พลังงูไฟ( กุลฑณี )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 1111, 9 มีนาคม 2005.

  1. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ลืมบอกไปครับ หลังจากที่พลังนี้ตื่นขึ้นแล้วท่านจะได้พบกับคุรุทางจิตวิญญาณ ก็ขอให้คุยกันครับค่อยๆคุยกันไปสื่อสารกันไปบางทีท่านอาจจะมาภาษาที่เราไม่เข้าใจก็ลองถามไปทางจิตหรือทางความคิดนะครับ ถึงจุดนี้ก็คุรุของใครของเขา
    ส่วนของผมก็มาภาษากูลโบส ภาษาทิเบตเก่าเลยละครับ เล่นงงอยู่หลายวัน ท่านก็บอกเรื่องจิตวิญญาณว่า ให้ไปเรียนรู้จากอาจารย์ปริญญา ตันสกุล ท่านสอนไว้หมดแล้ว
    นอกนั้นก็มีอีกหลายอย่างมากมายที่ท่านมาบอกมากล่าว ทั้งคุยกะเราทั้งคุยกะเหล่าเทพเทวา วิญญาณอื่นๆมากมาย เราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่
     
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    โอ..ขอบคุณมากครับ เชื่อว่าหลายท่านก็คงได้ประโยชน์เช่นกัน
    ไอ้เดินพลังทั้ง 7 จักระนี่ ผมก็พอทำได้มาหลายปีแล้วหละครับ
    เพราะเคยเรียนทั้งวิชาพลังกายทิพย์กับคุณย่าเยาวเรศมา
    รวมถึงได้เรียนวิชาพลังยูเรอัสจากอาจารย์กิติชัยมาด้วย ก็เลยทำมาตลอด

    ตอนนี้ร่างกายแข็งแรงกว่าเมื่อหลายปีก่อนมาก แทบจะเรียกได้ว่า
    แข็งแรงขึ้น 100% ก็ว่าได้ เพราะความเจ็บไข้ได้ป่วยมันหายไปเยอะมากๆ
    แต่ก่อนขี้โรคตลอด ตอนนี้ก็เหลือแต่ว่าจะนำวิชาที่ได้เรียนมาพวกนี้มาต่อยอด
    หรือทำให้ก้าวหน้าด้วยวิธีการไหนเท่านั้นเองครับ..เดาเอานะครับ

    เพราะไม่มีคนสอนหนะครับ

    สุดท้ายขออีกคำถามหนึ่งนะครับ แล้วไอ้เจ้า "ศรีจักรา" นี่มันเป็นยังไงหละครับ
    พอมีรูปให้ดูบ้างไหมครับ??

    .....................................................
     
  3. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
  4. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    จะเขียน แต่จะเขียนยังงัย ผู้ถามไม่มี ผู้ที่จะตอบก็เลยไม่มีคำตอบ แฮะๆๆๆๆๆๆ
    เป็นยังงัยกันบ้างละครับ ไปถึงไหนกันแล้ว อย่าหลุดโลกละครับ ยิ่งทุกวันนี้ มีอะไรๆประหลาดๆโผล่มาเยอะแยะ
     
  5. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เพิ่งฝึกได้ 3 วันเองครับ ยังไม่ได้อะไรเลยครับ

    สงสัยอยู่ว่า พอเริ่มนั่ง แล้วกำหนดไล่จักระครับทั้ง 7 แล้ว
    ต้องทำยังไงต่อนะครับ ใช่กำหนดที่จักระที่ 1 หรือเปล่าครับ

    แล้วต้องจินตนาการว่ามีพลังหรือแสงพุ่งลงมาหมุนควงสว่าน
    จากศรีษะลงไปตลอดลำตัวถึงก้นกบหรือเปล่าครับ

    .................................................
     
  6. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537
    คนเราแต่ละคน จะต้องเกี่ยวข้องกับ
    พลังกุณฑลิณี...ไม่ช้าก็เร็ว..
     
