'ผีทารก'สิงรายวัน!

วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7305 ข่าวสดรายวัน


'ผีทารก'สิงรายวัน!

ล่าสุด'สาวปวช.' ยังแห่ทำบุญแน่น จัด'กงเต๊ก'ให้เด็ก




<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
สวดกงเต๊ก - ชาวบ้านยังแห่มาร่วมกราบไหว้ทำบุญให้กับศพทารก 2,002 ศพ ที่วัดไผ่เงินกันเป็นจำนวนมาก ขณะที่ทางวัดจัดพิธีกรรมสวดกงเต๊ก เพื่อส่งวิญญาณทารกเหล่านั้น ขณะที่เหตุการณ์ผีสิงรายวัน ยังเกิดขึ้นภายในวัดอีก เมื่อ 28 พ.ย.


</TD></TR></TBODY></TABLE>
จัดสวดกงเต๊กให้วิญญาณทารก 2,002 ศพ เกิดเหตุผีเข้าอีกราย คราวนี้เป็นเด็กปวช. แม่บอกมักมีอาการเหมือนผีเข้า ทุกครั้งที่เจอรูปปั้นกุมารหรือทวยเทพ ด้านสมัชชาสุขภาพแห่งชาติจัดสัมมนาปัญหาท้องแล้วทำแท้งถึงวัด 'องอาจ' หนุนยกระดับปัญหา ด้านสมัชชาสุขภาพฯ เตรียมดันเป็นวาระแห่งชาติ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 พ.ย. ที่วัดไผ่เงินโชตนาราม ถ.จันทน์ ซอยจันทน์ 43 เเยก 22 เเขวงบางโคล่ เขตบางคอเเหลม กทม. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายหลังเมื่อวานที่ได้มีการทำบุญใหญ่ให้กับวิญญาณทารก 2,002 ศพ วันนี้ได้มีคณะเจ้าหน้าที่มูลนิธิกัลยาณวิสุทธิ์ (พระใหญ่) ตั้งอยู่ซอยเจริญกรุง 63 เดินทางมาทำพิธีสวดกงเต๊ก บริเวณหน้าศาลา 3 ใกล้โกดังเก็บศพ เพื่อส่งดวงวิญญาณทารกตามความเชื่อของชาวจีน อีกทั้งยังมีกลุ่มประชาชนที่ใจบุญ ต่างเดินทางมากราบไหว้ เเล้วร่วมบริจาคเงินเเละซื้อเครื่องเซ่นไหว้ ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตา ของเล่นเด็ก เสื้อผ้าเด็ก ขนมเเละนมกล่อง โดยเจ้าหน้าที่ได้ตั้งโต๊ะบูชาบริเวณด้านหน้าโกดังเก็บศพ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ส่วนใหญ่ประชาชนที่มาต่างอธิษฐานจิตให้ดวงวิญญาณทารกทั้ง 2,002 ศพ ได้ไปเกิดใหม่ในครอบครัวที่สมบูรณ์ พร้อมที่จะเลี้ยงดูพวกเขา บางส่วนก็มาขอโชคลาภถ้าได้ตามที่ต้องการก็จะนำเงินมาทำบุญให้ เรียกได้ว่าตั้งเเต่ช่วงเช้ามีประชาชนเดินทางมาที่วัดกันอย่างไม่ขาดสาย เมื่อทุกคนได้ทำบุญให้กับดวงวิญญาณเด็กทั้งหมดเเล้ว กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่ารู้สึกมีความสุขทั้งกายเเละใจ โดยจะกลับไปบอกต่อให้ญาติเเละกลุ่มเพื่อนมาทำบุญที่วัดไผ่เงิน

นางจารุวรรณ เปล่งเหมือนแข อายุ 62 ปี กรรมการมูลนิธิและเป็นหัวหน้าทีมสวดมนต์ กล่าวว่า วันนี้ตนและทีมสวดมนต์กว่า 60 ชีวิต เดินทางมาทำบุญสวดส่งวิญญาณให้ทารก ซึ่งเป็นการสวดมนต์ชุดใหญ่ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ไม่มีการเรี่ยไรเงินจากชาวบ้านเพราะใช้งบประมาณของทีมงานและมูลนิธิ ส่วนตัวเเล้วพวกตนมักจะให้ความช่วยเหลือกับบรรดาศพไม่มีญาติด้วยการบริจาคโลงศพให้เป็นประจำอยู่เเล้ว หากท่านใดมีความประสงค์จะให้ทางมูลนิธิช่วยเหลือสามารถติดต่อที่เบอร์ตน 08-9602-0602

