ฝันถึงพระพุทธเจ้าและพระ

เรียน ผู้รู้ทุกท่านครับ

คือ หลายวันก่อนผมได้ฝันไปว่ามีผู้หญิงนุ่งห่มขาวคนหนึ่ง ได้เดินมาและมอบ
อัฐบริขารให้ผม บอกว่าเหลือเพียง 2 ชุดเท่านั้น ผมก็รับไว้แล้วตื่น

จากนั้น ประมาณ 3-4 วัน ผมได้ฝันว่าบวชโดยมีเณร และพระอีกรูปบวชพร้อมกัน แล้วชักจีวรผืนใหญ่ ส่วนพระที่บวชให้จำได้ว่าเป็นหลวงพ่อจรัญ
โดยที่เณรชักผ้าที่เขียนว่า "ทุกข์ขัง" พระอีกรูปชักผ้าเขียนว่า "อนิจจัง" ส่วนผมชักผ้าเขียนว่า "อนันตา" แล้วผมก็ตื่น

และอีกเรื่องครับหลายวันก่อน ประมาณสักตี 4-5 ได้ผมได้ฝันไปว่ามองไปบนท้องฟ้า เห็นเหมือนว่าพระพุทธเจ้า(ในจิตบอก) เป็นองค์ยืนก่อนแล้วเปลี่ยนเป็นกายพระนิพพานและสักเดี๋ยวมีดวงอาทิตย์ล้อมรอบองค์ท่านเป็นวงหลายดวงมาก สักพักก็ตื่นอยากให้ท่านผู้รู้ช่วยตีความหมายหน่อยครับ

รบกวนช่วยทำนายฝันให้ด้วยครับ

 

ฝันเห็นพระเป็นมงคลอย่างยิ่ง
ดูตามความฝันหากท่านยังไม่ได้บวชจะได้บวชเมื่อบวชแล้วจะเจริญในธรรมยิ่งขึ้น
หากเป็นฆราวาสจะมีศีลมั่นคงและยึดพระนิพพานาเป็นอารมณ์ได้พบครูอาจารย์ที่เกื้อหนุนกันมาก่อน
เคยอ่านพบในตำราว่าบุคคลที่ฝันแบบนี้อีกไม่นานจะเข้าเกณฑ์พระโสดาบันครับ
อนุโมทนาครับ

 

บารมีเก่าถนัดทางพิจารณาผ้า เคยเป็นเณรในทางอนิจจังและเคยเป็นพระบวชพระในทางทุกขังและเคยในทางบวชใหม่ถนัดพิจารณาอนัตตา ส่วนเห็นพระพุทธเจ้าดวงอาทิตย์ล้อมหลายดวงคืออดีตเคยพบพระพุทธเจ้าท่านแสดงมโนมยิทธิอีกรูปกายให้คุณพบเจอ

 

ถึง คุณ yootapong ครับ
ช่วยอธิบายข้อความที่กล่าวถึงนี้ด้วยครับ ผมยังไม่เข้าใจความหมายครับ

"บารมีเก่าถนัดทางพิจารณาผ้า เคยเป็นเณรในทางอนิจจังและเคยเป็นพระบวชพระในทางทุกขังและเคยในทางบวชใหม่ถนัดพิจารณาอนัตตา"

ขอบคุณครับ

 

เป็นอดีตชาติของคุณครับ

 

ดีแล้วล่ะ......บำเพ็ญ...ศีล..สมาธิ...ปัญญามากๆนะครับ

 

เป็นฝันดีแน่นอนครับ ผมก็เคยฝันเห็นพระแต่เป็นพระพุทธรูปแถมเทศน์ให้ฟังอีกด้วย

 

ขออนุโมทนา...สาธุค่ะ เป็นนิมิตรที่ดีมาก (ขออภัยคำตอบยาวมาก)

