เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.

  1. sacrifar

    sacrifar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +3,221
    ไม่ว่างนานเลยเพิ่งได้เข้ามาอ่าน ภาพอัดกระจกที่ผมได้เป็นภาพหลวงปู่บุญจัน
    อันนี้ที่พี่พีบอกว่า หลวงปู่บุญศรีและ หลวงพ่อทรงเสกให้ อันนี้ใช่หรือเปล่าครับ
     
  2. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289

    งั้นใช่ครับ...แหะๆ............
     
  3. ชาวประมง

    ชาวประมง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    4,657
    ค่าพลัง:
    +22,538
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ทรง หลวงปู่บุญศรี และคณาจารย์ที่เคารพครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ ขอน้อมนำพรดีๆ เพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีสติในปี 2554 ครับ
     
  4. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289

    กราบขอบคุณในมธุรสวาจาครับ
     
  5. kpn

    kpn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +1,510
    รบกวนพี่พีช่วยดูลายมือให้หน่อยว่าผ่านหรือเปล่า อยากได้ลายมือของหลวงพ่อเลยวัดดวงมาราคาพระนักธรรม2องค์( แพงเหมือนกันถ้าเป็นลายมือหลวงพ่อก็เกินคุ้มครับจะไปใส่กรอบบูชา ) ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. Maestro

    Maestro เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    676
    ค่าพลัง:
    +2,411
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง หลวงปู่อั๊บครับ

    สวัสดีพี่น้องบ้านเหรียญบินทุกท่านด้วยครับ ^__^
     
  7. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289

    สระอี หายไปหน่อย แต่ดูดีครับ ใส่กรอบเลย

    นะชาลีติ รวยๆๆๆๆๆๆ น่ะครับ
     
  8. putsudsoi

    putsudsoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,005
    ค่าพลัง:
    +8,396
    ผืนนี้เบื่อเมื่อไหร่ก็บอกนะครับพี่kpn (deejai)


    ทุกวันนี้ถ้าอยากได้รอยจารหลวงปู่ท่านก็ไม่ได้อยู่จารให้แล้ว สำหรับผมถ้ามีรอยจารลายมือท่านเท่าไหร่ก็คุ้มครับ

    ขอบารมีหลวงปู่ทรงคุ้มครองทุกท่านให้สุขกาย สุขใจ ไม่เจ็บ ไม่จนครับผม
     
  9. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289

    ตาสจ็วต PUT นี่เอาหมด...แหะๆ
     
  10. ไม่เกิด

    ไม่เกิด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,916
    ค่าพลัง:
    +9,458
    กราบหลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ... ครับ
    เข้ามารายงานตัวตอนดึกๆ ( ไม่ดึกก็ตอนเช้า ) พรุ่งนี้วันเด็ก ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ สมาชิกบ้านเหรียญบิน ยังมีหน้าที่ต้องพาคุณลูกไปเที่ยวงานวันเด็กบ้าง....? สำหรับผมหมดหน้าที่แล้วครับ เพราะโตแล้ว ไปเที่ยวเอง แค่แบมือขอตังค์เท่านั้น..... 555
     
  11. MooDam

    MooDam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,604
    ค่าพลัง:
    +4,845
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ทรง หลวงปู่บุญศรี หลวงปู่อั๊บ

    สวัสดีครับพี่ไม่เกิด สำหรับผมยังไม่มีครอบครัว ก็คงยังไม่ได้ทำหน้าที่นี้ครับ :p
     
  12. ไม่เกิด

    ไม่เกิด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,916
    ค่าพลัง:
    +9,458
    วันนี้มีข้อความดีๆมาฝากกันครับ.... ( ขอตัวไปพักผ่อน )

    พ่อค้าทางโลก กับ พ่อค้าทางธรรม
    โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก


    พ่อค้าทางโลกกับพ่อค้าทางธรรม มีพระสูตรในอังคุตตรนิกาย พระพุทธเจ้าตรัสถึงคุณสมบัติของพ่อค้าผู้ประสบความเจริญในการค้าขาย เปรียบกับผู้ปฏิบัติธรรม (ในกรณีนี้คือพระสาวกของพระองค์) มีประเด็นน่าสนใจดังนี้

    1. พ่อค้าที่ล้มเหลวในอาชีพ

    ไม่สามารถทำโภคทรัพย์ที่ยังไม่มีให้มีขึ้น ที่มีแล้วก็ไม่สามารถให้งอกเงยเป็นทวีคูณ พูดง่ายๆ ยิ่งค้าขายยิ่งขาดทุน จะมีลักษณะดังนี้

