รายชื่อผู้ที่ปราถรถนาพุทธภูมิ(ในเว็บนี้)

มหาโมทนากับดวงจิตอันเป็นมหากุศลของทุกท่านที่ปรารถนาโพธิญาณค่ะ ^^

 

ขออนุโมทนาสาธุในความตั้งใจจริงของทุกท่านที่จะให้้เหล่าสรรพสัตว์พ้นทุกข์

ขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่งครับ

 

อนุโมทนาบุญครับ
................................................................................................................................................................................................................................................................................
ขอบารมีและอานิสงส์การสร้างพระสมเด็จพระพุทธปฐมบรมศาสดาจักรพรรดิตราวีรานุสรณ์ และบารมีสมเด็จพระพุทธสิกขีจอมไตรญาณมุณีศรีหริภุญชัย เพื่อขจัดภัยพิบัติ

ที่ข้าพเจ้าทั้งหลายได้รวมใจกันสร้างตามนิมิตนี้จงส่งผลให้เป็นส่วนช่วยให้สามารถขจัดภัยพิบัติได้ด้วยเทอญ​

<!-- google_ad_section_end -->

 

อนุโมทนาครับ ทุกๆท่านเลย

อ่านแล้วต้องเร่งสร้างกุศล จะใช้ชีวิตอย่างประมาทแบบที่เคยผ่านมา ไม่ได้ซะแล้ว

ใครหรือผู้ใดก็ตามที่ทำให้ผมระลึกถึงความดี ผมจะระลึกถึงท่านทั้งหลาย

จะน้อมรับ และยินดีปฏิบัติตามครับ

 

จะยอมแลกทุกสิ่งเพื่อ พุทธภูมิ จุดยืนและสตยาบันที่ขอประกาศแก่มนุษย์ทั้งหลาย<!-- google_ad_section_end -->

 

ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีคนเข้ามารายงานตัวเรื่องปรารถนาพระโพธิญาณกันมากขึ้นเรื่อยๆขอเชิญเลยนะครับสำหรับคนที่ยังไม่ได้รายงานตัว ผมขอขอบคุณคนที่เปิดเว็ปเรื่องของพุทธถูมิขึ้นมาเป็นอย่างมาก ผมรอคอยมานานเรื่องที่อยากจะรู้ว่าใครบ้างนะที่ปรารถนา ในวันนี้(23 ธันวาคม 2548)ก็พอนับได้ประมาณ 30 กว่าแล้ว


ผมเชื่อว่ายังคงมีอีกมากที่ยังไม่รายงานตัว ใครพร้อมที่จะรายงานตัวเมื่อไรก็ขอเชิญอีกครั้งนะครับ ก่อนที่จะพูดเรื่องอื่นผมขอโมทนาในมหากุศลเจตนาของทุกๆท่านที่ตั้งนโนปณิธานในการที่จะสงเคราะห์สรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นทุกข์ บางท่านตั้งใจที่จะบำเพ็ญให้นานที่สุด มากที่สุดและอีกหลายอย่างอันเป็นที่สุด บางท่านปรารถนาที่จะสงเคราะห์จนหมดสรรพสัตว์ในอนันตจักรวาล บางท่านปรารถนาเป็นคู่พระบารมีเช่นคุณศดานัน บางท่านปรารถนาที่จะอยู่เป็นท่านสุดท้าย และอีกมากท่านที่ปรารถนาแตกต่างกันออกไป

ในส่วนตัวของผมขอก้มกราบในความดีในมหากุศลเจตนาของทุกๆท่านอย่างจริงใจ ขอเป็นกำลังใจ และขอสนับสนุนงานด้านพุทธภูมิของทุกๆท่านนะครับ

ต่อแต่นี้ไปผมจะขออนุญาติเล่าเรื่องถึงมโนปณิธานความปรารถนาของผม ความในใจ ประสพการณ์ต่างๆของผมให้หลายๆท่านได้รับรู้บ้างด้วยตัวเอง อย่างน้อยก็เป็นการบันทึกไว้เป็นลายลักษ์อักษร เคยตั้งใจที่จะเขียนเป็นจดหมายเล่าความปรารถนาในใจของตัวเองไปให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่าน (หลวงพ่อพระราชพรหมยาน)ซึ่งต่อไปในการเรียกองค์ท่านของผมจะเรียกว่าหลวงพ่อ หรือว่าพ่อสั้นๆนะครับ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้มีโอกาศเขียนไปหาท่าน

