กรมหลวงชุมพรฯ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ๛อาภากร๛, 2 กันยายน 2010.

  1. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556
    สํารวจตัวเอง

    ในที่นี้ข้าพเจ้าไม่ขอพาดพิงถึงสายบารมีอื่นและจะไม่รับทํานายให้ผู้ใดทั้งนั้นที่ข้าพเจ้าไม่รู้จักและฝืนคําสั่ง
    ข้าพเจ้าขอพูดเพียงสายบารมีลูกหลานเสด็จเตี่ยเท่านั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นปัจจุบันลูกหลานเสด็จพ่อรัชกาลที่ 5 และลูกหลานทหารพระองค์ดําลงมามากเหลือเกิน ซึ่งก็ต้องบอกว่าล้วนมีหน้าที่และแนวทางไปในทางเดียวกันแทบทั้งหมด

    บางท่านอาจจะเริ่มสงสัยหลังจากที่เข้ามาอ่านในนี้ว่าแล้วตัวท่านเองเป็นลูกหลานพระองค์ใดพระองค์หนึ่งด้วยหรือป่าวซึ่งล้วนเป็นคําถามที่ทุกคนที่อ่านบล๊อคที่ผ่านๆมาของข้าพเจ้าคิดแทบทั้งสิ้น
    ซึ่งข้าพเจ้าไม่สามารถที่จะให้คําตอบแก่ท่านได้นอกจากตัวท่านเองหรือเสด็จเตี่ยเท่านั้น ท่านลองตอบคําถามกับเองเองดังนี้
    1.ท่านคิดว่าการที่ท่านเข้ามาอ่านในหน้านี้เป็นเพราะความบังเอิญ หรือว่า ท่านกําลังหาข้อมูลบางอย่างแล้วมาพบเจอ
    2.ความบังเอิญของท่านที่เข้ามาในที่นี้สร้างความขุ่นมัวหรือสร้างปิติ
    3.ขณะนี้และหลังจากนี้ ท่านสนใจในพระองค์มากขึ้น หรือผ่านมาแล้วผ่านไป

    เพียง 3 ข้อนี้ง่ายๆ ท่านจะรู้ได้ด้วยปัจจัตตัง ว่าท่านคือลูกหลานพระองค์มั้ย
    เทวดาบริวารเสด็จเตี่ยในโลกวิญญาณมีมากมายแล้วท่านจะพบปาฎิหาริย์ด้วยตัวเอง ลูกหลานพระองค์มีเยอะทั้งที่มีบุรพกรรมในอดีตร่วมกับพระองค์มาและที่ ชืนชมในพระองค์เลยขอฝากตัวเป็นลูฏหลาน

    แต่โดยส่วนมากลูกหลานพระองค์ที่มีบุรพกรรมร่วมกับพระองค์เมื่อลงมาจุติในโลกนี้ล้วนแล้วจะมีคุณวิเศษติดตัวมาแทบทั้งสิ้นลองสังเกตุ เพราะต้องร่วมทํางานกับพระองค์ต่อไป

    1.ไม่พูดมาก เข้มขรึม นิ่ง ไม่เกรงกลัวคน
    2.ยอมเสียสละ แต่ไม่ยอมให้ผู้อื่นมาเอาเปรียบ
    3.สนใจในเรื่องลี้ลับ
    4.รักชาติ รักเกียรติ มีวินัย รักพวกพ้อง
    5.มีความเป็นเอกทางด้วยภาษา ศิลปะ
    6.มีสัมผัสที่ 6

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าท่านๆจะเป็นหน่อเนื้อแท้หรือไม่แท้ หรือไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพระองค์เลย ก็ไม่ต้องกังวล เมื่อท่านเกิดเป็นคนไทยรักประเทศชาติ ศาสน์ กษัตริย์ พระองค์จะคุ้มครองภยันตรายจากภัยพิบัติทุกประการ ทหารเอกของเสด็จเตียทั้งในโลกมนุษย์ และโลกวิญญาณ จะแกว่งดาบฟาดศัตรูที่ขัดขวางงานอันเป็นสุจริตของท่านให้ดําเนินไปด้วยดีตราบจนงานสําเร็จ แต่ถ้าลองคิดอัปรีย์ต่อประเทศชาติเมื่อไหร่ ก็จงระลึกถึงประกาศที่พระองค์เคยลั่นไว้ตรองดู ถ้ายังไม่เคยอ่านก็จงอ่าน ความดังนี้

    บันทึกของเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์

    เจอบันทึกนี้ให้เอาคำต่อไปนี้ของกูไปประกาศให้คนรู้ว่า

    "กูกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักด์"
    ผู้เป็นโอรสของพระปิยมหาราช ขอประกาศให้พวกมึงรับรู้ไว้ว่า
    แผ่นดินสยามนี้ บรรพบุรุษ ได้เอาเลือดเอาเนื้อเอาชีวิตแลกไว้
    ไอ้อีมันผู้ใด คิดชั่วร้ายทำลายแผ่นดิน ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฤา กระทำการทุจริต ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อส่วนรวม
    จงหยุดการกระทำนั้นเสียโดยเร็ว

    ก่อนที่ที่กูจะสั่งทหารผลาญสิ้นทั้งโคตรให้หมดเสนียดของแผ่นดินสยามอันเป็นที่รักของกูตราบใดที่คำว่า "อาภากร"ยังยืนหยัดอยู่ในโลก กูจะรักษาผืนแผ่นดินสยามของกู ลูกหลานทั้งหลาย แผ่นดินใดให้เรากำเนิดมามิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น
    แผ่นดินใดที่ให้ซุกหัวนอน ให้ความร่มเย็นเป็นสุข
    มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น...............


    อิ อิ บังเอิญตาเป็นสับปะรดเลยเห็นโดยบังเอิญ เลยขออนุญาตเจ้าของข้อความนี้ คัดลอกมายังที่นี้ คงไม่ว่ากันนะ......

    พอลองสำรวจตัวเองอย่างเจ้าของข้อความว่ามา อืมมมมมมมม.... น่าคิด.....
     
  2. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงเครื่องต้นในพระราชพิธีโสกันต์วันที่ ๕ ม.ค. ๒๔๓๕

    ....มีภาพมาฝาก หม่อมสร้อย เหมือนกัน


    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2010
  3. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556
    ขอบคุณนะ......

    ที่ยังรู้จักกัน......
     
