มาดูสมเด็จกัน

น้ำชาเฉย(อุ่นๆ)...ซักแก้วมั๊ยครับหลวงพี่บุพนิมิต..หายไปนานเลยนะครับ..
ขอบคุณที่เข้ามาเม้นท์ครับ....

 

ยังแอบด้อมๆมองอยู่เหมือนเดิมครับ...ท่านลูกเจี๊ยบ
แต่ไม่ได้เม้น...เพราะหมดมุกครับ...เลยแอบเชียร์อยู่เงียบๆ ฮ่าๆๆๆๆ

 

..(ขอเรียนเชิญ...เม้นท์ก็ได้นะครับ..ผมชอบยิ่งมีคนเม้นท์เยอะๆแหละครับยิ่งชอบ..)
แหะๆ ยังมิบังอาจครับ ผมพึ่งหัดเริ่มดู
แต่ถ้าจะแลกกับผม ละก้อ คริ คริ อิอิ

 

สงสัยผมต้องส่งกระแสจิต..:boo:ไปกระตุกท่านพี่XLM อีกสักรอบแล้วหล่ะครับ..คืนนี้..
เอาให้ตะหงิดๆแบบครั้งก่อนซะเลย...หุ..หุ..(อะ..ล้อเล่ง)

 

ขอคิดดูก่อนนะครับ..(ขอด้วยคนสิ).คริ..คริ..อิ..อิ...อุ..อุ..แอะ..แอะ..

 

จุ๊.จุ๊..อย่าเอ็ดไป...ท่านพี่XLMย่องมาเงียบๆแล้วครับ...

 

ตอบ คุณ ลูกjeab<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3694485", true); </SCRIPT>

ขออภัยที่ตอบช้านะครับ.........ความจริงกะว่าจะตอบตั้งแต่เช้าแล้วครับ.........
ทันทีที่คิดจะตอบ....งานก็ประดังเข้ามายังกะห่าฝนตอนเย็นเลยครับ หุหุหุ

ผมหละหวั่นใจจริงๆ ว่าการตอบอาจจะเผลอไปทำร้ายความรู้สึกคุณลูกเจี้ยบได้....
แต่ถ้าไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าการวิเคราะห์จะเป็นคำตอบสุดท้ายผมก็ยินดีร่วมวิเคราะห์ด้วยครับ....

เท่าที่ดูพระของคุณลูกเจี้ยบทั้ง 3 องค์ ผมเห็นด้วยกับคุณวาซาบิว่าเป็นพระล้างมาหนักมาก...เนื้อพระดูยากจริงๆ ครับ

ที่สงสัยคือการล้างพระเกิดขึ้นในสมัยไหนกันแน่...
ถ้าคุณลูกเจี้ยบล้างเองก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับผมกลัวแต่ว่าจะล้างมาจากโรงงานนี่สิที่น่ากลัวครับ....หุหุ

เริ่มจากพิมพ์ทรงนั้นถือว่าเป็นพิมพ์นิยมของหลวงวิจาร ทำได้ดีใกล้เคียงมากครับ...
ถ้าจะผิดพิมพ์ก็ตรงฐานสิงห์นี่แหละครับที่ดูจะไม่เนียนเท่าที่ควรครับ....

ผิวเนื้อเป็นปูนที่แลดูกระด้างมาก ไม่แน่ใจว่าใช่ปูนเปลือกหอยหรือเปล่า ?
มวลสารพวกเกสรหลุดออกจากเนื้อพระหมด...การหลุดของเกสรเหมือนว่าจะโดนความร้อนทำให้หลุดตัวออกไปครับ....

ส่วนผงพุทธคุณในเนื้อพระถือว่าผิดธรรมชาติตรงที่ เป็นการนำเศษแตกนำมาบดหยาบผสมลงในเนื้อเพื่อให้แลดูเหมือนผงพุทธคุณในเนื้อพระอันนี้ถือว่าเจตนาทำไม่ดีนัก....

