ผมรู้จุดบอดของกฎแห่งกรรมแล้วครับ แต่ไม่บอก เดี๋ยวจะลามไปเปล่าๆ

อยู่ใกล้ๆแค่เอื้อมจริงๆ แต่บอกไม่ได้อะ ไม่อยากชวนคนอื่นสติแตกเหมือนผม เซ็งถูกหวยกินอีกแล้ว ท่านเทพไม่ช่วยอะไรผมมั่งเลย หาแต่งานมาให้ทำจนมือหงิกหมดแล้ว

 

ที่จริงก็อยากจะบอก ไม่งั้นจะมาโพสทำไม คันปากก็บอกมาเหอะ ตลก(deejai)

 

เทพขี้บ่น... ระบายออกมาบ้างเห็นจะดีเป็นแน่แท้

 

จุดอ่อนของกฏแห่งกรรม คือไม่ใช่เหตุและผลของทุกปรากฏการณ์

เช่นกันกับ พระเจ้า พระองค์ไม่ได้ดลบันดาลทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา


มั่วๆครับ อิิิิิิิิอิิิิิิิ

 

จุดบอดก็คือผู้ที่ก้าวข้ามพ้นวัฏฏะสงสารแล้วกฎแห่งกรรมก็ตามไม่ทันไง อิอิ

 

จุดนั้นอยู่ที่ใด

 

ถ้าที่ผมคุยกับฝรั่ง มักจะบอกว่า

เรื่องกฎแห่งกรรมถ้าเชื่อมันก็มีจริง แต่ถ้าไม่ ก็ไม่มีจริง

เช่นเดียวกันกับเรื่อง ชาตินี้ ชาติหน้า ถ้าเชื่อมันก็มี ไม่เชื่อก็ไม่มี



แต่ถ้าจะว่ากันอย่างนี้ สามารถหักล้างได้ตรงที่ว่า

ฝรั่งหลายคนที่ไม่เคยมีเรื่องชาตินี้ชาติหน้าอยู่ในหัว

แต่สุดท้ายก็ต้องเชื่อ เมื่อลูกตัวน้อยอายุ 3-4 ขวบเพิ่งหัดพูดมาเล่าว่า

ชาติก่อนตัวเองเป็นอย่างนี้ ตายเพราะอย่างนั้น

 

แล้วกฎอิทัปปัจจยตา ล่ะ
เพราะเขาครอบคลุมกฎกรรม(สังสาร) ไปถึงกฎธรรม

อิทัปปัจจยตา เป็นหลักการทางพุทธศาสนากล่าวถึงความเกี่ยวเนื่องกันของเหตุและผล เมื่อมีเหตุย่อมมีผล และเมื่อเหตุดับผลก็ดับ คือ เมื่อสิ่งนี้มีสิ่งนี้ย่อมมี เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เมื่อสิ่งนี้ไม่มีสิ่งนี้ย่อมไม่มี เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป

อิทัปปัจจยตา ถือเป็นหัวใจของปฏิจจสมุปบาทเป็นกฎเหนือกฎทั้งปวง เป็นพุทธธรรมอันติมะหรือสัจธรรมความจริงแท้ ที่สุดของพุทธศาสนา และเชื่อมโยงคำสอนทั้งปวง ของพระพุทธเจ้าว่า ล้วนเป็นไปตามหลักธรรม หรือกฎของอิทัปปัจจยตาทั้งสิ้น

อิทัปปัจจยตา - วิกิพีเดีย

 

ผมก็คิดนะว่ากฏแห่งกรรมมีจุดบอดอยู่แต่ไม่กล้าพูด คุณบอกมาเถอะ ไหนๆก็ตั้งกระทู้แล้ว

 

รู้ดีไปหมด แต่กลับไม่รู้จักการใช้ชีวิตให้มีความสุข

 

<TABLE id=post709324 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>17-09-2007, 04:50 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หนุมาน ผู้นำสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_709324", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jul 2006
ข้อความ: 11,030
Groans: 1
Groaned at 473 Times in 325 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 212
ได้รับอนุโมทนา 70,663 ครั้ง ใน 10,121 โพส
พลังการให้คะแนน: 5039




</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_709324 class=alt1><CENTER><!-- google_ad_section_start -->*** กฎแห่งกรรม มิใช่สิ่งสูงสุด ****<!-- google_ad_section_end -->

</CENTER>
<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "ca-pub-2576485761337625";/* 336x280 */google_ad_slot = "0551074580";google_ad_width = 336;google_ad_height = 280;//--> </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110114/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT src="https://ssl.gstatic.com/gb/js/gcm_66a225a4a9849ebff5b9f77536ce7311.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
*** กฎแห่งกรรม ****

กฎแห่งกรรม...ไม่ใช่สิ่งสูงสุด
กฎแห่งกรรม....คนเรารู้มานานแล้ว นานก่อนจะมีพระพุทธเจ้า
มนุษย์เรา...รู้ว่าทำดีได้ดี...ทำชั่วได้ชั่ว...มานานแล้ว

แต่ไม่มีใครรู้ว่า....เพราะเหตุใด ทำดีจึงได้ดี !!!
ไม่มีใครรู้ว่า...เพราะเหตุใด ทำชั่วจึงได้ชั่ว !!!!