  4. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    อ่านประโยคนี้ไม่ได้ ..อ่านแล้วน้ำตาไหล

    บันทึกของเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์

    เจอบันทึกนี้ให้เอาคำต่อไปนี้ของกูไปประกาศให้คนรู้ว่า

    "กูกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักด์"
    ผู้เป็นโอรสของพระปิยมหาราช ขอประกาศให้พวกมึงรับรู้ไว้ว่า
    แผ่นดินสยามนี้ บรรพบุรุษ ได้เอาเลือดเอาเนื้อเอาชีวิตแลกไว้
    ไอ้อีมันผู้ใด คิดชั่วร้ายทำลายแผ่นดิน ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฤา กระทำการทุจริต ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อส่วนรวม
    จงหยุดการกระทำนั้นเสียโดยเร็ว

    ก่อนที่ที่กูจะสั่งทหารผลาญสิ้นทั้งโคตรให้หมดเสนียดของแผ่นดินสยามอันเป็นที่รักของกูตราบใดที่คำว่า "อาภากร"ยังยืนหยัดอยู่ในโลก กูจะรักษาผืนแผ่นดินสยามของกู ลูกหลานทั้งหลาย แผ่นดินใดให้เรากำเนิดมามิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น
    แผ่นดินใดที่ให้ซุกหัวนอน ให้ความร่มเย็นเป็นสุข
    มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น...............
     
  5. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    ไม่รู้เหมือนกันว่าลูกหลานเสด็จเตี่ย หรือเปล่า
    แต่ศรัทธาในองค์พระนเรศวรมหาราช พระเจ้าตากสินมหาราช พระปิยะมหาราชมากสุดๆๆๆๆ ระลึกถึงทุกๆวัน ...
    และรักความยุติธรรม รักแผ่นดินเกิดสุดชีวิต เหมือนคำกล่าวของเสด็จเตี่ย ไม่เกรงกลัวใคร ใจดีและใจดำ..เห็นภาพเสด็จเตี่ยไม่ได้ ถ้าไม่น้ำตาไหล ก็จะยิ้มแบบหาสาเหตุไม่เจอ
     
  6. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    อันนี้เรื่องเล่านะครับ
    พุทธบูชาครั้งสุดท้าย
    ในตอนสายวันที่ 19 พฤษภาคม 2466 เป็นช่วงเวลาที่เสด็จไปพักผ่อนในที่ประทับที่สร้างขึ้นอย่างเรียบงาย ที่หาดทรายรี จังหวัดชุมพร ทรงประทับรักษาพระองค์จากไข้หวัดใหญ่ เสด็จในกรมฯ ทรงมีรับสั่งให้คนใกล้ชิดเข้าเฝ้าทีละคน หลังจากนั้นทรงรับสั่งให้นำธูปและดอกไม้มาถวายเพื่อจะไหว้พระ ซึ่งทรงปฏิบัติเป็นประจำทุกวัน ทรงรับสั่งว่า สิบเอ็ดโมงวันนี้ไม่ต้องเข้าไปปลุกตามปกติในระหว่างประชวร จะทรงตื่นบรรทมมาเสวยพระโอสถในช่วงนี้

    เวลาผ่านไปราว 3 ชั่วโมง ในห้องบรรทมเงียบจนได้ยินเสียงสวดมนต์ดังออกมาเบาๆ แล้วเงียบหายไปพักใหญ่ จึงเห็นควันธูปลอยออกมาตามช่องลมและพระแกลมากจนผิดสังเกต มีใครคนหนึ่งสั่งให้เปิดประตูเข้าไปดูพระองค์ แล้วภาพที่เห็นก็คือ เสด็จเตี่ย ได้สิ้นพระชนม์อย่างสงบ ในพระอิริยาบถบรรทมตะแคงพระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัยในขณะที่พระหัตถ์ยังทรงพนมธูปและดอกไม้อยู่

    พิสูจน์ความจงรักภักดี
    ครั้งหนึ่ง มีข่าวเล่าลือเกี่ยวกับพระองค์จะก่อการกบฏ เพื่อชิงบัลลังก์ จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้า ทําให้ร.6 ทรงเรียกตัวเสด็จเตี่ยเพื่อไปชําระความ

    เมื่อเสด็จเตี่ยได้เข้าเฝ้า ร. ทรงตรัสถามเสด็จเตี่ยอย่างกันเองว่า ในฐานะที่เราก็เป็นลูกพระบิดาเดียวกัน ข่าวที่ว่าท่านจะทําการกบฎชิงบัลลังก์จริงหรือ?

    เสด็จเตี่ยท่านหันขวับไปที่มหาดเล็กเพื่อจะชิงเอาปืน มหาดเล็กยิงเสด็จเตี่ยแต่ปืนไม่ลั่น ทั้ง 2 กระบอก เมื่อเสด็จเตี่ยท่านแย่งปืนมาได้ก็ได้ พูดว่า หากจะชิงบัลลังก์ทําไมถึงจะทําไม่ได้ แล้วทรงลั่นปืน ออกนอกหน้าต่าง 1 นัด แล้วกล่าวต่อไปอีกว่าหากจะทําการกบฏในเวลานี้มีหรือจะทําไม่สําเร็จ ตรัสเสร็จทรงยิงปืนไปที่เดิมที่ 1 นัด หลังจากนั้นทรงหยิบปืนกรอกปากพระองค์เอง พร้อมทั้งตรัสว่า ข้าพระองค์ไม่เคยอยากที่จะได้ราชบัลลังก์ และราชสมบัติที่ไม่ใช่ของตัว หากกระทําการเยี่ยงนี้จะมีหน้าสู้คนไทยด้วยกันได้อย่างไร หากสิ่งที่ตรัสไม่เป็นความจริงก็ขอตายเสียดีกว่า ทรงลั่นปืนอีกครั้งแต่ปรากฏว่า ปืนไม่ลั่น เรื่องราวนั้นจึงยุติลงในครั้งแรก

    [music]http://palungjit.org/attachments/a.1161985/[/music]

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.mp3
      ขนาดไฟล์:
      3.7 MB
      เปิดดู:
      5,543
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2010
  7. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556
    [​IMG]

    มีมาฝากอีก.......
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. Nefertity