  7. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    หมุนจากข้างล่างขึ้นมา ครับ หายใจเข้าลึกๆ กำนดพลังจากจักระ 1 ให้วิ่งขึ้นมาครับ กั้นลมหายใจไว้จนทนไม่ได้ละครับ
     
  8. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เดี๋ยวขอลองก่อนนะครับ
    แล้วค่อยถามต่อครับ

    ขอบคุณนะครับที่แนะนำ

    ........................
     
  9. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    หายใจเข้าลึกๆดึงความรู้สึกจากก้นกบขึ้นมา หายใจออกปล่อยวาง
    หายใจเข้าลึกๆดึงความรู้สึกจากก้นกบขึ้นมา หายใจออกปล่อยวาง
    หายใจเข้าลึกๆดึงความรู้สึกจากก้นกบขึ้นมา หายใจออกปล่อยวาง
    เร่งเข้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    ทำความรู้สึกว่ากำลังเพลิดเพลิน กำหลังเล่นอยู่เอาความเป็นเด็กออกมา
     
  10. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เมื่อวานนี้ร้อนที่จักระที่ 1 มากเลยครับ
    แต่มันมาร้อนเอาช่วงท้ายๆที่นั่งมาเบื่อแล้ว
    เลยไม่ได้อะไรเลย

    ปกติมันจะต้องร้อนขนาดไหน และต้องร้อนก่อนหรือเปล่า
    ถึงจะเริ่มหายใจเข้าลึกๆแล้วดึงความรู้สึกจากก้นกบขึ้นมา

    แล้วพอทำอย่างนั้นแล้ว มันจะรู้สึกเลยไหมครับ
    ว่ามันขึ้นมาแล้วหรือยัง

    ........................................
     
  11. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    ของจริงเขาไม่มีเจตนาน้อมนึกให้อะไรเคลื่อนไปไหนหรอกครับ ส่วนใหญ่ที่เข้าใจกันมันเพี้ยนจากของเดิม
    ของจริงทุกอย่างจะเป็นไปเอง เป็นสมาธิที่ไม่กดทับเป็นการละนิวรณ์ ๕ ไม่ใช่เพ่งนิมิตอะไรมากดทับ นั่งสบาย ๆ ยอมรับทุกสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นโดยไม่ยินดียินร้าย สติรู้ต่อเนื่องแต่ไม่เข้าไปพัวพันไม่เพ่งได้แต่สักแต่ว่ารู้เฉย ๆ ,สภาวะธรรมที่เกิดขึ้นจะไม่เหมือนสมาธิแบบเพ่ง แต่จะเป็นการเห็นความจริงของสภาวะจิตที่เป็นไปเอง(เมื่อเฝ้าดูเฉย ๆ ต่อเนื่อง)
    สภาวะเป็นอย่างไรต้องทำเหตุให้ตรง แล้วผลที่ตามมาก็จะเกิดเองเหมือนกันหมด ไม่แตกต่างกันเหมือนสมาธิแบบเพ่ง(เพราะเป็นสัจจะธรรม เป็นธรรมดาของสภาวะจิตสภาวะสมาธิของทุกสรรพจิตสรรพชีวิต)
    แต่มันยากเพราะเราเคยชินที่จะพลักอารมณ์ที่ไม่พึงประสงค์(นิวรณ์ ๕)และแสวงหาอารมณ์ที่พึงประสงค์(ความตั้งมั่น)อยู่ตลอดเวลา เลยไม่เจอของจริงกัน
     
  12. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ขอให้ร้อนครับและดึงขึ้นมาเลย ไม่ต้องสนใจว่าร้อนมากร้อนน้อยๆครับ
    ถ้าดึงจาก 1 จะร้อนนะครับแต่พยายามดึงจาก2หรือที่ก้นกบด้วยนะครับเพราะจะเป็นพลังเย็นครับ เพื่อความปลอดภัยนะครับ
    ท่องมนต์บทที่เราชอบหรือจะบทบูชาพระผู้เป็นเจ้าด้วยนะครับครับแล้วแต่เรา เช่น
    โอม นะมัส ศิวะ
    โอม กฤษณะ นะมะฮา
    โอม นารายณา นะมะฮา
    โอม.....

