ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    กระดานชนวน (ไทย) & iPad (ฝรั่ง)

    [​IMG]

    มีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง ระหว่างภูมิปัญญากระดานชนวน (ไทย) กับ กระดานชนวน (ฝรั่ง) เชิญร่วมกันอภิปรายครับ?

    Posted by Admin on August 12, 2010

    Admin Said,

    ก่อนอื่นต้องขอกราบขอบพระคุณ คุณลุงสด ทศสำราญ พนักงานภารโรงของโรงเรียนวัดสีชมพู สำนักงานเขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร ที่กรุณาให้ยืมกระดานชนวนมานำเสนอเป็นตัวอย่าง เป็นแนวคิด และภูมิปัญญาไทยให้เราได้หวนรำลึกถึงการเรียนการสอนของเยาวชนไทยเมื่อประมาณมากกว่า 60 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุมล เหลี่ยมวานิช แห่งโรงเรียนราชานุบาล จังหวัดน่าน ที่กรุณามอบกระดานชนวน จำนวน 1 แผ่น ซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาหลายชั่วอายุคน มา ณ โอกาสนี้เป็นอย่างสูง

    ต้น Said,

    ตกลง สตีฟ จ๊อป เลียนเเบบคนไทยใช่ไหมครับอาจารย์ 55+

    drpaitoonSaid,

    คุณต้นครับ ผมเองมีโอกาสได้ทันใช้กระดานชนวนเหมือนกันครับ สมัยผมเด็กๆ ผมก็พกเอากระดานชนวนไปโรงเรียนแผ่นเดียวจบครับ ทำได้ทุกอย่างตั้งแต่เขียน เรียน อ่าน และใช้ตีกระบานเพื่อนๆ ที่เกเร… ไม่ต้องพกกระดาษและตำราหนังสือเรียนมากถึงขนาดหิ้วกันจนหลังคดหลังงอ เหมือนปัจจุบัน ด้วยภูมิปัญญาไทยที่มีมาตั้งแต่เก่าก่อนในยุคนั้น ก็สามารถทำให้เราได้ร่ำเรียนหนังสือจากคุณครูและอาจารย์ได้จนกระทั่งเป็นตัวเป็นตนได้ทุกวันนี้

    เช่นเดียวกันกับสมัยปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้า เขาก็พยายามคิดและประดิษฐ์นวัตกรรมใหม่ๆ โดยใช้หลักคิดที่มีมาแต่เดิมผนวกกับความทันสมัยทางด้านเทคโนโลยีและระบบเครือข่าย เข้ามาไว้ในอุปกรณ์ชิ้นเดียวกัน โดยรวมเอาคุณสมบัติที่พิเศษที่มีทั้งภูมิปัญญาเดิม เทคโนโลยีในปัจจุบัน และประสบการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคตเข้ามาไว้รวมกัน

    เราอาจมีโอกาสเห็นนักเรียน นิสิต นักศึกษารุ่นใหม่ ย้อยกลับสู่อดีตคือพกเอาเจ้ากระดานชนวนไปโรงเรียน ไปวิทยาลัย หรือไปมหาวิทยาลัย แต่เป็นการพกพาเอากระดานชนวนอิเล็กทรอนิกส์ ที่ฝรั่งเรียกว่า “iPad” แค่เครื่องเดียวก็สามารถเรียนได้ทุกอย่างเหมือนในสมัยคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย หรือคุณทวด…ของพวกเรา…จะต่างกันก็ที่ห้วงเวลา และมิติ เท่านั้นเอง (ทุกอย่างมักจะคืนสู่สามัญเสมอ)….

    PANU_STARK Said,

    ไม่รู้ว่าตอนนี้มีคนสร้าง App เลียนแบบกระดานชนวนนี้หรือยังนะครับ คงเท่น่าดู…555

    Admin Said,

    ตอบคุณ PANU_STARK ตอนนี้ Steve Jobs สร้าง app ที่เหมือนกระดานชนวนไทยแล้วครับ เขาใช้ชื่อว่า “Chalkboard”

    ที่มา http://www.ipad-thailand.com/กระดานชนวน-ไทย-ipad-ฝรั่ง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2010
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เบอร์นานกี้โต้กลับผู้คัดค้านแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์

    [​IMG]

    วอชิงตัน 20 พ.ย.-นายเบน เบอร์นานกี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตอบโต้ผู้คัดค้านแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่มูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์ที่อ้างว่าจะทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อระบาดไปทั่วว่า

    ปัญหาที่คุกคามเศรษฐกิจของชาติอย่างรุนแรงในขณะนี้ คือปัญหาคนว่างงานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างเชื่องช้ากว่าที่คาดหมายไว้ รวมไปถึงการที่จีน และอีกหลายชาติเศรษฐกิจหน้าใหม่ที่พยายามกดค่าเงินของตนให้ต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้เศรษฐกิจโลกตกอยู่ในภาวะเสี่ยงอันตรายอย่างน่าหวั่นไหว

    การตอบโต้ของประธานธนาคารกลางสหรัฐนี้ถูกมองจากแดน กรีนฮอส นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังชองสถาบัน มิลเลอร์ ทาบัก ที่ระบุว่า แท้จริงแล้ว การที่เบอร์นันกี้ วิงวอนรัฐสภาให้ช่วยอนุมัติร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ มูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์ และหันไปโทษเศรษฐกิจโลกส่งผลให้การแก้ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐไม่กระเตื้องขึ้นว่า เป็นการแสดงออกซึ่งการจนตรอก เป็นการแสดงความอ่อนแอ ไม่ใช่แข็งแกร่ง เพราะหากนายเบอร์นันกี้ มั่นใจในนโยบายเศรษฐกิจของธนาคารกลางแล้ว นายเบอร์นานกี้ คงไม่ออกอาการมากขนาดนี้. -สำนักข่าวไทย

    วันเสาร์ ที่ 20 พ.ย. 2553

    กลาโหมสหรัฐสั่งซื้อเครื่องบินรบปีศาจ สเตลท์ เอฟ-35 ถึง 31 ลำ

    [​IMG]

    นิวยอร์ก 20 พ.ย.- กระทรวงกลาโหมสหรัฐได้สั่งซื้อเครื่องบินรบ ปีศาจเวหา หรือสเตลท์ เอฟ 35 จำนวน 31 ลำจากบริษัทล็อคฮีท มาร์ติน คิดเป็นมูลค่าราว 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเครื่องบินเหล่านี้จะเข้าประจำการในกองทัพอากาศ กองทัพนาวิโยธิน และกองทัพเรือของสหรัฐจำนวน 30 ลำ ส่วนอีก 1 ลำขายให้กองทัพอังกฤษ

    นายแลร์รี่ ลอว์สัน รองประธานฝ่ายบริหารของบริษัทล็อคฮีท มาร์ติน กล่าวว่า เครื่องบินรบอันทรงอานุภาพนี้ นับเป็นรุ่นที่ 5 ที่กองทัพสหรัฐและพันธมิตรจำเป็นต้องมีไว้ประจำการ เนื่องจากความทันสมัย ประสิทธิภาพในการรบสูง และมีราคาที่เหมาะสม

    กองทัพสหรัฐวางแผนจะจัดซื้อเครื่องบินรบ เอฟ 35 เข้าสู่ทั้ง 3 เหล่าทัพและนาวิกโยธินทั้งสิ้น เป็นจำนวนถึง 2,000 ลำเพื่อทดแทนเครื่องบินรบรุ่นเก่าคือ เอฟ 16 และเอฟ 18 ที่เก่าแก่และล้าสมัยแล้ว โครงการพัฒนาศักยภาพเครื่องบินรบของสหรัฐนี้ มีหลายประเทศเข้าร่วมด้วย เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา เดนมาร์ก นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ ตุรกี และอิตาลี

    บริษัทล็อคฮีท มาร์ตินเผยว่า นอกจากบริษัทใหญ่ในรัฐแมริแลนด์ จะเร่งผลิตเครื่องบินรบรุ่นนี้เพื่อป้อนให้แก่กองทัพต่างๆ อย่างเป็นทางการแล้ว ยังเร่งไปยังสาขาของบริษัทใน 45 รัฐทั่วสหรัฐให้เร่งผลิตโดยเร็ว โดยมีแรงงานผลิตทั้งสิ้นกว่า 127,000 คนในสหรัฐ และอีกนับหมื่นคนในสาขาตัวแทนอีกหลายประเทศทั่วโลก นอกจากสหรัฐยังมีอิสราเอลที่สั่งซื้อเครื่องบินรบ เอฟ 35 เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เป็นจำนวน 20 ลำอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย​

    วันเสาร์ ที่ 20 พ.ย. 2553

    นาโตลงมติเชื่อมระบบป้องกันขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐกับชาติสมาชิก

    [​IMG]

    ลิสบอน 20 พ.ย.- ผู้นำชาติพันธมิตรองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต เห็นพ้องกันในที่ประชุมที่กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกสที่จะเชื่อมต่อระบบป้องกันสหรัฐกับชาติสมาชิกนาโตในยุโรป จากการถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลจากบางชาติในตะวันออกกลาง

    โครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปและเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2563 โดยศักยภาพของระบบนี้จะป้องกันการโจมตีทั้งจากขีปนาวุธพิสัยไกลและจรวดข้ามทวีปด้วย โดยสหรัฐจะตั้งฐานจรวดต่อต้านและสถานีเรดาร์ไว้ในทวีปยุโรปและเชื่อมต่อระบบต่อต้านขีปนาวุธของชาติสมาชิกนาโตในยุโรปทั้ง 28 ชาติ ซึ่งมีอยู่ในแล้วเข้าด้วยกัน โดยจะใช้เงินดำเนินการทั้งสิ้นราว 200 ล้านยูโร หรือราว 280 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐได้กล่าวยกย่องความสำเร็จในครั้งนี้ว่า เป็นการเพิ่มศักยภาพของชาติสมาชิกนาโตทั้งหลายให้ป้องกันภัยจากการคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพพร้อมกันนั้นก็จะเชื้อเชิญรัสเซียให้เข้าร่วมในโครงข่ายระบบป้องกันนี้ด้วย โดยจะยื่นข้อเสนอดังกล่าวต่อประธานาธิบดีดิมิทรี เมดเวเดฟ ของรัสเซียทันทีที่เดินทางมาถึงกรุงลิสบอน เพื่อร่วมประชุมกับกลุ่มพันธมิตรนาโตในทันที

    แผนการดึงรัสเซียเข้าร่วมนี้ก็เพื่อลดความกังวลใจของรัสเซียที่เชื่อว่าระบบป้องกันขีปนาวุธของนาโตเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อรัสเซีย.-สำนักข่าวไทย

    วันเสาร์ ที่ 20 พ.ย. 2553

    ผู้เสียชีวิตจากภูเขาไฟเมราปีเพิ่มเป็น 283 คน

    [​IMG]

    จาการ์ตา 20 พ.ย.- ภูเขาไฟเมราปีของอินโดนีเซียคร่าชีวิตประชาชนไปแล้ว 283 คนนับตั้งแต่เริ่มการปะทุเมื่อปลายเดือนที่แล้ว และยังมีชาวบ้านอีกกว่า 270,000 คนที่ยังคงอาศัยอยู่ในค่ายพักพิงชั่วคราว

    เจ้าหน้าที่บริหารจัดการภัยพิบัติของอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มขึ้น 8 คนจากที่เคยรายงานไว้อย่างเป็นทางการก่อนหน้านี้ ผู้ที่เสียชีวิตบางคนเป็นผู้ที่บาดเจ็บสาหัสและพบอีกหลายศพในบริเวณรอบๆ ภูเขาไฟ

    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศลดขอบเขตพื้นที่ห้ามเข้าใกล้ภูเขาไฟ เนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์ความผันผวนของภูเขาไฟกำลังลดลง และนับเป็นครั้งที่ 2 ที่รัฐบาลประกาศลดพื้นที่ ซึ่งมีผลให้ชาวบ้านสามารถกลับไปยังเคหสถานของตนเองได้

    ภูเขาไฟเมราปีเคยคร่าชีวิตประชาชนประมาณ 1,300 คนในปี 1930 แต่ผู้เชี่ยวชาญภูเขาไฟกล่าวว่าการปะทุครั้งล่าสุดนี้เป็นครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ปี 1872.-สำนักข่าวไทย

    วันเสาร์ ที่ 20 พ.ย. 2553

    ที่มา http://www.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    กระดานชนวน (ไทย) & iPad (ฝรั่ง)


    [​IMG]

    ต่างกันที่​

    ของไทย...มีหน่วยความจำ และหน่วยประเมินผล อยู่ในสมองคน
    ข้อเสีย... คือ เหมือนจะคิดช้า พิจารณาอยู่นาน กว่าจะแสดงผลบนจอ
    ข้อดี.... คือ ได้ฝึกทั้งคิดทั้งจำ และทักษะการใช้กล้ามเนื้อ นิ้ว มือ แขน อายุใช้งานนานเท่าหิน​


    ของฝรั่ง หน่วยความจำและหน่วยประเมินผล อยู่ในเครื่อง
    ข้อดี... คือ คิดเร็วมาก จนคนใช้คิดตามไม่ทัน ดูทันสมัยดี
    ข้อเสีย.... ใช้พลังงานมาก สิ้นเปลืองสูง ความจำของคนไม่ได้ใช้เต็มที่ อายุใช้งานอย่างมากก็เท่าคน​

    ขำๆ ก็ไม่ได้เคร่งอะไรมาก ถือสัจจะวันละชั่วโมง
    -" หนุมาน ผู้นำสาร "​
     
  4. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width=227 align=left><TBODY><TR><TD>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>คนไทยยังเสี่ยงตาย!!'พิษภัยแร่ใยหิน'ร้ายแรงถึงขั้น'มะเร็ง'
    "มีข้อมูลทางวิชาการสนับสนุนว่า การสัมผัสกับแร่ใยหินอาจก่อให้เกิดมะเร็งและโรคปอด"...นี่เป็นส่วนหนึ่งจากเอกสารโครงการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การควบคุมสินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหิน และมาตรการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งการประชุมดังกล่าวนี้จะจัดในวันที่ 25 พ.ย. นี้ โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และแผนงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    จะเป็นเรื่อง "ภัยแร่ใยหิน" สำหรับคนไทย

    โดยเฉพาะมาตรการป้องกันภัยของคนไทย!!

