เกร็ดประวัติศาสตร์ สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ทางสายธาตุ, 3 ตุลาคม 2010.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]


    จุดพลิกกลับของการทำสงครามเพื่อกอบกู้บ้านเมืองของสมเด็จพระนเรศวรนั้น อยู่ที่สงครามกับพระเจ้านันทบุเรงในปีพ.ศ.2128-2130 โดยแกสแปโร บัลบี (Gasparo Balbi) พ่อค้าอัญมณีชาวเวเนเทียน (Venetian) ได้กล่าวถึงผลจากความเข้มงวดในการปกครองของสมเด็จพระนเรศวรที่ก่อให้เกิดความมั่นใจแก่ไพร่พลในการรบกับทัพหงสาวดีไว้ในรายงานของเขาว่า
    “...ชาวสยามไม่เคยหวั่นเกรงอีกเลยในเรื่องที่ว่า พระเจ้าหงสาวดีพระองค์นี้จะเอาชนะพวกเขาได้ เพราะพระราชบิดาของพระองค์ (บุเรงนอง) ที่เคยเอาชนะชาวสยามได้นั้น, แม้จะได้นำทัพมาด้วยพระองค์เองและมีกำลังไพร่พลถึง ๘๐๐,๐๐๐ คน ก็คงไม่สามารถเข้ายึดพระนครศรีอโยธยาได้, ถ้าไม่ใช่เพราะการที่ขุนนางสยามหักหลังกันเอง...”

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]



    หลักฐานทางฝ่ายพม่าเองก็ได้ยอมรับถึงพระราชอำนาจของสมเด็จพระนเรศวรกับความเข้มงวดทีมีต่อขุนนางและไพร่ฟ้าประชาชน จนก่อให้เกิดกองทัพที่แม้ฝ่ายหงสาวดีจะมีกำลังมากกว่าหลายเท่าก็ยากจะเอาชนะได้ ดังข้อความตอนหนึ่งที่พญาลอ แม่ทัพฝ่ายหงสาวดีได้กราบทูลพระเจ้านันทบุเรงความว่า

    “...แม้กำลังไพร่พลของพระนครศรีอโยธยาจะนับได้สักหนึ่งในสี่ของไพร่พลเมืองหงสาวดีก็
    หาไม่, แต่กระนั้นก็ตาม, สมเด็จพระมหาอุปราชและนายทัพนายกองก็ได้ประจักษ์ความจริงแล้วว่าเป็นเรื่องยากนักที่จะรบชนะชาวสยาม เพราะว่าพระราชอำนาจของสมเด็จพระนริศ(พระนเรศวร) ที่มีเหนือขุนนางของพระองค์นั้น ยิ่งใหญ่เป็นล้นพ้นจนกระทั่งว่า ถ้าชาวสยามเผชิญหน้ากับข้าศึกศัตรู เขาก็ยอมสละชีวิตดีกว่าจะยอมถอยหลัง. อันว่าการสงครามนั้นใช่ว่าจะได้ชัยชนะเพราะมีไพร่พลมากกว่าเพียงประการเดียว หากอยู่ที่ความกล้าหาญและชาญเชี่ยวในยุทธวิธี...”
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]


    การฟื้นตัวของอาณาจักรสยาม

    ปีเตอร์ วิลเลียมสัน ฟลอริส (Peter Williamson Floris) ชาวดัตช์ผู้เป็นลูกจ้างบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ (E.I.C.) ซึ่งเข้ามาในสมัยต้นพระเจ้าทรงธรรม กล่าวถึงการฟื้นตัวของอาณาจักรอยุธยาในรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรไว้ในจดหมายเหตุของ
    เขาว่า
    “…นี่คือเรื่องราวย่อๆ เกี่ยวกับความพินาศลงของอาณาจักรพะโค (หงสาวดี) ในขณะที่ราชอาณาจักรสยามฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่งหลังจากได้เสื่อมโทรมลงไปมาก เพราะพะโคได้เข้ามาเป็นเจ้าเข้าครอง. พระองค์ดำทรงปราบปรามกัมพูชา, ล้านช้าง, เชียงใหม่, นครศรีธรรมราช, ปัตตานี, ตะนาวศรี, รวมทั้งแว่นแคว้นและอาณาจักรอื่นๆ เข้าไว้ในอำนาจ. ครั้นถึงปี พ.ศ. ๒๑๔๘ พระองค์ก็สิ้นพระชนม์ลง โดยมิได้มีพระราชโอรส พระองค์ทรงมีพระสติปัญญาล้ำเลิศ และได้ทิ้งพระราชอาณาจักรไว้แก่สมเด็จพระอนุชาธิราช...”
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]

    โดยพระนาม “พระองค์ดำ” (Black King) นั้นเป็นพระนามที่ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ใช้กล่าวถึงสมเด็จพระนเรศวร ควบคู่ไปอีกพระสมัญนามในภาษามลายูซึ่งฟลอริสได้บันทึกไว้ว่า “Raja Api” ซึ่งมีความหมายว่า “พระราชาแห่งไฟ

    กองทัพเรือสยามที่เป็นใหญ่เหนือน่านน้ำ

    นอกจากหลักฐานต่างชาติฝ่ายตะวันตกที่ได้อธิบายถึงความยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวรแล้ว ยังมีหลักฐานทางฝ่ายจีนอีกเช่นกันซึ่งได้ฉายภาพความของความยิ่งใหญ่ของรัชสมัยของพระองค์ไว้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องกองทัพเรือ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE><TBODY><TR><TD>[​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    บันทึกของจีนสมัยราชวงศ์หมิง ในช่วงรัชศกว่านลี่แห่งรัชกาลจักรพรรดิเสินจง (พ.ศ.1911 – 2187) มีเรื่องราวเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวรปรากฏในบันทึกของจีน 3 ฉบับดังนี้

