กระทู้สุดท้ายแล้ว ผมกำลังต่อสู้กับพระเจ้าอยู่ ใครไม่เชื่อก็ไม่ว่ากัน

พระเจ้าคือทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเรานี่แหละ ทั้งเรื่องสุขภาพ งาน การเงิน ที่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง และพลังงานในจิตสำนึกเราที่พยายามสร้างเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ทำให้เรามีการตอบรับ ขึ้นอยู่กับความคิดเราล้วนๆ ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาผมก็เสี่ยงเพราะอาจจะไปรู้ถึงหูท่าน ทำให้ท่านไม่พอใจ ผมอาจตายได้ทุกเมื่อ ถ้ารอดมาได้อาจจะมาตอบกระทู้อีก

 

ท่านบีบบังคับให้ผมคิดแต่เรื่องชั่วๆอยู่ได้ ทั้งที่ใจจริงผมไม่อยากคิด ถึงจุดสิ้นสุดความอดทนแล้ว บีบบบังคับทั้งเรื่องงานแย่งงานกันทำ หางานยาก การเงินที่จนสุดๆ สุขภาพก็ร่อแร่เต็มทีปวดหัวมากทุกวัน สรุปจะบังคับให้ผมตายท่าเดียว สักวันทุกคนคงได้เจอ ที่ผมพิมพ์นี่คงจะรู้ถึงหูท่านแล้วแหละ มีแต่ท่านจะให้ผมพิมพ์บอกคนอื่นๆได้หรือเปล่าก็เท่านั้น

 

แม้แต่ในฝันยังมากวนจนผมจะบ้าได้ทุกวัน ตายตอนฝันก็ตื่นอีก สรุปคุยกับใครไม่รู้เรื่องแล้ว ชีวิตจริงนี่ทรมานสุดๆ อาการแบบนี้นรกขุมสุดท้ายเลยสินะเนี่ย

 

เอ่อ....เขาไม่ได้เรียกพระเจ้าครับเขาเรียกว่า เคราะห์กรรม ครับ
อย่ายอมแพ้นะครับสู้ต่อนะครับสู้โดยทำกรรมดีเรื่องดีๆคิดเรื่องดีๆสู้กับมันครับมันคิดอะไรปล่อยคิดไปพอเริ่มนิ่งแล้วก็คิดเรื่องดีๆหักล้างมันครับ ยกตัวอย่างนะครับ มันจะคิดไปทำร้ายเค้าคนอื่นพอคิดได้ที่แล้วก็สงบสตินิดนึงให้เริ่มสบาบแล้วคิดให้อภัยเขาขอโทษเขารวมไปถึงไปทำร้ายเขาแล้วเราจะได้รับผลอะไรบ้างตามกฏหมายหรือว่าได้อะไรขึ้นมาคนทุกคนล้วนน่าสงสารกันหมดเหมือนกับเราเขาคนที่เราจะไปทำร้ายเขาเขาอาจจะมีเรื่องลำบากใจมากกว่าเราอยู่ก็ได้ สู้นะครับ

 

แพ้เป็นพระชนะเป็นมารก็ว่างั้น

 

บาปบุญเป็นพลังงานใช้เลี้ยงโลกใบนี้ จะพิมยังไม่ค่อยจะได้เลยแลคโคด ท่านรู้แล้วมั้ง

 

บุตรพระเจ้ามีได้องค์เดียวละมั้ง ท่านเลยพยายามถีบผมออก

 

ฝันชักไม่ค่อยดีแล้ว เลยเอามาระบายๆมั่ง กะให้ผมตายแบบทุกขภูมิรึไง จิตสุดท้ายยังไงก็ได้รึไง

 

สรุปท่านต้องการอะไรจากผมกันแน่เนี่ย

 

มาร ซาตานคอยก่อกวน จนไม่เป็นอันหลับอันนอน

 