    (1) เช้า ไม่จัดแจงการงานโดยเอื้อเฟื้อ
    (2) เที่ยง ไม่จัดแจงการงานโดยเอื้อเฟื้อ
    (3) เย็น ไม่จัดแจงการงานโดยเอื้อเฟื้อ

    สรุปแล้วคือ ขี้เกียจ ไม่เอาใจใส่ในอาชีพของตน ไม่อุทิศกายวาจาใจให้แก่งาน ไม่มีวิญญาณ “ของเถ้าแก่” ผู้เป็นเจ้าของกิจการ แต่กลับมีวิญญาณของลูกจ้าง ลูกจ้างเขาถือว่าสินค้าในร้าน ในบริษัทมิใช่ของเขา จะขายได้มากได้น้อยเขาก็ไม่ค่อยเดือดร้อน สิ้นเดือนก็รับค่าจ้างตายตัวอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยตั้งใจทำงาน เจ้าของกิจการขืนทำตัวเหมือนลูกจ้างก็มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง

    2. พ่อค้าที่ประสบความสำเร็จในอาชีพของตน

    สามารถค้าขายได้กำไรเป็นทวีตรีคูณ มีลักษณะดังนี้

    (1) มีตาดี (จกฺขุมา)

    คือสายตายาวไกล รู้จักสินค้า ดูของเป็น สามารถกะทุน เก็งกำไรได้แม่นยำวาณิชา (สตรีนักการค้าบางคน) เก่งกว่า วาณิโช (บุรุษนักการค้า) เสียด้วยซ้ำ สายตายาวไกลมาก หุ้นตัวไหนจะขึ้น ตัวไหนจะตก ตัวไหนจะช้อนซื้อ เพื่อกำไรงาม บางคนก็สายตายาวไกล รู้ว่าที่ตรงนี้สนามบินแห่งใหม่กำลังจะขึ้นภายในไม่กี่ปี (ซึ่งคนทั่วไปไม่รู้) ก็กว้านซื้อที่ดินชาวบ้านถูกๆ ผลักดันให้ทางการตัดถนนผ่าน เพื่อให้ที่ขึ้นราคา ขายได้กำไรงาม

    (2) จัดเจนธุรกิจ (วิธุโร)

    คือมีหัวการค้า รู้แหล่งขาย รู้ความเคลื่อนไหวของตลาด สามารถในการจัดซื้อจัดจำหน่าย ซื้อตรง หรือซื้อผ่านตัวแทน ผ่านกี่บริษัท จึงจะได้ของถูกของแพง ถ้าซื้อตรงอาจได้ของถูกแต่เราได้กำไรคนเดียว ถ้าซื้อผ่านนายหน้าหลายบริษัทอาจได้ของแพง แต่ญาติโกโหติกาผู้ค้าขายด้วยกันอาจมีส่วนได้จากกำไรส่วนต่าง เรียกว่า “รู้จักสงเคราะห์ญาติ” ว่างั้นเถอะ อย่างไหนจะดีกว่ากัน นักธุรกิจผู้เจนจัดย่อมรู้และจัดการได้ดี

    (3) มีแหล่งทุนพร้อมที่จะพึ่งได้ (นิสฺสยสมฺปนฺโน)

    คือรู้จักคนมาก กว้างขวางในวงการ หาทางสนิทสนมกับนักการเมืองผู้มีอำนาจ ด้วยการออกรอบกับท่านเหล่านั้นๆ เพื่อจะได้โอกาสขยายกิจการค้าข้ามประเทศ เรียกว่า เป็นการลงทุนแบบโลกาภิวัตน์ รายได้จะพอกพูนขึ้นมหาศาล (แต่ระวังเหมือนกัน การคบพ่อค้านักลงทุนต่างชาติ ก็ต้องดูให้ดี เผื่อไปคบคนที่ตะกละกินคนเดียว ไม่แบ่งคนอื่นบ้าง อาจถูกปฏิบัติได้ แล้วทุนที่เราลงทุนไปมหาศาล จะหายวับไปกับตาได้)

    3. การค้าก็ต้องการกำไร

    การปฏิบัติธรรมจะว่าไปแล้ว ไม่ต่างจากพ่อค้า คือต้องการผลจากการปฏิบัติ จะเรียกแบบโวหารชาวบ้านว่า “กำไร” ก็ได้ นั่นคือกำไรแห่งชีวิต พระพุทธเจ้าจึงตรัสสอนการปฏิบัติธรรมดุจการค้าขาย ตรัสว่า “ภิกษุผู้มีธรรม (องค์ประกอบ) 3 ย่อมไม่สามารถบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่บรรลุ ที่บรรลุแล้วก็ไม่สามารถให้เจริญมากขึ้นได้ ธรรม 3 คือ