    1.เจิ้งสือ (ประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฉบับหลวง) ในส่วนที่ว่าด้วยสยาม ได้บันทึกตอนหนึ่งว่า

    “...กษัตริย์ผู้สืบราชสมบัติ (สมเด็จพระนเรศวร) ได้หมายมั่นจะแก้แค้นให้จงได้ ในระหว่างรัชศกว่านลี่กองทัพข้าศึกได้ยกทัพเข้ามาอีก กษัตริย์ได้จัดกองทัพเข้ากระหน่ำตีจนข้าศึกแตกพ่ายไปราบคาบ และได้ฆ่าราชโอรส (พระมหาอุปราชมังกะยอชวา) ของกษัตริย์ตงหมานหนิวด้วย (พระเจ้านันทบุเรง) ทหารที่เหลือก็แตกทัพหลบหนีไปในความมืดตอนกลางคืน จากนั้นเป็นต้นมาสยามก็ครองความยิ่งใหญ่ผงาดในน่านน้ำทางทะเล...ครั้งนั้นญี่ปุ่นเข้าย่ำยีเกาหลีในโอกาสเดียวกันนี้สยามได้เข้าถวายเครื่องราชบรรณาการ ราชฑูตประเทศนี้ขออาสาส่งกองทัพเข้าช่วยทำศึกสงคราม...”
     
  6. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]

    2. สือลู่ (จดหมายเหตุประจำรัชกาล) บันทึกตอนหนึ่งว่า

    “...เมื่อวันที่ 6 เดือนอ้าย ปีที่ 21 (พ.ศ.2136) แห่งรัชศกว่านลี่..มีฑูตบรรณาการมาขออาสาต่อทางกลาโหมขอนำกองทัพช่วยทำศึกสงคราม..อันฑูตบรรณาการแห่งสยามมีความโกรธแค้นต่อการกระทำที่ผิดทำนองคลองธรรมนี้จึงได้แสดงความจงรักภักดีโดยอาสายกกองทัพไปช่วยรบ จักรพรรดิทรงมีพระบรมราชโองการให้ชมเชยความจงรักภักดีและเมตตาธรรมเช่นนี้...”

     
  7. samsak

    samsak สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +14
    ความยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวร
    อันนี้ผมไม่อยากให้ชื่นชมหรือรับรู้ไว้อย่างเดียวนะครับ อยากให้คิดว่าเหตุผลที่ท่านเกิด กระทำ และ จะส่งผลเช่นไร
    ผมขอมองว่าท่านเกิดมาเพื่อสร้างบารมี เพื่อที่จะทำให้เกิดสิ่งๆใดต่อไป ผมว่าดวงจิตท่านจะสืบสานปณิธานต่อไป
    เช่น ถ้ามองว่าท่านกอบกู้อิสระให้คนไท เพื่อให้ประชาชนมีความสุข พม่าก็พุทธ เราก็พุทธ พุทธศาสนาก็ทำให้เรามีความสุขแล้วท่านจะทำทำไม
    ผมว่าท่านทำเพื่อแสดงบารมีครับ ไม่ใช่สร้างบารมี ตามที่ผมว่าไว้ข้างบน
    และมั่นใจมากว่าท่านทำเพื่อแสดงบารมีพื่อหลอมรวมดวงจิต ให้สามารถกระทำการเปลี่ยนแปลงยุคกึ่งพุทธกาลนี้น่ะครับ
     
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434

    [​IMG]



    3.บันทึกทะเลตะวันออกและตะวันตกของจางเซี่ย ยกย่องว่า

    “...รัชกาลพระนเรศวรนั้น สยามเริ่มเป็นผู้เกรียงไกรบนท้องทะเลแดนไกล ต่อแต่นั้นไปทำศึกสงครามทุกปีจนสามารถดำรงความเป็นใหญ่เหนือประเทศทั้งหลาย...”

    โดยสาเหตุที่กองทัพเรือในรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมีความเข้มแข็งนั้น เพราะต้องปกป้องการค้าในระบบรัฐบรรณาการที่ส่งเรือสำเภาหลวงของราชสำนักสยามไปยังประเทศจีนอยู่เสมอ ทั้งยังต้องคอยปราบโจรสลัดที่คุกคามความปลอดภัยในการเดินเรือของพ่อค้า และจากความเข้มแข็งอันนี้เองที่ทำให้สยามกล้าทูลส่งกองทัพไปช่วยจักรพรรดิจีนรบกับญี่ปุ่นซึ่งนำโดยโชกุนโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ซึ่งนำกองทัพเข้ารุกรานเกาหลี ทว่ากองทัพเรือสยามก็ไม่ได้ออกไปช่วย เพราะราชสำนักหมิงเห็นว่า ลำพังกองทัพจีนก็น่าจะเพียงพอแล้ว


     
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]


    บ้านเมืองรุ่งเรือง เพราะทรงเป็นนักรบ

    ความยิ่งใหญ่ของรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรนั้น อาจเป็นเพราะพระองค์ทรงเป็นนักรบที่เข้มแข็งสอดคล้องกับวิกฤตการณ์ของบ้านเมือง และเพื่อค้ำจุนแผ่นดินพระองค์ได้ใช้เวลาเกือบทั้งรัชสมัยของพระองค์อยู่ในสนามรบ ดังความตอนหนึ่งที่วันวลิตเขียนไว้ในบันทึกของเขาว่า

    “พระนเรศราชาธิราชเป็นพระเจ้าแผ่นดินนักรบ ทรงได้ชัยชนะในการรบหลายครั้งคราว...ทรงประชวรและสิ้นพระชนม์หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อพระชนมายุได้ ๕๕ พรรษา เสวยราชย์อยู่ ๒๐ ปี แต่ไม่ได้ประทับอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาเกิน ๒ ปีเลย เวลาที่เหลืออยู่อีก ๑๘ ปี ทรงใช้ในการทำสงครามและประทับอยู่ในสถานที่ดังกล่าว...”