เรื่องเร่งด่วนที่ท่านควรรู้คือ อริยสัจ 4

อริยสัจ หรือจตุราริยสัจ หรืออริยสัจ 4 เป็นหลักคำสอนหนึ่งของพระโคตมพุทธเจ้า แปลว่า ความจริงอันประเสริฐ ความจริงของพระอริยะ หรือความจริงที่ทำให้ผู้เข้าถึงกลายเป็นอริยะ มีอยู่สี่ประการ คือ
1. ทุกข์ คือ สภาพที่ทนได้ยาก ภาวะที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ สภาพที่บีบคั้น ได้แก่ ชาติ (การเกิด) ชรา (การแก่ การเก่า) มรณะ (การตาย การสลายไป การสูญสิ้น) การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก การปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่สมหวังในสิ่งนั้น กล่าวโดยย่อ ทุกข์ก็คืออุปาทานขันธ์ หรือขันธ์ 5
2. ทุกขสมุทัย คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ได้แก่ ตัณหา 3 คือ กามตัณหา-ความทะยานอยากในกาม ความอยากได้ทางกามารมณ์, ภวตัณหา-ความทะยานอยากในภพ ความอยากเป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วยภวทิฏฐิหรือสัสสตทิฏฐิ และ วิภวตัณหา-ความทะยานอยากในความปราศจากภพ ความอยากไม่เป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วยวิภวทิฏฐิหรืออุจเฉททิฏฐิ
3. ทุกขนิโรธ คือ ความดับทุกข์ ได้แก่ ดับสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ กล่าวคือ ดับตัณหาทั้ง 3 ได้อย่างสิ้นเชิง
4. ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา คือ แนวปฏิบัติที่นำไปสู่หรือนำไปถึงความดับทุกข์ ได้แก่ มรรคอันมีองค์ประกอบอยู่แปดประการ คือ 1. สัมมาทิฏฐิ-ความเห็นชอบ 2. สัมมาสังกัปปะ-ความดำริชอบ 3. สัมมาวาจา-เจรจาชอบ 4. สัมมากัมมันตะ-ทำการงานชอบ 5. สัมมาอาชีวะ-เลี้ยงชีพชอบ 6. สัมมาวายามะ-พยายามชอบ 7. สัมมาสติ-ระลึกชอบ และ 8. สัมมาสมาธิ-ตั้งใจชอบ ซึ่งรวมเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "มัชฌิมาปฏิปทา" หรือทางสายกลาง
มรรคมีองค์แปดนี้สรุปลงในไตรสิกขา ได้ดังนี้ 1. อธิสีลสิกขา ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ และสัมมาสังกัปปะ 2. อธิจิตสิกขา ได้แก่ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะ และ 3. อธิปัญญาสิกขา ได้แก่ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ
อริยสัจ 4 นี้ เรียกสั้น ๆ ว่า ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค

 

คริส พุทธ บนกันมั่ว T_T

 

อย่าไปสรุป เป็นข้อ เป็นหลักอะไร ในขณะที่ใจเรายังไม่สงบ

ให้ ปล่อยวาง เอาตัวเองที่หมกมุ่นกับความคิดนึกนั้นไป สนใจเรื่องอื่นๆ บ้าง

ทำอะไร ให้ทำด้วยความสบายใจ ยอมรับ ในสิ่งที่เราพบเจอแล้ว ค่อยๆศึกษา หาที่พึ่งทางใจ ด้วยการไต่ถามผู้ที่ผ่านมาก่อน จะทำให้เราไม่ต้อง วุ่นวายด้วยตัวเราเองคนเดียว มันช้า

ให้เรียกว่า ต่อสู้กับกิเลส ในตัวเองดีกว่า

สิ่งต่างๆ ที่ปรากฎกับเรา เป็นกรรมของเราทั้งสิ้น กิเลสผลักดัน ถ้าเราเรียนรู้ เราจะจับหลักได้ และ สิ่งต่างๆ จะกลายเป็น เครื่องมือ ให้ธรรมะ แล้วเราจะ พบความสงบ

 

ทำความดี
ละเว้นความชั่ว
ทำจิตใจให้สงบถ่องใส...
แค่นี้ที่สำคัญ... ที่เหลือ...
ปล่อยวาง... ให้ธรรมะจัดสรร
(ถ้าชีวิตทางโลกมันยากนัก... ลองไปบวชดูดีมั้ยคะ^_^)

 

ตนอื่นเขาก็ทำความดีเขาไม่เห็นเป็นไรเลย

 