คำตอบของคุณ ศนิวาร ตรงกับสิ่งที่อยู่ในจิตใจของดิฉัน จะขออธิบาย...
คุณ watt คะจากประสบการณ์ที่ดิฉันเองเมื่อประมาณ 20 วันก่อนได้ฝันถึงพระพุทธเจ้าและพระอัครสาวกทั้งสอง เดิมทีก็ศึกษาธรรมะเพื่อให้สบายใจและเพื่อสั่งสมบุญบารมีตามสมควร แต่...หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ปีติเกิดทุกๆ ครั้งที่นึกถึงพระพุทธองค์ ตั้งใจจะรักษาศีลให้มั่นคงที่สุด ยึดพระนิพพานเป็นอารมณ์ ความรู้สึกที่อยากกลับมา เวียน ว่าย ตาย เกิด ไม่มีเลยค่ะ วันหนึ่งเห็นคนแก่ หนังเหี่ยว จนมองเห็นหนังหุ้มกระดูกและท่านนั่งบนรถเข็น สิ่งแรกที่คิดคือสังขารนี้ไม่เที่ยงจริงๆ สักวันเราเองก็ต้องเป็นแบบนี้ มันหยุดคิดไม่ได้ค่ะ ถ้าไม่หาสิ่งอื่น หรืองานมาทำ หรือลูกค้าเข้ามาซื้อของ (พอดีเปิดร้านขายของฝากของที่ระลึก) มันจะคิดเรื่องพระพุทธองค์ พระมหากรุณาธิคุณ การบำเพ็ญเพียรของพระพุทธองค์ เรื่องศีล เรื่องนิพพาน วนเวียนไปมา จนทุกวันนี้ยิ่งคิดมากขึ้นๆ ทุกวัน ปกติจะโหลดธรรมะของครูบาอาจารย์หลายๆ ท่านมาฟัง หลังจากวันนั้นได้ฟังของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดํา) ท่านได้กล่าวถึงพระรูป พระโฉม ของพระพุทธองค์ ตรงกับที่ดิฉันเห็นในนิมิตรไม่มีผิดเพี้ยนเลย ที่สำคัญคือธรรมะของพระพุทธองค์ ที่หลวงพ่อท่านได้นำมากล่าวสอนเมื่อได้ฟังแล้วรู้สึกเข้าใจ และตรงกับจริตของดิฉันมากจึงขอยึดถือท่านเป็นอาจารย์ ส่วนอารมณ์ของจิตที่เป็นแบบนี้ ดิฉันเองก็จะขอตามดูต่อไปเรื่อยๆ ส่วนรายละเอียดของนิมิตรก็คือ <!-- google_ad_section_end -->

<!-- google_ad_section_start -->ดิฉันฝันเห็นสถานที่แห่งหนึ่งเป็นทุ่งหญ้าเขียวและมีธารน้ำเล็กๆ ไหลผ่าน และในบริเวณนั้นเอง ดิฉันก็มองเห็นพระสงฆ์ 3 รูป ท่านนั่งลงบนพื้นหญ้าที่มีผ้าผืนนึงปูไว้ องค์ที่อยู่ตรงกลางท่านนั่งขัดสมาธิ ท่านมีสิริโฉมงดงามผุดผ่องมาก ท่านไม่ได้ปลงผม อีก 2 องค์ท่านปลงผมเหมือนพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา พระ 2 รูปท่านจะนั่งคุกเข่าน้อมกายลงอยู่ทางด้านซ้ายและขวา ดิฉันนั่งพนมมือไหว้และก้มต่ำลงอยู่ต่อหน้าพระองค์ที่อยู่ตรงกลาง รู้สึกเหมือนใกล้ท่านมากน่าจะไม่เกินเมตรครึ่ง ในตอนแรกไม่กล้าเงยหน้ามอง พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นดังที่กล่าวมาค่ะ ใจดิฉันถามว่าท่านเหล่านี้คือใคร แล้วก็ได้รับคำตอบขึ้นในใจทันทีว่า ท่านคือพระพุทธเจ้าพร้อมทั้งพระอัครสาวกทั้งสอง พระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ เหมือนกับว่าดิฉันได้ถวายภัตตาหาร โดยมีพระอัครสาวกทั้งสอง ได้นำอาหารนั้นไปทำการจัดแจงต่อเพื่อถวายให้พระพุทธเจ้า พระองค์ท่านไม่ถือพระองค์ ท่านยิ้มแย้มแจ่มใส พระพักตร์เปี่ยมไปด้วยความเมตตา พระพุทธองค์ยกพระหัตถ์ซ้ายขึ้นและมีรับสั่งด้วย แต่อาจเป็นเพราะดิฉันมีบุญวาสนาไม่พอจึงจำพุทธดำรัสนั้นไม่ได้และไม่ได้สนทนาธรรมใดๆ กับพระพุทธองค์เลย แล้วดิฉันก็เหลือบมองไปตามทิศที่พระองค์ยกพระหัตถ์ขึ้น ก็มองเห็นชายคนหนึ่งซึ่งก็คือคู่ครองคนปัจจุบันของดิฉันเอง ยืนก้มๆ เงยๆ ห่างออกไปไม่กี่เมตร เหมือนเขาก็กำลังช่วยจัดแจงอะไรบางอย่างน่าจะเป็นน้ำและอาหาร เขาก็น่าจะมีส่วนในการถวายภัตตาหารในครั้งนี้เช่นกัน ความฝันก็สิ้นสุดเพียงเท่านี้ เป็นความฝันที่สร้างปีติให้ดิฉันมากที่สุดในชีวิต มีคนถามว่าในฝันนั้น “พระพุทธเจ้าหน้าตาเป็นยังไง เหมือนใครบ้างไหม” ดิฉันจำได้ชัดเจน ติดตา แต่ไม่สามารถอธิบายได้มากกว่าคำว่าพระพักตร์เปี่ยมไปด้วยความเมตตา พระสิริโฉมงดงามผุดผ่องมาก ไม่มีใครเหมือนเลย เมื่อระลึกถึงหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์และความฝันในครั้งนี้แล้ว หากในชาตินี้มีบุญวาสนาจริงดิฉันอยากถวายทั้งกาย ใจ รับใช้พระพุทธองค์และพระพุทธศาสนา เพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณ แต่ถ้าหากไม่มีโอกาสเพราะบุญบารมียังไม่ถึงหรือเพราะหน้าที่และความรับผิดชอบทั้งหลายก็ขอเอาใจไปก่อน....ส่วนกายนี้ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่จะได้ตามไปเหมือนกันค่ะ (เนื่องจากพยายามจะอธิบายถึงรายละเอียดทั้งหมดที่จำได้ อาจจะใช้คำพูดหรือสรรพนามไม่ถูกต้องและเหมาะสมเท่าที่ควรจึงขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ)

