เว็บพลังจิต โครงการเรารักศีล ๕

ขออนุโมทนา..ด้วยขอรับ...ในกิจที่ท่านทำไว้ดีแล้ว..ชอบแล้ว

ปกติเกล้าฯก็มีศีลห้าเป็นปกติ...อาจจะเศร้าหมองบ้าง...ด่างพร้อยบ้าง...ศีลแปดเกล้าฯก็รักษา..อาทิตย์ละหนึ่งวัน...คือเลือกทำในวันหยุดทำงาน...

วันนี้เกล้าฯได้ล่วงละเมิดศีลข้อที่หนึ่ง..ก่อเหตุสะเทือนขวัญ....คือเผลอกินมดไปหนึ่งฝูง......คือมองไม่เห็นว่ามดอยู่ในแก้ว..กว่าจะเห็นก็ลงท้องแล้ว.....
ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร...

ครั้นจะสำรอกออกก็พึ่งกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จใหม่ๆ

ได้แต่แผ่เมตตาให้....ผมผิดไปแล้ว

 

ดำรงวิถีชีวิต อุดมสติกุศล ระลึกอยู่ รู้เห็น เป็นไป ตามเหตุผล @ ปัจจัย

​

​

กราบมหาอนุโมทนาบุญ ทุก ๆ ท่าน ทุก ๆ ประการ
(แม้มิได้เอ่ยอ้างค่ะ)​

​

ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาท ผู้นั้น<WBR>ชื่อว่าเห็นธรรม
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้น ชื่อว่าเห็นปฏิจจสมุปบาท
(พระสุตตันตปิฎก เล่ม๖ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ ข้อ ๒๔๔ หน้า ๑๖๔)​

<O></O>
พระพุทธศาสนาสอนในหลักธรรมความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันว่า " สิ่งทั้งหลายทั้งปวงล้วนเกิดแต่เหตุปัจจัย " หรือ " ธรรม (สิ่งหรือผล)ใด ล้วนเกิดแต่เหตุ " อันเป็นเฉกเช่นเดียวกับหลักวิทยาศาสตร์ ที่เน้นเฉพาะถึงเหตุปัจจัยให้เกิดผล อันคือทุกข์และการดับไปแห่งทุกข์โดยตรงๆ แต่เพียงอย่างเดียว ดั่งมีพระพุทธพจน์ ตรัสสอนไว้ว่า​

เมื่อเหตุนี้มี ผลนี้จึงมี เพราะเหตุนี้เกิดขึ้น ผลนี้จึงเกิดขึ้น ​

เมื่อเหตุนี้ไม่มี ผลนี้จึงไม่มี เพราะเหตุนี้ดับ ผลนี้จึงดับ​

​

<O></O>

ดังนั้น ผู้ที่ต้องการดับทุกข์ จึงต้องกำหนดรู้เรื่องทุกข์และการดับทุกข์อย่างดี จึงจักดับทุกข์ได้ดี ฉันนั้น

<O></O>
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสอยู่เนืองๆ ว่า ท่านทรงสอนแต่เรื่องให้รู้จักทุกข์ ที่หมายถึง รู้เข้าใจและรู้เท่าทัน ก็เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการดับทุกข์เท่านั้น ดังนั้นคําสอนทั้งหลายของพระองค์จึงมุ่งหมายเป็นที่สุดอยู่ที่การดับทุกข์ คือ ทำให้จิตมีพลังปล่อยวางอารมณ์ที่เข้ามากระทบจิตภายใต้กรอบแห่งหลักพระธรรม ด้วยการรักษา กาย วาจา และใจ แล้วเกิด สุข สงบ สำรวม ศีลลมัย บริสุทธิ์


<O></O>
คำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายที่ได้ตรัสรู้ไปแล้วในอดีต หรือที่จะมาตรัสรู้ในอนาคตทั้งหลายอีกกี่พระองค์ก็ตาม ล้วนแล้วแต่มีคำสั่งสอน ให้ชำระจิตให้บริสุทธิ์ ทั้งสิ้น

ดังพระบาลีปรากฏในพระโอวาทปาฏิโมกข์ ว่า "อธิจิตฺเต จ อาโยโค เอตํ พุทฺธานสาสนํ "แปลว่า "การทำให้จิตมีธรรมอันยิ่ง เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย".