ด้านนายพิชิต วัฒนโชติวงษ์ อายุ 62 ปี ประธาน อปพร.เขตสาทร เจ้าหน้าที่ดูเเลโต๊ะพิธีส่วนหน้าโกดังเก็บศพ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์พบซากทารกซุกซ่อนอยู่ในโกดังวัดถึง 2,002 ศพ ตนก็พาทีมงานเดินทางมาให้ความช่วยเหลือท่านพระครูวิจิตรสรคุณ เจ้าอาวาส โดยจัดคนไปดูแลชาวบ้านที่เดินทางมาวางเครื่องเซ่นหน้าโกดังเก็บศพ คอยให้คำแนะนำเรื่องการจุดธูปเทียนและสอดส่องพวกมิจฉาชีพที่อาจแฝงตัวเข้ามาหากิน ทั้งนี้ 3-4 วันที่ผ่านมามีผู้คนหลากหลายอาชีพเดินทางมาเซ่นไหว้จำนวนมาก รวมถึงกลุ่มพ่อค้าเเม่ค้าเศรษฐีที่เป็นเจ้าของกิจการบนห้างมาบุญครองและทำธุรกิจค้าเสื้อผ้าย่านสำเพ็ง ก็เดินทางมากันหลายรอบพร้อมบอกข้อมูลกับตนว่า ชักชวนกันมาไหว้วิญญาณทารกตั้งแต่วันแรกๆ ที่พบศพแล้ว พอกลับไปขายของขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จากเดิมได้วันละ 1-2 หมื่นบาท ช่วงนี้ยอดกำไรพุ่งเป็นแสน ทำให้หลายคนย้อนกลับมาและซื้อข้าวของเครื่องใช้ชุดใหญ่มาให้ทารกทั้ง 2,002 ศพ เป็นการตอบแทนจำนวนมากจนขณะนี้บริเวณรอบๆ โกดังแทบไม่มีที่วางเครื่องใช้เหล่านี้แล้ว

ต่อมาเมื่อเวลา 10.30 น. ขณะที่ผู้สื่อข่าวเดินไปสังเกตการณ์บริเวณศาลา 2 ด้านหลังเมรุซึ่งเป็นที่ตั้งของ ด.ช.ทอง ด.ช.เงิน และด.ญ.นาค เหล่าประติมากรรมทารก 3 องค์ ที่นายลักษณ์ เรขานิเทศ หรือ "หมอลักษณ์ ฟันธง" นำมาเป็นตัวแทนวิญญาณทารกให้ประชาชนกราบไหว้บูชา ปรากฏว่า พบน.ส.เฟิร์น (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี นักศึกษาชั้น ปวช.ปี 1 ของวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งเดินทางนำเครื่องเซ่นมาวางให้ประติมากรรมทั้ง 3 องค์ แต่จู่ๆ น.ส.เฟิรน์ ก็เกิดอาการผีเข้า โดยแสดงอาการเพ้อพูดจาเป็นภาษาเทพ ร้องไห้โฮจนฟังไม่ได้สรรพใช้มือตีอกชกตัวคล้ายเด็กถูกขัดใจ ทำให้ญาติๆ ที่มาด้วยกันต้องปลอบประโลมเป็นการใหญ่ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ก่อนที่เหตุการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