มีความตั้งใจไว้ก่อนที่จะมีหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่มแรกไม่นานพอหนังสือลูกศิษย์บันทึกออกมาก็มีความรู้สึกว่าสิ่งที่เราคิดก็มีคนอื่นคิดและก็มีคนทำจนสำเร็จและก็มีอีกหลายๆเรื่องมากๆที่พอนึกว่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้พอไม่นานก็จะต้องมีคนทำ แม้กระทั่งเรื่องการอยากจะรู้ว่ามีใครบ้างนะที่ปรารถนาพระโพธิญาณ ทำไงนะจะรวมตัวกันได้ ก็พอดีเป็นการบังเอิญเปิดเนตขึ้นมาเปิดเข้ามาพบนี่แหละทั้งๆที่ผมเล่นเนตกับเขาไม่เป็นหัดได้ไม่กี่วันเรื่องการพิมพ์ก็ไม่ค่อยจะเป็นอีก เมื่อเข้ามาก็เจอเรื่องราวของพุทธภูมิเข้าพอดีทำให้นึกถึงคำของท่านพ่อว่าเรื่องบางอย่างมันไม่ใช่หน้าที่ของเรา ถึงเราจะคิดหรืออยากจะทำก็ใช่ว่าเราจะทำได้ทุกเรื่องเท่าที่สังเกตุมาก็จริงของท่านทุกเรื่อง ก่อนเล่าเรืองอื่นๆขอเล่าเรื่องอารมณ์ใจความตั้งใจไว้คิอ


ในสมัยที่เป็นนักบวชประมาณปี 2529 ถึงปี 2531อารมณ์ในตอนนั้นซึ่งมีความเลื่อมใสในท่านพ่อมากเพราะปฏิปทาของท่านมันอยู่ในความทรงจำมานาน นานจนไม่รู้ว่าลีลาต่างๆที่ติดมาเป็นเรียกว่าสันดานนี้เราไปรู้มาจากใครไปจดจำมาจากใหน ตั้งแต่เป็นเด็กจำความได้คือหมายความว่าเมื่อตอนเด็กได้ยินพ่อในชาตินี้สั่งสอนแม่ในชาตินี้สั่งสอนเกือบทุกอย่างที่ได้รับมานั้นมันคุ้นหูมันเหมือนเคยได้รับฟังมาแล้วเพียงแต่ไม่รู้ว่าที่ใหนมันง่ายมากที่เข้าใจคำสั่งสอนของพ่อและแม่นั้น

ต่อมาเมื่อมาเจอหนังสือประวัติหลวงปู่ปานและได้พบหลวงพ่อครั้งแรกเมื่อ วันที่5 ธันวาคม 2527 ที่บ้านซอยสายลมบ้านของท่านเจ้ากรมเสริม แต่นั้นมาก็บอกกับท่านพ่อในใจว่าพ่อท่านนี้นี่เองท่านอยู่นี่เองที่ลูกหลงไปเที่ยวหาลีลาท่าทางลักษณะปฏิปทาจาริยวัตรแบบนี้นี่เองที่ลูกคุ้นเคย คำสั่งสอนของท่านนั้นทุกคำยังจำได้จนทุกวันนี้

ยิ่งรู้เรื่องราวที่ท่านเขียนไว้ในเรื่องจริงอิงนิทานฉบับพิเศษตำนานของพระเจ้ามังรายมหาราชสมัยเชียงแสนจนถึงสมัยปัจจุบันอันเป็นชาติสุดท้ายมันมีความรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองอยู่ในเหตุการนั้นๆตลอดเวลาเรื่องราวของพ่อนั้นในความรู้สึกของลูกนี้เป็นตำนานของผู้กล้าเป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่ของลูกผู้ชายชาตรีท่านหนึ่งที่ได้กระทำบำเพ็ญมานานหนักหนาลูกๆของพ่อทุกคนรู้ดีว่าพ่อบำเพ็ญเพื่อพระโพธิญาณมานานขนาดใหน

มาในชาติปัจจุบันอันเป็นชาติอวสานต์ท่านลาจากพุทธภูมิจบกิจของท่านไปแล้ว ลูกขออนุโมทนาทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านพ่อและท่านแม่บำเพ็ญแล้วตั้งแต่ตันจนถึงกาลอวสานต์ และโมทนากับท่านปู่ท่านย่าท่านตาท่านยายพี่ๆน้องๆ ตลอดจนทุกท่านที่มีพระคุณที่เคยได้เกิดร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเท่าที่รู้เกินกว่า16อสงไขยมาแล้ว

