รวมกระทู้ที่ไม่เหมาะสมไม่อ้างที่มาในพระไตรฯภาษาไทยของ frozen flower และอีกหลายชื่อ

เสาคู่หยินหยาง เสาเอกแห่งจักรวาล


เมื่อถึงกึ่งกลางพุทธกาล เกิดความเปลี่ยนแปลงใหญ่ในจักรวาล
มหาบุรุษคู่หนึ่งเป็นพระมหาโพธิสัตว์ มหาบุรุษเพศทั้งคู่บนสวรรค์
สุขาวดี รับกิจสำคัญให้ลงมาเกิดยังโลกมนุษย์เพื่อเป็น "เสาหลัก"
ในการค้ำจักรวาล ท่านทรงเพศฆราวาส บำเพ็ญบารมีจนได้ครอง
คทาทิพย์อันวิเศษแล้วด้วย "มหาปณิธาน" อันมั่นคงจึงรั้งกิจนี้ได้


หนึ่งนั้นอยู่ในประเทศไทย หนึ่งนั้นอยู่ที่ประเทศภูฏาน

 

จักรคู่หยินหยาง พลังขับเคลื่อนแห่งจักรวาล


พระมหาโพธิสัตว์อีกคู่หนึ่ง บำเพ็ญบารมีเป็นพลังหยินหยางกัน ครั้งอดีตชาติ
ผู้หนึ่งเกิดเป็นมนุษย์ ผู้หนึ่งเกิดเป็นนางฟ้า ทั้งสองรักกันแต่ถูกจับแยกด้วย
จักรวาล จึงต้องจุติเป็นเทพที่อยู่คนละฟากฝั่งของจักวาล แต่พลังแห่งรักนั้น
แรงกล้า ยังสามารถขับเคลื่อนจักรวาลให้ดำเนินไปได้ เมื่อบำเพ็ญบารมีจน
บังเกิดเป็นพระมหาโพธิสัตว์คู่หยินหยางแล้ว จึงรับกิจลงมาเกิดเป็นมนุษย์ทั้ง
คู่ เพื่อขับเคลื่อนธรรมจักรแห่งจักรวาล มีจักรแก้วอันเป็นทิพย์เป็นสิ่งคู่บารมี
ทั้งคู่จำตัดความรักใคร่ เพื่อหมุนธรรมจักรนี้ จำต้องอยู่อย่างไร้คู่ครอง


ท่านดำรงอยู่ในสถานภาพเดียวกัน ท่านหนึ่งอยู่ประเทศไทย ท่านหนึ่งอยู่ภูฏาน

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=410 bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=402 height=235></TD></TR><TR><TD background=/s1000_obj/Include/Include_File/3614/object//3_bgLong2.png></TD><TD></TD></TR><TR><TD background=/s1000_obj/Include/Include_File/3614/object//3_bgLong2.png></TD><TD height=2></TD></TR><TR><TD background=/s1000_obj/Include/Include_File/3614/object//3_bgLong2.png></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

มณีแก้วคู่หยินหยาง พลังคุ้มกันแห่งจักรวาล


พระมหาโพธิสัตว์อีกคู่หนึ่ง บำเพ็ญบารมีเป็นพลังหยินหยางกัน ได้รับคำสั่งให้
ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อคุ้มครองโลกและจักรวาล ด้วยการบำเพ็ญเนกขัมมะ
และศีลบารมีอย่างยิ่งยวด สำเร็จเป็น "ดวงแก้วมณีทิพย์" อันไร้เทียมทาน มี
ท่านหนึ่งรบ 126 ครั้งไม่เคยแพ้ใคร ท่านหนึ่งลงมาปกป้องคุ้มครองทิเบตอัน
เป็นศูนย์กลางแห่งมหายาน สถานที่ติดต่อกับสุขาวดีสวรรค์ ทั้งคู่ดำรงอยู่ใน
สมณเพศ มีดวงใจอันแข็งแกร่ง


ท่านหนึ่งอยู่ในประเทศไทย ท่านหนึ่งอยู่ประเทศอินเดียในปัจจุบัน

 

คู่สุดท้าย ยังสัมผัสพลังไม่ได้
โปรดติดตามตอนต่อไป...