    ทั้งนี้ จากเอกสารเกี่ยวกับพิษภัยของแร่ใยหิน ของ คคส. ว่าไว้ว่า...แร่ใยหิน หรือ แอสเบสตอส หมายถึงกลุ่มของแร่อนินทรีย์ที่เกิดตามธรรมชาติ มีลักษณะเป็นเส้นใย แข็งแรง ยืด หยุ่น ทนทานความร้อนได้ดี ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยยังมีการอนุญาตให้ใช้ แร่ใยหินชนิดไครโซไทล์ แร่ใยหินชนิดหนึ่งในกลุ่มแร่ใย หินสีขาว เป็นองค์ประกอบของสินค้าชนิดต่าง ๆ ซึ่งทั้งผู้เกี่ยวข้องในการผลิต-การก่อสร้าง ผู้ประกอบกิจการทำลายวัสดุที่มีแร่ใยหิน รวมถึงประชาชนทั่วไป มีโอกาสได้รับอันตราย หากไม่ได้ทราบถึงอันตรายและมาตรการป้องกันตนเอง

    การใช้แร่ดังกล่าวนี้ในปัจจุบัน ร้อยละ 90 ใช้ในสินค้าวัสดุก่อสร้าง ท่อซีเมนต์ กระเบื้องมุงหลังคา ร้อยละ 8 เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับผ้าเบรกและคลัตช์ และร้อยละ 2 เกี่ยวกับกระเบื้องปูพื้น วัสดุกันความร้อน-ทนไฟ

    ว่ากันถึงอันตรายจากแร่ใยหิน ผลจากการที่อนุภาคของแร่ใยหินสามารถฟุ้งกระจายสู่ปอด อันตรายที่จะเกิดขึ้นคือทำให้เกิด โรคร้ายแรงต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับปอด ได้แก่...1. โรคปอดอักเสบ จาก แอสเบสตอส หรือแอสเบสโตซิส ทำให้เกิดความผิดปกติต่อเยื่อพังผืดของปอด นำไปสู่ความผิดปกติของปอดในที่สุด 2. โรคมะเร็ง ปอด ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงอย่างมาก ถ้าผู้สัมผัสสูบบุหรี่ร่วมด้วย 3. โรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอด เมโสเทลิโอมา นี่เป็นโรคที่มีสาเหตุจากแร่ใยหินอย่างเจาะจง โดยพบว่าโรคมะเร็งชนิดนี้มีสาเหตุมาจากแร่ใยหินเท่านั้น

    ในเอกสารของ คคส. ระบุว่า...ในประเทศไทยเริ่มพบ ผู้ป่วยโรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอด เมโสเทลิโอมา โรคที่มีสาเหตุจากแร่ใยหินอย่างเจาะจง ในเดือน ส.ค. 2550 ซึ่งในที่สุดผู้ป่วยก็ เสียชีวิต ในวันที่ 4 ม.ค. 2551 ขณะอายุ 75 ปี โดยผู้ป่วยมีประวัติ การทำงานคือ ทำงานในแผนกหินสำลีเพื่อผลิตกระเบื้องหลังคา เป็นเวลา 24 ปี ทั้งนี้ การที่พบผู้ป่วยหลังสัมผัสแร่ใยหินเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าโรคจากแร่ใยหินสามารถป้องกันได้ไม่ยาก แม้ว่ามะเร็งและโรคปอดจากแร่ใยหินจะมีโอกาสพบมากในกลุ่มเสี่ยงที่เป็นผู้รับสัมผัส เช่น คนงานในโรงงานผลิตสินค้าที่มีแร่ใยหิน โรงงานต่อเรือ ช่างก่อสร้าง หรือคนงานทุบทำลาย ตึกอาคาร

    จริง ๆ แล้ว โรคจากแร่ใยหินป้องกันได้ยาก โดยการ แตกกระจายของอนุภาคแร่ใยหินที่ฟุ้งกระจายสู่ปอดนั้น เกิดจาก การเลื่อย ตัด ทุบกระเบื้อง-ฝ้า-วัสดุที่มีแร่ใยหิน ซึ่งการทุบ ทำลายอาคารสามารถทำให้เกิดการฟุ้งกระจายของอนุภาคของแร่ ใยหิน แล้วอันตรายจากโรคมะเร็ง-โรคปอดก็อาจเกิดกับผู้ทุบทำลาย ตลอดจนผู้ที่ทำการขนส่งนำขยะที่มีแร่ใยหินไปทิ้ง หรือผู้ที่ผ่านไป มาและรับสัมผัส

    จากอันตรายของแร่ใยหิน ได้มีการยกเลิกการใช้แร่ใยหินแล้วราว 47 ประเทศ เช่น อังกฤษ ประเทศในสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อาร์เจนตินา ชิลี อียิปต์ คูเวต ซาอุดีอาระเบีย แอฟริกาใต้ อุรุกวัย เกาหลี และมีการจำกัดการใช้อย่างเข้ม งวดในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา รวมถึงหลาย ประเทศได้มีการออกกฎหมายเกี่ยวกับการรื้อถอนอาคารเก่าที่มีการ ใช้วัสดุแร่ใยหินอย่างเคร่งครัด ขณะที่ องค์การอนามัยโลก องค์กร แรงงานระหว่างประเทศ และองค์กรนานาชาติด้านการวิจัยโรคมะเร็ง ด้านพิษวิทยา และสิ่งแวดล้อม ต่างก็สนับสนุนการยกเลิกการใช้แร่ ใยหินทุกชนิด

    กล่าวสำหรับประเทศไทย คคส. ระบุไว้ว่า...ทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ กำหนดให้มีคำเตือน ในสินค้าที่มีแร่ใยหินเป็นองค์ประกอบ โดยต้องระบุคำเตือนดังนี้คือ "ระวังอันตราย ผลิตภัณฑ์นี้มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบ การได้รับสารนี้เข้าสู่ร่างกายอาจก่อให้เกิดมะเร็งและโรคปอด" ซึ่งประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 2553 แต่ในการปฏิบัติตามข้อกฎหมายดูจะยังไม่เป็นไปอย่างเข้มงวด ขณะที่การใช้สารอื่นทดแทนแร่ใยหิน ซึ่งก็มีหลายอย่าง ก็ยังไม่เป็นไปอย่างแพร่หลาย

    ทั้งนี้ โครงการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การควบคุมสินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหิน และมาตรการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งกำลังจะจัดขึ้นในวันที่ 25 พ.ย. 2553 ก็สะท้อนถึงปัญหา "ภัยจากแร่ใยหินของคนไทย" ที่ยังคงดำรงอยู่ ซึ่งผู้ที่ต้องสัมผัส หรือ ผู้ต้องเสี่ยงกับภัยนี้ หลายคนอาจเลี่ยงไม่ได้ เช่น เพราะเป็นลูกจ้าง นายจ้างสั่งทำงานก็จำเป็นต้องทำ แม้จะไม่มีการป้องกันภัยที่ดีพอ หรือหลายคนอาจจะยังไม่รู้ถึงภัยนี้ ?

    "ภัยแร่ใยหิน" เป็นอีกหนึ่งภัยที่คนไทยยังต้องเสี่ยง

    "โรคปอด-มะเร็ง" ไม่ใช่แค่โรคพื้น ๆ ที่ไม่ร้ายแรง

    การรู้เท่าทัน-ป้องกันภัยด้วยกฎหมาย...จึงสำคัญ!!.
     
  5. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG] ว.วชิรเมธี

    พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ขาดศีลธรรมต้นเหตุปัญหาทำแท้ง
    20 พย. รายงานข่าวแจ้งว่า พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี เปิดเผยถึงกรณีการทำแท้งกับสังคมไทยว่า เกิดจากการขาดศีลธรรมของคนในสังคม ความเสื่อมถอยทางการศึกษาไทยเนื่องจากหากได้รับการอบรมที่ดีปัญหาเหล่านี้คงจะไม่เกิดขึ้น โดยได้รับอิทธิพลจากวัตถุนิยม ทำให้คนที่ทำแท้งหรือคนที่รับทำแท้งขาดศีลธรรม ยอมทำทุกอย่างเพื่อตัวเองหรือเพื่อเงิน
    ทั้งนี้ ในทัศนะของพระพุทธศาสนาแล้วการทำแท้งไม่ว่าจะเป็นคนที่ไปทำหรือคนที่ทำ ให้ จะเป็นการฆ่าคนดีๆ เป็นการทำบาปอย่างร้ายแรง และถ้าพระรูปไหนมีส่วนรู้เห็นต้องออกจากการเป็นพระทุกๆกรณี และคนใดที่อยู่ในกระบวนการการทำแท้งจะเดือดร้อนทั้งในชาตินี้และในชาติหน้า เพราะบาปจะติดตัวเราไป
    อย่างไรก็ดี สุดท้ายอยากฝากถึงวัยรุ่นหรือคู่หนุ่มสาวทุกคน รวมถึงคนที่อยู่ในกระบวนการทำแท้ง ทุกๆครั้งที่ทำแท้งเหมือนเป็นการทำอาชญากรรม เป็นการทำผิดศีลธรรมและผิดกฏหมาย ทางที่ดีควรป้องกันตั้งแต่ต้นเหตุ ในการร่วมสัมพันธ์ทุกครั้งต้องมีความรักและความรับผิดชอบต่อกันไม่ควรเอาเปรียบกัน หากขาดสิ่งเหล่านี้ปัญหาการทำแท้งก็จะไม่หมดไปจากสังคมไทย
    เรียบเรียงข่าวโดย Mthai news
    <LI class=news_src_item>[​IMG]<LI class=news_src_item>[​IMG]
    อีสาน ยโสธร ร้อยเอ็ด จับตานํ้าท่วมและนํ้าล้นตลิ่ง
    20 พย. นายวิทเยนทร์ มุตตามระ รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย (ศชอ.) แถลงความคืบหน้าสถานอุทกภัยว่า ภาคกลาง มีอากาศเย็นและหมอกในตอนเช้า สถานการณ์ระดับน้ำเริ่มลดลง โดย จ.นครสวรรค์ ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมายังมีน้ำท่วมขังตลอด เนื่องจากมีน้ำไหลจาก จ.พิษณุโลก จ.พิจิตร ลงมาสะสมที่ จ.นครสวรรค์
    ทั้งนี้ พื้นที่ที่อยู่นอกเขตชลประทานเมื่อหมดฤดูฝนจะเกิดภาวะแห้งแล้ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิลดลง 1-3 องศาฯ ต่ำสุดอยู่ที่ จ.นครพนม 16.5 องศา สถานการณ์น้ำท่วมขังในลุ่มแม่น้ำมูลลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีพื้นที่น้ำท่วมขังเป็นเวลานานที่ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด โดย ปภ.จังหวัด ได้ให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
    ส่วนแนวโน้มของน้ำในวันนี้ลดลง แต่ไปเพิ่มที่ อ.ทุ่งเขาหลวง จ.ร้อยเอ็ด พื้นที่เฝ้าระวังในลุ่มแม่น้ำชีลดลงแต่ขอให้ไปเฝ้าระวังที่ จ.ยโสธร ได้แก่ อ.เมืองฯ อ.มหาชนะชัย อ.ค้อวัง และ อ.คำเขื่อนแก้ว คาดว่าน้ำจะอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวประมาณ 2 สัปดาห์ ภาคใต้ที่ จ.สงขลา และ จ.นครศรีธรรมราช ไม่มีสถานการณ์น้ำล้นตลิ่ง ระดับน้ำเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังคงมี 4 จังหวัดที่ยังมีสถานการณ์อุทกภัย คือ สงขลา สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง ขอให้เฝ้าระวังบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำตาปีล้นตลิ่งทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมฉับพลัน
    ขณะที่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชี ปริมาณน้ำเคลื่อนเข้า อ.ทุ่งเขาหลวง จ.ร้อยเอ็ด คาดว่าน้ำจะล้นตลิ่งและเกิดน้ำท่วมขัง ขอให้เฝ้าระวังพื้นที่ อ.เมืองฯ อ.มหาชนะชัย อ.ค้อวัง และ อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร และขอให้เตรียมอพยพคน สัตว์เลี้ยง และขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง บริเวณลุ่มน้ำตาปี แม่น้ำตาปี ที่บ้านเคียนซา อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี ( ล้นตลิ่ง 0.38 ม. ลดลง 0.02 ม.) ซึ่งบริเวณที่มีน้ำท่วมขังยังคงใช้เครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำเพื่อลด ระดับน้ำให้ลดลงเร็วขึ้น
    นอกจากนี้ พื้นที่ซึ่งเคยเตือนภัยและยังคงให้เฝ้าระวังต่อเนื่องซึ่งดินอุ้มน้ำ อิ่มตัวอยู่หากมีฝนตกลงมาอีก ในปริมาณมากอาจเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มตามมา ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เฝ้าระวังแม่น้ำตาปีล้นตลิ่ง และดินถล่ม ที่ จ.นครศรีธรรมราช ให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลับ และน้ำป่าไหลหลาก ที่ จ.พัทลุง ให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน
    เรียบเรียงข่าวโดย Mthai news
    <LI class=news_src_item>[​IMG]<LI class=news_src_item>นักวิทย์ฯเผย พบดาวเคราะห์ก่อตัวนอกกาแล็กซี่
    20 พย. รายงานข่าวจากสำนักข่าวบีบีซีแจ้งว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ว่า คณะนักดาราศาสตร์นานาชาติในชิลี พบดาวเคราะห์ก่อตัวนอกกาแล็กซีทางช้างเผือกที่โลกตั้งอยู่ เป็นดวงแรก ลักษณะคล้ายดาวพฤหัสฯ หรือ จูปิเตอร์