    (1) เช้า ไม่อธิษฐานสมาธิโดยเคารพ
    (2) เที่ยง ไม่อธิษฐานสมาธิโดยเคารพ
    (3) เย็น ไม่อธิษฐานสมาธิโดยเคารพ”

    ลงว่าขี้เกียจฝึกสมาธิภาวนาอย่างจริงจัง ทั้งเช้า เที่ยง และเย็น หรือทำก็สักว่าทำพอเป็นพิธี หรือเพื่ออวดเพื่อโชว์ว่าฉันเป็นนักปฏิบัติ ร้อยทั้งร้อย ไม่มีทางเพิ่มพูนกุศลธรรมอะไรได้ สิ่งที่ควรละก็ละไม่ได้สิ่งที่ควรเพิ่มก็ไม่เพิ่ม เผลอๆ อาจพอกหนาขึ้นกว่าตอนก่อนมาเป็นนักปฏิบัติด้วยซ้ำ อย่างนี้เรียกว่า ขาดทุนย่อยยับ ดุจพ่อค้าขาดทุนนั้นแล

    พระพุทธองค์ตรัสต่อไปว่า ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม 3 ย่อมไพบูลย์ด้วยกุศลธรรมไม่นานคือ

    (1) มีตาดี ย่อมรู้ชัดนี้นี้คือทุกข์ นี้คือเหตุปัจจัยทำให้ทุกข์เกิด นี้คือภาวะหมดทุกข์ และนี้คือวิธีปฏิบัติเพื่อหมดทุกข์ รู้ชัดอย่างนี้เรียกว่า ผู้มีตาดี อันนี้เรียกว่า มีความรู้ความเข้าใจถูกต้อง

    (2) จัดการธุระดี คือเป็นผู้พากเพียร ขยัน บากบั่น ไม่ทอดทิ้งธุระ ในการละอกุศลธรรมเพิ่มพูนกุศลธรรม นี้เป็นคุณสมบัติประการที่สอง เมื่อมีความรู้ความเข้าใจถูกต้องแล้ว ก็ต้องพากเพียรพยายามฝึกฝนอบรมเพื่อละอกุศล เพิ่มกุศล ความเพียรที่ถึงจุดสุดยอดท่านเรียกว่า “มหาปธาน” (เพียรอย่างยิ่งใหญ่) คือเพียรเพื่อป้องกันความไม่ดีที่ยังไม่เกิด, เพียรละความไม่ดีที่เกิดขึ้นแล้ว, เพียรสร้างความดีที่ยังไม่มี และเพียรรักษาความดีที่มีขึ้นแล้ว

    (3) พร้อมด้วยผู้ที่จะพึ่งพาได้ คือต้องเข้าไปหาพระเถระผู้อาวุโส เป็นพหูสูตร ที่จะให้คำแนะนำแก้ไขปัญหาในการปฏิบัติได้ ท่านเหล่านั้นเป็นกัลยาณมิตร ที่จะคอยแนะนำ พร่ำสอน ตักเตือนประคับประคองให้ก้าวเดินรุดหน้าไปยังจุดหมาย

    เนื้อหาของสองสูตรนี้สั้นๆ ผมขยายยกตัวอย่างเพื่อให้ชัดเจนขึ้น มิได้มีเจตนาอื่นใด นอกจากต้องการทำธรรมะให้เข้าใจได้เท่านั้นจริงๆ

    เทคนิควิธีสร้างความร่ำรวย

    คฤหัสถ์ผู้ครองเรือนมีความจำเป็นต้องอาศัยโภคทรัพย์เลี้ยงตนเองและครอบครัว ต้องมีปัจจัยสี่เพียงพอแก่การดำรงชีวิตจึงจะดูงาม ยิ่งมีทรัพย์มากเท่าใด ย่อมเป็นสง่าราศีมากขึ้นเท่านั้น

    ทรัพย์เป็นหลักสำคัญอย่างหนึ่งของผู้ครองเรือน เพราะเหตุนี้ท่านจึงเรียกว่า “หลักทรัพย์” ใครไม่มีหลักทรัพย์ก็เท่ากับเป็นคน “หลักลอย” พระพุทธองค์ทรงบอกวิธีสร้างหลักทรัพย์ หรือวิธีสร้างความร่ำรวยไว้ 4 ประการ คือ