    และวันวลิตก็ได้บรรยายถึงประโยคสุดท้ายเกี่ยวกับรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวร เป็นประโยคสั้นๆง่ายๆ แต่แสดงถึงบ้านเมืองที่รุ่งเรืองว่า

    “...ในรัชสมัยของพระองค์ประเทศเจริญรุ่งเรืองและประสบแต่โชคชัย..."
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ทางสายธาตุยกพระราชประวัติพระองค์ท่านขึ้นมามีจุดประสงค์ เพื่อให้คนไทยรักกันและสำนึกรู้ว่าบรรพบุรุษไทยสร้างบ้านเมืองเรามาด้วยความยากลำบาก อย่าทะเลาะกันจนเกิดบ้านเมืองแตกแยกเลย

    พระองค์ท่านทรงมีบารมีแผ่คุ้มครองประเทศไทยและคนไทยมานานแล้ว คำว่าแสดงบารมีคิดว่าคุณ Samsak อาจจะมีความหมายว่าทรงแผ่พระบรมเดชานุภาพใช่ไหมคะ
     
  11. samsak

    samsak สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +14
    ครับคุณ ทางสายธาตุ ขออภัยครับคือว่าผมใช้ศัพท์ไม่เป็น แผ่พระบรมราชานุภาพ ต้องขออภัยอย่างยิ่ง
    คือผมกำลังกระตุ้นให้คนมอง แล้วความปราถนาจะได้เป็นผลน่ะครับ พูดตรงๆ คือขอพระบารมี มาให้คนมองไปทางเดียวกับผมเท่านั้นน่ะครับ
    อย่าติดใจนะครับ กรรมใดผมทำผมขอรับ มิได้มีเจตนาหลู่เกียรติท่านทั้งสอง


     
  12. ไก่เหลืองหางขาว

    ไก่เหลืองหางขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +493
    คุณ samsak ครับ ช่วยขยายความสิ่งที่คุณกล่าวให้ชัดเจนและโปรดแสดงให้ทราบว่าคุณกำลังมองไปทางไหน มีเจตจำนงเช่นไรจะได้ไหมครับ เราจะได้ไม่ต้องมีสิ่งใดเข้าใจผิดกัน เพราะโดยส่วนตัวแล้วผมขอยอมรับว่า รู้สึกว่าข้อความของคุณนอกจากจะไม่ชัดเจนแล้วยังส่อเจตนาที่พิกลๆอยู่นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2010
  13. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,166
    “พระราชาไฟ” พระองค์นี้ทรงเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ น่ากลัวสมกับที่ในเวลาต่อมา มีการบันทึกไว้ว่าทหารกรุงศรีอยุธยาเกรงกลัวพระองค์มากกว่ากลัวพม่าหรือกลัว ความตาย ผู้นำทัพที่มีลักษณะเช่นนี้ ย่อมนำพาความเข้มแข็งและขวัญกำลังใจมาสู่กองทัพได้สูงมาก มีกำลังน้อยก็เหมือนกำลังมาก ลักษณะที่เด็ดเดี่ยวและ “กล้าตาย” เช่นนี้

    ด้วยพระองค์ทรงเป็นแบบอย่าง ให้เห็นถึงความรักชาติรักแผ่นดิน มากกว่ารักตน รักประโยชน์แห่งตน
    รักความสุขแห่งตน เป็นแบบอย่างให้ชนทั้งหลาย ได้แซ่ซร้อง ถึงพระเกียติคุณนั้น

    ขอบคุณสำหรับข้อมูลทั้งหลายด้วยครับ
     
  14. badjoize

    badjoize เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    293
    ค่าพลัง:
    +293
    ผมนับถือพระองค์มากๆครับ...กราบไหว้อยู่เสมอ...
     
  15. Phusaard

    Phusaard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    436
    ค่าพลัง:
    +349
    ถ้าไม่มีพระองค์ป่านนี้ชาวสยามคงเป็นเพียงแค่ชนกลุ่มน้อยแน่ๆ
     
  16. CHAYA MARUTY

    CHAYA MARUTY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2007
    โพสต์:
    1,005
    ค่าพลัง:
    +10,787
    กระทู้นี้ ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติยศของพระองค์่ท่านครับ
     
  17. PLE-55

    PLE-55 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +124
    พระเกียรติยศของพระองค์่ สุดยอดจริงๆครับ
     
  18. samsak

    samsak สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +14
    พระบรมเดชานุภาพท่านยิ่งใหญ่มากครับ ผมเคยไปนั่งท่าระเบียบเชียร์บนเก้าอี้ พอเงยหน้าไปเห็นรูปปูนท่าน น้ำตาผมพราก ร้องไห้ สะอึก สะอื้น เหมือนเด็กๆเรยครับ
     
  19. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พระนเรศวรฯบนดอยไตแลง

    นวลแก้ว บูรพวัฒน์ รายงาน
    เนชั่นสุดสัปดาห์
    ปีที่ 19 ฉบับที่ 969 วันที่ 24 ธันวาคม 2553