การที่ลูกไม่ลาพระโพธิญาณนั้นลูกได้ตั้งใจมาตั้งแต่ที่เป็นนักบวชอยู่ใกล้ๆพ่อแล้วว่าจะขอเจริญรอยตามแนวทางพุทธภูมิของพ่อให้ถึงที่สุดให้จงได้เปรียบไปก็เหมือนเมื่อลูกทุกคนโตเติบใหญ่แล้วพ่อและแม่ได้แบ่งทรัพย์สินให้สุดแท้แต่ใครจะเลือกสิ่งใดไป ใครชอบใจแบบใหนก็เลือกเอาไปตามใจปรารถนา ในส่วนของลูกนี้จะขอเลือกสมบัติที่พ่อให้ นั้นคือพระโพธิญาณแบบวิริยาธิกะซึ่งได้เติมความพิเศษเข้าไปอีก

ซึ่งลูกคิดว่าเป็นสมบัติสุดล้ำค่าหาประมาณไม่ได้ และที่ตั้งใจไว้คืองานของพุทธภูมิ โดยที่พ่อรับภาระมาในช่วง2535ปีแรกแต่หลังจากนี้ไปช่วง2400เศษหลัง ในเขตพระพุทธศาสนานี้ลูกของท่านพ่อคนนี้จะขออาสารับใช้พระพุทธศาสนาเช่นเดียวกันกับพระเจ้าพรหมมหาราชฉันนั้น จะขอเกิดเหมือนที่ท่านพ่อเกิด จะทำให้คล้ายที่ท่านพ่อทำทุกๆอย่างเท่าที่สติปัญญาความรู้ความสามารถจะทำได้ แม้แต่วัดท่าซุงแห่งนี้ ก็ได้ตั้งใจไว้ว่าจะขอเกิดมาเป็นคนไทยเป็นคนดูแลก่อสร้างบูรณะปฏิสังขร ในสมัยเดียวกับท่านฮิตเล่อร์และท่านมุตโสลินี

ขอให้ลูกนี้จงได้มีโอกาศมีเดชมีอำนาจ มีปฏิภาณสติปัญญาดีความรู้ความสามารถมีทรัพย์สินไม่น้อยกว่าใครในโลก และทุกสถานที่ในทุกครั้งที่เกิด ขอให้มีพรรคพวกบริวาร ที่มีสติปัญญาดีซื่อสัตย์จงรักภักดี เป็นสัมมาทิฐิ จำนวนมากมหาศาล เพื่อบูรณะวัดท่าซุงให้เป็นถาวรวัตถุ ที่สวยงามคงทนมีอายุยืนยาวไปจนกว่าจะสิ้นพระพุทธศาสนานี้ อันนี้เป็นหนึ่งในอีกหลายๆเรื่องที่ได้ตั้งใจไว้

จึงขอบอกถึงพี่ๆน้องๆชาวพุทธภูมิทุกท่านว่างานของพวกเรานั้นเป็นงานหนัก ถ้าสิ่งใหนที่ผมทำแล้วมันเป็นที่ชอบใจ เป็นที่ตรงกับอัชยาสัยของใครแล้วก็โปรดช่วยสงเคราะห์ส่งเสริมสนับในผมด้วย ส่วนผมเองก็เช่นกัน สิ่งใหนถ้าไม่เกินวิสัยของผมแล้ว ขอประวารนาตัวเอง ว่าจะช่วยทุกท่านในกิจของพระโพธิญาณครับ ความตั้งใจโดยส่วนตัวคือเมื่อใดที่ผมเป็นผู้นำ ก็ขอให้ตัวเองเป็นผู้นำอย่างมีคุณสมบัติครบถ้วนทุกอย่าง เมื่อใดที่เป็นผู้ตามก็จะขอตามอย่างผู้ตามที่ ดีมีคุณสมบัติของผู้ตามครบถ้วนเช่นกัน
จะขอจบบันทึกแรกก่อนนะครับ

ขอผลบุญที่ข้าพระพุทธเจ้าได้บำเพ็ญมาแล้วตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้จงส่งผลให้ข้าพระพุทธเจ้าจงได้บรรลุอภิเสกพระสัมมาสัมโพธิญาณในแบบวิริยาธิกะพิเศษในอนาคตกาลโน้นเถิดพระพุทธเจ้าข้า

 

