สงสัยในตัวพระสงฆ์ จิตมันชอบไปสงสัยอยูเรื่อย จะบาปมากไหมค่ะ

คือว่าเมื่อวันก่อนไปทำสังฆทานที่วัดแถวบ้าน พอเข้าไปที่กุฏิพระสงฆ์รูปหนึ่ง ก็เกิดการสงสัยในใจขึ้นมาทันทีค่ะ พยายามห้ามไม่ให้สงสัยมันก็ห้ามไม่อยู่ เพราะเราเห็นทีวีจอใหญ่มาก แล้วตอนครอบครัวเราเข้าไปท่านก็นอนดูทีวีแบบชิวมาก (ดูละครเกาหลีช่อง7) คือคิดสงสัยอะไรแบบนี้จริงๆค่ะ เพราะในความคิดเราพระสงฆ์คือผู้ละกิเลสเเล้วนี่นา เเล้วทีนี้เราก็พยามยามสลัดความสงสัียออกไป เพราะตอนที่ท่านให้พรนั้นเราสับสนมากเรย ไม่มีสมาธิเลย พยามยามไม่สงสัยอะไรทั้งนั้นเเต่เเล้วตาเราเหลือบไปเห็น ซีดีหนังบู๊ ..... สรุปช่วงวันนั้นที่ไปทำสังฆทานกลับบ้านมาพร้อมกับความสงสัยที่ห้ามไม่อยู่ ความกลับบาปในการสงสัย ความสับสน ไม่มีสมาธิ เเ้ละไม่สบายใจเลยค่ะ

 

อย่าไปสงสัยในพระสงฆ์เลยครับ ท่านจะทำอย่างไรก็เป็นพระสงฆ์ครับ
แต่ถ้าเราไปคิดไม่ดีต่อท่านมันจะบาปกรรมเปล่าๆครับ ไม่มีประโยชน์เลย
คนไม่ดีเราว่าได้เพราะเราเป็นฆราวาสมีศีลห้าเสมอกัน แต่พระท่านมีศีล227
เราไม่มีศีลเท่าท่าน ท่านผิดศีล10ข้อ ก็ยังเหลือ 217ข้อ มากกว่าเราอยู่ดี
ผมได้อ่านเรื่องที่แม่ชีทศพรท่านสอน คนสมัยนี้มีกรรมกับพระสงฆ์เยอะครับ เช่น
บางคนเห็นพระไม่ต่อแถวก็ไปว่าท่าน บางครั้งท่านอาจลำบากในการเข้าคิวเพราะมี
ทั้งโยมผู้ชายผู้หญิง หรือเรื่องที่ท่านทำไม่เหมาะสมในเรื่องต่างๆเราก็อย่าไปคิดติเตียนท่าน
บาปจะติดตัวเราเปล่าๆ ทางที่ดีเวลาสวดมนต์ก็บอกขอขมาพระรัตนตรัยด้วยนะครับ

 

เอางี้นะ....สงสัยได้....เพราะมันเป็นเรื่องปกติ....แต่เมื่อสงสัย....ห้ามเลยไปตำหนิ....อย่างนี้ทำได้ไม......

เรื่องปกตินะครับ.....ที่นี่ถ้าอยากทำบุญ...เราไปหาที่ที่ดีที่เราชอบใจ.....เราไปทำที่นั่นก็ได้ครับ.....เห็นพระดีๆแล้วเราชอบใจเราก็ไปทำที่นั่นก็ได้ครับ.....บางครั้งมันก็เหมือนเราเลือกที่นานะ.....นาดีข้าวที่เราปลูกก็ดี......นาไม่ดีข้าวก็ไม่สวย......งั้นท่านไม่มีคำว่านาบุญกันหลอกนะครับ......

ส่วนใหญ่ให้ผมแนะนำนะ.....ไปทำบุญในที่ๆเป็นสถานที่เขาปฏิบัติธรรมกัน....เช่นวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมอะไรอย่างนี้(เอาไปใช้เป็นส่วนรวมให้ผู้ปฏิบัติได้ร่วมกันใช้).....หาที่ๆที่ใกล้คุณที่สุด.....หรือที่ๆคุณเคยไปปฏิบัติแล้วคุณชอบใจ.....หรือพระสงฆ์ที่คุณชอบใจในแนวการปฏิบัติ...และรู้ว่าท่านเป็นพระปฏิบัติดี.....หรือโครงการที่ดีๆของสงฆ์ เช่น สนันสนุนการศึกษาธรรม ผ้าป่าช่วยชาติ อะไรว่าไป......อันนี้จะดีกว่าครับ...คือเราสบายใจ นึกถึงบุญเมื่อไรเราก็สบายใจ.....อย่างนี้ดีกว่าไม......

จริงๆไม่อยากตำหนินะ....แต่สมัยนี้โจรในพระพุทธศาสนามันเยอะ....จะว่าหลับตาข้างหนึ่งอันเรานั้นก็ไม่โง่นิ....ใช่ไม....เหมือนคนที่จะลงทุนก็ต้องหาที่ลงทุนที่ดี...จะทำทั้งที่ทำที่ดีๆไปเลย.....

 

ครูบาอาจารย์ท่านสอนมาขอรับ ควรจะขอขมาโทษคุณพระศรีรัตนตรัย ทั้งตื่นนอน และก่อนนอน ขอรับในระยะแรก และทำให้เป็นส่วนนึงทำทุกวันจนหมดลมหายใจขอรับ บทขอขมาโทษคุณพระศรีรัตนตรัย
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต ฯ
(ถ้าหลายคนว่า.....ขะมะตุ โน ภันเต, ฯลฯ....
ขะมะตุ โน ภันเต , อุกาสะ ขะมามะ ภันเต ฯ )
​

หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุก ๆ
พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้
ก็ดี ด้วยทางกายหรือวาจาก็ดี และด้วยเจตนาหรือไม่มีเจตนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์สมเด็จ-
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย
และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดอดโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ ฯ
จากหนังสือสวดมนต์แปล
วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี

 

เรามีสิทธที่จะสงสัยได้ครับ การทำดีโดยปราศจากปัญญา ก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ถ้าเราเห็นพระไม่ปฎิบัติกิจของสงฆ์ที่ควร การจะทำบุญกับท่านก็ต้องคิดให้ดีก่อน
คราวต่อไปก็ต้องคิดแสวงหาพระที่เราทำบุญได้อย่างสบายใจ แบบนี้ดีกว่าครับ
ชาวพุทธที่ดีควรจะมีปัญญาให้มากกว่าศรัทธาน๊ะครับ การทำบุญที่ใช้ปัญญา
จึงจะสัมฤทธิ์ผลทั้งเบื้องหน้าและเบื้องปลายได้มากกว่า....

 

อย่าไปสงสัยท่านเลยดีกว่าค่ะ..ให้ดูตัวเองไว้มากๆจะดีกว่านะค่ะ..สาธุ..สาธุ..สาธุ

 

อย่าสงสัยเลยนะคะ เวลาไปทำบุญ ตั้งจิตให้ดี ดีกว่าค่ะ คิดเสียว่า ใครทำเช่นไร ก็ได้เช่นนั้น สาธุ

 

เคยได้ยินนิทานเรื่อง ทำบุญกับโจรไปสวรรค์ ทำบุญกับพระอรหันต์ไปนรก มั้ยครับ ?
เรื่องนี้เป็นอุทหรณ์ได้ดีนะครับ...