อยากรู้เกี่ยวกับญาณ 8

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย TLDC, 18 พฤศจิกายน 2010.

  1. TLDC

    TLDC Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +94
    อยากรบกวนสอบถามท่านผู้รู้ช่วยเข้ามาตอบด้วยนะค่ะ เรื่องญาณ8 หรือญาณ ข้อที่8 ว่าคืออะไร คือสงสัยอยากรู้นะค่ะ ขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้าโพสต์ตอบนะค่ะ (ต้องขอโทษนะค่ะถ้าตั้งกระทู้ซ้ำ)
     
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    [​IMG]


    ญาณ ๘ หรือ วิชชา ๘



    [๑๔]
    [ วิชชา ๘ คือ วิปัสสนาญาน มโนมยิทธิญาณ อิทธิวิญญาณ ทิพโสตญาณ
    เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ ]

    วิปัสสนาญาณ
    ภิกษุนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผ่องแผ้วแน่วแน่แล้ว ย่อมน้อมจิตไปเพื่อญาณทัสนะ รู้ชัดว่า กายของเรานี้ได้แก่ รูปและวิญญาณ รูปนั้นประกอบด้วยมหาภูต ๔ [ ดิน น้ำ ลม ไฟ ] เกิดจากมารดาบิดา เติบโตด้วยอาหาร แต่รูปนี้ไม่เที่ยง ต้องเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ส่วนวิญญาณนั้นก็อาศัยอยู่ เนื่องอยู่ในกายนี้ เปรียบเหมือนแก้วไพฑูรย์อันงาม เจียระไนดีแล้ว มีด้ายสีต่าง ๆ ร้อยอยู่ภายใน ฉะนั้น
    แม้ข้อนี้ก็เรียกว่าอนุสาสนีปาฏิหาริย์.
    ที่มา: เกวัฏฏสูตร ๙ [ ๓๔๒] ๓๒๐

    มโนมยิทธิญาณ
    [๑๕] ภิกษุนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผ่องแผ้วแน่วแน่แล้ว ย่อมน้อมจิตไป เพื่อนิรมิตรูปอันเกิดแต่ใจ คือนิรมิตกายอื่นจากกายนี้ มีรูปเกิดแต่ใจ มีอวัยวะน้อยใหญ่ครบถ้วน มีอินทรีย์ไม่บกพร่อง เปรียบเหมือนชักไส้ออกจากหญ้าปล้อง หรือชักดาบออกจากฝัก หรือชักงูออกจากคราบ ฉะนั้น
    แม้ข้อนี้ก็เรียกว่าอนุสาสนีปาฏิหาริย์
    ที่มา: เกวัฏฏสูตร ๙ [ ๓๔๒] ๓๒๐ - ๓๒๑

    อิทธิวิธญาณ
    [๑๖] ภิกษุนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผ่องแผ้วแน่วแน่แล้ว ย่อมน้อมจิตไปเพื่ออิทธิวิธี และบรรล อิทธิวิธีหลายประการ คือ คนเดียวเป็นหลายคนก็ได้ หลายคนเป็นคนเดียวก็ได้ ทำให้ปรากฏก็ได้ ทำให้หายก็ได้ ทะลุฝากำแพง ภูเขาไปได้ ผุดขึ้นดำลงในแผ่นดินเหมือนในน้ำก็ได้ เดินบนน้ำเหมือนเดินบนแผ่นดินก็ได้ เหาะไปในอากาศก็ได้ ลูบคลำพระจันทร์พระอาทิตย์ด้วยฝ่ามือก็ได้ ใช้อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้ เปรียบเหมือนช่างหม้อ หรือช่างงา หรือช่างทองผู้ฉลาด เมื่อต้องการภาชนะ หรือเครื่องงา หรือทองรูปพรรณอย่างใด ก็ย่อมทำสำเร็จได้ ฉะนั้น
    แม้ข้อนี้ก็เรียกว่าอนุสาสนีปาฏิหาริย์.
    ที่มา: เกวัฏฏสูตร ๙ [ ๓๔๒] ๓๒๑ - ๓๒๒