    1. ขยันทำมาหากิน ประการแรกต้องหมั่นขยันไม่เกียจคร้าน ภาษาพระท่านเรียกว่า “ลุกขึ้น” หมายถึงลุกขึ้นทำงานอาชีพของตน ไม่เกียจคร้านเห็นแก่นอนอย่างที่เรียกว่า “คนขี้เกียจสันหลังยาว” ไม่ว่าจะทำมาหากินอะไร ถ้ากล้าต่อสู้ความลำบาก ไม่เลิกล้มความเพียรง่ายๆ ไม่ว่างานจะหนักจะยากเพียงใด ย่อมมีโอกาสตั้งตัวได้ในไม่ช้า

    2. รู้จักเก็บรักษาทรัพย์ที่หามาได้ หาได้มาด้วยความเหนื่อยยากแล้ว รู้จักเก็บหอมรอมริบไม่ให้ทรัพย์สินเสียหาย การป้องกันทรัพย์ให้ปลอดภัยจาก “โจรภายนอก” ทำได้ง่าย เพียงใส่ตู้เซฟลั่นกุญแจอย่างดี หรือนำไปฝากธนาคารก็ปลอดภัยแล้ว แต่จะให้ปลอดภัยจาก “โจรภายใน” จริงๆ นั้นยาก คนทำมาหากินควรระวังอย่าให้โจรภายใน คือความหรูหราฟุ่มเฟือย การตกเป็นทาสสิ่งเสพติดและการพนัน มันมาปล้นทรัพย์เป็นอันขาด เพราะโจรพวกนี้ปล้นไม่เหลือ ปล้นซ้ำปล้นซากไม่รู้จบสิ้น

    3. คบมิตรดี มิตรดีของคนทำมาหากิน หมายถึง คนที่เกื้อกูลแก่อาชีพของเราได้ สามารถให้คำแนะนำ ให้การสนับสนุนหรือให้กำลังใจในการทำงาน คนทำมาค้าขายถ้าไปหลงคบคนหลักลอย นักเลงเหล้า นักเลงพนัน ไม่ช้าก็จะถูกชักนำให้วิบัติฉิบหาย มิตรชั่วถอนเสาเรือนใครต่อใครมานักแล้ว ผู้ครองเรือนจะต้องระวังให้จงหนัก

    4. เป็นอยู่เหมาะสม หมายถึง จะใช้จะจ่ายให้เหมาะสมกับฐานะของตน มิใช่เอาฐานะคนอื่นเป็นหลักอย่างที่เรียกว่า “เห็นช้างขี้ขี้ข้างบ้างอย่างช้างสาร” ทำงานได้เงินเดือนละห้าพันบาท ใช้จ่ายเดือนละห้าหมื่นบาท ทำจนตายก็ไม่รวย รวยอย่างเดียวคือรวยหนี้

    ขยันทำมาหากิน ได้ทรัพย์สินมาแล้วรู้จักเก็บรักษา คบหาคนดีเป็นมิตรสหาย และใช้จ่ายพอเหมาะสมแก่ฐานะความเป็นอยู่ ปฏิบัติได้ตามนี้ความเป็นเศรษฐีอยู่ไม่ไกล
     
  13. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    ต่ออีกนิด

    พญาไม้ งิ้วดำ

    ขอผมบอกอาวุธลับอีกอย่าง สำหรับพี่น้องบ้านเหรียญบิน จะเห็นอย่างหนึ่งว่า ผมย้ำอยู่เสมอเรื่อง เทพ เทวดา ครูบาอาจารย์ ญาตฺพี่น้อง ที่ท่านยังไม่ไปเกิดนี่แหละ และเป็นฝ่ายสัมมาทิฏฐิ นับถือพระพุทธศาสนา

    ส่วนที่เป็นพระน่ะ เอาทั้งท่านที่ สำเร็จเป็นพระอริยะ บุคคล ไปแล้ว หรือ ปฏิบัติชอบ หน้าที่ของพวกท่านคือ ธรรมะน่ะครับ จะหนักไปแบบนั้น การใดที่พวกท่านจะทำ จะเป็นไปในแนวธรรมะ ไม่ขัดกับกฎแห่งกรรม เพราะฉนั้นการอธิษฐานกับพระ ทั้งพระพุทธรูป และ พระสงฆ์ บางเรื่องอาจจะช้า เฉยๆ และเงียบๆ เพราะพวกท่านบางที ถืออุเบกขาธรรม เพราะว่าไม่เห็นเกี่ยวข้องกับการที่เราจะเจริญขึ้นในธรรม แต่แรงที่กลับจะมาช่วยจะเป็นพวกเทวดา เทวดานี้มีทั้งที่ตายไปแล้ว และ เทวดาเป็นๆ (ยังไม่ตาย พวก พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง บางทีคนแปลกหน้า มาช่วยสงเคราะห์ก็มี ดวยแรงอธิษฐาน ผลของกรรมและแรงสนับสนุนของครูบาอาจารย์ ช่วยดึงดูดส่งเสริมเทวดาพวกนี้มาตามกรรมดี )