    ประมาณเดือนธันวาคมของทุกๆปี ถือเป็นจังหวะการตัดปีเก่าเริ่มปีใหม่ของคนตระกูลไท-ลาวมาแต่โบราณ โดยนับเริ่มต้นปีที่วันขึ้น ๑ ค่ำเดือนอ้าย คนไทยสยามก็เคยถือธรรมเนียมนี้เช่นกัน เพราะในอดีตนั้นวันขึ้น ๑ ค่ำเดือนอ้ายเคยเป็นเทศกาลปีใหม่โบราณของไทยสยามมาก่อนจะนับวันสงกรานต์เป็นวันปีใหม่



    ส่วนคนไทใหญ่นั้น เขายังถือธรรมเนียมโบราณเก่าแก่ของคนเชื้อชาติไท-ลาวมาอย่างต่อเนื่องมั่นคงถึงปัจจุบัน เพราะนอกจากพวกเขาจะฉลองปีใหม่สากลในทุกวันที่ ๑ มกราคม เช่นเดียวกับนานาชาติแล้ว คนไทใหญ่ยังจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ไทใหญ่ในวันขึ้น ๑ ค่ำเดือนเจียง(อ้าย) ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ กันอย่างสนุกสนานคึกคัก ดังที่ปรากฏให้เห็นจากฐานที่มั่นดอยไตแลง ที่ตั้งกองบัญชาการสูงสุดกองทัพรัฐฉาน ซึ่งปีนี้สื่อมวลชนไทยขึ้นไปทำข่าวกันอย่างครึกโครมทั้งทางสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และนอกจากจะมีการนำเสนอรายการสัมภาษณ์พลโทเจ้ายอดศึกอย่างยาวเหยียดในรายการทีวีไทยหลายช่องแล้ว ยังมีภาพข่าวผู้นำของกองกำลังชนกลุ่มน้อยอีกหลายกลุ่มที่ขึ้นไปพบปะกับเจ้ายอดศึกในงานวันนั้น อย่างเช่นนายพลบีทู และนายเรมันทู ผู้นำด้านการทหารด้านการเมืองของกลุ่มKNPP รวมทั้งตัวแทนจากKNU อาระกัน กะฉิ่น ปรากฏโฉมหน้าให้เห็นในงานเฉลิมฉลองนี้ จนเหมือนกับเป็นการเปิดประชุมย่อยของกลุ่มต่อต้าน อย่างชัดเจนที่สุดหลังการเลือกตั้งพม่าที่เพิ่งผ่านไปเพียงเดือนเศษก็ว่าได้


    นอกจากนั้นช่วงปีใหม่ไทใหญ่ปีนี้ ยังมีปรากฏการณ์ “พิเศษ” อย่างยิ่งสำหรับคนไทยและไทใหญ่ นั่นคือได้มีการอัญเชิญรูปหล่อ หรือที่คนไทใหญ่เรียกกันว่า “หุ่นฮ่าง” สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขนาดสูงใหญ่มหึมา ขึ้นไปประดิษฐานเป็นอนุสาวรีย์อย่างงามสง่าน่าเกรงขามอยู่บนยอดดอยไตแลง ไว้เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนและทหารไทใหญ่ โดยที่ทางกองทัพรัฐฉานของพลโทเจ้ายอดศึกได้จัดพิธีบวงสรวงพระองค์ท่านอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติไปเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ที่ผ่านมา และในพิธีบวงสรวงครั้งนี้ก็มีปรากฏการณ์พิเศษทางธรรมชาติเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นทุกครั้งในพิธีบวงสรวงสมเด็จพระนเรศวรฯ ที่พระราชวังจันทร์ จ.พิษณุโลก


    อันที่จริงทางกองทัพรัฐฉานได้เคยพยายามจะอัญเชิญหุ่นฮ่างพระนเรศวรฯขึ้นไปไว้บนดอยไตแลงมาแล้วตั้งแต่ประมาณปีพ.ศ.๒๕๔๗ แต่นายพลไทยคนหนึ่ง ................สั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้ทหารไทใหญ่อัญเชิญพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรฯ ขึ้นไปไว้บนดอยไตแลง และจากนั้นไม่นานในช่วงปีพ.ศ.๒๕๔๘ ระหว่างว้าแดงขึ้นถล่มดอยไตแลงเปิดการสู้รบอย่างรุนแรงกับไทใหญ่ ขณะที่กองทัพไทใหญ่กำลังลำบากอย่างที่สุดกับการสู้รบติดพัน และฝนตกกระหน่ำยอดดอย นายพลรองแม่ทัพภาคคนนี้ก็ได้สั่งย้ายประชาชนผู้อพยพ ผู้หญิง เด็ก ไทใหญ่ ออกจากสันเขาใกล้ดอยไตแลง สร้างความลำบากให้ผู้อพยพลูกเล็กเด็กน้อยและกองทัพไทใหญ่อย่างสุดจะบรรยาย นับว่านายพลคนนี้ได้กระทำการอันขัดกับเจตนารมณ์ของสมเด็จพระนเรศวรฯอย่างที่สุด เพราะในพงศาวดารทั้งฝ่ายไทยและไทใหญ่ บันทึกไว้ตรงกันว่า สมเด็จพระนเรศวรกับเจ้าคำก่ายน้อยเจ้าฟ้าไทใหญ่เป็นสหายสนิทอย่างยิ่ง ร่วมทำสงครามกับพม่าในการกู้ชาติไทยมาด้วยกัน และพระนเรศวรฯ ยังได้เคยสั่งให้คุ้มครองชาวบ้านผู้อพยพไทใหญ่ที่หนีศึกพม่ามาพึ่งแผ่นดินไทย ไม่ยอมให้ส่งคนไทใหญ่กลับไปให้ขุนนางพม่า