    ทิพพโสตญาณ
    [๑๗] ภิกษุนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผ่องแผ้วแน่วแน่แล้ว ย่อมน้อมจิตไป เพื่อทิพยโสตธาตุ สามารถได้ยินทั้งเสียงทิพย์และเสียงมนุษย์ ทั้งไกลและใกล้ เกินโสตของมนุษย์ เปรียบเหมือนคนที่ได้ยินเสียงกลอง เสียงตะโพน ฯลฯ แต่ไกล ๆ ก็รู้ได้ว่านั่น เป็นเสียงกลอง เสียงตะโพน ฯลฯ ฉะนั้น
    แม้ข้อนี้ก็เรียกว่าอนุสาสนีปาฏิหาริย์. ์
    ที่มา: เกวัฏฏสูตร ๙ [ ๓๔๒] ๓๒๒

    เจโตปริยญาณ
    [๑๘] ภิกษุนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผ่องแผ้วแน่วแน่แล้ว ย่อมน้อมจิตไป เพื่อเจโตปริยญาณ สามารถกำหนดรู้ใจของสัตว์หรือบุคคลอื่นด้วยใจ เช่น จิตมีราคะ ก็รู้ว่าจิตมีราคะ ฯลฯ หรือจิตไม่หลุดพ้น ก็รู้ว่าจิตไม่หลุดพ้น เปรียบเหมือน หญิงชาย ที่ชอบการแต่งตัว เมื่อส่องกระจกดูเงาหน้าของตน ถ้าหน้ามีไฝ ก็รู้ว่าหน้ามีไฝ หรือหน้าไม่มีไฝ ก็รู้ว่าหน้าไม่มีไฝ ฉะนั้น
    แม้ข้อนี้ก็เรียกว่าอนุสาสนีปาฏิหาริย์.
    ที่มา: เกวัฏฏสูตร ๙ [ ๓๔๒] ๓๒๒ - ๓๒๓

    ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
    [๑๙] ภิกษุนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผ่องแผ้วแน่วแน่แล้ว ย่อมน้อมจิตไป เพื่อบุพเพนิวาสานุสสติญาณ สามารถระลึกชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือ ระลึกได้หนึ่งชาติบ้าง สองชาติบ้าง ... จนกระทั่งตลอดสังวัฏฏวิวัฏฏกัปบ้าง ว่าในภพโน้นเราเป็นอย่างนั้น ๆ เมื่อสิ้นอายุแล้ว จุติจากภพโน้นไปเกิดในภพนั้น เป็นอย่างนั้น ๆ จนสิ้นอายุ จึงจุติจากภพนั้นมาเกิดในภพนี้ เปรียบเหมือนคนที่ะลึกได้ว่า ได้จากบ้านตนไปบ้านโน้น ในบ้านนั้น ได้ทำอย่างนั้น ๆ แล้วได้จากบ้านนั้นไปยังบ้านโน้น ได้ทำอย่างนั้น ๆ แล้วกลับจากบ้านนั้น มาสู่บ้านของตนตามเดิม ฉะนั้น
    แม้ข้อนี้ก็เรียกว่าอนุสาสนีปาฏิหาริย์.
    ที่มา: เกวัฏฏสูตร ๙ [ ๓๔๒] ๓๒๓ - ๓๒๔