    ทั้งนี้ ดาวดวงดังกล่าวมีชื่อรหัสว่า HIP 13044 ตรวจพบด้วยกล้องโทรทรรศน์ในประเทศชิลี โดยดาวดวงดังกล่าวตั้งอยู่ห่างจากโลก 2000 ปีแสง โคจรรอบดาวฤกษ์ ในกลุ่มดาวเฮลมี สตรีม ในกาแล็กซีแคระ หรือ กาแล็กซีดอร์ฟ ที่เป็นกาแล็กซีที่ถูกกาแล็กซีทางช้างเผือก หรือ มิลกี้ เวย์ ดูดกลืนเมื่อ 6-9 พันล้านปีก่อน ทำให้ดาวดวงนี้เข้ามาสังกัดในกาแล็กซีทางช้างเผือก เหมือนเป็นพวกต่างด้าว

    ขณะที่นักดาราศาสตร์ประเมินว่า ดาวดวงนี้ก่อตัวเมื่อช่วงต้นก่อตั้งระบบสุริยะของมันเป็นช่วงเวลาก่อนที่ดาวโลกของเรารวมกลุ่มจัดทีมกันในระบบสุริยจักรวาล ไรเยอร์ เคลเมนต์ จากสถาบันดาราศาสตร์ในไฮเดลเบิร์ก เยอรมนี ผู้ร่วมทีมค้นพบดาว กล่าวว่า เป็นการค้นพบที่น่าตื่นเต้นมาก
    เรียบเรียงข่าวโดย Mthai news
    <LI class=news_src_item>[​IMG]
     
  6. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ประวัติความเป็นมาประเพณีลอยกระทง </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ลอยกระทง (Loi Krathong Day) เป็นประเพณีของไทยที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาแต่โบราณ งานลอยกระทงเริ่มทำตั้งแต่ กลางเดือน 11 ถึงกลางเดือน 12 ซึ่งเป็นฤดูน้ำหลาก น้ำจะเต็มสองฝั่งแม่น้ำ ที่นิยมมากคือ ช่วงวันเพ็ญเดือน 12 เพราะพระจันทร์เต็มดวง ทำให้แม่น้ำใสสะอาด แสงจันทร์ส่องเวลากลางคืน เป็นบรรยากาศที่สวยงาม เหมาะแก่การลอยกระทง
    เดิมพิธีลอยกระทงเรียกว่า พระราชพิธีจองเปรียงชักโคม

    ลอยโคม
    ซึ่งเป็นพิธีของพราหมณ์ เพื่อบูชาพระเป็นเจ้าทั้งสาม คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ครั้นคนไทยรับนับถือพระพุทธศาสนา ก็ทำพิธียกโคมเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ พระจุฬามณี ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ลอยโคมบูชาพระพุทธบาท ณ หาดทรายแม่น้ำนัมมทานที ประเทศอินเดีย

    การลอยกระทง ตามสายน้ำนี้ นางนพมาศ สนมเอกของพระร่วงเจ้ากรุงสุโขทัย คิดทำกระทงรูปดอกบัว และรูปต่างๆถวาย พระร่วงทรงให้ลอยกระทงตามสายน้ำไหล ในหนังสือ ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ พระร่วงตรัสว่า "แต่นี่สืบไปเบื้องหน้า โดยลำดับกษัตริย์ในสยามประเทศ ถึงกาลกำหนดนักขัตฤกษ์วันเพ็ญเดือน 12 ให้ทำโคมลอย เป็นรูปดอกบัวอุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมฆทานที ตราบเท่ากัลปาวสาน"

    ครั้นถึงสมัยรัตนโกสินทร์ มีการทำกระทงขนาดใหญ่และสวยงาม ดังพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ของเจ้าพระยาทิพาราชวงศ์ กล่าวไว้ว่า

    "ครั้นมาถึงเดือน 12 ขึ้น 14 ค่ำ 15 ค่ำ แรมค่ำหนึ่งพิธีจองเปรียงนั้น เดิมได้โปรดให้ขอแรง พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้า ฝ่ายใน และข้าราชการที่มีกำลังพาหนะมาทำกระทงใหญ่ ผู้ถูกเกณฑ์ต่อเป็นถังบ้าง ทำเป็นแพหยวกบ้าง กว้าง 8 ศอกบ้าง 9 ศอกบ้าง กระทงสูงตลอดยอด 10 ศอก 11 ศอก ทำประกวดประขันกันต่างๆ ทำอย่างเขาพระสุเมรุทวีปทั้ง 4 บ้าง และทำเป็นกระจาดชั้นๆบ้าง วิจิตรไปด้วยเครื่องสด คนทำก็นับร้อย คิดในการลงทุนทำกระทงทั้งค่าเลี้ยงคนและพระช่าง เบ็ดเสร็จก็ถึง 20 ชั่งบ้าง ย่อมกว่า 20 ชั่งบ้าง"

    ปัจจุบันประเพณีลอยกระทง มีการจัดงานกันแทบทุกจังหวัด ถือเป็นงานประจำปีที่สำคัญ โดยเฉพาะ ที่จังหวัดเชียงใหม่ มีการจัดขบวนแห่กระทงใหญ่ กระทงเล็ก มีการประกวดกระทง และประกวดธิดางามประจำกระทงด้วย
    ส่วนการลอยโคม ชาวบ้านทางภาคเหนือและภาคอีสานยังนิยมทำกัน ชาวบ้านจะนำกระดาษ มาทำเป็นโคมขนาดใหญ่สีต่างๆ ถ้าลอยตอนกลางวัน จะทำให้โคมลอยโดยใช้ควันไฟ ถ้าเป็นเวลากลางคืน ก็จะใช้คบจุด ที่ปากโคม ให้ควันพุ่งเข้าในโคม ทำให้ลอยไปตามกระแสลมหนาว เวลากลางคืนแลเห็นแสงไฟโคม บนท้องฟ้า พร้อมกับแสงจันทร์และดวงดาวสวยงามมากทีเดียว

    เรื่องน่ารู้ใน วันลอยกระทง
    คติที่มาเกี่ยวกับวันลอยกระทง
    คติที่มาเกี่ยวกับวันลอยกระทงมีอยู่หลายตำนาน ดังนี้
    1. การลอยกระทง เพื่อขอขมาแก่พระแม่คงคา
    2. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้าตามคติพราหมณ์ คือบูชาพระนารายณ์ซึ่งบรรทมสินธุ์อยู่ในมหาสมุทร
    3. การลอยกระทง เพื่อต้อนรับพระพุทธเจ้า ในวันเสด็จกลับจากเทวโลก เมื่อครั้งเสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อทรงเทศนาอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา
    4. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระพุทธบาท ของพระพุทธเจ้า ที่หาดทรายริมแม่น้ำนัมมทานที เมื่อคราวเสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพิภพ
    5. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระจุฬามณีบนสวรรค์ ซึ่งเป็นที่บรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้า
    6. การลอยกระทง เพื่อบูชาท้าวพกาพรหม บนสวรรค์ชั้นพรหมโลก
    7. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระอุปคุตตะเถระ ซึ่งบำเพ็ญเพียรบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึกหรือสะดือทะเล ประวัติการลอยกระทงในเมืองไทย
    การลอยกระทงในเมืองไทย มีมาตั้งแต่ครั้งสุโขทัย เรียกว่า การลอยพระประทีป หรือลอยโคม เป็นงานนักขัตฤกษ์รื่นเริงของประชาชนทั่วไป ต่อมานางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์สนมเอกของพระร่วง ได้คิดประดิษฐ์ดัดแปลงเป็นรูปกระทงดอกบัวแทนการลอยโคม การลอยกระทงหรือลอยโคมในสมัยนางนพมาศ กระทำเพื่อเป็นการสักการะรอยพระพุทธบาทที่แม่น้ำนัมมทานที ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหนึ่งอยู่ในแคว้นทักขิณาบถของประเทศอินเดีย ปัจจุบันเรียกว่า
    แม่น้ำเนรพุททา

    การลอยกระทงในปัจจุบัน
    การลอยกระทงในปัจจุบัน ยังคงรักษารูปแบบเดิมเอาไว้ได้ตามสมควร เมื่อถึงวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวงในเดือน 12 ชาวบ้านจะจัดเตรียมทำกระทงจากวัสดุที่หาง่ายตามธรรมชาติ เช่น หยวกกล้วยและดอกบัว นำมาประดิษฐ์เป็นกระทงสวยงาม ปักธูปเทียนและดอกไม้เครื่องสักการบูชา ก่อนทำการลอยในแม่น้ำก็จะอธิษฐานในสิ่งที่มุ่งหวัง พร้อมขอขมาต่อพระแม่คงคา
    ตามคุ้มวัดหรือสถานที่จัดงานหลายแห่ง มีการประกวดกระทง ประกวดนางนพมาศ และมีมหรสพสมโภชในตอนกลางคืน นอกจากนั้นยังมีการจุดดอกไม้ไฟ พลุ ตะไล ซึ่งในการเล่นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ วัสดุที่นำมาใช้กระทง ควรเป็นของที่สามารถย่อยสลายได้ง่ายตามธรรมชาติ

    เหตุผลของการลอยกระทง
    สรุปเหตุผลของการลอยกระทงในประเทศไทยดังนี้
    1. เพื่อขอขมาแม่คงคา เพราะได้อาศัยนำท่านกินและใช้ และอีกประการหนึ่งมนุษย์มักจะทิ้งและถ่ายสิ่งปฏิกูลลงไปในนำด้วย
    2. เพื่อสักการะรอยพระพุทธบาทนัมมทานที ซึ่งประพุทธเจ้าทรงประทับรอยพระบาทประดิาฐานไว้บนหาดทรายที่แม่น้ำนัมมทานที ในประเทศอินเดีย
    3. เพื่อลอยทุกข์โศกโรคภัย และสิ่งไม่ดี คล้ายกับพิธีลอยบาปของพราหมณ์
    4. เพื่อบูชาพระอุปคุต ชาวไทยภาคเหนือให้ความเคารพแกพระอุปคุตอย่างสูง ซึ่งตามตำนานเล่าว่าเป็นพระมหาเถระรูปหนึ่งที่มีอิทธิฤทธิ์มากสามารถปราบพญามารได้ การลอยกระทงไม่มีพิธีรีตอง เพียงแต่ขอให้มีกระทงจะทำด้วยอะไรก็ได้ เช่น ใบตอง การกล้วย กาบพลับพลึง เปลือกมะพร้าว กระดาษ จุดธูปเทียนปักที่กระทงแล้วอธิษฐานตามที่ตนปรารถนา เสร็จแล้วจึงลอยไปที่แม่นำลำคลอง


    การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเทศกาล "สีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง" เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำตลอดทั้งเดือนพฤศจิกายน นอกจากจะมีกิจกรรมเด่น ในหลายพื้นที่ เช่น งานลอยกระทงกรุงเทพมหานคร, ประเพณีลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย, ประเพณียี่เป็ง จังหวัดเชียงใหม่, ประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีปพันดวงฯ จังหวัดตาก และประเพณี ลอยกระทงตามประทีป จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้แล้วยังเป็นการส่งเสริมประชาสัมพันธ์งานประเพณีลอยกระทงให้เป็นสินค้าทางการท่องเที่ยวในระดับนานาชาติ (World Events) เพื่อสร้างแรงจูงใจในการเดินทางของนักท่องเที่ยวตลอดเดือนต่อไป

    <TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD width="67%">วัตถุประสงค์