จากการสอบถามมารดาน้องเฟิร์น เปิดเผยว่า ตั้งแต่เลี้ยงลูกสาวมาก็เห็นเป็นเด็กร่าเริงปกติจนกระทั่งเมื่อวันเกิดอายุครบ 15 ปีของน้องเฟิร์น ปีที่แล้วขณะกำลังตัดเค้ก จู่ๆ น้องเฟิร์นก็มีอาการกระสับกระส่ายร้องฟูมฟายคล้ายถูกผีเด็กเข้า เป็นอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ จากนั้นจึงไปหากุมารมาเลี้ยงที่บ้านแล้วก็มักเกิดเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันนี้ทุกครั้งที่น้องเฟิร์นพบเจอรูปปั้นกุมารหรือรูปสักการะของทวยเทพต่างๆ อาทิ พระพิฆเนศวร จนกระทั่งตนและญาติๆ ทุกคนทราบข่าวพบศพวิญญาณทารกจำนวนมากที่วัดแห่งนี้จึงตัดสินใจพากันนำของเล่น ขนม และน้ำหวานมาเซ่นไหว้เป็นครั้งแรก แต่แล้วเรื่องประหลาดก็เกิดขึ้นอีกเนื่องจากเมื่อตอนอยู่บนรถระหว่างเดินทาง น้องเฟิร์นกลับเป็นผู้บอกทางให้คนขับพามาถึงที่หมายทั้งที่ไม่มีใครเคยเดินทางมาที่วัดไผ่เงินโชตนารามแต่อย่างใด

ด้านน้องเฟิร์นกล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมที่ผ่านมาตัวเองเป็นแบบนี้ แต่พอทราบข่าวดังจากหน้าหนังสือพิมพ์ก็มีความรู้สึกอยากมาทำบุญมาก เมื่อมาถึงก็ชวนแม่ และญาติๆ ไปจุดธูปไหว้ศาลเจ้าที่และบริเวณหน้าโกดังเก็บศพก่อน จากนั้นค่อยเดินมาที่ศาลา 2 เพื่อวางเครื่องเซ่นประติมากรรมทารก 3 องค์ แต่ระหว่างที่ตนกำลังจุดธูปก็เกิดอาการมือสั่นตัวสั่นจนต้องให้แม่เป็นผู้ปักธูปลงกระถางให้ พอแม่ปักธูปลงไปตนไม่สามารถบังคับตัวเองได้เพราะรู้สึกเจ็บมาก จากนั้นก็จำเหตุการณ์ไม่ได้เเล้ว

วันเดียวกันนี้ ที่วัดไผ่เงินโชตนาราม เวลา 13.00-16.00 น. สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ โดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ได้จัดเวทีนโยบายสาธารณะ "จากบทเรียนวัดไผ่เงิน สู่ทางออกของปัญหาท้องแล้ว (ทำ) แท้ง" ในสมัชชาสุขภาพแห่งชาติขึ้น โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวังและสร้างสรรค์สื่อ และมูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง เข้าร่วมเวทีแสดงความคิดเห็น มีนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกล่าวเปิดเวทีนโยบายสาธารณะ และพระครูวิจิตรสรคุณ เจ้าอาวาสวัดไผ่เงินโชตนาราม ร่วมกล่าวต้อนรับ

นายองอาจกล่าวว่า ปัจจุบันการตั้งท้องไม่พร้อมทวีความรุนแรง จากข้อมูลการตั้งครรภ์และคลอดบุตรในวัยรุ่นระหว่างปี 2547-2552 พบอัตราการคลอดของแม่อายุน้อยกว่า 20 ปีมีแนวโน้มสูงขึ้นจากร้อยละ 13.86 ในปี 2547 เป็นร้อยละ 16 ในปี 2552 ยังไม่รวมกับการทำแท้งและเด็กตายคลอดที่ไม่มีการแจ้งเกิด ขณะที่การมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่นในครั้งแรกอายุเพียง 15-16 ปี และส่วนใหญ่ใช้ถุงยางไม่ถึงร้อยละ 50 ส่งผลให้ตามโรงพยาบาลต่างๆ และพื้นที่สาธารณะมีทารกถูกทิ้งปีละประมาณ 800 ราย สถานสงเคราะห์เด็กต้องรับดูแลเด็กอ่อน 6,000 คน และที่ยังไม่พบและเป็นข่าวอีก