<O></O>
กราบอนุโมทนาที่มาข้อมูล เพื่อการศึกษารักษาศีลร่วมกันค่ะ :-<O></O>
๑) http://www.phuttawong.net/index.aspx?ContentID=ContentID-061206224905119<O></O>
๒) http://dhama9.exteen.com/20090516/entry
๓) http://nkgen.com/patitja1.htm

<O></O>
กราบอนุโมทนา ขอกุศลส่งบุญ :-
ภาพจิตรกรรมงาม ๆ ฝีมือ ท่านกาพย์แก้ว สุวรรณกูฏ (หนังสือมงคล ๓๘ มูลนิธิธรรมอิสระ)<O></O>

 

ขอเล่าประสบการณ์บ้างครับ

ข้อ ๑ ไม่ฆ่า ไม่เบียดเบียน คนและสัตว์

เจตนาฆ่าไม่มีแน่นอนครับ อาจจะมีที่ไม่เห็นบ้าง เผลอไปเหยียบอย่างเช่นมด

ล่าสุดเหมือนโดนทดสอบ มีแมงมุมเส้นผ่านศูนย์กลางเกือบเท่าน่องด้านข้าง มาเกาะที่ขาขวา

ตกใจ... ฟุ้งไปขนาดที่ว่า แมงมุมบ้านพิษแรงที่สุด แต่ว่าไม่มีจิตคิดจะฆ่า ก็ไม่รู้จะทำยังไง สุดท้ายมันก็ลงไปเอง

เรื่องยุงกัดก็กัดไป ถ้าทนไม่ไหว เอานิ้วไปใกล้ช้า ๆ มันก็บินไปเอง


ข้อ ๒ ไม่ลักทรัพย์

จะมีก็แต่... ขโมยเงินพ่อแม่มาทำบุญ ขโมยทุกเดือนครับ เพราะถวายสังฆทานทุกเดือน

ถ้าเป็นของชาวบ้านวางอยู่นี่ ไม่แตะครับ นอกจากเขาจะอนุญาตหรือไม่สนใจแล้ว และของที่ทิ้งตามถนน เช่นในวัด พวกแก้วน้ำ ก็จะหยิบไปใส่ลงถังขยะ

ที่กังวลอีกเรื่องคือ... โหลดโปรแกรม กับ เพลง ตามอินเตอร์เนต พอหาข้อมูลดูจริง ๆ

มีข้อยกเว้นในการละเมิดลิขสิทธิ์ ก็เลยหมดห่วงไป เพราะเจตนาทำเพื่อสงเคราะห์ พ่อแม่ พี่ น้อง อยู่แล้ว


ข้อ ๓ ไม่ผิดลูก ผิดเมีย คนในปกครองของคนอื่น ๆ

ยังชอบมองผู้หญิงอยู่ครับ เผลอคิดว่าเขาสวยอยู่เรื่อย ทั้ง ๆ ที่เต็มไปด้วยของสกปรกเมือนกัน

แต่เพื่อตัดปัญหาข้อนี้ไป ขออยู่เป็นโสดครับ หรือว่าคบเป็นเพื่อนแทน ถ้าวาระจะมีก็เข้าหาพ่อแม่ก่อนเลย


ข้อ ๔ ไม่พูดโกหก ( ไม่พูดให้คนแตกร้าวกัน ไม่พูดหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อ )

ถ้าจะมีกังวล...มีเรื่องเดียวคือยังเรียนไม่สำเร็จ เหลือโปรเจค ๒ ตัวสุดท้าย ยังไม่ได้เข้าไปหาอาจารย์ที่ปรึกษา ก็บอกพ่อแม่แค่ว่า เหลือตัวนี้ตัวเดียว ถ้าผ่านก็สำเร็จแล้ว

แต่เรื่องยังไม่ได้เข้าไปหาอาจารย์ที่ปรึกษา บอกว่าท่านพ่อท่านแม่แค่ว่า ยังไงก็ต้องเข้าไปหา เพราะไม่เจอ ไม่จบ ตอนนี้งานยังไม่เสร็จ ( กำลังพยายามทำงานให้เสร็จ )

เจตนาที่ทำให้คนทะเลาะกันนี่...ไม่มี

พูดหยาบคาย พยายามพูดตั้งแต่เด็กกับเพื่อนแล้ว ( เห็นเพื่อนมันพูดกัน )... แต่พูดไม่ได้

พูดเพ้อเจ้อ... ข้อนี้หลุดกระจายครับ พยายามนึกถึงนรกเข้าไว้ พูดมาก ๆ เข้าจะลงไปทัวร์นรกไม่รู้ตัว