    ๑. เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟู ประเพณี อันดีงามของไทย(โดยเฉพาะประเพณีลอยกระทงของแต่ละท้องถิ่น) ไว้สืบทอดต่อไป
    ๒. เพื่อส่งเสริมให้งานประเพณีลอยกระทง เป็นสินค้าทางการท่องเที่ยว โดยสามารถนำเสนอในรายการนำเที่ยวเป็นประจำทุกปี ในอนาคตอย่างยั่งยืน
    ๓. เพื่อเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวและรายได้ พร้อมทั้งขยายวันพักของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
    ๔. เพื่อกระตุ้นให้เกิดกระแสการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างประเทศในช่วงเทศกาลประเพณีลอยกระทง และการท่องเที่ยวทางน้ำตลอดเดือนพฤศจิกายน
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. nut_20036

    nut_20036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +1,776
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • C2.JPG
      C2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      88.2 KB
      เปิดดู:
      1,738
    • C1.JPG
      C1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      60.6 KB
      เปิดดู:
      1,744
  8. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    21 พ.ย. 53


    สองร่างหนึ่งสัญญาณ

    เสียงแว่วแว่ว------แจ้วมา-------------ถึงสองครั้ง
    ให้ระวัง-----------สิ่งแปลกปลอม------มาพร้อมไข่
    อีกทั้งนม---------อาหารโปรด---------อย่าไว้ใจ
    ให้อดไว้----------สุขภาพดี-----------ชีวียาว




    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน
    **************************************
    ท่านใดสนใจที่จะหลบภัยที่ฐานผาแบ่น อำเภอเชียงคาน
    จังหวัดเลย ขอให้มาพบผมวันอาทิตย์ที่ 28 พ.ย.นี้ ที่หน้า
    สถานีรถไฟดอนเมือง ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ บริเวณหน้าห้อง
    ขายตั๋ว เวลา 11.00น. (คอย 1ชั่วโมง)
    สังเกตุชายสะพายย่าม

    **************************************
    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น1
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น2
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2010
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "วันหนึ่งสองเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่จะเป็นมิตรกัน"

    [​IMG]

    คำพยากรณ์ที่ 5 : มิตรภาพระหว่างอเมริกากับรัสเซีย

    Un jour seront d’amis les deux grand maitres
    Leur grand pouvoir se verra augmente :
    La terre neuve sera en ses hauts etres,
    Au sanguinaire le nombre raconte. (ll,89)

    คำแปล

    วันหนึ่งสองเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่จะเป็นมิตรกัน อำนาจที่ยิ่งใหญ่จะเพิ่มยิ่งขึ้น โลกใหม่จะพัฒนาถึงที่สุด โลกที่มีการนองเลือดจะตัดสินด้วยจำนวนคนตาย

    ตีความและวิเคราะห์

    ประวัติศาสตร์โลกจะมาถึงจุด ๆ หนึ่ง ที่สหรัฐอเมริกาเป็นชาติที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกและสหรัฐอเมริกานี้จะเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะทั้งสองอภิมหาอำนาจตระหนักว่าไม่มีฝ่ายใดจะทำสงครามชนะกันได้ จึงหันมาใช้นโยบายเป็นมิตรและให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งนโยบายนี้อาจจะเป็นทางเดียวที่จะยุติการแข่งขันทางการสะสมอาวุธ นอสตราดามุสระบุว่า ถ้าสองอภิมหาอำนาจทำสงครามกันย่อมหมายถึงความวอดวายของทั้งสองฝ่าย เพราะเหตุนี้ทั้งสหรัฐอเมริกาและรัสเซียจึงตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางนโยบายต่างประเทศเสียใหม่ คือ จากเดิมที่เคยเป็นศัตรูกันก็หันมาเป็นพันธมิตรกันเสียเลย

    คำพยากรณ์ที่ 1 2-4 5 6 7 8 9-10 11 12 13 14 15 16 17 18-19 20-21 22 23 24

    ผู้นำสหรัฐ-รัสเซียหารือนอกรอบนาโต

    [​IMG]
    ประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ กับ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา

    บนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน 21 พ.ย.53 ทำเนียบขาวสหรัฐแจ้งว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ และ ประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ ของรัสเซีย ได้หารือโดยไม่ได้กำหนดล่วงหน้ามาก่อน นอกรอบการประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่กรุงลิสบอน ของโปรตุเกส เพื่อสร้างความไว้วางใจระหว่างกัน

    โฆษกทำเนียบขาว บอกผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ก่อนถึงกรุงวอชิงตันเมื่อค่ำวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ผู้นำทั้งสองปลีกตัวไปพูดคุยกันประมาณ 15-20 นาที เป็นการหารือโดยไม่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า และมีล่ามเพียงคนเดียวในระหว่างการสนทนา เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐ เผยว่า ประธานาธิบดีโอบามา เป็นฝ่ายชักชวน ประธานาธิบดีเมดเวเดฟ และได้เผยภายหลังว่าบรรยากาศการสนทนาเป็นไปด้วยดียิ่ง เป็นการสนทนาเพื่อลดความไม่เข้าใจที่อาจนำไปสู่ผลที่ไม่เจตนาให้เกิดขึ้น

    ผู้นำทั้งสองได้พูดคุยกันเรื่องที่ นายโอบามา ได้หารือก่อนหน้านั้นกับ ประธานาธิบดีมิคาอิล ซาคาสวิลี ของจอร์เจีย ที่เคยทำสงครามนาน 5 วัน กับรัสเซียในปี 2551 เนื่องจากรัสเซียส่งทหารเข้าไปในจอร์เจียช่วยกลุ่มแยกดินแดนในเซาท์ออสซีเชีย ที่สู้รบกับจอร์เจีย นอกจากนี้ ยังพูดคุยกันเรื่องสนธิสัญญาลดอาวุธยุทธศาสตร์ (สตาร์ท) ฉบับใหม่และแนวโน้มที่วุฒิสภาสหรัฐจะให้สัตยาบันโดยเร็ว

    ผู้นำทั้งสองลงนามสนธิสัญญานี้ตั้งแต่เดือนเมษายน จำกัดการประจำการหัวรบนิวเคลียร์ของแต่ละฝ่ายไม่ให้เกิน 1,550 หัวรบ ลดลงร้อยละ 30 จากที่จำกัดไว้ในปี 2545 ผู้นำรัสเซียประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่า รัสเซียจะไม่ให้สัตยาบันสตาร์ทฉบับใหม่จนกว่าสหรัฐจะให้สัตยาบันแล้ว.- สำนักข่าวไทย

    วันอาทิตย์ ที่ 21 พ.ย. 2553

    ที่มา http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/132830.html<!--mstheme-->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2010
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พบแบคทีเรียชนิดใหม่ในน้ำนมดิบ

    [​IMG]

    น้ำนมดิบนั้นเป็นสินค้าผิดกฎหมายในหลายประเทศ เนื่องจากอาจมีการปนเปื้อนจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย โดยการปนเปื้อนนี้อาจทำให้นมบูดเสีย โดยจะมีรสชาติขมและมีลักษณะข้นเหนียว นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบแบคทีเรียสปีชี่ย์ใหม่ที่สามารถเจริญเติบโตได้ในอุณหภูมิต่ำ สามารถทำให้นมบูดเสียได้แม้ว่าแช่เย็น โดยเป็นงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ลงในฉบับเดือนพฤศจิกายนของวารสารนานา ชาติเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิวัฒนาการของจุลชีววิทยา (International Journal of Systematic and Evolutionary Microbiology) พบว่าปริมาณจุลินทรีย์ที่พบในน้ำนมดิบนั้นอาจมีความซับซ้อนมากกว่าที่เคยทราบกัน

    "เมื่อเราสังเกตแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในน้ำนมดิบ เราพบว่ามีหลายชนิดที่เราไม่เคยพบมาก่อน" ดร. มัลก้า ฮาลเพิร์น (Malka Halpern) จากมหาวิทยาลัยไฮฟ่า (University of Haifa) อิสราเอล กล่าว "เราได้ระบุชนิด และอธิบายลักษณะของมันได้ชนิดหนึ่งคือ ไครซีโอแบคทีเรี่ยม โอรานิเมนซี (Chryseobacterium oranimense) ที่สามารถเจริญเติบโตในอุณหภูมิต่ำและหลั่งเอนไซม์ที่ทำให้นมบูด"

    เทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อลดปริมาณแบคทีเรียในนมที่ผ่านการฆ่าเชื้อ หรือนมพาสเจ้อไร้ซ์ ให้มีปริมาณน้อยที่สุด เอนไซม์ส่วนมากจะเสียสภาพไปในอุณภูมิสูงระหว่างการฆ่าเชื้อ ซึ่งทำให้มันหยุดทำงาน แต่อย่างไรก็ตาม เอนไซม์ทนความร้อนที่ผลิตโดยแบคทีเรียที่ทนความเย็นจะยังคงส่งผลต่อคุณภาพ น้ำนมและผลิตภัณฑ์จากนม ดังนั้น การวิจัยเกี่ยวกับแบคทีเรียที่ทนความเย็นและเอนไซม์ของมันจึงเป็นเรื่องที่ สำคัญมาก

    "นมอาจถูกปนเปื้อนด้วยแบคทีเรียมากมายจากหัวนมวัว เต้านมวัว อุปกรณ์รีดนม และสภาพแวดล้อมในการรีดนม" ดร. ฮัลเพิร์นกล่าว "น้ำนมจะถูกแช่เย็นหลังการรีดเพื่อยับยั้งการเจิญเติบโตของจุลินทรีย์ ในระหว่างการแช่เย็นนั้น แบคทีเรียที่ทนความเย็นในระดับ 7 องศาเซลเซียสจะกระจายตัวไปทั่วและทำให้นมบูดเสีย แม้กระนั้น เราก็ยังไม่สามารถระบุถึงผลกระทบต่อคุณภาพยมที่เกิดจาก ซี. โอรานิเมนซี และอีกสองสปีชี่ย์ใหม่ (ซี. ไฮเฟนซี และ ซี. โบวิส - C. haifense, C. Bovis) ซึ่งเราพบจากตัวอย่างน้ำนมเช่นกัน การค้นพบนี้จะทำให้เราเข้าใจมากขึ้นในสรีรวิทยาของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ และกระบวนการทางสิ่งแวดล้อมที่พวกมันเกี่ยวข้อง ยังคงมีเรื่องให้ศึกษาอีกมากเกี่ยวกับแบคทีเรียที่ทนความเย็นในน้ำนมดิบ"

    ยัง เป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงต่อไปว่าการดื่มนมที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อนั้นมี ประโยชน์หรือโทษอย่างไร บางคนเ้ชื่อว่าในน้ำนมดิบนั้นมีสารอาหารมากกว่าปกติ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงต่อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย เช่น ไมโคแบคทีเรี่ยม โบวิส (Mycobacterium bovis) ที่ทำให้เกิดฝีในท้อง และพวกตระกูลซาลโมเนลล่า (Salmonella) เพราะความเสี่ยงเหล่านี้เอง หลายประเทศจึงประกาศให้การซื้อขายนมที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อนั้นผิดกฎหมาย การฆ่าเชื้อสำหรับน้ำนมนั้นทำได้โดยให้ความร้อนกับนมประมาณ 72 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 15 ถึง 20 วินาที เพื่อที่จะลดจำนวนจุลินทรีย์ลงมากพอที่จะไม่ทำให้เกิดโรค แบคทีเรียบางชนิดสามารถสร้างเอนไซม์ภายนอกเซลล์ที่ทนความร้อนจากการฆ่าเชื้อ เอนไซม์ไลเพส (Lipase) จะทำให้นมเสียรสชาติ และเอนไซม์โพรทีเซส (Proteases) จะทำให้นมมีรสขม และทำให้ทำชีสนุ่มได้น้อยลง

    ยังมีผู้คน ที่ดื่มน้ำนมดิบในเขตชนบทของยุโรป และบางส่วนในเมืองใหญ่ การจำหน่ายนมที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อนั้นถูกกฎหมายในอังกฤษ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ แต่ผิดกฎหมายในสกอตแลนด์ มีบริษัทราว 275 แห่งในอังกฤษที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานมาตรฐานอาหารให้สามารถขายน้ำนม ดิบได้ อย่างไรก็ตาม ขวดที่มีบรรจุจะต้องมีการเตือนว่าส่วนผสมนั้นไม่ได้ผ่านการให้ความร้อนและ อาจมีจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย นอกจากนี้ เกษตรกรยังจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขายผลิตภัณฑ์จากนมที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อ หากฝูงปศุสัตว์ของเขาต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อฝีในท้อง

    "ในอิสราเอล บริษัทนมได้ประมาณไว้ว่าแบคทีเรียที่ทนความเย็นจะสร้างความเสียหายกับร้อยละ 10 ของไขมันและโปรตีนในนม เมื่อนักวิจัยได้สังเกตกลุ่มแบคทีเรีย พวกเขาพบว่าร้อยละ 20 ของแบคทีเรียที่แยกออกมาเป็นชนิดใหม่ และร้อยละ 5 อยู่ในกลุ่มไครซีโอแบคทีเรี่ยม" ดร. ฮาลเพิร์นกล่าว "เพราะว่ามันส่งผลต่อคุณภาพนม จึงเป็นความสำคัญที่เราจะต้องพัฒนาอุปกรณ์ที่ไวสัมผัสและมีประสิทธิภาพ เพื่อตรวจสอบปริมาณแบคทีเรียที่ทนความเย็นเหล่านี้"