 

ขอเพิ่มเติมอีกนิดค่ะ

อีกไม่กี่วัน ดิฉันจะปิดร้านประมาณ 1 อาทิตย์ เพื่อไปทำบุญและปฏิบัติธรรม
นี่เป็นโครงการที่วางแผนไว้อยู่แล้ว (เป็นกำหนดการ วัน เวลา ที่คิดไว้เป็นปีแล้วค่ะ) อาจเพราะเหตุบังเอิญหรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ นิมิตรที่ดี อารมณ์จิตที่ดี จึงได้เกิดขึ้นก่อนที่จะได้ไปจริงๆ ขอให้นิมิตร และอารมณ์จิตที่ดี จงเกิดมีแก่ทุกท่านด้วยเทอญ...สาธุ

พระพุทธองค์ทรง ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ในป่าในเขาทั้งสิ้นหาได้มีความสะดวกสบายไม่
เหตุใดเราเกิดมาเบื้องท้ายภายหลัง จึงเป็นผู้ลุ่มหลงและยืดติดในความสะดวกสบายมากเกินไป

 

เรื่องในนิมิต เห็นพระภิกษุสงฆ์ ข้าพเจ้าเองก็นิมิตบ่อยๆเช่นกัน
ในช่วงที่ปฏิบัติเข้ม บางครั้งก็เห็นหน้าพระพุทธองค์ลอยมาเช่นกัน
แสงท่านสว่างมากเหมือนพระอาทิตย์กำลังขึ้นสว่างเจิดจ้า
มีอุ่นภูมิร้อนเหมือนกันเหมือนพระอาทิตย์ขึ้น
ก็เห็นตัวเองนั่งในสมาธิในถ้ำบ่อยๆ บางทีก็นั่งปฏิบัติ
สมาธิกับภิกษุสงฆ์ บางองค์ท่านก็เคยเคยพูดคุยกับเราสั้นๆ
บางครั้งก็เห็นคนปฏิบัติธรรมนุ่งห่มขาว ให้พลอยสีขาว
ยื่นให้ก็มี ทุกวันนี้ตัวเองก็เหมือนกับท่านเจ้าของกระทู้
ซึ่งมีหลายเรื่องที่ตัวเองไม่เข้าใจว่า ทำไมจึงนิมิตฝัน
เรื่องเล่านี้บ่อยๆ จะเป็นมากในช่วงปฏิบัติธรรม
หรือไหว้พระสวดมนต์ แต่ก็คิดว่าคงจะเป็นสิ่งที่ดี
หรืออาจมีบุญสัมพันธ์เก่ากับท่านเล่านั้นก็เป็นได้

 