ข้อ ๕ ไม่ดื่มสุรา เมรัย

ข้อนี้หนีมาตั้งแต่ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยแล้วครับ จะกินเข้าไปก็ตอนงานลาเพื่อนที่เรียนจบปริญญาตรีกัน ( ตอนนั้นไม่ได้สนใจเรื่องศีล ๕ )

ส่วนสังสรรค์ตอนเย็นไม่มีครับ ใครให้ช่วยทำงานเราช่วย ถ้าชวนไปนั่งเมาขอผ่านครับ

อีกเรื่องก็คือ... อาหารที่กินเข้าไป ไม่รู้ว่าบางอย่างผสมเหล้า เบียร์ หรือเปล่า ก็พยายามจะระวังให้มาก

---------------------------------------------------------------

ก่อนจะรักษาศีล เมื่อประมาณ ปีก่อน ๆ

ฆ่าสัตว์เกือบทุกวันโดยเฉพาะ มด
ขโมยเงินพ่อแม่ ไปเล่นเกมบ้าง ทำเรื่องแย่ ๆ บ้าง
ผิดลูกผิดเมียชาวบ้าน - เคยคบกับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ไม่คิดจะมีอะไรกัน
โกหกเก่งมาก
ปกติไม่กินเหล้า เบียร์ นอกจากโดนบังคับ

---------------------------------------------------------------

ขอแชร์ประสบการณ์ทั้งดีและเลว ระยำ แค่นี้นะครับ

ขอโมทนากับทุก ๆ ท่านที่ตั้งใจทำความดี

 

ธรรมะสวัสดีครับ

น้อมอนุโมทนา สาธุ กับคุณ pismai คุณปฐมฌาณ และคุณ vietnam สำหรับความมุ่งมั่นตั้งใจรักษาศีล๕ และขอบพระคุณที่นำประสบการณ์การรักษาศีล๕ มาเล่าแบ่งปันประสบการณ์เป็นธรรมทานแก่เพื่อนๆ ทุกท่านที่เข้าร่วมโครงการด้วยนะครับ

ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปนะครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

ขอเล่าประสบการณ์หลังเข้าร่วมโครงการ..เดือนที่สอง
ข้อที่1 ยังไม่ผ่านค่ะ ยังเผลอไปตบยุงบ้าง มดบ้าง ปลวกบ้าง บางทีก็ปลา นำมาทำอาหาร แต่ก็รู้ทันทุกครั้ง อุทิศบุญไปให้สัตว์เกือบทุกครั้ง(ที่ไม่รู้ก็ไม่ได้อุทิศ)พยายามถือศีลข้อ1ให้ได้ในวันพระและบอกคนในครอบครัวด้วย ข้อนี้จะพยายามต่อไปค่ะ
ข้อที่2 ได้เป็นปกติ แต่อาจจะไม่ได้100% เพราะบางทีก็ใช้ของหลวงทำเรื่องส่วนตัว แต่เจตนาเรื่องหยิบฉวยของคนอื่นมาเป็นของส่วนตัวไม่มี
ข้อที่3 ประพฤติได้เป็นปกติ บางทีใจอาจเผลอไปบ้างแต่ก็ตามทัน
ข้อที่4 ข้อนี้ทำได้ไม่ปกติ เพราะชอบพูดเล่นบ้าง เพ้อเจ้อบ้าง แต่ไม่โกหกใครให้เกิดเรื่อง
ข้อที่5 ข้อนี้ผ่าน ขนาดในฝันยังนึกได้ว่าตนเองถือศีล 5 อยู่

 

ศีล ... ดุจอาภรณ์ประดับจิต

​

ศีล ... ดุจอาภรณ์ประดับจิต​

ศีลนั้น ดุจเป็นพื้นแผ่นดินที่อุดม มงคลสมบูรณ์ เหมาะควรแก่การปลุกพันธุ์พืชธัญญาหารทั้งหลาย
... และเมื่อปลูกไปแล้ว จะต้องได้ดอก ได้ผล ตามที่ตั้งจิตปรารถนา และยิ่ง อย่างไม่มีประมาณ.​

สาระธรรมจากหนังสือ “รัตนสีลัง ศีล..ดุจอาภรณ์ประดับจิต”
พระอาจารย์อารยะวังโสภิกขุ เจ้าอาวาส วัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย อ.เมือง จ.ลำพูน ​

​

<O></O>​

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1227602/[/MUSIC]​

มหาอนุโมทนาส่งบุญเสียงอ่าน "มงคลชีวิต" โดย คุณนวพร สุปิงคลัด สถานีวิทยุสังฆทานธรรม FM ๙๘.๒๕ MHz​