 

อมรพิมานอวตารสถิต

ในสมัยพุทธกาลซึ่งมีบันทึกในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าได้เคยเอ่ยเปรียบเปรยถึงโลกอื่นอยู่หลายครั้ง และมีบางครั้งที่ภิกษุได้ทูลถามว่า มนุษย์ในโลกอื่นนั้นมีลักษณะที่แตกต่างจากมนุษย์ในโลกนี้เช่นไร?
พระพุทธเจ้าได้ตรัสตอบเอาไว้ว่า เมื่อเปรียบมนุษย์ในโลกอื่นกับโลกนี้นั้น อาจมีความเหมือนหรือแตกต่างกัน บางโลกก็มีกายเหมือน จิตเหมือน, บางโลกก็มีกายเหมือน แต่จิตไม่เหมือน, บางโลกก็มีจิตเหมือน แต่กายไม่เหมือน และ บางโลกก็มีจิตไม่เหมือน กายไม่เหมือน!!!

อวตาร [อะวะตาน] ก. แบ่งภาคมาเกิดในโลก (ใช้แก่พระนารายณ์) เช่น พระนารายณ์อวตารเป็นปลา. (ส.).
​

ปัจจุบัน มนุษย์เราเริ่มเสียเวลาและถวิลหาการอวตารมากขึ้น ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม!!!

​

จากภาพข้างบนจะเห็นว่า ถึงแม้เทคโนโลยีเดี๋ยวนี้จะทันสมัยแล้วก็ตาม แต่เราก็พบว่า เรายังคงอวตารด้วยประสาทสัมผัสที่จำกัดอยู่ เรายังมองเห็นและได้ยินเสียงในรูปแบบ 2 มิติ ยังคงรับรสรับกลิ่นรับกายสัมผัสผ่านการอวตารไม่ได้!!!

​

แต่ถึงแม้กระนั้นก็ตาม บรรดานักวิทยาศาสตร์ต่างก็เพียรพยายามที่จะทำให้มนุษย์ สามารถอวตารได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยการใช้ความรู้เรื่องระบบสมองและระบบคอมพิวเตอร์เข้าช่วย ในการเบี่ยงวิถีของประสาทสัมผัสทั้งห้าของมนุษย์ แล้วต่อเชื่อมประสาทสัมผัสทั้งห้าของมนุษย์ จากสมองเข้าสู่ร่างอวตารโดยตรง!!

​

โดยส่วนตัวแล้วมองว่า การอวตารเข้าสู่ร่างทรงหรือร่างอวตาร มีมากมายหลายรูปแบบมาก ผมก็เลยทำเป็นตาราง 2 มิติตามข้างบน เพื่ออธิบายให้พวกเราเข้าใจ โดยใช้วิธีเทียบเคียงและยกตัวอย่างจาก ละคร, ภาพยนตร์ และ วรรณกรรม มาเป็นตัวอ้างอิง
ประเด็นที่จะชี้ให้เห็นก็คือ การอวตารนั้นมีอยู่ 2 แบบ แบบหนึ่งคือการอวตารเข้าสู่โลกเสมือนจริง ในขณะที่อีกแบบหนึ่งคือการอวตารเข้าสู่โลกจริง!
สีแดงที่ผมป้ายเอาไว้ในตารางหมายถึง … การอวตารในแบบนั้น ๆ ต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นตัวช่วย ซึ่งจะเห็นว่าถ้าอวตารเข้าสู่โลกเสมือนจริง ยังไงก็ต้องใช้คอมพิวเตอร์ช่วย 100% อยู่แล้ว แต่พักหลังเรากลับพบว่า เริ่มมีจินตนาการในการใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยในการอวตารจากโลกจริงเข้าสู่ร่างอวตารในโลกจริงมากขึ้น
กลายเป็นว่า การอวตารจากโลกจริงสู่โลกจริง ไม่ใช่เรื่องของจิตวิญญาณและอิทธิปาฏิหาริย์อีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นวิทยาศาสตร์ไปซะนี่!!!
ผมไม่รู้ว่าจะเรียกแขนงวิชาทางคอมพิวเตอร์ ในการอวตารจากโลกจริงไปสู่ร่างอวตารของโลกจริงยังไงดี????


