หลวงปู่สรวง...กับอภินิหารอัศจรรย์

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย มหาชินมาร, 23 สิงหาคม 2010.

  1. มหาชินมาร

    มหาชินมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +315
    คำบอกเล่าทั้งหมดนับจากนี้ไปผู้ที่ได้กรุณาเล่าให้ฟังยังมีชีวิตอยู่ และเป็นบุคคลเดียวที่ติดตามรับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่สรวงมานานแล้วอย่างน้อยๆก็ 30 ปีโน่นแหละที่ท่านได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดหลวงปู่สรวง จนแม้กระทั่งวันหลวงปู่มรณภาพคุณลุงท่านนี้ก็ไม่ได้ห่างจากหลวงปู่เลย

    จึงนับได้ว่าคุณลุงท่านนี้เป็นผู้ที่รู้เรื่องราวต่างๆของหลวงปู่สรวงมากที่สุด ,ละเอียดที่สุด ,จริงที่สุดอย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆในความน่าเชื่อถืออันเกี่ยวเนื่องไปถึงข้อมูล และประวัติของหลวงปู่สรวง

    หากจะมีการกล่าวถึงหลวงปู่สรวง ก็นับได้ว่าข้อมูลจากคุณลุงท่านนี้น่าเชื่อถือที่สุดมากว่าผู้ใดทั้งสิ้น

    หลวงปู่สรวงท่านเป็นพระที่มีประวัติความเป็นมาที่ค่อนข้างแปลก และมีวัติปฏิบัติที่ค่อนข้างจะพิสดารเป็นที่สุด นับตั้งแต่เคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวของพระธุดงค์มา

    ด้วยว่าท่านไม่อินังขังขอบกับกฎกติกาใดๆ ที่ได้มีการบัญญัติไว้เป็นระเบียบ ให้พระธุดงค์ได้ประพฤติปฏิบัติสืบต่อกันมาเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย

    จากคำบอกเล่าของคุณลุงท่านนี้ (บุญเลิศ เพียรเพิ่มพูน) หลวงปู่สรวงเป็นพระที่ชาวบ้านในเขตรอบนอกที่ห่างไกลจากตัวจังหวัด และห่างไกลจากความเจริญค่อนข้างจะรู้จักท่านเป็นอย่างดี แตกต่างจากชาวเมืองในเขตตัวจังหวัด ที่ไม่ค่อยจะได้ยินหรือรู้จักกิตติศัพท์ของท่านกันสักเท่าไหร่นัก บางคนไม่รู้จักหลวงปู่สรวงเลยก็มี และมีเป็นจำนวนมากเสียด้วย

    คุณลุงท่านนี้เริ่มรู้จักหลวงปู่สรวงเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2516

    มูลเหตุแห่งการรู้จัก มาจากการที่ คุณลุงท่านนี้มีอาชีพรับจ้างขุดสระน้ำ หรือบ่อน้ำตามอำเภอหรือหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกล และไม่ต้องการที่จะรอความช่วยเหลือจากทางราชการ ที่มีโครงการจากรัฐบาลมาขุดให้ชาวบ้านฟรี เพราะไม่รู้ว่าจะมีคิวมาถึงหมู่บ้านของตนเองเมื่อใด

    ประมาณกลางปี 2516 มีงานรับจ้างที่จะต้องไปขุดสระน้ำให้กับชาวบ้านในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ หลังจากตกลงรับปากรับคำกับชาวบ้านที่มาว่าจ้างกันเป็นมั่นเป็นเหมาะดีแล้ว เมื่อจวนใกล้ถึงวันและเวลาที่นัดหมายกันเอาไว้ก็ส่งทีมงานล่วงหน้าไปก่อน ตัวแกเองจะตามไปทีหลังในวันขุด
    เมื่อทีมล่วงหน้าข้าไปถึงพื้นที่แล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อมีชาวบ้านมาส่งข่าวให้ทราบว่า งานจ้างขุดสระน้ำที่ได้นัดหมายตกลงกันเอาไว้นั้น ขอเลื่อนออกไปก่อน วันนั้นไม่ว่าง และไม่มีใครสักคนว่างพอที่จะมาคอยบอกคอยดูในระหว่างที่การขุดจะดำเนินไป

    พรรคพวกที่ไปถึงก่อนก็งง อีตอนไปติดต่อก็เร่งให้รีบขุดเร็วๆ แต่พอถึงวันนัดกลับมาบอกว่าไม่ว่างไม่พร้อม ไม่อยู่ มันยังไงกันแน่

    ถามไถ่เอาความจากชาวบ้านเรียบร้อยแล้วทีมงานขุดสระน้ำของคุณลุงผู้นี้ก็ถึงกับมึนไป

    ที่บอกว่าถึงกับมึนงงก็เพราะสาเหตุที่ชาวบ้านยังไม่พร้อมที่จะให้ขุดสระน้ำ เป็นเพราะว่าในวันนั้นจะพากันไหว้พระธุดงค์องค์หนึ่ง ซึ่งจะธุดงค์ผ่านมาทางหมู่บ้านพอดี

    <!--coloro:#FF0000--><!--/coloro-->ฮ่วย...!!!<!--colorc--><!--/colorc-->

    จะไปไหว้พระ ทำไมถึงต้องไปหมดกันทั้งหมู่บ้าน ไม่มีใครยอมอยู่เฝ้าบ้าน หรือเฝ้าหมู่บ้านแม้แต่คนเดียวเลยหรือ

    ทุกคนต่างก็พร้อมหน้าพร้อมตา และพร้อมใจชวนกันไปกราบหลวงปู่พระธุดงค์นิรนามองค์นั้นหมดทั้งหมู่บ้านจริงๆหรือ