    จุตูปปาตญาณ
    [๒๐] ภิกษุนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผ่องแผ้วแน่วแน่แล้ว ย่อมน้อมจิตไป เพื่อรู้จุติและอุปบัติของสัตว์ทั้งหลาย ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ รู้ชัดว่าหมู่สัตว์ย่อมเป็นไปตามกรรม ผู้ที่ประกอบอกุศลกรรมด้วย มิจฉาทิฏฐิ ตายแล้วย่อมไปสู่ทุคติ นรก ส่วนผู้ที่ประกอบกุศลกรรมด้วยสัมมาทิฏฐิ ตายแล้วย่อมไปสู่สุคติโลกสวรรค์ เปรียบเหมือนคนที่ยืนอยู่บนปราสาทตั้งอยู่ ณ ทาง ๓ แพร่งกลางพระนคร ย่อมมองเห็นหมู่ชนเบื้องล่าง รู้ได้ว่าคนเหล่านั้นกำลังไปไหนทางไหนอย่างไร ฉะนั้น
    แม้ข้อนี้ก็เรียกว่าอนุสาสนีปาฏิหาริย์.
    ที่มา: เกวัฏฏสูตร ๙ [ ๓๔๒] ๓๒๔ - ๓๒๕

    อาสวักขยญาณ
    [๒๑] ภิกษุนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผ่องแผ้วแน่วแน่แล้ว ย่อมน้อมจิตไป เพื่ออาสวักขยญาณ รู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา นี้อาสวะ นี้อาสวสมุทัย นี้อาสวนิโรธ นี้อาสวนิโรธคามินีปฏิปทา เมื่อรู้เห็นอย่างนี้ จิตย่อมหลุดพ้นจากอาสวะทั้งปวง มีญาณรู้ชัดว่าหลุดพ้นแล้ว ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว เปรียบเหมือนคนที่ยืนอยู่บนขอบสระที่มีน้ำใสสะอาด ย่อมเห็นสิ่งต่าง ๆ ใต้น้ำในสระนั้นได้ชัดเจน ฉะนั้น
    แม้ข้อนี้ก็เรียกว่าอนุสาสนีปาฏิหาริย์.
    ท่านเกวัฏฏ์ ปาฏิหาริย์ ๓ อย่างนี้ เรารู้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองแล้ว จึงประกาศให้รู้.
    ที่มา: เกวัฏฏสูตร ๙ [ ๓๔๒] ๓๒๖
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2010
  3. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    ญาณข้อที่ ๘ คือ อาสวักขยญาณ.............

    อาสวักขยญาณ คือ ความรู้เป็นเหตุสิ้นอาสวะ, ญาณหยั่งรู้ในธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย

    ตอบได้เท่านี้ครับ เพราะยังไม่รู้แจ้งจริง จึงตอบได้แค่ความหมาย คำแปล.....
     
  4. ทำเป็นงง

    ทำเป็นงง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +557
    [​IMG]

    ญาณ ๘

    ๑ ทิพจักขุญาณ แปลว่า ตาทิพย์ คือ มองเห็นอีกโลกหนึ่งได้ เป็นโลกทิพย์ ที่เห็นด้วยจิต ตาเนื้อหมดสิทธิ์ เพราะไม่มีความสามารถตามธรรมชาติ

    ๒ จุตูปปาตญาณ แปลว่า ญาณล่วงรู้สืบประวัติการเกิดของสิ่งมีชีวิต ว่าก่อนมาเกิดคนนี้เป็นใคร มาจากไหน เป็นต้น

    ๓ เจโตปริยญาณ แปลว่า ญาณล่วงรู้ทราบวาระจิตใจคนอื่น ดูใจได้นั่นเอง

    ๔ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แปลว่า ญาณระรึกชาติ ก็คือ ระลึกชาติย้อนไปดูได้

    ๕ อตีตังสญาณ แปลว่า ญาณทราบอดีต ในความหมายว่าย้อนอดีตไปนานแสนนานก็ทราบได้

    ๖ อนาคตังสญาณ แปลว่า ญาณทราบอนาคต ในความหมายว่าเล็งดูอนาคตแล้วทราบอนาคตได้

    ๗ ปัจจุปปันนังสญาณ แปลว่า ญาณทราบปัจจุบัน เช่น ตอนนี้คนนี้ทำอะไรอยู่ เป็นต้น

    ๘ ยถากัมมุตาญาณ แปลว่า ญาณทราบเหตุผลตามกรรม เช่น เพราะเหตุใดจึงเกิดมารวย สวย เก่ง อันนี้เพราะบุญส่งผล..เพราะเหตุใด จึงเกิดมา อาภัพ ลำบาก เจ็บป่วยบ่อย อันนี้เพราะอกุศลกรรมเก่าส่งผล..แล้วกรรมอะไรก็ค่อยดูอีกที