นายองอาจกล่าวต่อว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการตั้งครรภ์ของวัยรุ่นคือวิถีการเปลี่ยนแปลงของครอบครัว สื่อโดยเฉพาะอินเตอร์เน็ตที่เข้ามามีผลมาก แม้บางครอบครัวจะป้องกันโดยไม่มีไว้ในห้อง แต่ก็ยังมีนอกบ้านที่มีอินเตอร์เน็ตทั่วไป ฉะนั้นต้องให้ความรู้เรื่องเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย การคุมกำเนิด การมีเพศสัมพันธ์เมื่อถึงเวลาอันควร โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันรณรงค์ และไม่ทำงานลำพัง ต้องยกระดับปัญหาให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมเสนอและวางมาตร การแก้ไข โดยเฉพาะการปรับทัศนคติของผู้ชายที่เป็นฝ่ายกระทำให้เกิดการท้องและนำไปสู่การทำแท้งจะต้องมีส่วนรับผิดชอบ ไม่ปล่อยให้ผู้หญิงรับผิดชอบฝ่ายเดียว ตลอดจนเรื่องการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยและวัยที่เหมาะสม ขณะที่สังคมไม่ตำหนิเฉพาะผู้หญิง คนทำแท้ง หรือสัปเหร่อ แต่ต้องเป็นฝ่ายผู้ชายด้วย

นายองอาจกล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการแก้ไขกฎหมายทำแท้งนั้น กฎหมายมีความครอบคลุมแล้วและเปิดโอกาสให้แพทย์วินิจฉัยให้นำทารกในครรภ์ออกได้หากจะเป็นอันตรายต่อแม่ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ส่วนกรณีมีการตั้งครรภ์ขณะกำลังศึกษาอยู่นั้น สำหรับตนแล้วควรให้โอกาส ส่วนกรณีของซากทารก 2,002 ศพจะเผาหรือฝังนั้น รอให้สถาบันนิติเวชดำเนินการชันสูตรศพให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งยังมีเวลาในการพิจารณา ประกอบกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แจ้งมาว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้ทั้ง 2 อย่างจนกว่านิติเวชจะตรวจสอบเรียบร้อยก่อน

น.พ.สุทธิพงศ์ แซ่เจ็ง ผู้อำนวยการสำนักอนามัยเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กล่าวว่า จากการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับการเจริญพันธุ์ของเด็กไทยในปัจจุบันพบว่า เด็กชายเริ่มมีความรู้สึกทางเพศ หรือเริ่ม "ฝันเปียก" เมื่ออายุเพียง 9-10 ปี ขณะที่เด็กหญิงเริ่มมีประจำเดือนเมื่ออายุ 11-12 ปี และมีแนวโน้มที่อายุจะลดน้อยลงอีก ซึ่งมีผลมาจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป เด็กเริ่มเรียนรู้ทางเพศได้เร็วขึ้น หากไม่มีการป้องกันโอกาสท้องในวัยรุ่นก็จะมีมากขึ้น

"จากการสำรวจเด็กผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกบอกว่าผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยใช้ถุงยางอนามัยเพียง 30% ดังนั้น หากจะมีเพศสัมพันธ์ฝ่ายหญิงก็จะต้องรู้จักต่อรองให้ผู้ชายใช้ถุงยางอนามัย เพื่อป้องกันการตั้งท้องและป้องกันการติดเชื้อ และที่สำคัญก็คือครอบครัวต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีมีการพูดคุยปัญหา สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นภายในครอบครัว" น.พ.สุทธิพงศ์กล่าว

นายอำนวย วิไลลักษณ์ อดีต ผอ.ร.ร.สรวงสุทธาวิทยา จ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาโรงเรียนของตนได้ช่วยให้เด็กที่ตั้งท้องขึ้นมาได้มีโอกาสเรียนต่อ โดยการให้เด็กเรียนอยู่ที่บ้าน แล้วให้เพื่อนๆ ช่วยไปติว เมื่อถึงเวลาก็มาสอบ วิธีนี้จะทำให้เด็กเรียนจบไปพร้อมกับเพื่อนได้ หากไม่ทำเช่นนี้เมื่อเด็กท้องไม่พร้อมจะมีผลทางด้านจิตใจหลายอย่างตามมา หนึ่งในนั้นคือ เด็กต้องลาออกจากโรงเรียน เพราะสภาพสังคมในโรงเรียนไม่ยอมรับ เพราะฉะนั้นโรงเรียนต้องเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ เราต้องมองว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครตั้งใจ