    Nefertity เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +634
    ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลชนิดที่แน่นด้วยเนื้อหาทั้งหมดที่คุณ อาภากร และสหธรรมิก อุตส่าห์ช่วยค้นหานำมาเป็นความรู้เกี่ยวกับพระองค์ท่าน ขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านทั้งหลายในที่นี้ด้วย
     
  9. Nefertity

    Nefertity เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +634
    ภาพประกอบหายาก

    คุณสร้อยฟ้ามาลา ก็มากด้วยความสามารถจริงๆ ไปหารูปมาประกอบการบรรยายด้วย ขออนุโมทนาด้วยที่ให้ความรู้เห็นเหล่านี้เป็นทาน
     
  10. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    [​IMG]
     
  11. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275

    รูปสวยดีนะครับ
    .............องค์นี้มีประวัติไหมครับอยากรู้ครับ
     
  12. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    เจ้าฟ้านิภานภดล วิมลประภาวดี
    กรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี

    สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดล กรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี เป็นพระราชธิดาองค์ที่ 3 ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา ประสูติเมื่อวันเสาร์ ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2429

    พระองค์ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้รับราชการในหน้าที่ราชเลขานุการิณีในพระองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ เมื่อสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสยุโรปเมื่อปี พ.ศ. 2450 ก็ทรงมีพระราชหัตถเลขามาถึงพระเจ้าลูกเธอพระองค์นี้ ซึ่งพระราชหัตเลขาเหล่านั้นได้นำมารวมรวบเป็นหนังสือพระราชนิพนธ์ไกลบ้านในเวลาต่อมา

    หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี พ.ศ. 2475 พระองค์ตัดสินพระทัยเสด็จออกไปประทับที่เมืองบันดุง ประเทศอินโดนีเซีย พร้อมกับครอบครัวของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต และสิ้นพระชนม์ที่นั่นเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2478

    สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดล กรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารีเป็นพระราชธิดาองค์ที่ 3 ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา ประสูติ ณ วันเสาร์ ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2429 เมื่อแรกประสูติมีพระนามว่า "พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้านิภานภดล"

    เมื่อปี พ.ศ. 2431 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระราชโอรสและพระราชธิดาที่ประสูติแต่พระอรรคชายาเธอขึ้นเป็นเจ้าฟ้า ดังนั้น พระองค์จึงได้รับสถาปนาขึ้นเป็น "พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้านิภานภดล" หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2441 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระสุพรรณบัตรเฉลิมพระนามาภิไธยสถาปนาขึ้นเป็น "สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้านิภานภดล วิมลประภาวดี" หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการสถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายใน มีพระนามว่า "สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้านิภานภดล วิมลประภาวดี กรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี" พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตรัสเรียกพระองค์ว่า "หญิงเล็กนิภา" และชาววังเรียกพระองค์ว่า "สมเด็จหญิงน้อย"

    พระองค์มีพระเชษฐาและพระเชษฐภคินีที่ประสูติร่วมพระมารดาอีก 3 พระองค์ ซึ่งมีพระนามที่คล้องจองกัน ได้แก่ สมเด็จเจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร สมเด็จเจ้าฟ้านภาจรจำรัสศรี สมเด็จเจ้าฟ้ามาลินีนพดารา และสมเด็จเจ้าฟ้านิภานภดล

    หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี พ.ศ. 2475 สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้านิภานภดล กรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารีซึ่งในขณะนั้นถือได้ว่าพระองค์ทรงอยู่เพียงลำพังพระองค์เดียว เนื่องจากพระมารดา พระเชษฐา และพระเชษฐภคินีต่างสิ้นพระชนม์ลงหมด ดังนั้น พระองค์จึงตัดสินพระทัยเสด็จออกไปประทับที่เมืองบันดุง ประเทศอินโดนีเซีย พร้อมกับครอบครัวของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ซึ่งเป็นพระเชษฐาต่างพระมารดา และเสด็จสิ้นพระชนม์ที่นั่น เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2478

    สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้กล่าวถึงพระองค์ไว้ในคำนิยามพระนิพนธ์เรื่อง เที่ยวเมืองพม่า ว่า �น่ารักน่าชม สมกับเป็นเจ้าฟ้า� พร้อมทั้งทรงสรรเสริญว่า �ทรงพระคุณอย่างเป็นขัติยนารีแท้ทุกสถาน ทรงพิสูจน์ให้ปรากฏแล้ว ทั้งในเวลาที่มีความสุข และในเวลาได้รับความทุกข์ยาก สมควรกับที่ทรงสร้อยพระนามกรมว่า �ขัติยนารี� เป็นอนุสรณ์อยู่กับพระนามตลอดไป�

    พระองค์เป็นพระราชธิดาที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงไว้วางพระราชหฤทัยอย่างยิ่ง ได้รับการโปรดเกล้าให้รับราชการในหน้าที่ราชเลขานุการิณีและเมื่อสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสยุโรปเมื่อปี พ.ศ. 2450 ก็ได้ทรงมีพระราชหัตถเลขากลับมาสู่ประเทศไทย ถึงพระเจ้าลูกเธอพระองค์นี้เพื่อทรงเล่าเรื่องการเสด็จอย่างละเอียดลออ (ทำให้เกิดหนังสือรวบรวมพระราชหัตถเลขาเหล่านั้นว่า ชื่อว่า ไกลบ้าน)

    พระองค์ทรงร่วมกับสมเด็จเจ้าฟ้ามาลินีนพดารา กรมขุนศรีสัชนาลัยสุรกัญญา พระเชษฐภคินีของพระองค์บริจาคทุนทรัพย์สร้างเครื่องใช้สำหรับ "ตึกเยาวมาลย์อุทิศ" โรงเรียนเทพศิรินทร์ นอกจากนี้ เนื่องในโอกาสที่พระองค์ทรงเจริญพระชนม์ได้ 28 พรรษา เสมอด้วยพระชนมพรรษาแห่งสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี สมเด็จพระอัยยิกาเจ้าของพระองค์ พระองค์จึงทรงได้สร้าง "ตึกนิภานภดล" ถวายแก่วัดเทพศิรินทราวาส สำหรับเป็นโรงเรียนสอนปริยัติธรรมเพื่ออุทิศพระกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี

    รูปพระองค์ท่านพอมีอยู่ให้เห็นมาก ที่ รร.วัดเทพศิรินทร์ ภาพบางภาพผมก็นํามาจากเพลง อโหกุมาร เป็นเพลง ประจํา รร.เทพศิริทร์ ที่มีความขลังมากๆและมีเนื้อหาไพเราะ
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=p7SUMpVV32A"]YouTube - อโหกุมาร[/ame]​
     
  13. Tewadhol

    Tewadhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +694
    เมื่อสักประมาณเกือบๆ 30 ปีก่อน ผมได้มีโอกาสไปที่วัดท่านกับพ่อผมและ<O:p</O:p
    อาแป๊ะ(เพื่อนพ่อเชื้อจีน พ่อเลยให้เรียกว่าอาแป๊ะ)ไปถึงที่วัดท่าน สิ่งที่สังเกตุ<O:p</O:p
    ได้ชัดเจนที่สุดก็คือ กลิ่นน้ำมันมะพร้าวที่ผสมกับสมุนไพร(พ่อบอก) ส่งกลิ่น<O:p</O:p
    คลุ้งไปหมด มีเยอะมากจนผมรู้สึกว่ามันเหม็นเพราะไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อน
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อีกอย่างหนึ่งก็คือสุนัข สุนัขเยอะมากแม้แต่ตรงที่ท่านนั่งรับแขก(ญาติโยม)ก็มี<O:p</O:p
    สุนัขนอนกันเต็มไปหมด ลูกศิษย์วัดต้องช่วยกันไล่ออกไป สักพักท่านก็ออกมา<O:p</O:p
    พ่อผมบอกให้กราบ ผมก็กราบไปตามประสาผู้ใหญ่บอกให้กราบ ดูท่าทางท่าน<O:p</O:p
    ใจดี ยิ้มก็ยิ้มแบบออกมาจากใจ(พูดไปยิ้มไป) แต่ที่ผมอมยิ้มขำๆก็คือเสียงของ
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ท่าน ที่ฟังดูแล้วแปลกๆ(ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นสำเนียงแบบนครปฐม) เท่าที่ผมฟัง<O:p</O:p
    ผู้ใหญ่คุยกันพอที่จะจำได้ก็มีว่า หลวงพ่อท่านเป็นพระหมอปรุงยารักษาคนป่วย<O:p</O:p
    ส่วนรักษาโรคอะไรบ้างนั้นผมจำไม่ได้เพราะมีเยอะ น้ำมันของท่านขึ้นชื่อมาก
    เวลาใช้ก็ต้องสวดว่า พุทธังเป็นยา ธัมมังรักษา สังฆังสุญหาย ปัตติเสวามิ

    แก้เคล็ดขัดยอก แมลงสัตว์กัดต่อย ปวดเมื่อย กระดูกหักฯลฯ (เก็บไว้นานๆแล้ว
    พอมาดมอีกที รู้สึกว่ามันหอมแบบแปลกๆ) สุนัขก็มีคนเอามาปล่อย ท่านก็ทั้ง
    เลี้ยงทั้งรัก พวกขี้ยากับขโมยขโจรก็เยอะ ผมเองฟังไปเดินดูโน่นนี่ไป เพระมีสิ่ง
    ที่แปลกตาเยอะมาก ทั้งในตู้กระจกในถาดในกะละมัง วางเต็มพื้นไปหมด

    เท่าที่จำได้ก็มีพวกสมุนไพร เขาสัตว์บ้าง หินบ้าง สักพักพ่อผมก็บอกให้ไปช่วย
    ถือของ หลวงพ่อก็เดินนำไปที่โบสถ์ หลวงพ่อไขกุญแจเสร็จพอเดินเข้าไปใน
    โบสถ์แล้วผมต้องตกใจ ทั้งพระทั้งเทวรูปวางอยู่ในโบสถ์เต็มไปหมดทั้งเก่า
    ทั้งใหม่(ที่ใหม่ก็เป็นพระที่ลูกศิษย์เอามาฝากให้ท่านอธิฐานจิตให้ ผมเลยถึง

    บางอ้อ อ๋อ..อาแป๊ะเอาทั้งพระทั้งกวนอูมาฝากท่านไว้นี่เอง) ที่จะนั่งแทบจะไม่
    มี แต่สิ่งที่ผมต้องอ้าปากค้างก็คือ ตามฝาผนังโบสถ์นั้น ถูกเจาะเป็นช่องขนาด
    สักประมาณฟุตคูณฟุตลึกประมาณสองสามฝ่ามือ ติดๆกันเต็มไปหมดทั้งสี่ด้าน
    ของผนังโบสถ์ ตามช่องต่างๆนั้นจะมีพระพุทธรูปอยู่ทุกช่อง ดูท่าทางเก่ามาก

    บางองค์ก็มีพวกเพชรพวกพลอยประดับอยู่ แต่ละองค์ใหญ่เต็มช่องพอดี น่าจะมี
    เป็นหลักร้อยเห็นจะได้ สวยงามมาก ผมก็นั่งหมุนเป็นลูกข่างเลย เพราะมีรอบ
    ด้านและดูหลายรอบ เท่าที่ฟังจำได้ว่าบางเก่าสมัยทราวดี หลวงพ่อบอกว่าวันนี้
    เปิดให้ดู ปกติจะไม่ให้ใครเข้ามา ถึงเข้ามาก็มองไม่เห็น(พระตามฝาผนัง)

    ตอนที่ฟังผมยังแอบคิดในใจเลยว่า หลวงพ่อโม้..รึเปล่า เป็นไปได้ไงจะไม่เห็น
    พระตั้งเยอะแยะ สะท้อนแสงไฟระยิบระยับขนาดนี้ พอตอนกลับผมได้อุ้มองค์
    กวนอูออกจากโบสถ์ แต่ว่าองค์ใหญ่มากสูงเกือบครึ่งตัวผมเลย เลยต้องยกแบบ
    นอนขวาง พอจะออกประตูหัวกวนอูดันไปโขกกับประตูโบสถ์ ผมตกใจแทบแย่

    ยังคิดในใจเลยว่า ประตูอะไรทำไมทำเล็กเหลือเกินจะทำให้ใหญ่หน่อยก็ไม่ได้
    ทำให้เราโดนพ่อดุเลย ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกครับว่าหลวงพ่อท่านเป็นใคร รู้แต่
    ว่าท่านเป็นเชื้อพระวงษ์ เพิ่งจะมารู้ก็เมื่อสิบกว่าปีนี่เองอ่านประวัติท่านเจอพอดี
    ก็จำได้ หน้าอย่างนี้ยิ้มอย่างนี้ชื่อนี้ พอรู้ว่าท่านเป็นใครก็นึกเสียดายและก็นึก

