บำเพ็ญบารมี แค่คิดก็ผิดแล้ว

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย moshininja, 5 ธันวาคม 2010.

  1. moshininja

    moshininja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +103
    อาจจะจั่วหัวข้อไว้แรงไปหน่อย จริงๆ แค่จะมาเล่าสู่กันฟังเฉยๆ น่ะครับ

    หลายๆ คนอาจจะไม่เคยสังเกตนะครับ แต่หลังจากผมหมั่นทำบุญสวดมนต์ภาวนาก็ทำให้รู้สึกเหมือนมีเวลาพิจารณาตัวเองมากขึ้น
    ที่บอกว่า แค่คิดก็ผิดแล้ว นั้นเป็นเรื่องจริงๆ เลยล่ะครับ บางครั้งคนเราคงเผลอคิดว่า บาปถ้ายังไม่ได้ทำมันก็ไม่บาป เมื่อก่อนผมก็คิดแบบนี้แหละครับ แต่พอมาถึงตอนนี้ รู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้วล่ะสิ.....

    ยังไงน่ะเหรอ ผมขอยกตัวอย่างเรื่องของตัวเองสองเรื่องเลยล่ะกัน มันทำให้ผมซึ้งเลยจริง ๆ
    เรื่องแรกนั้นเกิดขึ้นเนื่องจากวันหนึ่ง ที่ห้องของผมเพื่อนๆ น้องๆ มาทำสุกี้หม้อใหญ่กินกัน ก็มีการยืมถ้วยบ้าง ช้อนบ้าง ส้อมบ้าง ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีแหละครับ

    แต่เรื่องของบาปมันมีอยู่ว่า เช้ามาผมก็ทยอยเอาของที่ยืมไปคืนเจ้าของจนเกือบหมด กระทั่งกลับมาถึงห้องก็เจอแก้วสวยๆ ใบหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่แก้วตัวเองแน่ ๆ วางอยู่

    ทีนี้นึกขึ้นได้ว่า อ้อ นี่มันของเจ้าเพื่อนสนิทข้างๆ ห้องเรา คำว่าคุ้นเคยกันดีมันก็ชวนคล้อยทำให้เราขี้เกียจเพราะ เหนื่อยกับการทำความสะอาดห้องมาก และคิดในใจว่าเดี๋ยวมันก็มาเอาเอง ตรงนี้แหละครับต้นเหตุของบาปได้เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

    จากวันนั้น ผมก็ลืมเจ้าแก้วใบนี้ไปเลย ผ่านไปสักระยะห้องตรงข้ามผมเขาก็จัดเลี้ยงบ้าง เขาก็มายืม แก้วเราไปรวมๆ ได้สี่ห้าใบ แถมแก้วสวยๆ ที่เราชอบ เราเก็บ เรารักทั้งนั้น น่าแปลกมาก ผมยื่นแก้วที่ตัวเองไม่ชอบให้ เขาก็ไม่เอา มาเลือกๆ หยิบๆ ไปเอง ของรักของหวงเราทั้งนั้น ในใจเราก็คิด ไม่เป็นไร คนคุ้นเคยกัน เดี๋ยวเสร็จแล้วก็เอามาคืน

    แค่นั้นแหละครับ ตั้งแต่นั้นผมก็ไม่เคยเจอคนตรงข้ามห้องอีกเลย เพราะเวลาของเราไม่ตรงกัน ผมกลับมาเขาออกไปข้างนอก ผมไปข้างนอกเขาถึงกลับมา พูดง่ายๆ ว่าเขาไม่มีโอกาสคืนของให้ผม จนกระทั่งวันหนึ่งคนตรงข้ามห้องผมก็ย้ายหอจากไป วันที่ย้ายห้องนั้น ผมก็ไม่ได้อยู่ห้องตัวเอง รู้ตัวอีกทีเขาก็หายจากไปแล้ว

    เป็นอันว่าแก้วสุดรักสุดหวงของผมได้อันตรธานหายไปนับรวมๆ รวมๆ ประมาณสามสี่ใบหรือมากกว่านั้นก็ไม่รู้แหละ และเมื่อผมรู้สึกเสียดายจนแอบด่าในใจ เจ้าแก้วที่ผมเคยลืมไปคืนเพื่อนสมัยกระนู้นก็ปรากฏตัวออกมา แค่นั้นแหละครับผมก็ซึ้งเลย เอ่อโดนซะแล้วสิเรา เดี๋ยวนี้กรรมมันเร็วเป็นจรวด.....
     