    มาบัดนี้นายทหารแตงโมคนนั้นหลังจากมีชื่อปรากฏหราว่าเป็น “คีย์แมน” คนสำคัญผู้กระทำการวางแผนก่อจลาจลอย่างรุนแรงและเผาบ้านเผาเมืองไทยไปเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา เขาก็ได้หายเงียบ ไม่รู้ว่าถูก “เก็บเข้ากรุ” ไปไว้ตรงไหน และเขายังจะต้องเผชิญกับวิบากกรรมอีกมากแค่ไหน กับสิ่งที่ตนได้ทำกับคนไทใหญ่ไว้อย่างแสนสาหัส รวมถึงกระทำไว้กับบ้านเมืองไทยอย่างสาหัสไม่น้อยไปกว่ากัน


    ส่วนทางกองทัพไทใหญ่นั้น หลังจากอดทนรอคอยมาถึง ๕-๖ ปี แต่ก็ยังดื้อดึงที่จะทำตามเจตนารมณ์ของตนอย่างไม่เลิกรา ในเทศกาลปีใหม่ไทใหญ่ช่วงเดือนธันวาคมนี้ พลโทเจ้ายอดศึกและตุ๊เจ้า(พระ)ชาวไทยก็ได้มอบของขวัญให้กับทหารและประชาชนไทใหญ่ของตน ด้วยการทำให้ความตั้งใจที่มีมาตลอด ๕-๖ ปีที่ผ่านมานี้สำเร็จผลได้เสียที ด้วยการอัญเชิญหุ่นฮ่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ระหกระเหินเดินทางผ่านหุบเขา ตัดผ่านยอดดอยหลายร้อยกิโลเมตรเป็นระยะทางไกลแสนไกล...เพื่อไปประดิษฐานอย่างมั่นคงบนดอยไตแลง

    และนี่คือคำให้สัมภาษณ์ของพลโทเจ้ายอดศึกสดๆร้อนๆ จากฐานที่มั่นชายแดนไทย เพียง ๑ วันหลังการทำพิธีบวงสรวงรูปหล่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในช่วงกลางเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ที่ผ่านมา


    ได้ทราบว่ามีการอัญเชิญรูปหล่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชขึ้นไว้บนดอยไตแลง แนวคิดนี้มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมถึงทำอย่างนี้

    การที่ผมนำหุ่นฮ่าง(รูปหล่อ)พระนเรศวรฯ ขึ้นไว้สักการะบนดอยไตแลง จุดประสงค์มี ๓ อย่างคือ
    ๑.พระนเรศวรฯกับเจ้าคำก่ายน้อยผู้นำไทใหญ่ เคยเป็นเพื่อนช่วยเหลือกันมา ชาวไทใหญ่นับถือพระนเรศวรมาก
    ๒.อุดมการณ์ของพระนเรศวรฯ เคยมีว่าพระองค์จะร่วมกันกับทางไทใหญ่รบพม่าที่ตองอู เพื่อก่อตั้งอาณาจักรคนไทย-ไทใหญ่ เพียงแต่ว่ายังไม่สำเร็จ พระนเรศวรฯมาเสียในประเทศไทใหญ่เสียก่อน พวกเราคนไทใหญ่เชื่อกันว่า วิญญาณพระนเรศวรฯยังวนเวียนอยู่ในประเทศไทใหญ่ของเรา
    ๓.ผมอยากเอาหุ่นฮ่าง(รูปหล่อ)พระนเรศวรไว้เป็นขวัญกำลังใจของคนไทใหญ่ เพราะบนดอยไตแลงนี่ผมมีหุ่นฮ่างของเจ้ากอนเจิงอดีตผู้นำการต่อสู้ของคนไทใหญ่ มีหุ่นฮ่างเจ้าเสือข่านฟ้าอดีตเจ้าฟ้าไทใหญ่ สองผู้นำนี้เป็นขวัญของคนไทใหญ่ ถ้าได้เชิญหุ่นฮ่างพระนเรศวรฯมาร่วมไว้ วิญญาณของพระองค์ก็จะมาเป็นขวัญของคนไทใหญ่และของกองทัพเราด้วย เพราะพระนเรศวรเป็นคนกล้าหาญ คนรักชาติ ผมอยากให้พระองค์ท่านมาเป็นต้นแบบจิตใจของคนไทใหญ่ ให้มีคนกล้าหาญขึ้นมา ผมจะพยายามทำตามรอยพระนเรศวรฯและเจ้าเสือข่านฟ้า เจ้าเสือข่านฟ้าเป็นกษัตริย์ไทใหญ่เมื่อ ๗๐๐ ปีก่อน เป็นคนรวมอาณาจักรไทใหญ่ให้กว้างใหญ่ เป็นปึกแผ่นขึ้นมา
    แนวคิดนี้ผมตั้งใจทำมา ๕ ปีแล้ว แต่เพิ่งมาสำเร็จได้ในปีนี้ ผมเชื่อว่าเป็นเพราะพระนเรศวรฯท่านก็อยากมาอยู่กับไทใหญ่ด้วย


    ทำไมมาบวงสรวงมาอัญเชิญรูปหล่อพระนเรศวรขึ้นไว้บนดอยช่วงนี้ เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าทางไทใหญ่จะเตรียมทำอะไรต่อหรือเปล่า