    คิดดูแล้วก็แปลกดี นอกจากแปลกแล้วก็ยังเกิดความอยากรู้อยากเห็นเพิ่มมากขึ้นอีกเป็นอันมาก

    ความสงสัยมันมีเยอะเสียจนทนไม่ไหว

    พระอะไรจะเรียกศรัทธาจากสาธุชนได้มากมายไม่มีประมาณปานนั้น

    ถึงกับยอมละทิ้งบ้านเรือนให้ร้างเจ้าของพร้อมกันทั้งหมู่บ้านอย่างนี้ เพียงเพราะว่าทุกคนต้องการจะไปกราบพระธุดงค์องค์นั้น

    คุณลุงยังเล่าต่อไปอีกว่า หลังจากพรรคพวกที่ล่วงหน้ามาก่อนได้แจ้งกลับไป ทำให้คุณลุงเองถึงกับอยากรู้อยากเห็นอยากดูให้เห็นกับตาของตนว่า พระธุดงค์องค์นี้เป็นใครมาจากไหนและมีคุณธรรมวิเศษอย่างไร ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันไปกราบท่านกันจนหมดหมู่บ้านอย่างนั้น

    ลำพังตัวของคุณลุงเอง แกก็เป็นผู้ฝักใฝ่ในธรรมะกับการบุญอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน พระองค์ไหนที่ว่าดัง พระองค์ไหนที่ใครเค้าลือว่าเก่ง ลุงแกเป็นไม่ยอมพลาด จะต้องไปกราบไปไหว้ให้เห็นกับตาตนเองและเป็นบุญแก่ใจตนเองให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่ฝั้น , หลวงปู่ขาว , หรือแม้แต่หลวงปู่หล้า คุณลุงแกก็ตระเวนไปกราบไปไหว้มาหมดแล้ว

    “หลานจะเชื่อมั๊ย ทันทีที่ลุงไปถึงหมู่บ้านนั้น ลุงเองต้องแปลกใจเป็นอันมากต่อสภาพที่ลุงได้เห็นในขณะนั้น ในหมู่บ้านไม่มีใครเหลืออยู่เลยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกเล็กเด็กแดง หรือแม้แต่ผู้เฒ่าชราที่ปกติจะถูกปล่อยให้อยู่โยงบ้านเสมอๆ ก็ไม่มีให้เห็นหรือมีให้ลุงได้ถามไถ่แม้แต่คนเดียว ลุงยังคิดเล่นๆเลยว่า นี่หากมีโจรมาปล้น โจรมันคงไม่ต้องออกแรงอะไรมากนัก แค่ขับรถมาจอดแล้วก็เดินเลือกเอาเลย อยากอะไรของบ้านหลังไหนก็ไม่มีปัญหา ยกมาใส่รถได้เลย และหากชาวบ้านกลับมาจากไหว้พระ ก็คงจะไม่รู้อีกนั่นแหละว่าหมู่บ้านของตนถูกโจรก๊กไหนมายกเค้าเอาไปจนเกลี้ยง นี่พูดถึงว่าถ้าหากมีโจรหลงทางผ่านมาเจอนะ”
    พ่อลุงบุญเลิศเล่าว่าคราวที่หมู้บ้านถึงกับร้างหนนั้น ถือว่าเป็นเหตุให้ได้พบหลวงตาสรวงเป็นครั้งแรก

    หลวงตาสรวงท่านมาที่หมู่บ้านอีกหมู่บ้านหนึ่ง ไกลจากหมู่บ้านที่พ่อลุงบุญเลิศไปรับงานขุดสระราวๆ20กว่ากิโล
    คนทั้งหมู่บ้านนี้เมื่อทราบว่าหลวงตามา ก็พากันหอบลูกจูงหลา่นไปกราบหลวงตาที่หมู่บ้านโน้นกันจนหมด

    พ่อลุงบุญเลิศเกิดข้อสงสัยว่าพระอะไรกัน ถึงกับให้คนทิ้งบ้านแจ้นไปหาจนบ้านร้างขนาดนี้
    ก็เลยตามไปดู

    "พอไปเห็น..โอ๊ยย..มันอะไรกันนักกันหนา..หลวงตานอนกลิ้งเกลือกอยู่กับขี้ดิน สกปรก ขี้ไคลขึ้นเป็นคราบ ขี้ตาก้อนเท่าเม็ดถั่ว น้ำลายก็ไหลเยิ้ม ขอโทษนะหลาน..หำก็โผล่ออกมาทั้งพวงอีกด้วย"

    พ่อลุงบุญเลิศเล่าว่า เกิดความเัอน็จอนาถแกมสมเพช
    ทั้งสมเพชหลวงตาและพวกชาวบ้าน
    พระก็เหมือนผีบ้า ชาวบ้านยิ่งบ้าหนักกว่าอีก มาแห่มาแหนล้อมหน้าล้อมหลังกราบพระบ้ากันประหลกๆ

    "พอนึกในใจเท่านั้น หลวงตาก็ทำปากจู๋ส่งเสียงจุ๊กๆ นิ้วชี้ก็เคาะลงที่พื้นดินป๊อกๆๆสามครั้ง..โน่น..แม่ไก่ มันกำลังหากินหาเลี้ยงลูกเจี๊ยบอยู่ฝูงหนึ่ง มันหยุดกึก หันกลับมา แล้วก็ทั้งบินทั้งวิ่งมาหาหลวงตา
    ทั้งแม่ทั้งลูกวิ่งกันปานกับกลัวจะมาไม่ทัน คือมันแย่งกันวิ่งสลับบินมาหาหลวงตาแบบรีบร้อนที่สุด..ตัวแม่ไก่มาหมอบนิ่งอยู่ข้าง ๆ หลวงตา ส่วนลูกๆพอมาถึงก็โดดขึ้นเล่นบนตัวหลวงตา..น่ารักมาก"