คนที่เขาลำบากขนาดเป็นโรคร้าย เป็นหนี้หลายล้าน บางคนอยู่ในนี้ก็มีครับ หากคุณมีเรื่องไม่สบายใจนัก ลองหันไปมองอะไรที่ใกล้ๆท่านลงมาบ้างอย่างบุตรพระเจ้า บางทีเมื่อคุณจากโลกนี้ไปแล้ว (สมมุตินะ)อาจจะเข้าใจพระองค์ขึ้นมาได้บ้าง ท่านอุตสาห์สร้างบารมี ยอมลำบากก็เพื่อหนทางแห่งความสุขนี่แหล่ะ จะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วโทษโน่นโทษนี่ หรือแบ่งปันสิ่งที่เราพอมีให้ผู้อื่นบ้าง เลือกเอาแล้วกัน

 

ดีค่ะ ที่เห็นทุกข์ ทำกองทุกข์ให้ถึงที่สุดนะค่ะ แล้วจะรู้ว่าความสุขเป็นเช่นไร มันเป็นของคู่กัน แด่ ท่านผู้รู้แจ้ง

 

ชอบคำนี้จัง "ทำกองทุกข์ให้ถึงที่สุด แล้วจะรู้ว่าสุขเป็นเช่นไร"

 

ลูกของพระเจ้าคือใคร ชื่ออะไร พระเจ้าของคุณคือใครชื่ออะไร
แล้วไปรู้มาจากไหนว่าท่านพยามถีบคุณออก

 

ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ นำข้อความแวะมาฝากไว้ให้อ่านหน่อยนะครับ

อ่านแล้วก็เทียบเคียงกับอาการทั้งทางกาย และทางจิตของคุณเองดู
ว่าผู้ที่คุณกำลังสื่อสารด้วยอยู่นั้น น่าจะเป็น "พระเจ้า" หรือแม้แต่
"รูปธรรมชีวิตชั้นสูงแห่งแสงสว่าง" หรือเปล่า?

.....................................................................

ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจาก Matthew Ward

เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธุ์ 2011
ผู้รับการสื่อสาร นาง Suzzane Ward

ที่มา:

February 13, 2011


ตอนที่ 4:


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


13). ประเด็นที่มีความสำคัญมากอีกประเด็นหนึ่ง
ก็คือดาวเคราะห์โลกได้เข้ามาถึงระนาบของพลังงาน
ที่เอื้ออำนวยต่อการสื่อสารทางโทรจิตแล้ว
ซึ่งชาวโลกทุกๆคน ต่างก็มีความสามารถในการสื่อสาร
จากจิตวิญญาณไปสู่จิตวิญญาณด้วยกันทั้งสิ้น และมีมาตั้งแต่กำเนิดแล้ว
เพราะว่ามันเป็นส่วนประกอบอย่างหนึ่งของจิตวิญญาณนั่นเอง

และเพราะระดับความถี่ของโลกที่สูงขึ้นเรื่อยๆนี้ จึงทำให้การสื่อสารชนิดนี้เปิดขึ้นเร็วกว่าแต่ก่อนมาก
แต่อย่างไรก็ตามหากว่าพวกคุณคนใด ยังไม่สามารถทำได้ในตอนนี้ ก็อย่าเพิ่งท้อแท้ใจไป
เพราะมันจะเกิดขึ้นเอง เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมสำหรับคุณ

แต่จงระวังไว้ด้วยว่าความรู้สึกอยาก เช่น อยากจะสื่อสารกับบุคคลอันเป็นที่รักที่อยู่ในแดนสุขาวดีให้ได้เร็วๆ
เป็นต้น จะไปสร้างพลังงานที่จะไปขัดขวาง และทำให้ความสามารถในการสื่อสารวิธีนี้ล่าช้าออกไปได้


14). และมันก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก ที่พวกคุณจะต้องตระหนักอยู่เสมอว่า
ไม่ใช่เพียงแต่รูปธรรมชีวิตแห่งแสงสว่าง หรือบุคคลอันเป็นที่รัก
ในโลกแห่งจิตวิญญาณ หรือคุรุผู้รู้แจ้งแล้ว
หรือสมาชิกของอารยธรรมที่ยังมีกายเนื้ออยู่
แต่มีวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณที่สูงมากแล้วเท่านั้นนะ
ที่อยากจะสื่อสารกับพวกคุณ พวกรูปธรรมชีวิตแห่งความมืดทั้งหลาย
ก็มีความหื่นกระหาย ที่จะสื่อสารข้อความอันเป็นเท็จของพวกเขา
มาถึงพวกคุณด้วยเช่นกัน