    การเชิญรูปเคารพสำคัญเราต้องดูยาม ดูวัน ช่วงนี้มีวันดียามดี เราถึงทำ พอดีกับวันขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๑ เป็นวันปีใหม่ไทใหญ่ด้วย( ๗ ธันวาคม ๒๕๕๓) จึงได้เชิญพระองค์ท่านมาดอยไตแลงในช่วงปีใหม่ ไม่ได้เกี่ยวว่าเราจะเปิดการรบใหญ่ต่อไปหรอกครับ


    ปกติทุกครั้งในการทำพิธีบวงสรวงวิญญาณพระนเรศวรฯที่พระราชวังจันทร์ จ.พิษณุโลก จะมีปรากฏการณ์พิเศษทางธรรมชาติให้เห็นทุกครั้งอย่างฟ้ามืด ฝนลงเม็ด หรือลมกรรโชก การทำพิธีบวงสรวงพระองค์บนดอยไตแลงที่เพิ่งผ่านมา เกิดเหตุการณ์อย่างไรบ้าง

    มีสิ่งแปลกเกิดขึ้นด้วยครับ ประชาชนเห็นกันทั่ว เราจัดพิธีในเช้าวันศุกร์ที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ช่วงประมาณ ๙-๑๑ โมงเช้า ตอนก่อนบวงสรวงแดดจ้า ฟ้าสว่างสดใส ฟ้าสว่างมากๆ แต่ระหว่างทำพิธีจะมีเงาครึ้มลงมาปกคลุมล้อมรอบตรงจุดที่เราไหว้หุ่นฮ่าง ห่างออกไปถึงมีแดดแรง พอทำพิธีเสร็จฟ้ามืดเลย ทำท่าเหมือนฝนจะตก แต่ฝนไม่ตก พอบวงสรวงเรียบร้อยเราก็ต่อไก่(ชนไก่)ให้ท่านดู มีนกมีโตมาก้า(ฟ้อนนก รำสิงโต)ให้ท่านดู วันทำพิธีประชาชนกับทหารบนดอยมาร่วมพิธีกันเยอะแยะมาก มาดู มาเคารพพระองค์ทั่วเลยครับ หุ่นฮ่างพระนเรศวรฯองค์นี้หล่อด้วยทองแดง ขนาดสูงมากราว ๒ เมตรกว่าเกือบ ๓ เมตร คนไทยออกแบบ ตุ๊เจ้า(พระ)จากทางไทยจัดสร้างขึ้น ตั้งใจมอบมาให้กับคนไทใหญ่ครับ


    ทางราชการไทยมีปัญหาอะไรไหมกับการเชิญรูปหล่อพระนเรศวรฯขึ้นมาบนดอยครั้งนี้

    ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเขาก็เชื่อถือพระองค์เหมือนกัน ก่อนนี้เมื่อหลายปีก่อนช่วงที่ผมตั้งใจจะเชิญหุ่นฮ่างพระนเรศวรฯขึ้นดอยไตแลงมาบูชา เคยมีปัญหาเยอะ เพราะผู้นำทหารไทยบางคนเขาไม่เข้าใจ เขาเลยไม่อนุญาตให้ผ่านเส้นทางเข้ามา


    ในช่วงปีใหม่ไทใหญ่ที่ผ่านมา เห็นมีข่าวว่าเจ้าได้พบกับผู้นำ KNPP และชนกลุ่มน้อยอื่นๆ มีข้อตกลงระหว่างกันคืบหน้าอย่างไรบ้าง

    งานปีใหม่ไทใหญ่นั้นเราจัดเป็นประจำทุกปี เราเชิญพันธมิตรกะเหรี่ยงคริสต์KNU กะเหรี่ยงKNPP อาระกัน กะฉิ่น มาประจำทุกปี ในงานนั้นเราได้หารือกัน ๒ เรื่อง เรื่องแรกเราต้องพยายามสามัคคีกัน จับมือกันต่อสู้กับพม่าต่อไป เรื่องที่สอง เราต้องหาแนวทางจัดประชุมใหญ่ ให้ทุกกลุ่มมาร่วมพูดคุยกันเกี่ยวกับปัญหาในสหภาพพม่า เพราะปัญหาสหภาพพม่าดูแล้วถ้ากลุ่มชาติพันธุ์ไม่ร่วมมือกัน จะแก้ปัญหาไม่สำเร็จ เพราะสหภาพตอนนี้มันไม่ใช่สหภาพแล้ว แต่เป็น “รัฐ” พม่า พม่ากำลังพยายามกลืนกลุ่มชาติพันธุ์ไปเรื่อยๆ ล่าสุดที่พวกเราได้พบกันเป็นการหารือเพื่อเตรียมจัดประชุม ส่วนในด้านทหารเราเป็นพันธมิตรกันอยู่แล้ว เรากำลังพยายามหาช่องทางให้มีการประชุมใหญ่อยู่ แล้วตอนนี้พม่ายังตั้งรัฐบาลไม่ได้ ซึ่งเรายังไม่รู้สาเหตุว่าทำไม


    มีความขัดแย้งในชนกลุ่มน้อยเองด้วยไหม เพราะเห็นบางกลุ่มต้องการเอกราช แต่บางกลุ่มยังอยากอยู่รวมกับสหภาพพม่า