    ขอโทษท่านที่คิดว่าท่านโม้ในตอนนั้น ผมได้อ่านประวัติท่านมาพอสมควรแต่
    ไม่เคยเห็นมีใครเขียนถึงพระพุทธรูปที่อยู่ฝาผนังโบสถ์เลยสักคน ทุกวันนี้ผมก็
    ยังคิดอยู่นะครับ ว่าพระพุทธรูปเหล่านั้นอยู่ที่ไหนใครเอาไปหรือไม่มีใครเห็นเลย
    อยากให้เป็นทรัพย์ของแผ่นดินน่ะครับ

    <O:p</O:p
     
  14. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    รําลึกเหตุการณ์ รศ.112 กับการสูญเสียฝั่งขวาของแม่นําโขงทั้งหมด คือประเทศลาวให้ฝรั่งเศษ
    3 ตุลาคม 2553
     
  15. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    ใครไม่ชอบผ่านไปนะครับ
    - ขออนุญาติไม่ลงภาพจริงเพราะสามารถหาได้จากแหล่งอื่น
    - ขออนุญาติลงภาพที่ทําเองละกันครับ ผมใช้ภาพพวกนี้เป็น วอลเปเปอร์อยู่
    - ผมไม่ได้อัพไฟล์ลงบนโฮสพลังจิต จึงไม่เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากร และ พื้นที่ของโฮส ซึ่งจะใช้ประโยชน์ในทางอื่นจากเพื่อนสมาชิกมากกว่า
    - ทุกอย่างทําด้วยความเคารพ และ จะอัพเดทเรื่อยๆตามความเหมาะสม แต่จะอัพตลอด ในชมรม เข้าชมรมก็คลิ๊กเพื่อดูข้อมูลส่วนตัว ชื่อชมรมจะแสดงอยู่เป็นชมรมของเวปพลังจิตเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ ร.8 ย้อนลงไปจนถึง ร.5 และ ร.4






    - หากเห็นไม่เหมาะสม แจ้งผม เพื่อแก้ไข หรือลบออก

    ส่วนใครจะเอาไปใช้ก็ไม่ต้องขอ
    แต่อย่าลงลายนํา ลายเซนต์ในภาพแค่นั้นพอ มันเลอะ

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2010
  16. jangira

    jangira เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2010
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +784
    ไม่ค่อยจะรู้ เรื่องในลั้ว ในวัง ตุ๋ยก็ ขอแวะ เข้ามาแอบอ่านก็แล้วกันนะคะ
     
  17. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    พระคาถาพุทธ นะฤาชา
    ให้ตั้งนะโม 3จบ

    นะฤาชา กุติยะ ปัญจะลือ โสภะกัญจะ สะวะรัง วะรัง ฤามะหันตา นะมามิหัง
    กรีนิ อักขรานิ ชาตานิ อุณาโลนาถัง เพชรตังโหติ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ สัตถุโน
    พุทโธ. (จบ)
    พระคาถานี้ใช้ภาวนา เป็นเมตตามหานิยม ก็ได้ ใช้ทางคงกระพัน ก็ได้ กันภูติผีปีศาจก็ได้ เป็นทั้งมหาอำนาจ ก็ได้ ใช้ได้ 108 ประการ แล้วแต่อธิฐานเอา
    พระคาถานี้หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้ถ่ายทอดให้หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร ซึ่งหลวงพ่อเป็นโอรส ของพระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตุอุดมศักดิ์ หรือเสด็จเตี่ย ซึ่งเป็นรู้จักและเคารพนับถือกันมานาน

    ข้าพเจ้าลูกศิษย์หลวงพ่อสำเนียง เห็นว่าเป็นประโยชน์แก่คนรุ่นหลัง ไว้ใช้ไว้ป้องกันตัว ยามคับขัน จึงขออนุญาตนำมาเผยแผ่ และให้ช่วยกันรักษาสืบต่อไป

    คาถาบทนี้ข้าพเจ้าใช้เวลาหาอักขระที่ถูกต้องมานานมากๆ เป็นของดีที่ถูกคนรุ่นหลังลืม
    มาเจอจากในเวปนี้หล่ะ ถ้าใครใช้แล้ว ได้ผลปาฏิหาริย์ก็ไปตามไปอนุโมทนา ตามลิงค์นะครับ
    พระคาถา สายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า

    ส่วนภาพล่างนี้เป็น ภาพหม่อมๆของสมเด็จท่านนะครับ ชื่อกับบุคคลเรียงไว้ให้แล้ว ส่วนท่านใดมีหม่อมเดซี่ เป็นหม่อมรุ่นหลังของสมเด็จ ช่วยกรุณา โพสภาพไว้ให้ด้วยจะขอบพระคุณมากๆ

    ท่านใดต้องการเพลงทหารเรือ ให้ ใช้ P.M. เท่านั้น เพื่อรักษา กฎระเบียบของเวป เพราะเป็นของที่มีการจําหน่ายอยู่ และมีลิขสิทธิ์ครับ ทิ้งลิงค์ให้ในนี้ไม่ได้

    หากมีข้อมูลใหม่ผมจะแก้ไขโพสแรกในหน้าแรก เพื่อให้ง่ายในการสืบค้น

    ศัตรูหนักร้อยตันราวีพันลําเรือจะจมมันทั้้งพัน
    จงเช่นดอกประดู่พรั่งพรูและร่วงโรยพร้อมกัน
    รศ 112 จรดลึกความทรงจําฝรั่งยํ้าสลักทรวง
    อาภากร หมายตะวันร่วงดับลับ ณ หาดทรายรี
    ไฉนเห็นแลเด่นคว้างจรัสแสงกระจ่างกลางฤทัย
    ขวานทองงามดั่งกุหลาบ เหลือบไรจ้องยํ้ายี
    สีแดงดอกดั่งเลือดทุกหยดป้องปกปฐพี
    กุหลาบแดงคือข้าฯนี้ขอถวายองค์บิดา
    กยิราเจ นะ เจ้าจงฟัง นะ กยิราเถนัง
    คั่งตอกตระปู นะ เจ้าจงเร่งทํา ลูกเตี่ยไม่แพ้
    ชุมพรจุติ อิทธิกะระณัง สุโข นะโมพุทธายะ