มหาอนุโมทนา ภาพ และข้อมูล เพื่อการศึกษารักษาศีลร่วมกันค่ะ
๑)http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=6&t=22916&start=45
๒) http://training.pwa.co.th/Barticle/view.php?topic=19
๓) http://www.greencare.co.th/RATANASILANG/02.pdf​

 

ประสบการณ์การเข้าร่วมโครงการ..เดือนที่สามค่ะ
ข้อที่1 เดือนนี้ ทำสัตว์เล็กๆ เช่น มด ยุง และแมลงต่างๆ ตายไปหลายตัว
ข้อที่2 ได้เป็นปกติ
ข้อที่3 ได้เป็นปกติ
ข้อที่4 ข้อนี้น่าจะได้ประมาณ ๙๐ % แต่ที่ผิดไป ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีเลย
ข้อที่5 ได้เป็นปกติ

 

ธรรมะสวัสดีครับ

น้อมอนุโมทนา สาธุ กับคุณ sasuk และคุณติงติง สำหรับความมุ่งมั่นตั้งใจรักษาศีล๕ และขอบพระคุณที่นำประสบการณ์การรักษาศีล๕ มาเล่าแบ่งปันประสบการณ์เป็นธรรมทานแก่เพื่อนๆ ทุกท่านที่เข้าร่วมโครงการด้วยนะครับ

ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปนะครับ

 

Buddhism's Five Precepts

High Five for Buddha!​

From the earliest known texts on the matter, Buddhism has considered morality an important part of the practice, presented in the simplest form for lay Buddhists as the Five Precepts. In some of these texts, the Buddha is often seen advising against the breaking of the Five Precepts at the risk of future woes, not only in this life, but in lives to come. Indeed, willful acts that do not conform to these precepts are often said by the Buddha to lead to the hell realms. So, if we want to avoid being reborn into disadvantageous circumstances, as an animal, or in the torments of Yama's underworld, we'd better make clear what these precepts actually are:

1. To avoid killing sentient beings
2. To avoid stealing
3. To avoid sexual misconduct
4. To avoid lying
5. To avoid taking intoxicants

ขอเรียนเชิญเพื่อนๆ ทุกท่านที่เข้าร่วมโครงการเรารักศีล๕ มาเล่าประสบการณ์การรักษาศีล๕ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ว่าใน ๓ เดือนที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง เป็นธรรมทานแก่ท่านอื่นๆ ที่เข้าร่วมโครงการด้วยกันนะครับ นอกจากเราจะได้อานิสงค์แห่งการรักษาศีล๕ แล้ว เรายังจะได้อานิสงค์ของการให้ธรรมะเป็นทาน อีกหนึ่งกุศลผลบุญที่ยิ่งใหญ่นะครับ

...........................................................
​

ขอบพระคุณที่มาจาก : http://buddhaspace.blogspot.com/2010/02/buddhisms-five-precepts.html​

 

ประสบการณ์ในการเข้าร่วมตั้งใจปฏิบัติ รักษาศีล 5
ศีลข้อ 1 เดี๋ยวนี้เริ่มทำใจเกี่ยวกับยุงและมด ที่มีอยู่โดยถือว่าต่างคนต่างอยู่ มองเห็นมดก็สักแต่ว่าดู ถ้ามดขึ้นอาหารก็เอามาเคาะไล่ออกไป ในส่วนของยุงตอนนี้ยุงมาตอม ก็คอยปัดเฉยๆ ไม่ใช้แผ่นยากันยุงทั้งแบบขด แบบไฟฟ้า ก็พบว่าไม่ค่อยเจอยุงเข้ามารุมกัดเหมือนเมื่อก่อน เลยผิดศีลน้อยลงกว่าเมื่อก่อน
ศีลข้อ 2 ทำได้ปกติ
ศีลข้อ 3 ทำได้ปกติ
ศีลข้อ 4 เริ่มลดการพูดกล่าวถึงบุคคลอื่นมากขึ้น จะพูดก็เฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์ ใจเลยสงบมากขึ้น
ศีลข้อ 5 ทำได้ปกติ
การตั้งใจรักษาศีล ทำให้ก่อนทำอะไร ทำให้เริ่มมีสติในการคิดก่อนทำมากกว่าขึ้นเมื่อก่อน เพราะเป็นการเตือนตนเองก่อนเสมอว่าสิ่งที่ทำนั้นจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรือเปล่า แต่ในตอนนี้ก็มีบางครั้งที่อาจจะเผลอ เช่นมดขึ้นอาหาร บางครั้งก็อาจลืมโดยเปลี่ยนถ่ายอาหารและล้างจานที่มีมด พอทำแล้วก็นึกได้ว่าเป็นการทำความเดือดร้อนให้มดไปแล้วโดยไม่ตั้งใจ เลยเป็นสิ่งที่ต้องฝึกสติตนเองให้มากขึ้น