    พ่อลุงบุญเลิศบอกว่าตอนนั้นชักจะนึกแปลกใจแปลบปลาบเล็กๆเข้าบ้างแล้ว
    สักครู่หลวงตาสรวงก็เอานิ้วมือขีดลงพื้นดินเป็นวงกลมเล็กๆ
    จับลูกไก่ตัวหนึ่งวางใส่ในวงกลม
    แล้วท่านก็ลุกขึ้นเดินไปนั่งอยู่บนกระท่อม

    แม่ไก่กับลูกของมันทั้งฝูงก็ลุกขึ้นกลับออกไปหากินตามปกติเหมือนเดิม
    <!--coloro:#9932CC--><!--/coloro-->เว้นแต่ลูกไก่ตัวที่อยู่ในวงกลมเท่านั้น<!--colorc--><!--/colorc-->

    "มันนอนเล่นเหมือนมีความสุข จิกขนตัวเอง นอนเหยียดแข้งเหยียดขา ลุงย่องเข้าไปจับมันออกมาปล่อยนอกวงกลม มันก็กลับวิ่งเข้าไปอยู่ในวงกลมอีก จับมันออกมาอีกที มันก็กลับเข้าไปในวงกลมเหมือนเก่า"

    ตอนนี้พ่อลุงบุญเลิศตาสว่างแล้วขะรับ
    ลุกขึ้นเดินตามหลวงตาเข้าไปที่กระท่อม
    พอก้มลงจะกราบเท้า

    "ท่านชักเท้าหนีไม่ให้กราบ ลุงขยับตามไปจะกราบให้ได้ ท่านก็ชักเท้าหนีอีก ลุงจึงตัดสินใจจับขาท่านไว้ไม่ให้หนี จึงได้กราบสมใจ แล้วก็ขอขมาท่านว่า ลูกหลานผิดไปแล้ว มองคนก็แค่เปลือก ไม่ใด้มองถึงเนื้อใน จึงเป็นเหตุให้นึกประมาทครูบาอาจารย์"


    "แล้วลูกไก่ที่อยู่ในวงกลมล่ะ" ข้าพเจ้าถามพ่อลุงบุญเลิศ
    "อ๋อ..สักครู่หลวงตาทำปากเป่าลมไป มันจึงออกสามารถจากวงกลมวิ่งกลับไปหาแม่ของมันได้"
    "หลังจากนั้นพ่อลุงก็กลายเป็นผู้ติตดามหลวงตาไปจนตลอดชีวิต"
    "ไม่นะ..กว่าท่านจะยอมให้ติดตามก็อีกเป็นเดือน ระหว่างนั้นตามท่านไปอย่างเดียว ไม่ให้คลาดสายตา ไม่ว่าท่านจะไปที่ไหนก็ตาม "
    "ท่านก็ยอมให้ตามหรือขะรับ"
    "ท่านไล่ให้หนี ไม่ให้ตาม แต่ลุงเล่นลูกตื๊อไม่ยอมถอย ท่านไล่ เราก็หลบไปอยู่ห่างๆ พอเผลอๆก็กลับเข้ามา เป็นแบบนี้อยู่นาน จนกระทั่งวันหนึ่งลุงเหนื่อยหลาย หิวก็หิว ข้าวไม่ได้กินทั้งวัน เผลอหลับไปนานแค่ไหนไม่รู้ตัว ตื่นอีกทีเพราะว่ามีคนมาปลุก พอลืมตาก็มืดค่ำสนิทไปแล้ว"
    "หลวงตามาปลุก"
    "เปล่าๆ ท่านน่ะหนีไปแล้ว แต่เกิดเปลี่ยนใจให้ลูกศิษย์ที่ติดตามท่านประจำย้อนกลับมาปลุก"
    "อ้าว..ก็ไหนว่าท่านไม่มีลูกศิษย์"
    "ไม่เชิงลูกศิษย์..คือหลวงตาชอบจะมีผู้ติดตามประจำอยู่สามคน แต่ไม่ได้ติดตามพร้อมกันทั้งสามคน ท่านให้ตามแค่ทีละคนเท่านั้น แล้วทั้งสามคนเป็นพวกไม่เต็มบาทด้วยกัน คนไม่เต็มบาทนี่แหละมาปลุก มันบอกว่าหลวงตาไปแล้วๆๆ หลวงตาให้มาตามลุงให้ตามไป"
     
  2. มหาชินมาร

    มหาชินมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +315
    <TABLE class=ipbtable cellSpacing=0><TBODY><TR><TD class="post1 post_left" vAlign=top>
    </TD><TD class=post1 id=post-main-2411 vAlign=top width="100%"><!-- THE POST 2411 -->[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    อยากให้ลองพิจารณาภาพทั้งสามนี้ว่าพอจะเห็นแปลกบ้างไหม
    ภาพแรกถ่ายเมื่อปี2516
    ภาพที่2และ3ถ่ายก่อนหลวงปู่สรวงมรณภาพแค่เดือนหรือ2เดีอนเท่านั้น

    บุรุษที่อยู่ในภาพทั้งสองคือพ่อลุงบุญเลิศ เพียรเพิ่มพูน
    ขณะที่ถ่ายภาพแรกกับหลวงปู่พ่อลุงอายุ26ปี
    ภาพที่2และ3ถ่ายเมื่อปี2543 พ่อลุงมีอายุ53ปี