    สําเภาใหญ่ของเตี่ยลํานี้จะนําพาลูกหลานที่เคารพรักพระองค์ข้ามทะเลสงสาร
    ในอีกไม่เกิน 7 ชาติ พวกเราจะเข้าเฝ้าพระองค์พร้อมกันทุกคน ที่นฤพาน
    ไม่มีสัตว์ป่าสัตว์นําหรือผีห่าตนใด กล้าทําร้ายทําลายพวกเรา ให้ได้รับเคราะห์กรรม
    ไม่มีมนุษย์และเทพองค์ใด ทําลายเผ่าพันธ์อันมีเกียรติยิ่งของพวกเรา "อาภากร"

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2010
  18. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    หลวงพ่อสำเนียง...............................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • _DSC6953mr.jpg
      _DSC6953mr.jpg
      ขนาดไฟล์:
      298.1 KB
      เปิดดู:
      388
  19. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    [​IMG]
    เรือรบหลวงสิมิลัน(เรือรบที่ลำใหญ่ที่สุดของกองทัพเรือไทย)

    เรือหลวงสิมิลัน เป็นเรือประเภท เรือส่งกำลังบำรุงขนาดใหญ่ ที่สุดของกองทัพเรือไทยที่มีอยุ่ในขณะนี้
    เรือหลวงสิมิลัน ได้รับการต่อเรือจาก อู่ต่อเรือ หูตง (Hudong) นครเซี้ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน
    วางกระดูกงู เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2538
    ปล่อยเรือลงน้ำ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2538
    ขึ้นระวางประจำการเมื่อ 12 สิงหาคม พ.ศ.2539
    ตัวเรือและส่วนประกอบของเรือสร้างด้วยเหล็ก
    ระวางขับน้ำเต็มที่ 22,000 ตัน
    ความยาวของตัวเรือตลอดลำ 171.45 เมตร
    ความยาวของตัวเเรือที่แนวน้ำ 160 เมตร
    ความกว้างของตัวเรือ 24.60 เมตร
    กินน้ำลึกปกติที่หัวเรือ 6 เมตร : ท้ายเรือ 6 เมตร
    กินน้ำลึกเต็มที่หัวเรือ 9 เมตร : ท้ายเรือ 9 เมตร
    ความเร็วสูงสุด มากกว่า 19 นอต
    ความเร็วมัธยัสถ์ 15 นอต
     
  20. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    [​IMG]