น.พ.อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้หลายหน่วยงานได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ทั้งกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งภาคประชาสังคม ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ และถือว่าเป็นวาระแห่งชาติ

"ที่สำคัญเมื่อเกิดเหตุไปแล้วเราต้องไม่เผลอไปประณามผู้หญิง เพราะเป็นผู้ตกเป็นเหยื่อของสังคม เพราะฉะนั้นทางแก้ปัญหาหากแก้โดยกลไกรัฐบาลอย่างเดียวจะไม่มีทางสำเร็จได้เลย แต่ต้องมีองค์กรอย่างสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ และเครือข่ายหลายหน่วยงานร่วมกันผลักดัน ซึ่งในระหว่างวันที่ 15-17 ธ.ค.นี้จะมีการนำเสนอปัญหาการตั้งท้องที่ไม่พร้อมเข้าสู่การประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เมื่อที่ประชุมมีมติออกมาเป็นอย่างไรแล้วก็จะนำเสนอต่อคณะกรรมการ สุขภาพแห่งชาติ เพื่อเสนอเรื่องเข้าสู่ ครม.ให้ความเห็นชอบ แล้วให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติเพื่อให้เห็นผลต่อไป" น.พ.อำพลกล่าว

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะหารือร่วมกับกรมสุขภาพจิต เพิ่มคำแนะนำเรื่องของการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ในสายด่วน 1323 ให้กับผู้ที่มาใช้บริการ เนื่องจากพบว่าหลังเกิดกรณีพบซากทารกที่วัดไผ่เงินโชตนาราม 2,002 ศพ และการจับยาทำแท้งเถื่อนจำนวนมาก ทำให้มีผู้หญิง บางส่วนที่เคยผ่านประสบการณ์ทำแท้งโทร.มาขอรับคำแนะนำ


&#039�շ�á&#039�ԧ����ѹ! : ����ʴ�͹�Ź�==

 

****เชื่อและศรัทธา...ควรทำดีเพื่อส่งผลให้เกิดจริง...****

http//www.modtaro.com

 

อ่านแล้วตลก ตลกคนนะ ไม่ใช่ตลกผี อีกหน่อยคงสิงกันรายชั่วโมง

สังคมไทยเป็นแบบนี้ เกิดจากคนที่มีราคะแต่ขาดความรับผิดชอบทั้งนั้น

 

ตอนยังไม่เจอศพ ทำไมคนแถวไม่มีอาการผีเข้า หรือไม่มีข่าว น่าแปลก

 

คิดเหมือนกันเลย หรือว่าฝาผนังปิดบังผีเด็กไว้
หนักขึ้นทุกวันน่ะคนเรา

 

ก็ว่ากันไป ............ตอนยังไม่เจอก็ไม่เข้า

 

ถ้าจะพูดประโยคเดิม....จะเป็นอะไรไม.....

คือผมก็คิดนะ.....ตอนไม่เจอมันไม่เข้านิ.....แปลก....

 

เข้ามากินกันในวัดอีกรายแล้วสินะ พวกหลอกลวเต็มวัดไม่ละอายใจกนบ้างหรือ

 

ผมก็คิดว่า ตอนยังไม่เจอก็ไม่เห็น เป็นไรนะครับ

แต่ คิดไปเรื่อย ตอนยังไม่เจออาจจะโดนคาถาหรืออะไรสักอย่างผนึกไว้ก็ได้

 

เล่นสิงรายวันแบบนี้ผมกลัว ไม่กล้าผ่านไปแถวนั้นเลย เดี๋ยวมาสิงผมเข้าคงทุเรศน่าดู แก่แล้วด้วย สิงแล้วมาร้อง หนูอยากกลับบ้าน ๆ แล้วตอนมาทำไมมาถูกล่ะ55555

 

สลับไปสลับมา...เอ๋ยยยสิงไปสิงมาอยู่ได้ น่ากลัวๆๆ55555(โหสิๆๆๆนะร่างทรงทั้งหลาย)

 

​

ตำนานท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัณ) เจ้าหรือนาย แห่งภูตผีปีศาจ