    พระสงฆ์บางรูปท่านปฏิบัติ บางทีไม่ใช่เอาธรรมมะให้หลุดพ้นอย่างเดียว บางท่านบุญบารมีสูง เป็นปัจเจกบุคคล ปราถนาพุทธภูมิ แม้หนทางยาวไกล ท่านก็มุมานะ ด้วยขันติธรรมของท่าน ท่านไม่ใช่ประเภทบรรลุไปแล้ว โปรดชาวบ้านเรื่องธรรม ในสาวกภูมิ แล้วเข้าแดนเกษม แต่ยังช่วยชาวบ้านโดยเฉพาะลูกศิษย์ บริวารที่อยู่ในวัฏสงสารอยู่ ให้พอเอาตัวรอด การโปรดบางทีไม่ใช่ด้วยธรรมะอย่างเดียว แต่โปรดด้วยให้ดำรงชีวิตต่อไปด้วยธรรมะ และจะได้เป็นกำลังของพระพุทธศานาต่อไป

    พระพุทธศาสนาก็ต้องการบริวาร คือ พุทธบริษัทสี่ ให้ดำรงค์ต่อไป และหน้าที่ของพระสงฆ์ก็ต้องสร้าง บริษัทด้วยเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีใครมาใส่บาตรพระ มาสร้างวัด ทำนุบำรุงพระศาสนาน่ะครับ

    หลวงปู่พระครูบุญศรีในสายตาที่ผมใกล้ชิด เป็นพระปัจเจกบุคคล มีบารมีสูง และท่านปราถนาสิ่งที่ยังไปอีกไกล ท่านทำตัวในแนวพุทธภูมิ เป็นพระโพธิสัตว์ ธรรมะของท่านเป็นแบบลุ่มลึก ทำให้ดู ไม่สอนมาก ต้องสังเกตุเอาเอง และท่านจะช่วยศิษย์ของท่านในด้านการดำรงค์ชีวิต ด้วยบารมีของท่าน และสิ่งหนึ่งที่ท่านมักจะอ้างบารมีนี้คือ แรงเทวดา เรื่องหลวงปู่ถ้าจะเล่าลึกๆแล้ว ดูจากฉายาของท่าน ความเห็นของผม ท่านรู้จัก หัวหน้าเทวดาเป็นอย่างดีถึงดีที่สุด ของที่ท่านอธิษฐานจิต จะมากมายไปด้วยเทวดา จะมากน้อย โปรดใคร อธิษฐานพระเครื่อง เครื่องรางแบบใด ก็แล้วแต่การพิจารณาของท่านเป็นครั้งๆไป และของแบบนั้น บางทีไม่เหมือนกัน และไม่เท่ากัน แล้วแต่คณะและบุคคลที่ท่านจะโปรด จะมีท่านคนเดียวที่รู้และเข้าใจในเหตุผล ของอนาคตกรรม ศิษย์แบบเราไม่มีทางเข้าใจได้

    และเทพ เทวดาบางองค์ที่ท่านเชิญมา บางท่านไม่ใช่เทวดาธรรมดา ท่านรู้จักชื่อจะอึ้ง ผมจะทยอยเล่าต่อไปตามความเชื่อของผม และเทพ เทวดาที่ท่านเชิญมา จะมีความสนิทสนมกับท่านเป็นพิเศษ ท่านเชิญมาแบบมาโปรดช่วยลูกหลานแบบ ช่วยๆกัน จะมีแต่คุณ ไม่มีโทษ ท่านทำตัวไม่ดี เทพ เทวดา พวกนี้ก็จะ เงียบไปซ่ะ ตามหลักอุเบกขาธรรม และ ท่านเทพเทวดา จะปฏิบัติตัวของท่านตามหลัก พรหม วิหารสี่ คือ เมตตา กรุณา มุธิตา และอุเบกขา มาตามแนวธรรมะตรงๆ