    วิชชา 8
    1.วิปัสสนาญาณ
    2.มโนมยิทธิ
    3.อิทธิวิธิ
    4.ทิพพโสต
    5.เจโต
    ปริยญาณ

    6 ปุพเพนิวาสานุสติ
    7. ทิพพจักขุ
    8.อาสวักขยญาณ

    วิชชา 8 อย่างนี้เริ่มต้นจาก วิปัสสนาญาณ หรือ ที่เราเรียกว่า วิปัสสนาภูมิก็ได้ “วิปัสสนาญาณ” แปลตรงๆ ว่า ญาณหยั่งรู้ชัดตามความเป็นจริง เราจะสังเกตว่า การที่ให้ลูกหลานได้สำรวม สงบ แล้วสังเกตดูจิตของตนแล้ว รู้ลักษณะจิต 10 อย่าง ที่จริงแล้วก็เป็นองค์คุณแห่ง วิปัสสนาญาณ เพราะรู้ชัดตามความเป็นจริงในอาการเกิดของจิต นี่เป็นหนึ่งในวิชชา 8 อย่าง

    ญาณสุดท้ายซึ่งเป็นหนึ่งใน 8 อย่างเป็นข้อสุดท้ายคือ อาสวักขยญาณ ญาณพ้นทุกข์ ญาณที่นำไปสู่ กระบวนการแห่งการพ้นทุกข์ อันนั้นเรายังไม่ถึง มันเป็นความละเอียดอ่อนขั้นสุดท้ายซึ่งไม่มีอะไรจะให้ยึดถือแล้ว<O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2010
  5. เวิ้งว้าง

    เวิ้งว้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +177
    เป็นไปได้ไหมถ้าคนเรานั่งสมาธิแล้วจิตนึกรู้ขึ้นมาเองถึงญาณ 8 (คือไม่ใช่ว่าได้ญาณนะคะ แต่ว่าอยู่ดี ๆ ก็นึกถึงเองเฉย ๆ) ว่ามี ตาทิพย์ หูทิพย์ จมูกทิพย์ กายทิพย์ และถ้าตั้งจิตอธิษฐานให้ดีก็จะรู้ถึงอดีตชาติได้ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าญาณ 8 คืออะไรและมีอะไรบ้าง

    และนอกจากนี้จิตก็ยังนึกถึงคาถาพระไตรปิฎกและบารมี 10 ทัศด้วย เหมือนกับว่าจะอยากให้หัดสวดมนต์บทนี้ด้วย

    ไม่ทราบว่าสิ่งเหล่านี้คืออะไร รบกวนท่านผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ
     
  6. นะโม12

    นะโม12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +245
    เป็นไปได้ เรียกว่า มีวิตก หากมีสติรู้พร้อมขึ้นมาตามอีกเรียกว่า มีวิจาร
    แล้วจะมีปีติซ่านๆตามมาแว๊ปๆ และจะมีสุขโชยๆ หากเข้าไปยึดปั๊ป ว่า
    นี่คืออะไร ก็จะหลุดจากสมาธิทันที เรียกว่าไม่ตั่งมั่น (อวิชาเริ่มได้อาหาร)

    แต่หาก จะให้อาหารปัญญาก็ฝึกทำสติรู้ตามเรื่อยๆไป จะบ่มอินทรีย์ได้แก่ขึ้น




    อธิบายเพิ่มเติมว่า
    ความคิดที่คิดขึ้นมาเองก็เป็นความรู้ ความรู้ก็คือปัญญา
    ถ้าไปยึดความรู้นี้ ก็กลายเป็น ปัญญามิจฉาทิฐิ
    หากรู้แล้ววางก็จะกลายเป็นปัญญาสัมมาทิฐิ
    อันนี้อ่านเล่นๆผ่านๆครับ อย่าเพิ่งกังวน ต้องอบรมไปเรื่อยๆอีก