    คนที่เราเห็นกับตาเลยขะรับว่าแก่เฒ่าไปจริงๆคือพ่อลุงบุญเลิศ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. มหาชินมาร

    มหาชินมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +315
    พ่อลุงบุญเลิศเล่าต่อไปว่า
    "หลวงตาท่านรออยู่อีกที่หนึ่ง ไกลพอสมควร ท่านพาเดินไปเรื่อยๆ ไม่รู้จะพาไปไหน ไฟฉายก็ไม่มี เดินตามท่านไป จนไปทะลุถึงหมู่บ้า่นหนึ่ง ท่านไปปลุกชาวบ้าน บอกให้เขาหาข้าวให้ลุงกิน ท่านว่าหาข้าวให้ลูกชายกินหน่อย ลูกชายหิวข้าว บ้านนั้นเอาปลากระป๋องมาเปิดให้กินกับข้าวเหนียว หิวจนตะกรุมตะกราม กินเกลี้ยงไม่มีเหลือ หลวงตาหัวเราะชอบใจ..ตั้งแต่นั้นท่านเรียกลุงว่าลูก แล้วก็ยอมให้ติดตามท่านตลอดมาอย่างที่รู้ๆกันนั่นแหละ"

    พ่อลุงบุญเลิศตื๊อจนหลวงตาสรวงใจอ่อน
    ในท้ายสุด
    ได้กลายเป็นคนขับรถให้หลวงตาสรวงเพื่อด้นธุึดงค์
    จรดลไปทั่วแว่นแคว้นแดนดิน
    เกิดสมญานามอีกหนึ่งว่า<!--coloro:#4169E1--><!--/coloro--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->หลวงตาทางหลวง<!--sizec--><!--/sizec--><!--colorc--><!--/colorc-->

    พ่อลุงบุญเลิศเล่าว่าเรื่องนี้เกิดหลังจากเริ่มติดตามหลวงตาสรวงช่วงแรกๆ
    ท่านพาเดินป่าขึ้นไปพักอยู่บนเขาในเขตอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
    มีลูกศิษย์ไม่เต็มบาทไปด้วยอีกคนหนึ่ง

    ราวๆบ่ายของวันหนึ่ง หลวงตาบอกพ่อลุงบุญเลิศให้ก่อไฟเตรียมไว้ ตัวท่านจะไปหาปลามาให้กิน
    ท่านหายไปสักพักก็กลับมาพร้อมปลาช่อนตัวขนาดหน้าแข้ง
    ยังดิ้นกระแด่วไม่ทันตาย

    พอมาถึงท่านหักคอปลาดังกร๊อบ

    พ่อลุงบุญเลิศเล่าว่าถึงกับร้องครางในใจอยู่คนเดียว เอ๊า..เป็นไงเป็นกัน ก็มันหิวเต็มที

    หลวงตาลงมือเผาปลาด้วยตัวเอง เอาไม้คอยเขี่ยคอยพลิก กลิ่นปลาเผาหอมจนน้ำลายแตกเต็มปาก

    พอปลาสุกท่านก็แบ่งปลาออกเป็น3ส่วน
    ส่วนหางให้คนไม่เต็มบาท
    ส่วนกลางให้พ่อลุงบุญเลิศ
    ส่วนหัวท่านฉันเอง

    พ่อลุงบุญเลิศเล่าว่า ปลาอร่อยมาก ทั้งสดทั้งเหนียวพอดีกิน เสียแต่ว่ากินลำบากอยู่บ้าง ต้องค่อยๆลอกหนังปลาออก ไม่ให้ขี้เถ้าเปื้อนเนื้อปลา
    ลอกหนังแล้วก็กองไว้ที่ก้อนหินข้างๆตัว
    ก้างปลาก็กองรวมไว้ด้วยกัน

    หลังจากอิ่มดีแล้ว หลวงตาเรียกให้รีบลุกขึ้นตามท่านลงไปทำน้ำมนต์็ให้ชาวบ้านที่หมู้บ้านตีนเขา
    พอลงเขามาเห็นชาวบ้านเตรียมครุน้ำถังน้ำนั่งรอกันสลอน อย่างกับว่านัดกันไว้

    หลวงตา็ก็แค่นิ้วมือจุ่มลงไปแกว่งในน้ำให้ทีละราย เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ
    ชาวบ้านถวายเงินคนละ10บาท,20บาท ท่านไม่รับ ส่งเงินคืนให้ชาวบ้านหมด

    "เขาไม่รู้ทำไง ก็เลยไปตักข้าวสารมาให้ บอกว่าเอาขึ้นไปหุงกินบนเขา"

    เมื่อกลับขึ้นมาถึงที่พักบนเขา จวนมืดแล้ว พ่อลุงบุญเลิศจึงเตรียมหุงข้าวกินมื้อเย็น

    "เห็นแปลก..หนังปลากับก้างปลาที่เราลอกแกะทิ้งไว้บนก้อนหิน กลายเป็นเปลือกมันสำปะหลัง เท่านั้นแหละจึงร้องเอะอะใส่ท่าน โอ๊ยยๆ..หลวงตาตั๋วข้าน้อย หลวงตาตั๋วแล้ว"
    (ตั๋ว-โกหก,หลอกลวง,)

    หลวงตาก็แค่หัวเราะอยู่หยุมๆ

    "เราเลยไปสำรวจดู เดินตามรอยเท้าที่ท่านหายไปหาปลา ก็ไปเห็นรอยขุดหัวมันสำปะหลัง เราไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า แถวนั้นมันมีน้ำมีห้วยมีธารที่ไหน หลวงตาจะไปเอาปลามาได้ไง" <!--IBF.ATTACHMENT_2431--><!-- THE POST -->
     