รายชื่อบนโลกมนุษย์ ที่ประกาศกันโดยผู้มีคุณวุฒิ เป้นที่ยอมรับ
หรือ มีคนพิเศษไปรู้เห็นว่าเป็ฯใคร ในโลกก็มีอยู่


...อยากให้ท่านที่ได้รู้เห็นบันทึกรายชื่อ พระโพธิสัตว์ที่บันทึกไว้ ณ เบื้องบน

นำเรื่องราวบันทึกรายชื่อพระโพธิสัตว์แต่ละประเภท แต่ละองค์ มาเล่าบ้าง

จะได้มีกำลังใจมากกว่านี้




....การจะได้รับการพิสูจน์ จนเป็นที่ยอมรับของเหล่าเทวดา มาร พรหม

พระโพธิสัตว์ทั้งมวล และ โลกธาตุทั้งมวล ว่าควรมีรายชื่อบันทึกใน

ลำดับ รายนาม พระโพธิสัตว์ ในระดับต่างๆ นั้น


....บางที ในโลกมนุษย์ อาจไม่ทราบถึงพระนามท่านเหล่านั้นเลย


..อย่างนั้น ขอเพียงแค่ ชื่อของบุคคลในโลกปัจจุบัน

หรือ ที่เพิ่งเกิดตายในระยะใกล้ๆ ไม่เกิน100 ปีนี้ ก็แล้วกัน



...ส่วนท่านใด ทราบว่า มีรายชื่อตนอยู่ด้วย

คงต้องขอท่านเมตตา บอกเล่า การสร้างบารมีของท่านเพื่อเป็นธรรมทาน

แก่ สาธุชนทั้งหลายด้วย



อนุโมทนา สาธุ ครับ

 

ผมขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน และขอให้ความปราถนาของทุกท่านสำเร็จสมบูรณ์โดยอัศจรรย์ด้วยเทอญ

ขอแจมนิดๆ ละกันครับ
ผมเป็นคนหนึ่งที่มีโอกาสได้เจอกับ อ.ไก่ (คนเมืองบัว) ท่านก็เมตตาบอกผมว่า ผมปราถนาพระสิกขีทศพลมาตั้งแต่ในยุคสมเด็จพระสิกขีทศพลที่ 1 แต่ตัวผมเองยังมีความลังเลในอารมณ์ระหว่างพระสิกขีกับพระต้นกัป เมื่อถามถึงลำดับท่านก็บอกว่าอีกนาน นู้น..ลำดับที่ 30 กว่าๆ คนที่จะเป็นพระสิกขีนั้นต้องผ่านการเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์มาจนครบ 5 ครั้งก่อนครับ (ผมเป็นมา 3 ครั้ง) นี่ยังไม่พูดถึงเรื่องการทำนายนะครับ

ผมเองไม่ค่อยได้มีเวลาเข้ามาที่นี่บ่อยนัก ยังไงก็ขอแสดงความปิติยินดีอย่างยิ่งยวดที่ได้เห็นรายชื่อที่มากมายและจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตข้างหน้า

ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้เคยบำเพ็ญมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แด่ อ.ไก่ (คนเมืองบัว) ขอให้ อ.ไก่ ได้บรรลุอภิเษกเป็นสมเด็จพระสิกขีทศพลที่ 6 และขอให้ข้าพเจ้าได้บรรลุอภิเษกในแบบวิริยะธิกะพิเศษในอนาคตกาลด้วยเทอญ

 

เพิ่มเติมนิดนึงนะครับ
นอกจากความยาวนานของกาลเวลาที่แตกต่างกันแล้ว ยังมีเรื่องความใหญ่โตของกายโดย
สมเด็จองค์ปฐม พระสิกขีทศพลที่ 1 กายทิพย์ใหญ่ที่สุด ประมาณ 1 หมื่นโยชน์ พระสิกขีทศพล ต่างๆ กายทิพย์ใหญ่ ประมาณต้นพระศอ(คอ)ของสมเด็จองค์ปฐม แล้วไล่ลงมาตามลำดับ

ความรู้นอกเหนือจากนี้ท่านสามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่เวปคนเมืองบัวครับ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเนื่องจากอาจารย์ไก่ท่านได้ละจากโลกนี้ไปแล้ว ตอนนี้ท่านคงพักเหนื่อยอยู่ที่ชั้นดุสิตครับ สำหรับผมก็จะพยายามสร้างบารมีให้ดีที่สุดในชาตินี้และต่อๆไป

ขออนุโมทนากับทุกท่านอีกครั้งครับ
ขอบคุณครับ

 