และเพื่อขัดขวางไม่ให้พวกเขาทำแบบนั้นได้
พวกคุณจงร้องขอการปกป้องจากแสงแห่งเบื้องบนเถิด
และจงเรียกหาเฉพาะรูปธรรมชีวิตแห่งแสงสว่างเท่านั้น
เพื่อให้มาติดต่อสื่อสารกับพวกคุณ


15). แต่ถึงแม้ว่าพวกคุณจะร้องขอการปกป้องไปแล้ว และได้รับการปกป้องไปแล้วด้วยวิธีง่ายๆอย่างนั้นก็ตาม
พวกคุณก็จะต้องกระทำให้สอดคล้องกันไปด้วย

นั่นคือ หากว่าช่วงเวลาใดที่พวกคุณกำลังเหนื่อยล้า หรือป่วยไข้ไม่สบายอยู่
หรือกำลังถูกรุมเร้าด้วยความกังวลใจถึงใครบางคนหรือถึงบางสิ่งบางอย่างอยู่
หรือกำลังอยู่ในสภาวะแห่งความเครียดรูปแบบใดก็ตามแต่อยู่

“อย่าพยายามสื่อสารทางโทรจิตอย่างเด็ดขาด!”

เพราะว่าถ้าพวกคุณทำเช่นนั้น ก็จะเป็นการเชื้อเชิญ
ให้รูปธรรมชีวิตชั้นต่ำทั้งหลายเข้ามา
เพราะว่าระดับพลังงานของพวกคุณในขณะนั้น
ต่ำเกินกว่าที่จะสื่อสารไปถึงรูปธรรมชีวิตชั้นสูงแห่งแสงสว่าง
ที่มีระดับความสั่นสะเทือนสูงกว่าได้

เพราะฉะนั้น ผู้ที่เริ่มต้นใหม่และยังไม่มีประสบการณ์อาจจะเกิดความสับสนขึ้นได้
ซึ่งความสับสนที่ว่านี้ ก็เป็นความเครียดอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มีระดับความสั่นสะเทือนต่ำด้วย

ดังนั้น จงจดจำความสามารถที่มีมาแต่กำเนิดนี้ของพวกคุณเองให้ได้
และจงปล่อยให้มันนำพาความเชื่อมั่นมาสู่คุณ


แต่ความรู้สึกมีอัตตาตัวตนที่สูง ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่ง
ที่จะทำให้พวกคุณเข้าถึงรูปธรรมชีวิตชั้นต่ำๆอย่างแน่นอน
เพราะว่าความมีอัตตาตัวตน ก็ประกอบไปด้วยขั้วของพลังงาน
ที่เข้ากันไม่ได้กับแสงสว่าง ในขณะที่ความอ่อนน้อมถ่อมตน
และความรู้สึกขอบคุณ กลับจะมีระดับความสั่นสะเทือนของแสงสว่างอยู่ซะอีก


16). พวกเราอยากจะแนะนำว่า จงรู้ว่าแสงสว่างที่แผ่กระจายออกมาจากผู้ที่กำลังสื่อสารทางโทรจิตอยู่นั้น
จะสะเทือนสะท้อนอยู่ในหัวใจของผู้สื่อสารด้วย ซึ่งพลังงานของรูปธรรมชีวิตชั้นต่ำ
จะทำตัวเหมือนเป็นตัวต้านทาน (resistor) หรือตัวยับยั้ง (inhibitor) และจะเตือนให้คุณหยุดการสื่อสารนั้น


หากว่าพวกคุณอยากจะประสบความสำเร็จในการสื่อสารด้วยวิธีนี้เหมือนคนอื่นๆหละก็
การฝึกฝนจะช่วยให้ความสามารถในการแยกแยะของพวกคุณค่อยๆดีขึ้น
ว่าความสั่นสะเทือนไหนเป็นของฝ่ายแสงสว่าง ความสั่นสะเทือนไหนเป็นของฝ่ายมืด
รวมถึงความสามารถในการรับการสื่อสาร ให้ได้อย่างชัดเจนแจ่งแจ้ง ของพวกคุณก็จะค่อยๆดีขึ้นด้วย


………………………