ถ้าหากจะพูดถึง "เจ้า" หรือ "นาย" แห่งภูตผีปีศาจทั้งหลายแล้ว เรามักจะเอ่ยนาม "ท้าวเวสสุวัณ" หรือที่พราหมณ์เรียกกันว่า "ท้าวกุเวร" และทางพุทธเรียก "ท้าวไพสพ" ซึ่งสถิตอยู่ในสวรรค์ชั้นล่างสุดของฉกามาพจร ชื่อสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกาภูมิ
รูปร่างหน้าตาของท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัณ) จะเป็นที่คุ้นเคยในบ้านเราเป็นอย่างดี คือ เป็นรูปยักษ์ถือตะบองขนาดใหญ่ ด้วยท่านเป็นเจ้าแห่งอสูร รากษส และภูตผีปีศาจ คนโบราณจึงมักทำรูปท้าวเวสสุวัณ แขวนไว้เหนือเปลเด็กอ่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ภูตผีปีศาจมารบกวนเด็กเล็ก และนิยมทำผ้ายันต์รูปท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัณ) หรือจำหลักเป็นด้ามของมีดหมอที่สัปเหร่อใช้กำราบวิญญาณ เนื่องจากสมัยก่อนเวลาเผาศพก็ยกขึ้นกองฟอนแล้วใส่ไฟเผา พอร้อนเข้าเส้นเอ็นก็ยึดถึงขนาดลุกขึ้นนั่ง สัปเหร่อเลยต้องใช้มีดกรีดตามเส้นเอ็นก่อน ทีนี้พอยกขึ้นเผาศพก็จะไม่กระดุกกระดิก เลยเป็นความเชื่อว่ามีดหมอจำหลักรูปท้าวเวสสุวัณสามารถปราบผีได้

คติความเชื่อแบบไตรภูมิ เชื่อว่ามีท้าวโลกบาลประจำอยู่ 4 ทิศ จึงนิยมจำหลักอยู่ตามบานประตูโบสถ์ วิหาร เรียกว่า "ทวารบาล" หมายถึง ผู้ดูแลประตู บางครั้งพบทวารบาลบางแห่งเป็นแบบจีน แทนที่จะเป็นรูปเทวดาแบบไทยถือพระขรรค์ กลับเป็นเทวดาจีนคล้ายตัวงิ้ว ถือ หอก ดาบ หรือง้าว เหยียบอยู่บนสิงโตจีน เราเรียกว่า "เสี้ยวกาง" หรือ "เซี่ยวกาง" เข้าใจว่าเป็นอิทธิพลของจีนที่เข้ามาสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่ หัว รัชกาลที่ 3 เนื่องจากพระองค์นิยมงานศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบจีน

 

มุสาวาทา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

 

ผีเด็กอายุไม่ถึงขวบ พูดได้ด้วยเหรอครับ

 

สิงกันเข้าไปผลประโยชน์มันเข้าใครออกใคร55555

 

อย่างงี้ต้องใช้วิธีของหลวงพ่อชาครับผม ท่านให้คนขุดดินเป็นหลุมแล้ว นำคนที่ผีเข้าไปไว้ในหลุม แล้วนำน้ำร้อนมา บอกว่าผีออกหรือยัง ผีหนีหมด ปรากฏว่าไม่มีผีตนไหนสิงอีกเลย วิธีนี้จัดการพวก 18 มงกฏดีนัก

 

อย่าสิงอย่างเดียว มาบอกหวยมั่งก็ดี หุหุ

 

ขอดวงวิญญานทารกทั้งหลายเหล่านั้น จงเป็นสุขเป็นสุขเกิด

 

คนเรานี่นะ แตกตื่นไม่เข้าเรื่อง พอไม่เจอศพก็ไม่มีคนถูกผีเข้า พอเจอหละผีเข้ากันเป็นว่าเล่น ถ้าผีเข้าอีกคงต้องให้จิตแพทย์มาสวดไล่แล้วหละ

 

เข้าสิงจริงหรือไม่จริงไม่รู้ รู้แต่ว่า การทำแท้งมันบาปมากเลยนะ สงสารเด็กๆ พวกนี้จิงเลย