ขอสอบถาม ค่ะ ----------ท่อง คาถา ชินบัญชร เเบบ เต็ม กับ ท่อง เฉพาะ หัว ใจ-------ชิน นะ ปัญ ชะระๆๆๆๆๆๆๆ ให้ ผล ต่าง กัน ยังไง ค่ะ ------ถ้าผล เหมือน กัน งั้น จํา เฉพาะ หัว ใจ ก็ พอ ---------ไหมค่ะ สงสัย มาก เลย ค่ะ --รบกวน ผู้ รู้ ชี้เเจง ให้ ที ค่ะ
ขอโมทนาค่ะ ในความคิดของดิฉันการที่เราจะท่องแบบลัดหรือเต็มรูปแบบก็ไม่ต่างสักเท่าไรอยู่ที่เราศรัทธา แต่ดิฉันชอบท่องแบบเต็มรูปแบบมากกว่าเพราะเราได้รู้ทุกอย่างในตัวพระคาถาและเป็นการฝึกความอดทน มีสติ ทำให้เรามีจิตสงบมากในขณะที่เราภาวนาพระคาถาเพราะทุกอักขระที่ท่านหลวงพ่อโตได้จารึกใว้นั้นมีความหมายทุกอักขระ ทุกบทในพระคาถาเมื่อคุณเจริญภาวนา ท่านว่าเทวดาจะมาร่วมโมทนาบุญกับท่านด้วย บางท่านก็ว่าก่อนที่จะภาวนาพระคาถาต้องบอกกล่าวเจ้าที่ สัมพเวสี ดวงวิญญานทั้งหลาย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่อยู่ ณ ที่นั้นให้ได้รับรู้ก่อนเพราะอาจจะเป็นการขับไล่พวกเค้าทั้งหลายทำให้บางท่านทรมาน เช่นสัมพเวสีที่มีฤทธิ์ไม่มาก ให้คุณก่อนภาวนาก็ให้กล่าวขมาลาโทษและบอกให้พวกเค้าเหล่านั้นร่วมโมทนาในบุญที่เกิดนั้นกับท่านด้วย พระคาถาชินบัญชรเป็นพระคาถาที่อัญเชิญพระพุทธเจ้า พระสาวก และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้มาสถิตรักษาและคุ้มครองท่านผู้ที่เจริญนั้น ขอให้ท่านที่หมั่นปฏิบัติวิปัสนา ขอให้พาได้พบสุขทุกวิถี ประสบพบนิพพานของญาณมุณี ในชาตินี้มีมรรคผลทุกคนเทอญ
การสวดมนต์ นั้นก็เพื่อรำลึกถึง พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ บทสวดแต่ละบทนั้น ขอให้ศึกษา เพื่อทราบถึงคำแปล ทราบถึงความหมาย นั่นแหละจึงจะเป็นประโยชน์ หากสวดเป็นนกแก้วนกขุนทองก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย คำแปล บทสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ บทสรรเสริญ พระพุทธคุณ อิติปิ โส ภะคะวา ( เพราะเหตุอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ) อะระหัง ( เป็นผู้ไกลจากกิเลส ) สัมมาสัมพุทโธ ( เป็นผู้ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง ) วิชชาจะระณะสัมปันโน ( เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ) สุคะโต ( เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี ) โลกะวิทู ( เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง ) อะนุตตะโร ปุริสสะธัมมะสาระถิ ( เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า ) สัตถาเทวะมนุสสานัง ( เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ) พุทโธ ( เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม ) ภะคะวาติ. ( เป็นผู้มีความเจริญจำแกธรรมสั่งสอนสัตว์ ดังนี้ ) บทสรรเสริญ พระธรรมคุณ สวากขาโต ภะคะวา ธัมโม ( พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ) สันทิฏฐิโก ( เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง ) อะกาลิโก ( เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล ) เอหิปัสสิโก ( เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด ) โอปะนะยิโก ( เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว ) ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ. ( เป็นสิ่งที่ผู้รู้ พึงรู้ได้เฉพาะตน ดังนี้ ฯ ) บทสรรเสริญ พระสังฆคุณ สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว ) อุชุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติตรงแล้ว ) ญายะปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว ) สามีจิปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว ) ยะทิทัง ( ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ ) จัตตาริ ปุริสสะ ยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา ( คู่แห่งบุรุษสี่คู่ นับเรียงตัวได้แปดบุรุษ ) เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ) อาหุเนยโย ( เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา ) ปาหุเนยโย ( เป็นผู้ควรแก่สักการะที่จัดไว้ต้อนรับ ) ทักขิเนยโย ( เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน ) อัญชะลีกะระนีโย ( เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี ) อะนุตตะรัง ปุญญะเขตตัง โลกัสสาติ. ( เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้ ) ปล. ไม่เชื่อลองดูสิครับ จะสวดบทเต็ม หรือจะสวดบทย่อ ที่เป็น "หัวใจ" แล้วลองเอา ปืนยิงศรีษะดูสิครับ ถ้าอันไหน ท่องแล้วสวดแล้ว ยิงไม่เข้า บทนั้นเจ๋งครับ
ขอตอบตามความเข้าใจของตัวเอง แบบเต็ม หรือหัวใจ อันไหนดีกว่า ก็ต้องตอบว่า แบบไหนทำให้ใจเป็นสมาธิ และถูกจริต ถูกใจมากกว่าก็แบบนั้นแหละ มีเวลาก็สวดแบบเต็มเป็นประจำทุกวัน ยามไหว้พระประจำวันนั่นละ รู้คำแปลด้วยก็ดี (จะได้รู้ว่าคาถาบทนี้ที่เค้าว่าดีจริง ๆ มันดียังไง) เวลาปกติ ทำอะไรก็ตาม ถ้าสวดแบบเต็มและทำอะไรไปด้วยไม่ไหว ก็ให้หัดจับลมหายใจ แล้วภาวนาหัวใจคาถาซะ คนที่สวดแบบเต็มและทำอะไรไปด้วยได้มีนะครับ ตัวอย่างก็คุณ สรพงษ์ ชาตรี นั่นไง สวดแบบเต็มวันละเป็นพัน http://palungjit.org/threads/%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A9%E0%B9%8C-%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%A3.254297/
ปกติ หัวใจคาถาต่างๆ มักจะถูกย่อมาเพื่อใช้สวดให้จิตสงบเป็นสมาธิ แล้วน้อมนำจิตไปใช้ตามคาถาที่ได้ภาวนาไว้ ถ้าจิตดีๆ ยังไงก็ได้ละครับ อธิษฐานให้ดีละกัน ดั่งเรื่องตัวอย่าง ========================================== เรื่องของคาถาถึงผิดถ้าใจเราเชื่อมั่นก็มีผลตามนั้น "นะโมพุทธายะ" กลายเป็น "นะโมพุทธาเเยะ" เขายังเสกหินมากินได้เลย เคยได้ยินเรื่องนี้ไหมล่ะ ? หลวงตาออกธุดงค์กลางป่า อาจารย์ก็สอนให้ภาวนานะโมพุทธายะ หลวงตาก็หนังสือหนังหาไม่เคยเรียนมาใช่ไหม ? พออยู่ป่าเผลอกลายเป็น "นะโมพุทธาแยะ" แต่ท่านแยะไปแยะมากำลังใจท่านมั่นคงนี่ เมื่ออภิญญาเกิด ท่านก็จับหินขึ้นมาอธิษฐาน ให้กลายเป็นอาหารก็เป็นอาหาร ให้กลายเป็นขนมก็กลายเป็นขนม กินได้สบายเลย ทีนี้ไปเจอพระนักเรียนเข้าไปธุดงค์เหมือนกัน ไปถึงก็อยู่สบายฉันสบาย อยากฉันอะไรหลวงตาก็ทำให้ อยู่ไปอยู่มาสงสัยก็ถาม "อาจารย์ครับ..อาจารย์ใช้คาถาอะไรถึงเสกหินเป็นอาหารกินได้ ?" หลวงตาท่านก็บอก...ใช้ "นะโมพุทธาแยะ"... พระนักเรียนเขาก็รู้ว่าผิด บอกว่า "ไม่ใช่ครับหลวงตา..ต้อง "นะโมพุทธายะ" ถึงจะถูก ผมเรียนมา ผมรู้.. "นะโมพุทธาแยะ" นี่ไม่ใช่แน่.." เล่นเอาหลวงตาหมดกำลังใจ เสกหินเมื่อไรก็กลายเป็นหินเหมือนเดิม..อดทั้งคู่..! ต้องตะกายกลับวัดมา มาถามอุปัชฌาย์ใหม่ อุปัชฌาย์ก็บอก "คุณ..นะโมพุทธาแยะนั่นตัวเมียใช้ได้อยู่ แต่ถ้าจะให้ดีใช้ตัวผู้ นะโมพุทธายะ ดีกว่าเยอะเลย" ก็เกิดความมั่นใจขึ้นมาอีก คราวนี้แยะก็ได้ยะก็ได้ ถ้าไม่ได้อาจารย์เก่งนี่เจ๊งเลยใช่ไหม ? เขาหมดความมั่นใจไปแล้ว ถ้าคุณมั่นใจถึงคาถาผิดก็ใช้ได้ผล แต่ถ้าหากว่าคุณขาดความมั่นใจมัวแต่ไปสงสัยอยู่ผลก็จะน้อย เพราะฉะนั้น..คุณก็เปลี่ยนเอาตัวที่เรามั่นใจ สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนสิงหาคม ๒๕๔๔ http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1880
ถ้าต้องการสวดให้จิตมีสมาธิก็สวดแบบเต็ม แต่ถ้าสวดแบบย่อนั้น สวดตอนที่เราทำอิริยาบทอื่นๆกครับ เพื่อให้จิตไม่ฟุ้งครับ อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
ให้ผลเท่ากัน หากสวดด้วยจิตที่เป็นกุศล ไม่มีมากมีน้อยต่างกันเลย บทยาวก็ภาวนาต้องใช้ความจำหน่อย บทสั้นก็สวดหลายๆรอบ หากสวดโดยจิตจดจ่อต่อคำสวดไม่วอกแวก ไม่มีอคติ ไม่มีอกุศล ได้บุญเท่ากัน