    ตํารายาส่วนหนึ่งของหมอพร หรือกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
    ยาแก้โรคมะเร็ง
    ขนานที่ ๑ ท่านให้เอา หัวยาข้าวเย็นเหนือ ๑ หัวยาข้าวเย็นใต้ ๑ กํแล้วามะถันเหลือง ๑ ตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้เอาหนักอย่างละ ๔ บาทเท่ากัน กะลามะพร้าวแก่ (ผ่าเป็น ๔ ส่วน เอา ๓ ส่วน) ตัวยาทั้ง ๔ อย่างนี้นํามาใส่หม้อดินต้มกับนําพอสมควร ใช้นํารับประทานต่างนําชา จนนํายาจืด มีสรรพคุณแก้โรคมะเร็ง ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล เคยใช้รักษาหายมาแล้วฯ
    ขนานที่ ๒ ท่านให้เอา กระดูกงูเห่า ๑ หัวยาข้าวเย็นเหนือ ๑ หัวยาข้าวเย็นใต้ ๑ ทิ้งถ่อน ๑ แก่นมะเกลือ ๑ มะเดื่อปล้อง ๑ ตัวยาทั้ง ๖ อย่างนี้เอาอย่างละเท่าๆกัน นํามาใส่หม้อดินต้มกับนําพอสมควร ใช้นํารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา เวลาก่อนอาหาร วันละ ๓ เวลา มีสรรพคุณแก้โรคมะเร็งทุกอย่าง เป็นยาตัดรากโรคมะเร็งให้หายขาด เคยใช้รักษาหายมามากแล้ว ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
    ยาแก้ปวดเมื่อยต่างชนิด
    ขนานที่ ๑ ท่านให้เอา ลูกข่อย ๑ ขนาน, แห้วหัวหมู ๑ขะนาน,หางไหลหัวเผือก หนัก ๒๐ บาท, กรุงเขมา หนัก ๒๐ บาท, ตัวยาทั้ง ๔ อย่างนี้นํามาตากให้แห้ง ตําเป็นผง ผสมกับนําผึ้งแท้ ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเมล็ดพุทรา ใช้รับประทานครั้งละ ๒-๓ เม็ด เวลาก่อนนอน เมื่อรับประทานยานี้ได้ผลดีแล้ว ต้องกรวดนําอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าของยาขนานนี้ด้วย มีสรรพคุณแก้ปวดเมื่อยได้ผลดีชะงัดแลฯ
    ยาแก้ปวดขาอย่างรุนแรง
    ท่านให้เอาเถากะทกรก หนัก ๑ บาท, หญ้างวงช้าง ๑, รากคนทา ๑, ขิงแห้ง ๑,หัวข่า ๑,หญ้าหางช้าง ๑, ตัวยาทั้ง ๖ นี้เอาหนักอย่างละ ๑๐ บาทเท่ากัน ตัวยาทั้ง ๖ อย่างนี้นํามาใส่หม้อดินต้มกับนําสามส่วน ต้มเคี่ยวให้เหลื่อนํา ๑ ส่วน ใช้รับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยกาแฟ เวลา เช้า กลางวัน เย็น วันละ ๓ เวลา มีสรรพคุณแก้โรคปวดขาอย่างรุนแรงให้หายไปได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
    ยาลดความอ้วน
    ท่านให้เอา ต้นบอระเพ็ด จำนวนมากพอสมควรนำมาล้างนำให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆตากแดดให้แห้ง บดให้ละเอียด ผสมกับ นำผึ้งแท้ ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเมล็ดพุทรา ใช้รับประทานครั้งละ ๓ เม็ด เวลาก่อนอาหารเช้า ทุกวันติดต่อกันประมาณ ๑ เดือน ความอ้วนจะค่อยๆลดลงไปตามลำดับ โดยไม่เสื่อมเสียสุขภาพและไม่เป็นการทรมารสังขารอีกด้วย มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ
    ยาลดไขมันในร่างกาย
    ขนานที่ ๑ ท่านให้เอา ต้นแห้วหมูทั้งห้า (ถอนเอาทั้งต้นตลอดถึงราก) จำนวนมากน้อยตามต้องการ นำมาล้างนำให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆตากแดดให้แห้ง คั่วไฟให้สุกเหลือง ใช้ชงกับนำร้อนรับประทานต่างนำชา มีสรรพคุณช่วยลดไขมันในร่างกาย ได้ผลอย่างชะงัดนักแล เคยใช้รักษาได้ผลดีมาแล้วฯ
    ขนานที่ ๒ ท่านให้เอา เมล็ดกาแฟดิบๆจำนวน ๑๔ เมล็ด นำมาแช่นำไว้ในตู้เย็นตอนกลางคืน รุ่งขึ้นเช้า นำเอาเมล็ดกาแฟนั้นมาต้มกับนำ ประมาณ ๓-๔ ถ้วยแกง ต้มเคี่ยวให้นานๆ ใช้นำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา เวลา เช้า-กลางวัน-เย็น วันละ ๓ เวลา ติดต่อกัน ๗ วัน มีสรรพคุณช่วยลดไขมันในร่างกายได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
    ยาแก้โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด
    ท่านให้เอา หัวกระเทียมโทน (กระเทียมหัวเดียวโดยเพาะ ไม่มีกลีบ) ๒๑หัว นํามาปอกเปลือกแล้วใส่โหล หรือ ใส่โถ ใส่นําผึ้งแท้ลงผสมให้ท่วมหัวกระเทียม ปิดฝาโหล หรือ โถ ให้สนิท หมักดองไว้ ๗ วัน ติดต่อกัน มีสรรพคุณแก้โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ[​IMG]
    ยาแก้โรคหัวใจ
    ขนานที่ ๑ ท่านให้เอา หัวยาข้าวเย็นทั้ง ๒ (คือหัวยาข้าวเย็นเหนือ ๑ หัวยาข้าวเย็นใต้ ๑)กํามะถันเหลือง ๑, กําแพงเจ็ดชั้น ๑, ทองพันชั่ง ๑, ชะเอมเทศ ๑,ตัวยาทั้ง ๖ อย่างนี้เอาหนักอย่างละ ๑๐ บาทเท่ากัน นํามาใส่หม้อดินต้มกับนําพอสมควร ใช้นํายารับประทานครั้งละหนึ่งถ้วยชา เวลาหลังอาหารวันละ ๓ เวลา มีสรรพคุณแก้โรคหัวใจโต ซึ่งมีอาการหัวใจเต้นปรกติ อ่อนเพลีย เหนื่อยหอบให้หายไป ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
    ขนานที่ ๒ ท่านให้เอาต้นไมยราบ (เอาทั้งต้นตลอดถึงราก) นำมาล้างนำให้สะอาด สับเป็นชิ้นเล็กๆตากแดดให้แห้ง คั่วไฟให้สุกเหลือง ใช้ชงกับนำร้อนรับประทานต่างนำชา มีสรรพคุณแก้โรคหัวใจสั่น หรือ หัวใจเต้นแรงผิดปรกติ ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล เคยใช้รักษาได้ผลดีมาแล้วฯ
    ขนานที่ ๓ ท่านให้เอา ต้นและใบบัวบก จำนวนมากพอสมควร นำมาล้างนำให้สะอาด ตำให้แหลก คั้นเอานำ ผสมกับ นำตาลทรายแดง หรือ นำตาลทรายขาว ก็ได้ พอมีรสหวานเล็กน้อย ใช้รับประทานครั้งละ ๑ แก้ว วันละ ๓ เวลา ติดต่อกันประมาณ ๗-๑๐วัน มีสรรพคุณแก้โรคหัวใจ ซึ่งมีอาการเจ็บปวดที่หน้าอกข้างซ้าย หายใจขัด เหนือยง่าย ออ่นเพลีย มีเหงื่อออกอยู่ตลอดเวลา ได้ผลดีชะงัดนักแล เคยใช้รักษาตัวเองหายขาดมาแล้วฯ