    เพื่อให้ท่านมารับรู้ ช่วยฝึกช่วยสอนอีกที บทสั้นๆครับ


    แล้วแต่เรานะครับ
     
  13. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    อันนี้เขากำลังฝึกการเพิ่มพลังให้ตนเองละท่าน เพื่อเข้าสู่การประสานเป็นหนึ่งเดียวกับพระผู้เป็นเจ้า นะฮับ
    ที่ท่านเขียนมานั้นเป็นการนั่งเพื่อสบายๆๆๆ หาสติให้ตนเอง ไม่หลง ไม่ข้องเกี่ยวขึ้นสู่ขั้นสูงๆๆๆ ต่อไป ไม่ต้องทำอะไร ไม่เอาอะไรอีกแล้ว ฉันวางหมดละ อะไรทำนองนั้นละครับ
     
  14. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    แง่มุมของจักระที่สัมพันธ์กับระดับสมาธิจิต

    [​IMG]

    มิติแห่งจิต
    ........จักระ จักระคือศูนย์รวมของพลังงานภายในร่างกายของมนุษย์ ซึ่งเป็นศูนย์พลังอันละเอียดอ่อนที่โีดยทั่วไปจะไม่สามารถสัมผัสได้ มนุษย์ มีจักระจำนวนมากมายอยูู่ภายในร่างกาย จักระที่สำคัญของมนุษย์เ์รานั้น มีอยู่ด้วยกัน ๗ ตำแหน่ง จักระในแต่ละตำแหน่งจะดูแลและควบคุมการทำงานของอวัยวะส่วนต่างๆ ภายในร่างกายของคนเราให้ทำงานเป็นปกติ

    ........ร่างกายของคนเราถูก ควบคุมด้วยต่อมต่า่งๆ ที่เีรียกว่า ต่อม ไร้ท่อ โดยต่อมไร้ท่อจะส่งสารทางเคมีที่เรียกว่า ฮอร์โมน ไปสู่กระแสเลือดและน้ำเหลืองโดยไม่ต้องผ่านท่อส่งสารฮอร์โมนมีความสำคัญต่อ การทำงานของร่างกายเป็นอย่างมาก เช่นระบบการเจริญเติบโต การย่อยอาหาร ระดับพลังงานภายในร่างกาย เรื่องทางเพศ รวมถึงการรักษาระดับน้ำและของเหลวในร่างกายอีกด้วย ต่อมต่างๆ เหล่านี้มีความสัมพันธ์กับจักระทั้ง ๗ หรือศูนย์รวมระบบประสาทหรือพลังงานทางจิตซึ่งมีอยู่ ๗ แห่งในร่างกาย

    สภาวธรรมระดับอัปปนาสมาธิ
    องค์ความรู้ฝ่า่ยมหายาน จักระ โยคะศาสตร์ให้ความสำคัญกับ จุดจักระต่างๆ บนเรือนกาย
    องค์ความรู้ฝ่ายเถรวาท ให้ความสำคัญกับองค์ประกอบของ จิต(เจตสิก)
    ตามหลักสภาวธรรม กายและจิตมีความ สัมพันธ์กันทุกระดับ จากระดับหยาบสู่สภาวะละเอียด