  4. มหาชินมาร

    มหาชินมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +315
    หลวงตาสรวงช่วยคนคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย<!--sizec--><!--/sizec--><!--colorc--><!--/colorc-->

    คุณบุญเลิศเล่าว่า,ลูกศิษย์เมืองจันทบุรีชื่อคุณนก มารับเอาตัวหลวงตาสรวงไปพักที่บ้านของเธอ ใกล้ชายแดนเขมร คลับคล้ายว่าอยู่ในเขตคลองลึก จำชื่อหมู่บ้านไม่ได้

    โดยรับเอาตัวหลวงตาไปก่อนหวยออกไม่กี่วัน
    คือมีแผนจะเอาหวยจากหลวงตานั่นเอง

    หลวงตาก็ได้ให้หวยจนคุณนกและชาวบ้านถูกกันถ้วนทุกคน

    หลังถูกหวยแล้ว คุณนกยังคงรั้งตัวหลวงตาไว้ไม่ปล่อยให้กลับ ตั้งใจให้อยู่บอกหวยงวดต่อไปอีกงวด ทั้งยังขัดกระแสต้องการให้หลวงตาอยู่ต่อไปจากชาวบ้านไม่ได้

    งวดต่อมาหลวงตาให้หวยถูกอีก
    คนรวยหวยมากกว่างวดที่แล้ว หลายคนที่เชื่อมั่นทุ่มแทงได้เงินมากมายกันทั้งหมู่บ้าน

    คุณนกทำท่าจะรั้งตัวหลวงตาไว้อีก ไม่ยอมให้หนีกลับศรีสะเกษ

    ร้อนถึงคุณบุญเลิศซึ่งพักอยู่บ้านในเมืองอุบล

    "ผมฝันครับ, ฝันว่าหลวงตามาหา บอกให้ช่วยไปรับที อยากกลับแล้ว..เรื่องฝันเห็นหลวงตามาบอกให้ไปรับ ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก คือก่อนหน้านั้นก็ฝันมาหลายหน ทุกหนก็เป็นเรื่องจริงๆคือหลวงตาต้องการให้ไปรับ จึงรีบขับรถออกจากบ้านไปเมืองจันทน์ทันที"

    พอไปถึงหลวงตาวิ่งมาหาที่ประตู แสดงอาการดีใจ จะขึ้นรถกลับ ใครก็ทัดทานไม่อยู่
    ชาวบ้านแห่กันมาล้อมรถ ต้องเจรจากันนิดหน่อย เขาจึงยอมให้พาหลวงตากลับ

    ก่อนกลับชาวบ้านทุกคนพากันมาถวายเงิน
    รวมๆแล้วได้40,000บาทถ้วนพอดี

    <!--coloro:#8B0000--><!--/coloro-->ปกติหลวงตาไม่รับเงิน ใครถวายจะส่งคืน ถ้าเซ้าซี้จะให้รับไว้ หลวงตาจะเผาเงินนั้นทิ้งต่อหน้าต่อตา<!--colorc--><!--/colorc-->
    ท่านว่า
    <!--coloro:#8B0000--><!--/coloro--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->"ของไม่ดี คนตีกัน ฆ่ากัน แย่งชิงกันก็เพราะสิ่งนี้ เงินเป็นของไม่ดี"<!--sizec--><!--/sizec--><!--colorc--><!--/colorc-->

    <!--coloro:#008000--><!--/coloro-->แต่ว่าคราวนี้แปลกท่านรับเงินทั้งหมดไว้แล้วใส่เก็บลงย่าม<!--colorc--><!--/colorc-->

    ต้องเข้าใจธรรมชาติของหลวงตากับคนขับรถ(คุณบุญเลิศ) เมื่อหลวงตาขึ้นรถแล้ว จะไปที่ไหนจะไปหนใด ก็สุดแต่หลวงตาจะชี้นิ้วให้ขับไป
    ท่านให้ขับเลาะไปตามถนนเลียบชายแดน ผ่านหมู่บ้านแปลกๆไปเรื่อย จนกระทั่งผ่านหมู่บ้านเล็กๆ(จำชื่อไม่ได้) หมู่บ้านนี้อยู่ใกล้อรัญประเทศ คือห่างจากอรัญฯราว15-20กม.เท่านั้น

    เพียงแค่ผ่านเลยหมู่บ้านมาไม่ไกลเท่าไหร่
    หลวงตาล้วงเงิน 40,000 บาทโยนออกหน้าต่างทิ้งตรงข้างทาง

    "ผมเบรคตัวโก่งเลยครับ,จะถอยรถกลับไปเก็บเงิน,หลวงตาบอกไม่เอาๆเงินของเขา ทิ้งไปๆ"
    คุณบุญเลิศนึกเสียดายจนร้อนรนอยู่ในใจ
    "เงินตั้ง40,000นะ ใครไม่เสียดาย แทนที่จะโยนทิ้ง ยกให้เราก็ยังจะดีกว่า ทีนี้ใจมันก็คิดแต่เรื่องเงิน จะหาทางกลับไปเอาเงินนั้นให้ได้ พอดีมองเห็นวัดอยู่ริมทาง เลี้ยวเข้าไป ส่งหลวงตาขึ้นไปบนศาลา บอกว่าหลวงตาคอยอยู่นี่ก่อน ผมมีธุระ ขอไปทำธุระเดี๋ยวเดียวจะกลับมา"