ข้าพเจ้าคิดว่าทุกท่านสามารถ
พบองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้
ทั้งทางในนิมิตฝัน หรือเวลาที่สมาธิอยู่
หากได้ปฏิบัติจริงทุกท่านก็คงจะเคย
ได้สัมผัสท่านได้บ้างไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ข้าพเจ้าเป็นผู้หนึ่งที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องเหล่านี้
จนได้มาพบกับตนเอง จึงได้เริ่มหันมาปฏิบัติธรรม
catt10
[FONT=&quot]เ[/FONT][FONT=&quot]มื่อข้าพเจ้าได้เริ่มปฏิบัติสมาธิใหม่ๆ นั้น
[/FONT]
[FONT=&quot]มีอยู่วันหนึ่งข้าพเจ้าได้ นิมิตเหมือนตัวเองได้อยู่[/FONT]
[FONT=&quot]ในถ้ำแห่งหนึ่ง[FONT=&quot]และได้นั่งสมาธิอยู่ในที่นั้น[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][/FONT]
[FONT=&quot]ก็ได้เห็นพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่งท่านเดินเข้ามาหา ภาพที่ปรากฏ[/FONT]
[FONT=&quot]เป็นพระภิกษุสงฆ์ท่านมีอายุมาก หน้าตาท่านใจดีมาก
[/FONT]
[FONT=&quot]ยิ้มแย้มแจ่มใส ขณะที่ท่านเดินเข้ามาหาข้าพเจ้า[/FONT]
[FONT=&quot]ท่านสะดุดก้อนหิน ก้อนหนึ่งท่านกำลังจะล้มลง
[/FONT]
[FONT=&quot]ข้าพเจ้าตกใจ กลัวท่านจะหกล้ม จะไปประคองท่าน[/FONT]
[FONT=&quot]ทั้งที่รู้ว่าข้าพเจ้าเป็นสตรี มิควรถูกท่าน
[/FONT]
[FONT=&quot] แต่ด้วยในจิตคิดเป็นห่วงกลัวท่านจะล้มลง
[/FONT]
[FONT=&quot]จะไปประคองท่าน[FONT=&quot] ท่านบอกว่า [/FONT][FONT=&quot]“ ไม่ต้อง ท่านไม่ล้มหรอก ท่านเดินเองได้ ”
[/FONT][/FONT]
[FONT=&quot]แล้วท่านก็เดินเข้ามาหาข้าพเจ้า ข้าพเจ้านั่งคุกเข่าลงพนมมือลงกราบท่านด้วย[/FONT]
[FONT=&quot]ความเป็นห่วง [FONT=&quot] ท่านก็กล่าวต่อว่า “ ตั้งใจปฏิบัติ ”[/FONT][/FONT]
[FONT=&quot]และท่านก็เอามือของท่านวางไว้เหนือศีรษะของข้าพเจ้า
[/FONT]
[FONT=&quot]พร้อมกับบริกรรมพระคาถา [FONT=&quot]“ อิติ สัมมาสัมพุทธัสสะ มะมะ จิตตัง
[/FONT][/FONT]
[FONT=&quot]นิมิตจิตติ นิมิตจิตตา นิพพานจิตติ นิพพานจิตตา
[/FONT]
[FONT=&quot]ขีณาสวา อนิยตา และนิพพานสุขัง [FONT=&quot]” แล้วท่านก็บอกว่า
[/FONT][/FONT]
[FONT=&quot] “ ปู่ไม่ใช่พระ ปู่เป็นฤาษี ปู่เป็นฤาษีนะ ”[/FONT]
[FONT=&quot]แล้วท่านก็ยิ้มให้กับข้าพเจ้า ในใจข้าพเจ้าก็ยังสงสัย[/FONT]
[FONT=&quot]และงงอยู่เหมือนกันว่า ทำไมท่านเรียกตัวท่าน[/FONT]
[FONT=&quot]เองว่าเป็นฤาษี ทั้งๆที่ท่านก็ไม่ได้ใส่ชุดพระฤาษี
[/FONT]
[FONT=&quot]แต่ท่านก็ห่มจีวรพระ ในนิมิตข้าพเจ้าก็พยายาม[/FONT]
[FONT=&quot]จำพระคาถาของท่าน แต่พอเมื่อท่านหายไปก็สะดุ้งตื่น
[/FONT]
[FONT=&quot]จำได้แค่ [FONT=&quot]“ นิมิตจิตติ นิมิตจิตตา นิพพานจิตติ นิพพานจิตตา [/FONT][FONT=&quot]”
[/FONT][/FONT]
[FONT=&quot]อะไรทำนองนี้ รู้ว่าท่านบริกรรมพระคาถายาว แต่ข้าพเจ้าจำได้เพียงเท่านั้น[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็สงสัยว่าท่านเป็นผู้ใด ก็หาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่นิมิต
[/FONT]
[FONT=&quot]แล้วก็พบว่า[FONT=&quot] ในบรรดาพระภิกษุสงฆ์ที่ท่านเรียกตัวท่านเองว่า พระฤาษี
[/FONT][/FONT]
[FONT=&quot] ก็มีเพียงพระราชพรหมยานเท่านั้น[FONT=&quot] ที่เรียกว่า [/FONT][FONT=&quot]“ หลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ ”
[/FONT][/FONT]