    ในครั้งหนึ่งที่ผมไปหาท่าน ตอนนั้นกำลังสร้างโบถส์ ผมเดินทางไปๆมาๆ กับวัด และ พยุหคีรีประจำ ที่จริงผมมีเรื่องเล่าในกระเป๋าเยอะเกี่ยวกับหลวงปู่พระครูบุญศรี แต่ยังไม่ออกมาหมด สาเหตุเพราะ ในระยะ อีก สามเดือนข้างหน้า ผมจะปลดเกษียณ ตัวเองไปอยู่เงียบๆสักระยะ เลยเกรงว่าเล่าไปแล้วจะยังไม่จบ เพราะมันยาวมาก เรื่องจะคา พวกท่านถ้าอยากฟังเรื่องเต็มๆ ก็ต้องรอ จนผมกลับมาอีกที...แหะๆ

    การที่ผมไปพยุหะบ่อยจนเหมือนบ้านที่สอง เลยไปรู้จักช่างหลายคน บางคนสนิทมาก ไปอาบน้ำกินข้าว แอบนอนได้ จะเล่าให้ละเอียด ในอนาคตอีกเหมือนกัน การที่ผมเข้าไปคลุกคลีนี้ พยุหะ เป็นเมืองแห่งเครื่องรางของขลัง เพราะทำกันมานาน ช่างเก่าๆจะมีวัสดุ ดีๆ อาถรรพ์เยอะ เพราะเป็นอาชีพเขา บางอย่างไปหามาเอง บางอย่างลูกค้าหามาให้ เอามาแกะ มาผสมทำพระเครื่อง ที่เหลือช่างบางที ตามนิสัยช่างก็เม้มไว้ หรือ เหลือไว้

    ครั้งนี้ก็เหมือนกัน จากช่างที่ผมไปสนิทด้วยเลยแอบไปเห็นห้องพระในห้อง มีของดีๆ เก่าๆมากมาย และคราวนี้ช่างร้อนเงิน เลยจะเอามาต่อผม ผมจำได้ว่าราคา ๔,๕๐๐ บาทซึ่งมากโขใน พ.ศ.นั้น ผมถามว่าอะไรนี่ ป้าแกบอกว่าไม้งิ้วดำ เป็นทั้งต้นจมนำอยู่ที่สิงห์บุรี พวกแกเลยไปเหมามา และตัดแบ่งกันไปในราคาต้นล่ะหลายแสน ในพ.ศ.นั้น ที่ตัดแบ่งก็เอาไปแกะ พระพุทธรูป เครื่องราง เป็นปลัดก็มี เพราะคนนิยมแบบนั้น อันนี้ท่านต้องดูเป็นหน่อยว่าไม่ใช่ไม้มะเกลือ ที่มาอ้างกันว่าเป็น พญาไม้งิ้วดำ ตอน พ.ศ.นั้น ผมก็ยังดูไม่เป็น ไม่รู้จักเลยด้วย เคยได้ยินแต่ชื่อ ตัวจริงก็ยังไม่เคยเห็น ไม่รู้ด้วยว่าดีอย่างไร


    IMG_1211.JPG IMG_1213.JPG IMG_1214.JPG

    เมื่อไม่รู้จัก ซ้ำมีราคาแพง ผมเลยเฉยๆไว้ก่อน ( คือ ยังไม่สนใจ ไม่รู้ว่าดี ) ส่วนนี้ เป็นปลายยอด ที่ตัดออกมามีลักษระคล้ายหัวพญานาค และช่างแกะพระพุทธรูปนาคปรกไว้อย่างสวยงาม เป็นพระปางวันเกิดผมซ่ะด้วย ตกลงยังไม่ซื้อเพราะมีราคาแพง ตอนนั้นยังไม่สนใจมากมาย

    พอกลับวัด ผมไปรายงานหลวงปู่ว่าไปทำอะไรมา เช่น เอาเงินเข้าธนาคาร ยอดเงินงวดนี้มีเท่านี้ บวกกับของเก่ามีเท่านั้น ใช้ไปเท่าไหร ค่าช่างค่าของเท่าไหร่ ให้ท่านทราบ พอเสร็จนึกขึ้นได้เรื่องไม้พญางิ้วดำ เลยเล่าให้ท่านฟัง ท่านฟังเงียบๆตามอุปนิสัยของท่าน แต่พอผมถามว่า ดีไหมครับหลวงปู่

    ท่านบอกสั้นๆว่า ดี

    อันนี้ผมหูผึ่ง เพราะรู้นิสัย ว่าส่วนใหญ่ท่านจะเฉยๆถ้าท่านว่าดีแล้วล่ะก็ ต้องไปแบบดีสุดๆ ไม่ธรรมดา ผมอดถามไม่ได้ว่าดีอย่างไร ท่านบอกว่า มีเทวดา ให้รีบไปเอามา ที่พูดนี่ ท่านยังไม่เห็นของน่ะครับ