    หลวงตาหัวเราะหยุมๆไม่ว่าอะไร

    ย้อนรถกลับมาบริเวณที่หลวงตาโยนเงินทิ้ง จอดรถหาอย่างไรก็ไม่เจอ

    "แน่ใจว่าจำไม่ผิด ตรงนี้แน่นอน แต่หาไม่พบ ฉุกใจคิดได้ว่าอาจมีใครเก็บเอาไป จึงขับรถไปที่หมู่บ้านใกล้ๆที่เพิ่งผ่านมา เห็นคนออกันอยู่ศาลากลางบ้านเป็นกลุ่มใหญ่ จอดรถเดินเข้าไปถาม มีใครเห็นถุงเงิน40,000บ้างไหม เป็นเงินหลวงตา ท่านลงไปถ่ายอุจาระตรงข้างทางแล้วลืมไว้"

    คุณบุญเลิศโกหกไปตามเรื่อง

    "ผมนี่แหละครับเก็บไปได้" ชายผู้หนึ่งออกมารับเรื่องนี้อย่างองอาจผึ่งผาย
    "โอ๊ย,ดีหลาย นึกว่าจะสูญเงินไปแล้ว ว่าแต่ไปเห็นเงินนี้ได้ยังไง"
    <!--coloro:#800080--><!--/coloro-->"ผมจะไปผูกคอตายแถวนั้น เห็นถุงเงิน เปิดมานับดู มี4หมื่นพอดีเลย"<!--colorc--><!--/colorc-->
    "อ้าว,จะฆ่าตัวตายทำไม แล้ว4หมื่นน่ะพอดีอะไร"
    "ผมเอาที่เอาบ้านไปจำนองเขาไว้4หมื่น ไม่มีเงินไถ่ เขากำลังจะมายึด พอ่แม่พี่น้องผมจะไม่มีที่อยู่ พากันลำบากเพราะผม กลุ้มใจคิดหาทางออกไม่เจอ เป็นความผิดของผมที่ทำให้พ่อแม่พี่น้องเิดือดร้อน
    เงินค่าไถ่ก็หาไม่ได้เลยคิดอยากตาย"
    "........."
    "ผมเอาเงินที่เก็บได้มาที่นี่ บอกผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านให้มาเป็นพยาน ว่าเงินนี้ผมเก็บได้ สงสัยว่าจะเป็นเงินของพระอยู่เหมือนกัน รอว่าถ้าไม่มีใครมาขอรับเงินคืน ผมจะเอาเงินนี้ไปไถ่บ้าน เมื่อพ่อลุงมาบอกว่าเป็นเงินพระลืมไว้ ผมก็จะคืนให้"

    คุณบุญเลิศถึงกับซึม
    เดินกลับมาที่รถ สตาร์ทเครื่องไม่พูดไม่จา
    ชาวบ้านมองตามงงๆ
    ก่อนออกรถจึงกล่าวว่า
    "เงินนี่หลวงตาไม่ได้ลืมไว้หรอก หลวงตาท่านให้เจ้านั่นแหละ เอาไปไถ่บ้านเถอะ"
    "เดี๋ยวก่อนครับหลวงตาที่ไหน"
    "เจ้าไม่รู้จักหรอก รีบไปซะ,เอาไปไถ่บ้านเร็วๆก่อนจะถูกยึดนะ"

    ว่าแล้วก็ออกรถไปด้วยหัวใจเบิกบานเป็นสุข
    นึกเคารพรักหลวงตามากกว่าเก่าอีกไม่รู้กี่เท่า

    ส่วนชายชาวบ้านผู้คิดสั้น มองตามรถจนหายลับไปจากสายตา
    เขาไม่มีทางเข้าใจอะไรได้เลย
    <!--coloro:#006400--><!--/coloro-->ไม่มีวันเข้าใจ<!--colorc--><!--/colorc-->

    [​IMG]
     
  5. มหาชินมาร

    มหาชินมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +315
    บุญเลิศ เพียรเพิ่มพูน<!--sizec--><!--/sizec--><!--colorc--><!--/colorc-->
    ปัจจุบันอายุ62ปี

    [​IMG]
     
  6. มหาชินมาร

    มหาชินมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +315
    หลวงปู่สรวงช่วยชีวิตพ่อ – ลูก<!--sizec--><!--/sizec--><!--colorc--><!--/colorc-->

    เป็นข่าวล่าสุดส่งมาจากทางจังหวัดอุบลฯ เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆ ควันไม่ทันจางดีหรอกครับ เรื่องนี้ฟังแล้วก็เห็นว่าแปลกอยู่ไม่น้อย

    กระทาชายนายหนึ่งอาศัยอยู่ละแวกวัดเจียเจีย ก็วัดที่จะทำพิธีพุทธาภิเสกรูปเหมือนเนื้อว่านลอยองค์หลวงปู่สรวงรุ่นล่าสุด และหากความจำของผมไม่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน รุ่นนี้น่าจะพออนุโลมให้เป็นรุ่นแรกได้ เพราะเป็นการสร้างโดยลูกศิษย์ที่ติดตามรับใช้ใกล้ชิดลูกปู่มาตั้งแต่ปี 2516โน่นแน่ะ

    รายละเอียดส่วนอื่นในการจัดสร้างท่านอาอำพลได้แจ้งไปบ้างแล้ว ค่อนข้างจะครบถ้วนสมบูรณ์ ช่วงท้ายๆของเรื่องสำหรับตอนนี้จะมีข้อมูลล่าสุดมาบอกเพิ่มเติมอีกที ยังไงก็ลองตามดูก็แล้วกันนะครับ รับรองว่าถูกใจหลายๆท่านแน่นอน