ตัวประสานเนื้อพระไม่พบน้ำมันตั่งอิ๋วทำปฏิกริยาในเนื้อพระเท่าที่ควร....
นี่คือจุดอ่อนของการทำพระจำลองพิมพ์ระดับ A++ เนื่องจากตั่งอิ๋วจะทำให้เนื้อพระฉ่ำวิธีแก้เขาจึงต้องนำพระไปอบ และขัดล้างให้สีน้ำมันตั่งอิ๋วซีดลง...

ผมเดาว่าเนื้อในต้องขาวจ๋องแน่นอนครับ....ถ้าเป็นพระเก่าจริงคราบตั่งอิ๋วก็ต้องมีให้เห็นทั้งด้านในและด้านนอก ต่อให้ล้างพระอย่างไรความเก่าในเนื้อพระต้องยังคงอยู่ครับ....

ทีนี้ถ้าจะเดาว่าเป็นวัดไหน ?
สมมุติว่าเดาว่าเป็นวัดระฆัง ก็ยากอีก....เพราะพิมพ์นี้หลวงวิจาร
สร้างถ้าเป็นวัดระฆังผิวเนื้อต้องหนึกนุ่มซึ้งตาไม่แห้งกระด้าง...และก็ไม่มีเหตุผล
ที่จะต้องนำพระวัดระฆังไปล้าง

ถ้าตีว่าเป็นบางขุนพรหม ก็ยากอีก....เพราะถ้าบรรจุกรุจริงจะต้องมี
คราบกรุของบางขุนพรหมต่อให้ล้างหนักก็ต้องเห็นคราบน้ำมันตั่งอิ๋วเก่าในเนื้อพระบ้าง....ที่สำคัญบางขุนพรหมนั้นไม่แก่มวลสารพวกเกสรดอกไม้แล้วองค์นี้มายังงัยถึงมีรอยเกสรดอกไม้หลุดซะเยอะเชียว....

สรุป เก็บไว้ศึกษาเป็นครูได้ครับ....ถ้าไม่ซีเรียสก็ห้อยคอได้เลยครับคุณลูกเจี้ยบ

 

รอยแตก ทำไมเนื้อขาวจัง หรือว่าส่วนนั้นไม่ได้เข้ากรุ

ถ้าเป็นคราบกรุของจริง ต้องผุดจากเนื้อ เป็นคราบไขที่ล้างแล้วยังมีรากของคราบกรุยึดอยู่เลย คุณลองนึกถึงความเป็นจริงของการผุดอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ คุณจะเข้าใจเองว่า คราบน้ำปูนก็ดี คราบน้ำมันต่างๆที่ผุดออกมา จะเป็นลักษณะใด ผมคงสอนไม่ได้เรื่องอย่างนี้

ขอร้องให้บอกหน่อยนะครับ อย่าอ้างเป็นเซียน

ผมไม่ใช่เซียนอย่างที่คุณคิด ผมกำลังฝึกพวกที่ต้องการเป็นเทพ ให้ดูพระสมเด็จเป็นแบบเทพๆเค้าดูกัน

เซียนหนึ่ง บอกว่าใช่ อีกเซียนบอกไม่ใช่

ยังขาดเทพบุตรxlmen อีกคน รอท่านหน่อย จะได้รู้กันไปว่า ดูต่างกันหรือไม่ อย่างไร


อนุโมทนา

 

ยังขาดเทพบุตรxlmen อีกคน รอท่านหน่อย จะได้รู้กันไปว่า ดูต่างกันหรือไม่ อย่างไร
อ้าว ผมคิดว่าคุณxlmenเป็นคนเดินดินกินข้าวแกงไหนกลายเป็นเทพบุตรไปได้
สงสัยจริงๆมีเทพบุตรแค่2องค์ ก็สู้ 5 จตุรเทพฮ่องกงไม่ได้สิ

 