    วันที่ วันที่ 17 พ.ย. 2551 </B>

    ที่มา http://www.vcharkarn.com/vnews/151820
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF1539.jpg
      DSCF1539.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.7 KB
      เปิดดู:
      1,399
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    นักวิจัยจุฬาฯ แนะเลิกแช่ไข่ในตู้เย็น

    [​IMG]

    ประชาไท – 24 พ.ย. 48 ศ.นพ.<?XML:NAMESPACE PREFIX = ST1 /><ST1:pERSONNAME w:st="on" ProductID="ยง ภู่วรวรรณ">ยง ภู่วรวรรณ</ST1:pERSONNAME> กลุ่มวิจัยศึกษาพันธุกรรมไข้หวัดนก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า การนำไข่ไก่สดมาแช่ไว้ในตู้เย็นอาจทำให้เกิดการติดเชื้อมาสู่มนุษย์ได้ เนื่องจากความเย็นในตู้เย็นทำให้เชื้อไวรัสที่ติดมากับเปลือกไข่คงสภาพได้นานขึ้น <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    โดย ศ.นพ.ยง กล่าวว่า "จริงๆแล้วไวรัสชนิดอาร์เอ็นเอ (ไวรัสที่แพร่ในสัตว์) เป็นเชื้อที่ตายง่าย เมื่อเทียบกับไวรัสชนิดดีเอ็นเอ (ไวรัสแพร่ในคน) แต่การนำไข่ไก่มาแช่ไว้ในตู้เย็นทำให้เชื้อไวรัสมีโอกาสอยู่ได้นานขึ้น โดยเฉพาะในช่วงการระบาด แม้แม่ไก่ที่ติดเชื้อแล้วออกไข่มาจะตายไป แต่เชื้อก็ยังติดอยู่ที่เปลือกไข่ซึ่งมีรูพรุนอยู่เยอะ ดังนั้นโอกาสที่เชื้อไวรัสจะแทรกซึม เข้าไปในไข่ไก่ก็มีมากขึ้น ดังนั้นควรนำไข่ไก่ออกไว้ข้างนอกตู้เย็น และต้องล้างให้สะอาดเพื่อฆ่าเชื้อ " <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    นอกจากนี้ ศ.นพ.ยง ยังกล่าวถึงประเด็นการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกว่า จากการศึกษาติดตามตัวอย่างเชื้อไวรัส โดยร่วมกับกรมปศุสัตว์ทำการถอดรหัส พันธุกรรมไข้หวัดนกทั้งตัวจำนวน 13,600 เบส มากกว่า 30 ตัว และถอดรหัสในส่วนสำคัญของไวรัสได้แก่ H (hemagglutinin) และ N (neuraminidase) และยีนอื่นอีกมากกว่า 100 ตัวอย่าง ตั้งแต่เดือนมกราคม 2547 จนถึงปัจจุบันพบว่า มีการกลายพันธุ์บ้างประมาณร้อยละ 2-4 ซึ่งการกลายพันธุ์ดังกล่าวเป็นปกติในเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิด เอ แต่ยังไม่พบการกลายพันธุ์ในส่วนสำคัญที่จะทำให้ง่ายต่อการติดต่อจากมนุษย์สู่มนุษย์ <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    อย่างไรก็ตาม ศ.นพ.<ST1:pERSONNAME w:st="on" ProductID="ยง ย้ำว่า">ยง ย้ำว่า</ST1:pERSONNAME> เชื้อไวรัสที่ระบาดในประเทศไทยยังเป็นสายพันธุ์ที่รุนแรง ซึ่งต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพราะหากมีการกลายพันธุ์ในส่วนที่สำคัญแล้วจะทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสระหว่างคนสู่คนได้ โดยเฉพาะในกรณีที่คนที่ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่อยู่แล้วและติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกเข้าอีก แต่อย่างไรก็ดี กรณีนี้เกิดขึ้นได้ยากเนื่องจากธรรมชาติของร่างกายมีกลไกป้องกันการติดเชื้อไวรัสชนิดเดียวกันซ้ำซ้อน<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    สำหรับการดื้อยาทามีฟูของเชื้อไวรัส ศ.นพ.<ST1:pERSONNAME w:st="on" ProductID="ยง ชี้แจงว่า">ยง ชี้แจงว่า</ST1:pERSONNAME> ในส่วนของ N ยังไม่พบสายพันธุ์ที่ดื้อต่อยา ทามิฟู (Oseltamivir) อย่างไรก็ตาม หากมีการใช้ยาปูพื้นในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เชื้อเกิดการดื้อยาได้เช่นเดียวกัน

    โดย : ประชาไท <!-- admin-->วันที่ : 25/11/2548

    ที่มา http://elib.fda.moph.go.th/library/default.asp?page2=subdetail&id=1897
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1234192141.jpg
      1234192141.jpg
      ขนาดไฟล์:
      14.9 KB
      เปิดดู:
      1,351
    • 1234192016.jpg
      1234192016.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.3 KB
      เปิดดู:
      109
  12. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>"เหนือ-อีสาน-กลาง"อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. ประจำวันที่ 22 พฤศจิกายน 2553

    บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ขอให้ผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลงในระยะนี้

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


    ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-21 องศา
    สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-13 องศา
    โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศา
    สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศา
    โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด ประมาณ 23 องศา
    สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
    โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา
    สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศา
    โดยมีฝนเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฏร์ธานี ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
    อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 33 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
    มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล
    อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 34 องศา
    ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกบางในตอนเช้าและมีฝนเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่
    อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=2 cellSpacing=0 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD align=left><FORM encType=multipart/form-data method=post name=formlogin action=http://member.teenee.com/member/login.php><TABLE class=a2 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%"><TBODY><TR><TD width=60 align=right>ชื่อผู้ใช้ :</TD><TD width=100><INPUT style="FONT-SIZE: 10px; font-face: tahoma" maxLength=35 size=13 name=txtusername></TD><!--</tr>--><!--<tr>--><TD width=60 align=right>รหัสผ่าน : </TD><TD width=100><INPUT style="FONT-SIZE: 10px; font-face: tahoma" maxLength=35 size=13 type=password name=txtpwd></TD><!--</tr><tr> --><TD width=37> </TD><TD width=160><INPUT style="FONT-SIZE: 10px; font-face: tahoma" value=login type=submit> <INPUT value=1 CHECKED type=checkbox name=remember> Remember </TD><!--</tr> <tr>--><TD>สมัครสมาชิก ลืมรหัสผ่าน </TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></FORM></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>น้ำท่วมภาคใต้พินาศ3หมื่นล้าน </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>นายบุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)

    เปิดเผยว่า สศค. ได้ประเมินผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมในหลายจังหวัดเพิ่มเติม จากเดิมที่ประเมินเบื้องต้นเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ขณะนี้ได้ประเมินส่วนของภาคใต้ด้วย โดยน่าจะมีความเสียหายทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจาก 20,000 ล้านบาท เป็นกว่า 30,000 ล้านบาท หรือกระทบการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) 0.3% จากเดิมมองไว้ 0.2% โดยยังไม่มีการรวมผลกระทบของการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทที่น่าจะกระทบอีก 0.1%

    “นับเป็นตัวเลขที่ สศค. ประเมินใหม่เบื้องต้น แต่ทั้งนี้ อาจจะไม่ได้เสียหายมากขนาดนี้ เพราะขณะนี้ภาคอีสานนั้น น้ำก็ลดระดับแล้ว ส่วนภาคใต้ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประเมินความเสียหายของพืชผลทางการเกษตร ก็มีเพียง 40% เท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องปรับตัวเลขบ่อยครั้ง แต่จะรอดูปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เพิ่มเติมก่อน ที่จะประเมินรวบยอดทีเดียว”

    สำหรับสถานการณ์ของค่าเงินบาทขณะนี้ เห็นว่าเริ่มทรงตัวและอ่อนค่าลงเล็กน้อย

    เนื่องจากมีกระแสเงินไหลเข้าจากมาตรการเชิงปริมาณ (คิวอี) 2 ของสหรัฐไม่มากอย่างที่คิด และส่วนหนึ่งเป็นเพราะเศรษฐกิจของประเทศในยุโรปเริ่มมีปัญหาปะทุขึ้นมาอีก โดยเฉพาะไอร์แลนด์ ที่มีปัญหาการขาดดุลงบประมาณสูง รวมทั้งมีหนี้ภาครัฐในสัดส่วนที่สูงหากเทียบจีดีพี ทำให้กลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (ยูโร) กดดันให้เร่งแก้ปัญหา ส่งผลให้นักลงทุนตื่นตระหนก ขนเงินจากยุโรปกลับสหรัฐส่วนหนึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้นเล็กน้อย และบางส่วนหันไปลงทุนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อย

    ทั้งนี้ สศค. มองว่าค่าเงินบาทจนถึงปลายปีน่าจะยังเคลื่อนไหวในกรอบที่กำหนดไว้ 29.5% ซึ่งจะกระทบจีดีพี 0.1% โดยขณะนี้ยังเคลื่อนไหวที่ 29.78-29.96 บาทต่อดอลลาร์.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ยังช่วยคนงานใต้เหมืองนิวซีแลนด์ไม่ได้เพราะก๊าซพิษสูง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เกรย์มัธ 22 พ.ย. - ทางการนิวซีแลนด์เผยว่า ยังไม่สามารถช่วยเหลือคนงาน 29 คน ที่ติดอยู่ในเหมืองถ่านหินใต้ดินมาเกือบ 3 วัน เพราะระดับก๊าซพิษภายในเหมืองยังคงสูงอยู่ หากเจ้าหน้าที่ลงไปจะเป็นอันตราย

    จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อกับคนงานที่ติดอยู่ข้างใต้หลังเหมืองระเบิดทางฝั่งตะวันตกของเกาะใต้เมื่อบ่ายวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ประธานบริษัทเหมืองเผยว่า

    เจ้าหน้าที่กู้ภัยเกรงว่าอาจเกิดระเบิดซ้ำ เพราะระดับก๊าซพิษภายในเหมืองยังคงสูงอยู่ พวกเขาต้องการทราบสภาพภายในเหมืองเพื่อให้มั่นใจก่อนว่ามีความปลอดภัย สันนิษฐานว่าเหตุเหมืองระเบิดเพราะก๊าซมีเทนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เพราะตรวจพบก๊าซมีเทนระดับสูงใกล้ช่องระบายอากาศของเหมือง

    เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เริ่มเจาะช่องขนาด 15 เซนติเมตร เหนือเหมืองตั้งแต่เย็นวันอาทิตย์ จนถึงขณะนี้เจาะลงไปได้แล้วครึ่งทางแล้ว

    จากที่คาดว่าต้องเจาะลึกลงไป 150 เมตร จึงจะถึงอุโมงค์ใกล้จุดที่คาดว่าคนงานติดอยู่ มีความเป็นไปได้ว่าคนงานยังมีชีวิตอยู่ และอยู่ในจุดที่อากาศค่อนข้างสะอาด เจ้าหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพอากาศของทางเดินภายในเหมืองทุก ๆ 30 นาที พบว่าระดับก๊าซพิษมีความผันผวน ต้องรอให้ลดลงก่อนเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงจะลงไปได้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัย 30 นาที เตรียมพร้อมปฏิบัติการ คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ในการเดินผ่านอุโมงค์ที่มืด ขรุขระ และเต็มไปด้วยฝุ่นควัน ส่วนคนงานที่ติดอยู่นั้นมีตั้งแต่อายุ 17 ไป จนถึง 62 ปี.- สำนักข่าวไทย


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    สุดเจ๋ง ศิลปิน ชาวจีน สร้างสรรค์ผลงาน ซึ่งไร้ตัวตน
    Mthai news: สำนักข่าวเดลี่เมล์ รายงาน Liu Bolin ชายหนุ่มชาวจีนวัย 38 ปี ศิลปิน ที่ได้รับการขนานนามว่าหนุ่มที่ไร้ตัวตน อินวิชสิเบิล แมน (invisible man) โดยซุ่มอยู่ในสถานที่ต่างๆ เช่น ตู้โทรศัพท์ ยิมเนเซียม ในกรุงปักกิ่ง ห้างสรรพสินค้า โดยที่คนที่เดินผ่านไปผ่านมาอาจจะมองไม่เห็นถึงความผิดปกติ
    ศิลปินคนนี้กล่าวว่า ต้องการที่จะแสดงให้เห็นว่า สถานที่ต่างๆรอบๆตัวเรา ส่งผลกระทบอย่างไรกับการใช้ชีวิตของมนุษย์ โดยเริ่มจาก หลังจากที่เขาจบการศึกษา ก็ไม่สามารถหาที่เรียนที่เหมาะสมกับเขาได้
    “ผมเคยอยู่ในความมืดแห่งหนึ่งท่ามกลางผู้คน โดยไม่มีการปฏิสัมพันธ์กับใคร และผมก็รู้ว่า ไม่มีใครสนใจเกี่ยวกับตัวผม รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าสำหรับโลกใบนี้”
    และนั่น เป็นแรงบรรดาลใน ในในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ขึ้นมา
    โดย Mthai news
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    <LI class=news_src_item>[​IMG]
     