    บทนำก่อนเข้าสู่ภาคปฏิบัติ

    สัจจะอันเป็นองค์รวม
    ........องค์ความรู้เรื่องพลังของจิตใน ระดับต่างๆ เช่น พลังจักรวาล พลังกุณฑาลินี พลังแห่งจักระ สหจะโยคะ ราชาโยคะฯ พึงทราบว่าโดยสภาวะนั้นเป็นการพูดถึงสิ่งเดียวกันคือเรื่อง สมาธิจิต ต่อมายุคหลังๆ การฝึกจิตเข้าสู่สมาธิระดับต่างๆ มีการคลาดเคลื่อนจากหลักแห่งความเป็นจริงไปบ้าง เช่นนึกอยากจะเข้าสมาธิระดับใดก็เข้าได้เลยโดยไม่ต้องผ่านสมาธิระดับต้นๆ ซึ่งตามหลักสภาวธรรมแล้ว เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

    ........หลักการ อุบายวิธียกระดับจิตตามราชาโยคะ พลังจักรวาล สหจะ โยคะฯ ในยุคหลังๆ ขาดความรู้อันเป็นหลักใหญ่ (องค์ประกอบของจิต -เจตสิก)จึงทำให้สภาวธรรมอันเป็นผลที่พึงได้รับไม่สมบูรณ์เหมือนยุคสมัยต้นๆ ของการค้นพบศาสตร์นี้

    ........มิติมุมมององค์ความรู้ในพุทธ ศาสตร์เรียกระดับชั้นของพลังจิตที่อยู่ในระดับสมาธิขั้นสูงนั้นว่า ฌานจิต องค์ความรู้ระดับฌานจิตเป็นองค์ความรู้ที่มีมาก่อนพุทธกาล พระพุทธองค์ก่อนตรัสรู้ก็ทรงศึกษาและสำเร็จ วิชาฌานจิต ทั้งแปดระดับ ลำพังความรู้ระดับฌานจิตนั้นไม่สามารถ ไปถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ พระพุทธองค์ทรงทราบชัดว่าตราบใดที่กระแสแห่งการเกิดดับของขันธ์ยังเกิด - ดับ สืบ ต่อเนื่องกันอยู่นั่นคือ ภาวะความสืบต่อแห่งทุกข์ยังไม่สิ้นสุด! สภาวธรรมระดับอรูปฌานที่สี่คือ เนวสัญญานาสัญญายตนะ ขันธ์เกือบจะดับสนิท อย่แล้ว แต่เ่พราะยังมีเีชื้อ ตัณหาอุปาทานอยู่ สันตติแห่งการเกิด - ดับของขันธ์ จึงไม่ดับสนิท ไม่ดับสิ้นสุดลง! พระพุทธองค์จึงทรงปลีกออกไปโดยลำพังเพื่อแสวงหาองค์ความรู้ที่ สูงกว่าที่สุด พระองค์ท่านก็ได้ทรงค้นพบด้วยความสามารถของพระองค์เองนั่นคือ วิปัสสนา

    ........สิ่งหนึ่งที่ผู้ศึกษาวิชาความ รู้ในพุทธศาสนาไม่ควรมองข้ามก็คือ พระ พุทธองค์ทรงตรัสสรรเสริญองค์ความรู้ระดับฌานจิตว่าเป็นส่วนหนึ่งของอัฏฐัง คิกมัคค์ คือเป็นองค์ประกอบหนึ่งในแปดขององค์ความรู้ที่จะนำไปสู่ ความพ้นทุกข์......ด้วยบารมีธรรมแห่งโพธิญาณของเจ้าชายสิทธัตถะ ถึงวาระให้ผลเต็มรอบ สภาวธรรม ๗ ประการปรากฏขึ้น แวดล้อม เกื้อหนุน สมาธิระดับสามัญยกระดับขึ้นสู่ภาวะ สัมมาสมาธิ อันเป็นบาทฐานแห่งวิชชา ๓ ในรัตติกาลแห่งการตรัสรู้