ขอขอบพระคุณมากครับ.ทั้งท่านพี่WSB-XLM..(ไม่ต้องซีเรีนสครับว่าจะไปทำร้ายความรู้สึกผมรึป่าว)..จริงๆแล้วผมว่าการได้คำตอบตรงๆ
เป็นสิ่งที่ดีสำหรับผมนะ...(คนอื่นๆผมไม่ทราบ)..คงไม่ต้องอธิบายหรือหาเหตุผลอะไร...(หรือจะเอาสักหน่อย)..ได้เลย..จัดไป..
"การที่ท่านพี่..วิเคราะห์ให้ทราบถึงรายละเอียด..ก็เพื่อเอาไว้ใช้ขัดเกลา..ความรู้ความเข้าใจ...
ให้เกิดปัญญาที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการคันหาต่อๆไป...."..(ชัดเจนมั๊ยครับ)..หรือจะเอาอีก..เดี๊ยะๆ.จัดให้อีก.(เฮ้ยๆ.กลับมาๆ)..แฮ่..ล้อเล่งนะครับ

พระทั้ง 3องค์ผมเป็นคนล้างเองทั้งหมด...ใช้วิธีแบบที่ท่านพี่ทั้ง 2ท่านวิเคราะห์มานั่นแหละครับ..(ตรงเป๊ะ)
แต่ขอเติมอีกนิดครับ..ผมใช้ยาสีฟัน+แปรงลงไปอีกทีด้วยครับ..แฮ่..

...อีกนิดนึงครับ...คำที่กล่าวว่า..เก๊ดูง่าย กับ แท้ดูยาก...ความหมายของศัพท์คำนี้..มันใกล้เคียงกัน หรือเหมือนกันมั๊ยครับ..(ม่ายรู้เอาไรมาถาม)...แหะๆ

...อ้อ..แล้วอีก 2องค์..Sameๆ..แบบองค์นี้ด้วยมั๊ยครับ..(เนื่องจากด้วยเหตุผลต่อไปนี้ครับ)
เพราะว่าพระทุกองค์ที่ผมเก็บอยู่นั่นหมายถึงคงต้องตกทอดไปถึงลูกหลานอย่างแน่นอน..เพราะนั้น..
อีก 20-60 ปีข้างหน้าผมคงไม่อยากให้ลูกหลานเคลือบแคลงสงสัยว่า พ่อหรือปู่..ของตูบูชาพระแทัรึป่าว..ฟ่ะ
เพราะถึงเวลานั้นจริงๆ...ผมอาจจะไม่ได้อยู่รอให้ลูกๆหลานถามหาคำตอบ..เพื่อได้รับรู้ความจริง..แล้วก็ได้.(จริงมั๊ยครับ)..แหะๆ

 

ขอถามคุณXlmen(ถามประดับความรู้ มิได้ลองภูมิ อย่าคิดเป็นอื่น)
รอยจ้ำปูน ใช่รอยเหนอะหนะหรือไม่ ผมดูแล้วมันคล้ายๆกัน
คือว่าพอดีผมเคยเข้าไปดูหลายๆ web บางที่บอกว่ารอยจ้ำปูนหรือไอ้รอยเหนอะหนะที่ผมคิดเองว่ามันเป็นอันเดียวกัน เกิดจากการที่ส่วนผสมมวลสาร
มีความเหลวมาก(ประมาณว่ามวลสารยังไม่ เซต ตัว) ทำให้เวลาถอดพิมพ์พระ จึงเกิดรอยเหนอะหนะที่ว่าครับ แต่ส่วนมากจะเกิดทั่วองค์(ด้านหน้า)
พอดีผมเพิ่งสมัครเป็นสมาชิกได้3สามวันครับ เข้ามาดูแล้วชอบแนวทางในการตอบกระทู้ ของคุณXlmen และคุณwasabi san ครับ
และเห็นคุณXlmenว่ารอยจ้ำปูนไม่ดี เพราะอะไรครับ
ขอย้ำครับ อย่าคิดว่าผมลองภูมิ (พอดีผมมีเกศไชโยที่มีรอยที่ว่าองค์หนึ่ง)
และผมก็ไม่เซียน อยากได้ความรู้ เพราะส่วนตัวชอบสมเด็จของหลวงพ่อโต
หวังว่าพี่ๆจะกรุณาครับ แล้ววันหลังผมจะขอฝากให้ช่วยหน่อยครับ
"ขอบคุณครับ"