ไม่มีใครรู้เหตุผล
ไม่มีใครรู้ถึงคำตอบ

จนกระทั่ง...พระพุทธเจ้าค้นพบว่า
ทุกการกระทำ ที่ได้ทำไปแล้ว… ไม่ตาย ไม่สูญสลาย
เกิดเป็นตัวเป็นตน...แต่คนเราไม่สามารถมองเห็นได้
พระพุทธเจ้า...จึงเรียกผลของการกระทำนี้ว่า.... “ตัวกระทำ”

พระพุทธเจ้า...พบว่า
ทุกตัวกระทำ... จะติดตัว ติดไปกับจิตวิญญาณของเราตลอดกาล
และ ทุกตัวกระทำ.... มีผลตอบแทนทั้งสิ้น

พระพุทธเจ้า...จึงพบว่า
สิ่งนี้เองคือ.... “หลักสัจจะธรรม”
พระองค์จึงสรุปแก่นสารของ...สัจจะธรรม ความจริงในธรรมชาติ ไว้สั้นๆ
……. “ ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน ” …….

ในที่สุด
พระพุทธเจ้า...จึงตรัสรู้ว่า
”หลักสัจจะธรรม”... คือ เหตุผลของ “กฎแห่งกรรม” นั่นเอง

เพราะ... “ตัวกระทำ” จากการกระทำที่ไม่ดี เบียดเบียนผู้อื่น...
จึงส่งผลไม่ดีกลับมา เป็นความทุกข์ เช่น โชคไม่ดี โรคร้าย อุบัติเหตุ เป็นต้น

เพราะ... “ตัวกระทำ” จากการกระทำที่ดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์...
จึงส่งผลดีกลับมา เป็นความสุข เช่น โชคดี รอดพ้น ปลอดภัย แคล้วคลาด เป็นต้น

พระพุทธเจ้า จึงเป็นผู้ค้นพบความจริง
ว่า...กฎแห่งกรรม ไม่ใช่สิ่งสูงสุด
”หลักสัจจะธรรม” ความจริงในธรรมชาติ...คือ สิ่งสูงสุด มีผลรอบคอบจักรวาล
หลักสัจจะธรรม....จึงเป็นเหตุผลของ “กฎแห่งกรรม”

พระพุทธเจ้า...จึงพบว่า
การกระทำ...เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
เพราะ...การกระทำ ก่อให้เกิด... “ตัวกระทำ”
พระองค์...จึงมุ่งสั่งสอนให้มนุษย์ ปฏิบัติตนด้วย “สัจจะ”
ทำความดีให้ได้สักหนึ่งข้อ เพื่อเป็นที่พึ่งให้กับตนเองต่อไป

และ พระองค์...ทรงใช้ “สัจจะ”
เป็นผู้นำตนเอง ในการขจัดกิเลสนิสัย...จนหมดสิ้นไปจากจิตใจของพระองค์
พระสงฆ์และสาวก ในสมัยพระพุทธเจ้า...จึงปฏิบัติด้วย “สัจจะ” เป็นประจำ
ผู้ที่สำเร็จเป็นอรหันต์...จึงมีมากในสมัยพุทธกาล
เพราะ...ตั้งใจจริง และทำได้จริง....นิสัยแต่ละตัวจึงค่อยๆ หมดไปได้จริง

- “ หนุมาน ผู้นำสาร “

<!-- google_ad_section_end -->


</TD></TR></TBODY></TABLE>
<SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110114/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
<SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110114/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><IFRAME style="POSITION: absolute; VISIBILITY: hidden" height=1 src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/s/iframes_api_loader.html" width=1></IFRAME><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>

 

เพิ่งเข้าใจ...เมื่อได้อ่านข้อความนี้...หลังจากที่ติดตามมานานนับปี...

 

คำว่า "จุดบอด" ของกฎแห่งกรรม นี่.. ช่วยให้คำนิยามของคำว่า "จุดบอด" ได้ไหมคะ ??? ^^

เท่าที่ mamboo รู้มา กฎแห่งกรรม มีลักษณะการสะท้อนผลในแบบ เครือข่าย ..