[FONT=&quot]ภาพที่ข้าพเจ้าเห็นท่านเหมือนในนิมิต และพระคาถาที่ข้าพเจ้า[/FONT]
[FONT=&quot]ได้ท่องจำเหมือนกับของหลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ ซึ่งทำให้ข้าพเจ้ายิ่งมั่นใจมากขึ้นว่า
[/FONT]
[FONT=&quot] คงจะเป็นท่าน[FONT=&quot]ที่มาสอนสั่งข้าพเจ้าในนิมิตนั้น[/FONT][/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]ต่อจากนั้นข้าพเจ้าก็อธิฐานจิตหากเป็นหลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ
[/FONT]
[FONT=&quot]ท่านได้มาโปรดสอนสั่งลูก ก็ขอให้ข้าพเจ้าได้ชานหมาก[/FONT]
[FONT=&quot]หรือพระธาตุของหลวงพ่อไว้บูชาด้วยเถิด
[/FONT]
[FONT=&quot]หากข้าพเจ้ามีบุญสัมพันธ์[FONT=&quot]กับหลวงพ่อ
[/FONT][/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]หลังจากนั้นไม่นานข้าพเจ้าก็ได้ข่าวจากญาติธรรมผู้หนึ่งว่า[/FONT]
[FONT=&quot]จะนำท่านมาให้บูชา[FONT=&quot]เป็นชานหมากและเส้นพระเกศาของหลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ
[/FONT][/FONT]
[FONT=&quot]ข้าพเจ้าได้ยินข่าวนั้นก็ปลาบปลื้มใจ[/FONT][FONT=&quot]ยิ่งนักว่าจะได้บูชาชานหมาก
และเส้นพระเกศาของท่าน[/FONT][FONT=&quot] ก่อนที่ท่านจะเสด็จมานั้น มีอยู่วันหนึ่งข้าพเจ้าได้ยินเสียง
เหมือนท่านมาปลุกให้ตื่น[/FONT] [FONT=&quot]ท่านบอกว่า [/FONT][FONT=&quot]“ ตื่นเถอะลูก ตื่นได้แล้ว ”
กระซิบอยู่ข้างหูของข้าพเจ้า
[/FONT]
[FONT=&quot]แล้วข้าพเจ้าก็สะดุ้งตื่น แล้ววันนั้นข้าพเจ้าก็ได้ชานหมากของ[/FONT]
[FONT=&quot]หลวงพ่อพระฤาษีลิงดำของท่านจำนวน ๓ องค์[/FONT][FONT=&quot]
พร้อมเส้นพระเกศาของท่าน ๑ เส้น[/FONT]
[FONT=&quot]
ต่อมาไม่นานก็มีญาติธรรมท่านอื่นส่งชานหมาก[/FONT][FONT=&quot]ของท่านมาให้อีก ๑ องค์
[/FONT][FONT=&quot]แต่ที่หน้าแปลกใจ คือ เมื่อข้าพเจ้าบรรจุท่านใส่ผอบเรียบร้อยแล้ว [/FONT]
[FONT=&quot]เมื่อไม่นานมานี้ ท่านก็เสด็จมาเองอีก ๑ องค์ รวมเป็น ๕ องค์
[/FONT][FONT=&quot]ข้าพเจ้าจึงเชื่อเรื่องนิมิตที่เกิดขึ้นว่า[/FONT][FONT=&quot]ต้องเป็นหลวงพ่อท่าน
[/FONT][FONT=&quot]มาโปรดสอนสั่งข้าพเจ้าในนิมิต และเชื่อในเรื่องของพระอรหันต์ [/FONT]
[FONT=&quot]ท่านสามารถเสด็จไปที่ไหนก็ได้ ท่านจะเสด็จไป
[/FONT][FONT=&quot]เมื่อใดก็ได้เหมือนดังชานหมากของท่าน[/FONT]
[FONT=&quot]ที่เสด็จมาเพิ่มกับข้าพเจ้าอีก ๑ องค์[/FONT] <fieldset class="fieldset"><legend>รูปขนาดเล็ก</legend>
</fieldset>

 

หลังจากนั้น ข้าพเจ้าจึงเกิดความเลื่อมใสใน
หลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ ต่อมาไม่นานก็มีญาติธรรม
ที่ไม่ได้เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ท่านนับถือสายสมเด็จองค์ปฐม
และหลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ มาสอนข้าพเจ้าฝึกสมาธิสายมโนยิทธิ
ทางโทรศัพท์พร้อมทั้งได้ส่ง พระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองค์ปฐม
มาให้บูชาข้าพเจ้า จึงคิดว่าไม่ใช่เรื่องบัญเอิญ เป็นเรื่องที่ได้
สืบต่อมานิิมิตหลวงพ่อ หลังจากนั้นข้าพเ้จ้าจึงเริ่มฝึกมโนยิทธิ
ตามแนวทางของหลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ
<fieldset class="fieldset"><legend>รูปขนาดเล็ก</legend>
</fieldset>

 

หลังจากหันมาปฏิบัติธรรมฝึกสมาธิ
ก็จะช่วยให้เรานิมิตล่วงหน้านิมิต
ถึงสิ่งศักดิ์มากขึ้น หากเราได้มาปฏิบัติ
เราถึงจะรู้ได้ด้วยตัวของเอง

[FONT=&quot]นิมิตน้ำพุทธมนต์[/FONT]

[FONT=&quot]เ[/FONT][FONT=&quot]หมือนตัวเองอยู่ในถ้ำบ้างในท่านั่งสมาธิบ้าง บางครั้งก็นิมิตเหมือนกับตัวเองได้
ไปที่เหมือนวัดหรือถ้ำสถานปฏิบัติธรรมแล้วไหว้พระพุทธรูป อยู่ดีก็นั่งสมาธิในท่าขัดสมาธิ
มีพลังงานคลื่นลูกใหญ่มาครอบคลุมตัวเอง ขยับตัวไม่ได้ ตัวเองเคลื่อนที่หมุนเป็นลูกข่าง
เป็นลักษณะวงกลม ในนิมิต[/FONT][FONT=&quot]ก็ไม่รู้ว่าที่เกิดขึ้น เพราะอะไรกันแน่ แต่จิตรู้ตัวเองว่า[/FONT]
[FONT=&quot]มีพลังงานควบคุมอยู่ หลังจากนั้นก็เห็นมีพระภิกษุสงฆ์ท่านเดินมาหา
[/FONT]
[FONT=&quot]และเฆี่ยนด้วยหวายอาคม ซักพักท่านก็นำน้ำมนต์มาให้เราดื่ม [/FONT]
[FONT=&quot]แล้วถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซักพักข้าพเจ้าก็หายจากพลังงานควบคุมนั้น
[/FONT]
[FONT=&quot]แล้วข้าพเจ้าก็สะดุ้งตื่น[/FONT][FONT=&quot]จากนิมิตนั้น[/FONT]