 

สุดยอดดดดดด....ครับ ท่านลูกเจี๊ยบ
คำตอบที่ตรงไปตรงมา...จากผู้ที่เราถาม คือความรู้ที่ทรงคุณค่าที่สุดที่ผู้ถามพึงมีกตัญญู (ผู้รู้มากว่า...ไม่จำเป็นต้องอายุมากกว่า)

ผมยกตัวอย่างง่ายๆ...ใน class เรียน executive MBA ผู้มาเรียนล้วนเป็นผู้ประกอบการ เป็นเจ้าของธุรกิจ ส่วนอาจารย์ผู้สอนล่ะ...สอนหนังสือมาเกือบทั้งชีวิต ไม่เคยทำธุรกิจเองเลย อย่างเก่ง..อาจารย์บางท่านเป็นผู้บริหารบริษัทใหญ่ๆ หรือทำอยู่ในรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆของรัฐบาล
หากลูกศิษย์...ผู้ที่เป็นเจ้าของกิจการ เป็นเจ้าของเงินลงทุน เกิดคิดว่า..."ผู้สอนมันไม่เคยทำธุรกิจเอง...มันจะรู้ดีไปกว่าตรูได้ยังไงฟ่ะ" ฮ่าๆๆๆๆ
อนาคต...คนที่คิดแบบนี้คงไม่จำเป็นต้องส่งลูกไปเรียนหนังสือหรอก สอนเองจะดีกว่า

กระทู้สุดยอดครับ...หาแบบนี้ยากมาก คมชัดลึก...หากท่านใดคิดว่าไม่ตรงกับแนวคิดของตนเอง ก็สมควรที่จะไปตั้งกระทู้ใหม่เอง ตามแนวทางที่ท่านชอบนะครับ ผมยังอยากเห็นกระทู้นี้...เป็นทางเลือกหนึ่งของเพื่อนๆทุกคน

อยากให้มาศึกษากัน...ไม่อยากให้มาอวดเก่งกัน
ขอบพระคุณท่าน wsb ท่าน xlmen และกัลยาณมิตรทุกๆท่านนะครับ
ด้วยความเคารพทุกคนครับ

ปล. คุณลูกเจี๊ยบอย่าเข้าใจผิดว่าผมเป็นพระนะครับ..ผมเคยบวชเพียงพรรษาเดียวแล้วก็สึก...ฮ่าๆๆๆๆ

 

ผมไม่ใช่เซียนอย่างที่คุณคิด ผมกำลังฝึกพวกที่ต้อง
การเป็นเทพ ให้ดูพระสมเด็จเป็นแบบเทพๆเค้าดูกัน
(จากคุณ วาซาบิ)
-----------------------------------------------
^
^
โอ....ผมชอบประโยคนี้จังเลยครับคุณวาซาบิ....ดูขั้นเทพ หุหุหุ
.......เข็มขัดผมสั้นไปทันทีเลยครับ สงสัยจะน้ำหนักขึ้นครับ อิอิ

ตอบคุณ kunphon2009<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3699390", true); </SCRIPT>
ดีนะครับที่ผมไม่ใช่เซียนในวงการ....เพราะ No-Logo
ก็น่าจะพอตอบได้บ้างตามภูมิของเทพที่ไม่ใช่เซียน หุหุหุ (ขอยืมอภิวาทะของคุณวาซาบิหน่อยนะครับ...หุหุ)

ผมขอถามกลับบ้างว่า ?
ถ้าเป็นพระกรุบางขุนพรหมจริงคุณจะไปล้างพระทำไม ?
สู้เก็บพระแบบสภาพเดิมๆ ไม่ดีกว่าหรือครับ....เต็มที่ล้างแค่น้ำเปล่าก็เหลือเฟือแล้วไม่จำเป็นต้องล้างรุนแรงกว่านี้หรอกครับ....

อย่างที่คุณวาซาบิได้เกริ่นไปแล้วครับว่าถ้าจะเก่าก็ต้องเก่าถึงเนื้อใน...
คราบกรุก็ดี ขี้กรุก็ดีต่อให้ล้างเก่งอย่างไรตามซอกแตกก็ต้องมีคราบหลงเหลืออยู่นะครับ...