    ผมฟังแล้วก้มลงกราบท่าน รีบบึ่งรถกลับไปพยุหะ ไปจ่ายเงินป้า แล้วเอากลับมาให้ท่านดู หลวงปู่อธิษฐานให้ ลงจารที่องค์พระด้วยหมึก เรื่องไม้พญางิ้วดำนี่ยังไม่จบน่ะครับ ผมได้มา เอามาวางที่หิ้งพระบูชามาตลอด ตอนนั้นยังไม่รู้จักมาก ก็เริ่มศึกษา แบบคนวิทยาศาสตร์ว่าไม้งิ้วดำนี่ เป็นไม้อะไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2011
  14. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289

    เดี๋ยวก็มี...แหะๆ..............
     
  15. กราวใน

    กราวใน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    760
    ค่าพลัง:
    +6,266
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง หลวงปู่อั๊บ ครุบาอาจารย์ทุกท่านครับ
    สุขสันต์ วันเด็กกันนะครับ(deejai)
     
  16. G.sis.t

    G.sis.t เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    2,321
    ค่าพลัง:
    +11,307
    กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรง หลวงปู่บุญศรี ครับ

    วันเด็กมีพี่ๆจะแจก อะไรเด็กคนนี้ไม๊ครับ แหะๆ
     
  17. พฤศจิกา

    พฤศจิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +3,046
    มาปูเสื่อรอฟังครับพี่พี ชอบครับเรื่องแนวนี้น่าสนใจมากครับ
     
  18. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    พญาไม้งิ้วดำ (ต่อ )

    มาเล่าเรื่องพญาไม้งิ้วดำต่อน่ะครับ ตอนผมได้ท่อนนี้มา ความสงสัยยังมีอยู่ ไม่ได้สงสัยเรื่องไม้ เรื่องเทวดา ตามที่หลวงปู่บอก ที่สงสัยคือไม้นี่คือไม้อะไร ตอนนั้นผมกำลังช่วยหลวงปู่สร้างโบถส์ไม้สักอยู่ รู้จักพวกช่างไม้หลายคน ทั้งตัวเฒ่าแก่ และช่างมือรอง ที่มาช่วยสร้างโบถส์ ตัวเฒ่าแก่ ผมลืมชื่อแต่ไม่ลืมบ้านว่าอยู่บางประหัน ขากลับเลยแวะไปถาม เอาให้ดู ทุกคนก็เคยได้ยิน พึ่งเคยเห็นตัวจริงท่อนใหญ่ๆ ใกล้ๆกคราวนี้ บางคน ตีว่าไม่ใช่ไม้แบบว่าเป็นหิน บางคนบอกเป็นก้อนถ่านถูกเผามา...แหะๆ ผมเลยตัดใจ ให้เขาเจาะฐานดู พอเจาะออกมา ข้างในก็ดำ เรียกว่าดำนอก ดำใน ทุกคนก็งง เชื่อว่าเป็นไม้งิ้วดำจริงๆ จากนั้นผมเอาให้ดูอีกหลายคน ไม่มีใครมีความรู้เรื่องงิ้วดำจริงๆ เคยแต่ได้ยินมา หรือ ได้เห็นที่เป็นวัตถุมงคลแล้วชนิดอันเล็กๆ คนยุคเก่าๆ เขาจะแกะ พระ นางกวัก สิงห์ ปลัด ยุคเก่าน่าจะหาง่ายกว่ายุคปัจจุบัน

    แต่ยุคใหม่มา หายาก เลยไปเอาไม้มะเกลือมาแกะ ถ้าท่านซื้อตอนนี้จะโดนพวกนี้น่ะแหละ ไม้มะเกลือจะเนื้อแน่น มีน้ำหนัก ดำสนิท ออกมันๆ แกะพวกปลัด สิงห์ ฝักและด้ามมีดหมอ แล้วมาโฆษณาว่า เป็นไม้งิ้วดำ

    ส่วนไม้งิ้วดำจริงๆ จะมีลายไม้ อาจจะไม่ดำสนิท แต่ที่ดำสนิทก็มี ถ้าไม่ขัดเอาเทียนลงก็จะไม่เงามาก ที่ไม่ดำสนิทจะพอเห็นเป็นลายไม้อยู่ อาจจะมีสีน้ำตาลแซม ส่วนที่แก่มาก อาจจะดำสนิท และเปราะ ตกแตกได้

