
    ท้าวเปตติราช อ่านว่า ท้าว เป ดะ ติ ราด
    ท้าวโสม อ่านว่า ท้าว โสม
    ท้าวยม อ่านว่า ท้าว ยม
    ท้าวเวสวัณ อ่านว่า ท้าว เว สะ วัน
    สาสวะ อ่านว่า สา สะ วะ
    อุจเฉททิฏฐิ อ่านว่า อุด เฉ ทะ ทิด ถิ
    สัสสตทิฏฐิ อ่านว่า สัด สะ ตะ ทิด ถิ

    ขอบพระคุณค่า

    superluck (f)

    อนุโมนาจ้ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 สิงหาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...