 

[FONT=&quot]นิมิตแห่งพระหัตถ์[/FONT]

[FONT=&quot]นิมิตต่อไปที่ข้าพเจ้าได้สัมผัส เหมือนกับได้ไปไหว้พระพุทธรูป ห่มผ้าจีวรองค์ผ้าพุทธรูป[/FONT]


[FONT=&quot]และทำบุญต่างๆ ในวัดนั้น ต่อมามีพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่ง ท่านก็มีอายุมากแล้ว
บอกให้ข้าพเจ้า[/FONT][FONT=&quot]ไปไหว้พระภิกษุสงฆ์อีกรูปหนึ่ง ในวัดที่อยู่โบสถ์ถัดไป
[/FONT]
[FONT=&quot]ข้าพเจ้าก็ทำตามแล้วเดินตามไป
[/FONT]

​

[FONT=&quot]ในนิมิตเห็นพระภิกษุรูปนั้นท่านงดงามมาก ดูเหมือนทรงเนื้อนาบุญ
[/FONT]
[FONT=&quot] ดูจากภายนอกอายุท่านก็ไม่มาก[/FONT][FONT=&quot]แต่ดูช่างงดงาม ควรแก่การกราบไหว้ท่าน[/FONT]
[FONT=&quot]และสักการะ ข้าพเจ้าจึงเกิดความเลื่อมใสในองค์ท่าน จึงก้มลงกราบ
[/FONT]
[FONT=&quot] ในนิมิตข้าพเจ้านึกได้ว่า ถ้าเราได้นั่งสมาธิกับผู้เป็นเนื้อนาบุญ
[/FONT]
[FONT=&quot]จะช่วยส่งเสริมให้เรามีบารมีตามท่าน ปฏิบัติสมาธิได้ดีขึ้น
[/FONT]
[FONT=&quot]ในนิมิตข้าพเจ้าจึงนั่งอยู่ตรงข้ามกับท่าน ข้าพเจ้าจึงหลับตา
[/FONT]
[FONT=&quot]นั่งสมาธิต่อหน้าท่าน ต่อมาอยู่ดีๆ ข้าพเจ้าก็มีพลังงานสูงเคลื่อนที่[/FONT]
[FONT=&quot]ลงมาสู่ร่างกายข้าพเจ้า
[/FONT]


[FONT=&quot]ข้าพเจ้าเหมือนถูกกระแสอะไรเดินเข้ามาภายในร่างกาย
[/FONT]
[FONT=&quot] พร้อมกันนั้นข้าพเจ้าขยับตัวไม่ได้ ลืมตาก็ไม่ขึ้น แต่จิตข้าพเจ้ายังรับรู้[/FONT]
[FONT=&quot]อยู่ในจิตข้าพเจ้าบอกว่า ข้าพเจ้าไม่ไหวแล้ว รับพลังงานคลื่นนั้น
[/FONT]
[FONT=&quot]ไม่ไหวแล้ว ซักพักข้าพเจ้า เหมือนมีความรู้สึกเหมือนมีใครมา
[/FONT]
[FONT=&quot]วางมือเหนือศีรษะของข้าพเจ้า และลูบถ่ายพลังงานเหนือศรีษะของข้าพเจ้า
[/FONT]
[FONT=&quot]ส่งผ่านบริเวณข้างสันจมูกข้างแก้มทั้งสองไหลผ่านลงสู่ [/FONT][FONT=&quot]ด้านล่างร่างกายของข้าพเจ้า
[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]หลังจากนั้นข้าพเจ้าจึงรู้สึก ดีขึ้น แล้วก็สะดุ้งตื่นจากนิมิตดังกล่าว [/FONT]
[FONT=&quot]แต่ความรู้สึกเหมือนมีใครมาสัมผัสเรานั้น ยังอยู่และดูเหมือนจริงมาก[/FONT]
[FONT=&quot]แต่ข้าพเจ้าก็ยังไม่สามารถ[/FONT][FONT=&quot]หาคำตอบได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร[/FONT]

 

[FONT=&quot]นิมิตหลวงปู่พระธรรมสิทธาจารย์
[/FONT]​

[FONT=&quot]( วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ )[/FONT]​

[FONT=&quot]ข้าพเจ้าได้นิมิตเหมือนไปวัด ที่ใดที่หนึ่งก็ไม่ทราบ เห็นในโบสถ์วัดมีการตั้งพิธีรูป[/FONT]
[FONT=&quot]พระภิกษุสงฆ์[/FONT][FONT=&quot]และดอกไม้ในโบสถ์ ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบว่ามาทำอะไรที่นี่เหมือนกัน
[/FONT]
[FONT=&quot] แล้วข้าพเจ้าก็สะดุ้งตื่นจากนิมิต[/FONT][FONT=&quot]สุด ท้ายข้าพเจ้า ได้มีโอกาสได้เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ และไปทำบุญกับญาติๆ ที่วัดพระสิงห์ วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ และได้เห็นภาพพระภิกษุสงฆ์รูปนั้นเหมือนในนิมิต มีดอกไม้ประดับประดาในโบสถ์ พร้อมที่บรรจุ[/FONT]
[FONT=&quot]พระศพของท่าน ได้มีพระภิกษุรูปหนึ่งท่านเป็นพระเลขา [/FONT][FONT=&quot]ท่านบอกกับข้าพเจ้าว่า[/FONT]