  2. moshininja

    moshininja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +103
    เรื่องที่สอง

    เรื่องที่สองเป็นทำนองเดียวกัน เกิดขึ้นสดๆ วันนี้เลย

    เรื่องมีอยู่ว่า ตอนนี้ผมฝึกงานอยู่ที่โรงซ่อมเครื่องบินของการบินไทย เช้ามาก็ไปนั่งฟังแพลนงาน แบ่งงานและพักผ่อนพูดคุยก่อนเริ่มงานจริง

    ในระหว่างนั้นเองเพื่อนก็พูดจาไม่เข้าหูผม เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แหละครับ ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ได้คิดมาก แต่เวลาเราโดนแซว โดนกระแนะกระแหนบ่อยๆ มันก็มีหมั่นไส้บ้างใช่ไหมล่ะ ไอ่เราก็เงียบๆ แล้วยังจะมายั่วมันน่านัก คิดแบบนี้ในใจจริงๆ

    พอถึงตอนทำงาน ก็ต่างคนต่างทำ ผมซ่อมอยู่จุดหนึ่ง เพื่อนก็ซ่อมอยู่อีกจุดหนึ่ง ในห้องคาร์โก้ของเครื่อง จังหวะนั้นเองเพื่อนผมก็ทำเครื่องมือบางอย่างหล่นลงไปในใต้ห้องคาร์โก้ซึ่งตอนนั้นรื้อพื้นออกจนเห็นเป็นโครง เป็นชุดเครื่องยนต์ ยุบยับไปหมด

    ไอ่เจ้าเครื่องมือพอมันได้ตกลงไปก็ยากแหละครับที่จะหาให้เจอ หรือลงไปเอา เพราะมันทั้งแคบ และมืด แถมบางจุดเป็นมุมอับ เผลอๆ อาจไปสะกิดโดนอะไรเสียอีกยิ่งไปใหญ่

    ผมก็คิดในใจ สมน้ำหน้ามัน ทำตัวเองแท้ๆ ชอบว่าชอบด่าเราดีนัก ทีนี้เราไม่ช่วยบ้างดูซิจะทำไง เพื่อนมันไม่รู้หรอกว่าผมคิดงี้ในใจ คนอื่นๆ ก็ช่วยกันหา มันก็หน้าเสียสิครับเพราะเครื่องมือแต่ละชิ้นราคาไม่ใช่น้อยๆ หายไปก็รับผิดชอบลำบาก

    ส่วนผมเองนั้นตาก็เห็นอยู่แหละว่ามันเดือดร้อนแล้ว แต่ก็เงียบและทำงานของตัวเองต่อไป แถมยังดึงงานอื่นมาทำเพิ่มอีกให้มันดูยุ่งๆ ไม่มีเวลาเข้าไว้และปล่อยคนอื่นช่วยกันหาไปเองตามยถากรรม

    ไม่นานสักพักเพื่อนผมคนนั้นมันก็หาเครื่องมือเจอ มันก็ดีใจใหญ่เลย ผมก็มองดูยิ้มๆ แล้วนึกในใจว่า อืมก็ดีแล้วแหละ ชอบว่า ชอบด่า ชอบกระแนะกระแหนเราดีนัก ให้มันรู้ซะบ้างว่า ถ้าไม่มีใครช่วย แล้วต้องทนลำบาก ทนโดนว่าอยู่คนเดียวมันรู้สึกยังไง