 

ศีล..ของเกล้าฯ
ข้อหนึ่ง...ก็ไม่ฆ่าสัตว์..ขอรับ..ไม่ได้ฆ่าโดยเจตนา..ขอรับ..ส่วนใหญ่จะเป็นกระทำโดยประมาทจนเป็นเหตุให้มดถึงแก่ความตาย....
ข้อสอง..ลักทรัพย์..ไม่ได้ลัก.ทรัพย์..ขอรับ
ข้อสาม..กาเม..ประพฤติผิดในกาม...ไม่ได้แย่งเมียชาวบ้านใคร..อยู่แล้ว
ข้อสี่..มุสา...ผิดในส่วนชอบพูดเพ้อเจ้อ..บ้างเป็นบางครั้ง..
ข้อห้า..ห้ามดื่มสุราและของมึนเมา.

..ปกติก็ไม่นิยมดื่มสุรา..


แต่มีเพื่อนเอายาสมุนไพรล้างสารพิษมะเร็ง..จำพวกรางจืดผสมลูกยอ..มาให้ดื่ม..

.แต่ตัวยามีส่วนเจือสุราอยู่นิดหน่อย.

.เป็นของวัดแห่งหนึ่งเขตชัยภูมิ..

เกล้าฯก็เอามารักษาบำบัดตัวเอง...
..เพราะเป็นผู้นิยมกินผัก..เกรงผักที่กินไปหลายปี..จะมีสารเคมีเจืออยู่....

..ด้วยจิตที่พิจารณาโดย.โยนิโสมนสิการ....ก่อนใช้เภสัช.

.เกล้าฯคิดเองว่าคงไม่ต้องด้วย..การผิดศีลข้อนี้..ขอรับ

 

ศีลสังวร คือ เจตนาสำรวมระวังรักษา กาย วาจา ใจ

​

" ศีลสังวร " คือ เจตนาสำรวมระวังรักษา กาย วาจา ใจ​

การ สำรวม นั่นแหละ คือ “ศีล” .... “ศีล” คือ เจตนาที่จะสำรวมระวัง ... แล้ว “ศีล” ของเราจะบริสุทธิ์สะอาด เพราะความมี “สติสังวร” ระวังอยู่
<O></O>
“สมาธิ” ภาวนาแก้ปัญหาใจที่ เราแก้ไขปัญหาจิตใจของเราไม่ได้อยู่นี้ เพราะเราไม่รู้จักตัวของเราเอง
<O></O>
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราจึงควรจะศึกษาให้ “รู้จักตนของตน” วิธีที่จะศึกษาปฏิบัติให้รู้ตนของตน ก็ไม่หนีไปจากหลักของการทำ “สมาธิ”
<O></O>
ในเมื่อฝึกสมาธิ จิตสงบเป็นสมาธิ ได้ “สติสัมปชัญญะ” ได้ความรู้สึกสำนึกผิดชอบชั่วดี แต่ถ้าสมาธิมันมีพลังงานแล้ว มันทำให้เกิด "ปัญญา"
<O></O>
สามารถแก้ไขปัญหาจิตใจของตนเองได้ดีใช้ แก้ปัญหาชีวิตและสังคม การทำสมาธิเช่นอย่างเราจะไปเข้าห้องกรรมฐาน ไม่เอาไหนเลย ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งใดเลย อันนั้นมันก็ไม่ดี เพราะเราทิ้งการทิ้งงานส่วนอื่น การทำสมาธินี่เรามุ่งหวังให้เรามีพลังจิต มีสติ
<O></O>
“สัมปชัญญะ” ต่อสู้กับการงานที่เรารับผิดชอบอยู่ สามารถที่จะแก้ปัญหา ในชีวิตประจำวันได้ สามารถที่จะแก้ไขปัญหาสังคมได้
<O></O>
ไม่ใช่ทำสมาธิแล้วไปหลับหูหลับตาไม่เอาไหน แบบนั้นไม่ถูกต้องแน่ ทำสมาธิเป็นแล้วต้องสนใจการงาน สนใจในหมู่คณะ สนใจการการรับผิดชอบ สนใจในทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในโลกนี้ เป็น “ สภาวธรรม”
<O></O>