[FONT=&quot]“ ภาพภิกษุท่านนั้น คือ ท่านเจ้าอาวาส หลวงปู่พระธรรมสิทธาจารย์ [/FONT]
[FONT=&quot]( วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ ) ท่านมรณะภาพแล้ว
[/FONT]
[FONT=&quot]ยังไม่ได้ทำพิธี พระราชทานเพลิงศพ ต้องรอองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา
[/FONT]
[FONT=&quot]ท่านมาทำพิธีให้แก่ท่าน [/FONT][FONT=&quot]” ดังนั้นข้าพเจ้า จึงเข้าใจว่า นิมิตที่ข้าพเจ้าเห็นนั้น
[/FONT]
[FONT=&quot]คือ ท่านเจ้าอาวาส วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่นั่นเอง
[/FONT]


[FONT=&quot]ข้าพเจ้าจึงเชื่อว่า ถ้าปฏิบัติธรรมก็อาจจะนิมิตเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า
[/FONT]
[FONT=&quot]หรืออาจจะไปในที่ที่ยังไม่เคยไปมาก่อน จิตเราอาจจะไปสถานที่นั้นก่อนในนิมิต
[/FONT]
[FONT=&quot]และภายหลังก็อาจจะมีเหตุให้เราต้องไปในสถานที่นั้นในอนาคตก็ได้[/FONT] <fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend>
</fieldset>

 

ส่วนเรื่องเข้าเฝ้าพระพุทธองค์
ข้าพเจ้าก็เคยสมาธิจนจิตนิ่ง
กึ่งหลับกึ่งตื่นซักพักก็ปรากฏ
เป็นภาพเฉพาะพระพักตร์
เศียรของพระพุทธองค์
มองลงมามีแสงสว่างออร่า
ของพระพุทธองค์ส่องลงมา
พอข้าพเจ้าอธิษฐานจิต
ขอบารมีรับแสงทิพย์อริยทรัพย์
ของพระพุทธองค์มากขึ้น
ก็ปรากฏแสงเจิดจ้าจนข้าพเจ้า
ในนิมิตตาสู้แสงพระพุทธองค์ไม่ได้
พระองค์ทรงสว่างเหมือนพระอาทิตย์
ขึ้นสว่างเหมือนสิบสิบดวง
อุณหภูมิในร่างกายเริ่มค่อยสูงขึ้น
จนร้อนสุดท้ายข้าพเจ้าก็บอกพระองค์ว่า
พอแล้วลูกรับรู้ถึงพระองค์แล้ว
แต่ข้าพเจ้าไม่ได้เห็นพระองค์เต็มองค์
เห็นแต่พระเศียรพระองค์แต่องค์ใหญ่มาก <fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend>
</fieldset>

 

บางครั้งข้าพเจ้าก็ไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องต่างๆ
เหล่านี้นักว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เป็นเหตุการณ์
ที่เกิดขึ้นจริงกับตัวข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่า
ท่านผู้อ่านคิดว่าฟังดูเหมือนเรื่องโกหก
แต่มันก็เกิดขึ้นจริงจากการปฏิบัติ

ข้าพเจ้าเองก็ไม่แน่ใจในเรื่องต่างๆ
ที่เกิดขึ้นกับตนเองมากนัก
ที่รู้แน่ข้าพเจ้าก็มีวิบากมากมาย
ไม่ว่าเรื่องชีวิตคู่ ครอบครัว ญาติพี่น้อง
โดยเฉพาะเรื่องหน้าที่การงานไม่ประสพผลสำเร็จ
ขึ้นๆ ลงๆ ก็เลยหันมาปฏิบัติธรรมเหมือน
คนอื่นๆ ที่ต้องการพ้นทุกข์ จนกระทั่งได้ยินเสียงจาก
เบื้องบนให้เราสร้างบารมี ทั้งๆที่ข้าพเจ้ามีความทุกข์
เช่นกัน แต่คิดว่าต้องทำเพราะ เสียงนั้นสั่งเราลงมา
จากเบื้องบนก้องกันวาลเป็นเสียงชายหนุ่ม
บอกว่าให้เราสร้างบารมี เราถามท่านว่า
ท่านเป็นผู้ใดท่านก็ไม่ยอมตอบ
แต่ด้วยเนื่องจากเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น
จึงต้องทำต่อข้าพเจ้า จึงได้เริ่มทำซีดีแจกจ่าย
เป็นธรรมทานเพื่อเป็นการสืบสานพระพุทธศาสนา
โดยนำความรู้จากการปฏิบัติด้วยตนเอง
พร้อมทั้งศึกษาเพิ่มเติมไปในตัวด้วย
ให้เกิดประโยชน์กับผู้อ่านสำหรับผู้ปฏิบัติมือใหม่
จะนำไปใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด
และอ้างอิงจากตำราครูบาอาจารย์ต่างๆได้
เนื่องจากข้าพเจ้าไม่มีทุนทรัพย์ในการสร้าง
โบสถ์วิหาร จึงได้ทำซีดีชุดนี้ออกมาแจกจ่าย
เป็นธรรมทาน " พุทธธรรมจากการปฏิบัติ " <fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend>
</fieldset>