    อริยสัมมาสมาธิ
    ........ภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดง อริยสัมมาสมาธิ ที่มี ที่ตั้งอาศัย ที่มีบริขาร เธอจงฟังซึ่งธรรมนั้น จงทำในใจให้สำเร็จประโยชน์ เราจักกล่าว ภิก ษุทั้งหลาย อริยสัม มาสมาธิที่มี ที่ตั้งอาศัยที่มี บริขารเป็นอย่างไรเล่า ภิก ษุทั้งหลาย องค์มรรคเหล่านี้คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติเหล่าใด อันเป็นองค์๗ ประการ ที่แวดล้อมเอกัคคตาจิต อยู่เอกัคคตาจิต ชนิด นี้ เราเรีย กว่าอริยสัมมาสมาธิ ที่มีที่ตั้งอาศัยดังนี้บ้าง ที่มีบริขารดังนี้บ้าง
    ม.อุปริ. 14/136/184 มหาจัตตารีสกสูตร
     
  15. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    [​IMG]

    วงโคจรการวนรอบของจิตในสังสารวัฏ
    ........พลังงานทุกหน่วยในโลกและ จักรวาล เคลื่อนที่ไีปในลักษณะวงกลมตามวงจรอันเป็น ระบบจิต เป็น สภาวธรรมที่เีคลื่อนที่เีกิด - ดับ สืบเนื่องกันตลอดเวลาและกลุ่มพลังงานที่เีกิดจากกระแสแห่งความสืบต่อนี้ ก็เ็คลื่อนไปตามวงโคจรของวัฏฏะแห่งภพ จิตที่ปรากฏเกิด - ดับ จะมีองค์ประกอบ(เจตสิก) เกิดร่วมด้วยทุกครั้ง เมื่อองค์ประกอบระดับหยาบๆ ดับไป จิตก็เคลื่อนสู่สภาวะที่ละเอียดขึ้นๆ จากกามภูมิสู่รูปภูมิ สู่อรูปภูมิตามลำดับ และวนกลับมาที่กามภูมิตามวงโคจรของจิตในสังสารวัฏ

    [​IMG]
    สรุป การที่จิตจะเข้าสู่สภาวะระดับต่างๆ ที่ละเอียดสูงขึ้นๆ องค์ประกอบของจิต (เจตสิก) ต้องดับไปก่อนจึงสามารถเคลื่อนสู่สภาวะนั้นๆได้ หากองค์ประกอบยังไม่ดับ แม้จะสร้างเจตจำนงยกจิตขึ้นสู่จักระระดับต่างๆ พึงทราบว่านั่นเป็นเพียงลักษณะของความคิด นึกเท่า่นั้น จิต ยังอยู่ระดับเดิม (กามภูมิ) หาได้เ้คลื่อนสู่ระดับที่สูงไม่
     
  16. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    การปลุกพลังงูไฟนี้ เพื่อการเป็นหนึ่งเดียวกับพระผู้เป็นเจ้า ร่างกายประสานกับพลังจากจักวาล
    [​IMG]

    เพื่อการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง อันไหนไม่ถูก พระผู้เป็นเจ้าจะช่อยเตือนช่วยระวังมาบอกมาเตือน ท่านต้องการคุยกะท่านใดก็อารธนามาเถิด ถ้าท่านยังอยู่ในจักรวาลนี้นะ
    สงสัยต้องเขียนบทยาวละมั่ง ว่าจะได้อะไรมั่ง
     
  17. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    ฐานความรู้โดยย่อ เรื่อง จักระ

    .......จุดเริ่มต้นความมนุษย์มาจากธาตุ ละเอียด เป็นแสงสว่างที่มีจิตสำนึกรู้ อาศัยแสงสว่างจากแสงในจักรวาลเป็นพลังงานปราณผ่านจักระทั้ง๗ ฐาน เสพปีติทางใจเป็นอาหาร มีอายุขัยที่ยืนยาวนับหมื่นปีผ่านการเรียนรู้วิฒนาการของจักรวาลไปพร้อมๆกัน