พระราช สังวรญาณ (พุธ ฐานิโย)
วัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา​

กราบมหาอนุโมทนาที่มาข้อมูลจาก วัดป่าโนนวิเวก www.watpanonvivek.com<O></O>

 

ปลูกผักต้องฆ่าแมลง วิจัยงานต้องฆ่าสัตว์ บาปหรือไม่​

โดย

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย​

เราสอนให้เขารู้จักทำ แต่เราไม่ได้สอนให้เขาฆ่า ถ้าเกี่ยวกับการใช้ยาอะไรต่างๆ นี่ เราเพียงแต่แนะนำว่าสิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่ป้องกันอันตรายที่เกิดจากวัชพืชที่พวกคุณทำขึ้น เพียงแค่นั้น <o></o>
<o></o>
เหมือนๆ กับพระเป็นโรคพยาธิในลำไส้ ถ้าพระบอกว่าไปซื้อยามากินฆ่าพยาธิในลำไส้ พระต้องอาบัติปาจิตตีย์เพราะฆ่าสัตว์ แต่ถ้าคิดว่าหายามาฉันเพื่อบำบัดโรคภัยไข้เจ็บ พระไม่เป็นอาบัติ นี่เราพิจารณาเอาอย่างนี้

เจตะนาหัง ภิกขะเว กัมมัง วะทามิ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่าเจตนาเป็นกรรม

<o></o>​

ผู้ที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต <o></o>
๑. รู้ว่าสัตว์มีชีวิต <o></o>
๒. ความพยายามที่จะฆ่า <o></o>
๓. การฆ่า <o></o>
๔. สัตว์ตายด้วยการฆ่าโดยเจตนา จึงจะสำเร็จเป็นปาณาติบาต


พวกนักวิจัย ทำการอะไรที่เกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บ เอากระต่ายบ้าง หนูบ้าง กบบ้าง เอามาผ่ามาวิจัยกัน เขามาถามว่าบาปไหม บาป! เพราะเราฆ่าสัตว์ มันก็บาป แต่ถ้ากลัวบาป เวลาทำไป ก็ทำเฉพาะสิ่งที่เราจำเป็นต้องทำในหน้าที่ นอกเหนือไปกว่านั้นเราอย่าไปทำ สัตว์ที่เราฆ่าเพื่อวิจัยหาข้อมูลต่างๆ

“ ถ้ากลัวบาปก็สวดมนต์ภาวนาอุทิศส่วนกุศลให้มัน ”​

กราบมหาอนุโมทนาที่มาข้อมูล เพื่อการศึกษารักษาศีลร่วมกันค่ะ<o></o>
"นักวิจัยถามหลวงพ่อพุธ" : ��ǧ��;ظ �ҹ���<o></o>

 

ตอนนี้ที่ต้องระวังมากที่สุดเห็นจะมีเรื่อง พูดเพ้อเจ้อ ละครับ
แต่ว่ายังไม่ดีพอครับ เช่นศีลข้อ ๑ เพราะในฝัน ยังเผลอไปทำร้ายเขาอยู่
ถ้าในฝัน ไม่ตอบโต้ ให้อภัย สำหรับผมถือว่าผ่านครับ

แต่ว่ามาจับจุดได้จุดหนึ่งคือ รักษาที่ใจเราดี่ที่สุด
เพราะใจชั่ว มันสั่งให้กายทำชั่ว วาจาทำชั่ว ( ขอบคุณหลวงพ่อที่เมตตาสั่งสอนครับ )


เพิ่มเติมครับ รักษาศีลอย่างเดียว ความรู้สึก รู้สึกแห้ง ๆ
ต้องใส่พรหมวิหาร ๔ ด้วยครับ จะได้นั่งยิ้มได้ทั้งวัน... (ผมไม่ได้บ้านะ)ครับ

จบรายงานสถานการณ์...