    เชื่อไหมครับว่าคิดแบบนั้นได้สักชั่วพริบตา นับหนึ่งไม่ถึงสามด้วยซ้ำ พอผมเอื้อมมือไปหยิบเครื่องมือชนิดเดียวกันกับที่เพื่อนทำหายไปสักครู่ เจ้าเครื่องมือชิ้นนั้นก็เด้งหลุดจากมือแล้วตกหายลงไปเหมือนกับที่เพื่อนผมทำหล่นไม่มีผิดเพี้ยน

    ทีนี้ทั้งเพื่อนพี่ทั้งหลายก็หันมาดู ผมก็หน้าเสียสิครับ เจ้าเพื่อนอีกคนเอ่ยสมทบทับทันทีเลย เอาล่ะสิมึง นั่นน่ะสามพันเลยนะ

    ต่อจากนั้นก็วุ่นวายหาของกันใหญ่จนไม่เป็นอันทำงาน ผมก็เงียบไม่รู้จะทำไง ยิ่งหาเท่าไรก็ไม่เจอ และสุดท้ายก็หาไม่เจอจนพวกพี่ๆ บอกว่าไม่เป็นไรน้อง เดี๋ยวพี่ไปช่วยพูดกับฝ่ายดูแลอุปกรณ์ให้ ไม่ต้องคิดมากไม่จำเป็นต้องชดใช้อะไรหรอก

    ผมก็ยืนยกมือไหว้ ขอโทษขอโพยอยู่คนเดียว รู้สึกเสียใจมาก เพื่อนๆ ก็ยืนดูไม่รู้จะช่วยยังไง ตอนนั้นรับหน้าคนเดียว ตระหนักเลยว่ามันรู้สึกแย่มากจริงๆ เวลาไม่มีใครช่วยเหลือเนี่ย

    มันก็รู้สึกว้าวุ่นในใจ ผมก็เลยทำแบบทุกที หาที่สงบๆ ยืนหลับตาสักพัก ท่องนะโมสามจบ คิดถึงคุณพระรัตนตรัย ขอบุญบารมีท่านช่วย คิดในใจว่าเราเป็นคนดีทำบุญมากสวดมนต์เสมอ นั่งสมาธิประจำไม่อับจน เดี๋ยวต้องมีทางแก้ ลืมตาปุ๊บ เงียบครับ ไม่มีปาฏิหาริย์อะไรเกิดขึ้นเหมือนในนิยายหรอก

    ตอนนั้นยิ่งรู้สึกแย่และเกือบจะปรามาสพระรัตนตรัยไปแล้ว แต่ก่อนจะได้คิดก็สูดหายใจลึกอีกทีหลับตา ตั้งจิตนิ่งกว่าเดิมและทำเหมือนเดิมอีกครั้ง ทีนี้มันแจ้งเลยครับ ไม่มีปาฏิหาริย์เหมือนเดิม แต่กลับมีภาพอดีตย้อนมา คือภาพตอนที่เพื่อนคนที่เราไม่ชอบกำลังกระวนกระวายใจ หาของ และเราก็เห็นภาพตัวเองยืนมองอยู่ห่างๆ โดยไม่ยื่นมือช่วย

    ลืมตามาปุ๊บ ทีนี้ซึ้งครับ บุญใด เทวดา เทพ พรหม ไหนจะช่วยเราได้ บาปกรรมนั้นใหญ่สุด ลบล้างไม่ได้ เพียงแค่คิดก็บาปแล้ว นี่คือสิ่งเดียวที่เหล่าโลกทิพย์พึงจะช่วยได้ คือการสอน เตือนสติ ซึ่งมันก็ทำให้ผมผ่อนคลายและปลงลงได้บ้าง จากนั้นก็เลยพยายามลบความรู้สึกไม่ดีกับเพื่อนๆ ให้มันน้อยลง ถึงแม้ว่าเขาเหล่านั้นจะทำตัวเหมือนเดิมอยู่ก็ตาม แต่เราคงจะไม่ต่อว่าอะไรใคร หรือสมน้ำหน้าใครอีก เพราะเรารู้แล้วเห็นแล้ว กลัวผลของบาป แม้ไม่ได้ทำ แม้ไม่ได้พูด แม้ไม่ได้ตอบโต้ เพียงอยู่เฉยๆ แต่บาปกรรมแค่คิดก็ผิดแล้ว มันน่ากลัวจริงๆ นะครับ
     