    .......เมื่อความรู้สึกจิตสำนึกในสิ่ง ต่างๆ เริ่มหยาบลงจากการเสพสิ่งที่หยาบลงๆเป็นอาหาร จากง้วนดิน(ของเหลวคล้ายเนยใส) สู่แป้ง เนื้อสัตว์ ที่เป็นธาตุหยาบขึ้น ร่างกายที่อาศัยจึงมีวิวัฒนการหยาบลง
    .......ร่างกายที่หยาบในส่วนรูปลักษณ์ (physical) แต่ในส่วนที่ละเอียด(mental) ด้านจักระทำงานยังเหมือนเดิม พลังปีติทางใจจากการปฏิสัมพันธ์ในเชิงบวกกับเพื่อนมนุษย์ที่มอบความรักและ เมตตาให้แก่กันยังคงมีอยู่เป็นสากล
    ....... ร่างกายที่หยาบขึ้น อายุเซลล์(cell) จึงสั้นตามลงไป ปัจจุบันนี้มนุษย์หนึ่งรอบอายุขัยนึง จึงอยู่ประมาณ ๑๒๐ ปีโดยประมาณ

    [​IMG]

    .......ตามภาษาอินเดีย ชื่อจักระทั้ง ๗ นี้ได้แก่ มูลธาระ สวาธิษฐาน มณีปุระ อนาหตะ วิสุทธะ อาชญะ สหัสราร และมี กุณฑาลินี ไหลเวียน โลดแล่นเป็นพลังให้แก่ชีวิตจิตวิญญาณทุกคน.......เรื่อง จักระดังกล่าว มนุษย์ทุกมุมโลกล้วนค้นพบสภาวธรรมที่เป็นประสบการณ์ตรงเชิงประจักษ์ มาตั้งแต่โบราณกาล ชื่อเรียกดังกล่าวนั้นจึงมีชื่อเรียกต่างๆกันไป ตามภาษาจีน ,ภาษาอังกฤษ สันสกฤตฯลฯ จุดจักระนั้นแม้ชื่อเรียกต่างกันแต่ก็เป็นจุดเดียวกันคุณลักษณะ ไม่แตกต่างกันจากการสัมผัสภาวะ

    [​IMG]

    Emotional แสงออร่า มีสีพื้นของแต่ละคน และมีส่วนที่เปลี่ยนแปลงตามระดับอารมณ์

    SoulAxis แกนหรือช่องมิติของจิตวิญญาณ ต้นไม้แห่งชีวิตจิตวิญญาณ ที่มีกระบวนการพัฒนา

    จากภาพ ในส่วนแรก คือ Physical Body ของร่างกายมนุษย์ ต้องการอาหาร ๕ หมู่เป็นอย่างน้อยเพื่อนำมาหล่อเลี้ยงร่างกายให้ดำรงอยู่ได้ตามธรรมชาติ จากอาหารชนิดหยาบที่อาศัยการเคี้ยว ไปจนถึงอาหารชนิดละเอียดที่เล็กระดับ nano เพื่อให้ร่างกายได้ซึมซับสิ่งที่มีคุณค่าต่อร่างกาย

    ...... ในส่วนที่สอง จักระส่วนต่างๆบนเรือนกายจะทำหน้าที่รับพลังงาน ในส่วนละเอียด ซึมซับพลังงานในธรรมชาติ หรือพลังงานจักรวาล สิ่งที่มีคุณค่าต่อร่างกาย โดยที่ภาพรวมคลื่นสั่นสะเทือนของการทำงานของจักระ+ สุขภาพ+อารมณ์ และธาตุรู้ี่ดำรงอยู่ทุกเซลล์ของมนุษย์แต่ละคน จะบ่งบอกออกมาทางรังสีของออร่า ที่ปรากฏออกมาเป็นคุณภาพความเข้มในเฉดสีต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์ มีเครื่องมือเพื่อถ่ายภาพสีออร่าของแต่ละคนเช่นกัน เรียกว่า กล้องออร่า