เหมือนอย่างเวลาที่เราแปรงฟันนั่นแหละครับ....ต่อให้แปรงเต็มที่ยังงัยซะมันก็ยังมีคราบจับตามซอกฟันอยู่ดี...
ต่อให้ใช้ลิสเตอร์ลีนด้วยเอ้า ตามซอกฟันคราบมันก็ยังติดอยู่แหละครับ...

ต่อเมื่อเราใช้ไหมขัดเข้าไปในซอกฟันได้นั่นแหละครับ....คราบถึงจะหลุดออกมาให้ดมกันเหม็นเชียวครับ...หุหุหุ

ดังนั้น การรักษาความสะอาดของปากและฟันจึงเป็นสิ่งที่ดีครับ....
แต่การล้างพระให้สะอาดผมยังสงสัยอยู่ว่าจะทำไปทำไม....???

 

ตอบคุณ akkhawee<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3701148", true); </SCRIPT>
เรื่องจ้ำปูน....
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนครับว่า....หลักในการกดพิมพ์พระนั้นจะต้องมีการนวดมวลสารทุกอย่างให้เข้ากันดีเหมือนกับการนวดขนมปังนั่นแหละครับ....

ถ้าผสม+นวดมวลสารดีเวลาที่เรานวดเนื้อมวลสารจะไม่ติดนิ้ว....
ถ้านึกถึงขนมปังที่พ่อครัวกำลังนวดแป้งออกคุณจะเข้าใจยิ่งขึ้นครับ....
ที่สำคัญผู้ควบคุมการผสมมวลสารนั้นคือเจ้าประคุณสมเด็จ ว่าจะใส่ผงอะไรกี่ช้อน ชาวบ้านที่มาช่วย นวดดีหรือยัง...ก็ต้องมีพี่เลี้ยงคือเจ้าประคุณสมเด็จท่านคอยคุมงานอยู่นะครับ....

เพราะถ้ามวลสารมีน้ำมากเกินไปนวดแล้วติดมือเวลากดพิมพ์เนื้อมวลสารก็จะไปติดตามซอกพิมพ์ทำให้แม่พิมพ์ตัน...การกดพิมพ์องค์ต่อไปก็จะทำได้ลำบาก

ดังนั้นก่อนกดพิมพ์ทุกครั้งจึงต้องนวดให้เนื้อนวลไม่ติดมือ.....แต่สำหรับรอยจ้ำปูนนั้นจะเกิดจากเนื้อปูนที่เปียกๆ กดเข้าพิมพ์แล้วดึงแม่พิมพ์ออกรอยดังกล่าวจึงเกิดขึ้น

แม่พิมพ์สมัยก่อนนั้นส่วนมากจะเป็นแม่พิมพ์ไม้ (หินลับมีด หินอ่อน พบได้น้อยมาก) ช่างที่แกะพิมพ์ชำนาญถึงขนาดขัดจนทำให้ผิวไม้เรียบได้ดีก็จะมีแต่ช่างสิบหมู่ แต่ถึงกระนั้นความเรียบก็ยังไม่เท่าผิวของเหล็ก หินอ่อน ผิวไม้ก็คือไม้

ถ้าผิวมีความเรียบมากกว่าไม้เวลาดึงพิมพ์ออกจะเกิดการดึงตัวของผิวเนื้อกับแม่พิมพ์ทำให้เกิดจั้มปูนขึ้น....
แต่สำหรับแม่พิมพ์ไม้แล้วจะมีความขรุขระที่ตาเปล่ามองไม่เห็น..และมีช่องว่างเพื่อป้องกันมิให้เกิดแรงดึงดังกล่าว ถ้าจะมีจั้มปูนก็จะไม่มากนัก หรือแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้....