  14. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>“มาร์ค” ห่วงการทำแท้ง ระบุ เป็นปัญหาใหญ่ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>“มาร์ค” ห่วงการทำแท้ง ระบุ เป็นปัญหาใหญ่ สั่งให้ศึกษาหาทางรณรงค์ “สาธิต”เตรียมเสนอแก้กฎหมายทำแท้ง

    จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม น.ส.รัญจกร จันทมนัส ผู้ช่วยพยาบาล ที่ลอบเปิดคลินิกเถื่อนรับทำแท้ง พร้อมกับนำซากศพทารกที่ถูกทำแท้งไปให้ นายสุเทพ ชบางบอน กับนายสุชาติ ภูมี สัปเหร่อวัดไผ่เงินโชตนาราม ย่านบางโคล่ ที่ถูกจับกุมเช่นยกันเผาทำลาย แต่เตาเผาศพเกิดชำรุดทำให้ต้องนำซากศพไปเก็บไว้ในช่องเก็บศพของโกดังเก็บศพภายในวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจไปค้นเจอซากศพทารกทั้งหมด 2002 ศพ จนซีเอ็นเอ็นเผยแพร่ข่าวไปทั่วโลก ภายหลังมีประชาชนที่นิยมเล่นหวยพากันนำสิ่งของไปเซ่นไหว้ที่โกดังเก็บศพของวัดไผ่เงินเพื่อหาเลขเด็ดไปสู้กับเจ้ามือหวยใต้ดิน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

    ความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 พ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์”

    ถึงกรณีพบซากทารก 2002 ศพ ที่วัดไผ่เงินโชตนาราม ว่า ชัดเจนว่ายังมีปัญหาเรื่องการทำแท้งและการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม ซึ่งเราต้องช่วยกันทำให้ปัญหานี้ไม่เกิดขึ้นในสังคมของเรา ความจริงตั้งแต่ปีที่แล้ว ตนได้ตั้งประเด็นเรื่องปัญหาการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมของเด็กและเยาวชนว่ากำลังเป็นปัญหาใหญ่ และมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับหน่วยงานอื่น เร่งรณรงค์เรื่องค่านิยมต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ แต่ที่ผ่านมาเรามักจะเข้าไปไม่ถึงกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มเสี่ยงที่แท้จริง การรณรงค์ส่วนใหญ่จึงทำแบบทั่วไป ขณะนี้ตนได้ให้ศึกษาเพื่อทำให้เราเข้าตรงถึงกลุ่มเด็กและเยาวชนในกลุ่มเสี่ยงที่มีปัญหาได้ พร้อมๆกับต้องปรับปรุงเรื่องการศึกษาให้เด็กในลักษณะครอบครัวศึกษาตั้งแต่ชั้นประถมตอนปลายไปถึงชั้นมัธยม เพื่อให้เกิดความเข้าใจและเป็นส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหานี้ไม่ให้ลุกลามบานปลายหรือเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายด้วย

    “ส่วนกฎหมายการทำแท้งนั้น ผมขอยืนยันว่าในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว คือมีความยืดหยุ่นพอสมควร โดยหลักการทำแท้งถือว่าผิดกฎหมาย แต่มีข้อยกเว้นให้เพื่อประโยชน์เรื่องการดูแลสุขภาพ โดยแพทยสภาได้ออกหลักเกณฑ์แนวปฏิบัติต่างๆ ซึ่งผมเห็นว่ามีความเหมาะสมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องแก้ไข แต่สิ่งที่เราจะต้องช่วยกันคือให้ความรู้ และสร้างค่านิยมที่ถูกต้องในหมู่เด็กและเยาวชน”นายกฯ กล่าว

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณโกดังเก็บศพหลังเมรุวัดไผ่เงินโชตนาราม

    ถนนจันทน์ ซอย 43 แยก 22 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม ซึ่งเป็นสถานที่ซุกซ่อนซากทารก 2002 ศพ มีประชาชนทยอยเดินทางมาจุดธูปเทียนวางเครื่องเซ่นไหว้ทั้งอาหารคาวหวาน ขนม นม ผลไม้ และของเล่นอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะหน้าช่องเก็บศพหมายเลข 9 หมายเลข 10 และหมายเลข 17 ซึ่งเป็นที่เก็บซากทารกพบว่ามีเครื่องเซ่นไหว้จำนวนมากวางไว้กลาดเกลื่อน

    ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.วัดพระยาไกร ได้เข้าตรวจสอบที่ป่ากล้วยริมคลองติดกำแพงหลังวัดไผ่เงินฯ หลังจากได้รับแจ้งทางทรศัพท์ว่า พบซากทารกอีก 20 ศพ ถูกนำไปฝังเอาไว้บริเวณดังกล่าว แต่เมื่อตรวสอบอย่างละเอียดแล้วกลับไม่พบ คาดว่าเป็นการกระทำของผู้ไม่หวังดีที่สร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย

    จากนั้นเมื่อเวลา 10.30 น. วันเดียวกันนี้ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

    ได้เดินทางมาที่วัดไผ่เงินฯเพื่อสอบถามความคืบหน้าเรื่องนี้กับ พระครูวิจิตร สรคุณ เจ้าอาวาสวัดไผ่เงินโชตนาราม แต่เนื่องจากเจ้าอาวาสอาพาธตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา จึงมอบหมายให้ พระทิวา ธรรมชัยโย เลาขานุการมาพบแทน โดย นายองอาจ ใช้เวลาพูดคุยนาน 30 นาที ก่อนจะนำน้ำอัดลม นมถั่วเหลือง และนมกล่องไปจุดธูปเซ่นไหว้ที่หน้าโกดังเก็บศพของวัดด้วย

    นายองอาจ เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 พ.ย.นี้ จะมีพิธีทำบุญครั้งใหญ่นิมนต์พระสงฆ์ทั้งวัดไผ่เงินฯที่มีกว่า 40 รูป มาสวดมาติกา บังสุกุล และถวายสังฆทานให้กับทารกทีเสียชีวิต

    โดยพิธีจะเริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 น.เป็นต้นไป หากประชาชนท่านใดอยากร่วมทำบุญด้วยก็ขอให้เดินทางมาในวันดังกล่าว ทั้งนี้ ตนจะเดินทางมาหารือแนวทางการดำเนินงานร่วมกับทางวัด สำนักงานเขตบางคอแหลมและ สน.วัดพระยาไกร อย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในเวลา 11.00 น. วันที่ 22 พ.ย.นนี้

    เมื่อถามว่า พอคดีสิ้นสุดจะทำพิธีฌาปนกิจทารกทั้ง 2002 ศพหรือไม่

    รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบว่า คงต้องรอทางนิติเวชชันสูตรให้เรียบร้อยเสียก่อนจึงจะปรึกษากับทางพระชั้นผู้ใหญ่ของวัดไผ่เงินอีกครั้ง เท่าที่ลองสอบถามข้อมูลทราบว่าคนโบราณมีความเชื่อว่าไม่ให้เผาศพเด็กทารกเนื่องจากขณะที่เขามาเกิดยังเพียบพร้อมด้วยศีล 5 ประการ ยังไม่มีฟันแม้กระทั่งพูดจาโป้ปดก็ยังทำไม่ได้ แต่หากมีความจำเป็นต้องฌาปนกิจกันจริงๆ ก็ต้องปรึกษากับหลายๆฝ่ายเพื่อให้เกิดความถูกต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวไทยกันต่อไป

    ด้าน พ.ต.อ.เมธี รักพันธุ์ ผกก.สน.วัดพระยาไกร กล่าวว่า หลังจากที่ นายสุเทพ ชะบางบอน และนายสุชาติ ภูมี สองผู้ต้องหาที่ศาลให้ประกันตัวออกมาแล้วก็กลับไปพักอยู่ในวัดเหมือนเดิม

    แต่เพื่อความไม่ประมาทตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนคอยเฝ้าติดตามพฤติกรรมอยู่ตลอดเพราะเกรงว่าอาจหลบหนี ส่วนกรณีที่วัดไผ่เงินจะทำบุญครั้งใหญ่ในวันที่ 27 พ.ย.นี้ คาดว่าจะมีประชาชนมาร่วมงานหลายพันคน จึงจัดเตรียมกำลังตำรวจในโรงพักพร้อมทั้งอาสาสมัครกว่า 100 นาย มาคอยอำนวยความสะดวกและช่วยกันสอดส่องดูแลมิจฉาชีพที่อาจแฝงตัวเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่

    ผู้สื่อข่าวรายงานมาด้วยว่า ขณะนี้เริ่มมีนักเสี่ยงโชคจากต่างจังหวัดเดินทางมาที่วัดไผ่เงินพร้อมกับนำเครื่องเซ่นไหว้มาจุดธูปขอหวยที่หน้าโกดังเก็บศพของวัดกันบ้างแล้ว โดยนักเสี่ยงโชคเชื่อกันว่าหากขอโชคลาภกับวิญญาณเด็กจะสมหวังเร็วขึ้นเนื่องจากมีอาถรรพ์แรงกว่าวิญญาณประเภทอื่นๆ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>โภชนบำบัดสำหรับมะเร็งลำไส้ใหญ่ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นโรคที่เกิดจากเซลล์เยื่อบุผนังลำไส้เปลี่ยนแปลงและเจริญเติบโตผิดปกติจนไม่สามารถควบคุมได้ ผู้สูงอายุและผู้มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งจะมีอัตราเสี่ยง มากกว่าคนปกติหรือผู้ที่มีภาวะโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง และผู้ที่รับประทานอาหารที่มีเส้นใยน้อย ก็จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มากขึ้น อาการโดยส่วนใหญ่ของมะเร็งลำไส้จะมีท้องผูกสลับท้องเสีย ถ่ายอุจจาระมีเลือดสด อุจจาระมีขนาดเล็กลง มีอาการจุกเสียดแน่นบ่อยครั้ง อ่อนเพลียและน้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ เนื่องจากลำไส้เป็นอวัยวะสำคัญในระบบทางเดินอาหาร



    ดังนั้น ต้องดูแลเรื่องอาหารเป็นพิเศษ การรักษาที่ถูกต้องร่วมกับโภชนบำบัดที่ถูกหลัก สามารถลดการแพร่กระจายและอาการทรมานจากมะเร็งได้

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ข้าวแป้ง


    ควรเลือกชนิดที่เป็นพวกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนเป็นหลัก พวกที่มีใยอาหารอาทิ ข้าวกล้อง ธัญพืช เนื่องจากกลุ่มใยอาหารจะทำหน้าที่ในการดูดซับสารก่อมะเร็งและน้ำดีแล้วขับ ออกจากร่างกาย ดังนั้นการได้รับใยอาหารที่พอเหมาะ จะช่วยลดโอกาสการรับสารก่อมะเร็งของร่างกายได้ ควรรับประทานประมาณ 6-8 ทัพพีต่อวัน สำหรับผู้ที่ผ่าตัดกระเพาะอาหารและลำไส้แล้ว มีอาการแน่นไม่สบายท้อง ไม่ควรรับประทานครั้งละมากควรจะค่อยๆ รับประทานทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

    เนื้อสัตว์


    ผู้ป่วยควรได้รับโปรตีนวันละ 1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ไข่และเนื้อสัตว์ต่างๆเป็นแหล่งของโปรตีนที่ให้กรดอะมิโนครบถ้วน หากผู้ป่วยไม่รับประทานเนื้อสัตว์เลยควรรับประทานถั่วเหลืองผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองแทน

    แต่หากยังรับประทานเนื้อสัตว์อยู่ ควรเลือกชนิดที่ไม่ติดมันเป็นหลัก หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก กุนเชียง แหนม เพราะอาหารแปรรูปมักใส่สารไนไตรท์ ไนเตรต มีไขมันมาก ทำให้กระตุ้นการเกิดมะเร็งมากขึ้น

    มีงานวิจัยการเสริมโฟเลทสามารถช่วยลดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้ซึ่งสาร อาหารนี้พบมากในนม ดังนั้นการดื่มนมช่วยเสริมสร้าง สารโฟเลทแต่ควรเลือกชนิดพร่องมันเนย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    น้ำมันแและไขมัน​


    โดยทั่วไปแล้วอาหารประเภทไขมันควรระวังไม่รับประทานมากแม้ในคนปกติ สำหรับผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ยิ่งจำเป็นต้องดูแลเรื่องของไขมัน ควรเลือกใช้ไขมันที่เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว เนื้อปลาทะเลจะมีไขมันไม่อิ่มตัว

    ซึ่งผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องรับประทานวิตามินเสริม เพราะหากรับประทานน้ำมันสกัดยิ่งทำให้ร่างกายได้รับน้ำมันเกินความจำเป็นอาจเป็นผลเสียมากกว่าผลดี

    งดไขมันที่เกิดจากการปิ้งย่างหรือการทอดน้ำมันซ้ำ ล้วนแต่ก่อให้เกิดสารก่อมะเร็งได้ และเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะสัมผัสกับลำไส้โดยตรงเสี่ยงต่อการทำให้โรคเป็นมากขึ้น