 

เมื่อก่อนทำไม่ได้ ตอนนี้ทำได้แล้วครับ ศีล 5
ส่วนข้อ 4 อาจไม่ผิดศีล แต่บางครั้งผิดธรรมไปบ้างครับ
เพื่อนเยอะ บางทีก็เพ้อเจ้อไปบ้างครับ

โมทนากับเพื่อน ๆ ด้วยครับ
มีศีล 5 แล้วพาสบายจริง ๆ (^_^)

 

ขออนุโมทนาในบุญที่เกิดจากการรักษาศีล ของทุกๆ ท่านด้วยนะคะ

ได้ลงชื่อเข้าโครงการไว้เช่นกันค่ะ
ก่อนหน้าที่จะเข้าโครงการ ก็พยายามรักษาศีล 5 ให้เป็นปกติอยู่แล้ว แต่ก็ขาดตกบกพร่องไปบ้าง

ในช่วงที่เข้าโครงการนี้ ก็ยังคงรักษาศีล 5 เช่นเดิมค่ะ
ศีลข้อ 1 รักษายากมากค่ะ เพราะที่บ้านมีมดเยอะ แค่ปัดๆ กวาดๆ ก็ตายแล้วค่ะ เพราะเค้าตัวเล็กมาก แต่ในใจก็คิดว่า เราไม่ได้มีเจตนาจะฆ่า ถึงแม้จะรู้ว่าทำความสะอาดแล้วเค้าจะตาย แต่เราก็เลี่ยงไม่ได้ ก็พยายามระวังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ
และก็ได้ช่วยเหลือชีวิตสัตว์ โดยการไปซื้อปลาที่ตลาดสดไปปล่อยในแม่น้ำของวัดค่ะ

ศีลข้อ 2 ข้อนี้น่าจะรักษาได้นะคะ ยกเว้นบางทีไปกินอะไรที่บ้านญาติแล้วไม่ได้บอกเค้า (ไม่แน่ใจว่าผิดหรือป่าว)

ศีลข้อ 3 ข้อนี้รักษาได้เป็นปกติอยู่ีแล้วค่ะ
แต่ยังมีข้อสงสัยคือ การถูกเนื้อต้องตัวเช่นการจับมือแสดงความยินดีในวงการธุรกิจต่อหน้าคนอื่น แต่ว่าทั้งสองคนต่างก็รู้ว่ามีใจให้กัน จะเป็นการละเมิดศีล หรือป่่าว

ศีลข้อ 4 มีการละเมิดบ้างเล็กน้อย เพราะบางทีการทำงาน เราไม่สามารถจะพูดตรงๆ ได้
และบางครั้งมีการทะเลาะกัน เกิดโทสะทำให้พูดไม่เพราะไปบ้าง ตั้งใจว่าต่อไปจะต้องสำรวมและระวังให้มากกว่านี้

ศีลข้อ 5 ข้อนี้รักษาได้เป็นปกติ และไม่ยินดีให้คนอื่นละเมิดมานานแล้วค่ะ
แต่เมื่อเดืิอนที่แล้ว มีอยู่วันนึงไปกับเพื่อน เผลอทำผิดไป เข้าขั้นเมา รู้สึกแย่ ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ทำอีก

 

อาจมีพลาดพลั้งทำให้ด่างพล้อยบ้าง แต่ทุกครั้งก็จะกลับมาตั้งใจด้วยความมุ่งมั่น และมีสติยิ่งขึ้นกว่าเดิมครับ

 

ช่วงเวลาตั้งแต่ได้เริ่มโครงการมากก็รักษาได้เสียเป็นส่วนใหญ่ครับ ระมัดระวังคำพูดมากขึ้น ศีลห้าอยู่ครบแทบจะทุกวันแต่ก็อาจจะมีด่างพร้อยไปบ้าง แต่ก็สมานศีลก่อนนอนแทบจะทุกวันครับ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วไม่สบายใจในศีลข้อหนึ่งมากๆเนื่องจากการเรียนต้องเรียนกับสัตว์ทดลอง แต่สุดท้ายสัตว์ทดลองทั้งหมดต้องถูกฆ่าแม้เราไม่ได้ฆ่าเองแต่ก็ไม่สบายใจ แต่ก็พยายามรักษาศีลห้าเป็นประจำทุกวันครับ นอกจากจะบันทึกว่ารักษาศีลครบถ้วนไหมก็มีการบันทึกเหตุการณ์ที่เป็นบุญเป็นกุศลด้วยครับ เช่นการทำทานเป็นต้น

 