เสียดายอาจารย์ไก่ถึงแก่กรรมไปซะแล้ว ครับ
ผมเนี่ยเซ็งตัวเองจริงๆเลยครับ เกิดก็ไม่ทันหลวงพ่อฤาษีฯ แล้วก็รู้จักอาจารย์ไก่ช้าไปอีก :'(

 

ใครหมดกำลังใจไปพักที่แดนนิพพานบอ่ยบ่อยนะครับเติมเเบตแล้วค่อยลุยต่อ

 

เคยนำพานขอขมาไปขอลาพุทธภูมิหน้าพระวิสุทธิเทพที่บ้าน
ตั้งใจขอขมาพระรัตนตรัยเรียบร้อย แต่มันพูดไม่ออก รู้สึกแน่น
หน้าอกมาก มือไม้สั่นจนเกือบทำพานหล่น ทำให้รู้ว่าลายังไง
ก็ไม่ขาด หลังจากนั้นจึงไม่คิดจะลาอีก เพราะตั้งใจจะทำหน้าที่
สนองคุณพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ จากรุ่นสู่รุ่น

มารู้หลังจากนั้นว่า อารมณ์เบื่อนั้น มันเป็นแบบเบื่อๆ อยากๆ
ไม่ได้เป็นอารมณ์เบื่อจากการทรงอารมณ์พระโสดาบันอยู่
ตลอดเวลา เพื่อเป็นพระอริยเจ้า ทำให้ลาไม่ขาด และคอย
สังเกตตัวเองพบว่า นิสัยยังชอบช่วยชาวบ้านอยู่เยอะ จึงมั่นใจ
ว่าตัวเองเป็นพุทธภูมิ ต้องเดินหน้าทำบารมีต่อไป สู้ๆครับ
พี่น้อง

ผมเชื่อว่าอนาคตวงศ์ไม่ได้มีแค่ 10 พระองค์เท่านั้น ถึงแม้ใน
พระไตรปิฏก สมเด็จองค์ปัจจุบันทรงมีพุทธทำนายชี้เฉพาะ
10 พระองค์ สำหรับช่วงอนาคตข้างหน้านี้ ที่ไม่ไกลจนเกินไป
เพราะถึงอย่างไร พระพุทธเจ้าองค์ต่อๆไป เช่น พระศรีอริยเมตตรัย
ก็จะทรงมีพุทธทำนายแก่พระโพธิสัตว์รุ่นต่อไปเรื่อยๆ ครับ ขึ้นอยู่
กับเหล่าพุทธภูมิที่จะต้องทำบารมีให้ครบถ้วนเพื่อรอรับฟัง
พุทธทำนายต่อไป

 

โมทนาสาธุครับ

 

ผมไม่รู้หรอกครับ เพียงแต่จะแนะนำได้ว่า วันใดที่เราตั้งใจ บำเพ็ญบารมีเพื่อ

ที่จะ ตรัสรู้ พระสัมมาสัมโพธิญาณ วันนั้นเราก็นับได้ว่า เป็นพระโพธิสัตว์แล้ว

 

หน่อโพธิ์อันประเสริฐ

เมื่อจิตตั้งมั่นในพุทธภูมิแล้ว เหมือนหน่ออ่อนเมล็ดโพธิ์ ที่งอกรากลงพื้นพระธรณีพร้อมที่จะเติบโตแผ่ กิ่งก้านสาขาให้สัตว์ต่าง ๆได้อาศัยเป็นที่พึ่งอันประเสริฐ ผู้ปราถนาใหญ่ย่อมมี อุปสรรค์ใหญ่ยิ่งกว่าปวงชน

ข้าพเจ้าขอ อนุโมทนา ถวายแด่หน่อเนื้อพระโพธิสัตว์ทุกท่าน

ขอปารมีพระพุทธเจ้า พระสัทธรรม และพระอริยสงฆ์เจ้า รวมทั้งบารมีที่ข้าพเจ้าผู้ปรารถนาโพธิสัตว์ โปรด อำนวยให้สำเร็จสมประสงค์ โดยเร็วเถิด สาธุ สาธุ สาธุ

 

โมทนากับทุกโพธิด้วยครับ ผมก็จะขอตั้งปณิธานอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่ชาตินี้ วันนี้เลยละกันว่านับแต่นี้ต่อไปข้าพเจ้า จะขอตั้งมั่นว่าถ้าสัตว์โลกยังไม่เข้าสู่พระนิพพานไปให้หมด ข้าพเจ้าจะไม่ขอไปนิพพานเช่นกัน และข้าพเจ้าจะไม่เปลี่ยนใจไปเป็นอันขาด ข้าพเจ้าจะทำลายวัฏสงสารให้สิ้นไปให้หมด