    ขนานที่ ๔ ท่านให้เอา หัวผักกาดขาวสด (หัวไชเท้า) นำมาล้างนำให้สะอาด ปอกเปลือกแล้ใช้จิ้มนำผึ้งแท้ รับประทานครั้งละ ๑ หัว เวลาเช้า-เย็น ทุกวัน ประมาณ ๑๕ วัน มีสรรพคุณแก้โรคหัวใจ ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ เมื่อหายโรคแล้ว ให้ใส่บาตรพระ ๕ องค์ อุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าของยาขนานนี้ด้วยฯ
    ขนานที่ ๕ ท่านให้เอา มะพร้าวออ่น ๑ ลูก นำมาปอกตัดหัวออก เอาต้นคื่นฉ่ายสด นำมาหั่นเป็นท่อนๆประมาณ ๑ กำมือ ใส่ลงในผลมะพร้าวออ่นนั้น นำไปเผาไฟให้เดือดประมาณ ๕-๑๐ นาที ใช้นำมะพร้าวพร้อมกับคื่นฉ่ายนั้นรับประทานให้หมด ให้ปรุงยานี้รับประทานวันละ ๑ ครั้ง ติดต่อกัน ๗ วัน แล้วปรุงยานี้รับประทานวันเว้นวัน ต่อไปอีกประมาณ ๑-๒ เดือน มีสรรพคุณแก้โรคหัวใจ ซึ่งมีอาการหายใจขัด ปวดเจ็บที่หน้าอกข้างซ้าย ออ่นเพลีย ไม่มีแรง ให้หายขาด ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล เคยใช้รักษาได้ผลดีมาแล้วฯ
    ยาแก้โรคความดันโลหิตสูง
    ขนานที่ ๑ ท่านให้เอาต้นกาฝากมะม่วงทั้ง ๕ (เอาทั้งต้นตลอดถึ่งราก) จำนวนมากพอสมควร นำมาตากแดดให้แห้ง ใส่หม้อดินต้มกับนำพอสมควร ใช้นำยารับประทานต่างนำชา มีสรรพคุณแก้โรคความดันโลหิตสูงให้ลดลง อาการปวดศรีษะจะพลันหายไป ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล ฯ
    ขนานที่ ๒ ท่านให้เอา รากมะละกอตัวผู้ (เอารากทางทิศตะวันออก ตัดหัวและปลายรากทิ้งเสีย) ๑ กำมือ กับ สารส้ม (ก้อนขนาดเท่าหัวแม่มือ) ๑ ก้อน นำมาใส่หม้อดินต้มกับนำพอสมควร ใช้นำยารับประทานครั้งละ ๑ แก้ว วันละ ๒-๓ ครั้ง มีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิตสูงให้ลดลงเป็นปรกติ ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล ฯ
    ขนานที่ ๓ ท่านให้เอา คื่นฉ่าย (ที่ใช้รับประทานกับข้าวต้ม หรือใช้ใส่ ก๋วยเตี๋ยว) นำมาคั้นเอาเฉพาะนำ ใช้นำยารับประทาน มีสรรพคุณแก้โรคความดันโลหิตสูงให้หายเป็นปรกติ ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล ฯ
    ยาแก้ความดันโลหิตตํา
    ท่านให้เอาหมูเนื้อแดง หนัก ๑ ก.ก กับพริกไทยร่อน ๑ กระป๋องนมข้น ตัวยาทั้ง ๒ อย่างนี้ นํามาบดผสมกัน ใส่โถ หรือ ใส่โหล ใส่นําผึ้งแท้พอท่วมยา หมกข้าวเปลือกไว้ประมาณ ๑๕ วันขึ้นไป ใช้นํายาดองนี้ใช้รับประทานครั้งละ ๑ ช้อนโต๊ะ วันละครั้งทุกวัน เพียง ๕ วันเท่านั้น อาการป่วยโรคความดันโลหิตตํา และโรคโลหิตจาง จะหายเป็นปรกติ มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ
    ยาแก้โรคโลหิตจาง
    ท่านให้เอา ผลมะนาวสด ผ่าซีก บีบเอาเฉพาะนํา นํามาผสม กับนําหวานและปรุงด้วยเกลือทะเล (เกลือใส่แกง) พอสมควร ใส่นําแข็ง ใช้รับประทานบ่อยๆเป็นยาบํารุงโลหิต และ แก้โรคโลหิตจาง ทําให้มีผิวพรรณผุดผ่องมีนํามีนวล มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ
    ยาแก้โรคเบาหวาน
    ขนานที่ ๑ ท่านให้เอา รั้งผึ้ง (เอาทั้งรั้งพร้อมทั้งตัวอ่อน) ๑รัง, เหล้า ๑ ขวด, หัวกระชาย ๑๒ หัว, เปลือกตะโกนา (ต้นตะโกดัด สด หรือ แห้ง ก็ได้) ๓เปลือก, ตัวยาทั้ง ๔ อย่างนี้ นํามาดองรวมกัน โดยนํารังผึ้งใส่ลงในโถ หรือ ใส่ลงในโหล เทเหล้าผสมพอท่วมรังผึ้ง ใส่หัวกระชาย (ซึ่งปอกเปลือกและทุบให้แตกเสียก่อน) และ ใส่เปลือกตะโกนา ลงผสม หมักดองไว้ ๓ วัน ใช้นํายาดองนี้รับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชาจีน เวลาก่อนอาหารเช้า-เย็น วันละ ๒ เวลา ทุกวันติดต่อกันไปจนครบ ๑ เดือน แล้วฯ
    ท่านให้เอา ต้นเหงือกปลาหมอ (เอาทั้งต้นตลอดถึงราก) จํานวนพอสมควรนํามาล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ตากแดดให้แห้ง บดเป็นผง จํานวน ๖ ถ้วยชาจีน เอาพริกไทยร่อน จํานวน ๓ ถ้วยชาจีน บดให้ละเอียด ผสมกับนําผึ้งแท้ ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเมล็ดพุทรา จํานวน ๑๐๘ เม็ด ใช้รับประทานครั้งละ ๑ เม็ด เวลาก่อนอาหารเช้า-เย็นทุกวัน ติดต่อกันไปจนครบ ๕๔ วันแล้วโรคเบาหวานจะหายขาด เจ้าของยาขนานนี้ได้ใช้รักษาตัวเองหายขาดมาแล้ว มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ
    ยาแก้โรคเหนื่อยหอบ
    ท่านให้เอา รากต้นกระดังงร หนัก ๖ บาท, รากต้นพิกุล หนัก ๕ บาท, รากต้นทองพันชั่ง หนัก ๕ บาท, หัวยาข้าวเย็นเหนือ หนัก ๔ บาท, ตัวยาทั้ง ๕ อย่างนี้ นํามาใส่หม้อดินต้มกับนําพอสมควร ใช้นํายารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา มีสรรพคุณแก้อาการเหนื่อยหอบให้หายไป ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
    ยาแก้เครื่องสืบพันธ์อ่อน
    ท่านให้เอา หัวกระชาย ๑, ขมิ้นอ้อย ๑, พริกไทยร่อน ๑, ลูกกระวาน ๑, ว่านนํา ๑, ตัวยาทั้ง ๕ นี้เอาหนักอย่างละ ๓ บาทเท่ากัน นํามาตากแดดให้แห้งบดเป็นผง ละลายกับ นําผึ้งแท้ ก็ได้ นําตาลมะพร้าว ก็ได้ นําตาลโตนด ก็ได้ นําอ้อย ก็ได้ ปั้นเป็นลูกกลอน ใช้รับประทานเวลาเช้า-เย็น วันละ ๒ เวลา มีสรรพคุณแก้อาการเครื่องสืบพันธุ์อ่อนให้กลับคืนเป็นปรกติได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
    ยาแก้โรคเครื่องสืบพันธุ์ตาย
    ท่านให้เอา พริกไทยร่อน ๑ ผิวมะกรูด ๑ หัวกระชาย ๑ (ตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้เอาอย่างละเท่าๆกัน) งูเห่า (ย่างไฟให้สุก) ๑ ตัว, ตัวยาทั้ง ๔ อย่างนี้นํามาตากแดดให้แห้ง บดเป็นผง ใช้ละลายกับนําตาลโตนด รับประทานวันละ ๒ เวลา เพียงเวลา ๒ อาทิตย์เท่านั้น จะปรากฎผลดีอย่างน่าอัศจรรย์แล เคยใช้รักษาได้ผลดีมาแล้วฯ
     

แชร์หน้านี้

Loading...