  3. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    เรื่องราวของคุณนี่ ถือว่าดีนะคะ ที่กรรมทำให้มาชดใช้กันเร็ว เพื่อจะได้ไม่ต้องติดหนี้กันไป
    แล้วมันทำให้ดิฉันคิดนะว่า ตราบใดที่ยังมีการเกิด เราจะไม่สามารถที่จะไม่ก่อกรรม ก่อหนี้เวร
    ได้เลย....
     
  4. vichian

    vichian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    8,164
    ค่าพลัง:
    +41,920
    ผมอ่านทั้ง 2 เรื่องของคุณแล้ว ไม่เห็นว่าจะเกี่ยวอะไรกับ การบำเพ็ญบารมี แค่คิดก็ผิดแล้ว สักนิด

    ประสบการณ์ทั้ง 2 เรื่องของคุณ อาจจะไม่ใช่เรื่องกรรมสนองทันตาหรือทันที ไม่ต้องรอชาติหน้า แต่อาจเป็นผลของกรรมในอดีต ที่คุณเคยทำไว้ บังเอิญมาสนองคุณในเวลานั้น กรรมที่คุณทำทั้ง 2 เรื่อง อาจจะให้ผลในภายหน้าก็ได้ครับ

    กรรมที่สนองเร็วที่สุดเท่าที่ศึกษามา จะต้องเป็นกรรมที่กระทำต่อพระอรหันต์ หรือจอมอรหันต์อย่างพระพุทธเจ้าเท่านั้นครับ ไม่ว่าจะเป็นกุศลกรรมกรรม หรืออกุศลกรรม

    อย่าคิดเองเออเองนะครับ จะทำให้คุณประมาทได้ คิดว่าได้ชดใช้กรรมไปแล้ว แม้เรื่องกฏของกรรมจะให้ผลแน่นอนและไม่ผิดตัวก็ตาม มีพระพุทธเจ้าองค์เดียวเท่านั้น ที่พญากรณ์ได้ว่ากรรมนั้นๆจะให้ผลเมื่อไหร่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2010
  5. wonderhuman

    wonderhuman สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +16
    อืม ใช่แล้ว ไม่เห้นจะเกี่ยวกับชื่อหัวข้อเลยนี่นา
     
  6. มหานที

    มหานที สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +18
    หัวข้อเรื่อง ผู้เขียนอาจต้องการตั้งชื่อว่า "แค่คิดก็ผิดแล้ว" ซึ่งอยู่ในหัวข้อใหญ่เกี่ยวกับ "การบำเพ็ญทานบารมี" แต่เมื่อผู้เขียน เขียนต่อเนื่องและเรียงลำดับเป็น "การบำเพ็ญทานบารมี แค่คิดก็ผิดแล้ว" ทำให้ความหมายเปลี่ยนไป และทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด คิดว่าผู้เขียนคงไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น
     
  7. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    บำเพ็ญบารมี อภัยทานไงครับ ทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แค่คิดก็ผิดแล้ว ก็คือการกระทำของท่าน จขกท. ถึงไม่ผ่านคราวนี้คราวหน้าก็คงจะผ่านแล้วล่ะครับ สู้ๆ ขันติหนอขันติ
     
  8. กรวี

    กรวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +263
    อืมมมมม
    การบำเพ็ญบารมี : แค่คิดก็ผิดแล้ว
    จริงๆค่ะ...
     
  9. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    เข้ามาอ่านค่ะ...............
     

แชร์หน้านี้

Loading...