 

ปรารถนาพุทธภูมิแบบ วิริยาธิกะ โดยท่านอาจารย์ไก่ คนเมืองบัว บอกว่าต้องบำเพ็ญบารมีมาเกิดเป็นมนุษย์อีก 896 ชาติ บารมีจึงเต็มบริบูรณ์ แล้วมาเกิดอีก 1 ชาติ เป็นชาติสุดท้าย เพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตกาล ครับ

 

ท่านครับ
เรื่องยาวนาน (ระยะเวลาของกระบำเพ็ญนั้น) นั้น ขึ้นอยู่กับอินทรียธรรม ที่เป็นตัวนำในการตรัสรู้ธรรม มีมากน้อยแตกต่างกันคือ ปัญญา สัทธา วิริยะ

ส่วนเรื่องความใหญ่โตของพระวรกายนั้น ขึ้นอยู่กับว่าบารมีเต็มตอนไหน และใกล้ยุคไหน ที่จะอุบัติ(ทรงอุบัติในยุคที่มนุษย์อายุต่างกัน ความใหญ่โตของร่างกายเลยต่างกัน) ตัวอย่าง องค์พระทศพลกกุสันโธ องค์พระทศพลโกนาคม องค์พระทศกัสสปะ ทั้งสามพระองค์เป็นแบบสัทธาธิกะ ยังทรงมีพระวรกายไม่เท่ากันเลย
องค์พระทศพลศรีอาริย์ องค์พระทศพลทีปังกร และองค์พระทศพลสุมังคละเป็นแบบวิริยาธิกะ ยังทรงมีพระวรกายไม่เท่ากันเลย
เรื่องที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องของ พุทธวิสัย นะครับ คิดยังงัยก็คิดไม่ตกหรอกนะครับ

พระโพธิสัตว์ทั้ง ๓ ประเภทนี้ แม้จะแตกต่างกันในด้านระยะเวลาที่บำเพ็ญบารมีและอินทรียธรรมที่หนุนนำให้ตรัสรู้ธรรม แต่เมื่อว่าโดยโพธิญาณ(ความรู้ที่ทำให้ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า) ก็เสมอเหมือนกัน คือ ท่านได้รู้อริยสัจ ๔ อันได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค อย่างทั่วถึงทัดเทียมกัน
มิฉะนั้น ก็มิอาจจะตรัสรู้ธรรม แล้วปฏิญาณตนว่า เป็น พระพุทธเจ้า ได้เลย

ปล.สักวันหนึ่งถ้าท่านบารมีเต็ม ๓๐ ทัศน์และได้สำเร็จโพธิญาณ เรื่องนี้ก็จะกระจ่างแจ้งแก่ท่านเองนะครับ

 

สาธุ กราบอนุโมทนากับความปรารถนาของท่านด้วยนะครับ
แต่...ท่านครับ
การที่ท่านจะทำลาย วัฏสงสารนั้น
เป็นสิ่งที่ดีครับ แต่คงจะเป็นไปไม่ได้นะครับ เพราะถ้าเป็นไปได้ พระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน และในอดีตกาลนานแสนนานจนนับประมาณมิได้ พระองค์คงทำไปแล้วนะครับ เราจะยกตัวอย่างคราวๆๆๆๆ(จำนวนที่พระพุทธเจ้าอุบัติมา)
ตัวอย่าง องค์พระทศพลศรีอาริย์ บำเพ็ญบารมีในสำนักพระพุทธเจ้า ๒,๐๔๙,๑๐๖ พระองค์ และในจำนวน สองล้านๆๆกว่าพระองค์ แต่ละพระก็ยังทรงเจออีกพระองค์ละเป็นล้านๆ อีกนะครับ มากมายเหลือเกิน ยังทรงทำลายวักสงสารไม่ได้เลยนะครับ
แต่ที่พระพุทธเจ้าทุกๆๆพระองค์ทรงทำได้คือ รื้อสัตว์ขนสัตว์ทั้งหลายให้พ้นวัฏสงสาร นะครับ

สุดท้ายนี้ผมเอง ขอให้ท่านสำเร็จเร็จ(เป็นพระพุทธเจ้า)เร็วๆๆนะครับ สัตว์โลกจะได้มีที่พึ่งนะครับ