ด้วยเหตุนี้ผมจึงกล่าวว่า "ผิวจ้ำปูน" ดูไม่ดีนักนั่นเองครับ....อิอิ
(อย่าเพิ่งเชื่อผม...เพราะนี่เป็นเพียงแค่สมมุติฐานครับ)

 

อืมมมม....
อาจเป็นไปได้มั๊ย...ขณะที่กำลังจะเทเนื้อพระลงพิมพ์ ด้วยความบังเอิญเหงื่อจากศีรษะคนกดพิมพ์หยดลงไปในแม่พิมพ์ 1 หยดเล็กๆ ไม่เป็นที่สังเกตุ จึงทำให้เกิดความชื้นตรงจุดนั้น แล้วเกิดเป็นรอยจ้ำปูน โดยบังเอิญอ่ะครับ ท่าน xlmen ฮ่าๆๆๆๆ

ขี้สงสัยเล็กน้อยนะครับท่าน xlmen...
ด้วยความเคารพอย่างสูงครับ

 

อืม...กระทู้ในหน้ากระดานนี้ดีจริงๆ..ได้ทั้งความรู้และความบันเทิง+ความฮา(เล็กๆ)ตรงมุมแก้ม...

เคารพและชื่นชมทุกๆ..ความคิดเห็นที่สร้างสรรค์และฮาเท่านั้นครับ

ทีนี้..หลวงพี่..ครับ..(อุ้ย)..เผลออีกแล้ว..ท่านพี่บุพนิมิต..แหมะ ๆ..มาแบบเนื้อ ๆ ได้ใจจริงๆ นะครับ

อ้อ.ท่านพี่XLMอย่าลืมตอบ(วิเคราะห์ให้ด้วย)นะครับ...อีก2องค์ง่ะ..(ชอบอ่านวิธีการเจียรนัยของท่านพี่มากครับ)....นี่ถ้าเป็น(นักร้อง)ท่านพี่WSB-XLm คงมีแฟนคลับ.เชียร์หน้าเวที.ตรึม

(เดี๋ยวจะแว๊ปมาใหม่)....ทำงานก่อน...เด๋ว.เจ้านายจะ........เอา..น่ะครับ

 

เป็นอีกหนึ่งเหตุที่น่าฟังครับ
ขอบคุณครับ
(อย่าเพิ่งเชื่อผม...เพราะนี่เป็นเพียงแค่สมมุติฐานครับ)
ผมชอบคำนี้จัง

 

รบกวนท่านพี่ๆ ซักองค์นะครับ

 

อืมมมม....
อาจเป็นไปได้มั๊ย...ขณะที่กำลังจะเทเนื้อพระลงพิมพ์ ด้วยความบังเอิญเหงื่อจากศีรษะคนกดพิมพ์หยดลงไปในแม่พิมพ์ 1 หยดเล็กๆ ไม่เป็นที่สังเกตุ จึงทำให้เกิดความชื้นตรงจุดนั้น แล้วเกิดเป็นรอยจ้ำปูน โดยบังเอิญอ่ะครับ ท่าน xlmen ฮ่าๆๆๆๆ
(จาก <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->บุพนิมิต<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3701692", true); </SCRIPT> )
-------------------------------------------------------------------
ตอบ น่าคิดดีครับคุณบุพนิมิต ผมเองก็เป็นคนขี้ร้อนเหงื่อออกเยอะซะด้วย....
ยิ่งถ้าให้ผมกดพิมพ์...เหงื่อคงจะออกเป็นกาละมังเลยมั้งครับ 555+

-------------------------------------------------------------------
ส่วนคุณลูกเจี้ยบนั้น....เดี๋ยวผมจะทะยอยจัดให้ครับ.....
แหมะถ้าจะให้ดี...น่าจะใช้ระบบเหมาจ่ายนะครับคุณลูกเจี้ยบ....
ผมหละชอบจริงๆ สรุปรวมเหมาจ่าย 3 องค์กระทู้เดียวสบายมือดีครับ 555+

 

ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ นี่แหละครับสเน่ห์ของกระดานนี้....(อย่างที่ผมว่าไว้ในข้างต้น)..สร้างสรร+บันเทิง...เอ้าขออีกที..ฮ่าๆๆๆๆๆๆ