    ......ในส่วนที่สาม Soul Axis ท่อนแกนเส้นทางของจิตวิญญาณ ที่ผ่านการฟูมฟักจากสมาธิภาวนา ผ่านระเบียบวินัยในการฝึกฝนอย่างจริงจังต่อเนื่อง จนทุกจักระพลังงานสำนึกรู้ของจิตวิญญาณ ธาตุทุกจุดเชื่อมถึงกันอย่างสมดุลย์กันเปิดฟ้าเปิดดิน ผ่านขึ้นไปเบื้องบนประสานจิตวิญญาณสากล ส่วนนี้โบราณเรียกว่า ต้นไม้แห่งชีวิต(Tree Of Life) หรือเสาแกนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งจักรวาล (Axis Of Cosmic) คนโบราณถือว่าจิตวิญญาณและีชีวิตเป็นเรื่องเดียวกัน

    ..............................


    เนื้อหาที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม:

    กฏจักรวาล ธรรมชาติรังสรรค์จิตวิญญาณ
    ธรรมศาลา :: อ่าน - กฏจักรวาล ธรรมชาติรังสรรค์จิตวิญญาณ

    Green Zone
    GreenZone ....คลื่นบำบัด พลังจักรวาล Cosmic Energy~ NEW AGE
    _________________
     
  18. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    บทนำก่อนเข้าสู่ภาคปฏิบัติ

    สัจจะอันเป็นองค์รวม
    ........องค์ ความรู้เรื่องพลังของจิตใน ระดับต่างๆ เช่น พลังจักรวาล พลังกุณฑาลินี พลังแห่งจักระ สหจะโยคะ ราชาโยคะฯ พึงทราบว่าโดยสภาวะนั้นเป็นการพูดถึงสิ่งเดียวกันคือเรื่อง สมาธิจิต ต่อมายุคหลังๆ การฝึกจิตเข้าสู่สมาธิระดับต่างๆ มีการคลาดเคลื่อนจากหลักแห่งความเป็นจริงไปบ้าง เช่นนึกอยากจะเข้าสมาธิระดับใดก็เข้าได้เลยโดยไม่ต้องผ่านสมาธิระดับต้นๆ ซึ่งตามหลักสภาวธรรมแล้ว เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

    ........หลักการ อุบายวิธียกระดับจิตตามราชาโยคะ พลังจักรวาล สหจะ โยคะฯ ในยุคหลังๆ ขาดความรู้อันเป็นหลักใหญ่ (องค์ประกอบของจิต -เจตสิก)จึงทำให้สภาวธรรมอันเป็นผลที่พึงได้รับไม่สมบูรณ์เหมือนยุคสมัยต้นๆ ของการค้นพบศาสตร์นี้

    ตรงนี้ละที่จะมาเติมเต็มให้คราบๆๆๆๆๆ

     
  19. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ที่มันขาดหายไปเพราะ ช่วงหลังๆ ไม่มีใครฝึกได้ถึง ไม่มีใครจะมาบอกกล่าวได้เพราะ ไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไร บางท่านเมื่อพลังมันตื่นขึ้นมาแล้ว
    มันจะวางทุกอย่าง ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น หนีเข้าป่าอย่างเดียว มันมีเยอะมากตอนนี้ คนที่เป็นบ้าก็เยอะเห็นทั่งประเทศเลย เห็นมาเยอะธาตุไฟแตก เสียสติ ไปหาคนทรงเจ้า ไปให้พระรดน้ำมนต์ยังงัยก็ไม่หาย นอกจากต้องรวมพลังให้เขา แล้วพวกคนทรง พวกพระ ก็หาว่าผีเข้าไม่ยอมออก มากมายๆๆๆๆๆ
     
  20. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ยกตัวอย่าง อาจารย์ที่ท่านพลังตัวนี้ พุ่งขึ้นที่ยังกลับมาช่วยคนได้ ก็หลวงปู่เณรคำ วัดป่าคำไฮ นครพนม นั้นก็เป็น้บา อยู่ 3 ปี โน่น
     

แชร์หน้านี้

Loading...