ตั้งแต่เริ่มโครงการมาก็ตั้งใจสำรวมระวังมาตลอดครับ

ข้อ 1 นี่ก็มีแต่แบบไม่ได้เจตนา เนื่องจากฝนตกแล้วมดขึ้นมาอยู่ที่ห้องเยอะมาก ก็ต้องพยายามอยู่กันอย่างสันติ
ข้อ 2-3 นี่ไม่มีด่างพร้อยแน่นอน
ข้อ 4 นี่ด่างพร้อยเกือบทุกวัน ไม่ได้โกหกใคร ไม่ได้เอาประโยชน์ใส่ตัว แต่นิสัยปากหมานี่ยังแก้ไม่หายซักที แล้วก็เรื่องสัญญาที่บางครั้งยังทำไม่ได้ตามที่พูด
ข้อ 5 นี่ไม่พลาดครับ

อนุโมทนากับทุกความตั้งใจของทุกท่านด้วยนะครับ ^^

 

สวัสดีค่ะเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เข้ามารายงานความคืบหน้าปฎิบัติการรักษาศีลห้าค่ะ หลังจากหายไปสองเดือนกว่า ๆ แหะ ๆ (แต่ยังพยายามรักษาอยู่ตลอดค่ะ:VO)

บุญที่ได้ทำเป็นปกติทุกวัน (ยกเว้นถ้าออกต่างจังหวัด) คือ
- เอาข้าวสารวางไว้ที่ระเบียงห้อง แล้วจะมีนกกระจอก นกเขา ตามธรรมชาติมากินทุกเช้า
- ใส่บาตร และบูชาดอกไม้ และพวงมาลัยหน้าพระทุกวันพระ
เอาบุญมาฝากค่ะ

สำหรับการรักษาศีลห้า ขอรายงานรวบ ๒ เดือนคือในเดือนเมษายน และเดือนพฤษภาคม(๖ เมษายน ๒๕๕๔ ถึง ๕ มิถุนายน ๒๕๕๔) พิจารณาเป็นข้อ ๆ ดังนี้ค่ะ
ศีลข้อ ๑ ห้ามฆ่าสัตว์---โดยตั้งใจไม่มี แต่โดยไม่ตั้งใจมีบ้าง เป็นสัตว์เล็กพวกมด และแมลงเล็ก ๆ เช่น เดินเหยียบ จึงถึือว่าศีลเศร้าหมอง
: ข้อดีของการรักษาศีลข้อนี้คือ ทำให้มีสติ และระมัดระวังมากขึ้น และใส่ใจในเพื่อนร่วมโลกตัวเล็ก ๆ มากขึ้น เช่นเช้า ๆ เดินไปทำงาน ก็จะระมัดระวังว่าจะไปเยียบตัวทาก หรือสัตว์เล็กสัตว์น้อยบนพื้นถนน มีสติกับการเดินมากขึ้น

ศีลข้อ ๒ ห้ามลักทรัพย์---ถือว่ายังเศร้าหมองอยู่ เพราะจะชอบจิ๊กของใช้สำนักงาน บางทีจากฝ่ายอื่น เอามาทำงานก่อน แล้วบอกทีหลัีง (ใจร้อนอยากให้งานเสร็จไว ต้องปรับปรุงเรื่องใจร้อนด้วย) ซึ่งไม่ควรทำ แต่เรื่องตั้งใจลักขโมยของ ไม่มีเจ้าค่ะ

ศีลข้อ ๓ ห้ามประพฤติผิดในกาม--- รักษาได้เป็นปกติเจ้าค่ะ

ศีลข้อ ๔ ห้ามพูดโกหก---ถือว่าเศร้าหมองอยู่ ยังเมาท์อยู่แต่น้อยลง และพยายามดูตัวเองมากขึ้น แก้ไขที่ตัวเองมากกว่าเดิม

ศีลข้อ ๕ ห้ามดื่มเครื่องดองของเมา --- รักษาได้เป็นปกติค่ะ

โดยรวมแล้วประเมินตัวเอง รักษาศีลได้ ๗๕ เปอร์เซ็นต์ ค่ะสำหรับเดือนเมษายน และเดือน พฤษภาคม ๒๕๕๔ เดือนที่สองและสาม ของการรักษาศีล ๕

เจอกันวันที่ ๕ กรกฎาคม นะคะสำหรับความคืบหน้ารักษาศีลห้าประจำเดือนมิถุนายน

anukzer ขออนุโมทนากับทุกท่านที่พร้อมใจรักษาศีล๕ และขอให้กุศลผลบุญที่ทุก ๆ ท่านตั้งใจรักษาศีลห้า ขอให้ทุกท่านรวมถึงบุคคลที่รักรอบข้างรอดพ้นจากภัยพิบัติทั้งปวง และมีความเจริญในธรรมยิ่ง ๆขึ้นไปค่ะ
สาธุ..