ผลของการกระทำ ณ ปัจจุบันนี้ ไม่ได้สะท้อนไปแค่ปัจจุบัน .. แต่สะท้อนไปหมด ทั่วทุกตัวตน ทุกมิติ ทุกภพภูมิ

หากใครสามารถระลึกชาติได้สัก 10 - 20 ชาติ ก็จะมองเห็นว่า ทุกๆย่างก้าวของ.. ทุกๆเสี้ยววินาที มีการเชื่อมโยงแบบเป็นเครือข่ายและแบบลูกโซ่ อะไรๆก็จะเชื่อมถึงกันหมด

สรรพสิ่ง มีการออกแบบเหตุการณ์ และผลกระทบ ให้มีความคล้องจองกัน .. และ สมบูรณ์แบบ..

ถ้าใครเป็นโรคมะเร็ง หรือใครกำลังเจอเหตุการณ์ที่ดี หรือเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกข์

คุณลองทำสมาธิ ระลึกชาติดูสิ่ >< แล้วจะเห็นหมดเลยว่า... ทุกอย่าง มีเหตุ ปัจจัย ทำให้เหตุการณ์และสิ่งแวดล้อมรอบๆตัว ส่งผลกระทบมาแบบนี้ๆๆๆ

mamboo ว่า กฎแห่งกรรม นี้.. เป็นกฎที่ สมบูรณ์แบบ มากกกกกก!!

 

ถ้าเรามองแค่ ตัวตนเดียว ชาติภพเดียว เราก็มองไม่เห็นโครงสร้างของกฎแห่งกรรมหรอก

แต่ถ้าเรา มีความสามารถ ที่จะมองเห็น ทุกๆมิติ ทุกๆชาติภพ ทุกๆตัวตน ..

ถ้ามีความสามารถที่ไม่จำกัด จะทำอะไรก็ได้ จะเข้าใจอะไรก็ได้ จะไปอยู่ ณ ที่แห่งหนใดในเอกภพนี้ก็ได้ .. แล้วถ้าเรา ลองมองไปที่ ทุกๆชีวิต ทุกๆชาติภพ ทุกๆมิติ และทุกๆกาลเวลา แล้วเราจะเข้าใจว่า..

แต่ละย่างก้าวของเรา .. ธรรมชาติมีความสามารถที่ล้ำลึกในการสร้างสรรค์เหตุการณ์และสิ่งแวดล้อม ให้เป็นไปตาม การกระทำจากทุกๆตัวตนของเรา..

หนทางเดียวที่จะออกจากวัฏสงสารได้ คือ .. เป็นพรหม(ระดับพรหมขึ้นไป) หรือไม่ก็ ต้องสำเร็จ อรหันต์

มีแต่ชั้นพรหมเท่านั้น ที่ไม่ถูกหลอก..

การเวียนว่ายตายเกิด เหมือนการถูกหลอก ... ถูกหลอกจากอะไรสักอย่าง ให้เรามาเจอสุข แล้วก็มาเจอทุกข์

 

จะเชื่อตอนเป็น หรือจะไปเห็นตอนตาย

;k06

 

จุดบอดของกฎแห่งกรรม น่าจะเป็นการหนีได้แต่ทรมานครับ จงคิด จงกระทำและยอมรับผลของมันซะ ใครยังไม่เห็นกฎแห่งกรรมยังไม่ยอมรับกฎแห่งกรรม ผมบอกตรงๆ ว่ายังห่างไกลครับ พระพุทธเจ้าทั้งหลายท่านรู้มาตั้งแต่ยังบำเพ็ญเพียรเป็นพระโพธิสัตว์อยู่เลยครับ เปรียบเหมือนกับการกินเมื่อกินเสร็จก็ต้องถ่าย เพียงแต่คุณจะอั้นไว้ได้ถึงเมื่อไหร่เท่านั้นเอง เมื่อถึงเวลากฏแห่งกรรมให้ผล ยิ่งอั้นไว้ก็ยิ่งทรมาน

 

กฎแห่งกรรม.....ไม่มีจุดบอดหรอก

มีแต่คนที่ตาบอดมองไม่เห็นกฏเเห่งกรรม

 

อืม จุดบอดมี พระอรหันต์ที่ละสังขารแล้ว กรรมที่ยํงไม่ให้ผล ถือเป็นโมฆะ

 

*** ผู้สำเร็จไปแล้ว ****

กรรม ...ตามไม่ทัน
หาตัวตนไม่เจอ.... เพราะเขาไปแล้ว หลุดพ้นโลกไปแล้ว
คู่กรณีต่างๆ... ก็ไปหวังผลตอบแทนอะไรจากเขาไม่ได้
เพราะเขาไปแล้ว... เขาไม่หวังผลอะไร ในโลกที่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกแล้ว

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** เข้าถึงนิพพาน ****

จะเข้าไปได้
ก็ต้องอาศัย "ตัวกระทำจากสัจจะ" ที่ทำสำเร็จไปแล้ว ...ถึงจะเข้าไปได้
เป็น ตัวกระทำในการปลดนิสัย สิ่งผูกพันธ์ระหว่างตัวเรากับเรื่องราวในโลก

- " หนุมาน ผู้นำสาร "