    ทีนี้มาว่ากันต่อเกี่ยวเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นและเป็นการเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ไม่มีใครต้องการที่จะให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตัวเองหรอก ผมเชื่อว่าอย่างนั้น และผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครอยากจะให้เกิดกับตน

    ผมเองก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้กับตัวผม ไม่ว่าจะเป็นการบังเอิญหรือเป็นความตั้งใจของใครก็ตามที

    ไม่ว่ายังไงผมก็ยังรู้สึกว่าโลกนี้มันยังน่าอยู่ แม้บางทีจังหวะชีวิตมันจะเห่ยๆไปบ้าง แต่ผมก็ยังรักที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ต่อไปอยู่ดี

    หรือว่ามีใครอยากจะถูกยิงด้วยปืนลูกซองบ้าง

    คำตอบน่าจะเป็นไปในทางเดียวกันในความเห็นของผม ก็คือ ใครมันจะบ้าถึงขนาดอยากถูกยิงวะ

    ปกติของปุถุชนคนทั่วไปย่อมอยากจะอยู่อย่างสงบ ในมุมและในส่วนของตนเองกันทุกผู้ทุกคนเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว

    ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นตัวละครตัวหลักในเรื่องนี้ก็เช่นกัน เขาก็เป็นคนที่ชอบจะอยู่ในที่หรือในมุมที่เขาชอบ และด้วยความที่มีนิวาสสถานอยู่ใกล้วัด ยามที่มีเวลาวางจากงานส่วนตัวก็จึงมักจะเข้าไปช่วยงานในวัดใกล้บ้านอยู่บ่อยๆ วัดใกล้บ้านที่พูดถึงนี้ ก็คือวัดเจียเจียที่กำลังจะสร้างตำนานในเส้นทางสายขลังขึ้นอีกวัดหนึ่ง ด้วยบารมีของหลวงปู่สรวง

    แล้ววัดเจียเจียอยู่ที่ไหน

    วัดเจียเจียที่กล่าวถึงในเรื่องอยู่ที่ อ. วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี แต่ไม่ได้อยู่ในตัวอำเภอซะทีเดียว อยู่ห่างจากตัวอำเภอพอสมควร จุดสังเกตที่ง่ายที่สุดคือ วัดนี้ตั้งอยู่ใกล้ ม. อุบลฯ หากจะไปวัดนี้ต้องหาทางไปให้ถึง ม.อุบลฯเสียก่อน หลังจากนั้นก็จะหาวัดนี้เจอได้อย่างไม่อยากเย็นนัก

    ชายผู้ฝักใฝ่ในวิถีทางพุทธศาสนาคนนี้ ยามที่เขาว่างจะเข้าไปคอยช่วยงานในวัดอยู่เป็นนิจ จนเป็นที่พอใจของท่านเจ้าอาวาสยิ่งนัก

    ในสัปดาห์ที่ผ่านมาทางวัดมีการต่อเติมศาสนะสถานในบริเวณวัดหลายอย่าง เขาผู้นี้ก็ไม่รีรอที่จะเข้าไปช่วยอย่างขมีขมัน และตั้งอกตั้งใจโดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ทุ่มเทแรงกายแรงใจช่วยจนงานของวัดเจียเจียสำเร็จลุล่วงลงไปด้วยดี

    เมื่องานสำเร็จเสร็จตามประสงค์แล้ว ท่านเจ้าอาวาสก็เมตตาหยิบรูปหล่อลอยองค์เนื้อว่านสีดำให้หนุ่มผู้นี้ไปหนึ่งองค์ เป็นการตอบแทน เนื่องจากรู้ว่าเจ้าตัวเค้าอยากได้

    รูปหล่อลอยองค์เนื้อว่านที่หลวงพ่อเจ้าอาวาสหยิบให้ไปนั้นเป็นแบบที่ติดจีวรสองสี หรือพูดง่ายๆก็คือเป็นแบบที่ท่านอาอำพลลงปั๊มเองที่สำนักห้วยไผ่อาศรม พระขุดนี้เมื่อปั๊มเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้มีการไปเก็บรักษาไว้ที่วัดเจียเจีย เพื่อรอการทำพิธีให้ครบถ้วนเสียก่อน ก่อนที่จะดำเนินการจัดส่งให้กับผู้ที่สนใจและลงชื่อจองเอาไว้

    ด้วยความที่ชายผู้นี้นับถือหลวงปู่สรวงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงอยากได้ ถึงแม้จะยังไม่ได้นำเข้าพิธีเสกอย่างเป็นทางการก็ตามที เขารู้แต่เพียงว่า ได้มีการนำเอาจีวรของหลวงปู่สรวงมาแปะติดเอาไว้ที่ใต้ฐานเท่านั้น ซึ่งในความรู้สึกของเขา เขาบอกว่า แค่นี้ก็เกินพอแล้ว ไม่ต้องรอให้ทำพิธีก็ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ขอเพียงมีของของท่านผสมรวมอยู่ด้วย ก็เพียงพอแล้ว

    เมื่อได้รับพระไปแล้ว ชายผู้นี้ก็นำรูปหล่อลอยองค์ของหลวงปู่สรวงที่ได้มานี้ติดตัวไปด้วยตลอดเวลา ไม่ยอมให้ห่าง ไม่ว่าจะไปที่ไหนหรือทำอะไร เขาจะพกรูปเหมือนลอยองค์ของหลวงปู่สรวงอยู่ตลอดเวลา