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ผักและผลไม้


    ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการของโรคมากในระยะนี้ ควรลดปริมาณที่รับประทาน เนื่องจากระบบย่อยอาหารของผู้ป่วยเริ่มแปรปรวน การได้รับใยอาหารมากอาจส่งผลให้เกิดอาการแน่นท้องและท้องอืดได้ อาจรับประทานที่ละน้อย ผักบางชนิดยิ่งทำให้ท้องอืด โดยเฉพาะผักที่มีกลิ่นฉุนเพราะมีสารพวกกำมะถันอยู่มาก เช่น ต้นหอม หัวหอมใหญ่ ดังนั้น หากมีอาการท้องอืดอยู่แล้วควรหลีกเลี่ยง

    นอกจากนี้ ยังมีรายงานการวิจัยหลายงานวิจัยที่พบอาหารมีผลดีต่อการป้องกันและต่อต้าน มะเร็งลำไส้ โดยเฉพาะพืชตระกูลกะหล่ำ เพราะมีสาร Isothiocyanate ซึ่งให้ผลดีในการควบคุมมะเร็ง การรับประทานควรล้างให้สะอาด เพราะแม้ผักชนิดนี้จะมีสารพฤษเคมีที่เป็นประโยชน์มากก็จริง แต่ก็เป็นแหล่งตกค้างของสารฆ่าแมลงมากเช่นกัน วิธีการล้างผักที่ได้ผลค่อนข้างดีอาจในน้ำส้มสายชู หรือการลวกผักก็จะเป็นการช่วยลดสารเคมีตกค้างลงไปมาก

    กรณีผู้ป่วยผ่าตัดลำไส้ออกบางส่วน ทำให้ระบบย่อยอาหารได้รับความเสียหายบ้างในช่วงแรก ควรรับประทานอาหารเหลวที่มีพลังงานสูง เพื่อให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ง่ายขึ้น ไม่ควรรับประทานผักและผลไม้มากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดลมในช่องท้องได้

    ผลไม้สามารถรับประทานได้ทุกชนิด ยกเว้นกรณีเพิ่งได้รับการผ่าตัดควรเลือกชนิดที่ย่อยง่าย เช่น มะละกอสุก กล้วยน้ำว้า เป็นต้น และเพิ่มการดื่มน้ำให้มากขึ้นเพื่อป้องกันการอุดตันของลำไส้จากเส้นใยอาหาร




    ที่มา วิชาการ.คอม
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>หายใจให้ถูกแก้โรคความดัน </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ทุกวันนี้หลาย ๆ คน หายใจเข้าและออกไม่ถูกต้อง เพราะแทนที่ท้องจะป่องเมื่อหายใจเข้า และท้องแฟบตอนหายใจออก ก็ดันเป็นในทางตรงกันข้าม ร้ายกว่านั้นคือ หายใจตื้น ๆ หน้าท้องไม่ขยับสักนิด

    การหายใจที่ไม่ถูกหรือหายใจตื้นเกินไปทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนน้อยลง และขับคาร์บอนไดอ๊อกไซค์ออกไปได้ไม่มาก ส่งผลให้การหมุนเวียนของโลหิตเร็วเกินไป เมื่อเป็นเช่นนั้นก็จะทำให้มีอาการความดันโลหิตสูง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ที่สำคัญเมื่อความดันโลหิตสูงแล้ว โรคภัยร้าย ๆ ก็จะตามมา อาทิ หัวใจ เบาหวาน เส้นเลือดเสื่อมสภาพ

    เมื่อรู้ว่าโรคร้าย ๆ เกิดได้เพราะพฤติกรรมหายใจที่ผิด ๆ ทางแก้มีไม่ยาก แค่หายใจอย่างถูกวิธี หรือหายใจแบบทารก คือ การหายใจทางจมูก ปากปิดสนิท ลิ้นแตะเพดาน ไม่กัดฟัน ขณะสูดหายใจเข้าท้องป่อง ส่งให้หน้าอกขยายออกเล็กน้อย เมื่อหายใจออกท้องแฟบลง บริเวณหน้าอกขยับลงดังเดิม

    สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง คือ การหายใจทางปาก จะทำให้มีปัญหาฟันตามมาและทำให้นอนกรน รวมถึงการหายใจให้หน้าอกขยับแรง ๆ หรือเป็นการหายใจขณะตื่นเต้น ตกใจ ก็ควรเลี่ยง เพราะเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ.

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>10นิสัยทำร้ายสมองที่ไม่ควรมองข้าม </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ใครที่กำลังอยู่ในภาวะสมองตื้อคิดอะไรไม่ค่อยออก อย่ามองว่าเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะสาเหตุนั้นอาจมาจากการที่สมองโดนทำร้าย วันนี้มีความรู้เกี่ยวกับ 10 นิสัยที่ทำร้ายสมองมาฝากกัน

    1.ไม่ทานอาหารเช้า หลายคนคิดว่าไม่ทานอาหารเช้า แล้วจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่ที่จริงแล้วการไม่ทานอาหารเช้าเป็นสาเหตุให้สารอาหารไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ และทำให้สมองเสื่อมได้

    2.กินอาหารมากเกินไป การกินในจำนวนที่เยอะเกินพอดี เป็นต้นเหตุทำให้หลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว เป็นสาเหตุให้เกิดโรคความจำสั้น

    3.การสูบบุหรี่ เป็นสาเหตุของโรคสมองฝ่อและเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์

    4.ทานของหวานมากเกินไป มีผลมากต่อการทำร้ายสมอง เพราะการทานหวานมากเกินไปจะขัดขวางการดูดกลืนโปรตีนและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เป็นสาเหตุของการขาดสารอาหารและขัดขวางการพัฒนาสมอง

    5.การอดนอน คนที่อดนอนเป็นเวลานานจะทำให้เซลล์สมองตายได้ ส่วนการนอนหลับจะทำให้สมองได้พักผ่อน

    6.มลภาวะ สมองเป็นส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุดในร่างกาย การสูดเอาอากาศที่เป็นมลภาวะเข้าไปจะทำให้ออกซิเจนในสมองมีน้อยส่งผลให้ประสิทธิภาพของสมองลดลงเรื่อยๆ

    7.ขาดการใช้ความคิด การคิดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการฝึกสมอง การขาดการใช้ความคิดเป็นเวลานานเป็นต้นเหตุของอาการสมองฝ่อ

    8.เป็นคนไม่ค่อยพูด ทักษะทางการพูดจะเป็นตัวแสดงถึงประสิทธิภาพของสมอง ถ้าไม่ค่อยพูดจากับคนอื่นสมองก็จะไม่ได้แสดงประสิทธิภาพเท่าที่ควร

    9.นอนคลุมโปง เป็นเรื่องเล็กน้อยในความคิดของใครหลายคน แต่ที่จริงแล้วการนอนคลุมโปงเป็นการเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากขึ้นและลดออกซิเจนให้น้อยลงส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง

    10.ใช้สมองในขณะที่ไม่สบาย การทำงานหรือเรียนขณะที่กำลังป่วย จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงเหมือนกับการทำร้ายสมองไปในตัว

    สมองนับเป็นอวัยวะส่วนที่สำคัญของเรา
    อย่าลืมใส่ใจและรักษาสุขภาพสมองของตัวเองให้ดี.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯพร้อมพระเทพฯ ทรงลอยพระประทีปริมแม่น้ำเจ้าพระยา

    วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 21:15:43 น.
    <!-- Start share facebook --><SCRIPT>function fbs_click() {u=location.href;t=document.title;window.open('http://www.facebook.com/sharer.php?u='+encodeURIComponent(u)+'&t='+encodeURIComponent(t),'sharer','toolbar=0,status=0,width=626,height=436');return false;}</SCRIPT><STYLE> html .fb_share_button { display: -moz-inline-block; display:inline-block; padding:1px 20px 0 5px; height:15px; border:1px solid #d8dfea; background:url(http://b.static.ak.fbcdn.net/rsrc.php/zAB5S/hash/4273uaqa.gif) no-repeat top right; } html .fb_share_button:hover { color:#fff; border-color:#295582; background:#3b5998 url(http://b.static.ak.fbcdn.net/rsrc.php/zAB5S/hash/4273uaqa.gif) no-repeat top right; text-decoration:none; } </STYLE>แบ่งปันข่าวนี้บน facebook Share
    <!-- Start share facebook -->

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=650><TBODY><TR><TD vAlign=top width=90 align=left>[​IMG]
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯพร้อมพระเทพฯ ทรงลอยพระประทีปริมแม่น้ำเจ้าพระยา


    [​IMG]


    [​IMG]



    </TD><TD vAlign=top width=560 align=left><STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ทรง เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงลอยพระประทีปที่บริเวณท่าน้ำศิริราช เนื่องในเทศกาลลอยกระทง ซึ่งการเสด็จพระราชดำเนินลอยพระประทีปนี้แม้จะเป็นหมายกำหนดการส่วนพระองค์ แต่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พสกนิกรได้เฝ้าฯรับเสด็จอย่างใกล้ชิด โดยเมื่อเวลา 19.09 น. วันที่ 21 พฤศจิกายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ลงจากชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อเสด็จฯยังท่าน้ำศิริราช

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉลองพระองค์เชิ้ตด้านในสีชมพูอ่อน ทับด้วยฉลองพระองค์สูทสีชมพูเข้ม สวมพระสนับเพลาสีดำ ประทับบนรถเข็นไฟฟ้าโดยมี รศ.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวินิน หัวหน้าสำนักงานศูนย์โรคหัวใจ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ถวายการเข็น เส้นทางเสด็จฯ ออกจากอาคารเฉลิมพระเกียรติผ่านอาคารอำนวยการแล้วเลี้ยวซ้ายยังเส้นทางข้างตึกคณะพยาบาลศาสตร์ จนถึงท่าน้ำศิริราช ตลอดเส้นทางเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พสกนิกรเฝ้าฯรับเสด็จอย่างใกล้ชิด ทรงแย้มพระสรวลพร้อมกับทรงยกกล้องขึ้นฉายพระรูปประชาชนที่มารอเฝ้าฯรับเสด็จตลอดเส้นทาง ประชาชนต่างเปล่งเสียงทรงพระเจริญ พร้อมก้มลงกราบแทบฝ่าพระบาท
    จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำพวงมาลัยถวายสักการะพระพุทธรูปเมตตาคุณากร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประจำท่าน้ำศิริราช ที่ตั้งอยู่บริเวณก่อนจะถึงท่าน้ำ เสร็จแล้วพระองค์เสด็จฯยังมุกของท่าน้ำศิริราช เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังนำพระประทีปดอกไม้สด และพระประทีปที่ทำจากขนมปังทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงจุดธูปเทียน ทั้งสองประทีป ขณะเดียวกันสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงจุดธูปเทียนที่พระประทีปที่เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังทูลเกล้าฯถวายเช่นกัน โดยพระประทีปทั้งสองเป็นฝีมือการประดิษฐ์ของนักศึกษาจากวิทยาลัยอาชีวศึกษา จ.ลำปาง

    หลังจากทรงลอยพระประทีปแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับยังบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อทอดพระเนตรขบวนเรือประดับไฟที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดถวาย พร้อมฉายพระรูปเรือประดับไฟ ทอดพระเนตรทิวทัศน์อันงดงามยามค่ำคืนของแม่น้ำเจ้าพระยา นานกว่า 36 นาที ตลอดเวลาประทับ ทรงมีพระพักตร์สดใส และแย้มพระสรวลเป็นระยะ

    จนกระทั่งเวลา 19.57 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกจากท่าน้ำศิริราช มาวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก จากนั้นเสด็จฯยังศาลาศิริราช 100 ปี ทรงวางพวงมาลาถวายสักการะพระรูปหล่อสมเด็จศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงวางพวงมาลาสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตึกสยามมินทร์ ก่อนเสด็จฯกลับ ชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ




    </TD></TR></TBODY></TABLE>




     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2010
  17. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    ‘เหน็บชา’ เข้าใจให้ถูก รู้ทันอันตราย


    เมื่ออวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะบริเวณแขน และขา เกิดอาการยิบ ๆ ความรู้สึกที่เคยสัมผัสได้จากบริเวณนั้นด้อยหรือหายไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง เรามักจะเรียกอาการเหล่านี้ว่า ‘เหน็บชา’ ซึ่ง นพ.โอภาส นวสิริพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา รพ.บำรุงราษฎร์ กล่าวไว้ในงาน Brain Explorer รวมทุกเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสมอง ว่า คนทั่วไปมักจะมีอาการชา ที่ทำให้รู้สึกเหมือนมีเข็มตำเบา ๆ เหมือนถูกไฟฟ้าช็อตอ่อน ๆ จนไม่มีความรู้สึกที่ผิวหนังบริเวณนั้น อย่างนี้ถือว่าเป็น ‘เหน็บชา’ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ชา ได้ตรงตามความหมายทางการแพทย์ ที่ว่า อาการชานั้นเกิดจากเส้นประสาท

    ขณะที่บางคนบอกว่า มีอาการชาบริเวณต้นแขน เพราะยกของหนัก นพ.โอภาส บอกว่า แบบนี้เป็นเพราะชาจากกล้ามเนื้อ มิใช่ชาจากเส้นประสาท