 

เมื่อก่อนข้าพเจ้าก็เป็นแต่ผู้รับ มิได้เป็นผู้ให้
ได้รับพระผงจักรพรรดิ์จากญาติธรรมในพลังจิต
จนกระทั่งสวดพระคาถาพระบรมจักพรรดิ์ของหลวงปู่ดู่
และนำลูกแก้วของหลวงปู่มาช่วยในการฝึกสมาธิ
และแผ่เมตตาปรับภพภูมิให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย
แลอธิฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ทำ

จนกระทั่งวันหนึ่งข้าพเจ้าก็เริ่มสัมผัสได้ว่า
เวลาเราทำบุญมีอะไรใสๆ โปร่งแสงลอยเข้ามา
หาเราข้าพเจ้าเห็นเช่นนั้น ตอนแรกเป็นลักษณะกลม
เหมือนมีหางพุ่งเข้าหาเรา ข้าพเจ้าไม่ทราบว่า คือ สิ่งใด
แต่ที่รู้แน่ๆ ว่าเมื่อเราแผ่เมตตาออกไปให้พวกเขา
เขาก็มารับแล้ว ก็ลอยจากไป

 

ข้าพเจ้าเป็นคนไม่ค่อยสนใจเรื่องการเมือง

มีอยู่คืนหนึ่ง ข้าพเจ้าเคยฝันนิมิตถึงไปสถานที่แห่งหนึ่ง
เหมือนบริเวณวัด มีผู้คนมากมายอยู่ที่นั่น เห็นภาพ
คุณจตุรงค์ ฉายแสง ถือหนังสือขึ้นมาหนึ่งเล่ม
กำลังจะทำแจกให้คนที่มาในงาน สักพักข้าพเจ้า
ก็เห็นภาพปกหนังสือเป็น คุณ สมัคร หน้าพุ่งออกมา
จากหนังสือ ในนิมิตข้าพเจ้างงมาก แต่นึกได้ในจิต
คุณสมัครเพิ่งเสียชีวิตจากโรคของท่าน
ข้าพเจ้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องนิมิต
ถึงมวลชนในงานศพของคุณสมัคร

คิดว่าสงสัยตัวเองจะบ้า ปกติข้าพเจ้าอยู่เขตปริมณฑล
ไม่ค่อยได้เข้าเมือง จนกระทั่งวันหนึ่งได้เข้าเมือง
ยืนรอรถไฟฟ้าอยู่ก็เห็นภาพที่บอกเหมือนดวงจิต
กลมๆ มีหางลอยเต็มไปหมดบริเวณที่ยืนรอรถไฟฟ้า BTS
ข้าพเจ้าเหมือนมีความรู้สึกบางอย่างน่าจะเป็น
ดวงวิญญาณอะไรสักอย่าง หรืออาจจะเป็นผู้เสียชีวิตบริเวณนั้น

จึงอธิฐานจิตว่าหากท่านต้องการรับบุญกุศล
ขอได้โปรดจงรับบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติ
สิ่งที่ข้าพเจ้าเห็น น่าตกใจ เห็นเป็นดวงจิต
ข้าพเจ้ายืนอยู่ แต่ดวงจิตทุกดวงวิ่งพุ่งหาข้าพเจ้า
เป็นสายหลายสาย ข้าพเจ้าจึงแผ่เมตตาออกไป

เมื่อเขาทั้งหลายได้รับแล้วก็จึงจากไป
ข้าพเจ้าจึงคิดว่าสิ่งที่ข้าพเจ้านิมิต
เรื่องคุณ สมัคร การเมืองหน้าจะมาจาก
ให้ข้าพเจ้ามาแผ่เมตตา ณ สถานที่แห่งนั้น

แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าสัมผัสได้
เมื่อข้าพเจ้านั่งในรถไฟฟ้า
หลับตาสมาธินิมิตที่แห่งนั้น
เป็นแสงสีออร่าสีแดงเข้ม
ซึ่งข้าพเจ้าเคยศึกษาว่า
สีแดงเข้มของออร่า
คือ สีแห่งความเกียจชัง โกรธแค้น
ซึ่งข้าพเจ้าสัมผัสได้ ข้าพเจ้าคิดว่า
สิ่งเหล่านี้จึงเป็นที่มาจากการปฏิบัติ