นี่ก็อวตารมา



นี่ก็อวตารมา


นี่คือผู้หญิงที่อวตารมา ตัวจริงภายนอกสวยงามแต่ข้างในผสมด้วยสัตว์หลายชนิด
เป็นมูลเหตุให้บรุษเพศประพฤติพรหมจรรย์

 

ดวงแก้วมณีมีปัญหา


ดวงแก้วที่คุ้มครองประเทศไทย ถูกแทรกด้วยพญามารตนหนึ่ง
ทำให้พลังดำปกคลุม ไม่อาจแก้ไขได้ ประเทศไทยจึงตกอยู่ใน
สภาวะเหมือนเมฆหมอกปกคลุม ผู้คนลุ่มหลงมืดบอด


ดวงที่คุ้มครองทิเบตก็มีปัญหา พลังบางแม้มีดวงแก้วหลายชั้น
ทำให้มีบางสิ่งแทรกผ่านเข้าไปได้ทีละน้อย จนทิเบตล่มในที่สุด


ดวงแก้วมณี ระหว่างกำลังก่อตัวจากพลังปราณ เป็นช่วงที่ต้อง
ระวังมาก ถ้าเป็นดวงแก้วชั้นเดียว มารอาจแทรกก่อนก่อตัว
เป็นดวงแก้ว บางท่านจึงบำเพ็ญทีละชั้นกันไว้ก่อน แต่จะทำให้
แต่ละชั้นก่อตัวจากพลังปราณที่บางกว่า เป็นปัญหาเช่นกัน

 

เสาสูงโดดเดี่ยว มั่นคง หนาวเหน็บ ท่ามกลางมรสุม
จักรตัดขาดแล้วเกือบทุกสิ่ง เหลือเพียงพลังรักขับเคลื่อน
หากพลังแห่งความแค้นเข้าแทรก โลกจะเกิดเภทภัย
ดวงแก้วมณีบำเพ็ญแล้วครอบกาย จะตกอยู่ในสภาพ
คล้ายคนมีโลกส่วนตัว ยากเข้าถึง ยากที่จะเข้าใจได้

 

เสาหลักหากหวั่นไหว ปฐพีจะสั่นสะเทือน
จำต้องปักหลักมั่นคง แน่วแน่ในปณิธาน
ไม่คลอนแคลนหวั่นไหว ไม่ถอนรั้งกลับคืน
เมื่อปักหักตั้งปณิธานแล้ว ต้องมั่นคงยั่งยืน

 

พญามารนั้นชื่อว่าอะไร

 

จักรแก้วมณีโชติมาก่อเสาหลักอีกครั้ง

 

เมื่อถูกถามว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 จะมีการสู้รบกันอย่างไร
ตอบว่า "ผมไม่รู้ ผมรู้แต่เพียงว่า สงครามโลกครั้งที่ 4 จะสู้รบกันด้วยไม้และก้อนหิน"

 

อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด...
สามัคคีคือพลัง... ^_^

 

อัญญาสิทธิ์ อัญญาธรรม หมายถึงอะไร?

ครั้งโกญทัญญะพราหมณ์สำเร็จอรหันต์ด้วยธรรมจักร
กัปปวัตตนสูตรพระพุทธองค์องค์ทรงตรัสประมาณว่า
อญฺญาสิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ, อญฺญาสิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ
มีคำหนึ่งเป็นปริศนาโดยนัย คือ "อัญญาสิทธิ์ อัญญาธรรม"
ตามมาในภายหลัง ว่าความหมายนี้คืออะไร?

 

ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าหมายถึงอะไรเห็นมีคนพูดถึงเยอะเหมือนกันบางคนก็เอาไปอ้างเพื่อให้ตัวเองดูต่างจากคนธรรมดาสามัญแล้วก็ชวนทำบุญ.....

 

พระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีธรรมได้อย่างไร ย่อมมีสิทธิ์กระทำกิจได้อย่างนั้น


พระโพธิสัตว์คือผู้ที่ยังไม่รีบนิพพาน แต่ยอมสละนิพพานเพื่อช่วยปวงสัตว์ให้ถึงนิพพานก่อน
เช่น บางพระองค์ทรงจุติลงมาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิเพื่อช่วยค้ำจุนพระพุทธศาสนาให้รอด
จากภัยมาร ทั้งยอมเปื้อนมือก่อกรรมมากมายเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนานั้น