    สำหรับ ‘เส้นประสาท’ (Nerve) นั้นจะกระจายอยู่ทั่วร่างกาย อยู่ใต้ผิวหนัง คอยรับความรู้สึกที่สัมผัสถูกผิวหนังแล้วส่งเป็นกระแสไฟฟ้าวิ่งไปตามเส้นประสาทไปยังไขสันหลังก่อนแล้วจึงวิ่งต่อไปที่สมอง

    เมื่อผิวหนังบริเวณใดเกิดอาการชา ความรู้สึกบริเวณนั้นจึงลดลงหรือหายไปชั่วขณะ อย่างที่บางคนเคยพบว่า ท่อนขาที่นั่งทับไว้นาน ๆ ไร้ความรู้สึก แม้หยิกด้วยเล็บแรงๆ ก็ไม่รู้สึกเจ็บนั่นเอง

    อย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้ ‘มุมสุขภาพ’ เตรียมสาเหตุของอาการชาที่เกิดจากตัวคุณเองมาฝาก โปรดอย่าคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา ๆ เพราะมีอาการชาบางกรณีมีความอันตรายมาก!!!.

    takecareDD@gmail.com
     
  18. ยังเลวอยู่มาก

    ยังเลวอยู่มาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +492
    ผมคิดว่าต่อมวิจารณญาณของสังคมนี้กำลังมีปัญหาแล้วหละครับ http://www.voicetv.co.th/content/25164/%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%8965%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%A5" "ประชาชนร้อยละ 65.62 เห็นว่าการทำแท้งเป็นสิทธิส่วนบุคคล ขณะที่ร้อยละ12.66 เห็นเป็นเรื่องผิดศีลธรรม ผิดกฎหมาย" ผมหดหู่ใจมากกับผลโพลนี้ เพราะถ้าคนมีวิจารณาณต่ำแสดงว่าคนในสังคมนั้นไม่มีความสามารถในการแยกแยะ ดี,ชั่ว สังคมต้องวุ่นวายเป็นแน่แท้
     
  19. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ชวนคิดเรื่องโขง


    “น้ำโขง” แห้งเร็ว เรือเริ่มติดเกาะ สถิติย้อนหลังพุ่งเป้า “เขื่อนจีน” <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td valign="middle"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="middle">
    </td><td class="ecxdate" align="left" valign="middle">
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td>
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table><table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="middle">
    </td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="ecxImage" align="left" valign="baseline">สถิติการลดลงของแม่น้ำโขง ที่มีการจัดเก็บไว้เปรียบเทียบทุกปี </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>เชียงราย - เรือสินค้าในแม่น้ำโขงเริ่มติดเกาะทรายกลางน้ำกันแล้ว หลังระดับน้ำแห้งเร็วกว่าปกติ แม้ยังไม่ถึงจุดเลวร้ายเหมือนต้นปี 53 เผย สถิติระดับน้ำย้อนหลัง พุ่งเป้า “เขื่อนจีน” มีนัยสำคัญต่อระดับน้ำโขงชัดเจน สวนทางคำการันตีทูตจีน

    รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงราย แจ้งว่า ท่ามกลางความวิตก กังวลเกี่ยวกับระดับน้ำในแม่น้ำโขง ที่เริ่มแห้งลงเร็วกว่าปกติ จากเดิมที่จะเริ่มลดระดับลงในช่วงเดือนมีนาคม- เมษายน เป็นประจำ แต่ปีนี้กลับเริ่มลดระดับลงตั้งแต่เริ่มสิ้นฤดูฝน เข้าสู่ฤดูหนาวทันที

    จนหลายฝ่ายหวั่นวิตกว่า หน้าแล้งปีนี้ น้ำโขงจะก่อวิกฤตหนักกว่าช่วงต้นปี 53 และในวันที่ 23 พ.ย.นี้ กรมทรัพยากรน้ำ เตรียมนำทีมเจ้าหน้าที่-สื่อ ลงดูสภาพแม่น้ำโขงถึงพรมแดนเชียงราย หลังจากที่นายก่วน มู่ เอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย ได้ออกมายืนยันว่า ปัญหาน้ำโขงแห้ง ไม่น่าจะเกี่ยวกับเขื่อนในจีน


    อย่างไรก็ตาม จากสถิติระดับน้ำ ที่สำนักงานขนส่งทางน้ำที่ 1 สาขาเชียงราย กรมเจ้าท่า ซึ่งมีสำนักงานอยู่ภายในท่าเรือ อ.เชียงแสน พบว่า ระดับน้ำต่ำสุดในรอบเดือนต่างๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่า

    ตั้งแต่เดือน ก.พ.2548 เคยมีปรากฏการณ์แม่น้ำโขงเริ่มลดระดับลงต่ำสุดเหลือ 1 เมตร ต่อมาเดือน มี.ค.ต่ำสุด 1.40 เมตร และ เดือน เม.ย.ต่ำสุด 1.37 กระทั่งปี 2549 พบว่าในเดือน ก.พ.ลดลง 1.45 เมตร และเดือน มี.ค.ทำสถิติลดต่ำกว่า 1 เมตรเป็นครั้งแรกด้วยความลึก 0.95 เมตร และเดือน เม.ย.1.04 เมตร


    ต่อมาปี 2550 สถิติส่วนใหญ่ยังทรงตัว คือ ในเดือน ก.พ.วัดความลึกได้1.22 เมตร เดือน มี.ค.1.22 เมตร เดือน เม.ย.1.14 เมตร ปี 2551 เดือน ก.พ.1.68 เมตร เดือน มี.ค.1.60 เมตร เดือน เม.ย.1.36 เมตร กระทั่งปี 2552 พบว่ายังไม่มีปัญหามากนักคือเดือน ก.พ.1.98 เมตร เดือน มี.ค.1.67 เมตร เดือน เม.ย.1.80 เมตร

    กระทั่งปี 2553 ซึ่งประเทศจีนเริ่มมีการติดตั้งเครื่องจักรและเปิดใช้เขื่อนจิ่งหงที่เมือง จิ่งหงหรือเชียงรุ้ง เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน ซึ่งเป็นเขื่อนที่อยู่ใต้น้ำที่สุดในบรรดาหลายเขื่อนของประเทศจีน มีความสูง 118 เมตร ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยกำลัง 1,500 เมกะวัตต์ ได้ทำให้ระดับน้ำกลับมาลดต่ำลงอีกครั้ง

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="ecxImage" align="left" valign="baseline">แม่น้ำโขง ช่วงที่ผ่านอ.เชียงแสน จ.เชียงราย ลดลงเร็วจนน่าใจหาย และตอนนี้การเดินเรือขนส่งสินค้าเริ่มมีปัญหาแล้ว </td></tr> </tbody></table></td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> เดือน ก.พ.เริ่มกลับมาทำสถิติลดต่ำกว่า 1 เมตรอีกครั้ง โดยวัดได้ต่ำสุด 0.98 เมตร เดือน มี.ค.เหลือเพียง 0.96 เมตร ก่อนที่หลายฝ่ายจะแสดงท่าทีกดดันจีน และทางประเทศจีนแจ้งว่าได้ปล่อยน้ำลงมาและทำให้เดือน เม.ย.ระดับน้ำเพิ่มขึ้นเป็น 1.80 เมตร

    ซึ่งครั้งนั้น ทำให้เรือสินค้าต้องหยุดเดินเรือไปร่วม 3-4 เดือน แม้แต่เรือระวางน้ำหนักน้อยที่สุดคือประมาณ 150 ตันก็ไม่สามารถแล่นออกได้และมีเรือสินค้าจอดอยู่เต็มท่าเรือเชียงแสน


    จ.อ.อนิรุต จำรูญ หัวหน้าขนส่งทางน้ำที่ 1 สาขาเชียงราย กล่าวว่า ตามปกติหากมีปัญหาแม่น้ำโขงแห้งเรือจะติดสันดอนทรายแถบชายแดนพม่า-ส.ป.ป.ลาว ก่อนจากนั้นก็จะค่อยๆ เกิดปัญหาลามลงมา ส่วนต้นปีที่ผ่านมาเคยเกิดปัญหาบริเวณชายแดนไทย-สปป.ลาว ตรงบริเวณเกาะดอนซาว เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ส.ป.ป.ลาว ติดกับ อ.เชียงแสน แต่ปัจจุบันยังคงใช้เพื่อการเดินเรือได้ดีอยู่

    แต่ตามความเห็นของตนเห็นว่าระดับน้ำที่เคยวัดกันได้ใน ปัจจุบันอาจจะไม่ใช่ปัจจัยที่บ่งชี้สถานการณ์ได้ดีที่สุดอีกต่อไป เพราะสันดอนทรายใต้น้ำ เกิดขึ้นในแม่น้ำโขงมากเกินไป จนทำให้เกิดร่องน้ำเปลี่ยนแปลงและใต้น้ำก็เป็นทราย ดังนั้น เมื่อวัดระดับน้ำก็อาจจะได้ระดับจากพื้นดินขึ้นมาจนถึงผิวน้ำในระดับลึกจริง แต่ระดับที่แท้จริงกลับตื้นเขินได้

    นายสุรชาติ จันทวัชรากร นายด่านศุลกากร อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เปิดเผยว่า จากปรากฏการณ์แม่น้ำโขงลดระดับลงเป็นประจำทุกปี จึงได้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบว่าในรอบสัปดาห์นี้ระดับน้ำลดลงต่ำสุดถึงประมาณ 1.80-3 เมตร ซึ่งยังสามารถใช้เพื่อการเดินเรือสินค้าได้อยู่ แต่ถ้าแห้งลงมากกว่านี้ก็อาจจะมีปัญหาได้เช่นกัน

    แต่ตามปกติเรือสินค้าจะใช้วิธีการค่อยๆ ลดปริมาณสินค้าหรือระวางบรรทุกลงเพื่อให้เหมาะสมกับระดับน้ำ จึงเชื่อว่าช่วงนี้ยังไม่มีปัญหาใดๆ ขณะที่กรณีมีข้อสงสัยกันว่าระดับน้ำแห้งเกิดจากการก่อสร้างเขื่อนในจีนนั้น

    “เมื่อเร็วๆ นี้ นายก่วน มู่ เอกอัครราชทูตประเทศจีนประจำประเทศไทย ได้เดินทางไปยังท่าเรือเชียงแสนและชี้แจงว่าปัญหาของแม่น้ำโขงแห้งน่าจะเกิด จากภัยแล้งที่เกิดขึ้นหลายภูมิภาค แต่ที่ผ่านมาก็พบว่าทางประเทศจีนเองก็ไม่เคยส่งข้อมูลตัวเลขเกี่ยวกับปริมาณ การกักเก็บและปล่อยน้ำจากจีนตอนใต้ให้กับ อ.เชียงแสน เลย” นายสุรชาติ กล่าว

    นายชัยวิทย์ วรคุณพินิจ ผู้ช่วยนายด่านศุลกากรเชียงแสน กล่าวว่าได้รับแจ้งจากคนเดินเรือบางรายว่าเรือสินค้าเริ่มประสบปัญหาเกยตื้น บริเวณหาดทรายเหนือสามเหลี่ยมทองคำของประเทศไทยขึ้นไปทางทิศเหนือ ซึ่งเป็นเขตชายแดนพม่า-ส.ป.ป.ลาว แล้ว หลายลำต้องมีการใช้ไม้ค้ำถ่อหรือรอให้น้ำซัดทรายใต้ท้องเรือให้หมดไปก่อน

    อย่างไรก็ตาม เหตุดังกล่าวยังคงเกิดขึ้นเฉพาะจุดเท่านั้น เพราะปัจจุบันเรือสินค้าก็ยังคงเดินทางเข้าออกที่ท่าเรือเชียงแสนอย่างต่อ เนื่อง แต่ก็พบว่าจำนวนเรือสินค้าจากท่าเรือที่นำสินค้าไปยังท่าเรือบ้านโป่งและท่า เรือสบหรวยในประเทศพม่า ซึ่งไม่ใช่ท่าเรือของจีนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แสดงว่าเรือเริ่มเดินทางในระยะทางสั้นลง

    “ปี 2553 ด่านศุลกากรเชียงแสนมีการส่งออกสินค้าไปยังจีนตอนใต้มูลค่า 5,630.20 ล้านบาท เช่น น้ำมันปาล์ม ยางแผ่นรมควัน เป็นต้น ส่วนสินค้านำเข้ามีมูลค่า 1,057.39 ล้านบาท เช่น ผลไม้ทับทิม ผักสด แอปเปิล เป็นต้น” นายชัยวิทย์ กล่าว


    </td></tr></tbody></table>http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000164689
     
  20. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618


    โลกที่มนุษย์อยู่นี่ มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป มาหลายรอบแล้ว ที่ส่วนใหญ่รับรู้กันก็แค่ยุคเดียวที่กำลังเป็นอยู่นี่แหละ

    แต่เอาเป็นว่า มนุษย์ในช่วงต้นยุคจะมีศีลธรรมสูง พอกลางๆ ก็เจือจาง พอปลายยุค จะเสื่อมทรามหนัก ทั้งความคิด ทั้งการกระทำ ก่อนจะถูกล้มกระดาน ล้างกันใหม่หมด เป็นวัฏจักร วนไปวนมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...