    ถ้าเอาไม้งิ้วดำ มาวางเทียบกับไม้มะเกลือ จะแยกออกได้ง่าย แต่สำหรับผู้ไม่รู้ ไม่เห็นมาก่อน อาจจะซื้อผิดชนิดได้ง่ายๆ

    ไม้งิ้วดำ แท้ๆ ที่ท่อนสวยๆ มีราคาแพงมากน่ะครับ ผมเคยเห็นเขาไปซื้อมาท่อนยาวประมาณ เมตรกว่า เนื้อดีๆเยอะ เอามาแกะงานได้เยอะ ท่อนนั้นซื้อมาราคาแสนกว่า แล้วมาจ้างช่างแกะ เป็นปลัดขิก ชนิด ลิงอุ้มปลัด ผมยังได้มาตัวเอามาให้หลวงปู่ลงให้ นอกจากนั้น ยังได้ แบบตัดท่อนเล็กๆมาอีกหลายท่อน เอาให้หลวงปู่ปลุกเสกหลายครั้ง ยังไม่รู้จะทำอะไรดี หลังหลวงปู่ล่ะสังขารเลยเก็บลืม พอมาเจอหลวงปู่น่วมท่าน ขาดไม้งิ้วดำ ผมเลยถวายไปหมด ท่านเอาไปแกะปลากัดผมยังเก็บมาบ้าง เพราะเป็นไม้ที่อาจารย์ปลุกเสกมาแล้ว เอามาแกะ ปลากัด หลวงปู่น่วมเสกซ้ำให้

    ตอนผมจะทำนางพิม ถวายหลวงพ่ออั้บ ตอนท่านอยากได้ ตนใหญ่ๆ ผมเคยเสนอว่าจะหล่อถวาย ท่านบอกไม่เอา ไม้ดีกว่า คำพูดนี้เป็นความจริงน่ะครับ ไม้มีเทพยาดา สิงสถิตย์อยู่ แต่โลหะไม่มี นอกจากจะเชิญมา และโลหะที่เทพยดา ท่านชอบ คือ ทองคำ และ สีแดงครับ ซึ่งเป็นสี ที่หลวงปู่บุญศรีท่านชอบ และท่านชอบทองคำครับ จะหล่อทองคำตนใหญ่ๆคงจะเป็นไปไม่ได้

    หลังจากยุคหลวงปู่บุญศรีท่านมาแล้ว ผมเข้าใจพวกเทพยดามากขึ้น แต่ไม่กล้าเก็บอะไร เพราะเทวดาท่านแม้จะมีภูมิสูงแต่ก็เหมือนคนน่ะแหละ ยังมีรัก โลภ โกรธ หลงอยู่ ถ้าไม่พอใจ ไม่ใช่ เทพ แบบ สัมมาทิฏฐิ อาจจะให้โทษได้ มีพวกเก็บกุมารทอง พอได้เลี้ยงไม่ดี ให้โทษก็มี ผมเลยไม่เก็บอะไรประเภทนี้ เพราะว่าถ้าผ่านหลวงปู่บุญศรีผมแน่ใจว่าเป็นเทพแบบ สัมมาทิฏฐิ แต่ถ้าไม่ผ่านกลัวจะเจอ พวกนักเลงน่ะครับ...แหะ เดี๋ยวได้มา ที่บ้านจะวุ่นวาย เจ็บป่วย

    แต่มาเปลี่ยนใจตอนมาเจอ ของหลวงพ่ออั้บนี่แหละครับ เพราะ ของท่านเช่น นางพิม เป็น เทวดา เฮฮา ชอบสนุก ชอบเหล้า มีแต่คุณ ไม่ให้โทษ ไม่หลอก ไม่หลอน ทำให้ใครตกใจ เลยเก็บไว้บูชา นอกจากนั้นหลวงพ่อท่านยังมีดี กุมารทองและรักยมน่ะครับ แต่ไม่ได้โปรโมทเพราะกลัวไปทับอาจารย์อื่น ของหลวงพ่ออั้บ ท่านบอกเองไม่ต้องเซ่นไหว้พิเศษ เรียกกิน ตอนเรากินนี่แหละ ของแบบนี้เป็นพวกฝ่ายสัมมาฐิธิน่ะครับ ไม่ใช่พวกนักเลง ผีตายโหง.....แหะๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2011
  19. MooDam

    MooDam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,604
    ค่าพลัง:
    +4,845
    มาติดตามอ่านครับ :)
     
  20. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
    อ่านแล้วสนุกจริงๆ ..... ติดตาม ติดตาม
     

แชร์หน้านี้

Loading...