    ไฟล์นี้จะช่วยให้เข้าใจทางมากขึ้นครับ ลองฟังดู
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กันยายน 2011
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ที่คุณ เวิ้งว้าง พูดเป็นไปได้ครับ บางคนเค้าไม่ต้องฝึกอะไรเลย เค้าสามารถมีความสามารถพิเศษบางอย่างได้ เหตุเพราะว่าจิตเดิมของเค้าชอบอย่างนั้นเพราะติดมาจากอดีตครับ
    อนุโมทนาสาูธุครับ...
     
  8. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,431
    อยากรู้ว่าเราคิดไปเองหรือว่า เป็นสัญญานเตือนจากอดีตที่ผ่านมา ก็ลองทำดูสักเล็กน้อยก็ได้ครับ เช่น เราอาจเดาใจคนที่อยู่รอบๆตัวเราว่า เราทายใจเขาถูกไหมนะครับ ถ้าทายถูกก็ทดสอบซ้ำๆเพื่อความมั่นใจว่าไม่เป็นเหตุบังเอิญ นะครับ ส่วนตัวก็เคยรู้สึกแบบนี้เหมือนกันครับ โดยเฉพาะการทำสมาธิมีความรู้สึกว่าเคยทำแบบนี้มาก่อนและทำมานานแล้วด้วย ทั้งที่ตอนเด็กเพิ่งหัดทำครั้งแรกนะครับ เมื่อมีคำถามเราควรใช้ปัญญาช่วยในการหาคำตอบครับ
     
  9. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    พี่ครับ พี่จับพลังพระเครื่องได้ไหมครับ
     
  10. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ไม่เห็นมีใครคุยเลย....
    มีประโยชน์คะ
     
  11. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    แล้วพระสัพพัญญู สามารถเกิดขึ้นได้ในบุคคลธรรมดามั๊ยคะ
     
  12. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ในญาณทั้ง8นี้ ผู้ปรารถนาความพ้นทุกข์ ฝึกแค่วิปัสสนาญาณได้มั้ยคะ?
     
  13. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +494
    ผมว่ามันก็เหมือนกับ
    เห็นแต่ไม่เห็น
    ได้ยินแต่ไม่ได้ยิน
    รู้รสแต่เหมือนไม่รู้รส
    ได้กลิ่นแต่เหมือนไม่ได้กลิ่น
    สัมผัสแต่เหมือนไม่สัมผัส
    มีจิตแต่เหมือนไม่มีจิต(เหมือนฌาน7)
    เยอะ(ฮา)
     
  14. @มายาคติ@

    @มายาคติ@ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +70
    ความเป็นพระสัพพัญญูมีอยู่ในเฉพาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าค่ะ
     
  15. @มายาคติ@

    @มายาคติ@ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +70
    คนเราสามารถหลุดพ้นได้โดยไม่ต้องมีความสามารถพิเศษอะไรเลยก็ได้ค่ะ ยกเว้นก็แต่ว่าถ้าบุคคลนั้นๆเคยสั่งสมบารมีในส่วนของความสามารถพิเศษต่างๆมา ถึงเวลาความสามารถเหล่านั้นก็จะปรากฎขึ้นโดยอัตโนมัติเอง เรียกได้ว่าเป็นของแถมที่ไม่อยากได้แต่ก็ได้มาเองซะอย่างนั้นค่ะ
     
  16. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ยังใงก็ต้องศึกษา...เพื่อหลุดพ้นนะ
    บางวาสนาก็ต้องอาศัยครูบาร์อาจารย์ที่ต่างกัน
    แต่ไปทางเดียวกัน....
     
  17. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    สวดเลยคะ สวดแล้วมาเล่าสู่กันฟังนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...