    แล้ววันหนึ่งขณะที่กำลังพักผ่อนอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงชาวบ้านร้องบอกว่ามีวัยรุ่นต่างถิ่นมารุมตื้บลูกชายของตัวเอง ด้วยความรักความห่วงใยที่มีต่อลูกชายมาก กลัวว่าลูกชายจะบาดเจ็บ หรือเป็นอะไรมาก จึงวิ่งออกไปหวังจะไปช่วยลูกชายให้พ้นจากการรุมสหบาทาของวัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่ง

    ขณะที่วิ่งเข้าไปเพื่อจะช่วยลูกชายนั้นก็ไม่คิดหรอกว่า วันรุ่นกลุ่มนั้นจะพกพาอาวุธมาด้วย เมื่อวิ่งเข้าไปใกล้หนึ่งในวัยรุ่นกลุ่มนั้นหันมาเห็นเข้า ก็ไม่รีรอ ชักปืนพกสั้น เป็นปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ ออกมายิงใส่ที่หน้าของชายคนนั้นทันที

    ความเป็นห่วงลูกชายว่าจะบาดเจ็บและอยากจะช่วยลูกชายมีมาก จึงทำให้ขาดการระวังตัวเท่าที่ควร เป็นผลให้ถูกยิงเข้าอย่างจังที่บริเวณใบหน้า ถึงกับหงายหลังล้มลงไปทันที

    ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ในวันนั้น ล้วนเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆว่า ชายคนนั้นตายแน่ๆ ถูกยิงระยะประชิดอย่างนั้น กระเด็นหงายหลังอย่างนั้น เปอร์เซ็นต์การรอดเหลือเท่ากับศูนย์แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย

    แต่...อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ในโลกบูดๆเบี้ยวๆใบนี้

    ชายคนที่ถูกยิงไม่ตาย ไม่ใช่ยิงไม่ถูก คนยิงมันยิงถูก ชาวบ้านก็เห็นว่าเขาถูกยิง

    ใช่...เขาถูกยิงจริงๆ แต่ลูกปืนไม่ได้ระคายผิวหรือเจาะชอนไชเข้าไปในร่างกายหรือใบหน้าของชายคนนั้น อย่างที่ควรจะเป็น ลูกปืนกลับแปะติดอยู่ที่ใบหน้าของชายคนนั้นส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งปลิวหายไปไหนไม่รู้

    ส่วนใบหน้าของชายที่ถูกยิงนั้น หลังจากที่ลุกขึ้นได้แล้วทุกคนที่เห็นถึงกับอึ้ง เพราะว่านอกจากจะมีลูกปืนแปะติดอยู่ ก็มีอีกอย่างหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมา คือความดำจากเขม่าของดินปืนที่เกิดขึ้นขณะที่วัยรุ่นคนนั้นยิงใส่ ทำให้ใบหน้าของชายคนนั้นดำไปทั้งใบหน้า

    เมื่อเหตุการณ์ดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ววัยรุ่นกลุ่มนั้นก็เกิดอาการตกใจกลัว พากันวิ่งหนีไปหมด โดยเฉพาะไอ้มือปืนที่เป็นคนลงมือยิง มันคงไม่คิดว่า ชีวิตของมันจะต้องมาเจอะมาเจอเข้ากับเรื่องเหนือธรรมชาติเข้าอย่างนี้ จึงโกยไม่เหลียงหลัง

    หลังจากคู่อริของลูกชายวิ่งหนีหายกันไปหมดแล้ว ชายคนนั้นก็ถูกรุมล้อมไปด้วยชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ และถูกรุมล้อมไปด้วยคำถามมากมาย ชายผู้นั้นตอบคำถามทั้งหลายด้วยแรงศรัทธาที่มีต่อหลวงปู่สรวงอย่างประมาณไม่ได้ว่ามี
    มากเท่าใดออกไปว่า

    “ในตัวผมมีหลวงปู่สรวงรุ่นนี้อยู่เพียงองค์เดียว................
     
  7. มหาชินมาร

    มหาชินมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +315
    <TABLE class=ipbtable cellSpacing=0><TBODY><TR><TD class="post1 post_left" vAlign=top>

    </TD><TD class=post1 id=post-main-2388 vAlign=top width="100%"><!-- THE POST 2388 -->[​IMG]
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] <!--IBF.ATTACHMENT_2388-->
    <!-- THE POST -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. มหาชินมาร

    มหาชินมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +315
    [​IMG]
     
  9. ลูกฮวก

    ลูกฮวก สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +4
    ประวัติหลวงปู่สรวง

    มีอ่านอีกไหมคับประวัติ
     
  10. Chanseenak

    Chanseenak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +506
    ขอน้อมกราบหลวงปู่ด้วยความเคารพอย่างสูงครับ
     
  11. sirapopch

    sirapopch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +1,100
    กราบหลวงปู่สรวงด้วยครับ
    กราบ 1 กราบ 2 กราบ 3
     
  12. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    สาธุครับ...

    ของดีหลวงปู่สรวงแนะนำ
    คลิกลิงค์ด้านล่างครับ...

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2013
  13. กุมารกัณฑ์

    กุมารกัณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +112
    สาธุครับ ชอบมากเลย
    ถึงพึ่งจะมาศึกษา ของหลวงปู่สรวง
    แต่ยิ่งหาอ่าน ก็ยิ่งรู้สึกศรัทธาท่านมากครับ
     
  14. ปัทมาวดี

    ปัทมาวดี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +32
    ขออนุโมทนาสาธุๆๆๆ กับเรื่องดีๆแบบนี้ ทำให้เรามีสติมากขึ้น ไม่มองคนแต่เปลือกนอก และไม่ประมาทในการในการปฏิบัติธรรมthx1
     
  15. Rei123

    Rei123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +266
    สาธุครับ
     
  16. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...