    ผมเข้าใจว่า ที่กลุ่มชาติพันธุ์เห็นตรงกันมี ๒ ประเด็น ประเด็นแรก ทหารพม่าเป็นศัตรูกลุ่มเดียวของพวกเรา ประเด็นที่สอง ใครๆก็อยากปกครองตนเอง อันนี้เห็นตรงกันทุกกลุ่ม ส่วนที่เห็นไม่ตรงกันก็มี ๒ ประเด็นใหญ่ บางกลุ่มเห็นว่า เราต้องเป็นสหภาพร่วมกัน บางกลุ่มเห็นต่างไป เช่นกลุ่มไทใหญ่ เราไม่อยากให้เกิดปางหลวงครั้งที่ ๒ แล้วเสียไปอีก เพราะเรามีบทเรียนแล้วกับการอยู่ร่วมเป็นสหภาพอย่างที่ผ่านมา ดังนั้นเราจึงอยากให้เกิดการปกครองตัวเองของเรา ประเทศเราอยากให้มีเอกราช ถ้าเรามีเอกราชขึ้นมา เราพัฒนาประชาชน พัฒนาประชาธิปไตยก้าวหน้า แล้วค่อยทำสหภาพต่อ ส่วนการเป็นสหภาพจะทำแบบไหนให้ประชาชนตัดสินใจ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากๆ

    แล้วยังมีบางกลุ่มที่เขาไม่มีอุดมการณ์การเมือง เช่นพวกพ่อค้า พวก อส.พม่า เขามีกองกำลังอยู่ก็จริงแต่อันนั้นเป็นเครื่องมือพม่า ปากเขาบอกรักชาติ แต่จริงๆทำเพื่อส่วนตัวเขา แล้วกลุ่มหยุดยิงบางกลุ่ม เขาก็ไม่มั่นใจว่า ถ้ารบกับพม่าแล้วจะสำเร็จหรือไม่ เขาไม่มั่นใจตัวเอง อันนั้นกำลังลังเลก็มี ส่วนนี้ไม่ตรงกันอยู่ ดังนั้นทางไทใหญ่กับทางKNU KNPP เราต้องพูดคุยหาทางออกร่วมกันให้ได้


    เมื่อกลุ่มต่อต้านทั้ง ๕ กลุ่มมารวมกันแล้วใครจะเป็นผู้นำ ตกลงชัดเจนหรือยัง

    เรายังไม่ได้ประชุมกัน เมื่อวันปีใหม่ไทใหญ่ทำแค่พบปะหารือเฉยๆ ในอดีตไทใหญ่เคยเป็นคนก่อตั้งการทำสัญญาปางหลวง ถ้าจะมีการทำสัญญาปางหลวงครั้งที่ ๒ ไทใหญ่ก็น่าจะมีส่วนในการเริ่มต้น กลุ่มชาติพันธุ์เห็นตรงกันอย่างนี้ ในประเด็นนี้ ส่วนการจะให้ใครเป็นผู้นำ ต้องอยู่ในการประชุมที่จะตกลงกัน


    เจ้าคิดว่าการต่อสู้ของชนกลุ่มน้อยเพื่อแยกประเทศออกมาจากพม่า จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากชาติมหาอำนาจด้วยหรือไม่ เพราะอย่างเวียดนามก็ได้รับการสนับสนุนทางอาวุธจากรัสเซียและประเทศในค่ายคอมมิวนิสต์

    การต่อสู้เพื่อเอกราชของประเทศต้องประกอบด้วย ๓ สิ่งคือ ๑. ประชาชนภายในของเราต้องสามัคคี ต้องกล้าหาญ ถือเป็นเรื่องหลักที่สำคัญที่สุด ๒.จะต้องมีผู้นำที่เข้มแข็ง ๓.ได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติและต่างประเทศ การสนับสนุนไม่ใช่แค่อาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ส่วนใหญ่ให้เห็นด้วยทางการเมือง ที่เราเรียกร้องสิทธิของเราคืน


    แต่ถ้าสู้โดยโดดเดี่ยวไม่มีชาติที่ ๓ อย่างสหรัฐฯ จีน หรือกระทั่งUN มาสนับสนุน ชนกลุ่มน้อยจะสู้กับพม่าไปได้ถึงไหน เพราะร่วม ๖๐ ปีมานี้ ยังไม่อาจขยับไปถึงไหนได้เลย

    ผมเห็นว่าเมื่อกลุ่มชาติพันธุ์รวมตัวกันได้ เราจะต่อสู้ได้สำเร็จ เพราะกลุ่มชาติพันธุ์รวมกันมีจำนวนมากกว่าพม่าอยู่แล้ว และทุกกลุ่มก็มีอาวุธ ที่ผ่านมาพม่าก็ไม่ชนะเรา เราก็ไม่ชนะพม่า ก่อนนี้พม่าเคยปิดกั้นเรื่องสื่อได้ สมัยนี้พม่าปิดกั้นเรื่องสื่อไม่ได้อีกแล้ว มันเป็นสมัยon line แล้ว ยังไงถ้าการเมืองถูกต้องก็ต้องชนะ บางประเทศต่อสู้มาเป็นระยะเวลานานอย่างเวียดนามเขาก็ชนะ แต่นั่นเป็นความสามารถของเวียดนามที่ดึงชาติที่ ๓ มาได้ เป็นความสามารถผู้นำของเขา


    การรวมกำลังทหารของกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยกันเอง จะรับมือกับกองทัพพม่าไหวหรือ เพราะทางพม่ามีกำลังพลหลายแสนคน อาวุธก็มีทั้งเครื่องบินรบ จรวด รถถัง ซึ่งเป็นอาวุธคนละระดับกับชนกลุ่มน้อย เป็นแบบนี้เจ้าจะแก้ปัญหาอย่างไร