พระโพธิสัตว์บางพระองค์ทรงบำเพ็ญบารมีได้ "ธรรมจักร" ย่อมมีสิทธิ์ใช้ธรรมจักรนั้นทำกิจ
คำว่าธรรมจักร มีนัยยะหลายประการ ประการหนึ่งคือ การขับเคลื่อนเทพสวรรค์ที่จะลงมาทำ
กิจยังโลกมนุษย์ให้กระทำกิจอันควรได้หรือก็คือเป็นผู้ปกครองเทพสวรรค์ที่ลงมาทำกิจยังโลก
นั่นเอง ทั้งนี้เพื่อให้ดำเนินไปอย่างสอดคล้องกับธรรม เช่น ถ้าพระอรหันตโพธิสัตว์ทรงขับดัน
ให้เทพสวรรค์ทำกิจให้เกิดทั้งด้านบุญและบาปเพื่อสอนมนุษย์ พระพุทธเจ้าย่อมโปรดสัตว์ได้
ง่าย แต่ถ้าไม่ยอมก่อกรรมอะไรเลย ปล่อยให้มารครอบงำคน นำคนหลงทางไป ทั้งเทพสวรรค์
ก็ไม่ทันเล่ห์กลมาร ช่วยสรรพสัตว์ผิดทาง ยิ่งทำกิจอาจยิ่งทำให้สัตว์หลงทางได้ ดังนี้ แม้แต่
เทพสวรรค์ยังต้องอาศัยผู้มีธรรมนำทาง จึงทำกิจได้ตรงทาง คำว่าอาญาสิทธิ์ อาญาธรรม ก็
มีกำเนิดมาอย่างนี้ เป็นการเปิดทางให้สวรรค์ทราบว่า "พระอัญญาโกญทัญญะ" ได้รับสิทธิ์
ที่จะหมุนธรรมจักร ปกครองเหล่าเทพสวรรค์ เช่น เทพ 12 นักษัตร ให้ทำกิจขับเคลื่อนโลก
ให้สอดคล้องธรรม นั่นเอง

 

เทพ, พรหม, โพธิสัตว์ ทำกิจได้ต่างกันไฉน?


เทพจำต้องทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย จากหัวหน้าแล้วแต่ว่าหัวหน้าจะเป็นใคร
ไม่อาจทำนอกลู่นอกทางได้, ชาวพรหมโลก แต่ละประเภท ก็มีกิจและมีบารมีทำกิจ
ได้ตามบารมีของตน ซึ่งเฉพาะเจาะจงไป เช่น มหาเทพแห่งการทำลายล้าง ก็ต้อง
ทำกิจทำลายล้าง จะทำกิจอื่นก็ไม่ควร


แต่พระโพธิสัตว์นั้นต่างออกไป เพราะสามารถพิจารณาด้วยตนเองได้ว่าจะทำกิจใด
ก็ได้ ตามแต่ตนเห็นว่าสมควรและพอมีกำลังบารมีพึงจะกระทำ เช่น พระกษิติครรภ์
อาจต้านกรรมเพื่อช่วยปวงสัตว์ แล้วตนยอมรับวิบากกรรมนั้นไว้เอง ซึ่งท่านมีบารมี
สามารถทำได้ แต่ไม่มีฤทธิ์มากพอต้านกรรม ท่านอาจประสานกับซาตานเพื่อทำกิจ
ถ้าท่านมีบารมีทำได้ ก็ยกให้ว่าให้ทำไป แล้วรับผิดชอบกรรมนั้นเอง เพราะตนเอง
มีบารมีพอรองรับผลที่จะเกิดขึ้นได้นั่นเอง (ไม่รีบนิพพาน ถ้ามีกรรมมาก ก็เกิดมา
รับวิบากกรรมมากหลายชาติหน่อยนั่นเอง) ดังนี้ ท่านจึงยกเว้นให้พระโพธิสัตว์เป็น
กรณีพิเศษ เหมือนมนุษย์บางคนที่มี "อภิสิทธิ์พิเศษ" ฉะนั้น เรียกว่ามีอาญาสิทธิ์
อาญาธรรม สามารถทำได้ตามกำลังบารมีของตน

 

สำรวจตนเองว่ามีอาญาสิทธิ์ อาญาธรรมมากเพียงใด?


ท่านสามารถตรวจสอบตนเองได้ว่าตนสำเร็จโพธิสัตว์หรือยัง และมีบารมีทำกิจ
ได้มากน้อยเพียงใด เพื่อทราบกำลังตนเองเป็นเบื้องต้นก่อนว่าสามารถหรือไม่
ที่จะทำกิจนั้นๆ เช่น การหมุนธรรมจักร ทำได้ไหม?, การปกป้องประเทศด้วย
ดวงแก้วมณีทำได้ไหม?, การปฏิรูปซึ่งต้องอาศัย "ตรีทิพย์" ท่านบำเพ็ญได้แล้ว
หรือยัง? ถ้าตรวจสอบแน่ชัดแล้ว จึงกระทำ โอกาสพลาดก็น้อยลง


นี่คือ "อาญาสิทธิ์ อาญาธรรม" คือ มีอาญาสิทธิ์ในการตัดสินใจทำกิจได้ตามอาญาธรรม