    พม่ามีอาวุธหนักทั้งปืนใหญ่ รถถัง เครื่องบิน จรวดก็จริง แต่เขาไม่มีที่รบนะครับ เพราะทางไทใหญ่เราใช้การรบแบบกองโจร กองทัพมด พม่าจะเอาเครื่องบินไปรบกับใครล่ะครับ ถ้าเขาไม่เห็นตัวศัตรูเขาจะเอาปืนใหญ่เอาเครื่องบินไปยิงใคร การใช้เครื่องบินใช้ ปืนใหญ่มันต้องรบในเมือง รบระหว่างประเทศ แต่ของเราไม่มีฐานใหญ่ เราไม่มีที่มั่นถาวร เราเคลื่อนไหวอยู่ตลอด อาวุธพวกนั้นไม่มีประโยชน์กับเขา ดีไม่ดีอาวุธพวกนั้นเราจะยึดได้ด้วย แล้วยึดมาเราก็สามารถใช้ได้เพราะคนไทใหญ่ที่เรียนทางด้านทหารมีเยอะ อีกอย่างหนึ่งฐานที่มั่นของเรามีอยู่ที่ดอยไตแลงแห่งเดียว พื้นที่ดอยไตแลงนั้นพม่าจะเอารถถังเอาอาวุธมา กว่าจะมาถึงดอยไตแลงอาวุธเขาก็พังหมดแล้ว เพราะถนนไม่มี มีแต่ดอย ภูเขา หุบห้วย แม่น้ำ อาวุธพวกนั้นเอามาถึงเราไม่ได้ ระหว่างทางก็เสียหมดแล้ว เครื่องบินจะเอามาทิ้งระเบิดใส่ดอยไตแลงก็ไม่ได้ มันมีแต่ภูเขา ทิ้งอะไรลงมาก็ลงหุบเหวไปหมด มาแค่ปลายดอยเราก็ยิงสกัดกั้นได้ พม่าไม่กล้ามาหรอก

    ที่พม่าเอาเครื่องบินรบมาถล่มไทใหญ่ ผมเคยเจอมาแล้ว สมัยรบที่ดอยหินก๋อง เมืองโต๋น ปี พ.ศ.๒๕๓๗ รบกันอยู่ ๒๖ วัน เครื่องบินพม่าก็เสีย ทหารพม่าเสียไป ๒๐๐๐ กว่าคน ผมเคยรบชนะเขามาครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นอาวุธหนักจะมาใช้กับชนกลุ่มน้อยที่รบแบบสงครามกองโจรไม่ได้

    การใช้วิธีทหารแก้ปัญหา พม่าไม่ชนะเรา เราก็ไม่ชนะพม่า ปัญหาไม่จบหรอกครับ ยิ่งจะรุนแรงวุ่นวายไปใหญ่ พวกเรากลุ่มชาติพันธุ์เห็นตรงกันว่า การเอาวิธีทหารแก้ปัญหา มันไม่สำเร็จ ไม่สงบ เราอยากใช้การเมืองแก้ปัญหาการเมืองมากกว่า

    ผมเห็นว่าพม่าตอนนี้จนตรอกแล้ว ที่จัดการเลือกตั้งก็เพื่อหาทางออกของเขา เพียงแต่หาไม่เจอ เพราะแก้ปัญหาไม่ถูกทาง การเลือกตั้งก็เป็นการบีบบังคับ สร้างภาพ รัฐธรรมนูญฉบับปี ค.ศ. ๒๐๐๘ ก็ไม่ประชาธิปไตย เป็นสังคมนิยม และนักการเมืองอย่างขุนทุนอู กับอีกร่วม ๒๐๐๐ คนที่ถูกจับเข้าคุกโดยไม่มีความผิด รัฐบาลพม่าก็ไม่ยอมปล่อยออกมา กองทัพพม่าก็ไม่ใช่กองทัพสหภาพ แต่เป็นกองทัพคนพม่าเอง กลุ่มชาติพันธุ์ไม่มีส่วนร่วมอะไรด้วยเลยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dsc08269.jpg
      dsc08269.jpg
      ขนาดไฟล์:
      475.2 KB
      เปิดดู:
      194
    • dsc08192.jpg
      dsc08192.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.4 MB
      เปิดดู:
      251
    • kingnrs1.gif
      kingnrs1.gif
      ขนาดไฟล์:
      129.7 KB
      เปิดดู:
      164
    • kkk%20132.jpg
      kkk%20132.jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.2 MB
      เปิดดู:
      179
    • dsc08350.jpg
      dsc08350.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.5 MB
      เปิดดู:
      276
    • kkk%20339.jpg
      kkk%20339.jpg
      ขนาดไฟล์:
      7.9 MB
      เปิดดู:
      182
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2011
  20. ศรศิลป์

    ศรศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,232
    ค่าพลัง:
    +3,200
    ผิดกับคนไทยน้อยอย่างพวกเรา ที่เยาวชนโดนมอมเมาทางวัตถุนิยม มีแต่การประกวดร้องเพลง เต้น เห่อแฟชั่นใช้ของแพง มองไปไหนเจอพวกด้อยพัฒนาที่หลงใหลนักการเมืองโกงกินเนรคุณแผ่นดิน เผาบ้านเมือง ปล้นสะดมเมืองไทยของพวกมันเอง
    ผู้ใหญ่ก็ไม่ได้สนับสนุนการปลูกฝังรักชาติอย่างยั่งยืน คนไทยต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย เกียรติประวัติของพระมหากษัตริย์ ที่ทรงสละความสุขส่วนพระองค์ เพื่อกอบกู้บ้านเมือง รักษาแผ่นดินไว้ให้ลูกหลาน
     

แชร์หน้านี้

Loading...